พระเสตังคมณี หรือ พระแก้วขาว (ไทยถิ่นเหนือ: ) เป็นพระพุทธรูปสลักจากแก้วสีขาวใส มีขนาดหน้าตักกว้าง 4 นิ้ว สูง 6 นิ้ว ตำนานกล่าวว่าเป็นศิลปะสกุลช่างละโว้ ปัจจุบันประดิษฐานคู่กับพระศิลาซึ่งเป็นพระปางปราบช้างนาฬาคีรี ภายในพระวิหารวัดเชียงมั่น ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
พระเสตังคมณี (พระแก้วขาว) | |
---|---|
ชื่อเต็ม | พระเสตังคมณี |
ชื่อสามัญ | พระแก้วขาว |
พระพุทธรูป | |
ศิลปะ | ปางมารวิชัย |
ความกว้าง | 4 นิ้ว |
ความสูง | 6 นิ้ว |
วัสดุ | แก้วสีขาวใส |
สถานที่ประดิษฐาน | ภายในพระวิหาร วัดเชียงมั่น |
ความสำคัญ | เป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์กษัตริย์แห่งนครหริภุญชัย และกษัตริย์แห่งราชวงศ์มังราย |
ส่วนหนึ่งของ |
พระแก้วขาว เป็นชื่อพระพุทธรูปเรียกพระพุทธรูปที่สร้างด้วยหินสีขาว ภาษาบาลีเรียกว่า “พระเสตังคมณี" มาจากคำว่า “เสต” แปลว่า ขาว และ “มณี” แปลว่า แก้ว แปลรวมว่าพระแก้วขาว ประดิษฐานที่วิหารวัดเชียงมั่น อำเภอเมือง เชียงใหม่ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย พระเศียรหุ้มด้วยทองคำประดิษฐานบนแท่นไม้จันทน์หุ้มด้วยแผ่นทองคำใต้ฐานมีข้อความจารึกว่า เมื่อ พ.ศ.๒๔๑๖ พระเจ้าอินทวิไชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ พระราชบิดาของพระราชชายา เจ้าดารารัศมี พร้อมด้วยเจ้าแม่ทิพยเกษรและราชบุตรราชธิดาสร้างถวายแด่พระเสตังคมณี
ตำนานพระเสตังคมณี
ตามตำนานกล่าวว่า เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานล่วงไปแล้ว 700 ปี ในวันเพ็ญเดือน 7 สุเทวฤๅษีได้นำเอาดอกจำปา 5 ดอกขึ้นไปบูชาพระจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้พบปะสนทนาด้วยพระอินทร์ ซึ่งพระอินทร์ได้บอกแก่สุเทวฤๅษีว่า ปีนี้ในเดือนวิสาขะเพ็ญ ที่ลวะรัฎฐจะสร้างพระพุทธปฏิมากรด้วยแก้วขาว ครั้นสุเทวฤๅษีกลับจากดาวดึงส์เทวโลกแล้วจึงไปสู่เมืองละโว้ ขณะนั้นพระยารามราชเจ้าเมืองละโว้กับพระกัสสปเถรเจ้าปรารภการที่จะสร้างพระแก้ว ซึ่งพระอรหันต์ไปได้แก้วขาวบริสุทธิ์บุษยรัตน์มาจากจันทเทวบุตรแล้วขอพระวิษณุกรรมมาเนรมิต สำเร็จรูปเป็นองค์พระพุทธปฏิมากร สุเทวฤๅษีและฤๅษีอื่นๆก็ได้ไปประชุมช่วยในการสร้างพระด้วย เมื่อสำเร็จแล้วจึงได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 4 องค์ไว้ในพระโมลี (กระหม่อม) 1 องค์ พระนลาต (หน้าผาก) 1 องค์ พระอุระ (หน้าอก) 1 องค์ พระโอษฐ์ (ปาก) 1 องค์ รวม 4 แห่ง
เมื่อสร้างเสร็จแล้วพระแก้วขาวจึงได้ประดิษฐานที่เมืองละโว้มาเป็นเวลาช้านาน จนกระทั่งสุเทวฤๅษีสร้างนครหริภุญชัยขึ้นแล้ว จึงได้เชิญเสด็จพระแม่เจ้าจามเทวี พระราชธิดาพระเจ้ากรุงละโว้มาครองนครหริภุญชัย พระแม่เจ้าจามเทวีจึงได้อัญเชิญพระแก้วขาวมาเป็นพระพุทธรูปบูชาประจำพระองค์ พระแก้วขาวจึงประดิษฐาน ณ นครหริภุญชัยมาเป็นเวลาหลายร้อยปี
พญามังรายได้ยึดครองนครหริภุญชัยได้ใน พ.ศ. 1824 และได้เผาเมือง ต่อมาพญามังรายได้เสด็จตรวจความเสียหาย พบว่าหอพระในพระราชวังไม่ได้ถูกเพลิงไหม้ เมื่อทอดพระเนตรดูพบว่าพระแก้วขาวประดิษฐานอยู่ ณ ที่หอพระ จึงเกิดพระราชศรัทธาและอัญเชิญพระแก้วขาวมาประดิษฐานยังที่ประทับของพระองค์ และบูชาเป็นพระพุทธรูปพระจำพระองค์
เมื่อพญามังรายสร้างนครเชียงใหม่เป็นราชธานีในปี พ.ศ. 1839 จึงได้อัญเชิญพระแก้วขาวมาประดิษฐานในพระราชวัง คือบริเวณวัดเชียงมั่นในปัจจุบัน จนกระทั่งในสมัยพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ลำดับที่ 11 แห่งราชวงศ์มังราย มีพระราชศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา โปรดฯ ให้สร้างหอพระแก้วมรกต (พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร) และพระแก้วขาวตามอย่างโลหะปราสาทของกรุงลังกาไว้ในพระอารามราชกุฎาคารเจดีย์ หรือวัดเจดีย์หลวง
ประมาณ พ.ศ. 2035 ในรัชสมัยพระยอดเชียงรายครองนครเชียงใหม่ มีคนร้ายขโมยพระแก้วขาวไปถวายกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา พระยอดเชียงรายจึงยกทัพติดตามไปอัญเชิญพระแก้วขาวกลับมาประดิษฐานที่นครเชียงใหม่ตามเดิม
พ.ศ. 2089 พระแก้วขาวตกไปอยู่กับอาณาจักรล้านช้างเป็นเวลากว่า 225 ปี เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชยกทัพไปปราบล้านช้างสำเร็จ จึงได้อัญเชิญพระแก้วขาวมาประดิษฐาน ณ วัดเชียงมั่น อันเป็นที่ซึ่งพญามังรายมีพระราชศรัทธาอัญเชิญพระแก้วขาวมาประดิษฐานเป็นครั้งแรก
พระแก้วขาวหรือพระเสตังคมณีประดิษฐานเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวนครเชียงใหม่จึงได้รับการดูแลรักษาและอนุรักษ์ซ่อมแซมอยู่เสมอ ในปี พ.ศ. 2416 พระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ได้เป็นประธานในการสร้างแท่นแกะสลักด้วยไม้แก่นจันทน์หุ้มด้วยทองคำหนัก 300 บาท 3 ซีก เจ้าราชภาคินัยและเจ้าอุบลวัณณา สร้างฉัตรทองคำถวายหนัก 100 บาท พร้อมกับจารึกบนแผ่นทองคำใต้แท่นพระเป็นภาษาล้านนาไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาฉัตรทองคำได้หายไปคงเหลือแต่ที่ปักแกนก้านฉัตรเท่านั้น
ปี พ.ศ. 2539 นครเชียงใหม่มีอายุครบ 700 ปี จึงได้มีการบูรณะฐานพระแก้วขาว เนื่องจากได้มีการอัญเชิญพระแก้วขาวออกมาให้ประชาชนสรงน้ำพระเป็นประจำทุกปี ทำให้เนื้อไม้แก่นจันทน์บวมขยายออก มีผลให้แผ่นทองคำที่หุ้มอยู่ปริแตก นอกจากนี้ยังได้มีการสร้างฉัตรทองคำน้ำหนัก 123 บาท ประดับเพชร 9 เม็ด และพลอยอีก 37 เม็ด ถวายแด่พระแก้วขาวด้วย
ระเบียงภาพ
- พระเสตังคมณี ประดิษฐานคู่กับพระศิลาในมณฑป
- มณฑปภายในพระวิหารที่ประดิษฐานพระเสตังคมณีและพระศิลา ณ วัดเชียงมั่น
- วัดเชียงมั่นในปัจจุบัน
อ้างอิง
- กรมศิลปากร และวัดสังฆารามเชียงมั่น. 2539. เชียงมั่น: วัดแรกในเชียงใหม่. ที่ระลึกงานประเพณีนมัสการพระเสตังคมณี (พระแก้วขาว) พระศิลา ปอยหลวงพระวิหาร พระเจดีย์ถาวรวัตถุและฉลองสมโภชวัดเชียงมั่นเมืองเชียงใหม่ 700 ปี ณ วัดเชียงมั่น ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ วันที่ 1-5 เมษายน พ.ศ. 2539.
- ตำนานพระแก้วขาวกับพระศิลา วัดเชียงมั่น จังหวัดเชียงใหม่. 2544. พิมพ์เนื่องในโอกาสฉลองสมโภชอุโบสถวัดเชียงมั่น เมืองเชียงใหม่ 700 ปี.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phraestngkhmni hrux phraaekwkhaw ithythinehnux epnphraphuththrupslkcakaekwsikhawis mikhnadhnatkkwang 4 niw sung 6 niw tananklawwaepnsilpaskulchanglaow pccubnpradisthankhukbphrasilasungepnphrapangprabchangnalakhiri phayinphrawiharwdechiyngmn tablsriphumi xaephxemuxngechiyngihm cnghwdechiyngihmphraestngkhmni phraaekwkhaw chuxetmphraestngkhmnichuxsamyphraaekwkhawphraphuththrupsilpapangmarwichykhwamkwang4 niwkhwamsung6 niwwsduaekwsikhawissthanthipradisthanphayinphrawihar wdechiyngmnkhwamsakhyepnphraphuththruppracaphraxngkhkstriyaehngnkhrhriphuychy aelakstriyaehngrachwngsmngrayswnhnungkhxngsaranukrmphraphuththsasna phraaekwkhaw epnchuxphraphuththruperiykphraphuththrupthisrangdwyhinsikhaw phasabalieriykwa phraestngkhmni macakkhawa est aeplwa khaw aela mni aeplwa aekw aeplrwmwaphraaekwkhaw pradisthanthiwiharwdechiyngmn xaephxemuxng echiyngihm epnphraphuththruppangmarwichy phraesiyrhumdwythxngkhapradisthanbnaethnimcnthnhumdwyaephnthxngkhaitthanmikhxkhwamcarukwa emux ph s 2416 phraecaxinthwiichyannth ecaphukhrxngnkhrechiyngihm phrarachbidakhxngphrarachchaya ecadararsmi phrxmdwyecaaemthiphyeksraelarachbutrrachthidasrangthwayaedphraestngkhmnitananphraestngkhmnitamtananklawwa emuxsmedcphrasmmasmphuththecaidesdcdbkhnthpriniphphanlwngipaelw 700 pi inwnephyeduxn 7 suethwvisiidnaexadxkcapa 5 dxkkhunipbuchaphraculamnibnswrrkhchndawdungs idphbpasnthnadwyphraxinthr sungphraxinthridbxkaeksuethwvisiwa piniineduxnwisakhaephy thilwardthcasrangphraphuththptimakrdwyaekwkhaw khrnsuethwvisiklbcakdawdungsethwolkaelwcungipsuemuxnglaow khnannphrayaramrachecaemuxnglaowkbphraksspethrecaprarphkarthicasrangphraaekw sungphraxrhntipidaekwkhawbrisuththibusyrtnmacakcnthethwbutraelwkhxphrawisnukrrmmaenrmit saercrupepnxngkhphraphuththptimakr suethwvisiaelavisixunkidipprachumchwyinkarsrangphradwy emuxsaercaelwcungidbrrcuphrabrmsaririkthatu 4 xngkhiwinphraomli krahmxm 1 xngkh phranlat hnaphak 1 xngkh phraxura hnaxk 1 xngkh phraoxsth pak 1 xngkh rwm 4 aehng emuxsrangesrcaelwphraaekwkhawcungidpradisthanthiemuxnglaowmaepnewlachanan cnkrathngsuethwvisisrangnkhrhriphuychykhunaelw cungidechiyesdcphraaemecacamethwi phrarachthidaphraecakrunglaowmakhrxngnkhrhriphuychy phraaemecacamethwicungidxyechiyphraaekwkhawmaepnphraphuththrupbuchapracaphraxngkh phraaekwkhawcungpradisthan n nkhrhriphuychymaepnewlahlayrxypi phyamngrayidyudkhrxngnkhrhriphuychyidin ph s 1824 aelaidephaemuxng txmaphyamngrayidesdctrwckhwamesiyhay phbwahxphrainphrarachwngimidthukephlingihm emuxthxdphraentrduphbwaphraaekwkhawpradisthanxyu n thihxphra cungekidphrarachsrththaaelaxyechiyphraaekwkhawmapradisthanyngthiprathbkhxngphraxngkh aelabuchaepnphraphuththrupphracaphraxngkh emuxphyamngraysrangnkhrechiyngihmepnrachthaniinpi ph s 1839 cungidxyechiyphraaekwkhawmapradisthaninphrarachwng khuxbriewnwdechiyngmninpccubn cnkrathnginsmyphraecatiolkrach kstriyladbthi 11 aehngrachwngsmngray miphrarachsrththaeluxmisinphraphuththsasna oprd ihsranghxphraaekwmrkt phraphuththmhamnirtnptimakr aelaphraaekwkhawtamxyangolhaprasathkhxngkrunglngkaiwinphraxaramrachkudakharecdiy hruxwdecdiyhlwng praman ph s 2035 inrchsmyphrayxdechiyngraykhrxngnkhrechiyngihm mikhnraykhomyphraaekwkhawipthwaykstriyaehngkrungsrixyuthya phrayxdechiyngraycungykthphtidtamipxyechiyphraaekwkhawklbmapradisthanthinkhrechiyngihmtamedim ph s 2089 phraaekwkhawtkipxyukbxanackrlanchangepnewlakwa 225 pi emuxphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachykthphipprablanchangsaerc cungidxyechiyphraaekwkhawmapradisthan n wdechiyngmn xnepnthisungphyamngraymiphrarachsrththaxyechiyphraaekwkhawmapradisthanepnkhrngaerk phraaekwkhawhruxphraestngkhmnipradisthanepnsunyrwmcitickhxngchawnkhrechiyngihmcungidrbkarduaelrksaaelaxnurkssxmaesmxyuesmx inpi ph s 2416 phraecaxinthwichyannth ecaphukhrxngnkhrechiyngihm idepnprathaninkarsrangaethnaekaslkdwyimaekncnthnhumdwythxngkhahnk 300 bath 3 sik ecarachphakhinyaelaecaxublwnna srangchtrthxngkhathwayhnk 100 bath phrxmkbcarukbnaephnthxngkhaitaethnphraepnphasalannaiwepnhlkthan txmachtrthxngkhaidhayipkhngehluxaetthipkaeknkanchtrethann pi ph s 2539 nkhrechiyngihmmixayukhrb 700 pi cungidmikarburnathanphraaekwkhaw enuxngcakidmikarxyechiyphraaekwkhawxxkmaihprachachnsrngnaphraepnpracathukpi thaihenuximaekncnthnbwmkhyayxxk miphlihaephnthxngkhathihumxyupriaetk nxkcakniyngidmikarsrangchtrthxngkhanahnk 123 bath pradbephchr 9 emd aelaphlxyxik 37 emd thwayaedphraaekwkhawdwyraebiyngphaphphraestngkhmni pradisthankhukbphrasilainmnthp mnthpphayinphrawiharthipradisthanphraestngkhmniaelaphrasila n wdechiyngmn wdechiyngmninpccubnxangxingkrmsilpakr aelawdsngkharamechiyngmn 2539 echiyngmn wdaerkinechiyngihm thiraluknganpraephninmskarphraestngkhmni phraaekwkhaw phrasila pxyhlwngphrawihar phraecdiythawrwtthuaelachlxngsmophchwdechiyngmnemuxngechiyngihm 700 pi n wdechiyngmn t sriphumi x emuxng c echiyngihm wnthi 1 5 emsayn ph s 2539 tananphraaekwkhawkbphrasila wdechiyngmn cnghwdechiyngihm 2544 phimphenuxnginoxkaschlxngsmophchxuobsthwdechiyngmn emuxngechiyngihm 700 pi