จันทน์เทศ ชื่อสามัญ จันทน์เทศ Nutmeg ชื่อวิทยาศาสตร์ Myristica fragrans Houtt. ชื่ออื่น ๆ : ลูกจันทน์ จันทน์บ้าน (ภาคเหนือ, เงี้ยว-ภาคเหนือ), โย่วโต้วโค่ว โร่วโต้วโค่ว (จีนกลาง), เหน็กเต่าโข่ว (จีนแต้จิ๋ว) ปาลา (มาเลเซีย)
เป็นเครื่องเทศที่ได้จากพืชในวงศ์ Myristicaceae สามชนิด คือจันทน์เทศสามัญหรือจันทน์เทศหอม (M. fragrans) ที่มาจากหมู่เกาะบันดาในหมู่เกาะโมลุกกะในอินโดนีเซีย หรือหมู่เกาะเครื่องเทศที่เป็นแหล่งผลิตจันทน์เทศแหล่งเดียวในโลกมาจนกระทั่งกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 และมีปลูกในหลายประเทศทั่วโลก เช่น เกาะปีนังในมาเลเซีย และที่แคริบเบียนโดยเฉพาะที่เกรเนดา และเกระละทางตอนใต้ของอินเดีย อีกสองชนิดที่ใช้ผลิตจันทน์เทศเช่นกันแต่มีความสำคัญน้อยกว่าคือ จันทน์เทศปาปัว (M. argentea) จากนิวกินี และจันทน์เทศบอมเบย์ (M. malabarica) จากอินเดีย
ต้นจันทน์เทศมีความสำคัญสำหรับการผลิตเครื่องเทศสองอย่าง อย่างหนึ่งคือ “เม็ดจันทน์เทศ” (nutmeg) มาจากตัวเมล็ดของต้นที่มีลักษณะเป็นรูปไข่ขนาดยาวประมาณ 20 ถึง 30 มิลิเมตร (1 นิ้ว) กว้าง 15 ถึง 18 มิลิเมตร (¾ นิ้ว) และหนัก 5 ถึง 10 กรัม (¼ ถึง ½ ออนซ์) เมื่อแห้งและ “ดอกจันทน์เทศ” (mace) คือส่วนที่เป็นรกหุ้มเมล็ด เป็นเส้นสายสีออกแดงที่งอกคลุมอยู่รอบเมล็ดรอบเมล็ด เมล็ดและรกจันทน์เทศใช้ปรุงแต่งรสอาหาร ดับคาวจากเนื้อสัตว์ เครื่องเทศสองชนิดนี้ยังเป็นเครื่องเทศที่มีราคาสูงในปัจจุบัน เช่นในสหราชอาณาจักรอังกฤษเม็ดจันทน์เทศเม็ดหนึ่งตกประมาณ .50-1 ปอนด์ต่อเม็ด และ ดอกจันทน์เทศขายเป็นขวด ๆ ละประมาณ 2.50-3 ปอนด์แต่ละขวดทำมาจากเมล็ดสามสี่เมล็ด (ค.ศ. 2009)
นอกจากนั้นจันทน์เทศใช้ผลิตสินค้าประเภทอื่นด้วย เช่น ใช้แต่งกลิ่นสบู่ ผงซักฟอก ทำน้ำหอม ในอินโดนีเซียนำไปทำแยม เยลลี่ ลูกกวาด ในยุโรปใช้ปรุงรสในเค้กน้ำผึ้ง เค้กผลไม้ ทางภาคใต้ของไทยนำผลมาทำแช่อิ่ม หยี หรือจันทน์เทศสามรส หรือนำเนื้อผลจันทน์เทศสดใช้กินเป็นของขบเคี้ยวกับน้ำปลาหวานหรือพริกกับเกลือยาง (oleoresins) และ เนยจันทน์เทศ (nutmeg butter) ที่ทำเนื้อของผลจันทน์เทศ ผลใช้ทำแยมที่เรียกว่า “Morne Delice” ในเกรนาดา หรือหั่นบาง ๆ ชุบน้ำตาลเป็นของขบเคี้ยวที่เรียกว่า “manisan pala” ในปีนังนำผลสุกของจันทน์เทศนำไปทำน้ำผลไม้ โดยหั่นเนื้อเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปต้ม ปรุงรสด้วยน้ำเชื่อม
การสกัดน้ำมันหอมระเหยจากลูกจันทน์ (nutmeg) และดอกจันทน์ (mace) ซึ่งเครื่องเทศทั้ง 2 ชนิดมาจากต้นจันทน์ (Myristica fragrans Houttuyn) โดยการกลั่นด้วยไอน้ำทางตรง ปริมาณน้ำมันหอมระเหยที่ได้จากลูกจันทน์และดอกจันทน์เท่ากับ 1.58% และ 1.29% ตามลำดับ และเมื่อนำน้ำมันหอมระเหยที่ได้ไปวิเคราะห์หาองค์ประกอบด้วยเทคนิค GC/MS พบว่าน้ำมันหอมระเหยทั้ง 2 ชนิด มีองค์ประกอบหลักต่างกันและมีจำนวนองค์ประกอบไม่เท่ากัน โดยน้ำมันหอมระเหยจากลูกจันทน์มีองค์ประกอบหลักคือ sabinene(29.285%) และมีจำนวนองค์ประกอบทั้งหมด 15 ชนิด ส่วนน้ำมันหอมระเหยจากดอกจันทน์มีองค์ประกอบหลักคือ safrole (47.881%) และมีจำนวนองค์ประกอบทั้งหมด 16 ชนิด จากการทดสอบฤทธิ์ต้านสารอนุมูลอิสระ ด้วยวิธี anti 2,2-diphenyl-1-picryhydrazyl (DPPH) free radical assay พบว่าน้ำมันหอมระเหยทั้ง 2 ชนิดมีฤทธิ์ต้านสารอนุมูลอิสระ และจากการทดสอบความสามารถในการยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรียก่อโรค
ในทางการแพทย์ อินเดียใช้น้ำมันจันทน์หอมใช้ทำยาแก้ปวดหัว แก้อาการผิดปกติในทางเดินอาหาร ชาวอาหรับใช้เป็นยาขับลม แก้อาการปวดที่ไตและกระเพาะอาหาร เนื้อในเม็ดลูกจันทน์แม้จะเป็นยาแต่ถ้ารับประทานมากเกินไปเป็นพิษถึงตาย ดอกตัวผู้ที่ร่วงหล่นใต้ต้นนำมาตากแห้ง ใช้ชงน้ำร้อนดื่มเป็นชา ช่วยขับลม เนื้อผลจันทน์เทศสดฝานเป็นชิ้นกินจิ้มพริกกะเกลือช่วยทำให้กลิ่นปากสะอาด เมล็ดนำไปตากแห้งเป็นเครื่องเทศชั้นดี นำเนื้อในเม็ดมาคั่วให้หอมแล้วบดเป็นผง
องค์ประกอบทางเคมี: ดอกจันทน์มีองค์ประกอบเป็นน้ำมันระเหยง่ายราว ร้อยละ 7-14 มีองค์ประกอบทางเคมีคือ alpha-pinene (18-26.5%), beta-pinene (9.7-17.7%), sabinene (15.4-36.3%), myrcene (2.2-3.7%), limonene (2.7-3.6%), myristicin, elemicin, safrole
การเก็บเกี่ยว จันทน์เทศจะเก็บผลผลิตเมื่ออายุ 5 ปีขึ้นไป จะเริ่มออกผลผลิตได้ตลอดปีหมุนเวียนกันไป แต่ในระหว่างเดือนมิถุนายน–สิงหาคมจะมีผลผลิตมากท่ีสุด
- วิธีการเก็บเกี่ยว เมื่อผลจันทน์เทศสุก จะมีผลออกสีเหลืองนวล หรือผลเริ่มแตก และเก็บเกี่ยวโดยการใช้ไม้ขอสอย ตะกร้อ หรือกรรไกรกระตุกลงมา เพื่อทําการแปรรูปต่อไป
- การแปรรูปหลังการเก็บเกี่ยว เมื่อได้จันทน์เทศมาแล้ว ทําการผ่าคัดแยกรกจันทน์เทศ เมล็ดจันทน์เทศ และเปลือก จันทน์เทศออกจากกัน รากจันทน์เทศกับเมล็ดจันทน์เทศ นําไปตากแดดให้แห้งแล้วอบให้แห้งสนิท ส่วนเปลือกจันทน์เทศ นําไปทําเป็นอาหาร
- การบรรจุและการเก็บรักษา เมื่อได้รกจันทน์เทศและเมล็ดจันทน์เทศแห้งมาแล้ว บรรจุถุง เพื่อส่งจําหน่ายต่อไป ไม่ควรเก็บเกิน 1 ปี จะมีแมลงปีกแข็งมากัดกิน โดยเก็บไว้ในอุณหภูมิปกติ
อ้างอิง
- [1]
- นิดดา หงส์วิวัฒน์. จันทน์เทศเป็นทั้งยาเป็นทั้งเครื่องเทศมีปลูกทางภาคใต้ของไทย.ครัว. ปีที่ 18 ฉบับที่ 210 ธันวาคม 2554 หน้า 12
- นิดดา หงส์วิวัฒน์. น้ำจันทน์เทศ. ครัว. ปีที่ 20 ฉบับ240 หน้า 12
- Shulgin, A. T., Sargent, T. W., & Naranjo, C. (1967). Chemistry and psychopharmacology of nutmeg and of several related phenylisopropylamines. United States Public Health Service Publication 1645: 202–214.
- Gable, R. S. (2006). The toxicity of recreational drugs. American Scientist 94: 206–208.
- Devereux, P. (1996). Re-Visioning the Earth: A Guide to Opening the Healing Channels Between Mind and Nature. New York: Fireside. pp. 261–262.
- Milton, Giles (1999), Nathaniel's Nutmeg: How One Man's Courage Changed the Course of History
- Erowid Nutmeg Information
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ จันทน์เทศหอม
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
cnthneths chuxsamy cnthneths Nutmeg chuxwithyasastr Myristica fragrans Houtt chuxxun lukcnthn cnthnban phakhehnux engiyw phakhehnux oywotwokhw orwotwokhw cinklang ehnketaokhw cinaetciw pala maelesiy ekhruxngethssxngchnidcakphlcnthneths emdcnthneths emld aela dxkcnthneths saysiaedng emldcnthnethskhwdisrkcnthnethstncnthnethshxminkwphlcnthnethsinxinediy epnekhruxngethsthiidcakphuchinwngs Myristicaceae samchnid khuxcnthnethssamyhruxcnthnethshxm M fragrans thimacakhmuekaabndainhmuekaaomlukkainxinodniesiy hruxhmuekaaekhruxngethsthiepnaehlngphlitcnthnethsaehlngediywinolkmacnkrathngklangkhriststwrrsthi 19 aelamiplukinhlaypraethsthwolk echn ekaapinnginmaelesiy aelathiaekhribebiynodyechphaathiekrenda aelaekralathangtxnitkhxngxinediy xiksxngchnidthiichphlitcnthnethsechnknaetmikhwamsakhynxykwakhux cnthnethspapw M argentea cakniwkini aelacnthnethsbxmeby M malabarica cakxinediy tncnthnethsmikhwamsakhysahrbkarphlitekhruxngethssxngxyang xyanghnungkhux emdcnthneths nutmeg macaktwemldkhxngtnthimilksnaepnrupikhkhnadyawpraman 20 thung 30 miliemtr 1 niw kwang 15 thung 18 miliemtr niw aelahnk 5 thung 10 krm thung xxns emuxaehngaela dxkcnthneths mace khuxswnthiepnrkhumemld epnesnsaysixxkaedngthingxkkhlumxyurxbemldrxbemld emldaelarkcnthnethsichprungaetngrsxahar dbkhawcakenuxstw ekhruxngethssxngchnidniyngepnekhruxngethsthimirakhasunginpccubn echninshrachxanackrxngkvsemdcnthnethsemdhnungtkpraman 50 1 pxndtxemd aela dxkcnthnethskhayepnkhwd lapraman 2 50 3 pxndaetlakhwdthamacakemldsamsiemld kh s 2009 nxkcaknncnthnethsichphlitsinkhapraephthxundwy echn ichaetngklinsbu phngskfxk thanahxm inxinodniesiynaipthaaeym eylli lukkwad inyuorpichprungrsinekhknaphung ekhkphlim thangphakhitkhxngithynaphlmathaaechxim hyi hruxcnthnethssamrs hruxnaenuxphlcnthnethssdichkinepnkhxngkhbekhiywkbnaplahwanhruxphrikkbekluxyang oleoresins aela enycnthneths nutmeg butter thithaenuxkhxngphlcnthneths phlichthaaeymthieriykwa Morne Delice inekrnada hruxhnbang chubnatalepnkhxngkhbekhiywthieriykwa manisan pala inpinngnaphlsukkhxngcnthnethsnaipthanaphlim odyhnenuxepnchinelk naiptm prungrsdwynaechuxm karskdnamnhxmraehycaklukcnthn nutmeg aeladxkcnthn mace sungekhruxngethsthng 2 chnidmacaktncnthn Myristica fragrans Houttuyn odykarklndwyixnathangtrng primannamnhxmraehythiidcaklukcnthnaeladxkcnthnethakb 1 58 aela 1 29 tamladb aelaemuxnanamnhxmraehythiidipwiekhraahhaxngkhprakxbdwyethkhnikh GC MS phbwanamnhxmraehythng 2 chnid mixngkhprakxbhlktangknaelamicanwnxngkhprakxbimethakn odynamnhxmraehycaklukcnthnmixngkhprakxbhlkkhux sabinene 29 285 aelamicanwnxngkhprakxbthnghmd 15 chnid swnnamnhxmraehycakdxkcnthnmixngkhprakxbhlkkhux safrole 47 881 aelamicanwnxngkhprakxbthnghmd 16 chnid cakkarthdsxbvththitansarxnumulxisra dwywithi anti 2 2 diphenyl 1 picryhydrazyl DPPH free radical assay phbwanamnhxmraehythng 2 chnidmivththitansarxnumulxisra aelacakkarthdsxbkhwamsamarthinkarybyngkarecriykhxngechuxaebkhthieriykxorkh inthangkaraephthy xinediyichnamncnthnhxmichthayaaekpwdhw aekxakarphidpktiinthangedinxahar chawxahrbichepnyakhblm aekxakarpwdthiitaelakraephaaxahar enuxinemdlukcnthnaemcaepnyaaettharbprathanmakekinipepnphisthungtay dxktwphuthirwnghlnittnnamatakaehng ichchngnarxndumepncha chwykhblm enuxphlcnthnethssdfanepnchinkincimphrikkaekluxchwythaihklinpaksaxad emldnaiptakaehngepnekhruxngethschndi naenuxinemdmakhwihhxmaelwbdepnphng xngkhprakxbthangekhmi dxkcnthnmixngkhprakxbepnnamnraehyngayraw rxyla 7 14 mixngkhprakxbthangekhmikhux alpha pinene 18 26 5 beta pinene 9 7 17 7 sabinene 15 4 36 3 myrcene 2 2 3 7 limonene 2 7 3 6 myristicin elemicin safrole karekbekiyw cnthnethscaekbphlphlitemuxxayu 5 pikhunip caerimxxkphlphlitidtlxdpihmunewiynknip aetinrahwangeduxnmithunayn singhakhmcamiphlphlitmakthisud withikarekbekiyw emuxphlcnthnethssuk camiphlxxksiehluxngnwl hruxphlerimaetk aelaekbekiywodykarichimkhxsxy takrx hruxkrrikrkratuklngma ephuxthakaraeprruptxip karaeprruphlngkarekbekiyw emuxidcnthnethsmaaelw thakarphakhdaeykrkcnthneths emldcnthneths aelaepluxk cnthnethsxxkcakkn rakcnthnethskbemldcnthneths naiptakaeddihaehngaelwxbihaehngsnith swnepluxkcnthneths naipthaepnxahar karbrrcuaelakarekbrksa emuxidrkcnthnethsaelaemldcnthnethsaehngmaaelw brrcuthung ephuxsngcahnaytxip imkhwrekbekin 1 pi camiaemlngpikaekhngmakdkin odyekbiwinxunhphumipktixangxing 1 nidda hngswiwthn cnthnethsepnthngyaepnthngekhruxngethsmiplukthangphakhitkhxngithy khrw pithi 18 chbbthi 210 thnwakhm 2554 hna 12 nidda hngswiwthn nacnthneths khrw pithi 20 chbb240 hna 12 Shulgin A T Sargent T W amp Naranjo C 1967 Chemistry and psychopharmacology of nutmeg and of several related phenylisopropylamines United States Public Health Service Publication 1645 202 214 Gable R S 2006 The toxicity of recreational drugs American Scientist 94 206 208 Devereux P 1996 Re Visioning the Earth A Guide to Opening the Healing Channels Between Mind and Nature New York Fireside pp 261 262 Milton Giles 1999 Nathaniel s Nutmeg How One Man s Courage Changed the Course of History Erowid Nutmeg Informationduephimekhruxngethsaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb cnthnethshxm