Azərbaycanca AzərbaycancaБеларускі БеларускіDansk DanskDeutsch DeutschEspañola EspañolaFrançais FrançaisIndonesia IndonesiaItaliana Italiana日本語 日本語Қазақ ҚазақLietuvos LietuvosNederlands NederlandsPortuguês PortuguêsРусский Русскийසිංහල සිංහලแบบไทย แบบไทยTürkçe TürkçeУкраїнська Українська中國人 中國人United State United StateAfrikaans Afrikaans
สนับสนุน
www.wiki3.th-th.nina.az
  • วิกิพีเดีย

ท ต งของโลกในเอกภพ อ งกฤษ Earth s location in the Universe น บต งแต มน ษย ได เร มสร างและสมม ต ตำแหน งท ต งของโลกข นเม อ

ที่ตั้งของโลกในเอกภพ

ที่ตั้งของโลกในเอกภพ
www.wiki3.th-th.nina.azhttps://www.wiki3.th-th.nina.az

ที่ตั้งของโลกในเอกภพ (อังกฤษ: Earth's location in the Universe) นับตั้งแต่มนุษย์ได้เริ่มสร้างและสมมุติตำแหน่งที่ตั้งของโลกขึ้นเมื่อประมาณ 400 ปีที่แล้วจากการสังเกตการณ์ด้วยกล้องส่องทางไกล ซึ่งเริ่มมีความแพร่หลายมากในหลายศตวรรษที่ผ่านมา ในอดีตนานมาแล้วนั้นมนุษย์เชื่อว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาลซึ่งประกอบด้วยดาวเคราะห์, ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์หมุนรอบโลก ต่อมามีการยอมรับแนวคิดดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางในศตวรรษที่ 17 และจากการสังเกตของนักดาราศาสตร์นามว่าวิลเลียม เฮอร์เชลได้อธิบายต่ออีกว่าดวงอาทิตย์และระบบสุริยะอยู่ในดาราจักรที่เป็นรูปแผ่นดิสก์ขนาดใหญ่ ในศตวรรษที่ 20 มีข้อสังเกตจากการสำรวจดาราจักรชนิดก้นหอย ซึ่งเผยให้เห็นว่าดาราจักรทางช้างเผือกของเราเป็นหนึ่งในพันล้านดาราจักรในจักรวาลที่กำลังขยายตัว จึงมีการจัดกลุ่มกระจุกดาราจักรขึ้นในตอนปลายของศตวรรษที่ 20 จากนั้นก็มีการกำหนดเอกภพที่สังเกตได้ซึ่งเกิดจากกลุ่มกระจุกดาราจักรและช่องว่างขนาดใหญ่ (Cosmic voids) รวมกันเป็นใยเอกภพ (Galaxy filament) กลุ่มกระจุกดาราจักร, ช่องว่างและใยเอกภพนั้นเป็นโครงสร้างใหญ่ ๆ ที่สามารถพบและสังเกตได้ในเอกภพ โครงสร้างเหล่ามีขนาดใหญ่มาก อาจมีขนาดมากกว่า 1000 เมกะพาร์เซก เอกภพนั้นจะรวมจนกลายเป็นเนื้อเดียวกันซึ่งหมายความว่าทุกส่วนของเอกภพนั้นมีค่าเฉลี่ยความหนาแน่นขององค์ประกอบและโครงสร้างเดียวกัน

ปัจจุบันนี้มนุษย์ก็ยังไม่รู้ว่าหรือนั้นอยู่ที่ใด เนื่องจากโลกเป็นส่วนเล็ก ๆ ในเอกภพจึงไม่สามารถหาขอบของเอกภพได้จากโลกเอกภพที่สังเกตได้เป็นเขตที่กำหนดขึ้นและเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเอกภพเท่านั้น เอกภพที่สังเกตได้สามารถมองเห็นได้จากโลกเพราะเป็นอาณาเขตที่เป็นผลมาจากการสังเกตการณ์บนพื้นโลก ทำให้เอกภพที่สังเกตได้มีโลกเป็นศูนย์กลาง

การอ้างอิงตำแหน่งของโลกนี้เป็นเพียงการสมุติขึ้นเนื่องจากยังไม่ทราบ, และรูปร่างของเอกภพอย่างแน่ชัด นอกจากนี้ยังมีสมมุติฐานมากมายที่บอกว่าเอกภพนี้เป็นเพียง 1 ในหลาย ๆ พหุภพ ซึ่งสมมุติฐานนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานที่แน่นอนและเชื้อถือได้

image

แผนภาพตำแหน่งของโลกในสถานที่ต่าง ๆ ของเอกภพ
image
A diagram of our location in the observable universe.
ชื่อ เส้นผ่าศูนย์กลาง หมายเหตุ อ้างอิง
โลก 12,756.2 ก.ม.
(แถบเส้นศูนย์สูตร)		 วัดตามแถบเส้นศูนย์สูตรไม่นับรวมกับชั้นบรรยากาศ
768,210 ก.ม. เป็นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางโดยเฉลี่ย
สนามแม่เหล็กของโลก 6,363,000 -12,663,000 ก.ม. พื้นที่สนามแม่เหล็กโลกที่สามารถป้องกันลมสุริยะ
299.2 ล้านก.ม.
2 หน่วยดาราศาสตร์		 เส้นผ่านศูนย์กลางโดยเฉลี่ยของรอบดวงอาทิตย์
~6.54 หน่วยดาราศาสตร์ ดวงอาทิตย์ถึงแถบดาวเคราะห์น้อย
60.14 หน่วยดาราศาสตร์ ดวงอาทิตย์ถึงดาวเนปจูน
แถบไคเปอร์ ~96 หน่วยดาราศาสตร์ แถบวัตถุน้ำแข็งที่อยู่เลยวงโคจรของดาวเนปจูนออกไป ระยะทางที่เป็นจุดสิ้นสุดคือจุดที่มีการสะท้อนเสียง 2: 1 กับดาวเนปจูน
เฮลิโอสเฟียร์ 160 หน่วยดาราศาสตร์ ขอบเขตสิ้นสุดของลมสุริยะและสสารระหว่างดาวเคราะห์
แถบหินกระจาย 195.3 หน่วยดาราศาสตร์ บริเวณที่มีแสงน้อยกระจัดกระจายอยู่รอบ ๆ แถบไคเปอร์ ครอบคลุมดาวเอริส
เมฆออร์ต 100,000–200,000 หน่วยดาราศาสตร์
0.613–1.23 พาร์เซก		 เป็นจุดวงโคจรของดาวหางและก้อนน้ำแข็งสกปรก มีส่วนประกอบไปด้วยน้ำแข็งคาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน แอมโมเนีย ฝุ่น และหินซึ่งเป็นเศษเหลือจาการสร้างดาวเคราะห์
ระบบสุริยะ 1.23 พาร์เซก นับตามเส้นผ่านศูนย์กลางระบบสุริยะโดยจุดสิ้นสุดคือจุดที่อิทธิพลแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์สิ้นสุดลง
9.2 พาร์เซก เมฆระหว่างดวงดาวเป็นก๊าซที่อยู่ระหว่างดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์อื่น ๆ
ฟองท้องถิ่น 2.82–250 พาร์เซก ห้วงอวกาศที่ค่อนข้างโปร่งระหว่างดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์อื่น ๆ ซึ่งน่าจะเกิดจากมหานวดารา
1,000 พาร์เซก วงโคจรที่ดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์อื่น ๆ กำลังโคจรอยู่
แขนนายพราน 3000 พาร์เซก
(ความยาว)		 แขนเกลียวของกาแล็กซี่ทางช้างเผือก
17,200 พาร์เซก จุดที่ระบบสุริยะโคจรรอบศูนย์กลางทางช้างเผือก
ระยะเวลาโคจรอยู่ที่ระหว่าง 225 ถึง 250 ล้านปีแสง
ทางช้างเผือก 30,000 พาร์เซก ดาราจักรที่ดวงอาทิตย์อาศัยอยู่
840,500 พาร์เซก จุดที่ทางช้างเผือก และดาราจักรแคระคนยินธนู, ดาราจักรแคระหมีเล็ก เหล่านี้ได้รับแรงโน้มถ่วง
กลุ่มท้องถิ่น 3 เมกะพาร์เซก กลุ่มที่มีดาราจักร 47 ดาราจักรรวมอยู่ด้วยกันโดยมีดาราจักรใหญ่ ๆ คือดาราจักรแอนดรอเมดา, ดาราจักรสามเหลี่ยมและทางช้างเผือกที่เป็นดาราจักรแคระ
7 เมกะพาร์เซก กลุ่มของดาราจักรกลุ่มอื่น ๆ และกลุ่มท้องถิ่นที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสัมพัทธ์เดียวกันกับกลุ่มดาวหญิงสาว
กลุ่มกระจุกดาราจักรหญิงสาว 30 เมกะพาร์เซก กลุ่มใหญ่ซึ่งมีกลุ่มท้องถิ่นเป็นส่วนหนึ่งซึ่งประกอบด้วยกลุ่มดาราจักรประมาณ 100 กลุ่มและกระจุกดาวรวมมาอยู่ในกลุ่มราศีกันย์
ลาเนียเคอา 160 เมกะพาร์เซก ประกอบด้วยกลุ่มกลุ่มท้องถิ่นและกลุ่มดาราจักรประมาณ 300 ถึง 500 กลุ่มโดยเน้นที่กลุ่มใหญ่ซึ่งก็คือกลุ่มไฮดรา - เซ็นทอรัส
เอกภพที่สังเกตได้ 28,000 เมกะพาร์เซก ดาราจักรมากกว่า 100พันล้านดาราจักรจัดอยู่ในกระจุกดาวหลายล้านดาวที่รวมตัวเป็นเส้นใยดาราจักรที่มีช่องว่างเล็ก ๆ ระหว่างโครงสร้างและมีรูปร่างพื้นฐานคล้ายโฟม
เอกภพ ขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 28,000 เมกะพาร์เซก อาณาเขตที่เลยออกไปจากเอกภพที่สังเกตได้อยู่ในบริเวณที่มองไม่เห็นเนื่องจากไม่มีแสงที่สามารถส่องมายังโลก

หมายหตุ

  1. A parsec (pc) is the distance at which a star's parallax as viewed from Earth is equal to one second of arc, equal to roughly 206,000 AU or 3.0857×1013 km. One megaparsec (Mpc) is equivalent to one million parsecs.
  2. Semi-major and semi-minor axes.
  3. 1 AU or astronomical unit is the distance between the Earth and the Sun, or 150 million km. Earth's orbital diameter is twice its orbital radius, or 2 AU.

อ้างอิง

  1. Kuhn, Thomas S. (1957). The Copernican Revolution. . pp. 5–20. ISBN .
  2. . . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-01-07. สืบค้นเมื่อ 19 March 2014.
  3. "The Spiral Nebulae and the Great Debate". . สืบค้นเมื่อ 22 April 2015.
  4. . Carnegie Institution for Science. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-01-07. สืบค้นเมื่อ 22 April 2015.
  5. . . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-01-07. สืบค้นเมื่อ 22 April 2015.
  6. John Carl Villanueva (2009). "Structure of the Universe". . สืบค้นเมื่อ 22 April 2015.
  7. Robert P Kirshner (2002). The Extravagant Universe: Exploding Stars, Dark Energy and the Accelerating Cosmos. . p. 71. ISBN .
  8. Klaus Mainzer; J Eisinger (2002). The Little Book of Time. . ISBN .. P. 55.
  9. Andrew R. Liddle; David Hilary Lyth (13 April 2000). Cosmological inflation and large-scale structure. . pp. 24–. ISBN . สืบค้นเมื่อ 1 May 2011.
  10. Clara Moskowitz (2012). "5 Reasons We May Live in a Multiverse". space.com. สืบค้นเมื่อ 29 April 2015.
  11. Kragh, H. (2009). "Contemporary History of Cosmology and the Controversy over the Multiverse". Annals of Science. 66 (4): 529–551. doi:10.1080/00033790903047725.
  12. . The Astronomical Almanac. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 August 2013. สืบค้นเมื่อ 25 February 2011.
  13. (WGS-84). Available online 2020-03-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน from Retrieved 27 April 2015.
  14. "Exosphere — overview". University Corporation for Atmospheric Research. 2011. สืบค้นเมื่อ 28 April 2015.
  15. S. Sanz Fernández de Córdoba (2004-06-24). "The 100 km Boundary for Astronautics". . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-08-22. สืบค้นเมื่อ 2014-05-07.
  16. NASA Moon Factsheet and NASA Solar System Exploration Moon Factsheet 2015-06-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน NASA Retrieved on 17 November 2008
  17. Koskinen, Hannu (2010), Physics of Space Storms: From the Surface of the Sun to the Earth, Environmental Sciences Series, Springer, ISBN 
  18. NASA Earth factsheet and NASA Solar System Exploration Earth Factsheet 2009-08-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน NASA Retrieved on 17 November 2008
  19. Petit, J.-M.; Morbidelli, A.; Chambers, J. (2001). (PDF). . 153 (2): 338–347. Bibcode:2001Icar..153..338P. doi:10.1006/icar.2001.6702. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2007-02-21. สืบค้นเมื่อ 22 March 2007.
  20. Roig, F.; Nesvorný, D. & Ferraz-Mello, S. (2002). "Asteroids in the 2 : 1 resonance with Jupiter: dynamics and size distribution". Monthly Notices of the Royal Astronomical Society. 335 (2): 417–431. Bibcode:2002MNRAS.335..417R. doi:10.1046/j.1365-8711.2002.05635.x.
  21. M. Brož; D. Vokrouhlický; F. Roig; D. Nesvornýy; W. F. Bottke; A. Morbidelli (2005). "Yarkovsky origin of the unstable asteroids in the 2/1 mean motionresonance with Jupiter". Monthly Notices of the Royal Astronomical Society. 359: 1437–1455. Bibcode:2005MNRAS.359.1437B. doi:10.1111/j.1365-2966.2005.08995.x.
  22. NASA Neptune factsheet and NASA Solar System Exploration Neptune Factsheet 2015-11-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน NASA Retrieved on 17 November 2008
  23. M. C. De Sanctis; M. T. Capria; A. Coradini (2001). . . 121 (5): 2792–2799. Bibcode:2001AJ....121.2792D. doi:10.1086/320385. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-12. สืบค้นเมื่อ 28 August 2008.
  24. NASA/JPL (2009). . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-01-09. สืบค้นเมื่อ 20 December 2009.
  25. Fahr, H. J.; Kausch, T.; Scherer, H.; Kausch; Scherer (2000). . . 357: 268. Bibcode:2000A&A...357..268F. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-01-07. สืบค้นเมื่อ 2017-05-20.{{}}: CS1 maint: multiple names: authors list () See Figures 1 and 2.
  26. "JPL Small-Body Database Browser: 136199 Eris (2003 UB313)" (2008-10-04 last obs). สืบค้นเมื่อ 21 January 2009.
  27. Alessandro Morbidelli (2005). "Origin and dynamical evolution of comets and their reservoir". :astro-ph/0512256.
  28. Littmann, Mark (2004). Planets Beyond: Discovering the Outer Solar System. Courier Dover Publications. pp. 162–163. ISBN .
  29. Mark Anderson, "Don't stop till you get to the Fluff", no. 2585, 6 January 2007, pp. 26–30
  30. DM Seifr; Lallement; Crifo; Welsh (1999). "Mapping the Countours of the Local Bubble". Astronomy and Astrophysics. 346: 785–797. Bibcode:1999A&A...346..785S.
  31. Tony Phillips (2014). . NASA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-01-09. สืบค้นเมื่อ 2015-04-30.
  32. S. B. Popov; M. Colpi; M. E. Prokhorov; A. Treves; R. Turolla (2003). "Young isolated neutron stars from the Gould Belt". Astronomy and Astrophysics. 406 (1): 111–117. :astro-ph/0304141. Bibcode:2003A&A...406..111P. doi:10.1051/0004-6361:20030680. สืบค้นเมื่อ 2 October 2009.
  33. Harold Spencer Jones, T. H. Huxley, Proceedings of the Royal Institution of Great Britain, Royal Institution of Great Britain, v. 38–39
  34. Eisenhauer, F.; Schoedel, R.; Genzel, R.; Ott, T.; Tecza, M.; Abuter, R.; Eckart, A.; Alexander, T. (2003). "A Geometric Determination of the Distance to the Galactic Center". . 597 (2): L121–L124. :astro-ph/0306220. Bibcode:2003ApJ...597L.121E. doi:10.1086/380188.
  35. Leong, Stacy (2002). "Period of the Sun's Orbit around the Galaxy (Cosmic Year)". The Physics Factbook.
  36. Christian, Eric; Samar, Safi-Harb. "How large is the Milky Way?". สืบค้นเมื่อ 28 November 2007.
  37. Frommert, H.; Kronberg, C. (25 August 2005). "The Milky Way Galaxy". . สืบค้นเมื่อ 9 May 2007.
  38. Irwin, V.; Belokurov, V.; Evans, N. W.; และคณะ (2007). "Discovery of an Unusual Dwarf Galaxy in the Outskirts of the Milky Way". The Astrophysical Journal. 656 (1): L13–L16. :astro-ph/0701154. Bibcode:2007ApJ...656L..13I. doi:10.1086/512183.
  39. "The Local Group of Galaxies". University of Arizona. Students for the Exploration and Development of Space. สืบค้นเมื่อ 2 October 2009.
  40. Tully, R. Brent; Shaya, Edward J.; Karachentsev, Igor D.; Courtois, Hélène M.; Kocevski, Dale D.; Rizzi, Luca; Peel, Alan (March 2008). "Our Peculiar Motion Away from the Local Void". The Astrophysical Journal. 676 (1): 184–205. :0705.4139. Bibcode:2008ApJ...676..184T. doi:10.1086/527428.
  41. Tully, R. Brent (May 2008), "The Local Void is Really Empty", Dark Galaxies and Lost Baryons, Proceedings of the International Astronomical Union, IAU Symposium, vol. 244, pp. 146–151, :0708.0864, Bibcode:2008IAUS..244..146T, doi:10.1017/S1743921307013932
  42. R. Brent Tully (1982). "The Local Supercluster" (PDF). The Astrophysical Journal. 257: 389–422. Bibcode:1982ApJ...257..389T. doi:10.1086/159999. สืบค้นเมื่อ 27 April 2015.
  43. "Galaxies, Clusters, and Superclusters". NOVA Online. สืบค้นเมื่อ 27 April 2015.
  44. "Newly identified galactic supercluster is home to the Milky Way". National Radio Astronomy Observatory. ScienceDaily. 3 September 2014.
  45. Irene Klotz (3 September 2014). . Reuters. ScienceDaily. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-01-07. สืบค้นเมื่อ 2017-05-20.
  46. Elizabeth Gibney (3 September 2014). "Earth's new address: 'Solar System, Milky Way, Laniakea'". Nature. doi:10.1038/nature.2014.15819.
  47. Camille M. Carlisle (3 September 2014). "Laniakea: Our Home Supercluster". Sky and Telescope.
  48. Mackie, Glen (1 February 2002). "To see the Universe in a Grain of Taranaki Sand". Swinburne University. สืบค้นเมื่อ 20 December 2006.
  49. Lineweaver, Charles; Tamara M. Davis (2005). "Misconceptions about the Big Bang". . สืบค้นเมื่อ 6 November 2008.
  50. Margalef-Bentabol, Berta; Margalef-Bentabol, Juan; Cepa, Jordi (February 2013). "Evolution of the cosmological horizons in a universe with countably infinitely many state equations". Journal of Cosmology and Astroparticle Physics. 015. 2013 (02): 015. :1302.2186. Bibcode:2013JCAP...02..015M. doi:10.1088/1475-7516/2013/02/015.

wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์

thitngkhxngolkinexkphph xngkvs Earth s location in the Universe nbtngaetmnusyiderimsrangaelasmmutitaaehnngthitngkhxngolkkhunemuxpraman 400 pithiaelwcakkarsngektkarndwyklxngsxngthangikl sungerimmikhwamaephrhlaymakinhlaystwrrsthiphanma inxditnanmaaelwnnmnusyechuxwaolkepnsunyklangkhxngckrwalsungprakxbdwydawekhraah dwngxathityaeladwngcnthrhmunrxbolk txmamikaryxmrbaenwkhiddwngxathityepnsunyklanginstwrrsthi 17 aelacakkarsngektkhxngnkdarasastrnamwawileliym ehxrechlidxthibaytxxikwadwngxathityaelarabbsuriyaxyuindarackrthiepnrupaephndiskkhnadihy instwrrsthi 20 mikhxsngektcakkarsarwcdarackrchnidknhxy sungephyihehnwadarackrthangchangephuxkkhxngeraepnhnunginphnlandarackrinckrwalthikalngkhyaytw cungmikarcdklumkracukdarackrkhunintxnplaykhxngstwrrsthi 20 caknnkmikarkahndexkphphthisngektidsungekidcakklumkracukdarackraelachxngwangkhnadihy Cosmic voids rwmknepniyexkphph Galaxy filament klumkracukdarackr chxngwangaelaiyexkphphnnepnokhrngsrangihy thisamarthphbaelasngektidinexkphph okhrngsrangehlamikhnadihymak xacmikhnadmakkwa 1000 emkapharesk exkphphnncarwmcnklayepnenuxediywknsunghmaykhwamwathukswnkhxngexkphphnnmikhaechliykhwamhnaaennkhxngxngkhprakxbaelaokhrngsrangediywkn pccubnnimnusykyngimruwahruxnnxyuthiid enuxngcakolkepnswnelk inexkphphcungimsamarthhakhxbkhxngexkphphidcakolkexkphphthisngektidepnekhtthikahndkhunaelaepnephiyngswnhnungkhxngexkphphethann exkphphthisngektidsamarthmxngehnidcakolkephraaepnxanaekhtthiepnphlmacakkarsngektkarnbnphunolk thaihexkphphthisngektidmiolkepnsunyklang karxangxingtaaehnngkhxngolkniepnephiyngkarsmutikhunenuxngcakyngimthrab aelaruprangkhxngexkphphxyangaenchd nxkcakniyngmismmutithanmakmaythibxkwaexkphphniepnephiyng 1 inhlay phhuphph sungsmmutithannikyngimmihlkthanthiaennxnaelaechuxthuxid aephnphaphtaaehnngkhxngolkinsthanthitang khxngexkphph A diagram of our location in the observable universe chux esnphasunyklang hmayehtu xangxingolk 12 756 2 k m aethbesnsunysutr wdtamaethbesnsunysutrimnbrwmkbchnbrryakas768 210 k m epnkhnadesnphansunyklangodyechliysnamaemehlkkhxngolk 6 363 000 12 663 000 k m phunthisnamaemehlkolkthisamarthpxngknlmsuriya299 2 lank m 2 hnwydarasastr esnphansunyklangodyechliykhxngrxbdwngxathity 6 54 hnwydarasastr dwngxathitythungaethbdawekhraahnxy60 14 hnwydarasastr dwngxathitythungdawenpcunaethbikhepxr 96 hnwydarasastr aethbwtthunaaekhngthixyuelywngokhcrkhxngdawenpcunxxkip rayathangthiepncudsinsudkhuxcudthimikarsathxnesiyng 2 1 kbdawenpcunehlioxsefiyr 160 hnwydarasastr khxbekhtsinsudkhxnglmsuriyaaelassarrahwangdawekhraahaethbhinkracay 195 3 hnwydarasastr briewnthimiaesngnxykracdkracayxyurxb aethbikhepxr khrxbkhlumdawexrisemkhxxrt 100 000 200 000 hnwydarasastr 0 613 1 23 pharesk epncudwngokhcrkhxngdawhangaelakxnnaaekhngskprk miswnprakxbipdwynaaekhngkharbxnidxxkisd miethn aexmomeniy fun aelahinsungepnessehluxcakarsrangdawekhraahrabbsuriya 1 23 pharesk nbtamesnphansunyklangrabbsuriyaodycudsinsudkhuxcudthixiththiphlaerngonmthwngkhxngdwngxathitysinsudlng9 2 pharesk emkhrahwangdwngdawepnkasthixyurahwangdwngxathityaeladawvksxun fxngthxngthin 2 82 250 pharesk hwngxwkasthikhxnkhangoprngrahwangdwngxathityaeladawvksxun sungnacaekidcakmhanwdara1 000 pharesk wngokhcrthidwngxathityaeladawvksxun kalngokhcrxyuaekhnnayphran 3000 pharesk khwamyaw aekhnekliywkhxngkaaelksithangchangephuxk17 200 pharesk cudthirabbsuriyaokhcrrxbsunyklangthangchangephuxk rayaewlaokhcrxyuthirahwang 225 thung 250 lanpiaesngthangchangephuxk 30 000 pharesk darackrthidwngxathityxasyxyu840 500 pharesk cudthithangchangephuxk aeladarackraekhrakhnyinthnu darackraekhrahmielk ehlaniidrbaerngonmthwngklumthxngthin 3 emkapharesk klumthimidarackr 47 darackrrwmxyudwyknodymidarackrihy khuxdarackraexndrxemda darackrsamehliymaelathangchangephuxkthiepndarackraekhra7 emkapharesk klumkhxngdarackrklumxun aelaklumthxngthinthiekhluxnihwdwykhwamerwsmphththediywknkbklumdawhyingsawklumkracukdarackrhyingsaw 30 emkapharesk klumihysungmiklumthxngthinepnswnhnungsungprakxbdwyklumdarackrpraman 100 klumaelakracukdawrwmmaxyuinklumrasiknylaeniyekhxa 160 emkapharesk prakxbdwyklumklumthxngthinaelaklumdarackrpraman 300 thung 500 klumodyennthiklumihysungkkhuxklumihdra esnthxrsexkphphthisngektid 28 000 emkapharesk darackrmakkwa 100phnlandarackrcdxyuinkracukdawhlaylandawthirwmtwepnesniydarackrthimichxngwangelk rahwangokhrngsrangaelamiruprangphunthankhlayofmexkphph khntaxyuthipraman 28 000 emkapharesk xanaekhtthielyxxkipcakexkphphthisngektidxyuinbriewnthimxngimehnenuxngcakimmiaesngthisamarthsxngmayngolkhmayhtuA parsec pc is the distance at which a star s parallax as viewed from Earth is equal to one second of arc equal to roughly 206 000 AU or 3 0857 1013 km One megaparsec Mpc is equivalent to one million parsecs Semi major and semi minor axes 1 AU or astronomical unit is the distance between the Earth and the Sun or 150 million km Earth s orbital diameter is twice its orbital radius or 2 AU xangxingKuhn Thomas S 1957 The Copernican Revolution pp 5 20 ISBN 0 674 17103 9 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2019 01 07 subkhnemux 19 March 2014 The Spiral Nebulae and the Great Debate subkhnemux 22 April 2015 Carnegie Institution for Science khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2019 01 07 subkhnemux 22 April 2015 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2019 01 07 subkhnemux 22 April 2015 John Carl Villanueva 2009 Structure of the Universe subkhnemux 22 April 2015 Robert P Kirshner 2002 The Extravagant Universe Exploding Stars Dark Energy and the Accelerating Cosmos p 71 ISBN 0 691 05862 8 Klaus Mainzer J Eisinger 2002 The Little Book of Time ISBN 0 387 95288 8 P 55 Andrew R Liddle David Hilary Lyth 13 April 2000 Cosmological inflation and large scale structure pp 24 ISBN 978 0 521 57598 0 subkhnemux 1 May 2011 Clara Moskowitz 2012 5 Reasons We May Live in a Multiverse space com subkhnemux 29 April 2015 Kragh H 2009 Contemporary History of Cosmology and the Controversy over the Multiverse Annals of Science 66 4 529 551 doi 10 1080 00033790903047725 The Astronomical Almanac khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 26 August 2013 subkhnemux 25 February 2011 WGS 84 Available online 2020 03 11 thi ewyaebkaemchchin from Retrieved 27 April 2015 Exosphere overview University Corporation for Atmospheric Research 2011 subkhnemux 28 April 2015 S Sanz Fernandez de Cordoba 2004 06 24 The 100 km Boundary for Astronautics khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 08 22 subkhnemux 2014 05 07 NASA Moon Factsheet and NASA Solar System Exploration Moon Factsheet 2015 06 07 thi ewyaebkaemchchin NASA Retrieved on 17 November 2008 Koskinen Hannu 2010 Physics of Space Storms From the Surface of the Sun to the Earth Environmental Sciences Series Springer ISBN 3 642 00310 9 NASA Earth factsheet and NASA Solar System Exploration Earth Factsheet 2009 08 27 thi ewyaebkaemchchin NASA Retrieved on 17 November 2008 Petit J M Morbidelli A Chambers J 2001 PDF 153 2 338 347 Bibcode 2001Icar 153 338P doi 10 1006 icar 2001 6702 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2007 02 21 subkhnemux 22 March 2007 Roig F Nesvorny D amp Ferraz Mello S 2002 Asteroids in the 2 1 resonance with Jupiter dynamics and size distribution Monthly Notices of the Royal Astronomical Society 335 2 417 431 Bibcode 2002MNRAS 335 417R doi 10 1046 j 1365 8711 2002 05635 x M Broz D Vokrouhlicky F Roig D Nesvornyy W F Bottke A Morbidelli 2005 Yarkovsky origin of the unstable asteroids in the 2 1 mean motionresonance with Jupiter Monthly Notices of the Royal Astronomical Society 359 1437 1455 Bibcode 2005MNRAS 359 1437B doi 10 1111 j 1365 2966 2005 08995 x NASA Neptune factsheet and NASA Solar System Exploration Neptune Factsheet 2015 11 25 thi ewyaebkaemchchin NASA Retrieved on 17 November 2008 M C De Sanctis M T Capria A Coradini 2001 121 5 2792 2799 Bibcode 2001AJ 121 2792D doi 10 1086 320385 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2020 06 12 subkhnemux 28 August 2008 NASA JPL 2009 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2019 01 09 subkhnemux 20 December 2009 Fahr H J Kausch T Scherer H Kausch Scherer 2000 357 268 Bibcode 2000A amp A 357 268F khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2019 01 07 subkhnemux 2017 05 20 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk See Figures 1 and 2 JPL Small Body Database Browser 136199 Eris 2003 UB313 2008 10 04 last obs subkhnemux 21 January 2009 Alessandro Morbidelli 2005 Origin and dynamical evolution of comets and their reservoir astro ph 0512256 Littmann Mark 2004 Planets Beyond Discovering the Outer Solar System Courier Dover Publications pp 162 163 ISBN 978 0 486 43602 9 Mark Anderson Don t stop till you get to the Fluff no 2585 6 January 2007 pp 26 30 DM Seifr Lallement Crifo Welsh 1999 Mapping the Countours of the Local Bubble Astronomy and Astrophysics 346 785 797 Bibcode 1999A amp A 346 785S Tony Phillips 2014 NASA khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2019 01 09 subkhnemux 2015 04 30 S B Popov M Colpi M E Prokhorov A Treves R Turolla 2003 Young isolated neutron stars from the Gould Belt Astronomy and Astrophysics 406 1 111 117 astro ph 0304141 Bibcode 2003A amp A 406 111P doi 10 1051 0004 6361 20030680 subkhnemux 2 October 2009 Harold Spencer Jones T H Huxley Proceedings of the Royal Institution of Great Britain Royal Institution of Great Britain v 38 39 Eisenhauer F Schoedel R Genzel R Ott T Tecza M Abuter R Eckart A Alexander T 2003 A Geometric Determination of the Distance to the Galactic Center 597 2 L121 L124 astro ph 0306220 Bibcode 2003ApJ 597L 121E doi 10 1086 380188 Leong Stacy 2002 Period of the Sun s Orbit around the Galaxy Cosmic Year The Physics Factbook Christian Eric Samar Safi Harb How large is the Milky Way subkhnemux 28 November 2007 Frommert H Kronberg C 25 August 2005 The Milky Way Galaxy subkhnemux 9 May 2007 Irwin V Belokurov V Evans N W aelakhna 2007 Discovery of an Unusual Dwarf Galaxy in the Outskirts of the Milky Way The Astrophysical Journal 656 1 L13 L16 astro ph 0701154 Bibcode 2007ApJ 656L 13I doi 10 1086 512183 The Local Group of Galaxies University of Arizona Students for the Exploration and Development of Space subkhnemux 2 October 2009 Tully R Brent Shaya Edward J Karachentsev Igor D Courtois Helene M Kocevski Dale D Rizzi Luca Peel Alan March 2008 Our Peculiar Motion Away from the Local Void The Astrophysical Journal 676 1 184 205 0705 4139 Bibcode 2008ApJ 676 184T doi 10 1086 527428 Tully R Brent May 2008 The Local Void is Really Empty Dark Galaxies and Lost Baryons Proceedings of the International Astronomical Union IAU Symposium vol 244 pp 146 151 0708 0864 Bibcode 2008IAUS 244 146T doi 10 1017 S1743921307013932 R Brent Tully 1982 The Local Supercluster PDF The Astrophysical Journal 257 389 422 Bibcode 1982ApJ 257 389T doi 10 1086 159999 subkhnemux 27 April 2015 Galaxies Clusters and Superclusters NOVA Online subkhnemux 27 April 2015 Newly identified galactic supercluster is home to the Milky Way National Radio Astronomy Observatory ScienceDaily 3 September 2014 Irene Klotz 3 September 2014 Reuters ScienceDaily khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2019 01 07 subkhnemux 2017 05 20 Elizabeth Gibney 3 September 2014 Earth s new address Solar System Milky Way Laniakea Nature doi 10 1038 nature 2014 15819 Camille M Carlisle 3 September 2014 Laniakea Our Home Supercluster Sky and Telescope Mackie Glen 1 February 2002 To see the Universe in a Grain of Taranaki Sand Swinburne University subkhnemux 20 December 2006 Lineweaver Charles Tamara M Davis 2005 Misconceptions about the Big Bang subkhnemux 6 November 2008 Margalef Bentabol Berta Margalef Bentabol Juan Cepa Jordi February 2013 Evolution of the cosmological horizons in a universe with countably infinitely many state equations Journal of Cosmology and Astroparticle Physics 015 2013 02 015 1302 2186 Bibcode 2013JCAP 02 015M doi 10 1088 1475 7516 2013 02 015

วันที่เผยแพร่: มิถุนายน 21, 2024, 14:45 pm
อ่านมากที่สุด
  • กันยายน 09, 2024

    ซีโยไม

  • ตุลาคม 09, 2024

    ซีโมนพรรคชาตินิยม

  • กันยายน 08, 2024

    ซีโนมอร์ฟ

  • ตุลาคม 11, 2024

    ซีเอสอาร์ (รถไฟ)

  • สิงหาคม 10, 2024

    ซีราลีโนน

รายวัน

  • เนื้อหาเสรี

  • รายพระนามพระมหากษัตริย์นาวาร์

  • สภากงว็องซียงแห่งชาติ

  • ภาษาสูญแล้ว

  • ทะเลสาบ

  • ทะเลสาบน้ำเค็ม

  • จูไห่

  • สถานีรถไฟนอวีซาด

  • 15 พฤศจิกายน

  • พ.ศ. 2476

NiNa.Az - สตูดิโอ

  • วิกิพีเดีย

การลงทะเบียนจดหมายข่าว

โดยการสมัครรับรายชื่อผู้รับจดหมายของเราคุณจะได้รับข่าวสารล่าสุดจากเราเสมอ
ได้รับการติดต่อ
ติดต่อเรา
DMCA Sitemap Feeds
© 2019 nina.az - สงวนลิขสิทธิ์.
ลิขสิทธิ์: Dadaş Mammedov
สูงสุด