มุซัยลิมะฮ์ (อาหรับ: مُسَيْلِمَةُ) หรือ มัสละมะฮ์ อิบน์ ฮะบีบ (อาหรับ: مَسْلَمَةُ بْنُ حَبِيبٍ; เสียชีวิต ค.ศ. 632) เป็นนักเทศน์ในด้านเอกเทวนิยมจากเผ่า เขาอ้างตนเองเป็นศาสดาในอาระเบียเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 7 โดยเป็นหัวหน้าในช่วง มุสลิมถือว่าเขาเป็น หรือ "จอมโกหก" (อาหรับ: اَلْكَذَّابُ)
มุซัยลิมะฮ์ | |
---|---|
مُسَيْلِمَةُ | |
ฉากการสังหารมุซัยลิมะฮ์โดยใน | |
เกิด | |
เสียชีวิต | ค.ศ. 632 อัลยะมามะฮ์ |
สุสาน | ไม่ทราบ |
ชื่ออื่น | มัสละมะฮ์ อิบน์ ฮะบีบ มุซัยลิมะฮ์ อัลกัษษาบ |
คู่สมรส | |
บุตร | ไม่มี |
บิดามารดา |
|
ศัพทมูลวิทยา
ชื่อจริงของมุซัยลิมะฮ์คือ มัสลามาฮ์ บิน ฮาบีบ แต่มุสลิมเรียกเขาเป็นมุซัยลิมะฮ์ ซึ่งเป็นชื่อเล่นของมัสละมะฮ์
ชีวิตช่วงต้น
มุซัยลิมะฮ์เป็นบุตรของฮะบีบ จากเผ่า หนึ่งในเผ่าที่ใหญ่ที่สุดในอาระเบีย ซึ่งอาศัยอยู่ในแคว้น บะนูฮะนีฟะฮ์เป็นตระกูลที่นับถือศาสนาคริสต์ของ และดำรงอยู่อย่างอิสระก่อนการปรากฏตัวของอิสลาม
ในบันทึกแรกที่มุซัยลิมะฮ์มีส่วนเกี่ยวข้องคือการป้กป้องเผ่าของตนเองโดยให้พวกเขานับถือศาสนาอิสลามในช่วงปลายฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 9
อ้างตนเป็นศาสดาและคำสอน
คำสอนของเขาเกือบสูญหายไป แต่ยังมีการทบทวนอย่างเป็นกลางอยู่ใน โดยมีรายงานว่า เขาให้ละหมาด 3 ครั้งต่อวัน โดยหันไปทิศใดก็ได้ เขาให้ถือศีลอดในเวลากลางคืนในเดือนเราะมะฎอน แทนที่จะเป็นตอนกลางวัน ห้ามการขลิบปลายอวัยวะเพศ มุซัยลิมะฮ์ประกาศว่าทาสคนใดที่เข้ารับศาสนาของตนจะกลายเป็นไท และยังกล่าวอีกว่าการใส่ชื่อเขาหรือชื่อศาสดาคนใดในการละหมาดเป็นเรื่องที่ผิด
มุซัยลิมะฮ์ ผู้ที่นักประวัติศาสตร์มุสลิมกล่าวหาว่ามีความสามารถในการ สร้างปาฏิหาริย์ต่าง ๆ ให้แก่ผู้คนด้วยสิ่งนี้ เช่น ใส่ไข่ลงในขวด, ตัดขนนกแล้วติดที่เดิมให้มันบินใหม่ได้ และใช้ความสามารถนี้ดึงดูดผู้คนให้สนใจเขามากขึ้น
มุซัยลิมะฮ์ได้แบ่งปันโองการที่เขาอ้างว่ามาจากอัลลอฮ์ แล้วบอกผู้คนว่ามุฮัมมัดได้แบ่งอำนาจให้กับเขา หลังจากนั้น ผู้คนเริ่มเชื่อว่าเขาเป็นศาสดาเหมือนกับศาสดามุฮัมมัดและนำทางให้เผ่าของเขาดีขึ้น มุซัยลิมะฮ์จึงเริ่มทำภารกิจเหมือนกับศาสดาของอัลลอฮ์ และแบ่งปันโองการที่เขาอ้างว่าเป็นโองการในอัลกุรอ่าน โดยอายะฮ์ส่วนใหญ่ที่เขาอ้างมีเนื้อหาสรรเสริญเผ่าบนีฮานีฟะฮ์มากกว่าชาวกุเรช
วันหนึ่งเขาเขียนจดหมายถึงมุฮัมมัดในช่วงปลายฮ.ศ.10 ความว่า:
“ | จากมุซัยลิมะฮ์ ศาสนทูตของอัลลอฮ์ ถึงมุฮัมมัด ศาสนทูตของอัลลอฮ์ ขอความสันติจงมีแด่ท่าน ข้าและเจ้ามีบางอย่างเหมือนกัน ครึ่งหนึ่งของโลกจะเป็นของเรา ส่วนอีกครึ่งหนึ่งของโลกจะเป็นของชาวกุเรช แต่ชาวกุเรชเป็นพวกที่ชอบละเมิด | ” |
มุฮัมมัดจึงตอบกลับมาว่า:
“ | "จากมุฮัมมัด ศาสนทูตของอัลลอฮ์ ถึงมุซัยลิมะฮ์ จอมโกหก สันติต่อผู้ที่ตามทางนำ (ของอัลลอฮ์) ตอนนี้ทุกสิ่งบนโลกขึ้นอยู่กับพระองค์ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องสรรเสริญพระองค์ ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้คือการเกรงกลัวพระองค์" | ” |
ชีวิตส่วนตัว
ในช่วงที่เกิดขึ้นหลังศาสดามุฮัมหมัดเสียชีวิต ประกาศตนเองเป็นศาสดาหญิงหลังเรียนรู้ว่ามุซัยลิมะฮ์และได้ประกาศเป็นศาสดาแล้ว ผู้คน 4,000 คนรวมตัวไปที่มะดีนะฮ์กับเธอ ส่วนที่เหลือค่อยสมทบไป อย่างไรก็ตาม เธอได้ยกเลิกแผนโจมตีมะดีนะฮ์หลังรู้ว่ากองทัพของคอลิด อิบน์ อัลวะลีดเอาชนะ (ผู้อ้างตนเองเป็นศาสดาอีกคน) ภายหลัง เธอกับมุซัยลิมะฮ์จึงร่วมมือกำจัดภัยของคอลิด ต่อมา ทั้งคู่แต่งงานและซะญาห์ยอมรับเขาเป็นศาสดาด้วย คอลิดเอาชนะกลุ่มกบฏที่หลงเหลือของซะญาห์และค่อยไปต่อสู้กับมุซัยลิมะฮ์
เสียชีวิต
มุซัยลิมะฮ์สู้รบและเสียชีวิตใน
อ้างอิง
- (1903). "On the Origin and Import of the Names Muslim and Ḥanīf". Journal of the Royal Asiatic Society of Great Britain and Ireland. 5: 467–493. doi:10.1017/S0035869X00030744. JSTOR 25208542. S2CID 162441218.
- Beliaev, E. A. (1966). Arabs, Islam and Arabian Khalifat in the middle ages (2nd ed.). Moscow. pp. 103–108.
- Petrushevskii, I. P. (1966). Islam in Iran in VII–XV centuries. Leningrad. pp. 13–14.
- Fattah, Hala Mundhir; Caso, Frank (2009). A Brief History of Iraq (ภาษาอังกฤษ). Infobase Publishing. ISBN .
- Emerick, Yahiya (2002-04-01). Critical Lives: Muhammad (ภาษาอังกฤษ). Penguin. ISBN .
- Ibn Kathīr, Ismāʻīl ibn ʻUmar (2000). (บ.ก.). al-Miṣbāḥ al-munīr fī tahdhīb tafsīr Ibn Kathīr. Vol. 1. Riyadh, Saʻudi Arabia: Darussalam. p. 68.
- "مسلمة الحنفي في ميزان التاريخ لجمال علي الحلاّق" (ภาษาอาหรับ). Elaph. 14 January 2015. สืบค้นเมื่อ 20 September 2017.
- "مسلمة الحنفي في ميزان التاريخ لجمال علي الحلاّق" (ภาษาอาหรับ). Elaph. 14 January 2015. สืบค้นเมื่อ 20 September 2017.
- El-Badawi, Emran (2013). The Qur'an and the Aramaic Gospel Traditions. Routledge. p. 69. ISBN .
- "The DABISTÁN, or SCHOOL OF MANNERS". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-07-26. สืบค้นเมื่อ 2014-07-20.
- Dabestan-e Mazaheb, Chapter VII
- The Life of the Prophet Muhammad [May Peace and the Blessings of Allah Be Upon Him] : Al-Sira Al-Nabawiyya By Ibn Kathir, Trevor Le Gassick, Muneer Fareed, pg. 67
- The Life of the Prophet Muhammad: Al-Sira Al-Nabawiyya By Ibn Kathir, Trevor Le Gassick, Muneer Fareed, pg. 69
- The History of Al Tabari By Ṭabarī. p. 107.
- E.J. Brill's first encyclopedia of Islam, 1913–1936 By M. Th. Houtsma, p665
- The Life of the Prophet Muhammad: Al-Sira Al-Nabawiyya By Ibn Kathir, Trevor Le Gassick, Muneer Fareed, pg. 36.
- บทความนี้เรียบเรียงจากเนื้อหาที่ปรากฏใน สารานุกรมนัททอลล์ฉบับ ค.ศ. 1907 (The Nuttall Encyclopædia) ซึ่งในปัจจุบันเป็นสาธารณสมบัติ
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
musylimah xahrb م س ي ل م ة hrux mslamah xibn habib xahrb م س ل م ة ب ن ح ب يب esiychiwit kh s 632 epnnkethsnindanexkethwniymcakepha ekhaxangtnexngepnsasdainxaraebiyemuxkhriststwrrsthi 7 odyepnhwhnainchwng muslimthuxwaekhaepn hrux cxmokhk xahrb ا ل ك ذ اب musylimahم س ي ل م ة chakkarsngharmusylimahodyinekidesiychiwitkh s 632 xlyamamahsusanimthrabchuxxunmslamah xibn habib musylimah xlkssabkhusmrsbutrimmibidamardahabib bida imthrab marda sphthmulwithyachuxcringkhxngmusylimahkhux mslamah bin habib aetmuslimeriykekhaepnmusylimah sungepnchuxelnkhxngmslamahchiwitchwngtnmusylimahepnbutrkhxnghabib cakepha hnunginephathiihythisudinxaraebiy sungxasyxyuinaekhwn banuhanifahepntrakulthinbthuxsasnakhristkhxng aeladarngxyuxyangxisrakxnkarprakttwkhxngxislam inbnthukaerkthimusylimahmiswnekiywkhxngkhuxkarpkpxngephakhxngtnexngodyihphwkekhanbthuxsasnaxislaminchwngplayhiceraahskrachthi 9xangtnepnsasdaaelakhasxnkhasxnkhxngekhaekuxbsuyhayip aetyngmikarthbthwnxyangepnklangxyuin odymiraynganwa ekhaihlahmad 3 khrngtxwn odyhnipthisidkid ekhaihthuxsilxdinewlaklangkhunineduxneraamadxn aethnthicaepntxnklangwn hamkarkhlibplayxwywaephs musylimahprakaswathaskhnidthiekharbsasnakhxngtncaklayepnith aelayngklawxikwakarischuxekhahruxchuxsasdakhnidinkarlahmadepneruxngthiphid musylimah phuthinkprawtisastrmuslimklawhawamikhwamsamarthinkar srangpatihariytang ihaekphukhndwysingni echn isikhlnginkhwd tdkhnnkaelwtidthiedimihmnbinihmid aelaichkhwamsamarthnidungdudphukhnihsnicekhamakkhun musylimahidaebngpnoxngkarthiekhaxangwamacakxllxh aelwbxkphukhnwamuhmmdidaebngxanacihkbekha hlngcaknn phukhnerimechuxwaekhaepnsasdaehmuxnkbsasdamuhmmdaelanathangihephakhxngekhadikhun musylimahcungerimthapharkicehmuxnkbsasdakhxngxllxh aelaaebngpnoxngkarthiekhaxangwaepnoxngkarinxlkurxan odyxayahswnihythiekhaxangmienuxhasrresriyephabnihanifahmakkwachawkuerch wnhnungekhaekhiyncdhmaythungmuhmmdinchwngplayh s 10 khwamwa cakmusylimah sasnthutkhxngxllxh thungmuhmmd sasnthutkhxngxllxh khxkhwamsnticngmiaedthan khaaelaecamibangxyangehmuxnkn khrunghnungkhxngolkcaepnkhxngera swnxikkhrunghnungkhxngolkcaepnkhxngchawkuerch aetchawkuerchepnphwkthichxblaemid muhmmdcungtxbklbmawa cakmuhmmd sasnthutkhxngxllxh thungmusylimah cxmokhk sntitxphuthitamthangna khxngxllxh txnnithuksingbnolkkhunxyukbphraxngkh thuksingthukxyangtxngsrresriyphraxngkh pyhathiihythisudintxnnikhuxkarekrngklwphraxngkh chiwitswntwinchwngthiekidkhunhlngsasdamuhmhmdesiychiwit prakastnexngepnsasdahyinghlngeriynruwamusylimahaelaidprakasepnsasdaaelw phukhn 4 000 khnrwmtwipthimadinahkbethx swnthiehluxkhxysmthbip xyangirktam ethxidykelikaephnocmtimadinahhlngruwakxngthphkhxngkhxlid xibn xlwalidexachna phuxangtnexngepnsasdaxikkhn phayhlng ethxkbmusylimahcungrwmmuxkacdphykhxngkhxlid txma thngkhuaetngnganaelasayahyxmrbekhaepnsasdadwy khxlidexachnaklumkbtthihlngehluxkhxngsayahaelakhxyiptxsukbmusylimahesiychiwitmusylimahsurbaelaesiychiwitinxangxing 1903 On the Origin and Import of the Names Muslim and Ḥanif Journal of the Royal Asiatic Society of Great Britain and Ireland 5 467 493 doi 10 1017 S0035869X00030744 JSTOR 25208542 S2CID 162441218 Beliaev E A 1966 Arabs Islam and Arabian Khalifat in the middle ages 2nd ed Moscow pp 103 108 Petrushevskii I P 1966 Islam in Iran in VII XV centuries Leningrad pp 13 14 Fattah Hala Mundhir Caso Frank 2009 A Brief History of Iraq phasaxngkvs Infobase Publishing ISBN 9780816057672 Emerick Yahiya 2002 04 01 Critical Lives Muhammad phasaxngkvs Penguin ISBN 9781440650130 Ibn Kathir Ismaʻil ibn ʻUmar 2000 b k al Miṣbaḥ al munir fi tahdhib tafsir Ibn Kathir Vol 1 Riyadh Saʻudi Arabia Darussalam p 68 مسلمة الحنفي في ميزان التاريخ لجمال علي الحلا ق phasaxahrb Elaph 14 January 2015 subkhnemux 20 September 2017 مسلمة الحنفي في ميزان التاريخ لجمال علي الحلا ق phasaxahrb Elaph 14 January 2015 subkhnemux 20 September 2017 El Badawi Emran 2013 The Qur an and the Aramaic Gospel Traditions Routledge p 69 ISBN 9781317929338 The DABISTAN or SCHOOL OF MANNERS khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2014 07 26 subkhnemux 2014 07 20 Dabestan e Mazaheb Chapter VII The Life of the Prophet Muhammad May Peace and the Blessings of Allah Be Upon Him Al Sira Al Nabawiyya By Ibn Kathir Trevor Le Gassick Muneer Fareed pg 67 The Life of the Prophet Muhammad Al Sira Al Nabawiyya By Ibn Kathir Trevor Le Gassick Muneer Fareed pg 69 The History of Al Tabari By Ṭabari p 107 E J Brill s first encyclopedia of Islam 1913 1936 By M Th Houtsma p665 The Life of the Prophet Muhammad Al Sira Al Nabawiyya By Ibn Kathir Trevor Le Gassick Muneer Fareed pg 36 bthkhwamnieriyberiyngcakenuxhathipraktin saranukrmnththxllchbb kh s 1907 The Nuttall Encyclopaedia sunginpccubnepnsatharnsmbti