พระยาชัยสุนทรหรือพระยาไชยสุนทร บ้างออกพระนามพระยาไชยสุนทอน หรือ พระยาไชสุนธรสมพมิษ เดิมพระนามเจ้าโสมพะมิตรหรือท้าวโสมพะมิตร พื้นเมืองเวียงจันทน์ออกพระนามว่าพระยาสมะบพิตรเจ้า หรือพะยาสมพะมิดเจ้า หรือพระยาสมพมิตรเจ้า พงศาวดารเมืองกาฬสินธุ์และเมืองกมลาสัยออกพระนามว่าพระยาสมพมิษ เป็นเจ้าองค์ครองเมืองกาฬสินธุ์ (กาละสินธ์ หรือ กาลสิน) องค์แรก และผู้สร้างเมืองกาฬสินธุ์ (พ.ศ. 2336) ปัจจุบันคือจังหวัดกาฬสินธุ์ เดิมรับราชการในราชสำนักเวียงจันทน์ที่พญาโสมพะมิตรกองถวายส่วยผ้าขาวแด่กษัตริย์เวียงจันทน์ ภายหลังรัชกาลที่ 1 ของไทยสถาปนาขึ้นเป็นคนแรกในฐานะหัวเมืองประเทศราช พระยาชัยสุนทรเป็นต้นสกุล ณ กาฬสินธุ์ (พระราชทานสมัยรัชกาลที่ 6) วงศ์กาฬสินธุ์ บริหาร เกษทอง ศรีกาฬสินธุ์ พิมพะนิตย์ พูลวัฒน์ วงศ์กมลาไสย ไชยศิริ ทองทวี ศิริกุล เป็นต้น
พระยาชัยสุนทร (โสมพะมิตร) | |
---|---|
เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ | |
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2336 – พ.ศ. 2349 | |
ก่อนหน้า | |
ถัดไป | พระยาชัยสุนทร (หมาแพง) |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | พ.ศ. 2275 อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ |
เสียชีวิต | พ.ศ. 2349 อายุ 73 ปีเศษ เมืองกาฬสินธุ์ |
บุตร | 1.เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ ลำดับที่ 2 2.พระธานี(หมาป้อง) อุปฮาดเมืองสกลนคร 3.พระไชยสุนทร(หมาสุ่ย) อุปฮาดเมืองกาฬสินธุ์ |
ประวัติ
ราชตระกูล
พระยาชัยสุนทรเสกสมรสกับพระนางหล้าสร้อยเทวีชาวนครหลวงเวียงจันทน์ เป็นพระโอรสในเจ้าองค์ลอง เป็นพระราชนัดดา (หลานปู่) ในสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 2 (พระไชยองค์เว้ ครองราชย์ราว พ.ศ. 2250-2273) กษัตริย์ราชอาณาจักรล้านช้างองค์ที่ 36 และปฐมกษัตริย์สมัย 3 อาณาจักร ฝ่ายพระมารดาเป็นพระนัดดา (เจ้าปะขาว) ผู้สร้างและ (เมืองพนาง) ในสกลนคร สมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 2 เป็นพระราชนัดดา (หลานอา) ในและเป็นพระราชนัดดา (หลานปู่) ในพระเจ้าต่อนคำ ฝ่ายเจ้าผ้าขาวเป็นพระราชนัดดากษัตริย์ล้านช้างเวียงจันทน์เช่นกัน ดังนั้นตระกูลพระยาชัยสุนทรจึงเป็นเจ้านายลาวจากสายหนึ่ง ส่วนเครือญาติบุตรหลานได้ปกครองหัวเมืองลาวจนปฏิรูปการปกครองหลายเมือง เช่น เมืองผ้าขาว (ปัจจุบันคือบ้านผ้าขาวหรือบ้านปะขาว) เมืองพันนา (ปัจจุบันคือบ้านพรรณา) เมืองกาฬสินธุ์ เมืองกมลาสัย (เมืองกมลาไสย) เมืองสหัสขันธ์ เมืองสกลนคร (บ้านธาตุเชียงชุม) เมืองกลางหมื่น (บ้านกลางหมื่น) เป็นต้น
อพยพไพร่พล
พระยาชัยสุนทรหรือท้าวโสมพะมิตประสูติราว พ.ศ. 2275 รับราชการในราชสำนักเวียงจันทน์จนได้รับความชอบ กษัตริย์เวียงจันทน์โปรดเกล้าฯ เลื่อนยศเป็นที่พญาโสมพะมิต ต่อมา พ.ศ. 2320 พญาโสมพะมิตรและญาติพี่น้องคือและขัดแย้งกับสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 3 แห่งเวียงจันทน์ (พระเจ้าสิริบุนสาน ครองราชย์ราว พ.ศ. 2294-2322) จึงรวบรวมผู้คนเป็นสมัครพรรคพวกประมาณหนึ่งหมึ่นข้ามน้ำโขงผ่านทางหนองบัวลำภูตั้งเป็นชุมชนใหญ่ที่บ้านผ้าขาวและบ้านพันนา (เมืองผ้าขาวพันนา) เมืองเก่าในแขวงมณฑลอุดร บริเวณพระธาตุเชิงชุม ฝ่ายพระเจ้าสิริบุนสานส่งทัพหลวงติดตามมากวาดต้อนผู้คนที่อพยพหลบหนีให้กลับคืนเวียงจันทน์ พญาโสมพะมิตรจึงอพยพไพร่พลผ่านกุดสิมคุ้มเก่า เมืองบัวขาว ถอยลงใต้ไปทางบ้านเชียงเครือท่าเดื่อ จนเหลือไพร่พลราว 5,000 เส้นทางการตั้งบ้านเรือนเพื่อหนีความวุ่นวายทางการเมืองจากนครเวียงจันทร์ผ่านทางหนองบัวลำภูแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่คือ
- กลุ่มพระยาชัยสุนทร พระยาอุปชา เมืองแสนฆ้องโปง และเมืองแสนหน้า ตั้งเมืองสกลนคร
- กลุ่มเจ้าพระวอ เจ้าพระตา แยกตั้งบ้านเรือนที่ดอนมดแดง เวียงฆ้อนกลอง ดงอู่ผึ้ง บ้านแจละแม ตั้งเป็นเมืองอุบลราชธานี
- กลุ่มพระครูโพนเสม็กอธิการวัดหรือพระอรหันต์ภายสร้อย แยกตั้งบ้านเมือง ณ เมืองจามปามหานครซึ่งเป็นเมืองร้างโดยตั้งเจ้าสร้อยศรีสมุทร์เชื้อพระวงศ์กษัตริย์เวียงจันทน์เป็นกษัตริย์นครจำปาศักดิ์
ขึ้นเป็นเจ้าเมืองกาฬสินธุ์
เมื่อกองทัพเวียงจันทน์ยกมารบกวนพญาโสมพะมิตจึงยกไพร่พลข้ามสันเขาภูพานลงทิศใต้ สร้างพระพุทธรูปใหญ่ไว้ข้างสิมหนองเทาเก่าตั้งบ้านเรือนหนาแน่นและเป็นใหญ่ปกครองเมืองอยู่บ้านกลางหมื่น (ตำบลกลางหมื่น อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ในปัจจุบัน) เป็นอิสระไม่ขึ้นแก่เมืองใด ด้วยจำนวนไพร่พล 5,000 ต่อมาพระยาอุปชาและเมืองแสนฆ้องโปงถึงแก่กรรมพระเจ้าสิริบุนสานส่งทัพมารบกวน พญาโสมพมิตรจึงขึ้นไปสมทบกับเจ้าพระวอเจ้าพระตาขอไพร่พลร่วมสมทบอีกราว 3,000 คน ราวปีเศษ พ.ศ. 2325 จึงอพยพผู้คนย้อนกลับมาตั้งบ้านเรือนใหม่ที่แก้งส้มโฮง (แก่งสำโรง) ดงสงเปือยริมฝั่งน้ำปาวรวมไพร่พลราว 4,000 คน เหลือไพร่พลที่บ้านกลางหมื่น 1,000 คน พ.ศ. 2336 พญาโสมพะมิตเสด็จไปกรุงเทพมหานครเจริญไมตรีกับกษัตริย์สยาม โดยนำเครื่องเจริญสัมพันธไมตรีมีค่าเป็นกาน้ำสำริดหรือกาทองที่นำติดตัวมาแต่สมัยรับราชการ ณ เวียงจันทน์มอบแด่รัชกาลที่ 1 พร้อมดอกไม้เงิน ดอกไม้ทอง สีผึ้ง น้ำรัก งาช้าง และนอแรด ราชสำนักสยามจึงยกฐานะบ้านแก้งส้มโฮงขึ้นเป็นเมืองกาฬสินธุ์ตามนามมงคลนิมิตของกาน้ำสำริด สถาปนาพญาโสมพะมิตขึ้นเป็นพระยาไชยสุนทรเจ้าองค์ครองเมืองกาฬสินธุ์องค์แรก ในฐานะประเทศราช (ต่อมาถูกลดฐานะเป็นหัวเมืองชั้นเอกแต่ยังไม่มีหัวเมืองขึ้น) แต่นั้นเจ้าเมืองกาฬสินธุ์ยึดถือนามยศพระยาชัยสุนทรไว้สำหรับผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองนี้โดยเฉพาะ พระยาชัยสุนทรครองเมืองด้วยความสงบเรียบร้อยโดยลำดับ พ.ศ. 2345 ทรงชราภาพจึงมอบหมายราชการให้ท้าวหมาแพงดูแลรักษา
ประวัติจากเอกสารชั้นต้น
ในพื้นเวียงจันทน์
เอกสารพื้นเวียงจันทน์อย่างน้อย 3 ฉบับระบุตรงกันว่าเมื่อพระยาชัยสุนทรขึ้นปกครองเมืองกาฬสินธุ์ ก่อนเหตุการณ์สงครามเวียงจันทน์-สยามในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าไชยเชฏฐาธิราชที่ 5 (เจ้าอนุวงศ์ ครองราชย์ราว พ.ศ. 2348-2371) สยามส่งนายกองมาสักเลกรุกล้ำแผ่นดินลาวจนชาวเมืองกาฬสินธุ์เดือดร้อน พระยาชัยสุนทรจึงอพยพไพร่พลไปพึ่งพระบรมโพธิสมภารเจ้าอนุวงศ์ที่เมืองสกลนครซึ่งเป็นเมืองเดิมที่ทรงปกครองมาก่อน ดังข้อความ
แต่นั้น พอเมื่อหมดเขตต์แล้วม้มแห่งฤดูฝน ฝูงหมู่นายกองสักออกมามิช้า เขาก็ไปอยู่ตั้งทัพที่กาฬสินธุ์ จัดหัวเมืองเฮ่งมาโฮมหั้น แต่นั้น เลยเหล่าขำเขือกฮ้อนอุบาทว์หลายประการ เสนาเขาแหกเมืองหนีเจ้า เขาก็หมายเพิ่งเจ้ายั้งขม่อมเวียงจันทน์ เขาก็ขนครัวไปเพิ่งบุญจอมเจ้า ชื่อว่าพญาสมะบพิตรเจ้าแหกจากกาฬสินธุ์ เวียนกินเมืองเอกโทนจริงแท้ เจ้าก็มาอยู่สร้างทันที่หนองหาร ชื่อว่าเมืองสกลนครพื้นปฐพีพระธาตุใหญ่ ฯ
พอเมื่อเหมิดเขดแล้วม้มแห่งระดูฝน ฝูงหมู่นายกองสักออกหลำซ้ำ เขาก็ไปอยู่ตั้งทันที่กาละสิน จัดหัวเมืองเล่งมาโฮมหั้น แต่นั้น เลยเล่าขำเขือดฮ้อนอุบาดหลายปะกาน เสนาเขาแหกเมืองหนีเจ้า เขาก็หมายเพิ่งเจ้าหยั้งขม่อมเวียงจัน เขาก็ขนคัวมาเพิ่งบุนจอมเจ้า ซื่อว่าพะยาสมพะมิดเจ้าแหกจากกาละสิน เลียนกินเมืองเอกโทนจิงแท้ เจ้าก็มาอยู่ส้างแทนที่หนองหาน ซื่อว่าเมืองสะกลนะคอนแผ่นดินพระทาดใหย่
