13°46′2″N 100°28′23″E / 13.76722°N 100.47306°E
วัดศรีสุดารามวรมหาวิหาร | |
---|---|
วัดศรีสุดารามวรมหาวิหาร | |
ชื่อสามัญ | วัดศรีสุดารามวรมหาวิหาร |
ที่ตั้ง | เลขที่ 83 ซอยบางขุนนนท์ 6 ถนนบางขุนนนท์ แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 10700 |
ประเภท | วัดฝ่ายคามวาสี |
นิกาย | เถรวาท มหานิกาย |
เจ้าอาวาส | พระธรรมวชิรคุณาธาร (โกศล มหาวีโร) |
ส่วนหนึ่งของ |
วัดศรีสุดาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ริมคลองบางกอกน้อยฝั่งตะวันตก แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เดิมมีชื่อว่า "วัดชีปะขาว" หรือ "วัดชีผ้าขาว" สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นราวสมัยกรุงศรีอยุธยา
อาณาเขตบางกอกน้อย
- ทิศเหนือ ติดต่อกับคลองวัดศรีสุดาราม
- ทิศใต้ ติดต่อกับคูสาธารณประโยชน์
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับคลองบางกอกน้อย
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับที่เอกชน
ประวัติ
สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 27 แห่งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีขึ้นครองสิริราชสมบัติปี พ.ศ. 2199 แห่งราชวงศ์ปราสาททอง ในปี พ.ศ. 2229 ได้ส่ง พระวิสุทธสุนทร ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ได้ไปเป็นราชทูตเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับฝรั่งเศส เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ ที่ 14 ณ พระราชวังแวร์ซายด์ ในการนี้อาจารย์ชีปะขาวได้ร่วมเดินทางไปด้วยซึ่งพระวิสุทธสุนทร ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) เป็นที่เคารพนับถือเพราะอาจารย์ชีปะขาวได้มีวิชาด้านไสยเวทย์และไสยศาสตร์ หลังจากกลับจากฝรั่งเศส เป็นปลายรัชสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พ.ศ 2230 สมเด็จพระนารายณ์มหาราชประชวรเสด็จสวรรคตปี พ.ศ. 2231 รวมครองสิริราชสมบัติได้ 32 ปี ต้นสมัยสมเด็จพระเพทราชา พระมหากษัตริย์ องค์ที่ 28 แห่งกรุงศรีอยุธยาพระอาจารย์ชีปะขาวได้บอกลา เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ให้บรรดาสานุศิษย์นำไปส่งที่คลองบางกอกน้อยได้พักอาศัยอยู่ที่ริมคลองบางกอกน้อย อยู่มาวันหนึ่งก็ได้หายตัวไปบรรดาสานุศิษย์ได้กลับไปเรียนให้เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ทราบเจ้าพระยาโกษาธิบดีจึงมอบทรัพย์สินจำนวนหนึ่งให้ไปสร้างวัด ให้ชื่อว่า วัดชีปะขาว เมื่อปี พ.ศ. 2232 ซึ่งปรากฏตามหลักฐานการสร้างวัดชีปะขาว ปลายรัชสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นต้นมา นับได้ว่าวัดชีปะขาวริมคลองบางกอกน้อยปัจจุบันคือ แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ได้สร้างโดยเจ้าพระยาโกษาธิบดี ตามประวัติ เจ้าพระยาโกษาธิบดี
ประวัติศาสตร์ของวัดศรีสุดารามมีหลักฐานชัดเจนมากขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ด้วยปรากฏความในพระราชพงศาวดาร ว่าสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ สมเด็จพระพี่นางในรัชกาลที่ 1 ทรงกรุณาโปรดเกล้าให้บูรณปฏิสังขรณ์และสถาปนาวัดขึ้นใหม่
ครั้นล่วงมาน้ำได้เซาะตลิ่งพังเข้ามาจนถึงหน้าพระอุโบสถ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาขุนมนตรีเป็นแม่กองสร้างพระอุโบสถขึ้นใหม่โดยเลื่อนขึ้นจากที่เดิม ทรงโปรดให้เจ้าพนักงานปักกำหนดเขตรอบโรงพระอุโบสถลงใหม่ใช้แทนวิสุงคามสีมาเดิม โดยให้มีความยาว 15 วา กว้าง 7 วา แล้วโปรดให้ลงเขื่อนหน้าวัด เพื่อป้องกันน้ำเซาะตลิ่งจนเป็นผลสำเร็จ ครั้นการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดศรีสุดาราม ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ทั้งนี้เพื่อเป็นอนุสรณ์ในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ซึ่งเป็นสมเด็จพระราชอัยยิกาเจ้าของพระองค์ ทรงสถาปนาพระราชทานไว้ตั้งแต่วันจันทร์ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 12 ปีเถาะ นพศก พุทธศักราช 2410 เป็นปีที่ 15 ในรัชกาล (ปลายรัชกาล) ตามพระราชโองการพระราชทานวิสุงคามสีมา ซึ่งมีหลักฐานอยู่ในพระอุโบสถ (พระอุโบสถหลังเก่าปรากฏเป็นวิหาร อยู่หน้าพระอุโบสถปัจจุบัน)
ปูชนียวัตถุ ถาวรวัตถุและเสนาสนะต่างๆ
พระอุโบสถ
เป็นอาคารขนาด 5 ห้อง กว้างยาวประมาณ 8x14 เมตร ด้านหุ้มกลองต่อเป็นเฉลียงกว้างประมาณ 4.2 เมตร หลังคาทำเป็นมุขลดหน้า-หลัง แต่ละมุขซ้อนกัน 3 ตับ ชายคาตับสุดท้ายตั้งทวยรับชายคา มีครื่องประกอบหลังคาแบบอย่างไทยประเพณี คือ ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันทำปูนปั้นปิดทองประดับกระจกรูปเทพพนม มีลายประกอบประเภทลายช่อก้านขดรูปตัวสัตว์หิมพานต์ ใต้หน้าบันไดไม่ทำปีกนกถือประดับสาหร่ายรวงผึ้งแต่กับต่อเป็นผนังลงมาจรดกับเสาเฉลียง ซึ่งเป็นเสาสี่เหลี่ยมที่ไม่ทำบัวหัวเสาและบัวเชิงเสาประดับทำเพียงหน้ากำแพงกรุหลังกระเบื้องเคลือบสีด้านโดยรอบมีบันไดขึ้นทางด้านข้างทั้งสองข้างปลายพนัสบันไดทำหัวเม็ดทรงมัณฑ์ ฐานรับพระอุโบสถเป็นแบบฐานสิงห์บัวลูกแก้ว ตัวพระอุโบสถทำประตูทางเข้าด้านกลองด้านละ 2 ช่องแต่ละช่องทำซุ้มประตูทรงบันแถลง เช่นเดียวกับหน้าต่างหน้าบันไดบันแถลงรูปเทพพนมอยู่กลางลายเครือเถา สำหรับภายในพระอุโบสถตอนท้ายอาคารมีพระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิปางพิจารณาชราธรรม เป็นประธานพระหัตถ์ซ้ายขวาวางลงบนพระชานุแต่ละข้างเบื้องหน้า มีพระสาวกนั่งพนมมือเรียงรายรวม 8 องค์ส่วนผนังนั้นปัจจุบันเขียนภาพแนวสมัยใหม่มีรูปซุ้มเรือนแก้วหลังพระประธานตอนบนเป็นภาพเทวดาเหาะ
สำหรับซุ้มหน้าต่างของพระอุโบสถเป็นไปตามประเพณีนิยมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวคือซุ้มทรงบันแถลง เป็นซุ้มหน้าต่างที่ตอนบนทำเป็นรูปโค้งแหลมทรงกลีบบัวขนาดเล็กทำนองจั่วหรือหน้าบันของบ้านเรือน กรอบจัวทำเป็นเครื่องลำยองมีหน้าบันประดับลายอาจมีหรือไม่มีลายประธานที่เป็นเครื่องหมายแทนพระองค์
ส่วนเสมาใช้แบบเสมานั่งแท่นที่มีซุ้มทรงกูบครอบ ตัวเสมาทำเป็นใบที่เอวทำเป็นลูกนาคเศียรเดียว ขอบเสมาจิกเป็นรอยหยักตอนบนรวบเป็นปมแหลมสาบกลางไม่มีแต่ทำเป็นลายอุบะจากบัวคอเสื้อ
พระวิหาร
เดิมใช้เป็นพระอุโบสถหลังเก่าต่อมาดัดแปลงเป็นพระวิหาร มีลักษณะเป็นแปดเหลี่ยมเป็นอาคารทรงไทย ก่ออิฐถือปูนขนาดกว้าง 5.06 เมตร ยาว 7.23 เมตร หลังคาไม่มีช่อฟ้า ใบระกาบริเวณหน้าบันด้านหน้าตัวอาคารเป็นลายปูนปั้นรูปปิ่นบนพานสองชั้น พระวิหารหลังนี้ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของพระอุโบสถ ปัจจุบันเดิมเคยใช้เป็นพระอุโบสถมาก่อนที่จะมีการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ พระบาทสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส โปรดให้สร้างขึ้นแทนพระวิหารหลังเดิมที่รื้อถอนออกไป ภายในพระวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย และพระพุทธรูปทรงเครื่องที่มีลักษณะพุทธศิลป์แบบรัตนโกสินทร์ตอนต้นหลายองค์
ศาลาการเปรียญ
เดิมสร้างเป็นอาคารไม้ทรงไทยขนาดกว้าง 14 เมตร ยาว 27 เมตร ใต้ถุนเตี้ยมีบันไดทางขึ้นเพียง 3 ขั้น หลังคามุงกระเบื้อง ประดับช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์ บานประตูหน้าต่างมีภาพจิตรกรรมรูปทวารบาล แบบศิลปะจีนปรากฏอยู่สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่ครั้งสมัยอยุธยา แต่เดิมใช้เป็นที่เรียนหนังสือไทยของกุลบุตรกุลธิดาทั่วไป ต่อมาได้มีการต่อเติมบริเวณด้านล่างด้วยการยกพื้นอาคารให้สูงขึ้นแล้วก่อผนังคอนกรีตเพื่อดัดแปลงเป็นห้องประชุม และใช้เป็นศาลาเอนกประสงค์ของวัดปัจจุบันศาลาการเปรียญจึงมีลักษณะเป็นอาคารครึ่งปูนครึ่งไม้
ตำหนักแดง
เป็นเรือนไทยชั้นเดียวเดิมสร้างขึ้นเป็นตำหนักที่ประทับ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ พระเจ้าพี่นางเธอ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในระหว่างที่เสด็จมาบำเพ็ญพระราชกุศลที่วัดแห่งนี้ ตั้งติดอยู่กับศาลาการเปรียญปัจจุบันได้ใช้เป็นกุฏิเจ้าอาวาส
วิหารพระศรีอาริย์ (หอไตร)
เป็นอาคารทรงไทยก่ออิฐถือปูนมีขนาดกว้าง 5.10 เมตร ยาว 8.80 เมต รหลังคาไม่มีช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ หน้าบันทางด้านหน้าและด้านหลังของวิหารเป็นลายปูนปั้นรูปดอกพุดตาน มีประตูทางเข้าเพียงด้านเดียวที่บานประตูทั้ง 2 บาน มีภาพเขียนรูปทวารบาลปรากฏอยู่ ภายในวิหารประดิษฐานองค์พระศรีอริย์ หล่อด้วยทองสำริดขนาดหน้าตัก 2 ศอก ประทับนั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ขวาวางบนพระเพลา พระหัตถ์ซ้ายถือพัด ซึ่งมีลักษณะขายตาลปัตรแต่มีด้ามจับสั้น บริเวณผนังภายในวิหารมีจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องพุทธประวัติตอนพระพุทธเจ้าผจญมาร และจิตรกรรมประเพณี 12 เดือน
วิหารสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี
เป็นอาคารทรงไทยก่ออิฐถือปูนหลังคาประดับช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ ตั้งอยู่บริเวณด้านข้างทางทิศใต้ของพระอุโบสถ สันนิษฐานกันว่าสร้างขึ้นพร้อมกับวิหารพระศรีอาริย์ ด้านหน้าของวิหารมีประตูทางเข้าอยู่ 2 ทาง ด้านซ้ายกับด้านขวาภายในวิหารมีรูปหล่อโลหะสำริดของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ขนาดหน้าตัก 29 นิ้ว ประดิษฐานบนฐานสี่เหลี่ยมติดผนังด้านในของวิหาร
สมเด็จพระพุฒาจารย์ โตพรหมรังสี องค์ใหญ่
สร้างขึ้นเพื่อเป็นรูปจำลองเท่าขนาดจริงเพื่อเป็นต้นแบบในการหล่อโลหะสร้างรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) องค์ใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับนำไปประดิษฐานที่ วัดโนนกุ่ม อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เพื่อดำเนินการสร้างโดย สรพงษ์ ชาตรี ศิลปินนักแสดง ที่มีจิตศรัทธาจะสร้างเป็นอนุสรณ์สถาน สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) รูปจำลองนี้ทำด้วยโฟมเป็นวัสดุหลักในลักษณะการนั่งสมาธิภาวนา มือทั้งสองข้างยกขึ้นระดับอกในลักษณะกำมืออย่างหลวมๆ มีขนาดหน้าตักกว้าง 8.1 เมตร สูง 13 เมตร ทาทับด้วยสีทองทั้งองค์เมื่อสร้างรูปหล่อโลหะเสร็จแล้วจึงมีการทำลายรูปจำลองต้นแบบองค์นี้ทิ้ง พระเทพประสิทธิมนต์ (พระราชพิพัฒน์โกศล ในขณะนั้น) เจ้าอาวาสวัดเห็นว่าไม่เป็นการสมควรจึงได้ขอรูปต้นแบบองค์นี้ไว้ ให้พุทธศาสนิกชนได้เคารพบูชาปัจจุบันรูปจำลองต้นแบบสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สร้างประดิษฐานอยู่บริเวณลานวัดใกล้ๆกับศาลาการเปรียญ
พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์
องค์บูรณะปฏิสังขรณ์พระอารามพระราชานุสาวรีย์ หล่อด้วยโลหะเป็นพระรูป สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ขนาด 2 เท่า ของพระองค์จริงประทับบนพระเก้าอี้ ฉลองพระองค์ด้วยผ้าฝ้ายกลายทองห่มสไบเฉียงปักด้วยผ้าปัก พระหัตถ์ทั้งสองข้างวางบนพระเพลา ข้างพระหัตถ์ทางด้านขวามีโต๊ะสำหรับวางเครื่องพาน พระศรีพระราชานุสาวรีย์ ประดิษฐานอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมบริเวณฝั่งตรงข้ามถนนด้านข้างของพระอุโบสถทางทิศเหนือใกล้ๆกับวิหารพระศรีอาริย์
อนุสาวรีย์สุนทรภู่
สร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์สถานแก่พระสุนทรโวหาร (ภู่) กวีเอกแห่งแผ่นดินสยามและกวีเอกของโลก ซึ่งได้เคยมาศึกษาเล่าเรียนเขียนอ่านอยู่ที่วัดนี้เมื่อครั้งยังเยาว์วัย จึงสร้างเป็นรูปหล่อโลหะสุนทรภู่ตอนเป็นเด็กขนาด 2 เท่า ของตัวจริงในลักษณะเด็กชายสมัยโบราณไว้จุกนั่งพับเพียบหันหน้าไปทางคลองบางกอกน้อย ในมือถือกระดานชนวนอีกข้างหนึ่งถือดินสอ รูปหล่อดังกล่าวตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมสูง 2.50 เมตร ซึ่งจะอยู่ด้านหลังของลูกสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) องค์ใหญ่
ศาลาวิจิตร รัตนศิริวิไลย
สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร
รายนามเจ้าอาวาส
นับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 เป็นต้นมา วัดศรีสุดารามวรวิหารได้รับการดูแลจากเจ้าอาววาสมาทุกยุคสมัยจนถึงปัจจุบัน ดังปรากฏนามเจ้าอาวาส ดังนี้
- พระครูธรรมวิจารณ์ (แก้ว) เล่ากันว่าเจ้าอาวาสรูปนี้เป็นอาจารย์สอนหนังสือสุนทรภู่
- พระครูธรรมวิจารณ์ (อิน) สมัยรัชกาลที่ 5
- พระครูธรรมวิจารณ์ (โพ)
- พระครูธรรมวิจารณ์ (สุด)
- พระครูธรรมวิจารณ์ (แดง)
- พระครูธรรมวิจารณ์ (ชุ่ม ธมฺมทินฺนโก)
- พระครูญาณสิริวัฒน์ (ทองห่อ ญาณสิริ) ป.ธ.5
- พระธรรมวชิรคุณาธาร (โกศล มหาวีโร)
อ้างอิง
- หนังสือ พระกฐินพระราชทาน ณ วัดศรีสุดารามวรวิหาร, 2 พฤศจิกายน 2561.
- จดหมายเหตุรัชกาลที่ 3 เล่ม 1. กรุงเทพฯ: หอสมุดแห่งชาติ, 2530.
- ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. ชีวิตและงานของสุนทรภู่. กรุงเทพฯ: บรรณาคาร, 2519.
- ประวัติวัติทั่วราชอาณาจักร เล่ม 2. กรุงเทพฯ: กรมการศาสนากระทรวงศึกษาธิการ, 2525.
- วัดศรีสุดารามวรวิหาร. พิมพ์เนื่องในวโรกาสเข้ารับพระราชทาน ปริญญาบัตร - พัดเปรียญธรรม 9 ประโยค วัดศรีสุดารามวรวิหาร, กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2540.
- สารบาญชี้ส่วนที่ 1 คือ ตำแหน่งราชการ จ.ศ.1245 เล่มที่ 1. (พ.ศ. 2526). พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ต้นฉบับ, 2541.
- สุจิตต์ วงศ์เทศ. สุนทรภู่เกิดวังหลัง ผู้ดี "บางกอก" มหากวีกระฎุมพี มีวิชารู้เท่าทันโลก. กรุงเทพฯ: ศิลปวัฒนธรรม, 2547.
- สุจิตต์ วงศ์เทศ, (บรรณาธิการ). สุนทรภู่ : มหากวีกระฎุมพี. กรุงเทพฯ: เจ้าพระยา, 2528.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
13 46 2 N 100 28 23 E 13 76722 N 100 47306 E 13 76722 100 47306 wdsrisudaramwrmhawihar wdsrisudaramwrmhawiharwdsrisudaramwrmhawiharchuxsamywdsrisudaramwrmhawiharthitngelkhthi 83 sxybangkhunnnth 6 thnnbangkhunnnth aekhwngbangkhunnnth ekhtbangkxknxy krungethphmhankhr 10700praephthwdfaykhamwasinikayethrwath mhanikayecaxawasphrathrrmwchirkhunathar oksl mhawior swnhnungkhxngsaranukrmphraphuththsasna wdsrisudaram epnphraxaramhlwngchntri chnidwrwihar tngxyurimkhlxngbangkxknxyfngtawntk aekhwngbangkhunnnth ekhtbangkxknxy krungethphmhankhr edimmichuxwa wdchipakhaw hrux wdchiphakhaw snnisthanwanacasrangkhunrawsmykrungsrixyuthyaxanaekhtbangkxknxythisehnux tidtxkbkhlxngwdsrisudaram thisit tidtxkbkhusatharnpraoychn thistawnxxk tidtxkbkhlxngbangkxknxy thistawntk tidtxkbthiexkchnprawtismysmedcphranaraynmharach phramhakstriyphraxngkhthi 27 aehngkrungsrixyuthyaepnrachthanikhunkhrxngsirirachsmbtipi ph s 2199 aehngrachwngsprasaththxng inpi ph s 2229 idsng phrawisuththsunthr txmaidrbphrarachthanbrrdaskdiepn ecaphrayaoksathibdi pan idipepnrachthutecriysmphnthimtrikbfrngess ekhaefaphraecahluys thi 14 n phrarachwngaewrsayd inkarnixacarychipakhawidrwmedinthangipdwysungphrawisuththsunthr txmaidrbphrarachthanbrrdaskdiepnecaphrayaoksathibdi pan epnthiekharphnbthuxephraaxacarychipakhawidmiwichadanisyewthyaelaisysastr hlngcakklbcakfrngess epnplayrchsmyaephndinsmedcphranaraynmharach ph s 2230 smedcphranaraynmharachprachwresdcswrrkhtpi ph s 2231 rwmkhrxngsirirachsmbtiid 32 pi tnsmysmedcphraephthracha phramhakstriy xngkhthi 28 aehngkrungsrixyuthyaphraxacarychipakhawidbxkla ecaphrayaoksathibdi pan ihbrrdasanusisynaipsngthikhlxngbangkxknxyidphkxasyxyuthirimkhlxngbangkxknxy xyumawnhnungkidhaytwipbrrdasanusisyidklbiperiynihecaphrayaoksathibdi pan thrabecaphrayaoksathibdicungmxbthrphysincanwnhnungihipsrangwd ihchuxwa wdchipakhaw emuxpi ph s 2232 sungprakttamhlkthankarsrangwdchipakhaw playrchsmykrungsrixyuthya epntnma nbidwawdchipakhawrimkhlxngbangkxknxypccubnkhux aekhwngbangkhunnnth ekhtbangkxknxy krungethphmhankhr idsrangodyecaphrayaoksathibdi tamprawti ecaphrayaoksathibdi prawtisastrkhxngwdsrisudarammihlkthanchdecnmakkhuninsmyphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach dwypraktkhwaminphrarachphngsawdar wasmedcphraecaphinangethx ecafakrmphrasrisudarks smedcphraphinanginrchkalthi 1 thrngkrunaoprdeklaihburnptisngkhrnaelasthapnawdkhunihm khrnlwngmanaidesaatlingphngekhamacnthunghnaphraxuobsth phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw rchkalthi 4 cungthrngphrakrunaoprdekla ihecaphrayakhunmntriepnaemkxngsrangphraxuobsthkhunihmodyeluxnkhuncakthiedim thrngoprdihecaphnknganpkkahndekhtrxborngphraxuobsthlngihmichaethnwisungkhamsimaedim odyihmikhwamyaw 15 wa kwang 7 wa aelwoprdihlngekhuxnhnawd ephuxpxngknnaesaatlingcnepnphlsaerc khrnkarthukxyangesrceriybrxyaelw idphrarachthannamwdihmwa wdsrisudaram ykkhunepnphraxaramhlwngchntri chnidwrwihar thngniephuxepnxnusrninsmedcecafakrmphrasrisudarks sungepnsmedcphrarachxyyikaecakhxngphraxngkh thrngsthapnaphrarachthaniwtngaetwncnthrkhun 1 kha eduxn 12 piethaa nphsk phuththskrach 2410 epnpithi 15 inrchkal playrchkal tamphrarachoxngkarphrarachthanwisungkhamsima sungmihlkthanxyuinphraxuobsth phraxuobsthhlngekapraktepnwihar xyuhnaphraxuobsthpccubn puchniywtthu thawrwtthuaelaesnasnatangphraxuobsthphraxuobsth epnxakharkhnad 5 hxng kwangyawpraman 8x14 emtr danhumklxngtxepnechliyngkwangpraman 4 2 emtr hlngkhathaepnmukhldhna hlng aetlamukhsxnkn 3 tb chaykhatbsudthaytngthwyrbchaykha mikhruxngprakxbhlngkhaaebbxyangithypraephni khux pradbchxfa ibraka hanghngs hnabnthapunpnpidthxngpradbkrackrupethphphnm milayprakxbpraephthlaychxkankhdruptwstwhimphant ithnabnidimthapiknkthuxpradbsahrayrwngphungaetkbtxepnphnnglngmacrdkbesaechliyng sungepnesasiehliymthiimthabwhwesaaelabwechingesapradbthaephiynghnakaaephngkruhlngkraebuxngekhluxbsidanodyrxbmibnidkhunthangdankhangthngsxngkhangplayphnsbnidthahwemdthrngmnth thanrbphraxuobsthepnaebbthansinghbwlukaekw twphraxuobsththapratuthangekhadanklxngdanla 2 chxngaetlachxngthasumpratuthrngbnaethlng echnediywkbhnatanghnabnidbnaethlngrupethphphnmxyuklanglayekhruxetha sahrbphayinphraxuobsthtxnthayxakharmiphraphuththrupprathbnngkhdsmathipangphicarnachrathrrm epnprathanphrahtthsaykhwawanglngbnphrachanuaetlakhangebuxnghna miphrasawknngphnmmuxeriyngrayrwm 8 xngkhswnphnngnnpccubnekhiynphaphaenwsmyihmmirupsumeruxnaekwhlngphraprathantxnbnepnphaphethwdaehaa sahrbsumhnatangkhxngphraxuobsthepniptampraephniniyminrchsmyphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwkhuxsumthrngbnaethlng epnsumhnatangthitxnbnthaepnrupokhngaehlmthrngklibbwkhnadelkthanxngcwhruxhnabnkhxngbaneruxn krxbcwthaepnekhruxnglayxngmihnabnpradblayxacmihruximmilayprathanthiepnekhruxnghmayaethnphraxngkh swnesmaichaebbesmanngaethnthimisumthrngkubkhrxb twesmathaepnibthiexwthaepnluknakhesiyrediyw khxbesmacikepnrxyhyktxnbnrwbepnpmaehlmsabklangimmiaetthaepnlayxubacakbwkhxesux phrawihar edimichepnphraxuobsthhlngekatxmaddaeplngepnphrawihar milksnaepnaepdehliymepnxakharthrngithy kxxiththuxpunkhnadkwang 5 06 emtr yaw 7 23 emtr hlngkhaimmichxfa ibrakabriewnhnabndanhnatwxakharepnlaypunpnruppinbnphansxngchn phrawiharhlngnitngxyubriewndanhnakhxngphraxuobsth pccubnedimekhyichepnphraxuobsthmakxnthicamikarsrangphraxuobsthhlngihm phrabathsmedcphramhasmneca krmphrayawchiryanworrs oprdihsrangkhunaethnphrawiharhlngedimthiruxthxnxxkip phayinphrawiharepnthipradisthanphraphuththruppangmarwichy aelaphraphuththrupthrngekhruxngthimilksnaphuththsilpaebbrtnoksinthrtxntnhlayxngkh wiharphrasrixariy hxitr salakarepriyy edimsrangepnxakharimthrngithykhnadkwang 14 emtr yaw 27 emtr itthunetiymibnidthangkhunephiyng 3 khn hlngkhamungkraebuxng pradbchxfa ibraka aelahanghngs banpratuhnatangmiphaphcitrkrrmrupthwarbal aebbsilpacinpraktxyusnnisthanwasrangmatngaetkhrngsmyxyuthya aetedimichepnthieriynhnngsuxithykhxngkulbutrkulthidathwip txmaidmikartxetimbriewndanlangdwykarykphunxakharihsungkhunaelwkxphnngkhxnkritephuxddaeplngepnhxngprachum aelaichepnsalaexnkprasngkhkhxngwdpccubnsalakarepriyycungmilksnaepnxakharkhrungpunkhrungim smedcphraphuthacary ot phrhmrngsi xngkhihytahnkaedng epneruxnithychnediywedimsrangkhunepntahnkthiprathb smedcecafakrmphrasrisudarks phraecaphinangethx inphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach inrahwangthiesdcmabaephyphrarachkuslthiwdaehngni tngtidxyukbsalakarepriyypccubnidichepnkutiecaxawas phrarachanusawriy smedcecafakrmphrasrisudarkswiharphrasrixariy hxitr epnxakharthrngithykxxiththuxpunmikhnadkwang 5 10 emtr yaw 8 80 emt rhlngkhaimmichxfaibrakahanghngs hnabnthangdanhnaaeladanhlngkhxngwiharepnlaypunpnrupdxkphudtan mipratuthangekhaephiyngdanediywthibanpratuthng 2 ban miphaphekhiynrupthwarbalpraktxyu phayinwiharpradisthanxngkhphrasrixriy hlxdwythxngsaridkhnadhnatk 2 sxk prathbnngkhdsmathirab phrahtthkhwawangbnphraephla phrahtthsaythuxphd sungmilksnakhaytalptraetmidamcbsn briewnphnngphayinwiharmicitrkrrmfaphnngelaeruxngphuththprawtitxnphraphuththecaphcymar aelacitrkrrmpraephni 12 eduxn wiharsmedcphraphuthacary ot phrhmrngsi epnxakharthrngithykxxiththuxpunhlngkhapradbchxfaibrakahanghngs tngxyubriewndankhangthangthisitkhxngphraxuobsth snnisthanknwasrangkhunphrxmkbwiharphrasrixariy danhnakhxngwiharmipratuthangekhaxyu 2 thang dansaykbdankhwaphayinwiharmiruphlxolhasaridkhxngsmedcphraphuthacary ot phrhmrngsi khnadhnatk 29 niw pradisthanbnthansiehliymtidphnngdaninkhxngwihar smedcphraphuthacary otphrhmrngsi xngkhihy srangkhunephuxepnrupcalxngethakhnadcringephuxepntnaebbinkarhlxolhasrangruphlxsmedcphraphuthacary ot phrhmrngsi xngkhihythisudinolksahrbnaippradisthanthi wdonnkum xaephxsikhiw cnghwdnkhrrachsima ephuxdaeninkarsrangody srphngs chatri silpinnkaesdng thimicitsrththacasrangepnxnusrnsthan smedcphraphuthacary ot phrhmrngsi rupcalxngnithadwyofmepnwsduhlkinlksnakarnngsmathiphawna muxthngsxngkhangykkhunradbxkinlksnakamuxxyanghlwm mikhnadhnatkkwang 8 1 emtr sung 13 emtr thathbdwysithxngthngxngkhemuxsrangruphlxolhaesrcaelwcungmikarthalayrupcalxngtnaebbxngkhnithing phraethphprasiththimnt phrarachphiphthnoksl inkhnann ecaxawaswdehnwaimepnkarsmkhwrcungidkhxruptnaebbxngkhniiw ihphuththsasnikchnidekharphbuchapccubnrupcalxngtnaebbsmedcphraphuthacary ot phrhmrngsi srangpradisthanxyubriewnlanwdiklkbsalakarepriyy xnusawriy sunthrphuphrarachanusawriy smedcecafakrmphrasrisudarks xngkhburnaptisngkhrnphraxaramphrarachanusawriy hlxdwyolhaepnphrarup smedcecafakrmphrasrisudarks khnad 2 etha khxngphraxngkhcringprathbbnphraekaxi chlxngphraxngkhdwyphafayklaythxnghmsibechiyngpkdwyphapk phrahtththngsxngkhangwangbnphraephla khangphrahtththangdankhwamiotasahrbwangekhruxngphan phrasriphrarachanusawriy pradisthanxyubnthansiehliymbriewnfngtrngkhamthnndankhangkhxngphraxuobsththangthisehnuxiklkbwiharphrasrixariy xnusawriysunthrphu srangkhunepnxnusrnsthanaekphrasunthrowhar phu kwiexkaehngaephndinsyamaelakwiexkkhxngolk sungidekhymasuksaelaeriynekhiynxanxyuthiwdniemuxkhrngyngeyawwy cungsrangepnruphlxolhasunthrphutxnepnedkkhnad 2 etha khxngtwcringinlksnaedkchaysmyobraniwcuknngphbephiybhnhnaipthangkhlxngbangkxknxy inmuxthuxkradanchnwnxikkhanghnungthuxdinsx ruphlxdngklawtngxyubnthansiehliymsung 2 50 emtr sungcaxyudanhlngkhxngluksmedcphraphuthacary ot phrhmrngsi xngkhihy salawicitr rtnsiriwiilysalawicitr rtnsiriwiily srangkhunephuxechlimphraekiyrti phrabathsmedcphraprminthrmhaphumiphlxdulyedch mhitlathiebsrramathibdi ckrinvbdinthr syaminthrathirach brmnathbphitr aelasmedcphranangecasirikiti phrabrmrachininath epnthipradisthanphraphuththruppracaphrachnmwarraynamecaxawasnbtngaetsmyrchkalthi 1 epntnma wdsrisudaramwrwiharidrbkarduaelcakecaxawwasmathukyukhsmycnthungpccubn dngpraktnamecaxawas dngni phrakhruthrrmwicarn aekw elaknwaecaxawasrupniepnxacarysxnhnngsuxsunthrphu phrakhruthrrmwicarn xin smyrchkalthi 5 phrakhruthrrmwicarn oph phrakhruthrrmwicarn sud phrakhruthrrmwicarn aedng phrakhruthrrmwicarn chum thm mthin nok phrakhruyansiriwthn thxnghx yansiri p th 5 phrathrrmwchirkhunathar oksl mhawior xangxinghnngsux phrakthinphrarachthan n wdsrisudaramwrwihar 2 phvscikayn 2561 cdhmayehturchkalthi 3 elm 1 krungethph hxsmudaehngchati 2530 darngrachanuphaph smedcphraecabrmwngsethx krmphraya chiwitaelangankhxngsunthrphu krungethph brrnakhar 2519 prawtiwtithwrachxanackr elm 2 krungethph krmkarsasnakrathrwngsuksathikar 2525 wdsrisudaramwrwihar phimphenuxnginworkasekharbphrarachthan priyyabtr phdepriyythrrm 9 praoykh wdsrisudaramwrwihar krungethph mhaculalngkrnrachwithyaly 2540 sarbaychiswnthi 1 khux taaehnngrachkar c s 1245 elmthi 1 ph s 2526 phimphkhrngthi 2 krungethph tnchbb 2541 sucitt wngseths sunthrphuekidwnghlng phudi bangkxk mhakwikradumphi miwicharuethathnolk krungethph silpwthnthrrm 2547 sucitt wngseths brrnathikar sunthrphu mhakwikradumphi krungethph ecaphraya 2528