ประวัติศาสตร์สาธารณรัฐประชาชนจีน ให้รายละเอียดประวัติศาสตร์จีนแผ่นดินใหญ่ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1949 เมื่อเหมา เจ๋อตง บนเทียนอันเหมินหลังพรรคคอมมิวนิสต์จีน (ค.ศ. 1949) ในสงครามกลางเมืองจีน สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นหน่วยงานทางการเมืองล่าสุดที่ปกครองจีนแผ่นดินใหญ่ โดยปกครองต่อจากสาธารณรัฐจีน (1912–1949) และราชวงศ์ของจักรพรรดิพันกว่าปี ผู้นำสูงสุดของจีนได้แก่เหมา เจ๋อตุง (1949–1976); ฮฺว่า กั๋วเฟิง (1976–1978); เติ้ง เสี่ยวผิง (1978–1989); เจียง เจ๋อหมิน (1989–2002); หู จิ่นเทา (2002–2012) และสี จิ้นผิง (2012 ถึงปัจจุบัน)
ต้นกำเนิดของสาธารณรัฐประชาชนสามารถสืบได้ถึงที่ประกาศใน ค.ศ. 1931 ที่ มณฑลเจียงซี โดยได้รับการสนับสนุนจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพทั้งมวลในสหภาพโซเวียต ในช่วงสงครามกลางเมืองจีนต่อรัฐบาลชาตินิยม แต่กลับยุบเลิกใน ค.ศ. 1937
ในสมัยการปกครองของเหมา ประเทศจีนได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงทางสังคมนิยมจากสังคมชาวนาแบบดั้งเดิม เอนเอียงไปทางภายใต้ ในขณะที่นโยบายอย่างการก้าวกระโดดไกลไปข้างหน้าและการปฏิวัติทางวัฒนธรรมสร้างความหายนะไปทั่วทั้งประเทศ การปฏิรูปเศรษฐกิจที่นำโดยเติ้ง เสี่ยวผิงตั้งแต่ ค.ศ. 1978 นำพาจีนไปสู่เศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุด โดยมีความเชี่ยวชาญพิเศษในส่วนของโรงงานที่ให้ผลผลิตสูง และเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีชั้นสูงบางด้าน ส่วนในระดับโลก หลังจากสหภาพโซเวียตในคริสต์ศตวรรษ 1950 จีนกลายเป็นศัตรูของสหภาพโซเวียตจนกระทั่งในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1989 ในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ความมั่งคั่งและเทคโนโลยีใหม่นำไปสู่การแข่งขันเพื่อความเป็นอันดับหนึ่งในกิจการเอเชีย ปะทะกับอินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐ และสงครามการค้ากับสหรัฐที่เติบโตขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 2017
เหมา เจ๋อตง (ค.ศ. 1949–1976)
การปฏิรูปวัฒนธรรมในช่วงแรก
เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้าปกครองประเทศ ได้มีการเปลี่ยนแปลงธงชาติ เพลงชาติ วันชาติจากเดิมวันที่10 ตุลาคม มาเป็นวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี สัญลักษณ์ของพรรคก๊กมินตั๋งถูกทำลายและสั่งห้าม
ส่วนในด้านภาษา เมื่อได้มีการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้น รัฐบาลกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ประดิษฐ์อักษรตัวย่อที่เรียกว่า อักษรจีนตัวย่อ ขึ้นมาใช้แทนอักษรจีนตัวเต็มที่เป็นแบบโบราณและดั้งเดิมกลายเป็นอักษรภาษาจีนใหม่ ตัวอักษรดังกล่าวถูกต่อต้านโดยรัฐบาลสาธารณรัฐจีน (ก๊กมินตั๋ง) ที่อยู่บนเกาะไต้หวัน เห็นว่าอักษรจีนตัวย่อเป็นของคอมมิวนิสต์ซึ่งทำลายอักษรจีนที่มีคุณค่าทางจิตวิญญาณและศิลปะวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม รัฐบาลสาธารณรัฐจีนจึงยังคงอนุรักษ์และใช้อักษรจีนตัวเต็ม ส่วนในสาธารณรัฐประชาชนจีนจึงหันมาใช้อักษรจีนตัวย่อจวบจนปัจจุบัน
สงครามเกาหลี
หลังจากที่มีการแบ่งเกาหลีเป็น 2 ส่วนหลังสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 คิม อิล-ซ็อง ผู้นำเกาหลีเหนือมีความมุ่งมั่นที่จะรวมประเทศด้วยการใช้กำลัง จีนได้เข้ามามีส่วนสนับสนุนให้เกาหลีเหนือบุกเกาหลีใต้ในวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 1950 ในโลกทัศน์ของเหมา เจ๋อตง การเผชิญหน้ากับโลกทุนนิยมที่นำโดยสหรัฐอเมริกาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งยังจะเป็นประโยชน์ต่อการปลุกระดมมวลชนให้มีจิตสำนึกของการปฏิวัติตลอดกาลอีกด้วย จีนในต้นยุคสงครามเย็นจึงดำเนินนโยบาย “เอียงเข้าข้างหนึ่ง” (lean to one side) โดยลงนามในสนธิสัญญาพันธมิตรกับสหภาพโซเวียตเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1950 และในช่วงกลางปี ค.ศ. 1949 ถึงต้น ค.ศ. 1950 จีนได้อนุญาตให้ทหารเกาหลีเหนือที่มาช่วยรบในสงครามกลางเมืองจีนจำนวนราว 50,000 คนเดินทางกลับประเทศได้ ซึ่งต่อมาทหารเหล่านี้ส่วนหนึ่งกลายเป็นกองพลที่ 5 แห่งกองทัพประชาชนเกาหลีที่ตั้งมั่นอยู่ใกล้เส้นขนานที่ 38 จึงเท่ากับว่าจีนมีส่วนสนับสนุนให้เกิดสงครามครั้งนี้
ในวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 1950 ประธานาธิบดีแฮร์รี เอส ทรูแมน (Harry S. Truman) แห่งสหรัฐ ได้มีคำสั่งให้กองเรือที่ 7 เคลื่อนพลไปยังช่องแคบไต้หวันเพื่อคุ้มครองรัฐบาลก๊กมินตั๋ง จึงเท่ากับเป็นการขัดขวางแผนการบุกไต้หวันของเหมา ต่อมาในวันที่ 15 กันยายนของปีเดียวกัน กองทัพสหประชาชาตินำโดยจอมพลดักลาส แมกอาเธอร์ (Douglas McArthur) ได้ยกพลขึ้นบกที่เมืองอินช็อน และเมื่อถึงสิ้นเดือนนั้นก็สามารถขับไล่ทหารเกาหลีเหนือกลับขึ้นไปจนข้ามเส้นขนานที่ 38 ยึดกรุงเปียงยางของเกาหลีเหนือ และมุ่งหน้าทิศเหนือสู่แม่น้ำยาลฺวี่ที่ติดกับพรมแดนของจีน คิม อิล-ซ็อง จึงได้เรียกทูตจีนประจำเกาหลีเหนือเข้าพบในวันที่ 1 ตุลาคม เพื่อขอให้จีนส่งทหารมาช่วย และได้ส่งปัก อิลยู (Pak Il U) เดินทางไปยังกรุงปักกิ่งเพื่อยื่นจดหมายที่เขาเขียนด้วยลายมือตนเองให้กับเหมา ต่อมาในวันที่ 4 ตุลาคม เหมาจึงเรียกประชุมคณะกรรมาธิการกรมการเมืองอย่างเร่งด่วน เพื่อขอมติส่งทหารไปช่วยเกาหลี ถือเป็นสงครามนอกประเทศครั้งแรกหลังจากที่ได้สถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนที่เพิ่งก่อตั้งได้เพียง 1 ปีเท่านั้น โดยรัฐบาลกลางนำโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนส่งทหารเข้าร่วมสงครามเกาหลีกว่า 1,350,000 นายโดยประมาณ ซึ่งมีผลอย่างมากในสงครามเกาหลี
จอมพลเผิง เต๋อหวย ซึ่งเป็นหนึ่งในเสียงข้างน้อยที่สนับสนุนการส่งทหารไปช่วยเกาหลีเหนือ ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารและนำกองทัพข้ามแม่น้ำยาลฺวี่ไปช่วยเกาหลีเหนือเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 1950
การเข้าร่วมสงครามเกาหลีของทหารจีนจำนวน 1,350,000 คน มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้เกาหลีเหนือสามารถยึดกรุงเปียงยางกลับคืนมาได้ และขับไล่กองทัพสหประชาชาติลงไปที่เส้นขนานที่ 38 ได้สำเร็จในเดือนมกราคม ค.ศ. 1951 อย่างไรก็ตาม จุดยืนที่แตกต่างกันระหว่างจีนกับเกาหลีเหนือก็ปรากฏขึ้นในระหว่างสงคราม เมื่อเหมาเห็นว่าเป็นการยากที่จะขับไล่กองทัพสหประชาชาติออกไปจากคาบสมุทรเกาหลีได้ทั้งหมด และการที่จีนสามารถขับไล่กองทัพสหประชาชาติลงไปที่เส้นขนานที่ 38 ได้สำเร็จก็นับว่าเป็นชัยชนะแล้ว หากแต่คิม อิล-ซ็อง ผู้ก่อสงครามนั้นถือว่าชัยชนะสำหรับเขาจะต้องหมายถึงการรวมประเทศให้เป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น แต่เนื่องจากคิมมีกำลังทหารน้อยกว่าจึงต้องยอมตามที่เหมาต้องการ โดยในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1953 มีการทำข้อตกลงสงบศึกระหว่างกองทัพจีนและกองทัพเกาหลีเหนือฝ่ายหนึ่งกับกองทัพสหประชาชาติอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเท่ากับว่าเกาหลียังคงแบ่งเป็นเหนือกับใต้ตามเดิม เพียงแต่มีการเปลี่ยนแปลงเส้นเขตแดนเล็กน้อยเท่านั้น
ความล้มเหลวในการใช้กำลังรวมประเทศของคิม อิล-ซ็อง ทำให้กลุ่มของโช ชาง-อิก (Choe Chang-Ik) ลุกขึ้นมาท้าทายอำนาจของเขาในพรรค กลุ่มดังกล่าวมีชื่อเรียกว่ากลุ่มเอี๋ยนอัน (The Yan’an Group) เนื่องจากสมาชิกในกลุ่มจำนวนมากเคยทำงานร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนสมัยที่ยังตั้งมั่นอยู่ที่เมืองเอี๋ยนอันในมณฑลฉ่านซี พวกเขาจึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้นำของจีนมากกว่าที่คิม อิล-ซ็องมี แต่แล้วในปี ค.ศ. 1956 ความเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ก็ล้มเหลวและมีสมาชิกบางส่วนลี้ภัยไปยังจีน เหมาเจ๋อตงจึงส่งจอมพลเผิง เต๋อหวย และจอมพลเนี่ย หรงเจิน (Nie Rongzhen) เดินทางไปเกาหลีเหนือเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 1957 เพื่อเจรจาขอให้คิม อิล-ซ็อง รับผู้ลี้ภัยเหล่านี้กลับเป็นสมาชิกพรรคตามเดิม ซึ่งก็สำเร็จเพียงชั่วเวลาสั้น ๆ เท่านั้น เพราะการแทรกแซงจากจีนเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเอี๋ยนอันรวมถึงการที่จีนยังคงทหารเกือบ 500,000 คนเอาไว้ในเกาหลีเหนือหลังสงครามเกาหลีทำให้คิมเกรงว่าจีนอาจเป็นปัจจัยที่บั่นทอนอำนาจทางการเมืองของเขา ดังนั้นในปลายปีนั้นเองเขาได้ทำการกวาดล้างกลุ่มเอี๋ยนอันอีกครั้งและเรียกร้องให้จีนเคารพอำนาจอธิปไตยของเกาหลีเหนือด้วยการถอนทหารออกไป จีนจึงยอมถอนทหารทั้งหมดใน ค.ศ. 1958 เหตุการณ์นี้ทำให้สถานะความเป็นผู้นำของคิมนั้นดูเป็นอิสระจากจีนมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทหารจีนที่คงอยู่ในเกาหลีเหนือจนถึง ค.ศ. 1958 มีบทบาทสำคัญในการเป็นแรงงานช่วยฟื้นฟูบูรณะเกาหลีเหนือหลังสงคราม และจีนยังให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกาหลีเหนืออีกด้วย เมื่อคิม อิล-ซ็องเดินทางไปเยือนจีนในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1953 จีนได้ตกลงให้เงินกู้เป็นจำนวน 800,000,000 หยวน และเงินช่วยเหลือที่จีนให้แก่เกาหลีเหนือใน ค.ศ. 1954 คิดเป็นร้อยละ 3.4 ของงบประมาณของจีนในปีนั้น ต่อมาใน ค.ศ. 1958 จีนยังให้เงินกู้แก่เกาหลีเหนืออีก 25,000,000 เหรียญสหรัฐ และช่วยสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำอึนบ็อง (Unbong) บนแม่น้ำยาลฺวี่อีกด้วย ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าแม้จะมีความขัดแย้งกันในช่วงระหว่างสงครามและหลังสงคราม หากแต่โดยรวมแล้วจีนยังคงต้องการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับเกาหลีเหนือเอาไว้และเกาหลีเหนือก็เล็งเห็นถึงความสำคัญที่ต้องพึ่งพาจีนอย่างมาก
เติ้ง เสี่ยวผิง (ค.ศ. 1976–1989)
เหมา เจ๋อตุง ถึงแก่ความตายและในที่สุด เติ้ง เสี่ยวผิง ก็ได้เป็นผู้นำของสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1980 จีนที่ลงทุนเพื่อทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นและใช้นโยบายซึ่งเริ่มต้นติดตามกับแห่งอุตสาหกรรมทำให้จุดมุ่งหมายดีขึ้นที่คอนโทรลการปกครองในเซ็กเตอร์แห่งอุตสาหกรรมบนมรดกของหัวข้อของ เหมา เจ๋อตุง เติ้ง เสี่ยวผิง มีแนวความคิดของโดยใช้ เซินเจิ้นเป็นเขตเศรษฐกิจแรกของประเทศที่ซึ่งลงทุนต่างประเทศจะถูกยอมเพื่อไหลในโดยปราศจากการยับยั้งการปกครองเคร่งครัดและข้อบังคับการวิ่งในระบบทุนนิยมอย่างง่าย เติ้ง เสี่ยวผิง เน้นวางบนอุตสาหกรรมที่สว่างเป็นหินที่ก้าวเพื่อการพัฒนาของอุตสาหกรรมหนักการสนับสนุนของ เติ้ง เสี่ยวผิง ทำให้เศรษฐกิจจีนดีขึ้นชี้การพัฒนารวดเร็วของเศรษฐกิจจีน
การเติบโตทางเศรษฐกิจภาคใต้ของจีน (ค.ศ. 1989–2002)
นำโดยเจียง เจ๋อหมิน เป็นเศรษฐกิจที่เติบโตทั้ง ๆ ที่การห้ามนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศโดยในปี ค.ศ. 1990 เจียง เจ๋อหมิน ทำให้วิสัยทัศน์ของเติ้ง เสี่ยวผิง ที่ไกลกว่าสำหรับระบบสังคมนิยมกับคนจีนในเวลาเดียวกัน เจียง เจ๋อหมินปรับระยะเวลาที่ดำเนินต่อไปขี้นในการรับสินบนทางสังคมผลกำไรเป็นได้ถูกปิดเพื่อทำวิธีสำหรับแข่งขันกันมากขึ้นการลงทุนอย่างภายในและต่างประเทศที่จัดเตรียมไว้พร้อมระบบความผาสุกทางสังคมถูกใส่ในการทดสอบจริงจัง เจียง เจ๋อหมิน ยังเน้นหนักวางบนความก้าวหน้าแบบ เช่น การค้นหาช่องว่างเพื่อทนรับการบริโภคมนุษย์กว้างใหญ่การดึงดูดการสนับสนุนและคำวิจารณ์แพร่หลายมลพิษทางสิ่งแวดล้อมกลายเป็นปัญหาจริงจังมากเป็นที่ปักกิ่งบ่อย
สาธารณรัฐประชาชนจีน (ค.ศ. 2002–ปัจจุบัน)
วิกฤตกาลหลักแรกที่จีนเผชิญในศตวรรษที่ 21 เป็นการก่อกำเนิดใหม่ของผู้นำนำโดยหู จิ่นเทา คือสมมุติว่าพลังที่รวมอยู่ด้วยวิกฤตกาลสาธารณสุขสงครามบนความตกใจกลัววาดประเทศแต่ถูกวิจารณ์เป็นข้ออ้างสำหรับการแสดงว่าถูกต้องการติดแสตมป์ออกจากซินเจียง โจรแยกดินแดนทำให้เศรษฐกิจดำเนินต่อไปเพื่อเติบโตในหมายเลขหลักเป็นการพัฒนาของพื้นที่ในถิ่นชนบทกลายเป็นที่สนใจหลักของนโยบายการปกครองในขั้นตอนทีละน้อยเพื่อรวมเป็นปึกแผ่นพลังของเขา หู จิ่นเทา หัวหน้างานสังสรรค์เอาเซี่ยงไฮ้เป็นศูนย์กลางการค้าของจีน
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- Klaus Mühlhahn, Making China Modern: From the Great Qing to Xi Jinping (Harvard UP, 2019) pp 1–20.
- Qi'an, Zhang (张启安), Cradle of the Republic: The Chinese Soviet Republic (共和国摇篮: 中华苏维埃共和国), Xi'an: Shaanxi People's Press, 2003 [1]
- Shen, Zhihua, บ.ก. (2020). A Short History of Sino-Soviet Relations, 1917–1991. China Connections. doi:10.1007/978-981-13-8641-1. ISBN . S2CID 241226106.
- "That time Mao declared independence from China". 28 March 2017.
- Jonathan Fenby, The Penguin History of Modern China: The Fall and Rise of a Great Power 1850 to the Present (2019).
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
prawtisastrsatharnrthprachachncin ihraylaexiydprawtisastrcinaephndinihytngaetwnthi 1 tulakhm kh s 1949 emuxehma ecxtng bnethiynxnehminhlngphrrkhkhxmmiwnistcin kh s 1949 insngkhramklangemuxngcin satharnrthprachachncinepnhnwynganthangkaremuxnglasudthipkkhrxngcinaephndinihy odypkkhrxngtxcaksatharnrthcin 1912 1949 aelarachwngskhxngckrphrrdiphnkwapi phunasungsudkhxngcinidaekehma ecxtung 1949 1976 h wa kwefing 1976 1978 eting esiywphing 1978 1989 eciyng ecxhmin 1989 2002 hu cinetha 2002 2012 aelasi cinphing 2012 thungpccubn tnkaenidkhxngsatharnrthprachachnsamarthsubidthungthiprakasin kh s 1931 thi mnthleciyngsi odyidrbkarsnbsnuncakphrrkhkhxmmiwnistaehngshphaphthngmwlinshphaphosewiyt inchwngsngkhramklangemuxngcintxrthbalchatiniym aetklbyubelikin kh s 1937 insmykarpkkhrxngkhxngehma praethscinidphankarepliynaeplngthangsngkhmniymcaksngkhmchawnaaebbdngedim exnexiyngipthangphayit inkhnathinoybayxyangkarkawkraoddiklipkhanghnaaelakarptiwtithangwthnthrrmsrangkhwamhaynaipthwthngpraeths karptirupesrsthkicthinaodyeting esiywphingtngaet kh s 1978 naphacinipsuesrsthkicthiihyepnxndbsxngkhxngolk aelaepnhnunginpraethsthimiesrsthkicetiboterwthisud odymikhwamechiywchayphiessinswnkhxngorngnganthiihphlphlitsung aelaepnphunaindanethkhonolyichnsungbangdan swninradbolk hlngcakshphaphosewiytinkhriststwrrs 1950 cinklayepnstrukhxngshphaphosewiytcnkrathngineduxnphvsphakhm kh s 1989 inkhriststwrrsthi 21 khwammngkhngaelaethkhonolyiihmnaipsukaraekhngkhnephuxkhwamepnxndbhnunginkickarexechiy pathakbxinediy yipun aelashrth aelasngkhramkarkhakbshrththietibotkhuntngaet kh s 2017ehma ecxtng kh s 1949 1976 karptirupwthnthrrminchwngaerk emuxphrrkhkhxmmiwnistcinekhapkkhrxngpraeths idmikarepliynaeplngthngchati ephlngchati wnchaticakedimwnthi10 tulakhm maepnwnthi 1 tulakhmkhxngthukpi sylksnkhxngphrrkhkkmintngthukthalayaelasngham swnindanphasa emuxidmikarsthapnasatharnrthprachachncinkhun rthbalklangphrrkhkhxmmiwnistcinidpradisthxksrtwyxthieriykwa xksrcintwyx khunmaichaethnxksrcintwetmthiepnaebbobranaeladngedimklayepnxksrphasacinihm twxksrdngklawthuktxtanodyrthbalsatharnrthcin kkmintng thixyubnekaaithwn ehnwaxksrcintwyxepnkhxngkhxmmiwnistsungthalayxksrcinthimikhunkhathangcitwiyyanaelasilpawthnthrrmcindngedim rthbalsatharnrthcincungyngkhngxnurksaelaichxksrcintwetm swninsatharnrthprachachncincunghnmaichxksrcintwyxcwbcnpccubn sngkhramekahli thharcin kxngthphprachachnxasa insngkhramekahli hlngcakthimikaraebngekahliepn 2 swnhlngsinsngkhramolkkhrngthi 2 khim xil sxng phunaekahliehnuxmikhwammungmnthicarwmpraethsdwykarichkalng cinidekhamamiswnsnbsnunihekahliehnuxbukekahliitinwnthi 25 mithunayn kh s 1950 inolkthsnkhxngehma ecxtng karephchiyhnakbolkthunniymthinaodyshrthxemrikaepnsingthihlikeliyngimid xikthngyngcaepnpraoychntxkarplukradmmwlchnihmicitsanukkhxngkarptiwtitlxdkalxikdwy cinintnyukhsngkhrameyncungdaeninnoybay exiyngekhakhanghnung lean to one side odylngnaminsnthisyyaphnthmitrkbshphaphosewiytemuxeduxnkumphaphnth kh s 1950 aelainchwngklangpi kh s 1949 thungtn kh s 1950 cinidxnuyatihthharekahliehnuxthimachwyrbinsngkhramklangemuxngcincanwnraw 50 000 khnedinthangklbpraethsid sungtxmathharehlaniswnhnungklayepnkxngphlthi 5 aehngkxngthphprachachnekahlithitngmnxyuiklesnkhnanthi 38 cungethakbwacinmiswnsnbsnunihekidsngkhramkhrngni inwnthi 27 mithunayn kh s 1950 prathanathibdiaehrri exs thruaemn Harry S Truman aehngshrth idmikhasngihkxngeruxthi 7 ekhluxnphlipyngchxngaekhbithwnephuxkhumkhrxngrthbalkkmintng cungethakbepnkarkhdkhwangaephnkarbukithwnkhxngehma txmainwnthi 15 knyaynkhxngpiediywkn kxngthphshprachachatinaodycxmphldklas aemkxaethxr Douglas McArthur idykphlkhunbkthiemuxngxinchxn aelaemuxthungsineduxnnnksamarthkhbilthharekahliehnuxklbkhunipcnkhamesnkhnanthi 38 yudkrungepiyngyangkhxngekahliehnux aelamunghnathisehnuxsuaemnayal withitidkbphrmaednkhxngcin khim xil sxng cungideriykthutcinpracaekahliehnuxekhaphbinwnthi 1 tulakhm ephuxkhxihcinsngthharmachwy aelaidsngpk xilyu Pak Il U edinthangipyngkrungpkkingephuxyuncdhmaythiekhaekhiyndwylaymuxtnexngihkbehma txmainwnthi 4 tulakhm ehmacungeriykprachumkhnakrrmathikarkrmkaremuxngxyangerngdwn ephuxkhxmtisngthharipchwyekahli thuxepnsngkhramnxkpraethskhrngaerkhlngcakthiidsthapnasatharnrthprachachncinthiephingkxtngidephiyng 1 piethann odyrthbalklangnaodyphrrkhkhxmmiwnistcinsngthharekharwmsngkhramekahlikwa 1 350 000 nayodypraman sungmiphlxyangmakinsngkhramekahli cxmphlephing etxhwy sungepnhnunginesiyngkhangnxythisnbsnunkarsngthharipchwyekahliehnux kidrbaetngtngepnphubychakarthharaelanakxngthphkhamaemnayal wiipchwyekahliehnuxemuxwnthi 18 tulakhm kh s 1950 karekharwmsngkhramekahlikhxngthharcincanwn 1 350 000 khn miswnsakhyxyangyingthithaihekahliehnuxsamarthyudkrungepiyngyangklbkhunmaid aelakhbilkxngthphshprachachatilngipthiesnkhnanthi 38 idsaercineduxnmkrakhm kh s 1951 xyangirktam cudyunthiaetktangknrahwangcinkbekahliehnuxkpraktkhuninrahwangsngkhram emuxehmaehnwaepnkaryakthicakhbilkxngthphshprachachatixxkipcakkhabsmuthrekahliidthnghmd aelakarthicinsamarthkhbilkxngthphshprachachatilngipthiesnkhnanthi 38 idsaercknbwaepnchychnaaelw hakaetkhim xil sxng phukxsngkhramnnthuxwachychnasahrbekhacatxnghmaythungkarrwmpraethsihepnhnungediywethann aetenuxngcakkhimmikalngthharnxykwacungtxngyxmtamthiehmatxngkar odyineduxnkrkdakhm kh s 1953 mikarthakhxtklngsngbsukrahwangkxngthphcinaelakxngthphekahliehnuxfayhnungkbkxngthphshprachachatixikfayhnung sungethakbwaekahliyngkhngaebngepnehnuxkbittamedim ephiyngaetmikarepliynaeplngesnekhtaednelknxyethann khwamlmehlwinkarichkalngrwmpraethskhxngkhim xil sxng thaihklumkhxngoch chang xik Choe Chang Ik lukkhunmathathayxanackhxngekhainphrrkh klumdngklawmichuxeriykwaklumexiynxn The Yan an Group enuxngcaksmachikinklumcanwnmakekhythanganrwmkbphrrkhkhxmmiwnistcinsmythiyngtngmnxyuthiemuxngexiynxninmnthlchansi phwkekhacungmikhwamsmphnthiklchidkbphunakhxngcinmakkwathikhim xil sxngmi aetaelwinpi kh s 1956 khwamekhluxnihwkhxngklumniklmehlwaelamismachikbangswnliphyipyngcin ehmaecxtngcungsngcxmphlephing etxhwy aelacxmphleniy hrngecin Nie Rongzhen edinthangipekahliehnuxemuxeduxnknyayn kh s 1957 ephuxecrcakhxihkhim xil sxng rbphuliphyehlaniklbepnsmachikphrrkhtamedim sungksaercephiyngchwewlasn ethann ephraakaraethrkaesngcakcinephuxchwyehluxklumexiynxnrwmthungkarthicinyngkhngthharekuxb 500 000 khnexaiwinekahliehnuxhlngsngkhramekahlithaihkhimekrngwacinxacepnpccythibnthxnxanacthangkaremuxngkhxngekha dngnninplaypinnexngekhaidthakarkwadlangklumexiynxnxikkhrngaelaeriykrxngihcinekharphxanacxthipitykhxngekahliehnuxdwykarthxnthharxxkip cincungyxmthxnthharthnghmdin kh s 1958 ehtukarnnithaihsthanakhwamepnphunakhxngkhimnnduepnxisracakcinmakyingkhun xyangirktam thharcinthikhngxyuinekahliehnuxcnthung kh s 1958 mibthbathsakhyinkarepnaerngnganchwyfunfuburnaekahliehnuxhlngsngkhram aelacinyngihkhwamchwyehluxthangkarenginaekekahliehnuxxikdwy emuxkhim xil sxngedinthangipeyuxncinineduxnphvscikayn kh s 1953 cinidtklngihenginkuepncanwn 800 000 000 hywn aelaenginchwyehluxthicinihaekekahliehnuxin kh s 1954 khidepnrxyla 3 4 khxngngbpramankhxngcininpinn txmain kh s 1958 cinyngihenginkuaekekahliehnuxxik 25 000 000 ehriyyshrth aelachwysrangorngiffaphlngnaxunbxng Unbong bnaemnayal wixikdwy thnghmdniaesdngihehnwaaemcamikhwamkhdaeyngkninchwngrahwangsngkhramaelahlngsngkhram hakaetodyrwmaelwcinyngkhngtxngkarrksakhwamsmphnthxndikbekahliehnuxexaiwaelaekahliehnuxkelngehnthungkhwamsakhythitxngphungphacinxyangmaketing esiywphing kh s 1976 1989 ehma ecxtung thungaekkhwamtayaelainthisud eting esiywphing kidepnphunakhxngsatharnrthprachachncininpi 1980 cinthilngthunephuxthaihesrsthkicdikhunaelaichnoybaysungerimtntidtamkbaehngxutsahkrrmthaihcudmunghmaydikhunthikhxnothrlkarpkkhrxnginesketxraehngxutsahkrrmbnmrdkkhxnghwkhxkhxng ehma ecxtung eting esiywphing miaenwkhwamkhidkhxngodyich esinecinepnekhtesrsthkicaerkkhxngpraethsthisunglngthuntangpraethscathukyxmephuxihlinodyprascakkarybyngkarpkkhrxngekhrngkhrdaelakhxbngkhbkarwinginrabbthunniymxyangngay eting esiywphing ennwangbnxutsahkrrmthiswangepnhinthikawephuxkarphthnakhxngxutsahkrrmhnkkarsnbsnunkhxng eting esiywphing thaihesrsthkiccindikhunchikarphthnarwderwkhxngesrsthkiccinkaretibotthangesrsthkicphakhitkhxngcin kh s 1989 2002 naodyeciyng ecxhmin epnesrsthkicthietibotthng thikarhamnaekhasinkhacaktangpraethsodyinpi kh s 1990 eciyng ecxhmin thaihwisythsnkhxngeting esiywphing thiiklkwasahrbrabbsngkhmniymkbkhncininewlaediywkn eciyng ecxhminprbrayaewlathidaenintxipkhininkarrbsinbnthangsngkhmphlkairepnidthukpidephuxthawithisahrbaekhngkhnknmakkhunkarlngthunxyangphayinaelatangpraethsthicdetriymiwphrxmrabbkhwamphasukthangsngkhmthukisinkarthdsxbcringcng eciyng ecxhmin yngennhnkwangbnkhwamkawhnaaebb echn karkhnhachxngwangephuxthnrbkarbriophkhmnusykwangihykardungdudkarsnbsnunaelakhawicarnaephrhlaymlphisthangsingaewdlxmklayepnpyhacringcngmakepnthipkkingbxysatharnrthprachachncin kh s 2002 pccubn wikvtkalhlkaerkthicinephchiyinstwrrsthi 21 epnkarkxkaenidihmkhxngphunanaodyhu cinetha khuxsmmutiwaphlngthirwmxyudwywikvtkalsatharnsukhsngkhrambnkhwamtkicklwwadpraethsaetthukwicarnepnkhxxangsahrbkaraesdngwathuktxngkartidaestmpxxkcaksineciyng ocraeykdinaednthaihesrsthkicdaenintxipephuxetibotinhmayelkhhlkepnkarphthnakhxngphunthiinthinchnbthklayepnthisnichlkkhxngnoybaykarpkkhrxnginkhntxnthilanxyephuxrwmepnpukaephnphlngkhxngekha hu cinetha hwhnangansngsrrkhexaesiyngihepnsunyklangkarkhakhxngcinduephimprawtisastrcinxangxingKlaus Muhlhahn Making China Modern From the Great Qing to Xi Jinping Harvard UP 2019 pp 1 20 Qi an Zhang 张启安 Cradle of the Republic The Chinese Soviet Republic 共和国摇篮 中华苏维埃共和国 Xi an Shaanxi People s Press 2003 1 Shen Zhihua b k 2020 A Short History of Sino Soviet Relations 1917 1991 China Connections doi 10 1007 978 981 13 8641 1 ISBN 978 981 13 8640 4 S2CID 241226106 That time Mao declared independence from China 28 March 2017 Jonathan Fenby The Penguin History of Modern China The Fall and Rise of a Great Power 1850 to the Present 2019 bthkhwamprawtisastrniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk