ตัวแยกลำแสง (beam splitter) เป็นเครื่องมือทางทัศนศาสตร์ที่แยกลำแสงหนึ่งลำออกเป็นสองลำ และเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเครื่องมือทางแสงหลายอย่าง เช่น อินเตอร์เฟอโรมิเตอร์ ไปจนถึงอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ใช้ใยแก้วนำแสง
การออกแบบ
เครื่องแยกลำแสงที่พบมากที่สุดคือลูกบาศก์ แก้ว ที่ประกอบด้วยปริซึมรูปสามเหลี่ยม 2 ก้อนที่ยึดติดในแนวทแยงด้วยกาว พอลิเอสเทอร์ อีพอกซี หรือ โพลียูรีเทน หลังจากปรับความหนาของกาวแล้ว ครึ่งหนึ่งของลำแสงที่ความยาวคลื่นเฉพาะที่เข้าจากด้านหนึ่งของตัวแยกลำแสงจะทะลุผ่านและอีกครึ่งหนึ่งจะสะท้อนกลับ
การออกแบบในลักษณะอื่น เช่น ทำโดยการเคลือบแผ่นกระจกหรือพลาสติกด้วยชั้นของอะลูมิเนียมหนาจนลำแสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะถูกแบ่งเท่า ๆ กันเมื่อกระทบกระจกในมุม 45 องศา และเพื่อลดแสงที่เคลือบผิวไว้ เกิดเป็นตัวแยกลำแสงที่เรียกว่า "เนยแข็งสวิส" (Swiss-cheese) แผ่นเหล็กที่มีรูพรุนขัดเงาบางส่วนถูกฉาบลงบนแก้ว เพื่อป้องกันไม่ให้โลหะบนนั้นถูกกัดกร่อนด้วยสารเคมี นอกจากการเคลือบโลหะแล้วยังมีการเคลือบชั้นแสงไดโครอิกอีกด้วย
ประเภทที่สามคือ ปริซึมไดโครอิก ซึ่งทำโดยการเอาปริซึมที่แตกต่างกันมาประกอบกัน โดยใช้การเคลือบไดโครอิกเพื่อแยกแสงที่ตกกระทบออกเป็นลำแสงหลายช่วงความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน เครื่องมือนี้ถูกนำมาใช้ในเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น สี สำหรับการใช้งานในปัจจุบัน เช่น อุปกรณ์ถ่ายเทประจุแสงสามสีสำหรับกล้องถ่ายรูป (แปลงภาพเป็นแสงสีเดียว) และ จอภาพผลึกเหลวสามสีสำหรับโทรทัศน์ (รวมแสงสีเดียวเข้ากับภาพที่ฉาย)
การประกบไขว้ของเส้นใยแก้วนำแสงโหมดเดียวในเครือข่ายเชิงแสงแบบพาสซีฟก็สามารถนำมาใช้แยกแสงได้
การเปลี่ยนเฟส
ในตัวอย่างเช่น (Mach-Zehnder interferometer) จะใช้ตัวแยกลำแสงเพื่อทำการรวมลำแสงบางส่วน ในทางทฤษฎี ลำแสงตกกระทบสองลำจะปล่อยลำแสงสองลำ แต่ตามหลักแล้วตัวแยกลำแสงอาจทำให้แอมพลิจูดของลำแสงลำหนึ่งกลายเป็นศูนย์ แต่เนื่องจากการอนุรักษ์พลังงาน รังสีอย่างน้อยหนึ่งรังสีจะถูกเปลี่ยนเฟส ตัวอย่างเช่น เมื่อแสงโพลาไรซ์ มาถึงพื้นผิวของวัสดุไดอิเล็กตริก (เช่น แก้ว) และสนามไฟฟ้าของคลื่นแสงอยู่บนระนาบของผิววัสดุไดอิเล็กตริก แสงสะท้อนอาจมีการเลื่อนเฟสเป็น π ในขณะที่แสงที่ส่องผ่านจะไม่มีการเลื่อนเฟส การเลื่อนเฟสสามารถคำนวณได้จากสมการแฟรแนล อย่างไรก็ตาม การเลื่อนเฟสจะได้รับผลกระทบจากคุณสมบัติทางกายภาพและทางเรขาคณิตของตัวแยกลำแสงด้วย เช่นอาจใช้ไม่ได้กับชั้นเคลือบที่เป็นตัวนำไฟฟ้า และลำแสงที่ปล่อยออกมา 2 ลำจะมีการเลื่อนเฟสไป
ดูเพิ่ม
- โพลาไรเซอร์ - ลำแสงโพลาไรซ์ เช่น ปริซึมวอลลัสตัน ใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติการหักเหสองแนวเพื่อแยกแสงของโพลาไรเซชัน ต่าง ๆ
- (diffractive beam splitter) - ใช้สร้างชุดของลำแสงที่เหมือนกัน
- ปริซึมไดโครอิก (dichroic prism) - แบ่งแสงที่ตกกระทบออกเป็นแสงที่มีความยาวคลื่นต่างกัน
- (pellicle Mirror) - รูปแบบพิเศษของตัวแยกลำแสง ใช้ในอุปกรณ์ถ่ายภาพ
อ้างอิง
- Zetie, K P; Adams, S F; Tocknell, R M, (PDF), คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-07-30, สืบค้นเมื่อ 2014-02-13
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
twaeyklaaesng beam splitter epnekhruxngmuxthangthsnsastrthiaeyklaaesnghnunglaxxkepnsxngla aelaepnswnprakxbthisakhykhxngekhruxngmuxthangaesnghlayxyang echn xinetxrefxormietxr ipcnthungxupkrnothrkhmnakhmthiichiyaekwnaaesngtwaeyklaaesngkhnadtang phaphkarthangankhxngtwaeyklaaesng 1 aesngtkkrathb 2 aesngsxngphan 50 3 aesngsathxn 50 twaeyklaaesngxlumieniymkareluxnefskhxngtwaeyklaaesngekhluxbidxielkthrikkarxxkaebbekhruxngaeyklaaesngthiphbmakthisudkhuxlukbask aekw thiprakxbdwyprisumrupsamehliym 2 kxnthiyudtidinaenwthaeyngdwykaw phxliexsethxr xiphxksi hrux ophliyuriethn hlngcakprbkhwamhnakhxngkawaelw khrunghnungkhxnglaaesngthikhwamyawkhlunechphaathiekhacakdanhnungkhxngtwaeyklaaesngcathaluphanaelaxikkhrunghnungcasathxnklb karxxkaebbinlksnaxun echn thaodykarekhluxbaephnkrackhruxphlastikdwychnkhxngxalumieniymhnacnlaaesngthimikhwamyawkhlunechphaathukaebngetha knemuxkrathbkrackinmum 45 xngsa aelaephuxldaesngthiekhluxbphiwiw ekidepntwaeyklaaesngthieriykwa enyaekhngswis Swiss cheese aephnehlkthimiruphrunkhdengabangswnthukchablngbnaekw ephuxpxngknimiholhabnnnthukkdkrxndwysarekhmi nxkcakkarekhluxbolhaaelwyngmikarekhluxbchnaesngidokhrxikxikdwy praephththisamkhux prisumidokhrxik sungthaodykarexaprisumthiaetktangknmaprakxbkn odyichkarekhluxbidokhrxikephuxaeykaesngthitkkrathbxxkepnlaaesnghlaychwngkhwamyawkhlunthiaetktangkn ekhruxngmuxnithuknamaichinethkhonolyitang echn si sahrbkarichnganinpccubn echn xupkrnthayethpracuaesngsamsisahrbklxngthayrup aeplngphaphepnaesngsiediyw aela cxphaphphlukehlwsamsisahrbothrthsn rwmaesngsiediywekhakbphaphthichay karprakbikhwkhxngesniyaekwnaaesngohmdediywinekhruxkhayechingaesngaebbphassifksamarthnamaichaeykaesngidkarepliynefsintwxyangechn Mach Zehnder interferometer caichtwaeyklaaesngephuxthakarrwmlaaesngbangswn inthangthvsdi laaesngtkkrathbsxnglacaplxylaaesngsxngla aettamhlkaelwtwaeyklaaesngxacthaihaexmphlicudkhxnglaaesnglahnungklayepnsuny aetenuxngcakkarxnurksphlngngan rngsixyangnxyhnungrngsicathukepliynefs twxyangechn emuxaesngophlairs mathungphunphiwkhxngwsduidxielktrik echn aekw aelasnamiffakhxngkhlunaesngxyubnranabkhxngphiwwsduidxielktrik aesngsathxnxacmikareluxnefsepn p inkhnathiaesngthisxngphancaimmikareluxnefs kareluxnefssamarthkhanwnidcaksmkaraefraenl xyangirktam kareluxnefscaidrbphlkrathbcakkhunsmbtithangkayphaphaelathangerkhakhnitkhxngtwaeyklaaesngdwy echnxacichimidkbchnekhluxbthiepntwnaiffa aelalaaesngthiplxyxxkma 2 lacamikareluxnefsipduephimophlairesxr laaesngophlairs echn prisumwxllstn ichwsduthimikhunsmbtikarhkehsxngaenwephuxaeykaesngkhxngophlaireschn tang diffractive beam splitter ichsrangchudkhxnglaaesngthiehmuxnkn prisumidokhrxik dichroic prism aebngaesngthitkkrathbxxkepnaesngthimikhwamyawkhluntangkn pellicle Mirror rupaebbphiesskhxngtwaeyklaaesng ichinxupkrnthayphaphxangxingZetie K P Adams S F Tocknell R M PDF khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2020 07 30 subkhnemux 2014 02 13