ฟอสฟีน (ชื่อไอยูแพ็ก: ฟอสเฟน) เป็นสารประกอบที่มีสูตรเคมีว่า PH3 จัดอยู่ในกลุ่มนิกโตเจนไฮไดรด์ เป็นแก๊สที่มีคุณสมบัติไร้สี ติดไฟได้ และเป็นพิษอย่างยิ่ง ฟอสฟีนบริสุทธิ์ไม่มีกลิ่น แต่ตัวอย่างเกรดเทคนิคจะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์อย่างแรงเหมือนกระเทียมหรือปลาเน่า เนื่องจากมีอนุพันธ์ของฟอสฟีนและไดฟอสฟีน (P2H4) PH3 จะติดไฟได้เองในอากาศเมื่อมี P2H4
| |||
ชื่อ | |||
---|---|---|---|
Phosphane | |||
ชื่ออื่น Phosphamine Phosphorus trihydride Phosphorated hydrogen | |||
เลขทะเบียน | |||
| |||
3D model () |
| ||
| |||
เคมสไปเดอร์ |
| ||
100.029.328 | |||
| |||
287 | |||
ผับเคม CID |
| ||
| |||
| |||
UN number | 2199 | ||
(EPA) |
| ||
| |||
| |||
คุณสมบัติ | |||
PH3 | |||
มวลโมเลกุล | 33.99758 g/mol | ||
ลักษณะทางกายภาพ | แก๊สไร้สี | ||
กลิ่น | กลิ่นเหมือนปลาหรือกระเทียม | ||
ความหนาแน่น | 1.379 g/l, gas (25 °C) | ||
จุดหลอมเหลว | −132.8 องศาเซลเซียส (−207.0 องศาฟาเรนไฮต์; 140.3 เคลวิน) | ||
จุดเดือด | −87.7 องศาเซลเซียส (−125.9 องศาฟาเรนไฮต์; 185.5 เคลวิน) | ||
31.2 mg/100 ml (17 °C) | |||
ความสามารถละลายได้ | ละลายน้ำได้ในแอลกอฮอล์, , ค่อนข้างละลายน้ำในเบนซีน, คลอโรฟอร์ม, เอทานอล | ||
ความดันไอ | 41.3 atm (20 °C) | ||
กรด | |||
ดัชนีหักเหแสง (nD) | 2.144 | ||
ความหนืด | 1.1×10−5 Pa⋅s | ||
โครงสร้าง | |||
พีระมิดฐานสามเหลี่ยม | |||
0.58 | |||
อุณหเคมี | |||
ความจุความร้อน (C) | 37 J/mol⋅K | ||
(S⦵298) | 210 J/mol⋅K | ||
(ΔfH⦵298) | 5 kJ/mol | ||
พลังงานเสรีกิบส์ (ΔfG⦵) | 13 kJ/mol | ||
ความอันตราย | |||
: | |||
NFPA 704 (fire diamond) | |||
แก๊สติดไฟ | |||
38 องศาเซลเซียส (100 องศาฟาเรนไฮต์; 311 เคลวิน) (ดูข้อความ) | |||
1.79–98% | |||
ปริมาณหรือความเข้มข้น (LD, LC): | |||
LD50 () | 3.03 mg/kg (หนู, ปาก) | ||
LC50 () | 11 ppm (หนู, 4 ชั่วโมง) | ||
LCLo () | 1000 ppm (สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม, 5 นาที) 270 ppm (หมูเลี้ยง, 2 ชั่วโมง) 100 ppm (หนูตะเภา, 4 ชั่วโมง) 50 ppm (แมว, 2 ชั่วโมง) 2500 ppm (กระต่าย, 20 นาที) 1000 ppm (มนุษย์, 5 นาที) | ||
(US health exposure limits): | |||
(Permissible) | TWA 0.3 ppm (0.4 mg/m3) | ||
(Recommended) | TWA 0.3 ppm (0.4 mg/m3), ST 1 ppm (1 mg/m3) | ||
(Immediate danger) | 50 ppm | ||
