บทความนี้ไม่มีจาก |
พระพุทธฉาย เป็นภาพสีของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า มีลักษณะเป็นเงาสีแดงคล้ายประภามณฑล หรือรัศมีโดยรอบพระพุทธรูป คล้ายสีดินเทศ มีความสูงประมาณ 5 เมตร ปรากฏประทับติดอยู่กับชะง่อนหน้าผาสูงบริเวณเชิงเขาปถวี ประดิษฐานอยู่ในมณฑป ณ เงื้อมเขาฆาฎะกะ (เขาช่องลม) ค้นพบสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ซึ่งค้นพบพร้อมกับรอยพระพุทธบาทที่สระบุรี ในบริเวณใกล้เคียงมีมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทเบื้องขวา มณฑปหลังนี้สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือ และมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่อัญเชิญมาจากลังกา เมื่อ พ.ศ. 2492 ทุกปีจะมีงานนมัสการพระพุทธฉายพร้อมกับงานนมัสการรอยพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ วัดพระพุทธฉาย
สถานที่ตั้ง
สถานที่ตั้ง พระพุทธฉาย ประดิษฐานติดอยู่ ณ วัดพระพุทธฉาย เงื้อมเขาพระพุทธฉาย อยู่ภายในมณฑปสองยอดบนไหล่ภูเขา อยู่ในเขตหมู่ที่ 1 ตำบลหนองปลาไหล อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ทางเข้าวัดพระพุทธฉาย เป็นถนนแยกจากถนนพหลโยธิน ตรงกิโลเมตรที่ 102 (หมู่บ้านโคกหินแร่ ตำบลหนองยาว) เข้าไป 5 กิโลเมตร (ระยะทางตามถนนจากตัวเมืองสระบุรี ลงทางใต้ 6 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไป 5 กิโลเมตร)
ประวัติ
ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่พระวิหารบุพพารามในนครสาวัตถี ได้ประทานอุปสมบท (บวช) พระบิณโฑละฯ ให้เป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา แล้วได้มอบให้พระโมคคัลลานะ พาไปปฏิบัติสมณธรรมจนกว่าจะได้สำเร็จมรรคผล พระโมคคัลลานะได้นำพาไปปฏิบัติสมณธรรมในชมพูทวีป (อินเดีย) หลายแห่งก็ไม่สามารถบรรลุมรรคผล จึงได้มาปฏิบัติสมณธรรมในปัจจันตชนบทโดยกำหนดเอาประเทศสุวรรณภูมิ (ประเทศไทย) ณ ภูเขาฆาฏกะอันเป็นที่อาศัยของนายพรานฆาฏกะกับบริวาร จึงได้สำเร็จมรรคผลเป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา ในระหว่างที่มาปฏิบัติสมณธรรมอยู่ ณ สถานที่พระโมคคัลลานะ ได้ทราบพฤติกรรมของนายพรานฆาฏกะกับบริวารว่าเป็นผู้มีสันดาน หยาบช้า โหดร้าย ทารุณ มีอาชีพทางล่าสัตว์
พระโมคคัลลานะได้แสดงปาฏิหาริย์หลายประการเพื่อจะยังสันดานของนายพรานฆาฏกะให้เลื่อมใสแต่ไม่สำเร็จ ต่อเมื่อได้กลับไปเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้วกราบทูลเรื่องราวให้ทรงทราบ พระพุทธเจ้าจึงเสด็จมาโปรด และได้ทรงแสดงปาฏิหาริย์หลายอย่างหลายประการด้วยกันเพื่อให้นายพรานฆาฏกะได้ละทิฏฐิมานะสันดานหยาบช้า จนในที่สุดได้มีศรัทธาเลื่อมใสถึงกับทูลอุปสมบท พระบรมศาสดาได้ทรงประทาน เอหิภิกขุอุปสัมปทา (บวชให้ด้วยพระองค์เอง) แล้วตรัสสั่งสอนให้ปฏิบัติสมณธรรมได้สำเร็จพระอรหันต์เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา เมื่อพระบรมศาสดาจะเสด็จกลับบุพพาราม ภิกษุฆาฏกะได้ทูลขอติดตามพระองค์ๆ ได้ทรงห้ามไว้เพื่อให้ช่วยประกาศพระศาสนา พระฆาฏกะได้ทูลขอสิ่งที่เคารพสักการะ พระองค์จึงได้ทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ให้เงาของพระองค์ติดไว้ ณ เงื้อมภูเขาแห่งนี้ และได้ประทับ "รอยพระบาท" ติดไว้ ณ บนยอดภูเขาแห่งนี้ด้วย ซึ่งจะได้เป็นที่สักการะเคารพกราบไหว้บูชาของพระฆาฏกะและบริวาร ตลอดจนพุทธศาสนิกชนทั่วไป
ประวัติการค้นพบ
สันนิษฐานว่าพระพุทธฉายนี้ ถูกค้นพบในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี หลังจากพบรอยพระพุทธบาท ตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าทรงธรรม (พ.ศ. 2163-2171) ซึ่งมีรับสั่งให้ค้นหารอยพระพุทธบาทตามภูเขาทุกแห่ง จึงพบพระพุทธฉาย ณ ภูเขาแห่งนี้ สมัยที่ค้นพบพระพุทธฉายได้สร้างพระมณฑปครอบพระบรมฉายาลักษณ์ไว้เป็นสถานที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชน ตลอดจนพระมหากษัตริย์ในรัชกาลต่อมา และเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง เป็นต้น
จากพงศวดารตำนานที่ปรากฏชัดว่า "สมเด็จพระเจ้าเสือพร้อมด้วยเชื้อพระวงศ์และข้าราชการบริพาร ได้เสด็จพระราชดำเนินมานมัสการพระพุทธฉาย แล้วเสด็จไปนมัสการพระพุทธบาท เป็นต้น จนถึงกษัตริย์พระองค์สุดท้ายสมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ พระองค์ได้เสด็จไปนมัสการพระพุทธฉายก่อนเสียกรุงศรีอยุธยา 3 ปี (พ.ศ. 2307) ดังปรากฏในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันจันทนมาศ (เจิม) หน้า 484 ได้กล่าวไว้ในบท "สมโภชพระพุทธฉาย" เกี่ยวกับพระพุทธฉายว่า ในสมัยพระบาทสมเด็จพระที่นั่งสุริยามรินทร์ว่า "ครั้นเดือนอ้ายเสด็จขึ้นไปนมัสการพระพุทธฉาย แรมอยู่ 3 วัน ฯลฯ แล้วเสด็จกลับมาสมโภชพระพุทธบาท 7 วัน"
จากประวัติและพระราชพงศาวดารดังกล่าวมาแสดงให้เห็นว่า พระพุทธฉายได้เจริญมาสมัยหนึ่งแล้ว ปรากฏจากหลักฐานและวัตถุโบราณนานัปการ ที่ยังปรากฏเป็นหลักฐานจนถึงปัจจุบันนี้ เช่นมณฑปที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองบนยอดเขาลม วัดพระพุทธฉาย เป็นต้น แต่เนื่องจากภัยทางสงคราม บ้านเมืองไม่สงบสุข มีการรบทัพจับศึก เกิดการระส่ำระสายเปลี่ยนแปลงแผ่นดินบ้านเมืองเดือดร้อน ดังปรากฏในประวัติศาสตร์ครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาจนกว่าจะตั้งกรุงธนบุรี และกรุงเทพฯ ขึ้นเป็นเมืองหลวง พระพุทธฉายก็ได้ถูกทอดทิ้งมาเป็นเวลาช้านานจนชำรุดทรุดโทรมลง มณฑปเดิมซึ่งสร้างไว้ในสมัยกรุงศรีอยุธยา และศาสนสถานถาวรวัตถุต่างๆ ได้ขาดการดูแลเอาใจใส่และภัยธรรมชาติได้ทำลายเสียหายเป็นอย่างมาก
กาลเวลาได้ผ่านมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการบูรณะฟื้นฟูพระพุทธฉายอีกครั้งหนึ่ง ตามศิลาจารึกที่ค้นพบเป็นหลักฐานว่า "พระพุทธศาสนาล่วงมาได้ 2374 ปีมะโรง นักษัตรจัตวาศก มีพระคุณเจ้าสมภาร 4 วัด คือพระปลัดวัดปากเพรียว 1 สมภารวัดบางระกำ 1 สมภารดวง วัดเกาะเลิ่ง 1 และสมภารวัดบางเดื่อ 1 สมภารทั้ง 4 พร้อมทั้งญาติโยมได้มีอุตสาหะพากันมาบูรณปฏิสังขรณ์พระพุทธฉาย เป็นเวลาถึง 7 ปี และในปีที่ 8 พระมหายิ้ม ได้มาร่วมกับสมภารทั้ง 4 พร้อมด้วยญาติโยม ได้บูรณปฏิสังขรณ์พระพุทธปฏิมากร ระเบียงมณฑป ลงลักปิดทอง บ้างจำลองลายสุวรรณอันบวร ปฏิสังขรณ์พระสถูปเจดีย์ สร้างหอระฆัง สร้างศาลา เป็นต้น ด้านยอดเขา ได้บูรณะพระมณฑปและลานพระโมคคัลลานะขุดสระบ่อน้ำ บูรณะพระอุโบสถ และตบแต่งสถานที่เป็นเวลาอีก 3 ปี จนถึงปีฉลูจึงเสด็จตามความประสงค์ ได้จัดมหกรรมฉลององค์พระพุทธฉาย เมื่อปีเถาะ เบญจศก"
จากศิลาจารึกที่นำมาโดยสังเขปนี้ จะเห็นได้ว่าพระพุทธฉายได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาในระยะหนึ่ง กาลเวลาล่วงเลยมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช และสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ได้เสด็จมาฟื้นฟูบูรณะพระพุทธฉายทรงสร้างมณฑปขึ้นใหม่เป็นมณฑปสองยอดแทนมณฑปเดิม และทรงบูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุอื่นๆ มีเสนาสนะสงฆ์ เช่น ศาลา พระอุโบสถบนยอดเขาพระพุทธฉาย ปฏิสังขรณ์มณฑปครอบรอยพระบาทจำลองยอดเดี่ยว บนยอดภูเขาด้านตะวันออกพระอุโบสถบริเวณลานพระโมคคัลลานะ วัดพระพุทธฉาย ซึ่งยังเหลือเป็นอนุสรณ์อยู่ตราบเท่าทุกวันนี้ นอกจากนั้นพระองค์พร้อมด้วยพระราชวงศ์และข้าราชบริพาร ยังได้เสด็จไปนมัสการพระพุทธฉายอีกหลายครั้ง
ดังปรากฏในประวัติศาสตร์การประพาสต้นและจดหมายเหตุ การบำเพ็ญพระราชกุศลนับเนื่องเกี่ยวกับพระพุทธฉาย เกี่ยวกับพระอุปัชฌาย์รัน และพระอธิการรูปอื่นๆ อีกมาก ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ติดอยู่ ณ เงื้อมผาด้านทิศตะวันตกของพระมณฑปพระพุทธฉาย พร้อมด้วยนามาภิไธยพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งปรากฏชัดจนถึงปัจจุบันนี้ ในรัชกาลต่อๆ มาก็ได้มีพระบรมวงศานุวงศ์ ได้เสด็จมาพระพุทธฉายเป็นประจำ จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และพระเจ้าลูกเธอฯ ได้เสด็จมาทรงทอดผ้าพระกฐิน เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2516
พระพุทธฉายได้บูรณะซ่อมสร้างมาเป็นเวลาช้านาน ชำรุดทรุดโทรมลงเป็นอย่างมาก จนทางข้าราชการร่วมกับคณะสงฆ์เห็นว่าจะปล่อยทิ้งรกร้างไว้อีกต่อไปไม่ได้ ปูชนียสถานที่สำคัญจะถูกทำลายลง จึงได้ส่ง พระครูพุทธฉายภิบาล (นาค ปานรัตน์) มาเป็นเจ้าอาวาสเมื่อ พ.ศ. 2491 เพื่อบูรณะซ่อมสร้างสถานที่พระพุทธฉายให้เจริญต่อไป เจ้าอาวาสได้ซ่อมแซมใหญ่ โดยซ่อมที่มณฑปที่ชำรุดซึ่งสร้างไว้ในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงเทพฯ บนยอดภูเขาตามเดิม ส่วนมณฑปเก่าครอบพระบาทจำลองบนยอดเขายังคงไว้เป็นอนุสรณ์ ในลำดับต่อมาได้สร้างบันไดจากพื้นล่างด้านตะวันออกพระพุทธฉายขึ้นไปจนถึงยอดภูเขายาวประมาณ ๒๗๐ ขั้น เพื่อให้ความสะดวกแก่ประชาชน จะได้ขึ้นไปนมัสการพระพุทธรูปปางต่างๆ ข้างบนและภายในอุโบสถ โดยบูชารอยพระพุทธบาทจำลองและชมวิวทิวทัศน์อันสวยสดงดงาม พร้อมด้วยบูชาสักการะพระรูปพระโมคคัลลานะ ที่ได้สร้างขึ้นมาเมื่อ พ.ศ. 2526 ประดิษฐานอยู่ ณ ลานพระโมคคัลลานะ ในวิหารพระปฏิมากรเป็นประหนึ่งสังเวชนียสถานอันจะเกิดเป็นกุศลผลบุญต่อไป
การเดินทาง
- การเดินทาง ทางเข้าวัดพระพุทธฉาย เข้าทางเดียวกันกับอุทยานแห่งชาติเขาสามหลั่นเป็นถนนแยกจากถนนพหลโยธิน ตรงที่กิโลเมตรที่ 102 (หมู่บ้านโคกหินแร่ ตำบลหนองยาว) เข้าไป 5 กิโลเมตร (ระยะทางตามถนนจากตัวเมืองสระบุรี ลงทางใต้ 6 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไป 5 กิโลเมตร)
อ้างอิง
- เว็บไซต์วัดพระพุทธฉาย 2007-01-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ป้ายประกาศภายในวัดพระพุทธฉาย
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir phraphuththchay epnphaphsikhxngsmedcsmmasmphuththeca milksnaepnengasiaedngkhlaypraphamnthl hruxrsmiodyrxbphraphuththrup khlaysidineths mikhwamsungpraman 5 emtr praktprathbtidxyukbchangxnhnaphasungbriewnechingekhapthwi pradisthanxyuinmnthp n enguxmekhakhadaka ekhachxnglm khnphbsmysmedcphraecathrngthrrm sungkhnphbphrxmkbrxyphraphuththbaththisraburi inbriewniklekhiyngmimnthppradisthanrxyphraphuththbathebuxngkhwa mnthphlngnisrangkhuninsmysmedcphraecaesux aelamitnphrasrimhaophthithixyechiymacaklngka emux ph s 2492 thukpicamingannmskarphraphuththchayphrxmkbngannmskarrxyphraphuththbaththicnghwdsraburi pccubnepnswnhnungkhxng wdphraphuththchayphraphuththchay bnphnngthathangsaymux inwdphraphuththchaysthanthitngsthanthitng phraphuththchay pradisthantidxyu n wdphraphuththchay enguxmekhaphraphuththchay xyuphayinmnthpsxngyxdbnihlphuekha xyuinekhthmuthi 1 tablhnxngplaihl xaephxemuxngsraburi cnghwdsraburi thangekhawdphraphuththchay epnthnnaeykcakthnnphhloythin trngkiolemtrthi 102 hmubanokhkhinaer tablhnxngyaw ekhaip 5 kiolemtr rayathangtamthnncaktwemuxngsraburi lngthangit 6 kiolemtr aelweliywsayekhaip 5 kiolemtr prawtiinsmyphuththkal emuxphraphuththecaprathbxyuthiphrawiharbuphpharaminnkhrsawtthi idprathanxupsmbth bwch phrabinothla ihepnphraphiksuinphraphuththsasna aelwidmxbihphraomkhkhllana phaipptibtismnthrrmcnkwacaidsaercmrrkhphl phraomkhkhllanaidnaphaipptibtismnthrrminchmphuthwip xinediy hlayaehngkimsamarthbrrlumrrkhphl cungidmaptibtismnthrrminpccntchnbthodykahndexapraethssuwrrnphumi praethsithy n phuekhakhatkaxnepnthixasykhxngnayphrankhatkakbbriwar cungidsaercmrrkhphlepnphraxriybukhkhlinphraphuththsasna inrahwangthimaptibtismnthrrmxyu n sthanthiphraomkhkhllana idthrabphvtikrrmkhxngnayphrankhatkakbbriwarwaepnphumisndan hyabcha ohdray tharun mixachiphthanglastw phraomkhkhllanaidaesdngpatihariyhlayprakarephuxcayngsndankhxngnayphrankhatkaiheluxmisaetimsaerc txemuxidklbipefaphraphuththecaaelwkrabthuleruxngrawihthrngthrab phraphuththecacungesdcmaoprd aelaidthrngaesdngpatihariyhlayxyanghlayprakardwyknephuxihnayphrankhatkaidlathitthimanasndanhyabcha cninthisudidmisrththaeluxmisthungkbthulxupsmbth phrabrmsasdaidthrngprathan exhiphikkhuxupsmptha bwchihdwyphraxngkhexng aelwtrssngsxnihptibtismnthrrmidsaercphraxrhntepnphraxriybukhkhlinphraphuththsasna emuxphrabrmsasdacaesdcklbbuphpharam phiksukhatkaidthulkhxtidtamphraxngkh idthrnghamiwephuxihchwyprakasphrasasna phrakhatkaidthulkhxsingthiekharphskkara phraxngkhcungidthrngaesdngxiththipatihariyihengakhxngphraxngkhtidiw n enguxmphuekhaaehngni aelaidprathb rxyphrabath tidiw n bnyxdphuekhaaehngnidwy sungcaidepnthiskkaraekharphkrabihwbuchakhxngphrakhatkaaelabriwar tlxdcnphuththsasnikchnthwipprawtikarkhnphbsnnisthanwaphraphuththchayni thukkhnphbinsmykrungsrixyuthyaepnrachthani hlngcakphbrxyphraphuththbath trngkbrchsmykhxngphraecathrngthrrm ph s 2163 2171 sungmirbsngihkhnharxyphraphuththbathtamphuekhathukaehng cungphbphraphuththchay n phuekhaaehngni smythikhnphbphraphuththchayidsrangphramnthpkhrxbphrabrmchayalksniwepnsthanthiekharphskkarakhxngphuththsasnikchn tlxdcnphramhakstriyinrchkaltxma aelaechuxphrawngschnsung epntn cakphngswdartananthipraktchdwa smedcphraecaesuxphrxmdwyechuxphrawngsaelakharachkarbriphar idesdcphrarachdaeninmanmskarphraphuththchay aelwesdcipnmskarphraphuththbath epntn cnthungkstriyphraxngkhsudthaysmykrungsrixyuthya smedcphraecaexkthsn phraxngkhidesdcipnmskarphraphuththchaykxnesiykrungsrixyuthya 3 pi ph s 2307 dngpraktinphrarachphngsawdarkrungsrixyuthyachbbphncnthnmas ecim hna 484 idklawiwinbth smophchphraphuththchay ekiywkbphraphuththchaywa insmyphrabathsmedcphrathinngsuriyamrinthrwa khrneduxnxayesdckhunipnmskarphraphuththchay aermxyu 3 wn l aelwesdcklbmasmophchphraphuththbath 7 wn cakprawtiaelaphrarachphngsawdardngklawmaaesdngihehnwa phraphuththchayidecriymasmyhnungaelw praktcakhlkthanaelawtthuobrannanpkar thiyngpraktepnhlkthancnthungpccubnni echnmnthpthipradisthanphraphuththbathcalxngbnyxdekhalm wdphraphuththchay epntn aetenuxngcakphythangsngkhram banemuxngimsngbsukh mikarrbthphcbsuk ekidkarrasarasayepliynaeplngaephndinbanemuxngeduxdrxn dngpraktinprawtisastrkhrngesiykrungsrixyuthyacnkwacatngkrungthnburi aelakrungethph khunepnemuxnghlwng phraphuththchaykidthukthxdthingmaepnewlachanancncharudthrudothrmlng mnthpedimsungsrangiwinsmykrungsrixyuthya aelasasnsthanthawrwtthutang idkhadkarduaelexaicisaelaphythrrmchatiidthalayesiyhayepnxyangmak kalewlaidphanmacnthungsmykrungrtnoksinthr inrchsmyphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw idmikarburnafunfuphraphuththchayxikkhrnghnung tamsilacarukthikhnphbepnhlkthanwa phraphuththsasnalwngmaid 2374 pimaorng nkstrctwask miphrakhunecasmphar 4 wd khuxphrapldwdpakephriyw 1 smpharwdbangraka 1 smphardwng wdekaaeling 1 aelasmpharwdbangedux 1 smpharthng 4 phrxmthngyatioymidmixutsahaphaknmaburnptisngkhrnphraphuththchay epnewlathung 7 pi aelainpithi 8 phramhayim idmarwmkbsmpharthng 4 phrxmdwyyatioym idburnptisngkhrnphraphuththptimakr raebiyngmnthp lnglkpidthxng bangcalxnglaysuwrrnxnbwr ptisngkhrnphrasthupecdiy sranghxrakhng srangsala epntn danyxdekha idburnaphramnthpaelalanphraomkhkhllanakhudsrabxna burnaphraxuobsth aelatbaetngsthanthiepnewlaxik 3 pi cnthungpichlucungesdctamkhwamprasngkh idcdmhkrrmchlxngxngkhphraphuththchay emuxpiethaa ebycsk caksilacarukthinamaodysngekhpni caehnidwaphraphuththchayidrbkarburnptisngkhrnmainrayahnung kalewlalwngelymacnthungrchsmyphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw phrapiymharach aelasmedcphraphnwssaxyyikaeca idesdcmafunfuburnaphraphuththchaythrngsrangmnthpkhunihmepnmnthpsxngyxdaethnmnthpedim aelathrngburnptisngkhrnthawrwtthuxun miesnasnasngkh echn sala phraxuobsthbnyxdekhaphraphuththchay ptisngkhrnmnthpkhrxbrxyphrabathcalxngyxdediyw bnyxdphuekhadantawnxxkphraxuobsthbriewnlanphraomkhkhllana wdphraphuththchay sungyngehluxepnxnusrnxyutrabethathukwnni nxkcaknnphraxngkhphrxmdwyphrarachwngsaelakharachbriphar yngidesdcipnmskarphraphuththchayxikhlaykhrng dngpraktinprawtisastrkarpraphastnaelacdhmayehtu karbaephyphrarachkuslnbenuxngekiywkbphraphuththchay ekiywkbphraxupchchayrn aelaphraxthikarrupxun xikmak idthrnglngphraprmaphiithyyx cpr tidxyu n enguxmphadanthistawntkkhxngphramnthpphraphuththchay phrxmdwynamaphiithyphrabrmwngsanuwngs sungpraktchdcnthungpccubnni inrchkaltx makidmiphrabrmwngsanuwngs idesdcmaphraphuththchayepnpraca cnthungsmyphrabathsmedcphraecaxyuhwxngkhpccubn phrxmdwysmedcphranangecaphrabrmrachininath aelaphraecalukethx idesdcmathrngthxdphaphrakthin emuxwnthi 3 phvscikayn 2516 phraphuththchayidburnasxmsrangmaepnewlachanan charudthrudothrmlngepnxyangmak cnthangkharachkarrwmkbkhnasngkhehnwacaplxythingrkrangiwxiktxipimid puchniysthanthisakhycathukthalaylng cungidsng phrakhruphuththchayphibal nakh panrtn maepnecaxawasemux ph s 2491 ephuxburnasxmsrangsthanthiphraphuththchayihecriytxip ecaxawasidsxmaesmihy odysxmthimnthpthicharudsungsrangiwinsmyrchkalthi 5 aehngkrungethph bnyxdphuekhatamedim swnmnthpekakhrxbphrabathcalxngbnyxdekhayngkhngiwepnxnusrn inladbtxmaidsrangbnidcakphunlangdantawnxxkphraphuththchaykhunipcnthungyxdphuekhayawpraman 270 khn ephuxihkhwamsadwkaekprachachn caidkhunipnmskarphraphuththruppangtang khangbnaelaphayinxuobsth odybucharxyphraphuththbathcalxngaelachmwiwthiwthsnxnswysdngdngam phrxmdwybuchaskkaraphrarupphraomkhkhllana thiidsrangkhunmaemux ph s 2526 pradisthanxyu n lanphraomkhkhllana inwiharphraptimakrepnprahnungsngewchniysthanxncaekidepnkuslphlbuytxipkaredinthangkaredinthang thangekhawdphraphuththchay ekhathangediywknkbxuthyanaehngchatiekhasamhlnepnthnnaeykcakthnnphhloythin trngthikiolemtrthi 102 hmubanokhkhinaer tablhnxngyaw ekhaip 5 kiolemtr rayathangtamthnncaktwemuxngsraburi lngthangit 6 kiolemtr aelweliywsayekhaip 5 kiolemtr xangxingewbistwdphraphuththchay 2007 01 02 thi ewyaebkaemchchin payprakasphayinwdphraphuththchaywikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb Wat Phra Phutthachai