จุดสำหรับติดตามเครื่องพิมพ์

จุดสำหรับติดตามเครื่องพิมพ์ (อังกฤษ: printer tracking dot), พรินเทอร์สเทกาโนกราฟี (อังกฤษ: printer steganography), จุดติดตามแบบดอคูคัลเลอร์ (อังกฤษ: DocuColor tracking dots), จุดเหลือง, จุดความลับ, หรือ รหัสระบุเครื่อง (อังกฤษ: machine identification code; MIC) เป็นลายน้ำดิจิทัลที่เครื่องพิมพ์เลเซอร์และเครื่องถ่ายเอกสารแบบสีจำนวนมากจะพิมพ์ออกมาทุกหน้าเพื่อระบุเครื่องพิมพ์โดยเฉพาะ ๆ เป็นวิธีที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัทซีร็อกซ์และแคนนอนในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1980 แต่การใช้โค้ดเช่นนี้เพิ่งเปิดเผยเป็นสาธารณะเป็นครั้งแรกใน ค.ศ. 2004

จุดสีเหลืองบนกระดาษสีขาว ที่พิมพ์โดยเครื่องปริ้นสีแบบเลเซอร์ (เป็นภาพขยาย เส้นผ่าศูนย์กลางจุดอยู่ที่ประมาณ 0.1 มม.)

ประวัติ

ในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1980 ซีร็อกซ์ได้เป็นผู้บุกเบิกการเข้ารหัส โดยเลขที่มีเอกลักษณ์จะถูกแสดงเป็นจุดเล็ก ๆ กระจายไปทั่วหน้าที่พิมพ์ออกมา มีการใช้งานครั้งแรกในเครื่องพิมพ์ตระกูล DocuColor เครื่องพิมพ์ของซีร็อกซ์ได้พัฒนาระบบการติดตามแบบลับ ๆ เพื่อป้องกัน "การใช้เครื่องถ่ายเอกสารสีในการทำธนบัตรปลอม" โดยซีร็อกซ์ได้รับสิทธิบัตรหมายเลข 5515451 จากประเทศสหรัฐอเมริกา ในเวลาต่อมามีการนำไปใช้ในเครื่องถ่ายเอกสารอย่างกว้างขวางในหลากหลายยี่ห้อ

สาธารณชนได้รับรู้ถึงเทคโนโลยีในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2004 เมื่อเจ้าหน้าที่ชาวดัตช์ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในการติดตามการปลอมแปลงจากเครื่องพิมพ์สีแคนนอน

ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2004,  [en]รายงานว่ามีการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นเวลาหลายทศวรรษในเครื่องพิมพ์บางประเภท เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถระบุและติดตามผู้ที่แปลมแปลงได้

Central Bank Counterfeit Deterrence Group (CBCDG) ออกมากล่าวว่าไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบนี้

รูปแบบการถอดรหัส ที่ถูกค้นพบโดย EFF

ใน ค.ศ. 2005 กลุ่มประท้วงสิทธิของบุคคล Electronic Frontier Foundation (EFF) ได้กระตุ้นให้สาธารณชนส่งตัวอย่างการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ตัวเองมาให้ EFF และได้ถอดรหัสสำเร็จในเวลาต่อมา

รหัสนี้พบได้ในเครื่องพิมพ์หลากหลายรุ่นและผู้ผลิต

ใน ค.ศ. 2015 EFF ระบุว่าเอกสารที่ได้รับก่อนหน้านี้ผ่าน [en] โดยใจความเอกสารแนะนำให้ทุกบริษัทที่ผลิตเครื่องถ่ายเอกสารสีแบบเลเซอร์ทำข้อตกลงลับกับรัฐบาล เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์จากเครื่องสามารถตรวจสอบได้ด้วยเทคโนโลยีทางนิติวิทยาศาสตร์

เราก็ยังไม่ทราบว่าข้อมูลนี้เป็นความจริงหรือไม่ หรือเทคโนโลยีการติดตามทางนิติวิทยาศาสตร์รุ่นถัดไปจะทำงานอย่างไร วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือให้สันนิษฐานว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์สีสมัยใหม่ทั้งหมดมีการเชื่อมโยงเอกสารกับจุดสำหรับติดตาม (หากผู้ผลิตรายใดต้องการออกแถลงการณ์ที่ขัดแย้งกับข้อมูลนี้ เราจะยินดีเผยแพร่ข้อมูลใหม่ที่นี้)

— Electronic Frontier Foundation (2017)

ใน ค.ศ. 2007 รัฐสภายุโรปตั้งคำถามว่า[เทคโนโลยีนี้]เป็นการบุกรุกความเป็นส่วนตัวหรือไม่

ด้านเทคนิค

จุดสีเหลืองที่สร้างโดย HP Color LaserJet CP1515n

รูปแบบนั้นประกอบไปด้วย การกระจายทั่วไปแบบแมทริกซ์ของจุดสีเหลืองที่แทบจะไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ละจุดมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่หนึ่งในสิบของมิลลิเมตร (0.004") และมีช่องว่างขนาด 1 มิลลิเมตร (0.039") การจัดเรียงของจุดเหล่านี้แปลออกมาเป็นข้อมูลหมายเลขประจำเครื่อง วันที่และเวลาที่พิมพ์ มีการทำซ้ำจุดพวกนี้หลายครั้งทั่วกระดาษเผื่อในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาด

ตัวอย่างเช่น ถ้าโคดประกอบด้วย 8 × 16 จุดในรูปแบบสี่เหลี่ยมหรือหกเหลี่ยม จะกระจายไปทั่วพื้นผิวประมาณ 4 ตารางเซนติเมตร (0.62 ตารางนิ้ว) และปรากฎบนกระดาษขนาด A4 ประมาณ 150 ครั้ง ดังนั้นจึงสามารถวิเคราะห์ได้แม้จะมีกระดาษเพียงบางส่วน เครื่องพิมพ์บางรุ่นจะจัดจุดสีเหลืองในรูปแบบคล้ายกลุ่มจุดที่ดูเหมือนก้อนเมฆ

อ้างอิงจาก w:en:Chaos Computer Club ใน ค.ศ. 2005 เครื่องถ่ายเอกสารสีได้ทิ้งจุดในรูปแบบจุดแมทริกซ์ขนาด 32x16 สามารถเก็บข้อมูลได้ 64 ไบต์ (64x8)

ใน ค.ศ. 2011 ซีร็อกซ์นำจุดเหล่านี้มาดึงดูดให้ผู้คนสนใจมากขึ้น โดยได้ระบุในข้อความประชาสัมพันธ์สินค้าว่า "เครื่องถ่ายเอกสารสีแบบข้อมูลดิจิทัลของเรา[ซีร็อกซ์]มาพร้อมกับระบบป้องกันการปลอมแปลงและระบบตรวจจับธนบัตรตามกฎกระทรวงของหลายประเทศ แต่ละหน้าจะมีเครื่องหมายและสัญลักษณ์ทำให้สามารถรู้ได้ว่ามาจากอุปกรณ์ใด แต่รหัสเหล่านี้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า"

ใน ค.ศ. 2018, นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคนิคเดรสเดินได้วิเคราะห์รูปแบบการทำซ้ำในเครื่องถ่ายเอกสาร 106 รุ่นจาก 18 ผู้ผลิต และพบว่ามีรูปแบบการเข้ารหัสอยู่ 4 รูปแบบ

การมองเห็น

จุดสีเหลืองขนาดเล็กบนเอกสารพิมพ์ซึ่งแสดงถึงรหัสที่ซ่อนอยู่บนเครื่อง HP Color LaserJet 3700

เราสามารถมองเห็นจุดได้โดยการถ่ายเอกสารหรือการคัดลอกหน้าและนำส่วนเล็ก ๆ ไปสแกนด้วยเครื่องสแกนที่มีความละเอียดสูง จากนั้นสามารถเพิ่มความเข้มของช่องสีเหลืองด้วยโปรแกรมประมวลผลภาพ เพื่อให้จุดมองเห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ภายใต้แสงที่มีคุณภาพ การใช้แว่นขยายอาจจะเพียงพอในการเห็นจุด หรือภายใต้แสงรังสีอัลตราไวโอเลตก็สามารถเห็นจุดสีเหลืองได้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน

การติดตามจุดภายใต้แสรังสีอัลตราไวโอเลตแบบปกติ (เครื่องหมายสีแดงและน้ำเงิน) และการเรียงตัวไม่สม่ำเสมอ (สีเขียว)

ด้วยกระบวนการวิทยาการอำพรางข้อมูล สำเนาคุณภาพสูงของต้นฉบับ (เช่น ธนบัตร) เมื่ออยู่ภายใต้แสงสีฟ้าสามารถทำให้ระบุตัวตนได้ นอกจากนี้ แม้แต่เอกสารที่ถูกทำลายเป็นชิ้น ๆ ก็สามารถระบุตัวตนได้ โดยใน ค.ศ. 2011 "[[:w:en:Shredder Challenge}]" ที่เริ่มโดยดาร์ปาได้รับการแก้โดยทีม "All Your Shreds Are Belong To U.S." ซึ่งประกอบด้วย w:en:Otavio Good และเพื่อนร่วมทีมอีกสองคน

การใช้งานจริง

ทั้งนักข่าวและผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยได้แสดงความคิดเห็นว่า การจัดการข้อมูลรั่วไหลของ w:en:The Intercept ซึ่งมาจากผู้เปิดโปงข้อมูล w:en:Reality Winner โดยการเผยแพร่เอกสารลับของ NSA โดยไม่ปกปิดข้อมูลสำคัญ จุดติดตามของเครื่องพิมพ์เป็นปัจจัยที่ใช้ในการระบุตัว Reality Winner ว่าเป็นผู้เปิดเผยข้อมูล ทำให้นำไปสู่การจับกุมใน ค.ศ. 2017 และการตัดสินโทษในเวลาต่อมา

การปกป้องความเป็นส่วนตัวและการหลีกเลี่ยง

การบันทึกหรือการถ่ายเอกสารที่มีข้อมูลส่วนตัวของ เช่น ประวัติการรักษาสุขภาพ เงินในบัญชีธนาคาร แบบฟอร์มยื่นภาษี หรือบัญชีงบดุล สามารถถูกติดตามกลับไปยังเจ้าของเครื่องพิมพ์ได้และวันที่พิมพ์ได้ ความสามารถในการติดตามนี้ไม่เป็นที่ทราบของผู้ใช้จำนวนมาก และไม่ชัดเจนว่าข้อมูลใดบ้างที่อาจถูกส่งต่อโดยไม่ตั้งใจพร้อมกับสำเนาหรือเอกสารที่พิมพ์ออกมา ใน ค.ศ. 2005 EFF ได้ค้นหาวิธีการถอดรหัสและเผยแพร่ด้วยรหัสไพธอนสำหรับการวิเคราะห์

ใน ค.ศ. 2018 นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเทคนิคเดรสเดินได้พัฒนาและเผยแพร่อุปกรณ์สำหรับสกัดและวิเคราะห์รหัสสเตกาโนกราฟีของเครื่องพิมพ์สี และทำให้เอกสารที่พิมพ์จากเครื่องนั้นไม่ระบุตัวตน การไม่ระบุตัวตนทำงานโดยการพิมพ์จุดสีเหลืองเพิ่มเติมทับบนจุดติดตามของเครื่องพิมพ์ นักวิทยาศาสตร์ได้ทำซอฟต์แวร์นี้เพื่อสนับสนุนผู้แจ้งเบาะแสการทำความผิดในบริษัท

กระบวนการที่เทียบเคียงได้

วิธีการระบุตัวตนอื่น ๆ ไม่สามารถตรวจสอบได้ง่ายเหมือนจุดสีเหลือง เช่น การปรับความเข้มของเลเซอร์และการเปลี่ยนแปลงของเฉดสีเทาในตัวพิมพ์ ซึ่งใน ค.ศ. 2006 ยังไม่ทราบข้อมูลว่าผู้ผลิตยังคงใช้วิธีการพวกนี้หรือไม่

ดูเพิ่ม

• EURion constellation จุดศูนย์ได้กระจายไปทั่วธนบัตรซึ่งจะหยุดการประมวลผลใน PhotoShop และเครื่องถ่ายเอกสารสี

อ้างอิง

1. Tuohey, Jason (22 November 2004). "Government Uses Color Laser Printer Technology to Track Documents". PC World. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 8, 2019. สืบค้นเมื่อ December 3, 2019.
2. Escher, Stephan (28 June 2018). "Tracking Dots unlesbar machen: Interview mit Uli Blumenthal". Deutschlandfunk (ภาษาเยอรมัน).
3. US5515451A, Tsuji, Masato; Masao Seki & Svay Leng et al., "Image processing system for selectively reproducing documents", issued 1996-05-07 
4. de Vries, Wilbert (26 October 2004). "Dutch track counterfeits via printer serial numbers". PC World. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 24, 2009.
5. "DocuColor Tracking Dot Decoding Guide". ำElectronic Frontier Foundation (ภาษาอังกฤษ). 2005. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 March 2018. สืบค้นเมื่อ 5 July 2018.
6. "List of Printers Which Do or Do Not Display Tracking Dots". . September 20, 2007. สืบค้นเมื่อ 2018-12-10.
7. Lee, Robert (2005-07-27). "Freedom of Information Act (FOIA) request" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). จดหมายถึงLatita M. Huff. Electronic Frontier Foundation. สืบค้นเมื่อ 2016-11-07.
8. "Tracking codes in photocopiers and colour laser printers". Parliamentary questions. European Parliament. 20 November 2007.
9. Frank Rosengart (2005). "Datenspur Papier" (PDF). Die Datenschleuder, Das wissenschaftliche Fachblatt für Datenreisende [technical factsheet]. Datenschleuder. Hamburg: Chaos Computer Club. pp. 19–21. ISSN 0930-1054. สืบค้นเมื่อ 2011-02-27.
10. "Abschnitt „Technische Daten des Digitalen Farbdrucksystems Xerox DocuColor 6060"" (PDF). Xerox DocuColor® 6060 Digitales Farbdrucksystem (Prospectus). Neuss: Xerox GmbH. p. 8. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF; 1,4 MB)เมื่อ 2013-10-10. สืบค้นเมื่อ 2011-02-27.
11. "Beitrag bei Druckerchannel: Big Brother is watching you: Code bei Farblasern entschlüsselt". Druckerchannel.de. October 26, 2005.
12. "CONGRATULATIONS to "All Your Shreds Are Belong To U.S."!". Defense Advanced Research Projects Agency. 2011-11-21. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 25, 2016. สืบค้นเมื่อ 2014-06-12.
13. "Tip for Bad Guys: Burn, Don't Shred". . 2011-12-15. สืบค้นเมื่อ 2014-06-12.
14. Anderson, L.V. (June 6, 2017). "Did The Intercept Betray Its NSA Source With Sloppy Reporting?". Digg. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 1, 2019.
15. Wemple, Erik (June 6, 2017). "Did the Intercept bungle the NSA leak?". The Washington Post. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 13, 2018.
16. "docucolor.cgi - CGI script to interpret Xerox DocuColor forensic dot pattern". Electronic Frontier Foundation. 2005. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-05-08. สืบค้นเมื่อ 2018-10-03.
17. "So verpfeift dich dein Drucker nicht". Deutschlandfunk Nova (ภาษาเยอรมัน). 26 June 2018.
18. Chiang, Pei-Ju; Mikkilineni, Aravind K.; Suh, Sungjoo; ; Chiu, George T.-C.; Delp, Edward J. (2006). "Printer Characterization and Signature Embedding for Security and Forensic Applications" (PDF). CERIAS Security Seminar. Purdue University. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ August 22, 2017. สืบค้นเมื่อ June 9, 2017.

แหล่งข้อมูลอื่น

• Laudatio der deutschen BigBrotherAwards 2004 (ในภาษาเยอรมัน)
• Information by the Chaos Computer Club เก็บถาวร มีนาคม 13, 2017 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
• Information by the Electronic Frontier Foundation
• EFF List of Printers Which Do or Do Not Display Tracking Dots (ปรับปรุงล่าสุด ค.ศ. 2017)