เอกสารข้อมูลความปลอดภัย (SDS) | ICSC 0694 | ||
สารประกอบอื่นที่เกี่ยวข้องกัน | |||
แคทไอออนอื่น ๆ | |||
สารประกอบที่เกี่ยวข้อง | |||
หากมิได้ระบุเป็นอื่น ข้อมูลข้างต้นนี้คือข้อมูลสาร ณ ภาวะมาตรฐานที่ 25 °C, 100 kPa อ้างอิงกล่องข้อมูล |
นอกจากนี้ฟอสฟีนยังเป็นชื่อของกลุ่มสารประกอบออร์แกโนฟอสฟอรัสที่มีฟอสเฟนโดยที่อะตอมไฮโดรเจนถูกแทนที่ด้วยอนุพันธ์อินทรีย์ มีสูตรทั่วไป PR3 ออร์แกโนฟอสฟีนมีความสำคัญเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาโดยที่เป็นคอมเพล็กซ์กับไอออนโลหะหลายตัว
ประวัติ
ฟิลิป เฌนฌ็องบร์ (fr) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอ็องตวน ลาวัวซีเยสามารถสังเคราะห์ฟอสฟีนได้เป็นครั้งแรกจากการต้มในสารละลายโพแทสเซียมคาร์บอเนตในน้ำ
เนื่องจากฟอสฟีนเกี่ยวข้องกับธาตุฟอสฟอรัส ในสมัยก่อนจึงเชื่อกันว่าฟอสฟีนเป็นรูปแก๊สของธาตุฟอสฟอรัส อย่างไรก็ตาม ลาวัวซีเยพบใน ค.ศ. 1789 ว่าเป็นสารประกอบระหว่างฟอสฟอรัสและไฮโดรเจน และเรียกฟอสฟีนว่า phosphure d'hydrogène หรือฟอสไฟด์ของไฮโดรเจน
ใน ค.ศ. 1844 ปอล เทนาร์ ลูกชายของนักเคมีชาวฝรั่งเศส ได้ใช้อุปกรณ์ควบแน่นเพื่อแยกไดฟอสฟีนออกจากฟอสฟีนซึ่งเตรียมจาก และแสดงให้เห็นว่า P2H4 เป็นสาเหตุของความสามารถในการติดไฟได้เองของ PH3 และยังเป็นสาเหตุของคราบฟิล์มสีส้ม-น้ำตาลที่ปรากฏบนพื้นผิวอันเนื่องมาจากปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชัน เขาคิดว่าสูตรทางเคมีของไดฟอสฟีนคือ PH2 ซึ่งอยู่ระหว่างธาตุฟอสฟอรัส พอลิเมอร์สายยาวของฟอสฟีน และฟอสฟีน (Ca3P2) ผลิต P2H4 ในปริมาณมากกว่าฟอสไฟด์ชนิดอื่นเนื่องจากพันธะฟอสฟอรัส–ฟอสฟอรัสที่มีอยู่แล้วในสารตั้งต้น
คำว่า "ฟอสฟีน" แต่เดิมใช้เรียกกลุ่มสารประกอบอินทรีย์ฟอสฟอรัสใน ค.ศ. 1857 ในลักษณะเดียวกับเอมีน (NR3) ชื่อ "ฟอสฟีน" ถูกนำไปใช้เรียกแก๊ส PH3 ใน ค.ศ. 1865 หรือก่อนหน้านั้น
โครงสร้างและคุณสมบัติทางเคมี
โมเลกุลของ PH3 มีรูปร่างเป็นพีระมิดฐานสามเหลี่ยมซึ่งแบบ C3v พันธะฟอสฟอรัส–ไฮโดรเจนยาว 1.42 Å ไฮโดรเจน–ฟอสฟอรัส–ไฮโดรเจน 93.5° เท่ากับ 0.58 D ซึ่งเมื่ออะตอมไฮโดรเจนถูกด้วยจะทำให้โมเมนต์ขั้วคู่เพิ่มขึ้นเป็น 1.10 D ใน CH3PH2 1.23 D ใน (CH3)2PH และ 1.19 D ใน (CH3)3P ในทางกลับกัน ในเอมีนแนวโน้มเป็นไปในทางตรงกันข้าม โดยโมเมนต์ขั้วคู่จะลดลงเมื่ออะตอมไฮโดรเจนถูกแทนที่ ค่าโมเมนต์ขั้วคู่ที่ต่ำและมุมพันธะที่เกือบเป็นมุมฉากทำให้สรุปได้ว่าพันธะฟอสฟอรัส–ไฮโดรเจนใน PH3 เป็นลักษณะ pσ(P) – sσ(H) ในขณะที่ออร์บิทัล 3s ของอะตอมฟอสฟอรัสมีส่วนร่วมในการสร้างพันธะกับอะตอมไฮโดรเจนน้อยมาก ด้วยเหตุนี้จึงอาจสรุปได้ว่าอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวของฟอสฟีนน่าจะอยู่ในออร์บิทัล 3s ของอะตอมฟอสฟอรัส ค่าเคมิคัลชิฟต์ของอะตอมฟอสฟอรัสจากการวิเคราะห์ สอดคล้องกับข้อสรุปที่ว่าอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวอยู่ในออร์บิทัล 3s (Fluck, 1973) โครงสร้างอิเล็กตรอนลักษณะนี้ทำให้ฟอสฟีนเป็นที่อ่อน เป็นเบสอ่อน (pKaH = –14) และสร้างพันธะไฮโดรเจนอย่างอ่อน
PH3 ละลายน้ำได้เล็กน้อย (0.22 cm3 (แก๊ส) ในน้ำ 1 cm3) แต่ละลายได้ดีในตัวทำละลายไม่มีขั้วเนื่องจากพันธะฟอสฟอรัส–ไฮโดรเจนที่ไม่มีขั้ว แม้ว่าในทางทฤษฎีฟอสฟีนจะในน้ำ แต่ความสามารถในการเป็นกรดหรือเบสในน้ำนั้นค่อนข้างต่ำ ฟอสฟีนเมื่อรับโปรตอนในกรดจะกลายเป็นไอออน (PH+4) และเมื่อเสียโปรตอนในเบสจะกลายเป็นไอออน (PH−2) โดยมีค่าคงที่สมดุลของเบส Kb เท่ากับ 4×10−28 และของกรด Ka เท่ากับ 41.6×10−29
ปฏิกิริยากับน้ำ
ฟอสฟีนสามารถทำปฏิกิริยากับน้ำที่อุณหภูมิและความดันสูงได้กรดฟอสฟอริกและไฮโดรเจน
- PH3 + 4H2O H3PO4 + 4H2
ปฏิกิริยาการเผาไหม้
เมื่อฟอสฟีนเผาไหม้ในอากาศจะได้ผลิตภัณฑ์เป็น (P2O5) ซึ่งทำปฏิกิริยากับน้ำได้กรดฟอสฟอริก
- 2PH3 + 4O2 → P2O5 + 3H2O
หมายเหตุ
- ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติของฟอสฟีนสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่:
- The Encyclopædia Britannica (1911 edition), vol. 21, p. 480: Phosphorus: Phosphine. 4 พฤศจิกายน 2015 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Thomas Thomson, A System of Chemistry, 6th ed. (London, England: Baldwin, Cradock, and Joy, 1820), vol. 1, p. 272. 4 พฤศจิกายน 2015 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- หมายเหตุ:
- ในหนังสือ Traité élémentaire de chimie เล่มที่ 1 หน้า 222 ( 24 เมษายน 2017 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน; Paris, France: Cuchet, 1789) ลาวัวซีเยเรียกสารประกอบระหว่างฟอสฟอรัสและไฮโดรเจนว่า phosphure d'hydrogène หรือไฮโดรเจนฟอสไฟด์ อย่างไรก็ตาม ในหน้า 216 ( 24 เมษายน 2017 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน) เขาเรียกสารประกอบของไฮโดรเจนและฟอสฟอรัสว่า Combinaison inconnue หรือของผสมที่ยังไม่ทราบ แต่ในเชิงอรรถเขากล่าวว่าปฏิกิริยาระหว่างไฮโดรเจนกับกำมะถันและกับฟอสฟอรัส "Ces combinaisons ont lieu dans l'état de gaz & il en résulte du gaz hydrogène sulfurisé & phosphorisé" (การประสมกันดังนี้เกิดขึ้นในสถานะแก๊ส และผลที่ได้ก็คือแก๊สไฮโดรเจนที่ถูกเติมกำมะถันและฟอสฟอรัสลงไป)
- ในฉบับแปลภาษาอังกฤษของหนังสือเล่มดังกล่าวโดยรอเบิร์ต เคอร์ ใน ค.ศ. 1790 Elements of Chemistry (Edinburgh, Scotland: William Creech, 1790) เคอร์แปลวลี phosphure d'hydrogène ของลาวัวซีเยว่า "phosphuret of hydrogen" (หน้า 204) และในหน้า 216 ของหนังสือต้นฉบับภาษาฝรั่งเศสซึ่งลาวัวซีเยไม่ได้ตั้งชื่อเรียกสารนี้ เคอร์แปลว่า "hydruret of phosphorus, or phosphuret of hydrogen" (หน้า 198) เคอร์แปลวลี Combinaison inconnue ว่า "ยังไม่ทราบจนถึงขณะนี้" และแปลเชิงอรรถของลาวัวซีเยว่า "การประสมกันดังนี้เกิดขึ้นในสถานะแก๊ส และทำให้เกิดแก๊สออกซิเจนที่ถูกเติมกำมะถันและฟอสฟอรัสลงไปตามลำดับ" ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดของเคอร์เองเนื่องจากในต้นฉบับใช้คำว่า hydrogène ข้อผิดพลาดดังกล่าวนี้ได้รับการแก้ไขในฉบับพิมพ์ครั้งถัดมา
- ใน ค.ศ. 1857 ได้เผยแพร่การสังเคราะห์สารประกอบอินทรีย์ของฟอสฟอรัส ซึ่งเขาตั้งชื่อว่า "" และ "" ล้อกันกับ "เอมีน" (สารประกอบอินทรีย์ไนโตรเจน) "อาร์ซีน" (สารประกอบอินทรีย์สารหนู หรืออาร์ซนิก) และ "สติบีน" (สารประกอบอินทรีย์พลวง หรือสติเบียม)
อ้างอิง
- NIOSH Pocket Guide to Chemical Hazards. "#0505". (NIOSH).
- Zumdahl, Steven S. (2009). Chemical Principles (6th ed.). Houghton Mifflin. p. A22. ISBN .
- "Phosphine". Immediately Dangerous to Life and Health Concentrations (IDLH). (NIOSH).
- Gengembre (1783) "Mémoire sur un nouveau gas obtenu, par l'action des substances alkalines, sur le phosphore de Kunckel" (Memoir on a new gas obtained by the action of alkaline substances on Kunckel's phosphorus), Mémoires de mathématique et de physique, 10 : 651–658.
- Paul Thénard (1844) "Mémoire sur les combinaisons du phosphore avec l'hydrogène" 15 ตุลาคม 2015 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (Memoir on the compounds of phosphorus with hydrogen), Comptes rendus, 18 : 652–655.
- A.W. Hofmann; Auguste Cahours (1857). "Researches on the phosphorus bases". Proceedings of the Royal Society of London (8): 523–527. จากแหล่งเดิมเมื่อ 10 February 2022. สืบค้นเมื่อ 19 November 2020.
(From page 524:) The bases Me3P and E3P, the products of this reaction, which we propose to call respectively trimethylphosphine and triethylphosphine, ...
- William Odling, A Course of Practical Chemistry Arranged for the Use of Medical Students, 2nd ed. (London, England: Longmans, Green, and Co., 1865), pp. 227, 230.
- Streitwieser, Andrew; Heathcock, Clayton H.; Kosower, Edward M. (2017). Introduction to Organic Chemistry. New Delhi: Medtech (Scientific International, reprint of revised 4th edition, Macmillan, 1998). p. 828. ISBN .
- Sennikov, P. G. (1994). "Weak H-Bonding by Second-Row (PH3, H2S) and Third-Row (AsH3, H2Se) Hydrides". Journal of Physical Chemistry. 98 (19): 4973–4981. doi:10.1021/j100070a006.
- (PDF) (Report). Matheson TRI-GAS, inc. September 8, 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2022-07-05. สืบค้นเมื่อ 2022-10-28.
- Rabinowitz, Joseph; Woeller, Fritz; Flores, Jose; Krebsbach, Rita (November 1969). "Electric Discharge Reactions in Mixtures of Phosphine, Methane, Ammonia and Water". Nature (ภาษาอังกฤษ). 224 (5221): 796–798. doi:10.1038/224796a0. ISSN 1476-4687.
- "Phosphine: Lung Damaging Agent | NIOSH | CDC". www.cdc.gov (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2021-07-08. สืบค้นเมื่อ 2022-07-04.
อ่านเพิ่ม
- Fluck, E. (1973). "The Chemistry of Phosphine". Topics in Current Chemistry. Fortschritte der Chemischen Forschung. 35: 1–64. doi:10.1007/BFb0051358. ISBN .
- World Health Organisation (1988). Phosphine and Selected Metal Phosphides. Environmental Health Criteria. Vol. 73. Geneva: Joint sponsorship of UNEP, ILO and WHO.
แหล่งข้อมูลอื่น
- International Chemical Safety Card 0694
- CDC – Phosphine – NIOSH Workplace Safety and Health Topic
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
fxsfin chuxixyuaephk fxsefn epnsarprakxbthimisutrekhmiwa PH3 cdxyuinklumnikotecnihidrd epnaeksthimikhunsmbtiirsi tidifid aelaepnphisxyangying fxsfinbrisuththiimmiklin aettwxyangekrdethkhnikhcamiklinimphungprasngkhxyangaerngehmuxnkraethiymhruxplaena enuxngcakmixnuphnthkhxngfxsfinaelaidfxsfin P2H4 PH3 catidifidexnginxakasemuxmi P2H4fxsfin chuxPhosphanechuxxun Phosphamine Phosphorus trihydride Phosphorated hydrogenelkhthaebiynelkhthaebiyn CAS 7803 51 2 Y3D model rupphaphaebbottxbCHEBI 30278 Yekhmsipedxr 22814 Y100 029 328232 260 8287phbekhm CID 24404SY7525000FW6947296I YUN number 2199 EPA DTXSID2021157InChI 1S H3P h1H3 YKey XYFCBTPGUUZFHI UHFFFAOYSA N YInChI 1 H3P h1H3Key XYFCBTPGUUZFHI UHFFFAOYAPPkhunsmbtisutrekhmi PH3mwlomelkul 33 99758 g mollksnathangkayphaph aeksirsiklin klinehmuxnplahruxkraethiymkhwamhnaaenn 1 379 g l gas 25 C cudhlxmehlw 132 8 xngsaeslesiys 207 0 xngsafaerniht 140 3 ekhlwin cudeduxd 87 7 xngsaeslesiys 125 9 xngsafaerniht 185 5 ekhlwin lalayinna 31 2 mg 100 ml 17 C khwamsamarthlalayid lalaynaidinaexlkxhxl khxnkhanglalaynainebnsin khlxorfxrm exthanxlkhwamdnix 41 3 atm 20 C krddchnihkehaesng nD 2 144khwamhnud 1 1 10 5 Pa sokhrngsrangphiramidthansamehliym0 58 xunhekhmikhwamcukhwamrxn C 37 J mol K S 298 210 J mol K DfH 298 5 kJ molphlngnganesrikibs DfG 13 kJ molkhwamxntray NFPA 704 fire diamond 442aekstidif38 xngsaeslesiys 100 xngsafaerniht 311 ekhlwin dukhxkhwam 1 79 98 primanhruxkhwamekhmkhn LD LC LD50 3 03 mg kg hnu pak LC50 11 ppm hnu 4 chwomng LCLo 1000 ppm stweliynglukdwynm 5 nathi 270 ppm hmueliyng 2 chwomng 100 ppm hnutaepha 4 chwomng 50 ppm aemw 2 chwomng 2500 ppm kratay 20 nathi 1000 ppm mnusy 5 nathi US health exposure limits Permissible TWA 0 3 ppm 0 4 mg m3 Recommended TWA 0 3 ppm 0 4 mg m3 ST 1 ppm 1 mg m3 Immediate danger 50 ppmexksarkhxmulkhwamplxdphy SDS ICSC 0694sarprakxbxunthiekiywkhxngknaekhthixxxnxun aexmomeniysarprakxbthiekiywkhxnghakmiidrabuepnxun khxmulkhangtnnikhuxkhxmulsar n phawamatrthanthi 25 C 100 kPa xangxingklxngkhxmul nxkcaknifxsfinyngepnchuxkhxngklumsarprakxbxxraekonfxsfxrsthimifxsefnodythixatxmihodrecnthukaethnthidwyxnuphnthxinthriy misutrthwip PR3 xxraekonfxsfinmikhwamsakhyepntwerngptikiriyaodythiepnkhxmephlkskbixxxnolhahlaytwprawtifilip echnchxngbr fr sungepnluksisykhxngxxngtwn lawwsieysamarthsngekhraahfxsfinidepnkhrngaerkcakkartminsarlalayophaethsesiymkharbxentinna enuxngcakfxsfinekiywkhxngkbthatufxsfxrs insmykxncungechuxknwafxsfinepnrupaekskhxngthatufxsfxrs xyangirktam lawwsieyphbin kh s 1789 waepnsarprakxbrahwangfxsfxrsaelaihodrecn aelaeriykfxsfinwa phosphure d hydrogene hruxfxsifdkhxngihodrecn in kh s 1844 pxl ethnar lukchaykhxngnkekhmichawfrngess idichxupkrnkhwbaennephuxaeykidfxsfinxxkcakfxsfinsungetriymcak aelaaesdngihehnwa P2H4 epnsaehtukhxngkhwamsamarthinkartidifidexngkhxng PH3 aelayngepnsaehtukhxngkhrabfilmsism natalthipraktbnphunphiwxnenuxngmacakptikiriyaphxliemxireschn ekhakhidwasutrthangekhmikhxngidfxsfinkhux PH2 sungxyurahwangthatufxsfxrs phxliemxrsayyawkhxngfxsfin aelafxsfin Ca3P2 phlit P2H4 inprimanmakkwafxsifdchnidxunenuxngcakphnthafxsfxrs fxsfxrsthimixyuaelwinsartngtn khawa fxsfin aetedimicheriykklumsarprakxbxinthriyfxsfxrsin kh s 1857 inlksnaediywkbexmin NR3 chux fxsfin thuknaipicheriykaeks PH3 in kh s 1865 hruxkxnhnannokhrngsrangaelakhunsmbtithangekhmiomelkulkhxng PH3 miruprangepnphiramidthansamehliymsungaebb C3v phnthafxsfxrs ihodrecnyaw 1 42 A ihodrecn fxsfxrs ihodrecn 93 5 ethakb 0 58 D sungemuxxatxmihodrecnthukdwycathaihomemntkhwkhuephimkhunepn 1 10 D in CH3PH2 1 23 D in CH3 2PH aela 1 19 D in CH3 3P inthangklbkn inexminaenwonmepnipinthangtrngknkham odyomemntkhwkhucaldlngemuxxatxmihodrecnthukaethnthi khaomemntkhwkhuthitaaelamumphnthathiekuxbepnmumchakthaihsrupidwaphnthafxsfxrs ihodrecnin PH3 epnlksna ps P ss H inkhnathixxrbithl 3s khxngxatxmfxsfxrsmiswnrwminkarsrangphnthakbxatxmihodrecnnxymak dwyehtunicungxacsrupidwaxielktrxnkhuoddediywkhxngfxsfinnacaxyuinxxrbithl 3s khxngxatxmfxsfxrs khaekhmikhlchiftkhxngxatxmfxsfxrscakkarwiekhraah sxdkhlxngkbkhxsrupthiwaxielktrxnkhuoddediywxyuinxxrbithl 3s Fluck 1973 okhrngsrangxielktrxnlksnanithaihfxsfinepnthixxn epnebsxxn pKaH 14 aelasrangphnthaihodrecnxyangxxn PH3 lalaynaidelknxy 0 22 cm3 aeks inna 1 cm3 aetlalayiddiintwthalalayimmikhwenuxngcakphnthafxsfxrs ihodrecnthiimmikhw aemwainthangthvsdifxsfincainna aetkhwamsamarthinkarepnkrdhruxebsinnannkhxnkhangta fxsfinemuxrboprtxninkrdcaklayepnixxxn PH 4 aelaemuxesiyoprtxninebscaklayepnixxxn PH 2 odymikhakhngthismdulkhxngebs Kb ethakb 4 10 28 aelakhxngkrd Ka ethakb 41 6 10 29 ptikiriyakbna fxsfinsamarththaptikiriyakbnathixunhphumiaelakhwamdnsungidkrdfxsfxrikaelaihodrecn PH3 4H2O khwamdnaelaxunhphumisung H3PO4 4H2ptikiriyakarephaihm emuxfxsfinephaihminxakascaidphlitphnthepn P2O5 sungthaptikiriyakbnaidkrdfxsfxrik 2PH3 4O2 P2O5 3H2Ohmayehtukhxmulephimetimekiywkbprawtikhxngfxsfinsamarthxanephimetimidthi The Encyclopaedia Britannica 1911 edition vol 21 p 480 Phosphorus Phosphine 4 phvscikayn 2015 thi ewyaebkaemchchin Thomas Thomson A System of Chemistry 6th ed London England Baldwin Cradock and Joy 1820 vol 1 p 272 4 phvscikayn 2015 thi ewyaebkaemchchin hmayehtu inhnngsux Traite elementaire de chimie elmthi 1 hna 222 24 emsayn 2017 thi ewyaebkaemchchin Paris France Cuchet 1789 lawwsieyeriyksarprakxbrahwangfxsfxrsaelaihodrecnwa phosphure d hydrogene hruxihodrecnfxsifd xyangirktam inhna 216 24 emsayn 2017 thi ewyaebkaemchchin ekhaeriyksarprakxbkhxngihodrecnaelafxsfxrswa Combinaison inconnue hruxkhxngphsmthiyngimthrab aetinechingxrrthekhaklawwaptikiriyarahwangihodrecnkbkamathnaelakbfxsfxrs Ces combinaisons ont lieu dans l etat de gaz amp il en resulte du gaz hydrogene sulfurise amp phosphorise karprasmkndngniekidkhuninsthanaaeks aelaphlthiidkkhuxaeksihodrecnthithuketimkamathnaelafxsfxrslngip inchbbaeplphasaxngkvskhxnghnngsuxelmdngklawodyrxebirt ekhxr in kh s 1790 Elements of Chemistry Edinburgh Scotland William Creech 1790 ekhxraeplwli phosphure d hydrogene khxnglawwsieywa phosphuret of hydrogen hna 204 aelainhna 216 khxnghnngsuxtnchbbphasafrngesssunglawwsieyimidtngchuxeriyksarni ekhxraeplwa hydruret of phosphorus or phosphuret of hydrogen hna 198 ekhxraeplwli Combinaison inconnue wa yngimthrabcnthungkhnani aelaaeplechingxrrthkhxnglawwsieywa karprasmkndngniekidkhuninsthanaaeks aelathaihekidaeksxxksiecnthithuketimkamathnaelafxsfxrslngiptamladb sungepnkhxphidphladkhxngekhxrexngenuxngcakintnchbbichkhawa hydrogene khxphidphladdngklawniidrbkaraekikhinchbbphimphkhrngthdma in kh s 1857 idephyaephrkarsngekhraahsarprakxbxinthriykhxngfxsfxrs sungekhatngchuxwa aela lxknkb exmin sarprakxbxinthriyinotrecn xarsin sarprakxbxinthriysarhnu hruxxarsnik aela stibin sarprakxbxinthriyphlwng hruxstiebiym xangxingNIOSH Pocket Guide to Chemical Hazards 0505 NIOSH Zumdahl Steven S 2009 Chemical Principles 6th ed Houghton Mifflin p A22 ISBN 978 0 618 94690 7 Phosphine Immediately Dangerous to Life and Health Concentrations IDLH NIOSH Gengembre 1783 Memoire sur un nouveau gas obtenu par l action des substances alkalines sur le phosphore de Kunckel Memoir on a new gas obtained by the action of alkaline substances on Kunckel s phosphorus Memoires de mathematique et de physique 10 651 658 Paul Thenard 1844 Memoire sur les combinaisons du phosphore avec l hydrogene 15 tulakhm 2015 thi ewyaebkaemchchin Memoir on the compounds of phosphorus with hydrogen Comptes rendus 18 652 655 A W Hofmann Auguste Cahours 1857 Researches on the phosphorus bases Proceedings of the Royal Society of London 8 523 527 cakaehlngedimemux 10 February 2022 subkhnemux 19 November 2020 From page 524 The bases Me3P and E3P the products of this reaction which we propose to call respectively trimethylphosphine and triethylphosphine William Odling A Course of Practical Chemistry Arranged for the Use of Medical Students 2nd ed London England Longmans Green and Co 1865 pp 227 230 Streitwieser Andrew Heathcock Clayton H Kosower Edward M 2017 Introduction to Organic Chemistry New Delhi Medtech Scientific International reprint of revised 4th edition Macmillan 1998 p 828 ISBN 9789385998898 Sennikov P G 1994 Weak H Bonding by Second Row PH3 H2S and Third Row AsH3 H2Se Hydrides Journal of Physical Chemistry 98 19 4973 4981 doi 10 1021 j100070a006 PDF Report Matheson TRI GAS inc September 8 2008 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2022 07 05 subkhnemux 2022 10 28 Rabinowitz Joseph Woeller Fritz Flores Jose Krebsbach Rita November 1969 Electric Discharge Reactions in Mixtures of Phosphine Methane Ammonia and Water Nature phasaxngkvs 224 5221 796 798 doi 10 1038 224796a0 ISSN 1476 4687 Phosphine Lung Damaging Agent NIOSH CDC www cdc gov phasaxngkvsaebbxemrikn 2021 07 08 subkhnemux 2022 07 04 xanephimFluck E 1973 The Chemistry of Phosphine Topics in Current Chemistry Fortschritte der Chemischen Forschung 35 1 64 doi 10 1007 BFb0051358 ISBN 3 540 06080 4 World Health Organisation 1988 Phosphine and Selected Metal Phosphides Environmental Health Criteria Vol 73 Geneva Joint sponsorship of UNEP ILO and WHO aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb fxsfin International Chemical Safety Card 0694 CDC Phosphine NIOSH Workplace Safety and Health Topic