บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
ประวัติของคิลต์ (อังกฤษ: History of the kilt) เริ่มขึ้นอย่างน้อยก็ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 แม้ว่าคิลต์จะเป็นเครื่องแต่งกายตามประเพณีของ (Scottish highlands) แต่ (Romantic nationalism) ของธรรมเนียมนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ นอกจากนั้นการแต่งตัวด้วยคิลต์มิได้กระทำกันแต่โดยสกอตที่ราบสูงแต่ยังโดยชาว (Scottish Lowlands) และโดย (Scottish Diaspora) เพื่อเป็นเครื่องหมายในการแสดงความเป็นสกอต มาจนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19[] ผู้คนในประเทศอื่นที่มีเชื้อสายเคลต์ที่รวมทั้งไอริช คอร์นิช เวลช์ และแมงซ์ ก็มาใช้คิลต์ลายสกอตกันเมื่อไม่นานมานี้แต่ก็ไม่มากนัก
คิลต์ในระยะแรกเป็น “คิลต์ใหญ่” (great kilt) ที่มีความยาวเต็มตัวที่ท่อนบนใช้พันรอบไหล่หรือดึงมาคลุมตัวหรือคลุมหัวได้ ส่วน “คิลต์สั้น” (small kilt) หรือ “คิลต์เดินทาง” (walking kilt) (คล้ายกับคิลต์สมัยใหม่) มิได้เริ่มใช้กันจนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 หรือต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18[] ซึ่งเป็นตอนล่างคิลต์ใหญ่[]
คำว่า “คิลต์” มาจากภาษาสกอตที่แปลว่าผ้าที่เหน็บรอบตัว ที่แผลงมาจากภาษานอร์สโบราณ “kjalta” ที่เข้ามากับผู้เข้ามาตั้งถิ่นฐานชาวนอร์สผู้แต่งตัวด้วยทาร์ทันจีบที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน
คิลต์ใหญ่
คิลต์ใหญ่ หรือ “Breacan an Fhéilidh” หรือ “Féileadh Mòr” อาจจะวิวัฒนาการขึ้นในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 16 จากเนื้อผ้าขนสัตว์ของสมัยก่อนหน้านั้นที่เป็นลายสาน (plaid) ที่ใช้ใส่นอกทูนิกหรือเสื้อชั้นใน (Chemise) ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับที่ใช้ในไอร์แลนด์ ผ้าคลุมในระยะแรกนี้อาจจะเป็นสีพื้นหรือเป็นลายสานทาร์ทันที่ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้สวม ลักษณะการแต่งตัวนี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเท่าใดนักจากสิ่งที่นักรบเคลติคสวมในสมัยโรมัน
ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 16 เมื่อขนแกะมีเหลือเฟือขึ้นผ้าที่ใช้ผืนที่ใช้ก็มีขนาดใหญ่ขึ้นจนต้องทำการจีบและเหน็บและคาดด้วยเข็มขัด ผ้าที่ใช้ในการแต่งตัวด้วยเข็มขัดเดิมเป็นนำเอาผ้าสองชิ้นที่แต่ละผืนมีความกว้างเท่ากับกี่มาเย็บติดต่อกันที่ทำให้กว้างราว 54 ถึง 60 นิ้วและยาวราว 6.4 เมตร ที่เรียกว่าคิลต์ใหญ่ที่ใช้จีบด้วยมือเป็นพลีทและคาดด้วยเข็มขัดเพื่อไม่ให้หลุด ส่วนบนใช้พันรอบไหล่ซ้าย ห้อยเลยลงมาต่ำกว่าเข็มขัด และพันด้านหน้า หรือพันรอบไหล่หรือศีรษะเพื่อกันลมหรือฝน คิลต์ใช้สวมบนเสื้อชั้นในโคร่งที่ยาวเลยเอวลงมาเล็กน้อย และสามารถใช้เป็นผ้าห่มได้ด้วย เสื้อชั้นในสีพื้นของชาวไอริชใช้จุ่มในไขมันห่านเพื่อทำให้กันน้ำได้
จากคำบรรยายจาก ค.ศ. 1746 กล่าวว่า:
- "ผ้าที่ใช้เป็นผ้าที่เป็นชิ้นที่สามารถใช้ในการเดินทางได้อย่างรวดเร็ว กันภาวะอากาศต่างๆ ลุยน้ำ ปกป้องตนเอง ซึ่งเสื้อผ้าของผู้คนทางใต้ไม่อาจจะทนทานได้"[]
ตามประเพณีแล้วเมื่อมีการต่อสู้ ผู้เข้าต่อสู้ก็จะปลดคิลต์วางไว้ทางหนึ่ง และใส่แต่เสื้อชั้นในในการต่อสู้ คิลต์ใหญ่เริ่มใช้กันเมื่อใดก็ยังเป็นเรื่องที่โต้เถียงกันอยู่ บ้างก็ว่าเริ่มใช้กันมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16t ภาพแกะสลักก่อนหน้าคริสต์ศตวรรษที่ 16 ดูเหมือนจะเป็นภาพเสื้อที่มีความยาวถึงเข่าที่ทำด้วยหนัง ลินนิน หรือผ้าใบ เป็นจีบเพื่อใช้ในการคลุมกัน หลักฐานจากการบันทึกบรรยายคิลต์ใหญ่ที่มีเข็มขัดคาดมีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1594. คิลต์ใหญ่มักจะเป็นคิลต์ที่เกี่ยวข้องสกอตที่ราบสูง แต่ก็มีบ้างที่ใช้ในชนบทในโลว์แลนด์ การใช้คิลต์ลักษณะนี้ทำกันต่อมาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต่อมาจนถึงทุกวันนี้
คิลต์สั้นหรือคิลต์เดินทาง
ในราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 หรือต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 คิลต์สั้น หรือ “fèileadh beag” หรือ “philabeg” ใช้ผ้ากว้างเท่ากี่สวมแต่ตอนล่างของเข็มขัดและมาเป็นที่นิยมทั้งในที่ราบสูงและทางเหนือของโลว์แลนด์เมื่อมาถึง ค.ศ. 1746 ขณะที่คิลต์ใหญ่ก็ยังคงใช้กันอยู่ คิลต์เล็กวิวัฒนาการมาจากคิลต์ใหญ่ ซึ่งก็คือครึ่งล่างของคิลต์ใหญ่นั่นเอง
จดหมายที่พิมพ์ในวรสาร Edinburgh Magazine ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1785 โดยไอวาน เบลลีกล่าวว่าสิ่งที่เรียกกันว่าคิลต์ในขณะนั้นได้รับการประดิษฐ์ขึ้นราวคริสต์ทศวรรษ 1720 โดยทอมัส รอว์ลินสันจากแลงคาสเชอร์ รอว์ลินสันอ้างว่าตนเองได้ออกแบบคิลต์ใหม่สำหรับชาวที่ราบสูงที่ทำงานในโรงงานผลิตถ่านใหม่ในสกอตแลนด์ หลังจากการรณรงค์ทางทหารของจาโคไบต์ในปี ค.ศ. 1715 รัฐบาลก็เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนจากภายนอกสกอตแลนด์เข้าไปหาผลประโยชน์ในสกอตแลนด์ รอว์ลินสันเป็นนักธุรกิจคนหนึ่งที่ฉวยโอกาสนั้นหาผลประโยชน์ คิลต์ใหญ่ไม่สะดวกต่อการทำงานตัดต้นไม้ซึ่งทำให้รอว์ลินสันต้องนำคิลต์ใหญ่ไปให้ช่างตัดเสื้อดูเพื่อหาวิธีทำให้เป็นเครื่องแต่งกายที่สะดวกแก่การทำงานดีขึ้น ช่างตัดเสื้อก็ตัดครึ่งรอว์ลินสันนำกลับไปเสนอว่าเป็นเครื่องแต่งกายแบบใหม่ และชอบใจเอามากจนเริ่มแต่งตัวด้วยคิลต์เอง ตระกูลแม็คดอนเนลล์แห่งเกลนการ์รีเพื่อนร่วมงานชาวสกอตก็ติดใจและทำตาม
เรื่องเล่านี้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากงานของนักประวัติศาสตร์ฮิวจ์ เทรเวอร์-โรพเพอร์ และจากหลักฐานเมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นว่าทฤษฎีนี้เรื่องล้าสมัย เพราะมีรูปชาวไฮแลนเดอร์ที่แต่งตัวด้วยคิลต์เพียงครึ่งล่างมานานก่อนหน้าที่งรอว์ลินสันจะไปถึงสกอตแลนด์ บางข้อเสนอก็ว่าการใช้มีมาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1690 แต่ที่แน่คือมีการใช้มาตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18
การตรึงจีบเข้ากับคิลต์สั้นเป็นคิลต์สำเร็จเริ่มทำกันใน ค.ศ. 1792 คิลต์นี้ปัจจุบันเป็นของ (Scottish Tartans Society) เป็นคิลต์ชิ้นแรกที่เรียกได้ว่าเป็นคิลต์สมัยใหม่เช่นที่พบกันทุกวันนี้ ก่อนหน้านั้นคิลต์จะพับหรือจีบด้วยมือแทนที่จะอัดกลีบ (pleated) การสร้างคิลต์สำเร็จทำให้การแต่งคิลต์ทำได้รวดเร็วขึ้นและนำมาใช้โดยกองทหารสกอตที่รับราชการในกองทัพของสหราชอาณาจักร คิลต์สำเร็จและเครื่องตกแต่งเข้ามาขยายความนิยมมาในหมู่พลเรือนระหว่างต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 และนิยมกันมาตั้งแต่บัดนั้น
วิวัฒนการของคิลต์
ลักษณะของระบบตระกูล (clan system) เป็นระบบที่สมาชิกของตระกูลจะมีความภักดีอย่างเหนียวแน่นต่อพระเจ้า พระมหากษัตริย์ และประมุขของตระกูลเท่านั้น การปฏิวัติของจาโคไบต์แสดงให้เห็นถึงอันตรายต่อรัฐบาลกลางจากตระกูลนักรบต่างๆ ในที่ราบสูง ซึ่งทำให้รัฐบาลของ พยายามหาวิธีต่างๆ ในการรักษาความมั่นคงของประเทศที่รวมทั้งการออก (Dress Act) ในปี ค.ศ. 1746 ที่ระบุให้การแต่งตัวแบบที่ราบสูงที่รวมทั้งคิลต์เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย (ยกเว้นแต่กองทหารสกอต) เพื่อที่จะพยายามทำลายวัฒนธรรมที่ราบสูง การลงโทษเป็นไปอย่างรุนแรง ถ้าทำผิดครั้งแรกก็จะถูกจำคุกหกเดือน ครั้งที่สองเจ็ดปี พระราชบัญญัตินี้มีผลบังคับใช้อยู่ 35 ปี
ฉะนั้นนอกไปจากทหารที่สวมคิลต์แล้ว การแต่งตัวด้วยคิลต์จึงเลิกทำกันในสกอตที่ราบสูง แต่ในช่วงนั้นคิลต์กลายมาเป็นที่นิยมในบรรดาผู้นิยมในการสวมคิลต์เพื่อเป็นการประท้วงการห้าม ทัศนคตินี้เป็นแนวโน้มที่เห็นว่าชาวที่ราบสูงเป็นชน "บรรพกาล" (primitive) ก่อน ค.ศ. 1745 ชาวโลว์แลนด์มีความหวาดกลัวชาวที่ราบสูง แต่หลังจากชาวที่ราบสูงหมดอำนาจลงชาวโลว์แลนด์ก็หันมาเห็นอกเห็นใจชาวที่ราบสูงและมีความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คิลต์และสิ่งต่างๆ ที่แสดงวัฒนธรรมเกลลิคกลายมาเป็นสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของ (Jacobitism) และในเมื่อหมดความหวาดกลัวชาวที่ราบสูงหายไป ก็ทำให้มามองเห็นชาวที่ราบสูงไปในทางโรแมนติด
เมื่อการห้ามการแต่งตัวแบบชาวที่ราบสูงมายกเลิกในปี ค.ศ. 1782 เจ้าของที่ดินชาวที่ราบสูงก็เริ่มก่อตั้งสมาคมที่ราบสูงที่มีจุดประสงค์ในการปรับปรุงและเผยแพร่การแต่งกายแบบโบราณของที่ราบสูง สมาคมเคลติคแหลเอดินบะระห์ที่มีเป็นประธานสนับสนุนให้เจ้าของที่ดินเข้าร่วมในขบวนการนี้
คิลต์กลายมาเป็นสิ่งที่เป็นเครื่องหมายของสกอตแลนด์ทั้งหมดเมื่อสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 4 แห่งสหราชอาณาจักรเสด็จประพาสสกอตแลนด์ในปี ค.ศ. 1822 แม้ว่าขณะนั้นชาวสกอต 9 ใน 10 ตั้งถิ่นฐานอยู่ในโลว์แลนด์ ชาวสกอตและสมาคมที่ราบสูงจะจัดการ "การชุมนุมของเกล" แต่พยายามวางรากฐานใหม่ของวัฒนธรรมสกอตที่รวมทั้งชาวสกอตโลว์แลนด์โดยการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าตามประเพณีโบราณที่นำมาประยุกต์ ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ก็ได้มีการรื้อฟื้นการใช้ลักษณะลวดลายทาร์ทันเฉพาะในการเป็นเครื่องหมายประจำตระกูล ก่อนหน้านั้นลักษณะลวดลายของทาร์ทันเป็นไปตามท้องถิ่นไม่ได้เป็นของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง
หลังจากนั้นคิลต์ก็กลายเป็นที่นิยมกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมสกอตแลนด์โดยนักโบราณวิทยา (antiquarian) นักโรแมนติค และอื่นๆ ผู้สรรเสริญ “ความโบราณ” และความเป็นธรรมชาติของคิลต์ การแต่งพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 4 ด้วยคิลต์อันหรูหรา และ เมื่อสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียต่อมาทรงแต่งกายมหาดเล็กด้วยคิลต์ก็ยิ่งเป็นการเผยแพร่ความนิยมในการแต่งกายด้วยคิลต์ยิ่งแพร่หลายขึ้น คิลต์จึงกลายมาเป็นส่วนหนึ่ง (Scottish national identity)
การใช้ทางทหาร
ตั้งแต่ ค.ศ. 1624 กองทหารที่ราบสูงก็แต่งตัวด้วยคิลต์ที่ต่อมาเป็น (Scottish regiment) ในปี ค.ศ. 1739 เครื่องแบบคิลต์ใหญ่ทำให้เป็นมาตรฐานด้วยทาร์ทันสีเข้ม
นักปฏิวัติในขบวนการจาโคไบท์ (Jacobitism) หลายคนประยุกต์คิลต์มาใช้เป็นเครื่องแบบอย่างง่ายๆ และใช้โดยผู้สนับสนุนชาวอังกฤษระหว่าง (Jacobite Rising) ในปี ค.ศ. 1745 หลังจากการก่อการรัฐบาลก็ตัดสินใจก่อตั้งกองทหารสกอตแลนด์เพิ่มมากขึ้นเพื่อเป็นการดึง “พลังอันร้อนรนของชนผู้แข็งแกร่ง” กองทหารใหม่ที่ก่อตั้งขึ้นกลายเป็นกองทหารที่มีประสิทธิภาพที่สหราชอาณาจักรส่งไปต่อสู้ในอินเดีย อเมริกาเหนือ และที่อื่นๆ ขณะเดียวกันก็เป็นการลดความคิดที่จะเป็นปฏิปักษ์ต่ออังกฤษในสกอตแลนด์ คิลต์ได้รับการยกเว้นจาก และใช้ลักษณะลวดลายทาร์ทันต่างๆ เป็นทาร์ทันประจำกอง กองทหารใหม่เลือกใช้คิลต์สั้นเป็นเครื่องแบบ และคิลต์ใหญ่เป็นเครื่องแต่งกายนอกเครื่องแบบและก็มายกเลิกไปในคริสต์ศตวรรษที่ 19
กองทหารสกอตแลนด์หลายกองสวมคิลต์ในการต่อสู้ระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่งโดยเฉพาะในการต่อสู้อันดุเดือดของที่ทำให้ได้รับฉายาว่า “สตรีจากนรก” (Ladies from Hell) โดยกองทัพเยอรมัน
คิลต์มาเลิกใช้ในการเป็นเครื่องแบบในสนามรบก่อนหน้าสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1940 ที่ยุทธการดันเคิร์กโดย แห่งกองทหารรักษาพระองค์ที่ราบสูง
อ้างอิง
- "Merriam-Webster Dictionary: kilt". Merriam-Webster Dictionary. สืบค้นเมื่อ 2008-08-01.
- Matthew Allen Newsome, "The Early History of the Kilt" The Scottish Tartans Museum: http://www.scottishtartans.org/kilt.html 2015-03-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Scottish Military History Society. "Introduction to the Lineage of Scotland's Regiments". Lineage of the Scottish Regiments. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-21. สืบค้นเมื่อ 2007-05-06.
{{}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown ()
- Hugh Trevor-Roper, "The Invention of Tradition: The Highland Tradition of Scotland." in The Invention of Tradition ed. Eric Hobsbawm and Terence Ranger. Cambridge: Cambridge University Press, 1983, .
- John Telfer Dunbar, History of highland dress: A definitive study of the history of Scottish costume and tartan, both civil and military, including weapons, .
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ คิลต์
- Heroic and overlooked involvement in Dunkirk evacuation 2007-03-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Irish Air Corps Pipe Band
[[ไฟล์:Lord Mungo Murray c1680.jpg|thumb|right|240px|ประมุขของตระกูลที่ราบสูง
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnixactxngkartrwcsxbtnchbb indaniwyakrn rupaebbkarekhiyn kareriyberiyng khunphaph hruxkarsakd khunsamarthchwyphthnabthkhwamidbthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxha prawtikhxngkhilt xngkvs History of the kilt erimkhunxyangnxyktngaetkhriststwrrsthi 16 aemwakhiltcaepnekhruxngaetngkaytampraephnikhxng Scottish highlands aet Romantic nationalism khxngthrrmeniymniepnsingthiekidkhunihm nxkcaknnkaraetngtwdwykhiltmiidkrathaknaetodyskxtthirabsungaetyngodychaw Scottish Lowlands aelaody Scottish Diaspora ephuxepnekhruxnghmayinkaraesdngkhwamepnskxt macnthungtnkhriststwrrsthi 19 txngkarxangxing phukhninpraethsxunthimiechuxsayekhltthirwmthngixrich khxrnich ewlch aelaaemngs kmaichkhiltlayskxtknemuximnanmaniaetkimmaknkpramukhkhxngtrakulthirabsung lxrdmngok emxreryraw kh s 1680 khiltinrayaaerkepn khiltihy great kilt thimikhwamyawetmtwthithxnbnichphnrxbihlhruxdungmakhlumtwhruxkhlumhwid swn khiltsn small kilt hrux khiltedinthang walking kilt khlaykbkhiltsmyihm miiderimichkncnplaykhriststwrrsthi 17 hruxtnkhriststwrrsthi 18 txngkarxangxing sungepntxnlangkhiltihy txngkarxangxing khawa khilt macakphasaskxtthiaeplwaphathiehnbrxbtw thiaephlngmacakphasanxrsobran kjalta thiekhamakbphuekhamatngthinthanchawnxrsphuaetngtwdwytharthncibthimilksnakhlaykhlungknkhiltihykhiltihy khiltihy hrux Breacan an Fheilidh hrux Feileadh Mor xaccawiwthnakarkhuninrahwangkhriststwrrsthi 16 cakenuxphakhnstwkhxngsmykxnhnannthiepnlaysan plaid thiichisnxkthunikhruxesuxchnin Chemise sungepnlksnaediywkbthiichinixraelnd phakhluminrayaaerknixaccaepnsiphunhruxepnlaysantharthnthikhunxyukbthanakhxngphuswm lksnakaraetngtwnikimidepliynaeplngipethaidnkcaksingthinkrbekhltikhswminsmyormn rahwangkhriststwrrsthi 16 emuxkhnaekamiehluxefuxkhunphathiichphunthiichkmikhnadihykhuncntxngthakarcibaelaehnbaelakhaddwyekhmkhd phathiichinkaraetngtwdwyekhmkhdedimepnnaexaphasxngchinthiaetlaphunmikhwamkwangethakbkimaeybtidtxknthithaihkwangraw 54 thung 60 niwaelayawraw 6 4 emtr thieriykwakhiltihythiichcibdwymuxepnphlithaelakhaddwyekhmkhdephuximihhlud swnbnichphnrxbihlsay hxyelylngmatakwaekhmkhd aelaphndanhna hruxphnrxbihlhruxsirsaephuxknlmhruxfn khiltichswmbnesuxchninokhrngthiyawelyexwlngmaelknxy aelasamarthichepnphahmiddwy esuxchninsiphunkhxngchawixrichichcuminikhmnhanephuxthaihknnaid cakkhabrryaycak kh s 1746 klawwa phathiichepnphathiepnchinthisamarthichinkaredinthangidxyangrwderw knphawaxakastang luyna pkpxngtnexng sungesuxphakhxngphukhnthangitimxaccathnthanid txngkarxangxing tampraephniaelwemuxmikartxsu phuekhatxsukcapldkhiltwangiwthanghnung aelaisaetesuxchnininkartxsu khiltihyerimichknemuxidkyngepneruxngthiotethiyngknxyu bangkwaerimichknmatngaetkhriststwrrsthi 16t phaphaekaslkkxnhnakhriststwrrsthi 16 duehmuxncaepnphaphesuxthimikhwamyawthungekhathithadwyhnng linnin hruxphaib epncibephuxichinkarkhlumkn hlkthancakkarbnthukbrryaykhiltihythimiekhmkhdkhadmimatngaet kh s 1594 khiltihymkcaepnkhiltthiekiywkhxngskxtthirabsung aetkmibangthiichinchnbthinolwaelnd karichkhiltlksnanithakntxmacnthungkhriststwrrsthi 19 aelatxmacnthungthukwnnikhiltsnhruxkhiltedinthangkhilthruxkhxngtrakulaekhmphebll inrawplaykhriststwrrsthi 17 hruxtnkhriststwrrsthi 18 khiltsn hrux feileadh beag hrux philabeg ichphakwangethakiswmaettxnlangkhxngekhmkhdaelamaepnthiniymthnginthirabsungaelathangehnuxkhxngolwaelndemuxmathung kh s 1746 khnathikhiltihykyngkhngichknxyu khiltelkwiwthnakarmacakkhiltihy sungkkhuxkhrunglangkhxngkhiltihynnexng cdhmaythiphimphinwrsar Edinburgh Magazine ineduxnminakhm kh s 1785 odyixwan eblliklawwasingthieriykknwakhiltinkhnannidrbkarpradisthkhunrawkhristthswrrs 1720 odythxms rxwlinsncakaelngkhasechxr rxwlinsnxangwatnexngidxxkaebbkhiltihmsahrbchawthirabsungthithanganinorngnganphlitthanihminskxtaelnd hlngcakkarrnrngkhthangthharkhxngcaokhibtinpi kh s 1715 rthbalkepidoxkasihphulngthuncakphaynxkskxtaelndekhaiphaphlpraoychninskxtaelnd rxwlinsnepnnkthurkickhnhnungthichwyoxkasnnhaphlpraoychn khiltihyimsadwktxkarthangantdtnimsungthaihrxwlinsntxngnakhiltihyipihchangtdesuxduephuxhawithithaihepnekhruxngaetngkaythisadwkaekkarthangandikhun changtdesuxktdkhrungrxwlinsnnaklbipesnxwaepnekhruxngaetngkayaebbihm aelachxbicexamakcnerimaetngtwdwykhiltexng trakulaemkhdxnenllaehngeklnkarriephuxnrwmnganchawskxtktidicaelathatam eruxngelaniepnthiruckknxyangaephrhlay sungmisaehtuswnhnungmacakngankhxngnkprawtisastrhiwc ethrewxr orphephxr aelacakhlkthanemuximnanmaniaesdngihehnwathvsdinieruxnglasmy ephraamirupchawihaelnedxrthiaetngtwdwykhiltephiyngkhrunglangmanankxnhnathingrxwlinsncaipthungskxtaelnd bangkhxesnxkwakarichmimatngaetkhristthswrrs 1690 aetthiaenkhuxmikarichmatngaettnkhriststwrrsthi 18 kartrungcibekhakbkhiltsnepnkhiltsaercerimthaknin kh s 1792 khiltnipccubnepnkhxng Scottish Tartans Society epnkhiltchinaerkthieriykidwaepnkhiltsmyihmechnthiphbknthukwnni kxnhnannkhiltcaphbhruxcibdwymuxaethnthicaxdklib pleated karsrangkhiltsaercthaihkaraetngkhiltthaidrwderwkhunaelanamaichodykxngthharskxtthirbrachkarinkxngthphkhxngshrachxanackr khiltsaercaelaekhruxngtkaetngekhamakhyaykhwamniymmainhmuphleruxnrahwangtnkhriststwrrsthi 19 aelaniymknmatngaetbdnnwiwthnkarkhxngkhiltphaphehmuxnkhxngehnri aerebirninpi kh s 1812smedcphraecacxrcthi 4 aehngshrachxanackrthrngkhiltinpi kh s 1829 lksnakhxngrabbtrakul clan system epnrabbthismachikkhxngtrakulcamikhwamphkdixyangehniywaenntxphraeca phramhakstriy aelapramukhkhxngtrakulethann karptiwtikhxngcaokhibtaesdngihehnthungxntraytxrthbalklangcaktrakulnkrbtang inthirabsung sungthaihrthbalkhxng phyayamhawithitang inkarrksakhwammnkhngkhxngpraethsthirwmthngkarxxk Dress Act inpi kh s 1746 thirabuihkaraetngtwaebbthirabsungthirwmthngkhiltepnkarkrathathiphidkdhmay ykewnaetkxngthharskxt ephuxthicaphyayamthalaywthnthrrmthirabsung karlngothsepnipxyangrunaerng thathaphidkhrngaerkkcathukcakhukhkeduxn khrngthisxngecdpi phrarachbyytinimiphlbngkhbichxyu 35 pi channnxkipcakthharthiswmkhiltaelw karaetngtwdwykhiltcungelikthakninskxtthirabsung aetinchwngnnkhiltklaymaepnthiniyminbrrdaphuniyminkarswmkhiltephuxepnkarprathwngkarham thsnkhtiniepnaenwonmthiehnwachawthirabsungepnchn brrphkal primitive kxn kh s 1745 chawolwaelndmikhwamhwadklwchawthirabsung aethlngcakchawthirabsunghmdxanaclngchawolwaelndkhnmaehnxkehnicchawthirabsungaelamikhwamrusukepnxnhnungxnediywkn khiltaelasingtang thiaesdngwthnthrrmekllikhklaymaepnsingthiepnsylksnkhxng Jacobitism aelainemuxhmdkhwamhwadklwchawthirabsunghayip kthaihmamxngehnchawthirabsungipinthangoraemntid emuxkarhamkaraetngtwaebbchawthirabsungmaykelikinpi kh s 1782 ecakhxngthidinchawthirabsungkerimkxtngsmakhmthirabsungthimicudprasngkhinkarprbprungaelaephyaephrkaraetngkayaebbobrankhxngthirabsung smakhmekhltikhaehlexdinbarahthimiepnprathansnbsnunihecakhxngthidinekharwminkhbwnkarni kartunlxeliynstriyuorpphumikhwamxyakruxyakehnekiywkbthharskxtthiiskhilt raw kh s 1815 khiltklaymaepnsingthiepnekhruxnghmaykhxngskxtaelndthnghmdemuxsmedcphraecacxrcthi 4 aehngshrachxanackresdcpraphasskxtaelndinpi kh s 1822 aemwakhnannchawskxt 9 in 10 tngthinthanxyuinolwaelnd chawskxtaelasmakhmthirabsungcacdkar karchumnumkhxngekl aetphyayamwangrakthanihmkhxngwthnthrrmskxtthirwmthngchawskxtolwaelndodykaraetngtwdwyesuxphatampraephniobranthinamaprayukt inchwngewlaediywknnikidmikarruxfunkarichlksnalwdlaytharthnechphaainkarepnekhruxnghmaypracatrakul kxnhnannlksnalwdlaykhxngtharthnepniptamthxngthinimidepnkhxngtrakulidtrakulhnung hlngcaknnkhiltkklayepnthiniymknwaepnsylksnkhxngwthnthrrmskxtaelndodynkobranwithya antiquarian nkoraemntikh aelaxun phusrresriy khwamobran aelakhwamepnthrrmchatikhxngkhilt karaetngphraxngkhkhxngsmedcphraecacxrcthi 4 dwykhiltxnhruhra aela emuxsmedcphrarachininathwiktxeriytxmathrngaetngkaymhadelkdwykhiltkyingepnkarephyaephrkhwamniyminkaraetngkaydwykhiltyingaephrhlaykhun khiltcungklaymaepnswnhnung Scottish national identity karichthangthharkarichthangthhar tngaet kh s 1624 kxngthharthirabsungkaetngtwdwykhiltthitxmaepn Scottish regiment inpi kh s 1739 ekhruxngaebbkhiltihythaihepnmatrthandwytharthnsiekhm nkptiwtiinkhbwnkarcaokhibth Jacobitism hlaykhnprayuktkhiltmaichepnekhruxngaebbxyangngay aelaichodyphusnbsnunchawxngkvsrahwang Jacobite Rising inpi kh s 1745 hlngcakkarkxkarrthbalktdsinickxtngkxngthharskxtaelndephimmakkhunephuxepnkardung phlngxnrxnrnkhxngchnphuaekhngaekrng kxngthharihmthikxtngkhunklayepnkxngthharthimiprasiththiphaphthishrachxanackrsngiptxsuinxinediy xemrikaehnux aelathixun khnaediywknkepnkarldkhwamkhidthicaepnptipkstxxngkvsinskxtaelnd khiltidrbkarykewncak aelaichlksnalwdlaytharthntang epntharthnpracakxng kxngthharihmeluxkichkhiltsnepnekhruxngaebb aelakhiltihyepnekhruxngaetngkaynxkekhruxngaebbaelakmaykelikipinkhriststwrrsthi 19 kxngthharskxtaelndhlaykxngswmkhiltinkartxsurahwangsngkhramolkkhrngthihnungodyechphaainkartxsuxndueduxdkhxngthithaihidrbchayawa stricaknrk Ladies from Hell odykxngthpheyxrmn khiltmaelikichinkarepnekhruxngaebbinsnamrbkxnhnasngkhramolkkhrngthihnungineduxnphvsphakhm kh s 1940 thiyuththkardnekhirkody aehngkxngthharrksaphraxngkhthirabsungxangxing Merriam Webster Dictionary kilt Merriam Webster Dictionary subkhnemux 2008 08 01 Matthew Allen Newsome The Early History of the Kilt The Scottish Tartans Museum http www scottishtartans org kilt html 2015 03 21 thi ewyaebkaemchchin Scottish Military History Society Introduction to the Lineage of Scotland s Regiments Lineage of the Scottish Regiments khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2012 07 21 subkhnemux 2007 05 06 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a CS1 maint bot original URL status unknown lingk Hugh Trevor Roper The Invention of Tradition The Highland Tradition of Scotland in The Invention of Tradition ed Eric Hobsbawm and Terence Ranger Cambridge Cambridge University Press 1983 ISBN 0 521 24645 8 John Telfer Dunbar History of highland dress A definitive study of the history of Scottish costume and tartan both civil and military including weapons ISBN 0 7134 1894 X duephimkhilt tharthnaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb khilt Heroic and overlooked involvement in Dunkirk evacuation 2007 03 26 thi ewyaebkaemchchin Irish Air Corps Pipe Bandbthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxha ifl Lord Mungo Murray c1680 jpg thumb right 240px pramukhkhxngtrakulthirabsung