พอเมื่อเหมิดเขตแล้วม้มแห่งฤดูฝน ฝูงหมู่นายกองสักออกมาหล่ำซ้ำ เขาก็ไปอยู่ตั้งทันที่กาฬสินธุ์ จัดหัวเมืองเร่งมาโฮมหั้น แต่นั้น เลยเล่าขำเขือกฮ้อนอุบาทว์หลายประการ เสนาเขาแหกเมืองหนีเจ้า เขาก็หมายเพิ่งเจ้ายั้งขม่อมเวียงจันทน์ เขาก็ขนครัวมาเพิ่งบุญจอมเจ้า ชื่อว่าพระยาสมพมิตรเจ้าแหกจากกาฬสินธุ์ เลียนกินเมืองเอกโทนจริงแท้ เจ้าก็มาอยู่สร้างแทนที่หนองหาน ชื่อว่าเมืองสกลนครแผ่นดินพระธาตุใหญ่ ฯ
ในพงศาวดารเมืองกาฬสินธุ์และเมืองกมลาสัย: เอกสารฝ่ายท้องถิ่น
เอกสารพงศาวดารเมืองกาฬสินธุ์ฉบับพระราษฎรบริหาร(ทอง) เจ้าเมืองกมลาสัย (เมืองกระมาลาไสย) เขียนด้วยลายมือภาษาลาวอักษรไทยบนสมุดข่อย (สมุดไทยขาวหมึกดำ) สมบัติเดิมของนางรำไพ อัมมะพะ (สกุลเดิม บริหาร) บุตรีของนายทองบ่อ บริหาร ทายาท ถ่ายสำเนาเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2534 โดยธีรชัย บุญมาธรรม อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ สถาบันราชภัฏมหาสารคาม ต่อมานายบุญมี ภูเดช (เปรียญ) พิมพ์รวมในหนังสือพงศาวดารเมืองกาฬสินธุ์และประวัติเมืองขึ้นในยุคเก่า ที่โรงพิมพ์จินตภัณฑ์การพิมพ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ เมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2525 จำนวน 1,000 ฉบับ คำปรารภหนังสือระบุว่าได้ต้นฉบับจากพระราชพรหมจริยคุณ วัดกลาง เมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งพิมพ์จากหนังสือที่พระราษฎรบริหาร(ทอง) เรียบเรียงไว้ เอกสารระบุพระประวัติพระยาชัยสุนทร (โสมพะมิตร) โดยละเอียดดังนี้
...พระราษฎรบริหารเจ้าเมืองกมลาสัยได้ลำดับพงศาวดารเมืองกาฬสินธุ์และเมืองกมลาสัยและเมืองขึ้นไว้สำหรับบ้านเมืองต่อไป เดิมปู่ย่าตายายเจ้านายได้สืบตระกูลต่อ ๆ มานั้นตั้งบ้านเรือนอยู่หนองหานพระเจดีย์เชียงชุมที่เป็นเมืองเก่า ครั้นอยู่มาจะเป็นปีใดไม่กำหนดครั้งนั้นพระครูโพนเสม็ดเจ้าอธิการวัดที่เรียกว่าพระอรหันตาพายสร้อยได้ต่อยอดพระธาตุพนม และเมื่อเกิดเหตุต่าง ๆ ได้พาครอบครัวพวกเจ้านายท้าวเพี้ยราษฎรยกไปตั้งทะนุบำรุงอยู่ ณ เมืองจำปามหานครที่เป็นเมืองเก่าร้างอยู่ ซึ่งโปรดฯ ตั้งเป็นเมืองนครจำปาศักดิ์เดี๋ยวนี้นั้น ตั้งเจ้าสร้อยศรีสมุทซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเมืองเวียงจันทน์นั้นขึ้นเป็นเจ้านครจำปาศักดิ์ ครั้นอยู่มาช้านานหลายชั่วก็เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นต่าง ๆ เจ้านายท้าวเพี้ยจึงพร้อมกันพาครัวบุตรภรรยาบ่าวไพร่กลับคืนหนีมาตั้งบ้านเรือนทำมาหากินอยู่ที่หนองหานพระเจดีย์เชียงชุมตำบลบ้านผ้าขาวพรรณาตามเดิม แต่ครอบครัวผู้คนยังค้างอยู่เมืองนครจำปาศักดิ์ก็ยังมาก ครั้นต่อมาภายหลังจะปีและศักราชหลวงเท่าใดไม่มีกำหนดแจ้ง ครั้งนั้นพระยาโสมพะมิต พระยาอุปชา เมืองแสนฆ้อนโปง เมืองแสนหน้าง้ำ ๔ คน เป็นผู้ใหญ่พากันควบคุมท้าวเพี้ยบ่าวไพร่บุตรภรรยาตั้งบ้านเรือนทำมาหากินอยู่บ้านผ้าขาวพรรณาและหนองหานพระเจดีย์เชียงชุมซึ่งเป็นเมืองสกลนครเดี๋ยวนี้ มีท้าวเพี้ยบ่าวไพร่รวมประมาณสัก ๕,๐๐๐ เศษ รับราชการทำส่วยผ้าขาวขึ้นกับเมืองเวียงจันทน์ ครั้นอยู่มาพระยาอุปชากับเมืองแสนฆ้อนโปงถึงแก่กรรมไปแล้ว เจ้าเมืองเวียงจันทน์คิดก่อเหตุเกิดวิวาทบาดหมางขึ้นกับพวกพระยาโสมพะมิต เมืองแสนหน้าง้ำ ๆ อพยพพาครัวบุตรภรรยาท้าวเพี้ยบ่าวไพร่ประมาณ ๒,๐๐๐ เศษ หนีลงมาบรรจบอยู่ด้วยกับพวกพระวอที่แตกหนีอพยพครอบครัวมาแต่หนองบัวลำภูมาตั้งอยู่ ณ บ้านแจละแม ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเมืองอุบลราชธานี แต่พระยาโสมพะมิตนั้นอพยพพาครัวบุตรภรรยาท้าวเพี้ยบ่าวไพร่ประมาณสัก ๓,๐๐๐ เศษ ไปตั้งอยู่ริมน้ำปาวที่เรียกว่าแก่งสำโรง แล้วพระยาโสมพะมิตลงไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงโปรดเกล้าฯ ตั้งให้พระยาโสมพะมิตเป็นที่พระยาชัยสุนทรเจ้าเมือง ขนานนามแก่งสำโรงขึ้นเป็นเมืองกาฬสินธุ์ แต่ ณ วันปีจอ จัตวาศก (จุ) ลศักราช ๑๑๖๔ พระยาชัยสุนทรโสมพะมิตเจ้าเมืองกาฬสินธุ์ชรา มีอายุสัก ๗๐ ปีเศษ หลงลืมสติจึงมอบราชการเมืองให้กับท้าวหมาแพงบุตรของพระยาอุปชานั้นเป็นผู้ว่าราชการเมืองกาฬสินธุ์ต่อมา แล้วพระยาชัยสุนทรโสมพะมิตกับท้าวหมาแพงผู้รับว่าราชการเมืองต่างนั้นปรึกษาพร้อมกันทำแผนที่เมืองกาฬสินธุ์ แบ่งเขตแดนต่อกันกับเมืองเวียงจันทน์ตั้งแต่แม่น้ำลำพองข้างเหนือมาตกชีข้างตะวันตก ตะวันออกนั้นตั้งแต่น้ำลำพองตัดลัดไปห้วยสายบาทไปถึงห้วยไพรจาน ไปเขาภูทอกซอกดาวตัดไปบ้านผ้าขาวพรรณาบ้านเดิม ยอดลำน้ำสงครามตกแม่น้ำโขง เขตฝ่ายตะวันออกต่อแดนเมืองนครพนมและเมืองมุกดาหาร ผ่าเขาภูพานตัดมายังภูเขาหลักทอดยอดยัง ๆ ตกแม่น้ำลำน้ำชีเป็นเขตข้างใต้ ข้างตะวันตกแม่น้ำลำน้ำชีต่อแดนเมืองร้อยเอ็ดและต่อแดนเมืองยโสธรแต่ยังไม่ได้ตั้งเป็นเมืองเป็นบ้านสิงห์โคกสิงห์ท่าอยู่ แล้วส่งแผนที่ลงไปทูลเกล้าฯ ถวาย...พระยาโสมพะมิตเป็นเจ้าเมืองกาฬสินธุ์อยู่ได้สามปีก็ถึงแก่กรรม ครั้นถึง ณ ปีขาล อัฐศก ศักราช ๑๑๖๘ ปี ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงโปรดเกล้า ฯ ตั้งท้าวหมาแพงขึ้นเป็นพระยาชัยสุนทรเจ้าเมืองกาฬสินธุ์...
ในพงษาวดารหัวเมืองมณฑลอิสาณ: เอกสารฝ่ายสยาม
เอกสารพงษาวดารหัวเมืองมณฑลอิสาณ เรียบเรียงดัดแปลงแก้ไขจากพงศาวดารเมืองอุบลราชธานีโดยหม่อมอมรวงษ์วิจิตร (หม่อมราชวงศ์ปฐม คเนจร) ภาคที่ 1 (ในภาคที่ 1-10) ซึ่งเป็นหนังสือตีพิมพ์เอกสารประวัติศาสตร์เรื่องต่าง ๆ ของไทยทั้งเอกสารในประเทศและที่แปลจากภาษาต่างประเทศ โดยโบราณคดีสโมสร หอสมุดพระวชิรญาณ และหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร อนุญาตให้จัดพิมพ์ในวาระต่างๆ มีทั้งหมด 82 ภาค กล่าวถึงพระประวัติพระยาชัยสุนทร (โสมพะมิตร) โดยละเอียดดังนี้
...ลุจุลศักราช ๑๑๕๕ ปีฉลูเบญจศก ท้าวโสมพมิตร ท้าวอุปชา ซึ่งเดิมอยู่บ้านผ้าขาวแขวงเมืองศรีสัตนาคนหุต แลพาครอบครัวยกมาตั้งอยู่บ้านท่าแก่งสำโรงริมน้ำปาวนั้น ได้พาพวกญาติพี่น้องมาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทณกรุงเทพฯ ขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารควบคุมบ่าวไพร่ตัวเลขเก็บผลเร่วส่งทูลเกล้าฯ ถวาย จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้ท้าวโสมพมิตรเปนพระยาไชยสุนทรเจ้าเมือง ให้ท้าวคำหวาเปนที่อุปฮาด ยกบ้านแก่งสำโรงขึ้นเปนเมืองกาฬสินธุ์ทำราชการขึ้นกรุงเทพฯ อาณาเขตรเมืองกาฬสินธุ์ครั้งนั้นมีว่า ทิศตวันออกลำพยังตกลำน้ำชี ทิศเหนือเฉียงตวันตกภูเหล็กยอดลำน้ำสงครามมาลำไก่เขี่ย ตัดลงคูไชเถ้าเกาะจนกระทั่งห้วยสายบาทตกลำพวง ทิศเหนือเฉียงตวันออกภูศรีถานยอดลำห้วยหลักทอดตกลำพยัง แต่ภูศรีถานเฉียงเหนือยอดห้วยก้านเหลืองลงน้ำก่ำเมืองหนองหาร เฉียงเหนือภูเหล็กยอดลำน้ำสงครามมาลำน้ำยามถึงลำน้ำอุ่น ตัดมาหนองบัวส้างยอดน้ำลาดตกน้ำหนองหาร ครั้นพระยาไชยสุนทร (โสมพมิตร) อุปฮาด (คำหวา) ถึงแก่กรรมแล้ว จึ่งโปรดตั้งให้ท้าวหมาแพงบุตรท้าวอุปชา เปนพระยาไชยสุนทรเจ้าเมือง ให้ท้าวหมาสุยเปนอุปฮาด ให้ท้าวหมาพวงเปนราชวงษ์ ทั้งสองคนนี้เปนบุตรพระยาไชยสุนทร (โสมพมิตร) เปนผู้รักษาเมืองกาฬสินธุ์ต่อไป แลโปรดเกล้าฯ ให้ข้าหลวงขึ้นไปสักตัวเลขเปนเลขขึ้นเมืองกาฬสินธุ์มีจำนวนครั้งนั้นรวม ๔๐๐๐ คน แบ่งเปนส่วนขึ้นกับเจ้าเมือง อุปฮาด ราชวงษ์ตามสมควร ฝ่ายราชวงษ์ (พอง) นั้น กระทำการเกี่ยงแย่งหาเปนสามัคคีกับพระยาไชยสุนทรไม่ จึ่งอพยพครอบครัวแยกไปตั้งอยู่ณบ้านเชียงชุมแล้วไปยอมสมัคขึ้นอยู่กับเมืองเวียงจันท์ (ศรีสัตนาคนหุต)...
การพระศาสนา
พระยาไชยสุนทร (เจ้าโสมพะมิตร) เป็นผู้เลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง และได้สร้างวัดไว้ในตัวเมืองกาฬสินธุ์มากถึง 3 วัด ได้แก่
•วัดศรีบุญเรือง สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2336 (ปัจจุบันเป็น)
•วัดกลาง สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2337 (ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวง)
• สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2341
ทายาท
พระยาไชยสุนทร (โสมพะมิตร) มีบุตร 4 คนเท่าที่ปรากฏนามคือ
1. ท้าวหมาแพง ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่”พระยาไชยสุนทร”เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ลำดับ 2 เมื่อ พ.ศ. 2349-2369 เป็นหมันไม่มีบุตรจึงขอบุตรชายของเจ้านางหวดพี่สาวกับราชวงศ์เมืองจำปาศักดิ์ (ฮวด) มาเป็นบุตรบุญธรรม 1 คนคือ
1.1 ท้าวเซียงโคตร ราชวงศ์เมืองกาฬสินธุ์ เมื่อ พ.ศ. 2365-2369 มีบุตร 1 คน คือ ท้าวเกษ เป็นต้น
2. ท้าวหมาป้อง ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่”พระธานี”อุปฮาดเมืองสกลนคร เมื่อ พ.ศ. 2365-2369 สมรสกับผู้ใดสืบไม่ได้ มีบุตร 4 คนเท่าที่ปรากฏคือ
2.1 ท้าวเจียม ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่”พระยาไชยสุนทร”เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ลำดับ 3 เมื่อ พ.ศ. 2370-2381 สมรสกับอัญญานางทองคำ มีบุตร 7 คน คือ 1)นางพัน 2)ท้าวทอง 3)ท้าวด่าง 4)ท้าวสุริยะ 5)ท้าวบุญมา 6)นางดา 7)นางหลอด เป็นต้น
2.2 ท้าวลาว ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่”พระประเทศธานี”อุปฮาดเมืองสกลนคร เมื่อ พ.ศ. 2381-2393 สมรสกับอัญญานางแก้ว มีบุตร 10 คน 1)ท้าวพิมพา 2)ท้าวแสง 3)ท้าวโส 4)ท้าวพู 5)ท้าวชิน 6)ท้าวโชด 7)นางตื้อ 8)นางแท่ง 9)นางทองแดง 10)นางกัณหา เป็นต้น
2.3 ท้าวละ (จารย์ละ) ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่”พระยาไชยสุนทร”เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ลำดับ 6 เมื่อ พ.ศ. 2395-2396 สมรสกับอัญญานางจันทร์ มีบุตร 7 คน คือ 1)ท้าวพรหม 2)ท้าวเทพ 3)ท้าวบัว 4)นางเบ้า 5)ท้าวคาน 6)ท้าวคม 7)นางอุด เป็นต้น
2.4 ท้าวหล้า ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่”พระยาไชยสุนทร”เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ลำดับ 4 เมื่อ พ.ศ. 2381-2389 สมรสกับอัญญานางคำแดง มีบุตร 7 คน คือ 1)นางขาว 2)ท้าวโคตร 3)ท้าวสี 4)ท้าวไชย 5)ท้าวสีน 6)ท้าวคำ 7)นางหมอก เป็นต้น
3. ท้าวหมาสุ่ย ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่”พระไชยสุนทร”อุปฮาดเมืองกาฬสินธุ์ เมื่อ พ.ศ. 2349-2370 สมรสกับผู้ใดสืบไม่ได้ มีบุตร 3 คนเท่าที่ปรากฏคือ
3.1 ท้าวเกษ ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่”พระสุวรรณ”อุปฮาดเมืองกาฬสินธุ์ เมื่อ พ.ศ. 2381-2383 สมรสกับใครสืบไม่ได้ มีบุตร 4 คน คือ 1)ท้าวแสน 2)ท้าวพรหม 3)ท้าวคำไภย 4)ท้าวแสง เป็นต้น
3.2 ท้าวกิ่ง ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่”พระยาไชยสุนทร”เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ลำดับ 7 เมื่อ พ.ศ. 2400-2413 สมรสกับคุณหญิงสุวรรณ มีบุตร 4 คน คือ 1)นางแพงสี 2)นางพา 3)ท้าวพั้ว 4)นางขำ เป็นต้น
3.3 ท้าวหนูม้าว ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่”พระยาไชยสุนทร”เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ลำดับ 8 เมื่อ พ.ศ. 2413-2420 สมรสกับคุณหญิงบัว มีบุตร 1 คน คือ ท้าวงวด เป็นต้น
4. ท้าวหมาฟอง ราชวงศ์เมืองกาฬสินธุ์และสกลนคร เมื่อ พ.ศ. 2349-2370 ภายหลังทำราชการแก้ตัวอาสารบทัพญวนที่เมืองโพธิสัตว์ จึงได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็น”พระยากำแหงมหึมา”เจ้าเมืองกบินทร์บุรี ลำดับที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2370-2379 สมรสกับผู้ใดสืบไม่ได้ มีบุตร 3 คนเท่าที่ปรากฏคือ
4.1 หลวงสุรอาสาปลัด (ไม่ทราบนามเดิม) ปลัดเมืองกบินทร์บุรี เมื่อ พ.ศ. 2370-2378 สมรสกับใครสืบไม่ได้ มีบุตรกี่คนสืบไม่ได้
4.2 พระกำแหงมหึมา (ไม่ทราบนามเดิม) เจ้าเมืองกบินทร์บุรี ลำดับที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2379-2415 บรรดาศักดิ์เดิม”หลวงสุรกำแหง” สมรสกับใครสืบไม่ได้ มีบุตร 1 คนเท่าที่ปรากฏ คือ 1)หลวงกำแหงมหึมา(ไม่ทราบนามเดิม)
4.3 พระกำแหงมหึมา (ไม่ทราบนามเดิม) เจ้าเมืองกบินทร์บุรี ลำดับที่ 3 เมื่อ พ.ศ. 2415-2422 บรรดาศักดิ์เดิม”หลวงสำแดงฤทธา” สมรสกับใครสืบไม่ได้ มีบุตร 1 คนเท่าที่ปรากฏ คือ 1)หลวงฤทธิ์กำแหง(ไม่ทราบนามเดิม)
- เนื่องจากท้าวหมาแพงเป็นบุตรของท้าวอุปชาที่เจ้าโสมพะมิตรได้ขอมาเป็นบุตรบุญธรรม เพราะว่า”ท้าวอุปชาเป็นน้องชายของชายาเจ้าโสมพะมิตร”
สายสกุลทายาทและเครือญาติ
สายสกุลเจ้าเมืองกาฬสินธุ์ที่เป็นเครือญาติกับเจ้าโสมพะมิตรที่สำคัญมีดังนี้
- วงศ์กาฬสินธุ์ ต้นสกุลคือพระยาไชยสุนทร(หล้า)เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ ลำดับที่ 4 บุตรเจ้าอุปฮาต(หมาป้อง)ซึ่งเป็นบุตรของพระยาไชยสุนทร (โสมพะมิตร) เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ ลำดับที่ 1 และสมรสกับอัญญานางคำแดง มีบุตรด้วยกัน 7 คน ได้แก่ 1)นางขาว 2)พระยาไชยสุนทร(โคตร) 3)พระศรีวรวงศ์(สี) 4)พระไชยราษฎร์(ลาด) 5)พระอุปสิทธิ์(สีน) 6)พระโพธิสาร(คำ) 7)นางหมอก เป็นต้น เช่น พระยาไชยสุนทร(โคตร) เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ ลำดับที่ 9 สมรสกับคุณหญิงพา มีบุตรด้วยกัน 10 คน คือ 1)ท้าวหนู 2)พระไชยสุริยมาตย์(สุรินทร์) ราชบุตรเมืองกาฬสินธุ์ 3)พระไชยแสน(ทองอินทร์) นายกองเมืองกาฬสินธุ์ 4)พระศรีธงไชย(คำตา) กรมการเมืองพิเศษสกลนคร 5)หลวงไชยสวัสดิ์(คำแสน) 6)ขุนไชยสาร(จารย์เฮ้า) 7)นางข่าง 8)นางคะ 9)นางบัวสา 10)ท้าวคำหวา เป็นต้นและท่านเหล่านี้คือผู้ใช้นามสกุล”วงศ์กาฬสินธุ์”รุ่นแรกโดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในตัวอำเภอเมืองของจังหวัดสกลนคร
- ณ กาฬสินธุ์ ต้นสกุลคือพระยาไชยสุนทร(เก)เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ ลำดับที่ 11 เป็นบุตรของราชบุตร(งวด) ซึ่งเป็นหลานปู่ของเจ้าเมืองกาฬสินธุ์ ลำดับที่ 8 กับคุณหญิงบัว โดยที่ท้าวหนูม้าวเป็นบุตรของเจ้าอุปฮาต(หมาสุ่ย)ซึ่งเป็นบุตรของพระยาไชยสุนทร (โสมพะมิตร) เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ ลำดับที่ 1 และมีบุตรกับคุณหญิงมั่นด้วยกัน 8 คน ได้แก่ 1)นางโคมแก้ว 2)ท้าวคำเคน 3)ท้าวสัมฤทธิ์ 4)นางโสมนัส 5)นางทองคำ 6)ท้าวเกษม 7)ท้าวสินทร 8)นางรัศมี 9)ท้าวทองดี(กับหม่อมอุ้ย)สส.คนแรกของจังหวัดกาฬสินธุ์ 10)ท้าวภูสินธ์(กับหม่อมทองนาค) เป็นต้นและท่านเหล่านี้คือผู้ใช้นามสกุล”ณ กาฬสินธุ์”รุ่นแรกโดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในตัวอำเภอเมืองของจังหวัดกาฬสินธุ์
- บริหาร ต้นสกุลคือ ลำดับที่ 1 (เดิมเป็นที่ราชวงษ์เมืองกาฬสินธุ์) บุตรท้าวเซียงโคตรซึ่งเป็นบุตรเจ้านางหวดกับเจ้าฮวดเมือง โดยที่เจ้านางหวดเป็นบุตรีคนที่1(พี่สาวท้าวหมาแพง)ของและได้สมรสกับอัญญานางแพงศรี มีบุตรด้วยกัน 5 คน ได้แก่ 1) ลำดับที่ 2 2)พระประชาชนบาล(บัว) เจ้าเมืองสหัสขันธ์ 3)พระประชาชนบาล(แสน) เจ้าเมืองสหัสขันธ์ 4)หลวงชาญวิไชยุทธ(นวน) ราชวงศ์เมืองกมลาไสย 5)ท้าวธรรม ราชบุตรเมืองกมลาไสย เป็นต้น เช่น ลำดับที่ 2 สมรสกับอัญญานางอ่อน มีบุตร 5 คน คือ 1) นางเหลี่ยม ณ ร้อยเอ็จ 2) 3) นางเพชร พลวิจิตร์ 4) 5)นางทองคำ(กับนางทรัพย์) หลวงกมลาพิพัฒน์(เทศ บริหาร) มีบุตร 6 คน ได้แก่ 1)นางคำกอง(กับนางคำอา) 2)นายทองบ่อ(กับนางบุญนาค) 3)นายสมบูรณ์(กับนางบุญนาค) 4)นางเล็ก(กับนางอินทวา) 5)นายบุญเหลือ(กับนางอินทรา) 6)นายไว/เจริญ(กับนางจันทร์แดง) เป็นต้นท่านเหล่านี้คือผู้ใช้นามสกุล”บริหาร”รุ่นแรกโดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในอำเภอกมลาไสยของจังหวัดกาฬสินธุ์
- เกษทอง ต้นสกุลคือ ลำดับที่ 2 มีบุตรกับอัญญานางอ่อน คือ มีบุตร 3 คนกับนางศักดิ์ ได้แก่ 1)นางมั่น 2)นางพัน 3)นางเกาะ และ มีบุตร 2 คนกับนางขวัญ ได้แก่ 4)นายธน 5)น.ส.ละมุด มีบุตร 1 คนกับนางจวง ได้แก่ 6)นางแก้ว ต่อมาหลวงชาญวิชัยยุทธ (เหม็น) อพยพพาภรรยาลำดับสุดท้าย คือนางขาว ชาญวิชัยยุทธ (บิดามารดาชื่อนายบุญและนางคำภา) พร้อมบุตรธิดาข้าทาสย้ายถิ่นฐานตั้งบ้านเรือนถาวรอยู่ ณ บ้านหนองขี้เบ้า หรือบ้านโคกเบ้า ตำบลโคกกะเทียม อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี หลวงชาญวิชัยยุทธมีบุตรกับนางขาว 9 คน ได้แก่ 7) นางพิฆาตเศิกสงบ (ทองหล่อ โกมลจันทร์) (เดิมชื่อคำเบ้า เกษทอง) ภริยา 8) นางทองใบ สงวนชาติ ภริยานายโรเบิร์ต ชวิษฐ์ สงวนชาติ 9) นางทองดี พัดทอง 10) นายทองอินทร์ เกษทอง 11) อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง 12) นางประหยัด จันทรเกษม 13) นางประยูร ตุลเตมีย์ ภริยา อดีตรองวิศวกรรถไฟไทย 14) นางมณี จันทรเกษม 15) นางผะอบ วัจนะพุกกะ ภริยานายสัตวแพทย์จินดา วัจนะพุกกะ เป็นต้น หลวงชาญวิชัยยุทธ (เหม็น) ถึงแก่กรรมเมื่อ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2474 ลูกหลานที่เกิดจากภรรยาแรกๆบางท่านยังใช้นามสกุล”บริหาร”โดยยังอาศัยอยู่ในอำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ในส่วนของลูกหลานที่ใช้นามสกุล”เกษทอง” หลายท่านอาศัยอยู่จังหวัดลพบุรี
- ฟองกำแหง และ กำแหงมิตร ต้นสกุลคือหลวงสุรกำแหงและหลวงฤทธิ์กำแหง ซึ่งทั้งสองเป็นบุตรของพระกำแหงมหึมา(ไม่ปรากฏนามเดิม) เจ้าเมืองกบินทร์บุรี ลำดับที่ 2 ซึ่งเป็นหลานปู่ของพระยากำแหงมหึมา(หมาฟอง) เจ้าเมืองกบินทร์บุรี ลำดับที่ 1 โดยที่ท้าวหมาฟองเป็นบุตรของ เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ ลำดับที่ 1 และทายาทผู้ใช้นามสกุล”ฟองกำแหง และ กำแหงมิตร”เหล่านี้ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในอำเภอกบินทร์บุรีของจังหวัดปราจีนบุรี
- ศรีกาฬสินธุ์ หรือ พลเยี่ยม(เดิม) ต้นสกุลคือหลวงสุนทรวุฒิรักษ์(มี) บุตรท้าวมหาโคตรแก้ว หลวงสุนทรวุฒิรักษ์(มี)สมรสกับนางเบ้า มีบุตร 7 คนได้แก่ 1)รองอำมาตย์ตรีผลสมัย 2)ท้าวอัมพร 3)ขุนสรรบรรพกิจ(สายทอง) 4)นางดำ 5)นางใบ 6)นางมะละ 8)นางมาลัย เป็นต้น
- พิมพะนิตย์ ต้นสกุลคือท้าวธิติษา มีบุตรคือ ท้าวขัตติยะ ราชวงศ์เมืองกาฬสินธุ์ เมื่อปี พ.ศ. 2435 มีบุตร 4 คน ได้แก่ 1)ท้าวภู 2)หลวงโพธิษา(อยู่) 4)ท้าวพุก 5)ท้าวพิม เป็นต้น
- พูลวัฒน์ ต้นสกุลคือท้าวพรหมจักร บุตรเจ้าอุปฮาต (หมาป้อง) หลาน กับ
- อักขราสา ต้นสกุลคือท้าวพรหมจักร บุตรเจ้าอุปฮาต (หมาป้อง) หลาน กับ
- วงศ์กมลาไสย,วงศ์กาไสย(เดิม) ต้นสกุลคือท้าวปุย บุตรเจ้าอุปฮาต (หมาป้อง) หลาน กับ
- ไชยสิทธิ ต้นสกุลคือท้าวเฉลิม บุตรท้าวเบ้า หลานท้าวราชวงษา เหลน ลื่อเมืองแสนฆ้อนโปง
- ไชยศิริ ต้นสกุลคือท้าวสมศรี บุตรท้าวพานคำ หลานท้าวรส เหลนท้าวสุวรรณเกษ ลื่อเมืองแสนฆ้อนโปง
- ทองทวี ต้นสกุลคือท้าวเปลี่ยน บุตรท้าวดี หลานท้าวทอง เหลน เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ ลื่อเมืองแสนหน้าง้ำ
- อาษาไชย ต้นสกุลคือท้าวทา บุตรของท้าวดี หลานท้าวทอง เหลน เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ ลื่อเมืองแสนหน้าง้ำ
- ศิริกุล ต้นสกุลคือขุนแก้วไกรสร บุตรท้าวโง่น หลานท้าวบัว เหลน เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ ลื่อเมืองแสนหน้าง้ำ
นามสกุลเหล่านี้ล้วนเป็นนามสกุลที่สืบเชื้อสายมาจากเจ้าเมืองกาฬสินธุ์ ผู้คนที่ใช้นามสกุลเหล่านี้คือผู้มีสายเลือดเจ้าเมือง
ราชตระกูล
พงศาวลีของพระยาชัยสุนทร (โสมพะมิตร) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อนุสรณ์
- อนุสาวรีย์พระยาชัยสุนทร (โสมพะมิตร) ตั้งอยู่ ณ ถนนกาฬสินธุ์ หน้าที่ทำการไปรษณีย์ ตำบลกาฬสินธุ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ หล่อด้วยสัมฤทธิ์เท่าองค์จริง สูง 175 เซนติเมตร ประทับบนพระแท่น หัตถ์ขวาทรงกาน้ำหรือกลศ หัตถ์ซ้ายทรงดาบอาญาสิทธิ์ ชาวกาฬสินธุ์ร่วมกันก่อสร้างเพื่อแสดงกตเวทิตาต่อพระองค์
- วันบวงสรวงอนุสาวรีย์พระยาชัยสุนทร อนุสาวรีย์พระยาชัยสุนทร (โสมพะมิตร) หล่อเมื่อ 13 กันยายน พ.ศ. 2524 ชาวกาฬสินธุ์จึงยึดถือวันที่ 13 กันยายนของทุกปีเป็นวันบวงสรวงอนุสาวรีย์
- ถนนโสมพะมิตร ตั้งอยู่ใกล้โฮงเดิมของเจ้าเมืองและอุปฮาดเมืองกาฬสินธุ์ในอดีต
ก่อนหน้า | พระยาชัยสุนทร (โสมพะมิตร) | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
- | เจ้าเมืองกาฬสินธุ์, ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ (พ.ศ. 2336 - 2349) | พระยาชัยสุนทร (หมาแพง) |
อ้างอิง
- กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, อักขรานุกรมประวัติศาสตร์ไทย อักษร ฉ ช ซ, (กรุงเทพฯ: กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, 2536), หน้า 101-75
- ทองพูล ครีจักร (พ. ครีจันทร์), "บั้นต้น: พญาไกรหนีเมือง", ใน เพ็ชร์พื้นเมืองเวียงจันทน์ พงศาวดารลาวตอนเวียงจันทน์แตก: คำกลอน เริ่มกล่าวแต่สมเด็จพระเจ้าอนะเรศศรทราธิราชทรงสถาปนานครเวียงจันทน์ แล้วยกทัพไปตีสยาม ๆ ยกพลขึ้นมา ตีได้ครั้งที่ 1 และที่ 2 จนเป็นเหตุเกิดสงครามญวน, (พระนคร: อาารเรียน 2559), หน้า 35
- Komany, Sphaothong , หนังสือพื้นเวียงจัน กอน 7: พงสาวะดานเจ้าอะนุวง เวียงจัน, ตรวจแก้และถ่ายออกจากภาษาไทยมาเป็นภาษาลาวโดย สะเพาทอง กอมะนี, (Buffalo, New York: โรงเรียนอุดมศึกษา Grover Cleveland High School, 1998 (พ.ศ. 2541)), หน้า 26
- Phannoudej, Cham, พื้นเมืองเวียงจันทน์ กอน 7 พงสาวะดานเจ้าอะนุวงส์ เวียงจันทน์: หนังสือพื้นเวียง (กลอน 7) พงศาวดารเจ้าอนุวงศ์ เวียงจันทน์, (Le Plessis-Trévise: จาม พันนุเดช, 1992 (พ.ศ. 2535)), หน้า 22
- ราชบัณฑิตยสถาน, สารานุกรมประวัติศาสตร์ไทย: ฉบับราชบัณฑิตยสถาน (แก้ไขเพิ่มเติม) อักษร ก เล่ม 1, พิมพ์ครั้งที่ 2, (กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน, 2549), หน้า 349
- มูลนิธิเอเซีย, บันทึกการเมืองไทย (Profiles of Thai politics): โครงการวิจัย "บันทึกการเมืองไทย" สนับสนุนโดย มูลนิธิเอเซีย, ชาติชาย เย็นบำรุง และธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ (บรรณาธิการ), (กรุงเทพฯ: มูลนิธิเอเซีย, 2530), หน้า 377
- วัชรวร วงศ์กัณหา, "เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ รอยจารึกประวัติศาสตร์ 220 ปี อนุสาวรีย์พระยาชัยสุนทร (ท้าวโสมพะมิตร) เจ้าเมืองคนแรก (Kalasin City Municipality: The historical inscription Praya Chai-sunton Monument (Tao Some-pa-mit), The First Governor)", ใน สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาและมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรท้องถิ่น แผนบูรณาการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวและบริการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560, ร้อยภาพเล่าเรื่องเมืองกาฬสินธุ์ (Arranɡinɡ The Pictures for Tellinɡ story of Kalasin City), สุชานาถ สิงหาปัด, อาจารย์ ดร. (บรรณาธิการ), แปลและเรียบเรียงภาษาอังกฤษโดยนิตย์ บุหงามงคล, รองศาสตราจารย์ ดร., (ขอนแก่น: บริษัท ศิริภัณฑ์ (2497) จำกัด, 2560), หน้า 98-99
- กรรมาธิการสถาปนิกอีสาน สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์, สัมมนาเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมอีสานงานนิทรรศการวัสดุก่อสร้างและผลงานสถาปัตยกรรมอีสาน สถาปัตยกรรมอีสานสัญจร: วันที่ 29 ต.ค. - 1 พ.ย. 2530 ณ โรงแรมโฆษะ จ.ขอนแก่น, (กรุงทพฯ: สมาคมสถาปนิกสยาม, 2530), หน้า 91.
- สำนักผังเมือง, ผังเมืองจังหวัดกาฬสินธุ์ 2528, (พระนคร: สำนักผังเมือง, 2528), หน้า 20-21
- สอน เพชรเจียรไน, (2019 (พ.ศ. 2562)) "ลำล่องประวัติเมืองกาฬสินธุ์", มูลมัง ดนตรีอีสาน [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=mmDX49LWT7I [๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔].
- สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์, "เอกสารหมายเลข 2 /2559" ใน ประกาศจังหวัดกาฬสินธุ์: สรุปผลการดำเนินงาน การประกวดออกแบบตราสัญลักษณ์การจัดงานกาฬสินธุ์ 222 ปี ใต้ร่มพระบารมี (กาฬสินธุ์ 222 ปี (222 nd KALASIN Anniversary)), (กาฬสินธุ์: สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ฝ่ายบริหารทั่วไป, 2558), หน้า 1
- ดูรายละเอียดใน สภาวัฒนธรรมแห่งชาติ (ประเทศไทย) สำนักวัฒนธรรมทางวรรณกรรม, งานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ เล่มที่ 12-17, (กรุงเทพฯ: คณะกรรมการประชาสัมพันธ์และพิมพ์เอกสารการจัดงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ พ.ศ. 2500, 2500), ไม่ปรากฏจำนวนหน้า
- สมาคมชาวอีสาน, อีสาน เนื่องในโอกาสครบรอบ 55 ปี ของสมาคมชาวอีสาน, ธวัชชัย จักสาน (บรรณาธิการ), (กรุงเทพฯ: สมาคมชาวอีสาน, 2534), หน้า 117
- สถานีหมอลำ สถานีของคนรักหมอลำ (นามแฝง), (2021 (2564)) "ลำกลอน ชุดประวัติศาสตร์ไทยอีสาน หมอลำศรีพร แสงสุวรรณ บุญแต่ง เคนทองดี", บริษัท ราชบุตรเอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=PelrmiNBLe0 [7 พฤษภาคม 2564]
- ประยูร ไพบูลย์สุวรรณ, โบราณวัตถุสถานในจังหวัดขอนแก่น และจังหวัดใกล้เคียง: กรมศิลปากรจัดพิมพ์ ในงานเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่น 20 ธันวาคม 2515, (พระนคร: กรมศิลปากร, 2515), หน้า 25
- ดูรายละเอียดใน กรมศิลปากร กระทรวงศึกษาธิการ, หนังสือเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่อง วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดกาฬสินธุ์, (กรุงเทพฯ: คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ ในคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, 2542), 254 หน้า.
- ทองพูล ครีจักร (พ. ครีจักร์), "บั้นต้น: พญาไกรหนีเมือง", ใน เพ็ชร์พื้นเมืองเวียงจันทน์ พงศาวดารลาวตอนเวียงจันทน์แตก: คำกลอน เริ่มกล่าวแต่สมเด็จพระเจ้าอนุรุทธาธิราชทรงสถาปนานครเวียงจันทน์ แล้วยกทัพไปตีสยาม ๆ ยกพลขึ้นมา ตีได้ครั้งที่ 1 และที่ 2 จนเป็นเหตุเกิดสงครามญวน, หน้า 35
- Komany, Sphaothong , หนังสือพื้นเวียงจัน กอน 7: พงสาวะดานเจ้าอะนุวง เวียงจัน, หน้า 25-26
- Phannoudej, Cham, พื้นเมืองเวียงจันทน์ กอน 7 พงสาวะดานเจ้าอะนุวงส์ เวียงจันทน์: หนังสือพื้นเวียง (กลอน 7) พงศาวดารเจ้าอนุวงศ์ เวียงจันทน์, หน้า 22
- ธวัช ปุณโณทก (เรียบเรียง), "พงศาวดารเมืองกาฬสินธุ์", ใน มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์, สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน เล่ม 8: ประจันตประเทศธานี, พระยา - พงศาวดารเมืองสกลนคร, (กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์, 2542), หน้า 2549-2853
- ดูรายละเอียดใน บุญมี ภูเดช (เปรียญ), พงศาวดารเมืองกาฬสินธุ์และประวัติเมืองขึ้นในยุคเก่า, (กาฬสินธุ์: โรงพิมพ์จินตภัณฑ์การพิมพ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์, 2525), 90 หน้า. และ Pu-dech, Bunme, Kalasin City Annals and History of Ancient Age Colony, (Kalasin: Jintapan Printing, 1932), 90 p..
- หม่อมอมรวงษ์วิจิตร (หม่อมราชวงศ์ปฐม คเนจร), (2458) "พงษาวดารหัวเมืองมณฑลอิสาณ หม่อมอมรวงษ์วิจิตร (ม.ร.ว.ปฐม คเนจร) เรียบเรียง ภาคที่ 1: คัดจากประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 4 อำมาตย์เอก พระยาศรีสำรวจ (ชื่น ภัทรนาวิก) ม.ม, ท.ช, รัตน ว,ป,ร.4 พิมพ์แจกในงานศพ พัน ภัทรนาวิก ผู้มารดา เมื่อปีเถาะสัปตศก พ.ศ. 2458", พงษาวดารหัวเมืองมณฑลอิสาณ: หม่อมอมรวงษ์วิจิตร (หม่อมราชวงศ์ปฐม คเนจร) [ออนไลน์]. แหล่งที่มา: https://th.wikisource.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A9%E0%B8%B2%[] [๙ มกราคม ๒๕๖๓].
- ศูนย์สารนิเทศอีสานสิรินธร สำนักวิทยบริการ และภาควิชาบรรณารักษ์ศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, งานวิจัยเกี่ยวกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: บทคัดย่อ เล่ม 11, (มหาสารคาม: ศูนย์สารนิเทศอีสานสิรินธร สำนักวิทยบริการ และภาควิชาบรรณารักษ์ศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2540), หน้า 61.
แหล่งข้อมูลอื่น
อนุสาวรีย์พระยาชัยสุนทร
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phrayachysunthrhruxphrayaichysunthr bangxxkphranamphrayaichysunthxn hrux phrayaichsunthrsmphmis edimphranamecaosmphamitrhruxthawosmphamitr phunemuxngewiyngcnthnxxkphranamwaphrayasmabphitreca hruxphayasmphamideca hruxphrayasmphmitreca phngsawdaremuxngkalsinthuaelaemuxngkmlasyxxkphranamwaphrayasmphmis epnecaxngkhkhrxngemuxngkalsinthu kalasinth hrux kalsin xngkhaerk aelaphusrangemuxngkalsinthu ph s 2336 pccubnkhuxcnghwdkalsinthu edimrbrachkarinrachsankewiyngcnthnthiphyaosmphamitrkxngthwayswyphakhawaedkstriyewiyngcnthn phayhlngrchkalthi 1 khxngithysthapnakhunepnkhnaerkinthanahwemuxngpraethsrach phrayachysunthrepntnskul n kalsinthu phrarachthansmyrchkalthi 6 wngskalsinthu brihar eksthxng srikalsinthu phimphanity phulwthn wngskmlaisy ichysiri thxngthwi sirikul epntnphrayachysunthr osmphamitr ecaemuxngkalsinthudarngtaaehnng ph s 2336 ph s 2349kxnhnathdipphrayachysunthr hmaaephng khxmulswnbukhkhlekidph s 2275 xanackrlanchangewiyngcnthnesiychiwitph s 2349 xayu 73 piess emuxngkalsinthubutr1 ecaemuxngkalsinthu ladbthi 2 2 phrathani hmapxng xuphademuxngsklnkhr 3 phraichysunthr hmasuy xuphademuxngkalsinthu 4 phrayakaaehngmhuma hmafxng ecaemuxngkbinthrburi ladbthi 1prawtirachtrakul phrayachysunthresksmrskbphrananghlasrxyethwichawnkhrhlwngewiyngcnthn epnphraoxrsinecaxngkhlxng epnphrarachndda hlanpu insmedcphraecaichyechsthathirachthi 2 phraichyxngkhew khrxngrachyraw ph s 2250 2273 kstriyrachxanackrlanchangxngkhthi 36 aelapthmkstriysmy 3 xanackr fayphramardaepnphrandda ecapakhaw phusrangaela emuxngphnang insklnkhr smedcphraecaichyechsthathirachthi 2 epnphrarachndda hlanxa inaelaepnphrarachndda hlanpu inphraecatxnkha fayecaphakhawepnphrarachnddakstriylanchangewiyngcnthnechnkn dngnntrakulphrayachysunthrcungepnecanaylawcaksayhnung swnekhruxyatibutrhlanidpkkhrxnghwemuxnglawcnptirupkarpkkhrxnghlayemuxng echn emuxngphakhaw pccubnkhuxbanphakhawhruxbanpakhaw emuxngphnna pccubnkhuxbanphrrna emuxngkalsinthu emuxngkmlasy emuxngkmlaisy emuxngshskhnth emuxngsklnkhr banthatuechiyngchum emuxngklanghmun banklanghmun epntn xphyphiphrphl phrayachysunthrhruxthawosmphamitprasutiraw ph s 2275 rbrachkarinrachsankewiyngcnthncnidrbkhwamchxb kstriyewiyngcnthnoprdekla eluxnysepnthiphyaosmphamit txma ph s 2320 phyaosmphamitraelayatiphinxngkhuxaelakhdaeyngkbsmedcphraecaichyechsthathirachthi 3 aehngewiyngcnthn phraecasiribunsan khrxngrachyraw ph s 2294 2322 cungrwbrwmphukhnepnsmkhrphrrkhphwkpramanhnunghmunkhamnaokhngphanthanghnxngbwlaphutngepnchumchnihythibanphakhawaelabanphnna emuxngphakhawphnna emuxngekainaekhwngmnthlxudr briewnphrathatuechingchum fayphraecasiribunsansngthphhlwngtidtammakwadtxnphukhnthixphyphhlbhniihklbkhunewiyngcnthn phyaosmphamitrcungxphyphiphrphlphankudsimkhumeka emuxngbwkhaw thxylngitipthangbanechiyngekhruxthaedux cnehluxiphrphlraw 5 000 esnthangkartngbaneruxnephuxhnikhwamwunwaythangkaremuxngcaknkhrewiyngcnthrphanthanghnxngbwlaphuaebngepn 3 klumihykhux klumphrayachysunthr phrayaxupcha emuxngaesnkhxngopng aelaemuxngaesnhna tngemuxngsklnkhr klumecaphrawx ecaphrata aeyktngbaneruxnthidxnmdaedng ewiyngkhxnklxng dngxuphung banaeclaaem tngepnemuxngxublrachthani klumphrakhruophnesmkxthikarwdhruxphraxrhntphaysrxy aeyktngbanemuxng n emuxngcampamhankhrsungepnemuxngrangodytngecasrxysrismuthrechuxphrawngskstriyewiyngcnthnepnkstriynkhrcapaskdikhunepnecaemuxngkalsinthu emuxkxngthphewiyngcnthnykmarbkwnphyaosmphamitcungykiphrphlkhamsnekhaphuphanlngthisit srangphraphuththrupihyiwkhangsimhnxngethaekatngbaneruxnhnaaennaelaepnihypkkhrxngemuxngxyubanklanghmun tablklanghmun xaephxemuxngkalsinthuinpccubn epnxisraimkhunaekemuxngid dwycanwniphrphl 5 000 txmaphrayaxupchaaelaemuxngaesnkhxngopngthungaekkrrmphraecasiribunsansngthphmarbkwn phyaosmphmitrcungkhunipsmthbkbecaphrawxecaphratakhxiphrphlrwmsmthbxikraw 3 000 khn rawpiess ph s 2325 cungxphyphphukhnyxnklbmatngbaneruxnihmthiaekngsmohng aekngsaorng dngsngepuxyrimfngnapawrwmiphrphlraw 4 000 khn ehluxiphrphlthibanklanghmun 1 000 khn ph s 2336 phyaosmphamitesdcipkrungethphmhankhrecriyimtrikbkstriysyam odynaekhruxngecriysmphnthimtrimikhaepnkanasaridhruxkathxngthinatidtwmaaetsmyrbrachkar n ewiyngcnthnmxbaedrchkalthi 1 phrxmdxkimengin dxkimthxng siphung nark ngachang aelanxaerd rachsanksyamcungykthanabanaekngsmohngkhunepnemuxngkalsinthutamnammngkhlnimitkhxngkanasarid sthapnaphyaosmphamitkhunepnphrayaichysunthrecaxngkhkhrxngemuxngkalsinthuxngkhaerk inthanapraethsrach txmathukldthanaepnhwemuxngchnexkaetyngimmihwemuxngkhun aetnnecaemuxngkalsinthuyudthuxnamysphrayachysunthriwsahrbphudarngtaaehnngecaemuxngniodyechphaa phrayachysunthrkhrxngemuxngdwykhwamsngberiybrxyodyladb ph s 2345 thrngchraphaphcungmxbhmayrachkarihthawhmaaephngduaelrksaprawticakexksarchntninphunewiyngcnthn exksarphunewiyngcnthnxyangnxy 3 chbbrabutrngknwaemuxphrayachysunthrkhunpkkhrxngemuxngkalsinthu kxnehtukarnsngkhramewiyngcnthn syaminrchkalsmedcphraecaichyechtthathirachthi 5 ecaxnuwngs khrxngrachyraw ph s 2348 2371 syamsngnaykxngmaskelkruklaaephndinlawcnchawemuxngkalsinthueduxdrxn phrayachysunthrcungxphyphiphrphlipphungphrabrmophthismpharecaxnuwngsthiemuxngsklnkhrsungepnemuxngedimthithrngpkkhrxngmakxn dngkhxkhwam aetnn phxemuxhmdekhttaelwmmaehngvdufn funghmunaykxngskxxkmamicha ekhakipxyutngthphthikalsinthu cdhwemuxngehngmaohmhn aetnn elyehlakhaekhuxkhxnxubathwhlayprakar esnaekhaaehkemuxnghnieca ekhakhmayephingecayngkhmxmewiyngcnthn ekhakkhnkhrwipephingbuycxmeca chuxwaphyasmabphitrecaaehkcakkalsinthu ewiynkinemuxngexkothncringaeth ecakmaxyusrangthnthihnxnghar chuxwaemuxngsklnkhrphunpthphiphrathatuihy phxemuxehmidekhdaelwmmaehngradufn funghmunaykxngskxxkhlasa ekhakipxyutngthnthikalasin cdhwemuxngelngmaohmhn aetnn elyelakhaekhuxdhxnxubadhlaypakan esnaekhaaehkemuxnghnieca ekhakhmayephingecahyngkhmxmewiyngcn ekhakkhnkhwmaephingbuncxmeca suxwaphayasmphamidecaaehkcakkalasin eliynkinemuxngexkothncingaeth ecakmaxyusangaethnthihnxnghan suxwaemuxngsaklnakhxnaephndinphrathadihy phxemuxehmidekhtaelwmmaehngvdufn funghmunaykxngskxxkmahlasa ekhakipxyutngthnthikalsinthu cdhwemuxngerngmaohmhn aetnn elyelakhaekhuxkhxnxubathwhlayprakar esnaekhaaehkemuxnghnieca ekhakhmayephingecayngkhmxmewiyngcnthn ekhakkhnkhrwmaephingbuycxmeca chuxwaphrayasmphmitrecaaehkcakkalsinthu eliynkinemuxngexkothncringaeth ecakmaxyusrangaethnthihnxnghan chuxwaemuxngsklnkhraephndinphrathatuihy inphngsawdaremuxngkalsinthuaelaemuxngkmlasy exksarfaythxngthin exksarphngsawdaremuxngkalsinthuchbbphrarasdrbrihar thxng ecaemuxngkmlasy emuxngkramalaisy ekhiyndwylaymuxphasalawxksrithybnsmudkhxy smudithykhawhmukda smbtiedimkhxngnangraiph xmmapha skuledim brihar butrikhxngnaythxngbx brihar thayath thaysaenaemux 7 thnwakhm ph s 2534 odythirchy buymathrrm xacaryphakhwichaprawtisastr sthabnrachphtmhasarkham txmanaybuymi phuedch epriyy phimphrwminhnngsuxphngsawdaremuxngkalsinthuaelaprawtiemuxngkhuninyukheka thiorngphimphcintphnthkarphimph xaephxemuxngkalsinthu emux 23 tulakhm ph s 2525 canwn 1 000 chbb khaprarphhnngsuxrabuwaidtnchbbcakphrarachphrhmcriykhun wdklang emuxngkalsinthu sungphimphcakhnngsuxthiphrarasdrbrihar thxng eriyberiyngiw exksarrabuphraprawtiphrayachysunthr osmphamitr odylaexiyddngni phrarasdrbriharecaemuxngkmlasyidladbphngsawdaremuxngkalsinthuaelaemuxngkmlasyaelaemuxngkhuniwsahrbbanemuxngtxip edimpuyatayayecanayidsubtrakultx manntngbaneruxnxyuhnxnghanphraecdiyechiyngchumthiepnemuxngeka khrnxyumacaepnpiidimkahndkhrngnnphrakhruophnesmdecaxthikarwdthieriykwaphraxrhntaphaysrxyidtxyxdphrathatuphnm aelaemuxekidehtutang idphakhrxbkhrwphwkecanaythawephiyrasdrykiptngthanubarungxyu n emuxngcapamhankhrthiepnemuxngekarangxyu sungoprd tngepnemuxngnkhrcapaskdiediywninn tngecasrxysrismuthsungepnechuxphrawngsphraecaemuxngewiyngcnthnnnkhunepnecankhrcapaskdi khrnxyumachananhlaychwkekidehtuwunwaykhuntang ecanaythawephiycungphrxmknphakhrwbutrphrryabawiphrklbkhunhnimatngbaneruxnthamahakinxyuthihnxnghanphraecdiyechiyngchumtablbanphakhawphrrnatamedim aetkhrxbkhrwphukhnyngkhangxyuemuxngnkhrcapaskdikyngmak khrntxmaphayhlngcapiaelaskrachhlwngethaidimmikahndaecng khrngnnphrayaosmphamit phrayaxupcha emuxngaesnkhxnopng emuxngaesnhnanga 4 khn epnphuihyphaknkhwbkhumthawephiybawiphrbutrphrryatngbaneruxnthamahakinxyubanphakhawphrrnaaelahnxnghanphraecdiyechiyngchumsungepnemuxngsklnkhrediywni mithawephiybawiphrrwmpramansk 5 000 ess rbrachkarthaswyphakhawkhunkbemuxngewiyngcnthn khrnxyumaphrayaxupchakbemuxngaesnkhxnopngthungaekkrrmipaelw ecaemuxngewiyngcnthnkhidkxehtuekidwiwathbadhmangkhunkbphwkphrayaosmphamit emuxngaesnhnanga xphyphphakhrwbutrphrryathawephiybawiphrpraman 2 000 ess hnilngmabrrcbxyudwykbphwkphrawxthiaetkhnixphyphkhrxbkhrwmaaethnxngbwlaphumatngxyu n banaeclaaem sungoprdekla ihepnemuxngxublrachthani aetphrayaosmphamitnnxphyphphakhrwbutrphrryathawephiybawiphrpramansk 3 000 ess iptngxyurimnapawthieriykwaaekngsaorng aelwphrayaosmphamitlngipefathullaxxngthuliphrabathinaephndinphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolk cungoprdekla tngihphrayaosmphamitepnthiphrayachysunthrecaemuxng khnannamaekngsaorngkhunepnemuxngkalsinthu aet n wnpicx ctwask cu lskrach 1164 phrayachysunthrosmphamitecaemuxngkalsinthuchra mixayusk 70 piess hlnglumsticungmxbrachkaremuxngihkbthawhmaaephngbutrkhxngphrayaxupchannepnphuwarachkaremuxngkalsinthutxma aelwphrayachysunthrosmphamitkbthawhmaaephngphurbwarachkaremuxngtangnnpruksaphrxmknthaaephnthiemuxngkalsinthu aebngekhtaedntxknkbemuxngewiyngcnthntngaetaemnalaphxngkhangehnuxmatkchikhangtawntk tawnxxknntngaetnalaphxngtdldiphwysaybathipthunghwyiphrcan ipekhaphuthxksxkdawtdipbanphakhawphrrnabanedim yxdlanasngkhramtkaemnaokhng ekhtfaytawnxxktxaednemuxngnkhrphnmaelaemuxngmukdahar phaekhaphuphantdmayngphuekhahlkthxdyxdyng tkaemnalanachiepnekhtkhangit khangtawntkaemnalanachitxaednemuxngrxyexdaelatxaednemuxngyosthraetyngimidtngepnemuxngepnbansinghokhksinghthaxyu aelwsngaephnthilngipthulekla thway phrayaosmphamitepnecaemuxngkalsinthuxyuidsampikthungaekkrrm khrnthung n pikhal xthsk skrach 1168 pi inaephndinphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolk cungoprdekla tngthawhmaaephngkhunepnphrayachysunthrecaemuxngkalsinthu inphngsawdarhwemuxngmnthlxisan exksarfaysyam exksarphngsawdarhwemuxngmnthlxisan eriyberiyngddaeplngaekikhcakphngsawdaremuxngxublrachthaniodyhmxmxmrwngswicitr hmxmrachwngspthm khencr phakhthi 1 inphakhthi 1 10 sungepnhnngsuxtiphimphexksarprawtisastreruxngtang khxngithythngexksarinpraethsaelathiaeplcakphasatangpraeths odyobrankhdisomsr hxsmudphrawchiryan aelahxsmudaehngchati krmsilpakr xnuyatihcdphimphinwaratang mithnghmd 82 phakh klawthungphraprawtiphrayachysunthr osmphamitr odylaexiyddngni luculskrach 1155 pichluebycsk thawosmphmitr thawxupcha sungedimxyubanphakhawaekhwngemuxngsristnakhnhut aelphakhrxbkhrwykmatngxyubanthaaekngsaorngrimnapawnn idphaphwkyatiphinxngmaefathullxxngthuliphrabathnkrungethph khxphungphrabrmophthismpharkhwbkhumbawiphrtwelkhekbphlerwsngthulekla thway cungthrngphrakrunaoprdekla tngihthawosmphmitrepnphrayaichysunthrecaemuxng ihthawkhahwaepnthixuphad ykbanaekngsaorngkhunepnemuxngkalsinthutharachkarkhunkrungethph xanaekhtremuxngkalsinthukhrngnnmiwa thistwnxxklaphyngtklanachi thisehnuxechiyngtwntkphuehlkyxdlanasngkhrammalaikekhiy tdlngkhuichethaekaacnkrathnghwysaybathtklaphwng thisehnuxechiyngtwnxxkphusrithanyxdlahwyhlkthxdtklaphyng aetphusrithanechiyngehnuxyxdhwykanehluxnglngnakaemuxnghnxnghar echiyngehnuxphuehlkyxdlanasngkhrammalanayamthunglanaxun tdmahnxngbwsangyxdnaladtknahnxnghar khrnphrayaichysunthr osmphmitr xuphad khahwa thungaekkrrmaelw cungoprdtngihthawhmaaephngbutrthawxupcha epnphrayaichysunthrecaemuxng ihthawhmasuyepnxuphad ihthawhmaphwngepnrachwngs thngsxngkhnniepnbutrphrayaichysunthr osmphmitr epnphurksaemuxngkalsinthutxip aeloprdekla ihkhahlwngkhunipsktwelkhepnelkhkhunemuxngkalsinthumicanwnkhrngnnrwm 4000 khn aebngepnswnkhunkbecaemuxng xuphad rachwngstamsmkhwr fayrachwngs phxng nn krathakarekiyngaeynghaepnsamkhkhikbphrayaichysunthrim cungxphyphkhrxbkhrwaeykiptngxyunbanechiyngchumaelwipyxmsmkhkhunxyukbemuxngewiyngcnth sristnakhnhut karphrasasnaphrayaichysunthr ecaosmphamitr epnphueluxmisinbwrphraphuththsasnaxyangying aelaidsrangwdiwintwemuxngkalsinthumakthung 3 wd idaek wdsribuyeruxng srangemuxpi ph s 2336 pccubnepn wdklang srangemuxpi ph s 2337 pccubnepnphraxaramhlwng srangemuxpi ph s 2341thayathphrayaichysunthr osmphamitr mibutr 4 khnethathipraktnamkhux 1 thawhmaaephng idrbkaraetngtngepnthi phrayaichysunthr ecaemuxngkalsinthuladb 2 emux ph s 2349 2369 epnhmnimmibutrcungkhxbutrchaykhxngecananghwdphisawkbrachwngsemuxngcapaskdi hwd maepnbutrbuythrrm 1 khnkhux 1 1 thawesiyngokhtr rachwngsemuxngkalsinthu emux ph s 2365 2369 mibutr 1 khn khux thaweks epntn 2 thawhmapxng idrbkaraetngtngepnthi phrathani xuphademuxngsklnkhr emux ph s 2365 2369 smrskbphuidsubimid mibutr 4 khnethathipraktkhux 2 1 thaweciym idrbkaraetngtngepnthi phrayaichysunthr ecaemuxngkalsinthuladb 3 emux ph s 2370 2381 smrskbxyyanangthxngkha mibutr 7 khn khux 1 nangphn 2 thawthxng 3 thawdang 4 thawsuriya 5 thawbuyma 6 nangda 7 nanghlxd epntn 2 2 thawlaw idrbkaraetngtngepnthi phrapraethsthani xuphademuxngsklnkhr emux ph s 2381 2393 smrskbxyyanangaekw mibutr 10 khn 1 thawphimpha 2 thawaesng 3 thawos 4 thawphu 5 thawchin 6 thawochd 7 nangtux 8 nangaethng 9 nangthxngaedng 10 nangknha epntn 2 3 thawla caryla idrbkaraetngtngepnthi phrayaichysunthr ecaemuxngkalsinthuladb 6 emux ph s 2395 2396 smrskbxyyanangcnthr mibutr 7 khn khux 1 thawphrhm 2 thawethph 3 thawbw 4 nangeba 5 thawkhan 6 thawkhm 7 nangxud epntn 2 4 thawhla idrbkaraetngtngepnthi phrayaichysunthr ecaemuxngkalsinthuladb 4 emux ph s 2381 2389 smrskbxyyanangkhaaedng mibutr 7 khn khux 1 nangkhaw 2 thawokhtr 3 thawsi 4 thawichy 5 thawsin 6 thawkha 7 nanghmxk epntn 3 thawhmasuy idrbkaraetngtngepnthi phraichysunthr xuphademuxngkalsinthu emux ph s 2349 2370 smrskbphuidsubimid mibutr 3 khnethathipraktkhux 3 1 thaweks idrbkaraetngtngepnthi phrasuwrrn xuphademuxngkalsinthu emux ph s 2381 2383 smrskbikhrsubimid mibutr 4 khn khux 1 thawaesn 2 thawphrhm 3 thawkhaiphy 4 thawaesng epntn 3 2 thawking idrbkaraetngtngepnthi phrayaichysunthr ecaemuxngkalsinthuladb 7 emux ph s 2400 2413 smrskbkhunhyingsuwrrn mibutr 4 khn khux 1 nangaephngsi 2 nangpha 3 thawphw 4 nangkha epntn 3 3 thawhnumaw idrbkaraetngtngepnthi phrayaichysunthr ecaemuxngkalsinthuladb 8 emux ph s 2413 2420 smrskbkhunhyingbw mibutr 1 khn khux thawngwd epntn 4 thawhmafxng rachwngsemuxngkalsinthuaelasklnkhr emux ph s 2349 2370 phayhlngtharachkaraektwxasarbthphywnthiemuxngophthistw cungidrbkaroprdeklaaetngtngepn phrayakaaehngmhuma ecaemuxngkbinthrburi ladbthi 1 emux ph s 2370 2379 smrskbphuidsubimid mibutr 3 khnethathipraktkhux 4 1 hlwngsurxasapld imthrabnamedim pldemuxngkbinthrburi emux ph s 2370 2378 smrskbikhrsubimid mibutrkikhnsubimid 4 2 phrakaaehngmhuma imthrabnamedim ecaemuxngkbinthrburi ladbthi 2 emux ph s 2379 2415 brrdaskdiedim hlwngsurkaaehng smrskbikhrsubimid mibutr 1 khnethathiprakt khux 1 hlwngkaaehngmhuma imthrabnamedim 4 3 phrakaaehngmhuma imthrabnamedim ecaemuxngkbinthrburi ladbthi 3 emux ph s 2415 2422 brrdaskdiedim hlwngsaaedngvththa smrskbikhrsubimid mibutr 1 khnethathiprakt khux 1 hlwngvththikaaehng imthrabnamedim enuxngcakthawhmaaephngepnbutrkhxngthawxupchathiecaosmphamitridkhxmaepnbutrbuythrrm ephraawa thawxupchaepnnxngchaykhxngchayaecaosmphamitr sayskulthayathaelaekhruxyatisayskulecaemuxngkalsinthuthiepnekhruxyatikbecaosmphamitrthisakhymidngni wngskalsinthu tnskulkhuxphrayaichysunthr hla ecaemuxngkalsinthu ladbthi 4 butrecaxuphat hmapxng sungepnbutrkhxngphrayaichysunthr osmphamitr ecaemuxngkalsinthu ladbthi 1 aelasmrskbxyyanangkhaaedng mibutrdwykn 7 khn idaek 1 nangkhaw 2 phrayaichysunthr okhtr 3 phrasriwrwngs si 4 phraichyrasdr lad 5 phraxupsiththi sin 6 phraophthisar kha 7 nanghmxk epntn echn phrayaichysunthr okhtr ecaemuxngkalsinthu ladbthi 9 smrskbkhunhyingpha mibutrdwykn 10 khn khux 1 thawhnu 2 phraichysuriymaty surinthr rachbutremuxngkalsinthu 3 phraichyaesn thxngxinthr naykxngemuxngkalsinthu 4 phrasrithngichy khata krmkaremuxngphiesssklnkhr 5 hlwngichyswsdi khaaesn 6 khunichysar caryeha 7 nangkhang 8 nangkha 9 nangbwsa 10 thawkhahwa epntnaelathanehlanikhuxphuichnamskul wngskalsinthu runaerkodyswnihyxasyxyuintwxaephxemuxngkhxngcnghwdsklnkhr n kalsinthu tnskulkhuxphrayaichysunthr ek ecaemuxngkalsinthu ladbthi 11 epnbutrkhxngrachbutr ngwd sungepnhlanpukhxngecaemuxngkalsinthu ladbthi 8 kbkhunhyingbw odythithawhnumawepnbutrkhxngecaxuphat hmasuy sungepnbutrkhxngphrayaichysunthr osmphamitr ecaemuxngkalsinthu ladbthi 1 aelamibutrkbkhunhyingmndwykn 8 khn idaek 1 nangokhmaekw 2 thawkhaekhn 3 thawsmvththi 4 nangosmns 5 nangthxngkha 6 thaweksm 7 thawsinthr 8 nangrsmi 9 thawthxngdi kbhmxmxuy ss khnaerkkhxngcnghwdkalsinthu 10 thawphusinth kbhmxmthxngnakh epntnaelathanehlanikhuxphuichnamskul n kalsinthu runaerkodyswnihyxasyxyuintwxaephxemuxngkhxngcnghwdkalsinthu brihar tnskulkhux ladbthi 1 edimepnthirachwngsemuxngkalsinthu butrthawesiyngokhtrsungepnbutrecananghwdkbecahwdemuxng odythiecananghwdepnbutrikhnthi1 phisawthawhmaaephng khxngaelaidsmrskbxyyanangaephngsri mibutrdwykn 5 khn idaek 1 ladbthi 2 2 phraprachachnbal bw ecaemuxngshskhnth 3 phraprachachnbal aesn ecaemuxngshskhnth 4 hlwngchaywiichyuthth nwn rachwngsemuxngkmlaisy 5 thawthrrm rachbutremuxngkmlaisy epntn echn ladbthi 2 smrskbxyyanangxxn mibutr 5 khn khux 1 nangehliym n rxyexc 2 3 nangephchr phlwicitr 4 5 nangthxngkha kbnangthrphy hlwngkmlaphiphthn eths brihar mibutr 6 khn idaek 1 nangkhakxng kbnangkhaxa 2 naythxngbx kbnangbuynakh 3 naysmburn kbnangbuynakh 4 nangelk kbnangxinthwa 5 naybuyehlux kbnangxinthra 6 nayiw ecriy kbnangcnthraedng epntnthanehlanikhuxphuichnamskul brihar runaerkodyswnihyxasyxyuinxaephxkmlaisykhxngcnghwdkalsinthu eksthxng tnskulkhux ladbthi 2 mibutrkbxyyanangxxn khux mibutr 3 khnkbnangskdi idaek 1 nangmn 2 nangphn 3 nangekaa aela mibutr 2 khnkbnangkhwy idaek 4 naythn 5 n s lamud mibutr 1 khnkbnangcwng idaek 6 nangaekw txmahlwngchaywichyyuthth ehmn xphyphphaphrryaladbsudthay khuxnangkhaw chaywichyyuthth bidamardachuxnaybuyaelanangkhapha phrxmbutrthidakhathasyaythinthantngbaneruxnthawrxyu n banhnxngkhieba hruxbanokhkeba tablokhkkaethiym xaephxemuxng cnghwdlphburi hlwngchaywichyyuththmibutrkbnangkhaw 9 khn idaek 7 nangphikhatesiksngb thxnghlx okmlcnthr edimchuxkhaeba eksthxng phriya 8 nangthxngib sngwnchati phriyanayorebirt chwisth sngwnchati 9 nangthxngdi phdthxng 10 naythxngxinthr eksthxng 11 xditphuwarachkarcnghwdlapang 12 nangprahyd cnthreksm 13 nangprayur tuletmiy phriya xditrxngwiswkrrthifithy 14 nangmni cnthreksm 15 nangphaxb wcnaphukka phriyanaystwaephthycinda wcnaphukka epntn hlwngchaywichyyuthth ehmn thungaekkrrmemux 10 thnwakhm ph s 2474 lukhlanthiekidcakphrryaaerkbangthanyngichnamskul brihar odyyngxasyxyuinxaephxkmlaisy cnghwdkalsinthu inswnkhxnglukhlanthiichnamskul eksthxng hlaythanxasyxyucnghwdlphburi fxngkaaehng aela kaaehngmitr tnskulkhuxhlwngsurkaaehngaelahlwngvththikaaehng sungthngsxngepnbutrkhxngphrakaaehngmhuma impraktnamedim ecaemuxngkbinthrburi ladbthi 2 sungepnhlanpukhxngphrayakaaehngmhuma hmafxng ecaemuxngkbinthrburi ladbthi 1 odythithawhmafxngepnbutrkhxng ecaemuxngkalsinthu ladbthi 1 aelathayathphuichnamskul fxngkaaehng aela kaaehngmitr ehlaniswnihyxasyxyuinxaephxkbinthrburikhxngcnghwdpracinburi srikalsinthu hrux phleyiym edim tnskulkhuxhlwngsunthrwuthirks mi butrthawmhaokhtraekw hlwngsunthrwuthirks mi smrskbnangeba mibutr 7 khnidaek 1 rxngxamatytriphlsmy 2 thawxmphr 3 khunsrrbrrphkic saythxng 4 nangda 5 nangib 6 nangmala 8 nangmaly epntn phimphanity tnskulkhuxthawthitisa mibutrkhux thawkhttiya rachwngsemuxngkalsinthu emuxpi ph s 2435 mibutr 4 khn idaek 1 thawphu 2 hlwngophthisa xyu 4 thawphuk 5 thawphim epntn phulwthn tnskulkhuxthawphrhmckr butrecaxuphat hmapxng hlan kb xkkhrasa tnskulkhuxthawphrhmckr butrecaxuphat hmapxng hlan kb wngskmlaisy wngskaisy edim tnskulkhuxthawpuy butrecaxuphat hmapxng hlan kb ichysiththi tnskulkhuxthawechlim butrthaweba hlanthawrachwngsa ehln luxemuxngaesnkhxnopng ichysiri tnskulkhuxthawsmsri butrthawphankha hlanthawrs ehlnthawsuwrrneks luxemuxngaesnkhxnopng thxngthwi tnskulkhuxthawepliyn butrthawdi hlanthawthxng ehln ecaemuxngkalsinthu luxemuxngaesnhnanga xasaichy tnskulkhuxthawtha butrkhxngthawdi hlanthawthxng ehln ecaemuxngkalsinthu luxemuxngaesnhnanga sirikul tnskulkhuxkhunaekwikrsr butrthawongn hlanthawbw ehln ecaemuxngkalsinthu luxemuxngaesnhnanga namskulehlanilwnepnnamskulthisubechuxsaymacakecaemuxngkalsinthu phukhnthiichnamskulehlanikhuxphumisayeluxdecaemuxngrachtrakulphngsawlikhxngphrayachysunthr osmphamitr phraecatxnkha ecachmphu phraechsthainphraecasuriywngsathrrmikrach phrachaya phraecaichyechsthathirach xngkhew kstriylanchangewiyngcnthn phrachaya ecaxngkhlxng kstriylanchangewiyngcnthn phrachaya phrayaichysunthr osmphamitr ecaemuxngkalsinthu hlansawecaphakhaw snm xnusrnxnusawriyphrayachysunthr osmphamitr tngxyu n thnnkalsinthu hnathithakariprsniy tablkalsinthu xaephxemuxngkalsinthu hlxdwysmvththiethaxngkhcring sung 175 esntiemtr prathbbnphraaethn htthkhwathrngkanahruxkls htthsaythrngdabxayasiththi chawkalsinthurwmknkxsrangephuxaesdngktewthitatxphraxngkh wnbwngsrwngxnusawriyphrayachysunthr xnusawriyphrayachysunthr osmphamitr hlxemux 13 knyayn ph s 2524 chawkalsinthucungyudthuxwnthi 13 knyaynkhxngthukpiepnwnbwngsrwngxnusawriy thnnosmphamitr tngxyuiklohngedimkhxngecaemuxngaelaxuphademuxngkalsinthuinxdit kxnhna phrayachysunthr osmphamitr thdip ecaemuxngkalsinthu phuwarachkarcnghwdkalsinthu ph s 2336 2349 phrayachysunthr hmaaephng xangxing kxngwrrnkhdiaelaprawtisastr krmsilpakr xkkhranukrmprawtisastrithy xksr ch ch s krungethph kxngwrrnkhdiaelaprawtisastr krmsilpakr 2536 hna 101 75 thxngphul khrickr ph khricnthr bntn phyaikrhniemuxng in ephchrphunemuxngewiyngcnthn phngsawdarlawtxnewiyngcnthnaetk khaklxn erimklawaetsmedcphraecaxnaerssrthrathirachthrngsthapnankhrewiyngcnthn aelwykthphiptisyam ykphlkhunma tiidkhrngthi 1 aelathi 2 cnepnehtuekidsngkhramywn phrankhr xaareriyn 2559 hna 35 Komany Sphaothong hnngsuxphunewiyngcn kxn 7 phngsawadanecaxanuwng ewiyngcn trwcaekaelathayxxkcakphasaithymaepnphasalawody saephathxng kxmani Buffalo New York orngeriynxudmsuksa Grover Cleveland High School 1998 ph s 2541 hna 26 Phannoudej Cham phunemuxngewiyngcnthn kxn 7 phngsawadanecaxanuwngs ewiyngcnthn hnngsuxphunewiyng klxn 7 phngsawdarecaxnuwngs ewiyngcnthn Le Plessis Trevise cam phnnuedch 1992 ph s 2535 hna 22 rachbnthitysthan saranukrmprawtisastrithy chbbrachbnthitysthan aekikhephimetim xksr k elm 1 phimphkhrngthi 2 krungethph rachbnthitysthan 2549 hna 349 mulnithiexesiy bnthukkaremuxngithy Profiles of Thai politics okhrngkarwicy bnthukkaremuxngithy snbsnunody mulnithiexesiy chatichay eynbarung aelatharngskdi ephchrelisxnnt brrnathikar krungethph mulnithiexesiy 2530 hna 377 wchrwr wngsknha ethsbalemuxngkalsinthu rxycarukprawtisastr 220 pi xnusawriyphrayachysunthr thawosmphamitr ecaemuxngkhnaerk Kalasin City Municipality The historical inscription Praya Chai sunton Monument Tao Some pa mit The First Governor in sankngankhnakrrmkarkarxudmsuksaaelamhawithyalykalsinthu okhrngkarphthnaskyphaphbukhlakrthxngthin aephnburnakarsrangrayidcakkarthxngethiywaelabrikar pracapingbpraman ph s 2560 rxyphaphelaeruxngemuxngkalsinthu Arranɡinɡ The Pictures for Tellinɡ story of Kalasin City suchanath singhapd xacary dr brrnathikar aeplaelaeriyberiyngphasaxngkvsodynity buhngamngkhl rxngsastracary dr khxnaekn bristh siriphnth 2497 cakd 2560 hna 98 99 krrmathikarsthapnikxisan smakhmsthapniksyaminphrabrmrachupthmph smmnaexklksnsthaptykrrmxisanngannithrrskarwsdukxsrangaelaphlngansthaptykrrmxisan sthaptykrrmxisansycr wnthi 29 t kh 1 ph y 2530 n orngaermokhsa c khxnaekn krungthph smakhmsthapniksyam 2530 hna 91 sankphngemuxng phngemuxngcnghwdkalsinthu 2528 phrankhr sankphngemuxng 2528 hna 20 21 sxn ephchreciyrin 2019 ph s 2562 lalxngprawtiemuxngkalsinthu mulmng dntrixisan xxniln aehlngthima https www youtube com watch v mmDX49LWT7I 7 phvsphakhm 2564 sanknganwthnthrrmcnghwdkalsinthu salaklangcnghwdkalsinthu exksarhmayelkh 2 2559 in prakascnghwdkalsinthu srupphlkardaeninngan karprakwdxxkaebbtrasylksnkarcdngankalsinthu 222 pi itrmphrabarmi kalsinthu 222 pi 222 nd KALASIN Anniversary kalsinthu sanknganwthnthrrmcnghwdkalsinthu faybriharthwip 2558 hna 1 duraylaexiydin sphawthnthrrmaehngchati praethsithy sankwthnthrrmthangwrrnkrrm nganchlxng 25 phuththstwrrs elmthi 12 17 krungethph khnakrrmkarprachasmphnthaelaphimphexksarkarcdnganchlxng 25 phuththstwrrs ph s 2500 2500 impraktcanwnhna smakhmchawxisan xisan enuxnginoxkaskhrbrxb 55 pi khxngsmakhmchawxisan thwchchy cksan brrnathikar krungethph smakhmchawxisan 2534 hna 117 sthanihmxla sthanikhxngkhnrkhmxla namaefng 2021 2564 laklxn chudprawtisastrithyxisan hmxlasriphr aesngsuwrrn buyaetng ekhnthxngdi bristh rachbutrexnetxrethnemnth cakd xxniln aehlngthima https www youtube com watch v PelrmiNBLe0 7 phvsphakhm 2564 prayur iphbulysuwrrn obranwtthusthanincnghwdkhxnaekn aelacnghwdiklekhiyng krmsilpakrcdphimph innganesdcphrarachdaeninthrngepid phiphithphnthsthanaehngchatikhxnaekn 20 thnwakhm 2515 phrankhr krmsilpakr 2515 hna 25 duraylaexiydin krmsilpakr krathrwngsuksathikar hnngsuxechlimphraekiyrtiphrabathsmedcphraecaxyuhw eruxng wthnthrrm phthnakarthangprawtisastr exklksnaelaphumipyya cnghwdkalsinthu krungethph khnakrrmkarfaypramwlexksaraelacdhmayehtu inkhnakrrmkarxanwykarcdnganechlimphraekiyrti phrabathsmedcphraecaxyuhw 2542 254 hna thxngphul khrickr ph khrickr bntn phyaikrhniemuxng in ephchrphunemuxngewiyngcnthn phngsawdarlawtxnewiyngcnthnaetk khaklxn erimklawaetsmedcphraecaxnuruththathirachthrngsthapnankhrewiyngcnthn aelwykthphiptisyam ykphlkhunma tiidkhrngthi 1 aelathi 2 cnepnehtuekidsngkhramywn hna 35 Komany Sphaothong hnngsuxphunewiyngcn kxn 7 phngsawadanecaxanuwng ewiyngcn hna 25 26 Phannoudej Cham phunemuxngewiyngcnthn kxn 7 phngsawadanecaxanuwngs ewiyngcnthn hnngsuxphunewiyng klxn 7 phngsawdarecaxnuwngs ewiyngcnthn hna 22 thwch punonthk eriyberiyng phngsawdaremuxngkalsinthu in mulnithisaranukrmwthnthrrmithy thnakharithyphanichy saranukrmwthnthrrmithy phakhxisan elm 8 pracntpraethsthani phraya phngsawdaremuxngsklnkhr krungethph mulnithisaranukrmwthnthrrmithy thnakharithyphanichy 2542 hna 2549 2853 duraylaexiydin buymi phuedch epriyy phngsawdaremuxngkalsinthuaelaprawtiemuxngkhuninyukheka kalsinthu orngphimphcintphnthkarphimph xaephxemuxngkalsinthu 2525 90 hna aela Pu dech Bunme Kalasin City Annals and History of Ancient Age Colony Kalasin Jintapan Printing 1932 90 p hmxmxmrwngswicitr hmxmrachwngspthm khencr 2458 phngsawdarhwemuxngmnthlxisan hmxmxmrwngswicitr m r w pthm khencr eriyberiyng phakhthi 1 khdcakprachumphngsawdar phakhthi 4 xamatyexk phrayasrisarwc chun phthrnawik m m th ch rtn w p r 4 phimphaeckinngansph phn phthrnawik phumarda emuxpiethaasptsk ph s 2458 phngsawdarhwemuxngmnthlxisan hmxmxmrwngswicitr hmxmrachwngspthm khencr xxniln aehlngthima https th wikisource org wiki E0 B8 9E E0 B8 87 E0 B8 A9 E0 B8 B2 lingkesiy 9 mkrakhm 2563 sunysarniethsxisansirinthr sankwithybrikar aelaphakhwichabrrnarkssastraelasarsnethssastr khnamnusysastraelasngkhmsastr mhawithyalymhasarkham nganwicyekiywkbphakhtawnxxkechiyngehnux bthkhdyx elm 11 mhasarkham sunysarniethsxisansirinthr sankwithybrikar aelaphakhwichabrrnarkssastraelasarsnethssastr khnamnusysastraelasngkhmsastr mhawithyalymhasarkham 2540 hna 61 aehlngkhxmulxun xnusawriyphrayachysunthr