ยุทธการที่ฝรั่งเศส (อังกฤษ: Battle of France) หรือ ความพินาศที่ฝรั่งเศส (อังกฤษ: Fall of France) ในเยอรมนีเรียก การทัพตะวันตก (เยอรมัน: Westfeldzug) คือการบุกโดยกองทัพเยอรมันเพื่อยึดครองภาคเหนือของประเทศฝรั่งเศสและกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ฝรั่งเศสได้ประกาศสงครามต่อเยอรมนีในวันที่ 3 กันยายน 1939 หลังจากที่เยอรมนียกทัพบุกครองโปแลนด์ซึ่งเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสและอังกฤษ ในช่วงต้นเดือนกันยายน 1939 ทางกองทัพฝรั่งเศสบุกเข้าซาร์ลันท์ของเยอรมันอย่างมีขอบเขต แต่ในกลางเดือนตุลาคมของปีนั้นทางกองทัพฝรั่งเศสกลับถอนกำลังมากลับประจำตำแหน่งเดิมหลังแนวมาฌีโน ตลอดหกสัปดาห์หลังตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 1940 เป็นต้นไป กองทหารเยอรมันเอาชนะกองทหารสัมพันธมิตรโดยปฏิบัติการยานยนต์ และเข้าพิชิตฝรั่งเศส เบลเยียม, ลักเซมเบิร์ก, เนเธอร์แลนด์ เป็นจุดสิ้นสุดของแนวรบด้านตะวันตกจนกระทั่งการยกพลขึ้นบกที่นอร์ม็องดี ในวันที่ 6 มิถุนายน 1944 อิตาลีได้เข้าร่วมกับเยอรมนีและประกาศสงครามต่อฝรั่งเศสในวันที่ 10 มิถุนายน 1940
ยุทธการที่ฝรั่งเศส | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ แนวรบด้านตะวันตกในสงครามโลกครั้งที่สอง | |||||||
วนขวาจากบนซ้าย: 1) ยุทโธปกรณ์ที่ถูกทิ้งในภาคเหนือของฝรั่งเศส 2) ทหารเยอรมันสวนสนามในกรุงปารีส 3) ทหารอังกฤษตั้งตำแหน่งปืน 4) ยานเกราะของฝรั่งเศสที่ถูกทำลาย 5) ทหารฝรั่งเศสเดินสู่ค่ายกักกันชเลยของเยอรมัน 6) ยานเกราะเยอรมันเคลื่อนสู่ป่าอาร์แดนในฝรั่งเศส | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
ฝรั่งเศส บริเตนใหญ่ เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก โปแลนด์ เชโกสโลวาเกีย | ไรช์เยอรมัน อิตาลี (ตั้งแต่ 10 มิถุนายน) | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
มอริส กาเมอแล็ง อาลฟงส์ ฌอร์ฌ พระเจ้าเลโอโปลด์ที่ 3 | วัลเทอร์ ฟ็อน เบราคิทช์ แกร์ท ฟ็อน รุนท์ชเต็ท เฟดอร์ ฟ็อน บ็อค วิลเฮ็ล์ม ฟ็อน เลพ อัลแบร์ท เค็สเซิลริง ฮูโก ชแปร์เลอ | ||||||
กำลัง | |||||||
สัมพันธมิตร: ฝรั่งเศสในเทือกเขาแอลป์: 5 กองพล 150,000 นาย | เยอรมนี: อิตาลีในเทือกเขาแอลป์: 22 กองพล 300,000 นาย | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
ตายหรือบาดเจ็บ 360,000 ตกเป็นเชลย 1,900,000 เสียอากาศยาน 2,233 เสียยานเกราะ 2,438 | ตาย 27,074 บาดเจ็บ 111,034 เสียอากาศยาน 1,236 เสียยานเกราะ 822 |
10 พฤษภาคม เยอรมนีเริ่มปฏิบัติการ "เหตุเหลือง" (Fall Gelb) กองยานเกราะเยอรมันได้ทำบุกโจมตีเข้าผ่านทางอาร์แดนและตามแนวแม่น้ำอย่างกระทันหันด้วยความเร็วที่ทางฝ่ายสัมพันธิมิตรคาดไม่ถึง กองพลยานเกราะเยอรมันข้ามแม่น้ำเมิซได้ในวันที่ 15 พฤษภาคมและบุกต่อไปทางตะวันตกโดยทันที ฝ่ายเยอรมันได้ตัดขาดเส้นทางการเดินทัพของฝ่ายสัมพันธมิตรในพื้นที่ และสามารถล้อมกองทหารฝ่ายสัมพันธมิตรที่กำลังมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปช่วยเบลเยียมและจะเข้าโจมตีเยอรมันกับกองทัพที่คาดว่าจะเป็นกองทัพหลักของเยอรมัน ด้วยปฏิบัติการยานเกราะอันมีประสิทธิภาพของเยอรมันทำให้กองทหารบริติช, ฝรั่งเศส และเบลเยียมถูกผลักดันไปจนมุมอยู่ที่หาดเดิงแกร์ก รัฐบาลบริติชได้ทำการอพยพกองกำลังรบนอกประเทศบริติช(BEF) ตลอดจนกองพลฝรั่งเศสออกจากหาดเดิงแกร์กในปฏิบัติการไดนาโมจนเสร็จสิ้นวันที่ 4 มิถุนายน 1940
เยอรมนีเริ่มปฏิบัติการ "เหตุแดง" (Fall Rot) ในวันที่ 5 มิถุนายน กองพลบริติชและฝรั่งเศส 60 หน่วยที่เหลืออยู่พยายามต่อต้านการุรกรานอย่างสุดกำลังแต่ก็ไม่เป็นผลมากนัก เนื่องจากฝ่ายเยอรมันมีการสนับสนุนทางอากาศและมียานเกราะที่เหนือกว่ามาก กองยานเกราะเยอรมันยกทัพโอบล้อมแนวมาฌีโนจากภาคเหนือและมุ่งเข้าสู่ภาคกลางของฝรั่งเศส และเข้ายึดกรุงปารีสที่ไร้ทหารป้องกันในวันที่ 14 มิถุนายน ผู้คนในรัฐบาลฝรั่งเศสต่างหลบหนีออกไปอังกฤษก่อนหน้านั้นแล้ว ผู้นำทหารเยอรมันเข้าเจรจาข้อตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลฝรั่งเศสในวันที่ 18 มิถุนายน
ในวันที่ 22 มิถุนายน ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในตราสารสงบศึกที่ป่ากงเปียญ รัฐบาลวิชีฝรั่งเศส ที่เป็นกลางนำโดย จอมพลฟีลิป เปแต็ง ออกประกาศล้มล้างสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 ยอมให้เยอรมนีเข้ายึดครองภาคเหนือและชายฝั่งตลอดจนแผ่นดินหลังฝั่งทะเลของฝรั่งเศส การบุกของอิตาลีส่งผลให้ทางฝรั่งเศสเสียพื้นที่บนแถบเทือกเขาและหลังจากที่ฝรั่งเศสได้ลงนามตราสารสงบศึก ทางอิตาลีก็ได้ครอบครองพื้นที่ในทางตะวันออกเฉียงใต้ รัฐบาลวิชีฝรั่งเศส มีเขตอำนาจเพียงดินแดนนอกยึดครองแถบภาคใต้ซึ่งเรียกว่า "โซนเสรี" (Zone libre) ในเดือนพฤศจิกายน 1942 ทหารเยอรมันและอิตาลีเข้ายึดพื้นที่โซนเสรีภายใต้ชื่อปฏิบัติการอันโทน (Unternehmen Anton) แม้ฝรั่งเศสจะพ่ายแพ้ศึกครั้งนี้ แต่นายพลชาลส์ เดอ โกล แห่งกองทัพฝรั่งเศสได้ลี้ภัยไปอยู่กรุงลอนดอน เขาได้จัดตั้งแนวร่วมเสรีฝรั่งเศส (France Libre) เพื่อต่อต้านนาซีเยอรมนีและรัฐบาลวิชีฝรั่งเศส ฝรั่งเศสอยู่ภายใต้การยึดครองของฝ่ายอักษะจนกระทั่งถูกปลดปล่อยหลังจากฝ่ายสัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกในปี 1944
ภูมิหลัง
แนวมาฌีโน
ช่วงทศวรรษที่ 1930 ฝรั่งเศสได้สร้างแนวป้องกันที่ชื่อ "แนวมาฌีโน" (Ligne Maginot) ตามแนวพรมแดนร่วมกับเยอรมัน ตลอดเส้นนี้เต็มไปด้วยป้อมปราการคอนกรีต สิ่งกีดขวาง และอาวุธ จุดประสงค์ของแนวป้องกันนี้คือทางฝรั่งเศสสามารถลดจำนวนกำลังคนในการรบกับเยอรมันโดยตรงและสามารถบังคับให้เยอรมนีเลือกส่งกองทัพหลักเข้าบุกผ่านเบลเยียมแทน ทางฝรั่งเศสจึงจะสามารถส่งหน่วยทหารมือดีที่ไปรบกับทหารเยอรมันในเบลเยียมแทน ทางฝรั่งเศสเชื่อว่าสงครามจะปะทุขึ้นนอกตัวประเทศของฝรั่งเศสเอง เป็นกลายหลีกเลี่ยงการทำลายล้างเหมือนในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ส่วนหลักของแนวมาฌีโนเริ่มต้นตั้งแต่บริเวณพรมแดนทที่ติดกับสวิตเซอร์แลนด์ และลากยาวตามแนวชายแดนร่วมกับเยอรมัน ผ่านป่าอาร์แดนจนไปถึงชายแดนเบลเยียม ช่วงที่ขนานไปตามแนวชายแดนเบลเยียมเป็นส่วนที่มีการป้องกันไม่หนาแน่นเท่ากับส่วนที่ติดกับชายแดนของเยอรมนี พื้นที่ของป่าอาร์แดนนั้นเต็มไปด้วยต้นไม้และหุบเขาจึงทำให้มีการต่อเติมและสร้างแนวป้องกันลำบาก จอมพลฟีลิป เปแต็ง ประกาศว่า "อาร์แดนไม่มีวันแตก" เมื่อกองทัพเยอรมันโผล่ออกมาจากอาร์แดน จะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอนด้วยการตีขนาบของฝรั่งเศส ผู้บัญชาการสูงสุดกองทัพฝรั่งเศส พลเอกมอริส กาเมอแล็ง เองก็เชื่อว่าพื้นที่บริเวณนั้นปลอดภัยมากจากการถูกโจมตีเช่นกันและยังได้กล่าวไว้ว่า "มันไม่เคยเอื้อต่อการทำยุทธการใหญ่" ด้วยความเชื่อเช่นนี้ทำให้ฝรั่งเศสวางกำลังทหารไว้ในพื้นที่นี้เพียงสิบกองพล พวกเขาเชื่อว่าแนวมาฌีโนนั้นแข็งแกร่งพอที่จะถ่วงเวลาให้กองทัพฝรั่งเศสระดมพลไปที่แนวรบและโต้กลับได้อย่างรวดเร็ว
การบุกครองโปแลนด์ของเยอรมนี
ในปี 1939 สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสเสนอความช่วยเสนอทางทหารให้แก่โปแลนด์ในกรณีเผื่อว่าถูกรุกรานโดยเยอรมนี ในเช้าวันที่ 1 กันยายน 1939 เยอรมันก็เปิดฉากบุกครองโปแลนด์ สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้เยอรมนีถอนทหารออกจากโปแลนด์ในทันที เยอรมนีไม่ตอบสนอง ทั้งสองประเทศจึงประกาศสงครามต่อเยอรมนีในวันที่ 3 กันยายน ของปีนั้นและประเทศอื่นก็ทยอยประกาศตาม ได้แก่ ออสเตรเลีย (3 กันยายน), นิวซีแลนด์ (3 กันยายน), แอฟริกาใต้ (6 กันยายน), และแคนาดา (10 กันยายน) อย่างไรก็ตาม แม้สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสจะได้ประกาศสงครามแล้ว แต่ทั้งสองประเทศกลับไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะช่วยเหลือทางทหารแก่โปแลนด์อีกแล้วในภาวะที่เป็นอยู่ โอกาสที่ทางโซเวียตนั้นจะเข้ามาช่วยเหลือโปแลนด์ไม่มีอีกแล้วเพราะความตกลงมิวนิกในปี 1938 เยอรมนีและสหภาพโซเวียตพึ่งลงนามในกติกาสัญญาไม่รุกรานกันซึ่งรวมไปถึงการแบ่งดินแดนของโปแลนด์ และโซเวียตก็ช่วยเยอรมันบุกโปแลนด์จากด้านตะวันออก สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสทำได้แค่เพียงมองดูโปแลนด์ล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา ทางสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสเร่งนั้นวางแผนที่จะให้มันเป็นสงครามที่นานจึงสั่งสมอาวุธยุทธภัณฑ์เพื่อเตรียมทำการรับมือกับการรุกรานจากเยอรมนี และทำให้เศรษฐกิจสงครามของเยอรมันอ่อนตัวลงโดยการปิดล้อมการค้า
สงครามลวง
7 กันยายน 1939 ฝรั่งเศสยกกำลัง 98 กองพล (มีเพียง 28 กองพลที่เป็นทหารกองหนุน) พร้อมยานเกราะ 2,500 คันออกนอกแนวมาฌีโนราว 5 กิโลเมตรเพื่อไปยังซาร์ลันท์ เขตอุตสาหกรรมที่สำคัญของเยอรมนีซึ่งถูกป้องกันโดย 43 กองพลเยอรมัน (กว่า 32 กองพลเป็นทหารกองหนุน) และไม่มียานเกราะเลย จะเห็นได้ว่าฝรั่งเศสมีความเหนือกว่าในทุกมิติ กองพลฝรั่งเศสรุดหน้าไป 5 กิโลเมตรจนเกือบจะถึงแนวซีคฟรีทของเยอรมันที่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่ในวันที่ 17 กันยายน พลเอกกาเมอแล็งเปลี่ยนใจ มีคำสั่งให้ถอนกำลังกลับมาหลังแนวมาฌีโน ยุทธศาสตร์ของพลเอกกาเมอแล็งคือรอจนกระทั่งกองทัพฝรั่งเศสและอังกฤษมีความพรั่งพร้อมด้านยุทธภัณฑ์อย่างเต็มที่เสียก่อน ภายหลังจบการรุกซาร์ลันท์ก็เป็นช่วงเวลาที่เรียกว่าสงครามลวง (Phoney War) หรือที่เยอรมนีเรียกว่าสงครามนั่ง (Sitzkrieg) ฮิตเลอร์หวังว่าสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสจะยอมรับการยึดครองโปแลนด์และประนีประนอมสันติภาพโดยเร็ว ฮิตเลอร์เสนอข้อตกลงสันติภาพไปยังสองมหาอำนาจในวันที่ 6 ตุลาคม
เหตุการณ์
แนวรบตอนเหนือ
9 พฤษภาคม เวลา 21:00 น. มีคำสั่งใช้รหัส Danzig ไปยังกองพลเยอรมันทุกหน่วยเพื่อสั่งใช้ "เหตุเหลือง" (Fall Gelb) กองทัพเยอรมันเปิดฉากเข้ายึดประเทศลักเซมเบิร์กโดยไร้การต่อต้าน กลุ่มทัพ B เปิดปฏิบัติการเข้ารุกตีประเทศเนเธอร์แลนด์และเบลเยียมในตอนกลางคืน เมื่อเข้าสู้เช้าวันที่ 10 พฤษภาคม หน่วยพลร่มเยอรมันจากกองพลเหินเวหาที่ 7 (7. Flieger-Division) และกองพลร่อนอากาศที่ 22 (22. Luftlande-Division) ทิ้งตัวจากอากาศและเข้าจู่โจมกรุงเฮกและเส้นทางสู่เมืองรอตเทอร์ดามอย่างไม่ทันตั้งตัว หน่วยพลร่มเยอรมนี้เป็นหน่วยเคลียร์ทางเพื่อให้กลุ่มทัพ B รุกได้อย่างสะดวก
กองบัญชาการฝรั่งเศสตอบโต้ทันควันโดยการส่งกองทัพที่ 1 ของฝรั่งเศสขึ้นเหนือเพื่อปฏิบัติตามแผลดีล ซึ่งถือเป็นหน่วยทหารที่ดีที่สุดของฝรั่งเศส แต่เมื่อกองทัพที่ 7 ของฝรั่งเศสข้ามชายแดนสู่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก็พบว่ากองทัพเนเธอร์แลนด์ถูกรุกตีจนต้องถอยร่นอย่างเต็มกำลังไปป้องกันเมืองแอนต์เวิร์ปในประเทศเบลเยียม
บุกครองเนเธอร์แลนด์
เนื่องจากเนเธอร์แลนด์มีแนวป้องกันทางน้ำที่เรียกว่าปราการฮอลแลนด์เป็นแนวต่อต้านสำคัญทางบก ลุฟท์วัฟเฟอจึงได้รับมอบหมายโจมตีและยึดครองกรุงเฮกในปฏิบัติการที่เรียกว่า "ยุทธการที่เดอะเฮก" เครื่องบินที่ใช้ประกอบด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดกลาง 247 ลำ, เครื่องบินต่อสู่ 147 ลำ, เครื่องบินลำเลียงยูห้าสิบสอง 424 ลำ และเครื่องบินสะเทินน้ำ 12 ลำ ในขณะที่กองทัพอากาศเนเธอร์แลนด์ มีเครื่องบินต่อสู้เพียง 144 ลำ ซึ่งกว่าครึ่งในจำนวนนี้ถูกทำลายตั้งแต่วันแรก เครื่องบินลำที่เหลือก็กระจายตัวต่อสู่และยิงเครื่องบินเยอรมันตกได้เพียงไม่กี่ลำ ปฏิบัติการต่อต้านของเนเธอร์แลนด์เสียเครื่องบินไปทั้งหมดถึง 110 ลำ
ยุทธการของลุฟท์วัฟเฟอในครั้งนี้กลับประสบความล้มเหลว เนเธอร์แลนด์ยังรักษากรุงเฮกไว้ได้อยู่ แม้ฝ่ายเยอรมันสามารถยึดลานบินโดยรอบกรุงเฮกไว้ได้แต่ก็เสียทหารและเครื่องบินลำเลียงจำนวนมาก แต่ก็ถูกทหารเนเธอร์แลนด์สามารถยึดคืนได้ก่อนสิ้นวัน ปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยานของเนเธอร์แลนด์สามารถยิงเครื่องบินเยอรมันตกได้ 96 ลำ เครื่องบินลำเลียงของลุฟท์วัฟเฟอถูกยิงตก 125 ลำและเสียหาย 47 ฝ่ายเยอรมันใช้ทหารพลร่มในครั้งนี้กว่า 4,000 นาย ในจำนวนนี้กว่า 1,200 นายตกเป็นเชลยและถูกย้ายไปค่ายกักกันเชลยบนเกาะบริเตนใหญ่
กองทัพที่ 7 ของฝรั่งเศสไม่สามารถสกัดกั้นกองพลยานเกราะที่ 9 (9. Panzer-Division) ที่มาถึงเมืองรอตเทอร์ดามในวันที่ 13 พฤษภาคม ในวันเดียวกันนี้ การโต้กลับทางด้านตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ก็ประสบความล้มเหลว ทหารเนเธอร์แลนด์ต้องถอยร่นมายังแนวปราการฮอลแลนด์ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ในค่ำวันที่ 14 พฤษภาคม เมื่อลุฟท์วัฟเฟอใช้เครื่องบินไฮง์เคิล เฮ 111 ทิ้งระเบิดที่เมืองรอตเทอร์ดาม รัฐบาลเนเธอร์แลนด์กลัวว่าหายนะแบบเดียวจะเกิดขึ้นกับเมืองอื่น จึงยอมจำนนต่อเยอรมนีอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 พฤษภาคม สมเด็จพระราชินีนาถวิลเฮลมินาเสด็จลี้ภัยไปประเทศอังกฤษและตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่นั่น ศึกครั้งนี้ได้คร่าชีวิตทหารเนเธอร์แลนด์ 2,357 นายและพลเรือน 2,559 คน
บุกครองเบลเยียม
กองทัพเยอรมันมีอำนาจเหนือน่านฟ้าเบลเยียมได้อย่างรวดเร็ว ด้วยภาพถ่ายทางอากาศจากการลาดตระเวนของเยอรมัน ลุฟท์วัฟเฟอจึงสามารถทำลายเครื่องบิน 83 ลำจาก 179 ของกองทัพอากาศเนเธอร์แลนด์ภายในเวลา 24 ชั่วโมงตั้งแต่เริ่มบุก ฝ่ายเบลเยียมมุ่งเน้นไปที่การต้านทางบกและไม่ได้ให้ความสำคัญกับการต่อต้านทางอากาศ ทำให้ท้ายที่สุด ลุฟท์วัฟเฟอมีอำนาจครองน่านฟ้าทั้งหมดของกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำ
กลุ่มทัพ B ของเยอรมันที่บุกเข้ามาจากทางเนเธอร์แลนด์ มีการจัดวางกำลังที่อ่อนด้อยลงกว่าตอนแรก ทำให้เมื่อถูกรุกตีลวงโดยกองทัพที่ 6 ของฝรั่งเศส ฝ่ายเยอรมันก็ตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงทันที ขณะเดียวกัน แนวต้านของเบลเยียมที่คลองอัลเบิร์ตมีความเข้มแข็งมาก ทางแยกบริเวณแม่น้ำมิวเซอและอัลเบิร์ตอยู่ภายใต้การป้องกันโดยป้อมปราการเอเบิน-เอมาเอล ปราการขนาดใหญ่ที่ขึ้นชื่อว่าทันสมัยที่สุดในยุโรป การรุกของเยอรมันดูท่าจะต้องล่าช้าออกไป
ความล่าช้าที่เกิดขึ้นนี้อาจส่งผลกระทบต่อปฏิบัติการทั้งหมด ตามแผนแล้ว ฝ่ายเยอรมันจำเป็นปะทะกับทัพหลักของสัมพันธมิตรให้ได้ก่อนที่กลุ่มทัพ A จะตั้งฐานที่มั่นแล้วเสร็จ ที่สุดแล้ว ในเช้าวันที่ 10 พฤษภาคม ฝ่ายเยอรมันไม่มีทางเลือก จึงได้จัดหน่วยจู่โจมพิเศษ ใช้เครื่องร่อนลงด้านบนของปราการเอเบิน-เอมาเอล เพื่อทำลายปืนใหญ่หลักของป้อมปราการ ขณะเดียวกัน หน่วยพลร่มจะเข้ายึดสะพานข้ามคลองอัลเบิร์ต ฝ่ายเบลเยียมโต้กลับหลายหนแต่ก็ถูกขัดขวางโดยลุฟท์วัฟเฟอ การที่ปราการที่แกร่งที่สุดได้แตกลงสร้างความตกตะลึงแก่บรรดาผู้นำทหารของเบลเยียม กองบัญชาการใหญ่เบลเยียมสั่งการให้ถอยทัพมาตั้งหลักที่แนว KW ซึ่งเร็วกว่าที่คิดไว้ถึงห้าวัน ข่าวความพ่ายแพ้ที่ชายแดนเบลเยียมทำให้ฝรั่งเศสวิตกมาก ฝรั่งเศสโน้มน้าวให้เบลเยียมต่อสู้ต่อไปเพื่อถ่วงเวลาให้ฝรั่งเศสสร้างแนวรับที่ฌ็องบลู (Gembloux) ในเบลเยียม
ยุทธการที่อานูว์และฌ็องบลู
ยุทธการที่อานูว์ (12–13 พฤษภาคม) ในเบลเยียม ถือเป็นสมรภูมิยานเกราะที่ใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้น มียานเกราะเข้าร่วมในศึกครั้งนี้กว่า 1,500 คัน ฝรั่งเศสสามารถจัดการยานเกราะเยอรมันจนหมดสภาพรบไปได้ราว 160 คัน ในขณะที่ตัวเองเสียรถถัง Hotchkiss H35 จำนวน 91 คันและเสีย Somua S35 จำนวน 30 คัน อย่างไรก็ตาม กองทัพเยอรมันเข้าควบคุมพื้นที่ไว้ได้ภายหลังฝรั่งเศสถอนกำลังอย่างเป็นระบบ และเยอรมันสามารถซ่อมแซมรถถังคืนสภาพมาได้ส่วนใหญ่ สรุปในศึกครั้งนี้ เยอรมันเสียยานเกราะไปสุทธิ 49 คัน ส่วนฝรั่งเศสก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายทางยุทธวิธีที่จะถ่วงเวลาเดินทางและขุดสนามเพลาะให้แก่กองทัพที่ 1 ของฝรั่งเศส
กองยานเกราะเยอรมันเข้าปะทะกับกองทัพที่ 1 ทางตอนเหนือราว 120 กิโลเมตรจากเซอด็อง (Sedan) ซึ่งเป็นจุดสำคัญสุดที่พลเอกเฮิพเนอร์ต้องการยึดแต่ทำไม่สำเร็จ ต่อมาในวันที่ 14 พฤษภาคม เฮิพเนอร์ซึ่งตั้งทัพที่อานูว์ ได้ขัดคำสั่งหน่วยเหนือและเข้าตีฌ็องบลูอีกครั้งเป็นยุทธการที่ฌ็องบลู ทหารฝรั่งเศสยังป้องกันฌ็องบลูไว้ได้แต่ก็เสียทหารไปไม่น้อย
แนวรบตอนกลาง
ป่าอาร์แดน
กองพลทหารม้าเบลเยียมนำสิ่งกีดขวางเข้าปิดกั้นเส้นทาง และเข้าปะทะกับ ที่เมืองโบดอญ (Bodange) โดยจะมีกองพลทหารม้าเบาที่ 5 ของฝรั่งเศสมาช่วยเสริมกำลัง อย่างไรก็ตาม หลังสู้รบเป็นเวลากว่าแปดชั่วโมง กองพลฝรั่งเศสก็ยังไม่มาถึง กองพลเบลเยียมจึงจำต้องถอนกำลัง ทหารช่างเยอรมันเข้ารื้อสิ่งกีดขวางโดยง่าย กองทัพฝรั่งเศสมีอาวุธต่อต้านรถถังไม่เพียงพอรับฝูงยานเกราะเยอรมันจำนวนมหาศาล จึงร่นถอยมาฝั่งใต้ของแม่น้ำเมิซ
จำนวนยานยนต์มหาศาลของเยอรมันเป็นอุปสรรถต่อการเดินทัพเช่นกัน กลุ่มยานเกราะไคลสท์ (Panzergruppe Kleist) ซึ่งมียานยนต์กว่า 41,140 คัน ไม่สามารถยกทัพโดยถนนเพียงเส้นเดียว จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้เครือข่ายทางที่มีสภาพย่ำแย่กว่าในการยกทัพ ซึ่งในขณะนั้นมีเพียงสี่เส้นทางที่สามารถใช้ยกทัพผ่านอาร์แดน เครื่องบินลานตระเวนของฝรั่งเศสรายงานว่าพบขบวนยานเกราะเยอรมันในคืนวันที่ 10/11 พฤษภาคม และคาดเดาว่าขบวนยานเกราะเหล่านี้จะไปโจมตีระลอกสองในเบลเยียม ในคืนถัดมา นักบินฝรั่งเศสรายงานว่าพบขบวนยานยนต์แถวยาวกำลังเคลื่อนที่แบบไม่เปิดไฟบนเส้นทางสู่อาร์แดน ต่อมามีการส่งนักบินไปยืนยันและพบว่าในบรรดายานยนต์ดังกล่าว จำนวนมากเป็นยานเกราะและบางส่วนเป็นรถสะพาน แต่พลเอกกาเมอแล็งไม่เชื่อรายงานนี้และเพิกเฉย
พลเอกกาเมอแล็งสั่งการให้กองพลทหารกองหนุนเข้าเสริมกำลังที่แนวรับแม่น้ำเมิซในวันที่ 11 พฤษภาคม แต่เนื่องด้วยมีภัยคุกคามทางอากาศจากลุฟท์วัฟเฟอ ทำให้การลำเลียงทหารฝรั่งเศสทางรถไฟทำได้ในเวลากลางคืนเท่านั้น การเสริมกำลังจึงล่าช้า ฝรั่งเศสเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของแนวรับที่แม่น้ำเมิซ และเชื่อว่าเยอรมันจะค่อยๆบุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน อย่างไรก็ตาม ในเช้าวันถัดมาฝรั่งเศสพบว่าส่วนหน้าของกลุ่มทัพ A ของเยอรมัน บุกมาถึงแม่น้ำเมิซแล้ว
13 พฤษภาคม กลุ่มยานเกราะไคลสท์ประสบจราจรติดขัดบนเส้นทางสายหนึ่งเป็นระยะทางยาวกว่า 250 กิโลเมตรตั้งแต่แม่น้ำไรน์ในเยอรมนีจนถึงแม่น้ำเมิซในฝรั่งเศส ระหว่างที่ฝูงยานเกราะเยอรมันตกเป็นเป้านิ่งอยู่นี้เอง ฝรั่งเศสกลับไม่ยอมส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดมาโจมตีฝูงยานเกราะเยอรมันดังกล่าว แต่กลับส่งไปโจมตีกองทัพเยอรมันในตอนเหนือของเบลเยียม ในเวลาเพียงสองวัน เครื่องบินทิ้งระเบิดฝรั่งเศสลดจำนวนจาก 135 เหลือ 72 ลำเท่านั้น
ยุทธการที่เซอด็อง
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เยอรมันข้ามแม่น้ำเมิซ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ผลตอบรับในเยอรมนี
ฮิตเลอร์คาดการณ์ว่าเยอรมันจะเสียทหารไปในการบุกฝรั่งเศสราวหนึ่งล้านนาย อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของเขาสำเร็จลงในเวลาเพียงหกสัปดาห์ ทหารเยอรมันเสียชีวิตเพียง 27,074 นาย, สูญหาย 18,384 นาย และบาดเจ็บ 111,034 นาย ชัยชนะครั้งใหญ่ที่ไม่คาดคิดทำให้ประชาชนชาวเยอรมันตกอยู่ในคลื่นความยินดี ความนิยมในตัวฮิตเลอร์พุ่งกระฉูด ในวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1940 ฮิตเลอร์จัดพิธีมอบยศจอมพลให้แก่ 12 นายทหาร ได้แก่:
- พลเอกอาวุโส วัลเทอร์ ฟ็อน เบราคิทช์ ผู้บัญชาการใหญ่กองทัพบก
- พลเอกอาวุโส วิลเฮ็ล์ม ไคเทิล หัวหน้ากองบัญชาการใหญ่แห่งแวร์มัคท์
- พลเอกอาวุโส แกร์ท ฟ็อน รุนท์ชเต็ท ผู้บัญชาการกลุ่มทัพ A
- พลเอกอาวุโส เฟดอร์ ฟ็อน บ็อค ผู้บัญชาการกลุ่มทัพ B
- พลเอกอาวุโส วิลเฮ็ล์ม ริทเทอร์ ฟ็อน เลพ ผู้บัญชาการกลุ่มทัพ C
- พลเอกอาวุโส กึนเทอร์ ฟ็อน คลูเกอ ผู้บัญชาการกองทัพที่ 4
- พลเอกอาวุโส วิลเฮ็ล์ม ลิสท์ ผู้บัญชาการกองทัพที่ 12
- พลเอกอาวุโส แอร์วีน ฟ็อน วิทซ์เลเบิน ผู้บัญชาการกองทัพที่ 1
- พลเอกอาวุโส วัลเทอร์ ฟ็อน ไรเชอเนา ผู้บัญชาการกองทัพที่ 6
- พลเอกอาวุโส แอร์ฮาร์ท มิลช์ อดีตผู้บัญชาการกองบิน 5, จเรทหารอากาศ
- พลอากาศเอก อัลแบร์ท เค็สเซิลริง ผู้บัญชาการกองบิน 2
- พลอากาศเอก ฮูโก ชแปร์เลอ ผู้บัญชาการกองบิน 3
อ้างอิง
- Umbreit 2015, p. 279.
- Zaloga 2011, p. 73.
- Hooton 2007, pp. 47–48
- Hooton 2007, p. 90.
- Frieser (1995), p. 400.
- Murray 1983, p. 40.
- Viscount Halifax to Sir N. Henderson (Berlin) 2 ตุลาคม 2017 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Cited in the British Blue book
- "Britain and France declare war on Germany". The History Channel. สืบค้นเมื่อ 6 May 2014.
- . . indiana.edu. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-09-27. สืบค้นเมื่อ 2020-03-30.
- Shirer 1990, p. 715
- Weinberg p. 122.
- Hooton 2007, pp. 49–54.
- Evans 2000, pp. 33–38
- Hooton 2007, pp. 48–49, 52
- Hooton 1994, p. 244.
- L. de Jong, 1971 nopp
- Hooton 2007, pp. 244 –, 50, 52
- Evans 2000, p. 38
- Hooton, 2007, p. 48
- Dunstan 2005, pp. 31–32
- Pierre Genotte, pp. 56–57.
- Gunsburg 1992, pp. 207–44, 236–37, 241.
- Frieser 2005, pp. 246–48.
- Frieser 2005, pp. 137–42.
- Jackson 1974, p. 56.
- , No. 352, April 2010 France 1940: Autopsie d'une défaite, p. 59.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
yuththkarthifrngess xngkvs Battle of France hrux khwamphinasthifrngess xngkvs Fall of France ineyxrmnieriyk karthphtawntk eyxrmn Westfeldzug khuxkarbukodykxngthpheyxrmnephuxyudkhrxngphakhehnuxkhxngpraethsfrngessaelaklumpraethsaephndintainchwngsngkhramolkkhrngthisxng frngessidprakassngkhramtxeyxrmniinwnthi 3 knyayn 1939 hlngcakthieyxrmniykthphbukkhrxngopaelndsungepnphnthmitrkbfrngessaelaxngkvs inchwngtneduxnknyayn 1939 thangkxngthphfrngessbukekhasarlnthkhxngeyxrmnxyangmikhxbekht aetinklangeduxntulakhmkhxngpinnthangkxngthphfrngessklbthxnkalngmaklbpracataaehnngedimhlngaenwmachion tlxdhkspdahhlngtngaetwnthi 10 phvsphakhm 1940 epntnip kxngthhareyxrmnexachnakxngthharsmphnthmitrodyptibtikaryanynt aelaekhaphichitfrngess ebleyiym lkesmebirk enethxraelnd epncudsinsudkhxngaenwrbdantawntkcnkrathngkarykphlkhunbkthinxrmxngdi inwnthi 6 mithunayn 1944 xitaliidekharwmkbeyxrmniaelaprakassngkhramtxfrngessinwnthi 10 mithunayn 1940yuththkarthifrngessswnhnungkhxng aenwrbdantawntkinsngkhramolkkhrngthisxngwnkhwacakbnsay 1 yuthothpkrnthithukthinginphakhehnuxkhxngfrngess 2 thhareyxrmnswnsnaminkrungparis 3 thharxngkvstngtaaehnngpun 4 yanekraakhxngfrngessthithukthalay 5 thharfrngessedinsukhaykkknchelykhxngeyxrmn 6 yanekraaeyxrmnekhluxnsupaxaraedninfrngesswnthi10 phvsphakhm 22 mithunayn kh s 1940 46 wn sthanthifrngessaelaklumpraethsaephndintaphleyxrmniidrbchychna wichifrngessthuktngkhunaethnsatharnrthfrngessthi 3khusngkhramfrngess brietnihy ebleyiym enethxraelnd lkesmebirk opaelnd echoksolwaekiy ircheyxrmn xitali tngaet 10 mithunayn phubngkhbbychaaelaphunamxris kaemxaelng xalfngs chxrch phraecaeloxopldthi 3wlethxr fxn ebrakhithch aekrth fxn runthchetth efdxr fxn bxkh wilehlm fxn elph xlaebrth ekhsesilring huok chaeprelxkalngsmphnthmitr 135 kxngphl 3 300 000 lannay 3 383 4 071 yanekraa 2 935 xakasyan frngessinethuxkekhaaexlp 5 kxngphl 150 000 nayeyxrmni 141 kxngphl 3 350 000 lannay 2 445 yanekraa 5 638 xakasyan xitaliinethuxkekhaaexlp 22 kxngphl 300 000 naykhwamsuyesiytayhruxbadecb 360 000 tkepnechly 1 900 000 esiyxakasyan 2 233 esiyyanekraa 2 438tay 27 074 badecb 111 034 esiyxakasyan 1 236 esiyyanekraa 822 10 phvsphakhm eyxrmnierimptibtikar ehtuehluxng Fall Gelb kxngyanekraaeyxrmnidthabukocmtiekhaphanthangxaraednaelatamaenwaemnaxyangkrathnhndwykhwamerwthithangfaysmphnthimitrkhadimthung kxngphlyanekraaeyxrmnkhamaemnaemisidinwnthi 15 phvsphakhmaelabuktxipthangtawntkodythnthi fayeyxrmnidtdkhadesnthangkaredinthphkhxngfaysmphnthmitrinphunthi aelasamarthlxmkxngthharfaysmphnthmitrthikalngmunghnakhunehnuxipchwyebleyiymaelacaekhaocmtieyxrmnkbkxngthphthikhadwacaepnkxngthphhlkkhxngeyxrmn dwyptibtikaryanekraaxnmiprasiththiphaphkhxngeyxrmnthaihkxngthharbritich frngess aelaebleyiymthukphlkdnipcnmumxyuthihadedingaekrk rthbalbritichidthakarxphyphkxngkalngrbnxkpraethsbritich BEF tlxdcnkxngphlfrngessxxkcakhadedingaekrkinptibtikaridnaomcnesrcsinwnthi 4 mithunayn 1940 eyxrmnierimptibtikar ehtuaedng Fall Rot inwnthi 5 mithunayn kxngphlbritichaelafrngess 60 hnwythiehluxxyuphyayamtxtankarurkranxyangsudkalngaetkimepnphlmaknk enuxngcakfayeyxrmnmikarsnbsnunthangxakasaelamiyanekraathiehnuxkwamak kxngyanekraaeyxrmnykthphoxblxmaenwmachioncakphakhehnuxaelamungekhasuphakhklangkhxngfrngess aelaekhayudkrungparisthiirthharpxngkninwnthi 14 mithunayn phukhninrthbalfrngesstanghlbhnixxkipxngkvskxnhnannaelw phunathhareyxrmnekhaecrcakhxtklnghyudyingkbrthbalfrngessinwnthi 18 mithunayn inwnthi 22 mithunayn thngsxngfayidlngnamintrasarsngbsukthipakngepiyy rthbalwichifrngess thiepnklangnaody cxmphlfilip epaetng xxkprakaslmlangsatharnrthfrngessthi 3 yxmiheyxrmniekhayudkhrxngphakhehnuxaelachayfngtlxdcnaephndinhlngfngthaelkhxngfrngess karbukkhxngxitalisngphlihthangfrngessesiyphunthibnaethbethuxkekhaaelahlngcakthifrngessidlngnamtrasarsngbsuk thangxitalikidkhrxbkhrxngphunthiinthangtawnxxkechiyngit rthbalwichifrngess miekhtxanacephiyngdinaednnxkyudkhrxngaethbphakhitsungeriykwa osnesri Zone libre ineduxnphvscikayn 1942 thhareyxrmnaelaxitaliekhayudphunthiosnesriphayitchuxptibtikarxnothn Unternehmen Anton aemfrngesscaphayaephsukkhrngni aetnayphlchals edx okl aehngkxngthphfrngessidliphyipxyukrunglxndxn ekhaidcdtngaenwrwmesrifrngess France Libre ephuxtxtannasieyxrmniaelarthbalwichifrngess frngessxyuphayitkaryudkhrxngkhxngfayxksacnkrathngthukpldplxyhlngcakfaysmphnthmitrykphlkhunbkinpi 1944 xdxlf hitelxr aelaxlaebrth chaepr thwrchmkrungparis 23 mithunayn 1940 hnungwnhlnglngnamsngbsukkbfrngessphumihlngaenwmachion chwngthswrrsthi 1930 frngessidsrangaenwpxngknthichux aenwmachion Ligne Maginot tamaenwphrmaednrwmkbeyxrmn tlxdesnnietmipdwypxmprakarkhxnkrit singkidkhwang aelaxawuth cudprasngkhkhxngaenwpxngknnikhuxthangfrngesssamarthldcanwnkalngkhninkarrbkbeyxrmnodytrngaelasamarthbngkhbiheyxrmnieluxksngkxngthphhlkekhabukphanebleyiymaethn thangfrngesscungcasamarthsnghnwythharmuxdithiiprbkbthhareyxrmninebleyiymaethn thangfrngessechuxwasngkhramcapathukhunnxktwpraethskhxngfrngessexng epnklayhlikeliyngkarthalaylangehmuxninsngkhramolkkhrngthihnung swnhlkkhxngaenwmachionerimtntngaetbriewnphrmaednththitidkbswitesxraelnd aelalakyawtamaenwchayaednrwmkbeyxrmn phanpaxaraedncnipthungchayaednebleyiym chwngthikhnaniptamaenwchayaednebleyiymepnswnthimikarpxngknimhnaaennethakbswnthitidkbchayaednkhxngeyxrmni phunthikhxngpaxaraednnnetmipdwytnimaelahubekhacungthaihmikartxetimaelasrangaenwpxngknlabak cxmphlfilip epaetng prakaswa xaraednimmiwnaetk emuxkxngthpheyxrmnophlxxkmacakxaraedn catxngthukthalayxyangaennxndwykartikhnabkhxngfrngess phubychakarsungsudkxngthphfrngess phlexkmxris kaemxaelng exngkechuxwaphunthibriewnnnplxdphymakcakkarthukocmtiechnknaelayngidklawiwwa mnimekhyexuxtxkarthayuththkarihy dwykhwamechuxechnnithaihfrngesswangkalngthhariwinphunthiniephiyngsibkxngphl phwkekhaechuxwaaenwmachionnnaekhngaekrngphxthicathwngewlaihkxngthphfrngessradmphlipthiaenwrbaelaotklbidxyangrwderw karbukkhrxngopaelndkhxngeyxrmni inpi 1939 shrachxanackraelafrngessesnxkhwamchwyesnxthangthharihaekopaelndinkrniephuxwathukrukranodyeyxrmni inechawnthi 1 knyayn 1939 eyxrmnkepidchakbukkhrxngopaelnd shrachxanackraelafrngessyunkhakhadiheyxrmnithxnthharxxkcakopaelndinthnthi eyxrmniimtxbsnxng thngsxngpraethscungprakassngkhramtxeyxrmniinwnthi 3 knyayn khxngpinnaelapraethsxunkthyxyprakastam idaek xxsetreliy 3 knyayn niwsiaelnd 3 knyayn aexfrikait 6 knyayn aelaaekhnada 10 knyayn xyangirktam aemshrachxanackraelafrngesscaidprakassngkhramaelw aetthngsxngpraethsklbimxyuinsphaphthiphrxmcachwyehluxthangthharaekopaelndxikaelwinphawathiepnxyu oxkasthithangosewiytnncaekhamachwyehluxopaelndimmixikaelwephraakhwamtklngmiwnikinpi 1938 eyxrmniaelashphaphosewiytphunglngnaminktikasyyaimrukranknsungrwmipthungkaraebngdinaednkhxngopaelnd aelaosewiytkchwyeyxrmnbukopaelndcakdantawnxxk shrachxanackraelafrngessthaidaekhephiyngmxngduopaelndlmslayiptxhnatxta thangshrachxanackraelafrngesserngnnwangaephnthicaihmnepnsngkhramthinancungsngsmxawuthyuththphnthephuxetriymthakarrbmuxkbkarrukrancakeyxrmni aelathaihesrsthkicsngkhramkhxngeyxrmnxxntwlngodykarpidlxmkarkha sngkhramlwng 7 knyayn 1939 frngessykkalng 98 kxngphl miephiyng 28 kxngphlthiepnthharkxnghnun phrxmyanekraa 2 500 khnxxknxkaenwmachionraw 5 kiolemtrephuxipyngsarlnth ekhtxutsahkrrmthisakhykhxngeyxrmnisungthukpxngknody 43 kxngphleyxrmn kwa 32 kxngphlepnthharkxnghnun aelaimmiyanekraaely caehnidwafrngessmikhwamehnuxkwainthukmiti kxngphlfrngessrudhnaip 5 kiolemtrcnekuxbcathungaenwsikhfrithkhxngeyxrmnthiyngsrangimesrc aetinwnthi 17 knyayn phlexkkaemxaelngepliynic mikhasngihthxnkalngklbmahlngaenwmachion yuththsastrkhxngphlexkkaemxaelngkhuxrxcnkrathngkxngthphfrngessaelaxngkvsmikhwamphrngphrxmdanyuththphnthxyangetmthiesiykxn phayhlngcbkarruksarlnthkepnchwngewlathieriykwasngkhramlwng Phoney War hruxthieyxrmnieriykwasngkhramnng Sitzkrieg hitelxrhwngwashrachxanackraelafrngesscayxmrbkaryudkhrxngopaelndaelapranipranxmsntiphaphodyerw hitelxresnxkhxtklngsntiphaphipyngsxngmhaxanacinwnthi 6 tulakhmehtukarnaenwrbtxnehnux 9 phvsphakhm ewla 21 00 n mikhasngichrhs Danzig ipyngkxngphleyxrmnthukhnwyephuxsngich ehtuehluxng Fall Gelb kxngthpheyxrmnepidchakekhayudpraethslkesmebirkodyirkartxtan klumthph B epidptibtikarekharuktipraethsenethxraelndaelaebleyiymintxnklangkhun emuxekhasuechawnthi 10 phvsphakhm hnwyphlrmeyxrmncakkxngphlehinewhathi 7 7 Flieger Division aelakxngphlrxnxakasthi 22 22 Luftlande Division thingtwcakxakasaelaekhacuocmkrungehkaelaesnthangsuemuxngrxtethxrdamxyangimthntngtw hnwyphlrmeyxrmniepnhnwyekhliyrthangephuxihklumthph B rukidxyangsadwk kxngbychakarfrngesstxbotthnkhwnodykarsngkxngthphthi 1 khxngfrngesskhunehnuxephuxptibtitamaephldil sungthuxepnhnwythharthidithisudkhxngfrngess aetemuxkxngthphthi 7 khxngfrngesskhamchayaednsupraethsenethxraelnd kphbwakxngthphenethxraelndthukrukticntxngthxyrnxyangetmkalngippxngknemuxngaexntewirpinpraethsebleyiym bukkhrxngenethxraelnd enuxngcakenethxraelndmiaenwpxngknthangnathieriykwaprakarhxlaelndepnaenwtxtansakhythangbk lufthwfefxcungidrbmxbhmayocmtiaelayudkhrxngkrungehkinptibtikarthieriykwa yuththkarthiedxaehk ekhruxngbinthiichprakxbdwyekhruxngbinthingraebidkhnadklang 247 la ekhruxngbintxsu 147 la ekhruxngbinlaeliyngyuhasibsxng 424 la aelaekhruxngbinsaethinna 12 la inkhnathikxngthphxakasenethxraelnd miekhruxngbintxsuephiyng 144 la sungkwakhrungincanwnnithukthalaytngaetwnaerk ekhruxngbinlathiehluxkkracaytwtxsuaelayingekhruxngbineyxrmntkidephiyngimkila ptibtikartxtankhxngenethxraelndesiyekhruxngbinipthnghmdthung 110 la emuxngrxtethxrdamhlngthukthingraebid yuththkarkhxnglufthwfefxinkhrngniklbprasbkhwamlmehlw enethxraelndyngrksakrungehkiwidxyu aemfayeyxrmnsamarthyudlanbinodyrxbkrungehkiwidaetkesiythharaelaekhruxngbinlaeliyngcanwnmak aetkthukthharenethxraelndsamarthyudkhunidkxnsinwn punihytxtanxakasyankhxngenethxraelndsamarthyingekhruxngbineyxrmntkid 96 la ekhruxngbinlaeliyngkhxnglufthwfefxthukyingtk 125 laaelaesiyhay 47 fayeyxrmnichthharphlrminkhrngnikwa 4 000 nay incanwnnikwa 1 200 naytkepnechlyaelathukyayipkhaykkknechlybnekaabrietnihy kxngthphthi 7 khxngfrngessimsamarthskdknkxngphlyanekraathi 9 9 Panzer Division thimathungemuxngrxtethxrdaminwnthi 13 phvsphakhm inwnediywknni karotklbthangdantawnxxkkhxngenethxraelndkprasbkhwamlmehlw thharenethxraelndtxngthxyrnmayngaenwprakarhxlaelndinsphaphkhxnkhangsmburn xyangirktam inkhawnthi 14 phvsphakhm emuxlufthwfefxichekhruxngbinihngekhil eh 111 thingraebidthiemuxngrxtethxrdam rthbalenethxraelndklwwahaynaaebbediywcaekidkhunkbemuxngxun cungyxmcanntxeyxrmnixyangepnthangkarinwnthi 15 phvsphakhm smedcphrarachininathwilehlminaesdcliphyippraethsxngkvsaelatngrthbalphldthinthinn sukkhrngniidkhrachiwitthharenethxraelnd 2 357 nayaelaphleruxn 2 559 khn bukkhrxngebleyiym kxngthpheyxrmnmixanacehnuxnanfaebleyiymidxyangrwderw dwyphaphthaythangxakascakkarladtraewnkhxngeyxrmn lufthwfefxcungsamarththalayekhruxngbin 83 lacak 179 khxngkxngthphxakasenethxraelndphayinewla 24 chwomngtngaeterimbuk fayebleyiymmungennipthikartanthangbkaelaimidihkhwamsakhykbkartxtanthangxakas thaihthaythisud lufthwfefxmixanackhrxngnanfathnghmdkhxngklumpraethsaephndinta aephnthithitngkhxngprakarexebin exmaexl klumthph B khxngeyxrmnthibukekhamacakthangenethxraelnd mikarcdwangkalngthixxndxylngkwatxnaerk thaihemuxthukruktilwngodykxngthphthi 6 khxngfrngess fayeyxrmnktkxyuinphawasumesiyngthnthi khnaediywkn aenwtankhxngebleyiymthikhlxngxlebirtmikhwamekhmaekhngmak thangaeykbriewnaemnamiwesxaelaxlebirtxyuphayitkarpxngknodypxmprakarexebin exmaexl prakarkhnadihythikhunchuxwathnsmythisudinyuorp karrukkhxngeyxrmnduthacatxnglachaxxkip khwamlachathiekidkhunnixacsngphlkrathbtxptibtikarthnghmd tamaephnaelw fayeyxrmncaepnpathakbthphhlkkhxngsmphnthmitrihidkxnthiklumthph A catngthanthimnaelwesrc thisudaelw inechawnthi 10 phvsphakhm fayeyxrmnimmithangeluxk cungidcdhnwycuocmphiess ichekhruxngrxnlngdanbnkhxngprakarexebin exmaexl ephuxthalaypunihyhlkkhxngpxmprakar khnaediywkn hnwyphlrmcaekhayudsaphankhamkhlxngxlebirt fayebleyiymotklbhlayhnaetkthukkhdkhwangodylufthwfefx karthiprakarthiaekrngthisudidaetklngsrangkhwamtktalungaekbrrdaphunathharkhxngebleyiym kxngbychakarihyebleyiymsngkarihthxythphmatnghlkthiaenw KW sungerwkwathikhidiwthunghawn khawkhwamphayaephthichayaednebleyiymthaihfrngesswitkmak frngessonmnawihebleyiymtxsutxipephuxthwngewlaihfrngesssrangaenwrbthichxngblu Gembloux inebleyiym yuththkarthixanuwaelachxngblu yuththkarthixanuw 12 13 phvsphakhm inebleyiym thuxepnsmrphumiyanekraathiihythisudthiekidkhun miyanekraaekharwminsukkhrngnikwa 1 500 khn frngesssamarthcdkaryanekraaeyxrmncnhmdsphaphrbipidraw 160 khn inkhnathitwexngesiyrththng Hotchkiss H35 canwn 91 khnaelaesiy Somua S35 canwn 30 khn xyangirktam kxngthpheyxrmnekhakhwbkhumphunthiiwidphayhlngfrngessthxnkalngxyangepnrabb aelaeyxrmnsamarthsxmaesmrththngkhunsphaphmaidswnihy srupinsukkhrngni eyxrmnesiyyanekraaipsuththi 49 khn swnfrngesskthuxwabrrluepahmaythangyuththwithithicathwngewlaedinthangaelakhudsnamephlaaihaekkxngthphthi 1 khxngfrngess kxngyanekraaeyxrmnekhapathakbkxngthphthi 1 thangtxnehnuxraw 120 kiolemtrcakesxdxng Sedan sungepncudsakhysudthiphlexkehiphenxrtxngkaryudaetthaimsaerc txmainwnthi 14 phvsphakhm ehiphenxrsungtngthphthixanuw idkhdkhasnghnwyehnuxaelaekhatichxngbluxikkhrngepnyuththkarthichxngblu thharfrngessyngpxngknchxngbluiwidaetkesiythharipimnxy aenwrbtxnklang paxaraedn karrukkhxngeyxrmncnthungbay 16 phvsphakhm 1940 kxngphlthharmaebleyiymnasingkidkhwangekhapidknesnthang aelaekhapathakb thiemuxngobdxy Bodange odycamikxngphlthharmaebathi 5 khxngfrngessmachwyesrimkalng xyangirktam hlngsurbepnewlakwaaepdchwomng kxngphlfrngesskyngimmathung kxngphlebleyiymcungcatxngthxnkalng thharchangeyxrmnekharuxsingkidkhwangodyngay kxngthphfrngessmixawuthtxtanrththngimephiyngphxrbfungyanekraaeyxrmncanwnmhasal cungrnthxymafngitkhxngaemnaemis canwnyanyntmhasalkhxngeyxrmnepnxupsrrthtxkaredinthphechnkn klumyanekraaikhlsth Panzergruppe Kleist sungmiyanyntkwa 41 140 khn imsamarthykthphodythnnephiyngesnediyw cungeliyngimidthicatxngichekhruxkhaythangthimisphaphyaaeykwainkarykthph sunginkhnannmiephiyngsiesnthangthisamarthichykthphphanxaraedn ekhruxngbinlantraewnkhxngfrngessraynganwaphbkhbwnyanekraaeyxrmninkhunwnthi 10 11 phvsphakhm aelakhadedawakhbwnyanekraaehlanicaipocmtiralxksxnginebleyiym inkhunthdma nkbinfrngessraynganwaphbkhbwnyanyntaethwyawkalngekhluxnthiaebbimepidifbnesnthangsuxaraedn txmamikarsngnkbinipyunynaelaphbwainbrrdayanyntdngklaw canwnmakepnyanekraaaelabangswnepnrthsaphan aetphlexkkaemxaelngimechuxraynganniaelaephikechy phlexkkaemxaelngsngkarihkxngphlthharkxnghnunekhaesrimkalngthiaenwrbaemnaemisinwnthi 11 phvsphakhm aetenuxngdwymiphykhukkhamthangxakascaklufthwfefx thaihkarlaeliyngthharfrngessthangrthifthaidinewlaklangkhunethann karesrimkalngcunglacha frngessechuxmninkhwamaekhngaekrngkhxngaenwrbthiaemnaemis aelaechuxwaeyxrmncakhxybukxyangepnkhnepntxn xyangirktam inechawnthdmafrngessphbwaswnhnakhxngklumthph A khxngeyxrmn bukmathungaemnaemisaelw 13 phvsphakhm klumyanekraaikhlsthprasbcracrtidkhdbnesnthangsayhnungepnrayathangyawkwa 250 kiolemtrtngaetaemnairnineyxrmnicnthungaemnaemisinfrngess rahwangthifungyanekraaeyxrmntkepnepaningxyuniexng frngessklbimyxmsngekhruxngbinthingraebidmaocmtifungyanekraaeyxrmndngklaw aetklbsngipocmtikxngthpheyxrmnintxnehnuxkhxngebleyiym inewlaephiyngsxngwn ekhruxngbinthingraebidfrngessldcanwncak 135 ehlux 72 laethann yuththkarthiesxdxng swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniideyxrmnkhamaemnaemis swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidphltxbrbineyxrmnihitelxraelanaythharthiidrbyscxmphl hitelxrkhadkarnwaeyxrmncaesiythharipinkarbukfrngessrawhnunglannay xyangirktam epahmaykhxngekhasaerclnginewlaephiynghkspdah thhareyxrmnesiychiwitephiyng 27 074 nay suyhay 18 384 nay aelabadecb 111 034 nay chychnakhrngihythiimkhadkhidthaihprachachnchaweyxrmntkxyuinkhlunkhwamyindi khwamniymintwhitelxrphungkrachud inwnthi 19 krkdakhm kh s 1940 hitelxrcdphithimxbyscxmphlihaek 12 naythhar idaek phlexkxawuos wlethxr fxn ebrakhithch phubychakarihykxngthphbk phlexkxawuos wilehlm ikhethil hwhnakxngbychakarihyaehngaewrmkhth phlexkxawuos aekrth fxn runthchetth phubychakarklumthph A phlexkxawuos efdxr fxn bxkh phubychakarklumthph B phlexkxawuos wilehlm rithethxr fxn elph phubychakarklumthph C phlexkxawuos kunethxr fxn khluekx phubychakarkxngthphthi 4 phlexkxawuos wilehlm listh phubychakarkxngthphthi 12 phlexkxawuos aexrwin fxn withselebin phubychakarkxngthphthi 1 phlexkxawuos wlethxr fxn irechxena phubychakarkxngthphthi 6 phlexkxawuos aexrharth milch xditphubychakarkxngbin 5 certhharxakas phlxakasexk xlaebrth ekhsesilring phubychakarkxngbin 2 phlxakasexk huok chaeprelx phubychakarkxngbin 3xangxingUmbreit 2015 p 279 sfn error no target CITEREFUmbreit2015 Zaloga 2011 p 73 sfn error no target CITEREFZaloga2011 Hooton 2007 pp 47 48 Hooton 2007 p 90 Frieser 1995 p 400 Murray 1983 p 40 Viscount Halifax to Sir N Henderson Berlin 2 tulakhm 2017 thi ewyaebkaemchchin Cited in the British Blue book Britain and France declare war on Germany The History Channel subkhnemux 6 May 2014 indiana edu khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 09 27 subkhnemux 2020 03 30 Shirer 1990 p 715 Weinberg p 122 Hooton 2007 pp 49 54 Evans 2000 pp 33 38 Hooton 2007 pp 48 49 52 Hooton 1994 p 244 L de Jong 1971 nopp Hooton 2007 pp 244 50 52 Evans 2000 p 38 Hooton 2007 p 48 Dunstan 2005 pp 31 32 Pierre Genotte pp 56 57 Gunsburg 1992 pp 207 44 236 37 241 Frieser 2005 pp 246 48 Frieser 2005 pp 137 42 sfn error no target CITEREFFrieser2005 Jackson 1974 p 56 No 352 April 2010 France 1940 Autopsie d une defaite p 59