วัดอินทขีลสะดือเมือง เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ใน อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ มีเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่เศษ
วัดอินทขีลสะดือเมือง | |
---|---|
ชื่อสามัญ | วัดอินทขีลสะดือเมือง, วัดอินทขีล, วัดสะดือเมือง, วัดอินทขิน, วัดอินทขิล |
ที่ตั้ง | อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ |
ประเภท | วัดราษฎร์ |
นิกาย | มหานิกาย |
ส่วนหนึ่งของ |
ประวัติ
วัดอินทขีลสะดือเมือง หรือ วัดสะดือเมือง หรือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่าชื่อ วัดอินทขิน เดิมเป็นวัดร้างเพิ่งตั้งเป็นวัดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2550 แต่เดิมเป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยพญามังรายเพื่อเป็นที่ประดิษฐานของหรือเสาอินทขีล พญามังรายได้สร้างเมืองเชียงใหม่ที่นี่เมื่อ พ.ศ. 1835 โดยก่อนหน้านั้นพญามังรายได้มาสำรวจพื้นที่บริเวณเมืองนพบุรีร้าง ได้พบซากเสาอินทขิลและรูปกุมภัณฑ์ ณ ที่กลางเมืองนั้น จึงมีบัญชาให้เสนาชื่อ สรีกรชัย แต่งเครื่องบรรณาการไปหาพญาลัวะบนดอยสุเทพ จึงแนะนำว่า หากเจ้าพญามังรายจะสร้างเมืองขึ้นใหม่ ให้อยู่เย็นเป็นสุขก็ให้บูชากุมภัณฑ์และเสาอินทขิล จนเมื่อพระองค์ได้สร้างเมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่แล้ว จึงโปรดให้ยกรูปกุมภัณฑ์และเสาอินทขิล ที่ประดิษฐานในบริเวณสะดือเมืองขึ้นมาเพื่อให้คนสักการะกราบไหว้ตามคำแนะนำของพญาลัวะ
ต่อมาได้สร้างวัดอินทขีล แต่เนื่องจากอยู่บริเวณสะดือเมือง ชาวบ้านจึงเรียกว่า "วัดสะดือเมือง" จนได้กลายเป็นวัดร้างในสมัยที่พม่าเข้าปกครอง เมื่อพระเจ้ากาวิละได้ขับไล่พม่าได้แล้ว จึงได้ฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่ ได้ย้ายเสาอินทขิลจากวัดอินทขีลมาประดิษฐานอยู่ ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร พร้อมกับบูรณะฟื้นฟูวัดอินทขีล โดยได้สร้างวิหารคล่อมฐานเดิม อัญเชิญพระอุ่นเมือง (หลวงพ่อขาว) มาประดิษฐานเป็นพระประธานในวิหาร
จากเอกสารสำรวจวัดในสมัยครูบาปัญญา เจ้าอาวาสวัดหัวข่วง พ.ศ. 2425 ยังปรากฏชื่อวัดอินทขีลอยู่ สันนิษฐานว่าวัดอินทขิลได้กลายเป็นวัดร้างในสมัยพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 7 (พ.ศ. 2416–2439) ปัจจุบันได้รับการยกเป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาแล้ว
โบราณสถาน
ปรากฏหลักฐานเจดีย์ประธานทรงระฆัง วิหารหลวงพ่อขาว และเจดีย์รายทรงมณฑป 8 เหลี่ยม (ในกำแพงรั้วหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่)
เจดีย์ประธานทรงระฆังเป็นเจดีย์ศิลปะพื้นเมืองล้านนา น่าจะเป็นเจดีย์ในยุคต้น ๆ ของเชียงใหม่ ราวพุทธศตวรรษที่ 20 อย่างไรก็ตาม เจดีย์องค์นี้ยังสร้างพอกทับเจดีย์อีกองค์หนึ่ง เป็นเจดีย์ทรงปราสาท ซึ่งยังเห็นซุ้มจระนำประดิษฐานพระพุทธรูปในอิริยาบถยืน ทิศตะวันออกใกล้กันเป็นวิหารหลวงพ่อขาว
เจดีย์รายทรงปราสาทแปดเหลี่ยม มีอายุอยู่ในระยะพุทธศตวรรษที่ 20 น่าจะได้รับอิทธิพลจากเจดีย์กู่กุดในศิลปะหริภุญชัยและยังส่งอิทธิพลต่อกลุ่มเจดีย์แบบเจดีย์ป่อง คือ เจดีย์ เจดีย์เก่าวัดพวกหงษ์ และเจดีย์ป่องวัดเชียงโฉม
วิหารของพระเจ้าอุ่นเมือง คงสร้างขึ้นคร่อมฐานเดิมพร้อม ๆ กับการสร้างเจดีย์องค์นอกที่ห่อหุ้มองค์ในประมาณ พ.ศ. 2380 สมัยของพระเจ้ากาวิละ ลักษณะเป็นวิหารโถง ผังเดิมเป็นแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยมีหลวงพ่อขาวประดิษฐานเป็นพระประธานหันหน้าไปทางทิศตะวันออก
อ้างอิง
- "วัดอินทขิน". สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.
- "วัดอินทขีลสะดือเมือง กราบไหว้หลวงพ่อขาว อายุกว่า 700 ปี". เชียงใหม่นิวส์.
- "วัดอินทขีล". มิวเซียมไทยแลนด์.
- "วัดสะดือเมือง". สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
wdxinthkhilsaduxemuxng epnwdrasdrsngkdkhnasngkhfaymhanikay tngxyuin xaephxemuxngechiyngihm cnghwdechiyngihm mienuxthipraman 3 iresswdxinthkhilsaduxemuxngchuxsamywdxinthkhilsaduxemuxng wdxinthkhil wdsaduxemuxng wdxinthkhin wdxinthkhilthitngxaephxemuxngechiyngihm cnghwdechiyngihmpraephthwdrasdrnikaymhanikayswnhnungkhxngsaranukrmphraphuththsasnaprawtiwdxinthkhilsaduxemuxng hrux wdsaduxemuxng hruxsanknganphraphuththsasnaaehngchatirabuwachux wdxinthkhin edimepnwdrangephingtngepnwdemuxwnthi 22 minakhm ph s 2550 aetedimepnwdthisrangkhuninsmyphyamngrayephuxepnthipradisthankhxnghruxesaxinthkhil phyamngrayidsrangemuxngechiyngihmthiniemux ph s 1835 odykxnhnannphyamngrayidmasarwcphunthibriewnemuxngnphburirang idphbsakesaxinthkhilaelarupkumphnth n thiklangemuxngnn cungmibychaihesnachux srikrchy aetngekhruxngbrrnakariphaphyalwabndxysuethph cungaenanawa hakecaphyamngraycasrangemuxngkhunihm ihxyueynepnsukhkihbuchakumphnthaelaesaxinthkhil cnemuxphraxngkhidsrangemuxngnphburisrinkhrphingkhechiyngihmaelw cungoprdihykrupkumphnthaelaesaxinthkhil thipradisthaninbriewnsaduxemuxngkhunmaephuxihkhnskkarakrabihwtamkhaaenanakhxngphyalwa txmaidsrangwdxinthkhil aetenuxngcakxyubriewnsaduxemuxng chawbancungeriykwa wdsaduxemuxng cnidklayepnwdranginsmythiphmaekhapkkhrxng emuxphraecakawilaidkhbilphmaidaelw cungidfunfuemuxngechiyngihm idyayesaxinthkhilcakwdxinthkhilmapradisthanxyu n wdecdiyhlwngwrwihar phrxmkbburnafunfuwdxinthkhil odyidsrangwiharkhlxmthanedim xyechiyphraxunemuxng hlwngphxkhaw mapradisthanepnphraprathaninwihar cakexksarsarwcwdinsmykhrubapyya ecaxawaswdhwkhwng ph s 2425 yngpraktchuxwdxinthkhilxyu snnisthanwawdxinthkhilidklayepnwdranginsmyphraecaxinthwichyannth ecaphukhrxngnkhrechiyngihmxngkhthi 7 ph s 2416 2439 pccubnidrbkarykepnwdthimiphrasngkhcaphrrsaaelwobransthanprakthlkthanecdiyprathanthrngrakhng wiharhlwngphxkhaw aelaecdiyraythrngmnthp 8 ehliym inkaaephngrwhxsilpwthnthrrmemuxngechiyngihm ecdiyprathanthrngrakhngepnecdiysilpaphunemuxnglanna nacaepnecdiyinyukhtn khxngechiyngihm rawphuththstwrrsthi 20 xyangirktam ecdiyxngkhniyngsrangphxkthbecdiyxikxngkhhnung epnecdiythrngprasath sungyngehnsumcranapradisthanphraphuththrupinxiriyabthyun thistawnxxkiklknepnwiharhlwngphxkhaw ecdiyraythrngprasathaepdehliym mixayuxyuinrayaphuththstwrrsthi 20 nacaidrbxiththiphlcakecdiykukudinsilpahriphuychyaelayngsngxiththiphltxklumecdiyaebbecdiypxng khux ecdiy ecdiyekawdphwkhngs aelaecdiypxngwdechiyngochm wiharkhxngphraecaxunemuxng khngsrangkhunkhrxmthanedimphrxm kbkarsrangecdiyxngkhnxkthihxhumxngkhinpraman ph s 2380 smykhxngphraecakawila lksnaepnwiharothng phngedimepnaebbsiehliymphunpha odymihlwngphxkhawpradisthanepnphraprathanhnhnaipthangthistawnxxkxangxing wdxinthkhin sanknganphraphuththsasnaaehngchati wdxinthkhilsaduxemuxng krabihwhlwngphxkhaw xayukwa 700 pi echiyngihmniws wdxinthkhil miwesiymithyaelnd wdsaduxemuxng sanksilpakrthi 7 echiyngihm wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb wdxinthkhilsaduxemuxng