ซุนนี (อาหรับ: سُنِّي) คือนิกายในศาสนาอิสลาม มีชื่อเต็มในภาษาอาหรับว่า อะฮ์ลุสซุนนะฮ์วะอัลญะมาอะฮ์ (อาหรับ: أهل السنة والجماعة, นิยมอ่านว่า อะฮ์ลุสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์) เป็นนิกายที่ใหญ่ที่สุดในอิสลาม แบ่งเป็นสำนักหรือมัซฮับย่อย ๆ ออกเป็นหลายมัซฮับ แต่ปัจจุบันเหลือแค่เพียง 4 มัซฮับ นอกจากนี้ยังมีมัซฮับมุสลิมซุนนีที่ไม่ยึดถือมัซฮับ เรียกตนเองว่า พวกซะละฟีย์
ที่มาของคำ
คำว่า ซุนนี มาจาก อัสซุนนะฮ์ (السنة) แปลว่า คำพูดและการกระทำหรือแบบอย่างของศาสดามุฮัมมัด (ศ) คำว่า "ญะมาอะฮ์" คือ การอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ผู้ที่บัญญัติศัพท์นี้ขึ้นมาคือ อะฮ์มัด บินฮันบัล (ฮ.ศ. 164-241 / ค.ศ. 780-855)
คำว่า อัสซุนนะฮ์ เป็นคำที่นบีมุฮัมมัด (ศ) มักจะใช้บ่อยครั้งในคำสั่งสอนของท่าน เช่น ในฮะดีษศอฮีฮ์ฟิกฮ์ที่บันทึกโดยอิมามอะฮ์มัด, อัตติรมีซี, อะบูดาวูด และอิบนุมาญะฮ์ ซึ่งท่านนบีได้กล่าวว่า “พวกท่านทั้งหลายจงยึดมั่นใน "แนวทางของฉัน" (سُنَّتِي) และแนวทางของผู้นำที่อยู่ในแนวทางอันเที่ยงธรรมของฉัน (อัลคุละฟาอ์อัรรอชิดูน) ที่จะมาหลังฉัน จงเคร่งครัดในการยึดมั่นบนแนวทางนั้น จงกัดมันด้วยฟันกราม (คืออย่าละทิ้งเป็นอันขาด) และจงหลีกให้พ้นจากอุตริกรรมในกิจการของศาสนา เพราะทุกอุตริกรรมในกิจการศาสนานั้นเป็นการหลงผิด” [1]
อะฮ์ลุสซุนนะฮ์ วะ อัลญะมาอะฮ์ (أَهْلُ السُّنَّةِ وَالْجَمَاعَةِ) ก็คือ ผู้ที่ยึดมั่นในซุนนะฮ์ (แนวทางของท่านนบีมุฮัมมัด (ศ)) และยึดมั่นในสิ่งที่บรรดากลุ่มชนมุสลิมรุ่นแรกยึดมั่น (บุคคลเหล่านั้นคือบรรดาศ่อฮาบะหฟิกฮ์และบรรดาตาบิอีน) และพวกเขารวมตัวกัน (เป็นญะมาอะฮ์) บนพื้นฐานของซุนนะฮ์ ซึ่งชนกลุ่มนี้อัลลอฮ์ (ซ.บ) ได้กล่าวถึงความประเสริฐของพวกเขาไว้ว่า บรรดาบรรพชนรุ่นแรกในหมู่ผู้อพยพ (ชาวมุฮาญิรีนจากนครมักกะฮ์) และในหมู่ผู้ให้ความช่วยเหลือ (ชาวอันศอรจากนครมะดีนะฮ์) และบรรดาผู้ดำเนินตามพวกเขาด้วยการทำดีนั้น อัลลอฮ์ทรงพอพระทัยในพวกเขา และพวกเขาก็พอใจในพระองค์ด้วย และพระองค์ทรงเตรียมไว้ให้พวกเขาแล้ว ซึ่งสวนสวรรค์อันหลากหลายที่มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านเบื้องล่าง พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล นั่นคือชัยชนะอันใหญ่หลวง (ซูเราะหฟิกฮ์อัตเตาบะหฟิกฮ์ : 100) [2]
ประวัติ
ในสมัยการปกครองของ คำสั่งสอนแห่งอัลกุรอานและแห่งศาสนทูตถูกละทิ้ง ชาวมะดีนะฮ์ผู้เคร่งครัดถูกได้รับความกดดันจากตระกูลอุมัยยะฮ์ผู้ปกครองอาณาจักรอิสลาม และภายใต้ความกดดันนั้นได้เกิดหล่อหลอมเป็นกลุ่มผู้ยึดมั่นในแนวทางอิสลามแบบเดิม เพื่อต่อต้านตระกูลอุมัยยะฮ์ โดยเฉพาะหลังจากที่กองทัพจากชาม ในสมัยการปกครองของยะซีด บินมุอาวิยะฮ์ฟิกฮ์ ได้สังหารฮุเซน หลานตาศาสนทูตมุฮัมมัด (ศ) พร้อมกับญาติพี่น้อง ที่กัรบะลาอ์ 73 คนในปี ค.ศ. 680 และต่อมาในปี ค.