พระเจ้านรปติที่ 1 แห่งอังวะ (พม่า: နရပတိ (အင်းဝ), ออกเสียง: [nəɹa̰pətḭ]; 7 มิถุนายน 1413 – 24 กรกฎาคม 1468) กษัตริย์ลำดับที่ 10 แห่ง อาณาจักรอังวะ จาก ค.ศ. 1442 ถึง ค.ศ. 1468 พระองค์ขึ้นสืบราชบัลลังก์ภายหลังจากการสวรรคตแบบกะทันหันโดยไร้รัชทายาทของ มังรายกะยอชวาที่ 1 แห่งอังวะ กษัตริย์ลำดับที่ 9 ผู้เป็นพระเชษฐาเมื่อ ค.ศ. 1442
พระเจ้านรปติที่ 1 แห่งอังวะ နရပတိ (အင်းဝ) | |
---|---|
(กษัตริย์แห่งอังวะ) | |
ครองราชย์ | 25 เมษายน ค.ศ. 1442 – 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1468 |
ก่อนหน้า | มังรายกะยอชวาที่ 1 แห่งอังวะ |
ต่อไป | พระเจ้าสีหสุระแห่งอังวะ |
ครองราชย์ | ค.ศ. 1429 – 1442 |
ก่อนหน้า | มังมหาแห่งแปร |
ถัดไป | มังรายกะยอชวา |
ประสูติ | 7 มิถุนายน ค.ศ. 1413 วันพุธ ขึ้น 10 ค่ำ ต้นเดือน Waso 775 ME โม่ญี่น |
สวรรคต | 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1468 วันอาทิตย์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือนWagaung 830 ME แปร | (55 ปี)
ชายา | พระนางอตุลสิริมหาราชเทวี |
พระราชบุตร | โอรสสามองค์และธิดาห้าคน รวมไปถึง: พระเจ้าสีหสุระแห่งอังวะ มังกะยอชวาแห่งแปร พระเจ้าตะโดเมงสอแห่งแปร |
ราชวงศ์ | โม่ญี่น |
พระราชบิดา | พระเจ้าโม่ญี่นตะโด้ |
พระราชมารดา | |
ศาสนา | พุทธเถรวาท |
พระราชประวัติ
พระเจ้านรปติที่ 1 ประสูติเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 1413 เป็นพระราชบุตรองค์ที่ 2 จากทั้งหมด 4 พระองค์ของ พระเจ้าโมญีนตะโด กษัตริย์ลำดับที่ 8 ที่ประสูติแต่พระนาง โดยพระเจ้านรปติมีพระเชษฐา 1 พระองค์คือ พระเจ้ามังรายกะยอชวาที่ 1 แห่งอังวะ และพระขนิษฐาอีก 2 พระองค์
อุปราชแห่งเมืองแปร
ใน ค.ศ. 1429 พระองค์ได้รับการสถาปนาจากพระราชบิดาให้เป็นอุปราชแห่งเมืองแปรซึ่งเป็นเมืองสำคัญทางใต้ของอังวะพร้อมกับได้รับพระอิสริยยศเป็น สีหตู ขณะมีพระชนมายุเพียง 16 พรรษาซึ่งพระเจ้านรปติปกครองเมืองแปรต่อมาจนกระทั่งพระราชบิดาเสด็จสวรรคตเมื่อ ค.ศ. 1439 โดยมีพระเชษฐาของพระองค์ซึ่งเป็นรัชทายาทคือ มังรายกะยอชวา ขึ้นสืบราชบัลลังก์ต่อมา
ขึ้นสืบราชบัลลังก์
ในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1442 พระเจ้ามังรายกะยอชวาที่ 1 เสด็จสวรรคตอย่างกะทันหันซึ่งในเวลานั้นกองทัพอังวะกำลังเดินทางไปล้อมเมืองโมกองเมืองของรัฐชานแห่งโมกอง เมื่อพระเจ้ามังรายกะยอชวาเสด็จสวรรคตบรรดาเสนาบดีแห่งอังวะจึงเสนอพระนามของพระเทวัน (น้องเขย) ของพระเจ้ามังรายกะยอชวาคือ เจ้าชายสีหบดี ซึ่งขณะนั้นกำลังรบติดพันอยู่ที่โมกองกลับมายังอังวะเพื่อขึ้นสืบราชบัลลังก์ แต่เจ้าชายสีหบดีได้ปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าพระองค์ไม่ได้เป็นพระโอรสหรือพระอนุชาของกษัตริย์ผู้ล่วงลับ และเสนอให้เหล่าเสนาบดีไปทูลเชิญพระอนุชาของพระเจ้ามังรายกะยอชวาคือ สีหตู ที่ครองเมืองแปรอยู่แทน เหล่าเสนาบดีจึงไปทูลเชิญ สีหตู แห่งแปรกลับมายังอังวะเพื่อขึ้นสืบราชบัลลังก์โดยได้มีการเถลิงพระนามใหม่ว่า พระเจ้านรปติที่ 1 เมื่อวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 1442
สวรรคต
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1467 พระเจ้านรปติถูกแทงโดยพระนัดดาซึ่งเกิดจากที่พระองค์เคยตำหนิเรื่องการแอบรักกันกับลูกพี่ลูกน้อง หลังถูกทำร้ายพระเจ้านรปติหลบหนีไปยังเมืองแปรซึ่ง มังกะยอชวา พระโอรสพระองค์หนึ่งปกครองอยู่ พระองค์เสด็จสวรรคตที่นั่นในอีกหนึ่งปีต่อมาเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1468
อ้างอิง
- Hmannan Vol. 2 2003: 99
- Hmannan Vol. 2 2003: 82–83
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phraecanrptithi 1 aehngxngwa phma နရပတ အင ဝ xxkesiyng neɹa petḭ 7 mithunayn 1413 24 krkdakhm 1468 kstriyladbthi 10 aehng xanackrxngwa cak kh s 1442 thung kh s 1468 phraxngkhkhunsubrachbllngkphayhlngcakkarswrrkhtaebbkathnhnodyirrchthayathkhxng mngraykayxchwathi 1 aehngxngwa kstriyladbthi 9 phuepnphraechsthaemux kh s 1442phraecanrptithi 1 aehngxngwa နရပတ အင ဝ kstriyaehngxngwakhrxngrachy25 emsayn kh s 1442 24 krkdakhm kh s 1468kxnhnamngraykayxchwathi 1 aehngxngwatxipphraecasihsuraaehngxngwakhrxngrachykh s 1429 1442kxnhnamngmhaaehngaeprthdipmngraykayxchwaprasuti7 mithunayn kh s 1413 wnphuth khun 10 kha tneduxn Waso 775 ME omyinswrrkht24 krkdakhm kh s 1468 1468 07 24 55 pi wnxathity khun 5 kha eduxnWagaung 830 ME aeprchayaphranangxtulsirimharachethwiphrarachbutroxrssamxngkhaelathidahakhn rwmipthung phraecasihsuraaehngxngwa mngkayxchwaaehngaepr phraecataodemngsxaehngaeprrachwngsomyinphrarachbidaphraecaomyintaodphrarachmardasasnaphuththethrwathbthkhwamnimixksrphma hakxupkrnkhxngkhunimsamarthernedxrxksrniid khunxacehnekhruxnghmaykhatham xksrphiess klxng hruxsylksnxun aethnthixksrphmaphrarachprawtiphraecanrptithi 1 prasutiemuxwnthi 7 mithunayn kh s 1413 epnphrarachbutrxngkhthi 2 cakthnghmd 4 phraxngkhkhxng phraecaomyintaod kstriyladbthi 8 thiprasutiaetphranang odyphraecanrptimiphraechstha 1 phraxngkhkhux phraecamngraykayxchwathi 1 aehngxngwa aelaphrakhnisthaxik 2 phraxngkhxuprachaehngemuxngaeprin kh s 1429 phraxngkhidrbkarsthapnacakphrarachbidaihepnxuprachaehngemuxngaeprsungepnemuxngsakhythangitkhxngxngwaphrxmkbidrbphraxisriyysepn sihtu khnamiphrachnmayuephiyng 16 phrrsasungphraecanrptipkkhrxngemuxngaeprtxmacnkrathngphrarachbidaesdcswrrkhtemux kh s 1439 odymiphraechsthakhxngphraxngkhsungepnrchthayathkhux mngraykayxchwa khunsubrachbllngktxmakhunsubrachbllngkineduxnmkrakhm kumphaphnth kh s 1442 phraecamngraykayxchwathi 1 esdcswrrkhtxyangkathnhnsunginewlannkxngthphxngwakalngedinthangiplxmemuxngomkxngemuxngkhxngrthchanaehngomkxng emuxphraecamngraykayxchwaesdcswrrkhtbrrdaesnabdiaehngxngwacungesnxphranamkhxngphraethwn nxngekhy khxngphraecamngraykayxchwakhux ecachaysihbdi sungkhnannkalngrbtidphnxyuthiomkxngklbmayngxngwaephuxkhunsubrachbllngk aetecachaysihbdiidptiesthodyihehtuphlwaphraxngkhimidepnphraoxrshruxphraxnuchakhxngkstriyphulwnglb aelaesnxihehlaesnabdiipthulechiyphraxnuchakhxngphraecamngraykayxchwakhux sihtu thikhrxngemuxngaeprxyuaethn ehlaesnabdicungipthulechiy sihtu aehngaeprklbmayngxngwaephuxkhunsubrachbllngkodyidmikarethlingphranamihmwa phraecanrptithi 1 emuxwnthi 25 emsayn kh s 1442swrrkhtemuxwnthi 12 mithunayn kh s 1467 phraecanrptithukaethngodyphranddasungekidcakthiphraxngkhekhytahnieruxngkaraexbrkknkblukphiluknxng hlngthuktharayphraecanrptihlbhniipyngemuxngaeprsung mngkayxchwa phraoxrsphraxngkhhnungpkkhrxngxyu phraxngkhesdcswrrkhtthinninxikhnungpitxmaemuxwnthi 24 krkdakhm kh s 1468xangxingHmannan Vol 2 2003 99 Hmannan Vol 2 2003 82 83