ดาวมงกุฎหนาม | |
---|---|
ดาวมงกุฎหนามใน | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Echinodermata |
ชั้น: | Asteroidea |
อันดับ: | |
วงศ์: | |
สกุล: | |
สปีชีส์: | A. planci |
ชื่อทวินาม | |
Acanthaster planci (Linnaeus, 1758) |
ดาวมงกุฎหนาม หรือ ดาวหนาม (อังกฤษ: Crown-of-thorns starfish, ชื่อวิทยาศาสตร์: Acanthaster planci) เป็นดาวทะเลชนิดหนึ่ง
เป็นดาวทะเลขนาดใหญ่ มีแขนรวมกันทั้งหมด 16-21 แฉก มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 25-30 เซนติเมตร พบกระจายพันธุ์ทั่วไปในทะเลเขต ตามผิวหนังมีหนามยาวคล้ายเม่น ปากอยู่ทางด้านล่าง มีกระเพาะอยู่ด้านนอก ใต้แขนมีขาขนาดเล็ก ๆ คล้าย ๆ กับปุ่มที่หนวดปลาหมึกเป็นจำนวนมากยื่นออกมายึดเกาะพื้น ตรงกลางตัวด้านล่างมีปาก มีหนามแหลมคมปกคลุมที่ตัวทางด้านบน บนหนามมีสารซาโปนินเคลือบอยู่ ซึ่งมีพิษต่อสัตว์หลายชนิด เป็นสัตว์ที่แยกเพศ มีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ โดยตัวเมียปล่อยไข่ออกมานอกตัว และตัวผู้ปล่อยสเปอร์มออกมาผสมพันธุ์ ตัวเมียแต่ละตัวมีไข่ประมาณ 12-24 ล้านฟอง ฤดูกาลวางไข่ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ก็มีรายงานว่าดาวมงกุฎหนามที่เกรตแบร์ริเออร์รีฟ วางไข่ในเดือนธันวาคม และมกราคม
ดาวมงกุฎหนามเป็นสัตว์ที่กินปะการังเป็นอาหาร ในทางนิเวศวิทยาถือเป็นสัตว์ที่ควบคุมประชากรปะการังไม่ให้มากจนเกินไป แต่ในหลายพื้นที่ก็มีการแพร่ระบาดจนเกิดเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น ที่เกาะกวม แนวปะการังถูกดาวมงกุฎหนามทำลายไปเป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร ต่อเดือน บริเวณที่ถูกทำลายไปแล้วปะการังอาจฟื้นตัว ก่อตัวขึ้นใหม่ ซึ่งอาจใช้เวลานานถึง 10-40 ปี หรือนานกว่านี้ หรือในประเทศญี่ปุ่น ได้ลงทุนกำจัดดาวมงกุฎหนามโดยใช้ทุนไป 600 ล้านเยน กำจัดดาวมงกุฏหนามไป 13 ล้านตัวที่เกาะริวกิว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970-ค.ศ. 1983 แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร
และจากการศึกษาในระยะหลัง มีการสรุปว่าปริมาณดาวมงกุฎหนามในพื้นที่ 1 เฮกตาร์ (10,000 ตารางเมตร) หากมีจำนวนเกิน 10 ตัว ก็ถือว่าอยู่ในระดับระบาดแล้ว ถ้าเกิน 30 ตัว ถือว่าระบาดรุนแรงมาก เมื่อดาวมงกุฎหนามระบาด ความเสียหายที่เกิดขึ้นในแนวปะการังจะแผ่เป็นบริเวณกว้างกว่าที่จะเกิดจากสาเหตุการทำลายโดยปัจจัยอื่น ๆ เพราะดาวมงกุฎหนามสามารถคืบคลานกินปะการังได้ทุกซอกทุกมุม
แต่ดาวมงกุฎหนามเองก็มีศัตรูตามธรรมชาติ คือ หอยสังข์แตร (Charonia tritonis) ที่กินดาวมงกุฎหนามเป็นอาหาร ถือเป็นสัตว์ที่เป็นตัวควบคุมมิให้ปริมาณดาวมงกุฏหนามมีปริมาณมากเกินไปด้วย รวมถึงปูขนาดเล็กบางชนิดหนึ่งที่ซ่อนตัวในปะการัง ใช้ก้ามในการต่อสู้กับดาวมงกุฎหมายมิให้มากินปะการังอันเป็นที่หลบอาศัยด้วย แต่ก็ทำได้เพียงแค่ขับไล่ให้ออกไปเท่านั้น
อ้างอิง
- "อัศจรรย์โลกใต้น้ำ ตอนที่ 11". ช่อง 7. 15 January 2015. สืบค้นเมื่อ 15 January 2015.[]
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-12-17. สืบค้นเมื่อ 2012-04-14.
- ดาวมงกุฏหนาม ศัตรูตัวฉกาจของแนวปะการัง
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2012-04-14.
แหล่งข้อมูลอื่น
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Acanthaster planci ที่วิกิสปีชีส์
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
dawmngkudhnamdawmngkudhnaminkarcaaenkchnthangwithyasastrxanackr Animaliaiflm Echinodermatachn Asteroideaxndb wngs skul spichis A plancichuxthwinamAcanthaster planci Linnaeus 1758 dawmngkudhnam hrux dawhnam xngkvs Crown of thorns starfish chuxwithyasastr Acanthaster planci epndawthaelchnidhnung epndawthaelkhnadihy miaekhnrwmknthnghmd 16 21 aechk miesnphasunyklang 25 30 esntiemtr phbkracayphnthuthwipinthaelekht tamphiwhnngmihnamyawkhlayemn pakxyuthangdanlang mikraephaaxyudannxk itaekhnmikhakhnadelk khlay kbpumthihnwdplahmukepncanwnmakyunxxkmayudekaaphun trngklangtwdanlangmipak mihnamaehlmkhmpkkhlumthitwthangdanbn bnhnammisarsaopninekhluxbxyu sungmiphistxstwhlaychnid epnstwthiaeykephs mikarsubphnthuaebbxasyephs odytwemiyplxyikhxxkmanxktw aelatwphuplxysepxrmxxkmaphsmphnthu twemiyaetlatwmiikhpraman 12 24 lanfxng vdukalwangikhyngimthrabaenchd aetkmiraynganwadawmngkudhnamthiekrtaebrriexxrrif wangikhineduxnthnwakhm aelamkrakhm dawmngkudhnamepnstwthikinpakarngepnxahar inthangniewswithyathuxepnstwthikhwbkhumprachakrpakarngimihmakcnekinip aetinhlayphunthikmikaraephrrabadcnekidepnpyhasingaewdlxm echn thiekaakwm aenwpakarngthukdawmngkudhnamthalayipepnrayathang 1 kiolemtr txeduxn briewnthithukthalayipaelwpakarngxacfuntw kxtwkhunihm sungxacichewlananthung 10 40 pi hruxnankwani hruxinpraethsyipun idlngthunkacddawmngkudhnamodyichthunip 600 laneyn kacddawmngkuthnamip 13 lantwthiekaariwkiw tngaetpi kh s 1970 kh s 1983 aetkyngimprasbphlsaercethathikhwr aelacakkarsuksainrayahlng mikarsrupwaprimandawmngkudhnaminphunthi 1 ehktar 10 000 tarangemtr hakmicanwnekin 10 tw kthuxwaxyuinradbrabadaelw thaekin 30 tw thuxwarabadrunaerngmak emuxdawmngkudhnamrabad khwamesiyhaythiekidkhuninaenwpakarngcaaephepnbriewnkwangkwathicaekidcaksaehtukarthalayodypccyxun ephraadawmngkudhnamsamarthkhubkhlankinpakarngidthuksxkthukmum aetdawmngkudhnamexngkmistrutamthrrmchati khux hxysngkhaetr Charonia tritonis thikindawmngkudhnamepnxahar thuxepnstwthiepntwkhwbkhummiihprimandawmngkuthnammiprimanmakekinipdwy rwmthungpukhnadelkbangchnidhnungthisxntwinpakarng ichkaminkartxsukbdawmngkudhmaymiihmakinpakarngxnepnthihlbxasydwy aetkthaidephiyngaekhkhbilihxxkipethannxangxing xscrryolkitna txnthi 11 chxng 7 15 January 2015 subkhnemux 15 January 2015 lingkesiy khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 12 17 subkhnemux 2012 04 14 dawmngkuthnam strutwchkackhxngaenwpakarng khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2016 03 04 subkhnemux 2012 04 14 wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb Acanthaster planciaehlngkhxmulxunkhxmulthiekiywkhxngkb Acanthaster planci thiwikispichis