ศ. 683 ยะซีดส่งกองทัพเพื่อโจมตีพระนครมะดีนะฮ์ที่อับดุลลอฮ์ บินอุมัร อิบนุลคอฏฏอบ เป็นผู้นำในการต่อต้านการปกครองของยะซีด และโจมตีมักกะฮ์ ที่สถาปนาตนเองเป็นเคาะลีฟะฮ์แห่งอาณาจักรอิสลาม ชาวเมืองมะดีนะฮ์ร่วมกันออกต้านทัพของยะซีด ที่นำโดยอุกบะหฟิกฮ์ ณ สถานที่ที่มืชื่อว่า แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ จนกองทัพของยะซีดสามารถเข้าปล้นสะดมเมืองมะดีนะฮ์ เป็นเวลาสามวันสามคืนตามคำสั่งของยะซีด ทหารชาม เข่นฆ่าผู้คน และข่มขืนสตรี จนกระทั่งมีผู้คนล้มตายประมาณ 10,000 คน ในจำนวนนั้นมีบุคคลสำคัญ 700 คน นอกจากนั้นมีผู้หญิงตั้งท้องเนื่องจากถูกข่มขืนชำเราอีก 500 คน หลังจากนั้นกองทัพชามก็มุ่งสู่มักกะฮ์เพื่อปราบปรามอิบนุซซุเบร โดยเข้าเผากะอ์บะฮ์ และเข่นฆ่าผู้คน ประชาชนชาวมุสลิมต่อต้านการปกครองตลอดมา แต่แล้วในปี ค.ศ. 692 อับดุลมะลิก บินมัรวานก็ส่ง มาโจมตีมักกะฮ์อีกครั้ง ครั้งนี้อับดุลลอฮ์ อิบนุซซุเบร ถูกสังหารและศพถูกตรึงที่ไม้ ปักไว้หน้ากะอ์บะฮ์ ส่วนกะอ์บะฮ์ก็ถูกทำลาย
ตั้งแต่นั้นมา ผู้คนในอาณาจักรอิสลามแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มชนใหญ่ ๆ พวกที่ฝักใฝ่ทางโลกก็สนับสนุนการปกครองของตระกูลอุมัยยะฮ์ พวกที่ต่อต้านการปกครองระบอบเคาะลีฟะฮ์ ยึดถือบุตรหลานศาสนทูตเป็นผู้นำก็คือพวกชีอะฮ์ พวกที่เชื่อว่าบรรดาสาวกคือผู้นำและสานต่อสาส์นแห่งอิสลามหลังจากท่านนบีมุฮัมมัด (ศ) พวกนี้คือ ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่ได้มีการบัญญัติศัพท์นี้ เพราะคำว่า ซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ถูกบัญญัติขึ้นมาจริง ๆ โดยอะฮ์มัด บินฮันบัล (ค.ศ. 780-855 / ฮ.ศ.164-241) นอกจากนี้ยังมีพวกคอวาริจญ์ ที่เป็นกบฏและแยกตัวออกจากอำนาจการปกครองของอิมามอะลี เมื่อครั้งที่เป็นเคาะลีฟะฮ์ที่ 4
ในฮิจญ์เราะหฟิกฮ์ศตวรรษที่ 3 และที่ 4 ได้มีการรวบรวมฮะดีษขึ้นมา จัดเป็นอนุกรมและหมวดหมู่ เรียกในภาษาไทยว่า พระวจนานุกรม ในสายอะฮ์ลุสซุนนะฮ์ มีมากกว่า 10 พระวจนานุกรม ที่สำคัญคือ 6 พระวจนานุกรม ที่ผู้รวบรวมโดยอัลบุคอรี, มุสลิม, อัตตัรมีซี, อะบูดาวูด, อิบนุมาญะฮ์ และอันนะซาอี นอกจากนี้ยังมีพระวจนานุกรมที่รวบรวมโดย มาลิก บินอะนัส (เจ้าสำนักมาลิกีย์) , อะฮหมัด บินฮันบัล (เจ้าสำนักฮันบะลีย์), อิบนุคุซัยมะฮ์, อิบนุฮิบบาน และอับดุรรอซซาก ในยุคหลังนี้ได้มีการตรวจสอบสายรายงานอย่างถี่ถ้วน พระวจนานุกรมอัลบุคอรีและมุสลิมได้รับการยอมรับมากที่สุดในสังคมมุสลิมซุนนี
สำนักหรือทัศนะนิติศาสตร์อิสลาม
ชะรีอะฮ์ (شريعة) หรือนิติบัญญัติอิสลามตามทัศนะของซุนนีนั้น มีพื้นฐานมาจากอัลกุรอานและซุนนะฮ์ (อิจย์มาอ์) มติฉันท์ของเหล่าผู้รู้ และกิยาส (การเปรียบเทียบกับบทบัญญัติที่มีอยู่แล้ว) นิกายซุนนีมีในอดีตมี 17 สำนัก แต่ได้สูญหายไปกับกาลเวลา ในปัจจุบันนิกายซุนนีมี 4 สำนัก ที่เป็นสำนักเกี่ยวกับฟิกฮ์ (นิติศาสตร์อิสลาม) ได้แก่
- ฮะนะฟี (ทัศนะของอะบูฮะนีฟะหฟิกฮ์ นุอฟิกฮ์มาน บินษาบิต) -
- มาลีกี (ทัศนะของมาลิก บินอะนัส)
- ชาฟีอี (ทัศนะของมุฮัมมัดมัด บินอิดริส อัชชาฟิอีย์) - ผู้ที่ยึดถือทัศนะนี้คือ คนส่วนใหญ่ในไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย
- ฮันบะลี (ทัศนะของท่านอะฮ์มัด บินฮันบัล)
ปัจจุบันมีอีกกลุ่มที่สำคัญคือ กลุ่มที่ไม่ได้ยึดถือหรือสังกัดตนอยู่ใน 4 กลุ่มข้างต้น แต่การวินิจฉัยหลักการศาสนาจะใช้วิธีศึกษาทัศนะของทั้ง 4 กลุ่มแล้ววิเคราะห์ดูว่าทัศนะใดที่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือมากที่สุด โดยยึดอัลกุรอานและซุนนะฮฟิกฮ์เป็นธรรมนูญสำคัญในการวินิจฉัยเรื่องต่าง ๆ ในศาสนา
สำนักหรือทัศนะเกี่ยวกับอุศูลุดดีน (ปรัชญาศาสนา)
นอกจากนี้ยังมีสำนักเกี่ยวกับอุศูลุดดีน (ปรัชญาศาสนา) อีกหลายสำนัก ที่สำคัญได้แก่ 4 สำนักคือ
- สำนักมุอ์ตะซิละฮ์ (معتزلة) จัดตั้งขึ้นโดย (ค.ศ. 699-749) ศิษย์ที่มีความคิดแตกต่างจากฮะซัน อัลบัศรี (ค.ศ. 642-728) ผู้เป็นอาจารย์
- สำนักอัชอะรี มาจากแนวคิดของอะบุลฮะซัน อัลอัชชะรี (ค.ศ. 873-935) แต่ผู้ที่พัฒนาแนวคิดนี้ คือ อัลฆอซาลี นักวิชาการศาสนาและปรมาจารย์
- สำนักมาตุรีดี เป็นทัศนะของอะบูมันศูร อัลมาตุรีดี (มรณะ ค.ศ. 944) ในตอนแรกเป็นสำนักปรัชญาของชนกลุ่มน้อย ต่อมาเมื่อเป็นที่ยอมรับของเผ่พันธุ์เติร์ก และพวกออตโตมานมีอำนาจ ก็ได้ทำให้สำนักนี้แพร่หลายในเอเชียกลาง
- สำนักอะษะรี เป็นทัศนะของอะฮ์มัด บินฮันบัล ผู้เป็นเจ้าสำนักฟิกฮ์ดังกล่าวมาแล้ว
หากมุอฟิกฮ์ตะซิละหฟิกฮ์แยกตัวออกจากสำนักของฮะซัน อัลบัศรี ย่อมแสดงว่าก่อนหน้านั้นต้องมีสำนักปรัชญามาก่อนแล้ว ฮะซัน อัลบัศรี เองก็มีแนวคิดของตนเช่นกัน นั่นก็เพราะ ฮะซัน อัลบัศรี เป็นปรมาจารย์ของสำนักศูฟีที่ภายหลังแตกขยายเป็นหลายสาย
ภายใต้การปกครองของราชวงศ์อุมัยยะฮ์ระหว่างปี ค.ศ. 661 ถึงปี ค.ศ. 750 ผู้คงแก่เรียนอิสลามเน้นการศึกษาที่เกี่ยวกับอัลกุรอาน แต่ราชวงศ์อับบาซียะฮ์ที่ตามมาสนับสนุนการศึกษาของกรีกและมนุษย์วิทยาตามแนวคิดของตระกูลปรัชญามุอ์ตะซีลี (Mu'tazili) ของอิสลาม ตระกูลความคิดนี้ก่อตั้งขึ้นในบาสราโดยวะศีล อิบุน อะฏอ (واصل بن عطاء - Wasil ibn Ata) (ค.ศ. 700–ค.ศ. 748) ที่อยู่บนพื้นฐานที่ว่าอัลกุรอานมาจากอัลลอฮ์และอัลลอฮฺมีพระประสงค์อย่างเดียวคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์ ปรัชญานี้ไม่เป็นที่ยอมรับกันโดยตระกูลปรัชญาอัชชาริยยะห์ (الأشاعرة - Ash'ariyyah) และ อาษาริยยะห์ (Athariyyah) ซึ่งเป็นตระกูลปรัชญาของซุนนีย์
ดังนั้น “ประตูแห่งอิญฏีหะ” (Gates of Ijtihad (اجتهاد) ) จึงเปิดขึ้นที่ทำให้เกิดการโต้แย้งกันภายในแวดวงระหว่างความคิดของปรัชญาตระกูลต่างๆ ของอิสลาม
อ้างอิง
- สยามิค.คอม เรื่องสำนักปรัชญาซุนนี
- เว็บไซต์ที่อยู่ในแนวทาง อะฮ์ลุสซุนนะฮ์ วะ อัลญะมาอะฮ์ สามารถเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้
- [3] 2007-05-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- [4]
- [5]
- [6]
- [7]
- [8] 2007-03-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
แหล่งข้อมูลอื่น
- อิสลาม.in.th : เพื่อความเข้าใจอิสลาม และมุสลิม 2009-10-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
sunni xahrb س ن ي khuxnikayinsasnaxislam michuxetminphasaxahrbwa xahlussunnahwaxlyamaxah xahrb أهل السنة والجماعة niymxanwa xahlussunnahwlyamaxah epnnikaythiihythisudinxislam aebngepnsankhruxmshbyxy xxkepnhlaymshb aetpccubnehluxaekhephiyng 4 mshb nxkcakniyngmimshbmuslimsunnithiimyudthuxmshb eriyktnexngwa phwksalafiythimakhxngkhakhawa sunni macak xssunnah السنة aeplwa khaphudaelakarkrathahruxaebbxyangkhxngsasdamuhmmd s khawa yamaxah khux karxyurwmknepnklum phuthibyytisphthnikhunmakhux xahmd binhnbl h s 164 241 kh s 780 855 khawa xssunnah epnkhathinbimuhmmd s mkcaichbxykhrnginkhasngsxnkhxngthan echn inhadissxhihfikhthibnthukodyximamxahmd xttirmisi xabudawud aelaxibnumayah sungthannbiidklawwa phwkthanthnghlaycngyudmnin aenwthangkhxngchn س ن ت ي aelaaenwthangkhxngphunathixyuinaenwthangxnethiyngthrrmkhxngchn xlkhulafaxxrrxchidun thicamahlngchn cngekhrngkhrdinkaryudmnbnaenwthangnn cngkdmndwyfnkram khuxxyalathingepnxnkhad aelacnghlikihphncakxutrikrrminkickarkhxngsasna ephraathukxutrikrrminkickarsasnannepnkarhlngphid 1 xahlussunnah wa xlyamaxah أ ه ل الس ن ة و ال ج م اع ة kkhux phuthiyudmninsunnah aenwthangkhxngthannbimuhmmd s aelayudmninsingthibrrdaklumchnmuslimrunaerkyudmn bukhkhlehlannkhuxbrrdasxhabahfikhaelabrrdatabixin aelaphwkekharwmtwkn epnyamaxah bnphunthankhxngsunnah sungchnklumnixllxh s b idklawthungkhwampraesrithkhxngphwkekhaiwwa brrdabrrphchnrunaerkinhmuphuxphyph chawmuhayirincaknkhrmkkah aelainhmuphuihkhwamchwyehlux chawxnsxrcaknkhrmadinah aelabrrdaphudaenintamphwkekhadwykarthadinn xllxhthrngphxphrathyinphwkekha aelaphwkekhakphxicinphraxngkhdwy aelaphraxngkhthrngetriymiwihphwkekhaaelw sungswnswrrkhxnhlakhlaythimiaemnahlaysayihlphanebuxnglang phwkekhacaphankxyuinnntlxdkal nnkhuxchychnaxnihyhlwng sueraahfikhxtetabahfikh 100 2 prawtiinsmykarpkkhrxngkhxng khasngsxnaehngxlkurxanaelaaehngsasnthutthuklathing chawmadinahphuekhrngkhrdthukidrbkhwamkddncaktrakulxumyyahphupkkhrxngxanackrxislam aelaphayitkhwamkddnnnidekidhlxhlxmepnklumphuyudmninaenwthangxislamaebbedim ephuxtxtantrakulxumyyah odyechphaahlngcakthikxngthphcakcham insmykarpkkhrxngkhxngyasid binmuxawiyahfikh idsngharhuesn hlantasasnthutmuhmmd s phrxmkbyatiphinxng thikrbalax 73 khninpi kh s 680 aelatxmainpi kh s 683 yasidsngkxngthphephuxocmtiphrankhrmadinahthixbdullxh binxumr xibnulkhxttxb epnphunainkartxtankarpkkhrxngkhxngyasid aelaocmtimkkah thisthapnatnexngepnekhaalifahaehngxanackrxislam chawemuxngmadinahrwmknxxktanthphkhxngyasid thinaodyxukbahfikh n sthanthithimuchuxwa aetktxngphayaeph cnkxngthphkhxngyasidsamarthekhaplnsadmemuxngmadinah epnewlasamwnsamkhuntamkhasngkhxngyasid thharcham ekhnkhaphukhn aelakhmkhunstri cnkrathngmiphukhnlmtaypraman 10 000 khn incanwnnnmibukhkhlsakhy 700 khn nxkcaknnmiphuhyingtngthxngenuxngcakthukkhmkhunchaeraxik 500 khn hlngcaknnkxngthphchamkmungsumkkahephuxprabpramxibnussuebr odyekhaephakaxbah aelaekhnkhaphukhn prachachnchawmuslimtxtankarpkkhrxngtlxdma aetaelwinpi kh s 692 xbdulmalik binmrwanksng maocmtimkkahxikkhrng khrngnixbdullxh xibnussuebr thuksngharaelasphthuktrungthiim pkiwhnakaxbah swnkaxbahkthukthalay tngaetnnma phukhninxanackrxislamaebngxxkepnhlayklumchnihy phwkthifkifthangolkksnbsnunkarpkkhrxngkhxngtrakulxumyyah phwkthitxtankarpkkhrxngrabxbekhaalifah yudthuxbutrhlansasnthutepnphunakkhuxphwkchixah phwkthiechuxwabrrdasawkkhuxphunaaelasantxsasnaehngxislamhlngcakthannbimuhmmd s phwknikhux sunginsmynnyngimidmikarbyytisphthni ephraakhawa sunnahwlyamaxah thukbyytikhunmacring odyxahmd binhnbl kh s 780 855 h s 164 241 nxkcakniyngmiphwkkhxwaricy thiepnkbtaelaaeyktwxxkcakxanackarpkkhrxngkhxngximamxali emuxkhrngthiepnekhaalifahthi 4 inhicyeraahfikhstwrrsthi 3 aelathi 4 idmikarrwbrwmhadiskhunma cdepnxnukrmaelahmwdhmu eriykinphasaithywa phrawcnanukrm insayxahlussunnah mimakkwa 10 phrawcnanukrm thisakhykhux 6 phrawcnanukrm thiphurwbrwmodyxlbukhxri muslim xttrmisi xabudawud xibnumayah aelaxnnasaxi nxkcakniyngmiphrawcnanukrmthirwbrwmody malik binxans ecasankmalikiy xahhmd binhnbl ecasankhnbaliy xibnukhusymah xibnuhibban aelaxbdurrxssak inyukhhlngniidmikartrwcsxbsayraynganxyangthithwn phrawcnanukrmxlbukhxriaelamuslimidrbkaryxmrbmakthisudinsngkhmmuslimsunnisankhruxthsnanitisastrxislamcharixah شريعة hruxnitibyytixislamtamthsnakhxngsunninn miphunthanmacakxlkurxanaelasunnah xicymax mtichnthkhxngehlaphuru aelakiyas karepriybethiybkbbthbyytithimixyuaelw nikaysunnimiinxditmi 17 sank aetidsuyhayipkbkalewla inpccubnnikaysunnimi 4 sank thiepnsankekiywkbfikh nitisastrxislam idaek hanafi thsnakhxngxabuhanifahfikh nuxfikhman binsabit maliki thsnakhxngmalik binxans chafixi thsnakhxngmuhmmdmd binxidris xchchafixiy phuthiyudthuxthsnanikhux khnswnihyinithy maelesiy xinodniesiy hnbali thsnakhxngthanxahmd binhnbl pccubnmixikklumthisakhykhux klumthiimidyudthuxhruxsngkdtnxyuin 4 klumkhangtn aetkarwinicchyhlkkarsasnacaichwithisuksathsnakhxngthng 4 klumaelwwiekhraahduwathsnaidthiminahnknaechuxthuxmakthisud odyyudxlkurxanaelasunnahfikhepnthrrmnuysakhyinkarwinicchyeruxngtang insasnasankhruxthsnaekiywkbxusuluddin prchyasasna nxkcakniyngmisankekiywkbxusuluddin prchyasasna xikhlaysank thisakhyidaek 4 sankkhux sankmuxtasilah معتزلة cdtngkhunody kh s 699 749 sisythimikhwamkhidaetktangcakhasn xlbsri kh s 642 728 phuepnxacary sankxchxari macakaenwkhidkhxngxabulhasn xlxchchari kh s 873 935 aetphuthiphthnaaenwkhidni khux xlkhxsali nkwichakarsasnaaelaprmacary sankmaturidi epnthsnakhxngxabumnsur xlmaturidi mrna kh s 944 intxnaerkepnsankprchyakhxngchnklumnxy txmaemuxepnthiyxmrbkhxngephphnthuetirk aelaphwkxxtotmanmixanac kidthaihsankniaephrhlayinexechiyklang sankxasari epnthsnakhxngxahmd binhnbl phuepnecasankfikhdngklawmaaelw hakmuxfikhtasilahfikhaeyktwxxkcaksankkhxnghasn xlbsri yxmaesdngwakxnhnanntxngmisankprchyamakxnaelw hasn xlbsri exngkmiaenwkhidkhxngtnechnkn nnkephraa hasn xlbsri epnprmacarykhxngsanksufithiphayhlngaetkkhyayepnhlaysay phayitkarpkkhrxngkhxngrachwngsxumyyahrahwangpi kh s 661 thungpi kh s 750 phukhngaekeriynxislamennkarsuksathiekiywkbxlkurxan aetrachwngsxbbasiyahthitammasnbsnunkarsuksakhxngkrikaelamnusywithyatamaenwkhidkhxngtrakulprchyamuxtasili Mu tazili khxngxislam trakulkhwamkhidnikxtngkhuninbasraodywasil xibun xatx واصل بن عطاء Wasil ibn Ata kh s 700 kh s 748 thixyubnphunthanthiwaxlkurxanmacakxllxhaelaxllxh miphraprasngkhxyangediywkhuxsingthidithisudsahrbmnusy prchyaniimepnthiyxmrbknodytrakulprchyaxchchariyyah الأشاعرة Ash ariyyah aela xasariyyah Athariyyah sungepntrakulprchyakhxngsunniy dngnn pratuaehngxiytiha Gates of Ijtihad اجتهاد cungepidkhunthithaihekidkarotaeyngknphayinaewdwngrahwangkhwamkhidkhxngprchyatrakultang khxngxislamxangxingsyamikh khxm eruxngsankprchyasunni ewbistthixyuinaenwthang xahlussunnah wa xlyamaxah samarthekhaipxankhxmulephimetimid 3 2007 05 18 thi ewyaebkaemchchin 4 5 6 7 8 2007 03 18 thi ewyaebkaemchchinaehlngkhxmulxunxislam in th ephuxkhwamekhaicxislam aelamuslim 2009 10 02 thi ewyaebkaemchchin bthkhwamsasnaniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk