ทิฐิ (อ่านว่า ทิดถิ) (บาลี: ทิฏฺฐิ, อังกฤษ: View) แปลว่า การเห็น ในพระพุทธศาสนาใช้ในความหมายเดียวกับ "มิจฉาทิฐิ" คือการเห็นผิด มี 2 ประการ ได้แก่ สัสสตทิฐิ (การเห็นว่าเที่ยง) อุจเฉททิฐิ (การเห็นว่าขาดสูญ) เป็นต้น
หากเป็นการเห็นถูก (อังกฤษ: Right View) เรียกว่า สัมมาทิฐิ เป็นองค์ประกอบหนึ่งของ ปัญญา หรือ การเห็นตรง หรือ ทิฐิวิสุทธิ ซึ่งหมายถึงความรู้เข้าใจโลกตามที่เป็นจริง ว่าเป็นองค์ประชุมของนามรูป มีเกิด ดับ เปลี่ยนแปลง ไม่อาจยึดถือเอาเป็นตัวตนเป็นสัตว์บุคคลได้ เป็นเหตุข่มความเข้าใจผิดไม่หลงเพลิดเพลินโลก
นอกจากนี้ในภาษาไทยมักใช้ในความหมายว่าความอวดดื้อถือดี ความดื้อรั้น รั้นตะแบงทั้งที่รู้ว่าผิดแต่ไม่ยอมรับและไม่ยอมแก้ไข เช่นที่ใช้ว่า "เขามีทิฐิมาก ไม่ยอมลงใคร" ทิฐิมานะของเขาทำให้เขาเข้ากับใครไม่ได้เลยในที่ทำงาน"
ทิฏฐิ ๖๒
ปุพพันตกัปปิกะ
ปุพพันตกัปปิกทิฏฐิ แปลว่า ความเห็นหรือทฤษฎีของพวกที่กำหนดขึ้น อาศัยส่วนของขันธ์ (เบญจขันธ์) อันเป็นอดีต
สัสสตทิฏฐิ ๔
๑. เห็นว่า ตัวตน (อัตตา) และโลกเที่ยง เพราะระลึกชาติได้ ตั้งแต่ชาติเดียว จนถึงแสนชาติ
๒. เห็นว่า ตัวตน และโลกเที่ยง เพราะระลึกชาติได้เป็นกัปป์ๆ ตั้งแต่กัปป์เดียวถึงสิบกัปป์
๓. เห็นว่า ตัวตน และโลกเที่ยง เพราะระลึกชาติได้มากกัปป์ ตั้งแต่สิบกัปป์ถึงสี่สิบกัปป์
๔. นักเดา เดาตามความคิดคาดคะเนว่าโลกเที่ยง
เอกัจจสัสสติกทิฏฐิ เอกัจจอสัสสติกทิฏฐิ ๔
๕. เห็นว่า พระพรหมเที่ยง แต่พวกเราที่พระพรหมสร้างไม่เที่ยง
๖. เห็นว่า เทวดาพวกอื่นเที่ยงพวกที่มีโทษเพราะเล่นสนุกสนาน (ขิฑฑาปโทสิกา)ไม่เที่ยง
๗. เห็นว่า เทวดาพวกอื่นเที่ยง พวกที่มีโทษเพราะคิดร้ายผู้อื่น (มโนปโทสิกา) ไม่เที่ยง
๘. นักเดา เดาตามความคิดคาดคะเนว่า ตัวตนฝ่ายกายไม่เที่ยง ตัวตนฝ่ายจิตเที่ยง
(๓) หมวดเห็นว่ามีที่สุด และไม่มีที่สุด (อันตานันติกทิฏฐิ) ๔
๙. เห็นว่าโลกมีที่สุด
๑๐. เห็นว่าโลกไม่มีที่สุด
๑๑. เห็นว่าโลกมีที่สุด เฉพาะด้านบนกับด้านล่าง ส่วนด้านกว้าง หรือด้านขวาง ไม่มีที่สุด
๑๒. นักเดา เดาตามความคิดคาดคะเนว่า โลกมีที่สุดก็ไม่ใช่ ไม่มีที่สุดก็ไม่ใช่
อมราวิกเขปิกทิฏฐิ ๔
๑๓. เกรงว่าจะพูดปด จึงพูดปฏิเสธว่า อย่างนี้ก็ไม่ใช่ อย่างนั้นก็ไม่ใช่ อย่างอื่นก็ไม่ใช่ มิใช่ (อะไร) ก็ไม่ใช่
๑๔. เกรงว่าจะยึดถือ จึงพูดปฏิเสธแบบข้อ ๑
๑๕. เกรงว่าจะถูกซักถาม จึงพูดปฏิเสธแบบข้อ ๑
๑๖. เพราะโง่เขลา จึงพูดปฏิเสธแบบข้อ ๑ และไม่ยอมรับหรือยืนยันอะไรเลย
อธิจจสมุปปันนิกทิฏฐิ ๒
๑๗. เห็นว่าสิ่งต่างๆ มีขึ้นเอง โดยไม่มีเหตุ เพราะเคยเกิดเป็นอสัญญีสัตว์
๑๘. นักเดา เดาเอาตามความคิดคาดคะเนว่า สิ่งต่างๆ มีขึ้นเองโดยไม่มี
อปรันตกัปปิกวาท
อปรันตกัปปิกวาท ผู้ปรารภเบื้องปลาย ได้แก่ส่วนที่เป็นอนาคต มี ๕ กลุ่ม แบ่งย่อยออกเป็น ๔๔ สำนัก
ใน ๕ กลุ่มของนักคิด สามกลุ่มแรกเห็นว่า อัตตา (อาตมัน) หรือวิญญาณ หลังตายแล้วยังมีอยู่ (อุทธมาฆาตนิกา) ในลักษณะเป็นทรัพย์ ( Substance ) เป็นตัวรองรับคุณสมบัติต่าง ๆ เป็นตัวไปเกิดใหม่ สืบภพชาตินิรันดร (อโรคะ)
สัญญีทิฏฐิ เห็นว่า อัตตาหลังตายแล้วมีสัญญา
๑๙. อัตตาที่มีรูป ยั่งยืน มีสัญญา
๒๐. อัตตาที่ไม่มีรูป ยั่งยืน มีสัญญา
๒๑. อัตตาทั้งที่มีรูป ทั้งที่ไม่มีรูป ยั่งยืน มีสัญญา
๒๒. อัตตาทั้งที่มีรูปก็มิใช่ ทั้งที่ไม่มีรูปก็มิใช่ ยั่งยืน มีสัญญา
๒๓. อัตตาที่มีที่สุด ยั่งยืน มีสัญญา
๒๔. อัตตาที่ไม่มีที่สุด ยั่งยืน มีสัญญา
๒๕. อัตตาทั้งที่มีที่สุด ทั้งที่ไม่มีที่สุด ยั่งยืน มีสัญญา
๒๖. อัตตาทั้งที่มีที่สุดก็มิใช่ ทั้งที่ไม่มีที่สุดก็มิใช่ ยั่งยืน มีสัญญา
๒๗. อัตตาที่มีสัญญาอย่างเดียวกัน ยั่งยืน มีสัญญา
๒๘. อัตตาที่มีสัญญาต่างกัน ยั่งยืน มีสัญญา
๒๙. อัตตาที่สัญญาย่อมเยา ยั่งยืน มีสัญญา
๓๐. อัตตาที่มีสัญญาหาประมาณมิได้ ยั่งยืน มีสัญญา
๓๑. อัตตาที่มีสุขอย่างเดียว ยั่งยืน มีสัญญา
๓๒. อัตตาที่มีทุกข์อย่างเดียว ยั่งยืน มีสัญญา
๓๓. อัตตาที่มีทั้งสุขและทุกข์ ยั่งยืน มีสัญญา
๓๔. อัตตาที่มีทุกข์ก็มิใช่ สุขก็มิใช่ ยั่งยืน มีสัญญา
ตนทั้ง ๑๖ ประเภทนี้ ตายไปแล้ว ก็มีสัญญา คือความจำได้หมายรู้ทั้งสิ้น
หมวดเห็นว่าไม่มีสัญญา (อสัญญีทิฏฐิ) ๘
ตนมีรูปจนถึงตนมีที่สุดก็มิใช่ ไม่มีที่สุดก็มิใช่ ทั้ง ๘ ประเภทนี้ ตายไปแล้วก็ไม่มีสัญญา คือไม่มีความจำได้หมายรู้
๓๕. อัตตาที่มีรูป เบื้องหน้าแต่ตาย ย่อมไม่แปรผัน ไม่มีสัญญา
๓๖. อัตตาที่ไม่มีรูป เบื้องหน้าแต่ ตาย ย่อมไม่แปรผัน ไม่มีสัญญา
๓๗. อัตตาทั้งที่มีรูปและไม่มีรูป เบื้องหน้าแต่ตาย ย่อมไม่แปรผัน ไม่มีสัญญา
๓๘. อัตตาที่มีรูปก็ไม่ใช่ ที่หารูปมิ ได้ก็มิใช่ เบื้องหน้าแต่ตาย ย่อมไม่แปรผัน ไม่มีสัญญา
๓๙. อัตตาที่มีที่สุด เบื้องหน้าแต่ ตาย ย่อมไม่แปรผัน ไม่มีสัญญา
๔๐. อัตตาที่หาที่สุดมิได้ เบื้องหน้า แต่ตาย ย่อมไม่แปรผัน ไม่มีสัญญา
๔๑. อัตตาทั้งที่มีที่สุดและไม่มีที่สุด เบื้องหน้าแต่ตาย ย่อมไม่แปรผัน ไม่มีสัญญา
๔๒. อัตตาที่มีที่สุดก็ไม่ใช่ ที่หาที่สุด มิได้ก็ไม่ใช่ เบื้องหน้าแต่ตาย ย่อมไม่แปรผัน ไม่มีสัญญา
หมวดเห็นว่ามีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ (เนวสัญญีนาสัญญีทิฏฐิ) ๘
ข้อ ๔๓ ถึงข้อ ๕๐ ข้างต้น คือ ตนมีรูป จนถึงตนมีที่สุดก็มิใช่ ไม่มีที่สุดก็มิใช่ ทั้ง ๘ ประเภทนี้ ตายไปแล้ว มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่
๑. อัตตาที่มีรูป เบื้องหน้าแต่ตาย ย่อมไม่แปรผัน จึงบัญญัติอัตตานั้นว่า มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่
๒. อัตตาที่ไม่มีรูป เบื้องหน้าแต่ ตาย ย่อมไม่แปรผัน จึงบัญญัติอัตตานั้นว่า มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่
๓. อัตตาทั้งที่มีรูปและไม่มีรูป เบื้องหน้าแต่ตาย ย่อมไม่แปรผัน จึงบัญญัติอัตตานั้นว่า มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่
๔. อัตตามีรูปก็ไม่ใช่ ไม่มีรูปก็ ไม่ใช่ เบื้องหน้าแต่ตาย ย่อมไม่แปรผัน จึงบัญญัติอัตตานั้นว่า มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่
๕. อัตตาที่มีที่สุด เบื้องหน้าแต่ตาย ย่อมไม่แปรผัน จึงบัญญัติอัตตานั้นว่า มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่
๖. อัตตาที่ไม่มีที่สุด เบื้องหน้าแต่ ตาย ย่อมไม่แปรผัน จึงบัญญัติอัตตานั้นว่า มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่
๗. อัตตาทั้งที่มีที่สุดและไม่มีที่สุด เบื้องหน้าแต่ตาย ย่อมไม่แปรผัน จึงบัญญัติอัตตานั้นว่า มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่
๘. อัตตามีที่สุดก็ไม่ใช่ ไม่มีที่สุดก็ ไม่ใช่ เบื้องหน้าแต่ตาย ย่อมไม่แปรผัน จึงบัญญัติอัตตานั้นว่า มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่
หมวดเห็นว่า ขาดสูญ (อุจเฉททิฏฐิ) ๗
๕๑. ตนที่เป็นของมนุษย์และสัตว์
๕๒. ตนที่เป็นของทิพย์ มีรูป กินอาหารหยาบ
๕๓. ตนที่เป็นของทิพย์ มีรูป สำเร็จจากใจ
๕๔. ตนที่เป็นอากาสานัญจายตนะ
๕๕. ตนที่เป็นวิญญาณาสัญญายตนะ
๕๖. ตนที่เป็นอากิญจัญญายตนะ
๕๗. ตนที่เป็นเนวสัญญานาสัญญายตนะ
ทั้ง ๗ ประเภทนี้ เมื่อสิ้นชีพแล้วก็ขาดสูญ ไม่เกิดอีก
หมวดเห็นสภาพบางอย่างเป็นนิพพานในปัจจุบัน (ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ) ๕
๕๘. เห็นว่าการเพียบพร้อมด้วยกามคุณ ๕ เป็นนิพพานอย่างยอดในปัจจุบัน
๕๙. เห็นว่าการเพียบพร้อมด้วยฌานที่ ๑ เป็นนิพพานอย่างยอดในปัจจุบัน
๖๐. เห็นว่าการเพียบพร้อมด้วยฌานที่ ๒ เป็นนิพพานอย่างยอดในปัจจุบัน
๖๑. เห็นว่าการเพียบพร้อมด้วยฌานที่ ๓ เป็นนิพพานอย่างยอดในปัจจุบัน
๖๒. เห็นว่าการเพียบพร้อมด้วยฌานที่ ๔ เป็นนิพพานอย่างยอดในปัจจุบัน
อ้างอิง
- พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม: ทิฏฐิ 2
- พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
thithi xanwa thidthi bali thit thi xngkvs View aeplwa karehn inphraphuththsasnaichinkhwamhmayediywkb micchathithi khuxkarehnphid mi 2 prakar idaek ssstthithi karehnwaethiyng xucechththithi karehnwakhadsuy epntn hakepnkarehnthuk xngkvs Right View eriykwa smmathithi epnxngkhprakxbhnungkhxng pyya hrux karehntrng hrux thithiwisuththi sunghmaythungkhwamruekhaicolktamthiepncring waepnxngkhprachumkhxngnamrup miekid db epliynaeplng imxacyudthuxexaepntwtnepnstwbukhkhlid epnehtukhmkhwamekhaicphidimhlngephlidephlinolk nxkcakniinphasaithymkichinkhwamhmaywakhwamxwdduxthuxdi khwamduxrn rntaaebngthngthiruwaphidaetimyxmrbaelaimyxmaekikh echnthiichwa ekhamithithimak imyxmlngikhr thithimanakhxngekhathaihekhaekhakbikhrimidelyinthithangan thitthi 62puphphntkppika puphphntkppikthitthi aeplwa khwamehnhruxthvsdikhxngphwkthikahndkhun xasyswnkhxngkhnth ebyckhnth xnepnxdit ssstthitthi 4 1 ehnwa twtn xtta aelaolkethiyng ephraaralukchatiid tngaetchatiediyw cnthungaesnchati 2 ehnwa twtn aelaolkethiyng ephraaralukchatiidepnkpp tngaetkppediywthungsibkpp 3 ehnwa twtn aelaolkethiyng ephraaralukchatiidmakkpp tngaetsibkppthungsisibkpp 4 nkeda edatamkhwamkhidkhadkhaenwaolkethiyng exkccssstikthitthi exkccxssstikthitthi 4 5 ehnwa phraphrhmethiyng aetphwkerathiphraphrhmsrangimethiyng 6 ehnwa ethwdaphwkxunethiyngphwkthimiothsephraaelnsnuksnan khiththapothsika imethiyng 7 ehnwa ethwdaphwkxunethiyng phwkthimiothsephraakhidrayphuxun monpothsika imethiyng 8 nkeda edatamkhwamkhidkhadkhaenwa twtnfaykayimethiyng twtnfaycitethiyng 3 hmwdehnwamithisud aelaimmithisud xntanntikthitthi 4 9 ehnwaolkmithisud 10 ehnwaolkimmithisud 11 ehnwaolkmithisud echphaadanbnkbdanlang swndankwang hruxdankhwang immithisud 12 nkeda edatamkhwamkhidkhadkhaenwa olkmithisudkimich immithisudkimich xmrawikekhpikthitthi 4 13 ekrngwacaphudpd cungphudptiesthwa xyangnikimich xyangnnkimich xyangxunkimich miich xair kimich 14 ekrngwacayudthux cungphudptiesthaebbkhx 1 15 ekrngwacathuksktham cungphudptiesthaebbkhx 1 16 ephraaongekhla cungphudptiesthaebbkhx 1 aelaimyxmrbhruxyunynxairely xthiccsmuppnnikthitthi 2 17 ehnwasingtang mikhunexng odyimmiehtu ephraaekhyekidepnxsyyistw 18 nkeda edaexatamkhwamkhidkhadkhaenwa singtang mikhunexngodyimmi xprntkppikwath xprntkppikwath phuprarphebuxngplay idaekswnthiepnxnakht mi 5 klum aebngyxyxxkepn 44 sank in 5 klumkhxngnkkhid samklumaerkehnwa xtta xatmn hruxwiyyan hlngtayaelwyngmixyu xuththmakhatnika inlksnaepnthrphy Substance epntwrxngrbkhunsmbtitang epntwipekidihm subphphchatinirndr xorkha syyithitthi ehnwa xttahlngtayaelwmisyya 19 xttathimirup yngyun misyya 20 xttathiimmirup yngyun misyya 21 xttathngthimirup thngthiimmirup yngyun misyya 22 xttathngthimirupkmiich thngthiimmirupkmiich yngyun misyya 23 xttathimithisud yngyun misyya 24 xttathiimmithisud yngyun misyya 25 xttathngthimithisud thngthiimmithisud yngyun misyya 26 xttathngthimithisudkmiich thngthiimmithisudkmiich yngyun misyya 27 xttathimisyyaxyangediywkn yngyun misyya 28 xttathimisyyatangkn yngyun misyya 29 xttathisyyayxmeya yngyun misyya 30 xttathimisyyahapramanmiid yngyun misyya 31 xttathimisukhxyangediyw yngyun misyya 32 xttathimithukkhxyangediyw yngyun misyya 33 xttathimithngsukhaelathukkh yngyun misyya 34 xttathimithukkhkmiich sukhkmiich yngyun misyya tnthng 16 praephthni tayipaelw kmisyya khuxkhwamcaidhmayruthngsin hmwdehnwaimmisyya xsyyithitthi 8 tnmirupcnthungtnmithisudkmiich immithisudkmiich thng 8 praephthni tayipaelwkimmisyya khuximmikhwamcaidhmayru 35 xttathimirup ebuxnghnaaettay yxmimaeprphn immisyya 36 xttathiimmirup ebuxnghnaaet tay yxmimaeprphn immisyya 37 xttathngthimirupaelaimmirup ebuxnghnaaettay yxmimaeprphn immisyya 38 xttathimirupkimich thiharupmi idkmiich ebuxnghnaaettay yxmimaeprphn immisyya 39 xttathimithisud ebuxnghnaaet tay yxmimaeprphn immisyya 40 xttathihathisudmiid ebuxnghna aettay yxmimaeprphn immisyya 41 xttathngthimithisudaelaimmithisud ebuxnghnaaettay yxmimaeprphn immisyya 42 xttathimithisudkimich thihathisud miidkimich ebuxnghnaaettay yxmimaeprphn immisyya hmwdehnwamisyyakmiich immisyyakmiich enwsyyinasyyithitthi 8 khx 43 thungkhx 50 khangtn khux tnmirup cnthungtnmithisudkmiich immithisudkmiich thng 8 praephthni tayipaelw misyyakmiich immisyyakmiich 1 xttathimirup ebuxnghnaaettay yxmimaeprphn cungbyytixttannwa misyyakimich immisyyakimich 2 xttathiimmirup ebuxnghnaaet tay yxmimaeprphn cungbyytixttannwa misyyakimich immisyyakimich 3 xttathngthimirupaelaimmirup ebuxnghnaaettay yxmimaeprphn cungbyytixttannwa misyyakimich immisyyakimich 4 xttamirupkimich immirupk imich ebuxnghnaaettay yxmimaeprphn cungbyytixttannwa misyyakimich immisyyakimich 5 xttathimithisud ebuxnghnaaettay yxmimaeprphn cungbyytixttannwa misyyakimich immisyyakimich 6 xttathiimmithisud ebuxnghnaaet tay yxmimaeprphn cungbyytixttannwa misyyakimich immisyyakimich 7 xttathngthimithisudaelaimmithisud ebuxnghnaaettay yxmimaeprphn cungbyytixttannwa misyyakimich immisyyakimich 8 xttamithisudkimich immithisudk imich ebuxnghnaaettay yxmimaeprphn cungbyytixttannwa misyyakimich immisyyakimich hmwdehnwa khadsuy xucechththitthi 7 51 tnthiepnkhxngmnusyaelastw 52 tnthiepnkhxngthiphy mirup kinxaharhyab 53 tnthiepnkhxngthiphy mirup saerccakic 54 tnthiepnxakasanycaytna 55 tnthiepnwiyyanasyyaytna 56 tnthiepnxakiycyyaytna 57 tnthiepnenwsyyanasyyaytna thng 7 praephthni emuxsinchiphaelwkkhadsuy imekidxik hmwdehnsphaphbangxyangepnniphphaninpccubn thitththrrmniphphanthitthi 5 58 ehnwakarephiybphrxmdwykamkhun 5 epnniphphanxyangyxdinpccubn 59 ehnwakarephiybphrxmdwychanthi 1 epnniphphanxyangyxdinpccubn 60 ehnwakarephiybphrxmdwychanthi 2 epnniphphanxyangyxdinpccubn 61 ehnwakarephiybphrxmdwychanthi 3 epnniphphanxyangyxdinpccubn 62 ehnwakarephiybphrxmdwychanthi 4 epnniphphanxyangyxdinpccubnxangxingphraphrhmkhunaphrn prayuthth pyut ot phcnanukrmphuththsastr chbbpramwlthrrm thitthi 2 phrathrrmkittiwngs thxngdi suretoch p th 9 rachbnthit phcnanukrmephuxkarsuksaphuththsasn chud khawd wdrachoxrsaram krungethph ph s 2548 bthkhwamsasnaphuththniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk