จตุคามรามเทพ หมายถึง เทพรักษาวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช สององค์ คือ ท้าวขัตตุคาม และ ท้าวรามเทพ ซึ่งเดิมในความเชื่อของศาสนาพราหมณ์เป็นเทพชั้นสูง และมีอยู่ทั่วไปทุกภาคของประเทศไทย แต่เมื่อภูมิภาคแถบอุษาคเนย์นี้รับอิทธิพลของพุทธศาสนาเข้ามา ท้าวขัตตุคาม และ ท้าวรามเทพ จึงถูกเปลี่ยนสถานะเป็นเทวดารักษาพระบรมธาตุ และเปลี่ยนชื่อให้เป็นมงคล เป็น ท้าวจตุคาม และสถิตอยู่บนที่บานประตูทางขึ้นพระบรมธาตุ ในปี พ.ศ. 2530 เมื่อครั้งมีการตั้งดวงเมืองนครศรีธรรมราชขึ้นใหม่ จึงมีการอัญเชิญ จตุคามรามเทพ ไปสถิต ณ ที่นั้นเป็นต้นมา
ความหมายและความเชื่อ
ชาวนครศรีธรรมราช มีคติความเชื่อที่ว่า องค์จตุคาม คือ พระเสื้อเมือง จตุ หมายถึง สี่ คาม (คาม-มะ) เขตคาม หมายถึง อาณาเขตหรือบ้าน เมื่อรวมกันนัยความหมายที่มากกว่าความเป็นทิศทั้ง 4 ของบ้าน หรืออาณาเขต คือทิศทั้งสี่ ซึ่งหมายถึงทิศที่มีท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ดูแลอยู่ ความหมายของจตุคามจึงเป็น ตำแหน่งของผู้เป็นใหญ่ทั้งสี่ทิศ มีท้าวจตุมหาราช ปกป้องคุ้มครองดูแล พระเสื้อเมืองจึงมีความหมายที่ควรเป็นตำแหน่ง ๆ หนึ่ง เพียงแต่ปราชญ์โบราณของเมืองสมมติขึ้นเป็นท้าวจตุคาม ผู้เป็นใหญ่ใน 4 ทิศ
องค์รามเทพ คำว่า ราม มีรากฐานมาจากพระราม ที่หมายถึงพระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระมหากษัตริย์ คำว่าเทพ ก็คือเทวดา นัยความหมายคือเป็นพระมหากษัตริย์ ที่เป็นสมมติเทพเมื่อองค์รามเทพเป็นพระทรงเมือง คำว่าทรงเมืองพ้องกับคำว่า ครองเมือง นั่งเมือง หรือผู้ปกครองบ้านเมือง ซึ่งก็คือเจ้าเมืองหรือพระมหากษัตริย์
เชื่อกันว่าเดิมนั้น องค์จตุคามรามเทพ เป็นกษัตริย์ในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช มีพระนามอย่างเป็นทางการว่า พระเจ้าจันทรภาณุ เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 2 ของราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช เชื่อว่ามีพระวรกายเป็นสีเข้ม เป็นกษัตริย์นักรบที่แกร่งกล้า เมื่อสถาปนาอาณาจักรศรีวิชัยได้อย่างมั่นคงแล้ว จึงได้สมัญญานามว่า "ราชันดำแห่งทะเลใต้" หรือมีอีกราชสมัญญานามนึงว่า "พญาพังพกาฬ" และต่อมาสำเร็จวิชา และทรงบำเพ็ญบุญเพื่อสร้างบารมีอธิษฐานจิต เป็นพระโพธิสัตว์ เพื่อบรรเทาทุกข์แก่มนุษย์ทั้งปวง แต่หากเชื่อกันว่า จตุคามรามเทพ คืออดีตกษัตริย์ศรีวิชัยแล้ว ดังเช่นที่ปรากฏในหลักจารึกกรุงศรีวิชัย อยู่ในราว พ.ศ. 1318 ผู้สร้างพระบรมธาตุเมืองนครฯ จะดูขัดแย้งกันเพราะ เป็นยุคสมัยที่ห่างจากพระเจ้าจันทรภาณุ ก่อนถึง 400 ปี
พระบรมธาตุปรากฏชัดว่า มีสององค์ คือองค์จตุคามกับท้าวรามเทพ แต่ภายหลังได้รวมเป็นองค์จตุคามรามเทพเพียงองค์เดียว ก็มิได้ผิดจากหลักศาสตร์ของการสร้าง เฉกเช่นการอธิบายในหลักของตรีมูรติ ของศาสนาฮินดูที่เป็นการรวมกันของมหาเทพทั้ง 3 พระองค์ ดังนั้น จตุคามรามเทพ จึงหมายถึง ดวงพระวิญญาณแห่งอดีตบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าผู้มาสถิตย์เป็นผู้คุ้มครองดูแลบ้านเมืองทั้งสี่ทิศทรงฤทธิ์อำนาจอย่างเต็มเปี่ยม ทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยบารมีธรรม 10 ประการ แห่งพระโพธิสัตว์ ผู้มีความเมตตาต่อมนุษย์ผู้ทุกนาม เป็นพระเทวราชโพธิสัตว์
จตุคามรามเทพ มีบริวารเป็นทหารกล้า 4 นาย คือ พญาชิงชัย, พญาหลวงเมือง, พญาสุขุม และพญาโหรา เป็นกำลังหลักในการปราบพราหมณ์ ที่เคยปกครองเมืองอยู่ก่อน เมื่อได้บ้านเมืองแล้ว ก็ได้สร้างพระบรมธาตุ สถาปนาเมือง 12 นักษัตร หรือกรุงศรีธรรมาโศกราช ฝังรากฐานพระพุทธศาสนาอย่างถาวร จนได้รับเทิดพระเกียรติว่า พญาศรีธรรมาโศกราช หรือ พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช
ปัจจุบัน จตุคามรามเทพ ได้รับความนับถืออย่างกว้างขวาง โดยเชื่อว่าทรงฤทธานุภาพในทุก ๆ ด้าน ตามจารึกของชาวศรีวิชัยได้บอกว่า "มีอานุภาพดุจดังพระอาทิตย์และพระจันทร์ ที่ขจัดความมืดมัวในโลก" การขออธิษฐานจากพระองค์นั้นทำได้โดยมีเงื่อนไข 3 ประการ
- อธิษฐานขอในสิ่งที่เป็นไปได้ โดยไม่ขัดต่อศีลธรรม
- เมื่อได้รับสิ่งที่หวังแล้ว ต้องรักษาสัจจะที่ได้ให้ไว้กับพระองค์
- ควรจะสร้างกุศลกรรมถวายแด่องค์จตุคามรามเทพ
แต่ที่สำคัญ อย่าลำพังเพียงอธิษฐาน ต้องสร้างกุศลกรรมให้แก่ตนเองให้ครบทุกด้านด้วย คือ ให้ทาน รักษาศีล และบำเพ็ญภาวนา
ภาพลักษณ์ของจตุคามรามเทพ โดยมากจะปรากฏเป็นองค์เทพบุตรในท่านั่ง มี 4 กร ถืออาวุธต่าง ๆ และนายทหาร 4 นาย นั้น จะปรากฏในรูปของหนุมาน 4 กร ถืออาวุธในท่วงท่าต่าง ๆ ทั้งนี้ก็เป็นไปตามศิลปะศรีวิชัย ที่มักสร้างสัญลักษณ์ขึ้นมาแทนความหมายต่าง ๆ
ประวัติ
ในการจัดสร้างรูปเคารพขององค์จตุคามรามเทพ เมื่อปี พ.ศ. 2530 เป็นครั้งแรกในรูปแบบพระผงสุริยัน-จันทรา ดวงตราพญาราหู มีแวดล้อมด้วยพระราหู 8 ตน ตรงกลางมีรูปของเทวรูปประทับนั่ง 2 เศียร 4 กร ทรงเครื่องอาวุธ และผู้สร้างในสมัยนั้นก็ให้ความหมายไว้ว่า คือรูปจำลองสมมติของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เป็นตัวแทนขององค์จตุคามรามเทพ กษัตริย์แห่งกรุงศรีวิชัย
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2538 ทางโหราศาสตร์เกิดสุริยคราส พาดผ่านประเทศไทย ซึ่งเกิดกระแสตื่นตัวไปทั่วประเทศในเรื่องของพระราหูกินเมือง ประชาชนต่างก็หาวัตถุมงคลหาเครื่องรางของขลัง มาแขวนติดตัวเพื่อแก้เคล็ดและสะเดาะเคราะห์ ประกอบกับนิตยสารพระเครื่องกรุงสยาม ได้ลงประวัติการสร้างทำให้มีคนรู้จักบ้าง จึงได้มีการเช่าหากันไปในบางส่วน
ในต้นปี พ.ศ. 2550 จตุคามรามเทพได้รับความนิยมอย่างยิ่ง จนกลายเป็นกระแสในสังคมไทย จากข่าวการพระราชทานเพลิงศพของขุนพันธรักษ์ราชเดช อดีตนายตำรวจมือปราบ ผู้ร่วมการจัดสร้างวัตถุมงคลจตุคามรามเทพรุ่นแรกขึ้นโดยมี พล.ต.ท. สรรเพชร ธรรมาธิกุล เป็นประธานในการจัดสร้าง ได้มีการสร้าง วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ ขึ้นในวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ มีหลายรุ่น พระเกจิหลายองค์ปลุกเสก หลายคนพากันแย่งชิงจนเกิดเป็นเหตุให้ฆาตกรรมกันก็มี และผลจากกระแสนี้ส่งผลให้ วัตถุมงคลจตุคามรามเทพรุ่นแรก ที่ผลิตออกมาในปี พ.ศ. 2530 มีราคาพุ่งไปถึงกว่า 40 ล้านบาท จากเดิมที่มีราคาเพียง 49 บาทเท่านั้น
กระแสความศรัทธาได้พุ่งทะยานขึ้นจากรุ่นสู่รุ่น กลายเป็นพุทธพาณิชย์ และแฟชั่นบูชา ขยายวงกว้างไปทุกชนชั้น วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ ได้ถึงจุดความนิยมสูงสุดกลายเป็นวัตถุบูชา ที่ถูกผลิตขึ้นมากมายใกล้หนึ่งพันรุ่น ที่มีการปลุกเสกแบบรายวัน เกือบทุกวัด เกือบทุกแผงพระ และแม้แต่ร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า สถาบัน และองค์กรต่าง ๆ มีการนำวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ มาจัดจำหน่ายเชิงพาณิชย์ทั้งการกุศลและไม่ใช่กุศล
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) มีการประเมินมูลค่าเงินหมุนเวียน ของ วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ มีมูลค่าสูงถึง 2.2 หมื่นล้านบาท ผลักดันจีดีพีของประเทศ โตขึ้น 0.1-0.2 % ในภาวะเศรษฐกิจซบเซา และทำให้กรมสรรพากร พิจารณาการจัดเก็บภาษีจากการสร้างและเช่าบูชา วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ ด้วย
คาถาสำหรับบูชาจตุคามรามเทพ
ตั้งสมาธิให้จิตใจสงบ จากนั้นท่อง (นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ) 3 จบ แล้วให้กล่าวตามบทสวดดังต่อไปนี้ "จะตุคามรามะเทวัง โพธิสัตตัง มะหาคุณัง มะหิทธิกัง อะหัง ปูเชมิ สิทธิลาโภ นิรันตะรัง นะโมพุทธายะ" ซึ่งแปลความได้ว่า "ข้าพเจ้าขอบูชา ท้าวจตุคามรามเทพโพธิสัตว์ ผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ มีฤทธานุภาพไพศาล ขอความสำเร็จและลาภ จงมีแก่ข้าพเจ้า เป็นนิรันดร"
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- หลักเมืองนครศรีธรรมราชและประวัติ จตุคามรามเทพ
- นิตยสาร Positioning ฉบับเดือน มิถุนายน 2550 หน้า 166
- ความจริงและความลับ ที่ไม่เคยมีใครรู้ จตุคามรามเทพ 2007-08-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- วัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์,เรื่องลึกแต่ไม่ลับกับจตุคามรามเทพ
แหล่งข้อมูลอื่น
- ความจริงและความลับแห่งองค์จตุคามรามเทพ 2007-03-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- พลังธรรม.คอม
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
ctukhamramethph hmaythung ethphrksawdphramhathatuwrmhawihar cnghwdnkhrsrithrrmrach sxngxngkh khux thawkhttukham aela thawramethph sungediminkhwamechuxkhxngsasnaphrahmnepnethphchnsung aelamixyuthwipthukphakhkhxngpraethsithy aetemuxphumiphakhaethbxusakhenynirbxiththiphlkhxngphuththsasnaekhama thawkhttukham aela thawramethph cungthukepliynsthanaepnethwdarksaphrabrmthatu aelaepliynchuxihepnmngkhl epn thawctukham aelasthitxyubnthibanpratuthangkhunphrabrmthatu inpi ph s 2530 emuxkhrngmikartngdwngemuxngnkhrsrithrrmrachkhunihm cungmikarxyechiy ctukhamramethph ipsthit n thinnepntnmatrapracacnghwdnkhrsrithrrmrach sungmirupphrabrmthatuxyutrngklangkhwamhmayaelakhwamechuxchawnkhrsrithrrmrach mikhtikhwamechuxthiwa xngkhctukham khux phraesuxemuxng ctu hmaythung si kham kham ma ekhtkham hmaythung xanaekhthruxban emuxrwmknnykhwamhmaythimakkwakhwamepnthisthng 4 khxngban hruxxanaekht khuxthisthngsi sunghmaythungthisthimithawctuolkbalthngsiduaelxyu khwamhmaykhxngctukhamcungepn taaehnngkhxngphuepnihythngsithis mithawctumharach pkpxngkhumkhrxngduael phraesuxemuxngcungmikhwamhmaythikhwrepntaaehnng hnung ephiyngaetprachyobrankhxngemuxngsmmtikhunepnthawctukham phuepnihyin 4 this xngkhramethph khawa ram mirakthanmacakphraram thihmaythungphranaraynxwtarlngmaepnphramhakstriy khawaethph kkhuxethwda nykhwamhmaykhuxepnphramhakstriy thiepnsmmtiethphemuxxngkhramethphepnphrathrngemuxng khawathrngemuxngphxngkbkhawa khrxngemuxng nngemuxng hruxphupkkhrxngbanemuxng sungkkhuxecaemuxnghruxphramhakstriy echuxknwaedimnn xngkhctukhamramethph epnkstriyinsmyxanackrnkhrsrithrrmrach miphranamxyangepnthangkarwa phraecacnthrphanu epnkstriyphraxngkhthi 2 khxngrachwngssrithrrmaoskrach echuxwamiphrawrkayepnsiekhm epnkstriynkrbthiaekrngkla emuxsthapnaxanackrsriwichyidxyangmnkhngaelw cungidsmyyanamwa rachndaaehngthaelit hruxmixikrachsmyyanamnungwa phyaphngphkal aelatxmasaercwicha aelathrngbaephybuyephuxsrangbarmixthisthancit epnphraophthistw ephuxbrrethathukkhaekmnusythngpwng aethakechuxknwa ctukhamramethph khuxxditkstriysriwichyaelw dngechnthipraktinhlkcarukkrungsriwichy xyuinraw ph s 1318 phusrangphrabrmthatuemuxngnkhr cadukhdaeyngknephraa epnyukhsmythihangcakphraecacnthrphanu kxnthung 400 pi phrabrmthatupraktchdwa misxngxngkh khuxxngkhctukhamkbthawramethph aetphayhlngidrwmepnxngkhctukhamramethphephiyngxngkhediyw kmiidphidcakhlksastrkhxngkarsrang echkechnkarxthibayinhlkkhxngtrimurti khxngsasnahinduthiepnkarrwmknkhxngmhaethphthng 3 phraxngkh dngnn ctukhamramethph cunghmaythung dwngphrawiyyanaehngxditburphkstriyathirachecaphumasthityepnphukhumkhrxngduaelbanemuxngthngsithisthrngvththixanacxyangetmepiym thngyngephiybphrxmipdwybarmithrrm 10 prakar aehngphraophthistw phumikhwamemttatxmnusyphuthuknam epnphraethwrachophthistw ctukhamramethph mibriwarepnthharkla 4 nay khux phyachingchy phyahlwngemuxng phyasukhum aelaphyaohra epnkalnghlkinkarprabphrahmn thiekhypkkhrxngemuxngxyukxn emuxidbanemuxngaelw kidsrangphrabrmthatu sthapnaemuxng 12 nkstr hruxkrungsrithrrmaoskrach fngrakthanphraphuththsasnaxyangthawr cnidrbethidphraekiyrtiwa phyasrithrrmaoskrach hrux phraecasrithrrmaoskrach pccubn ctukhamramethph idrbkhwamnbthuxxyangkwangkhwang odyechuxwathrngvththanuphaphinthuk dan tamcarukkhxngchawsriwichyidbxkwa mixanuphaphducdngphraxathityaelaphracnthr thikhcdkhwammudmwinolk karkhxxthisthancakphraxngkhnnthaidodymienguxnikh 3 prakar xthisthankhxinsingthiepnipid odyimkhdtxsilthrrm emuxidrbsingthihwngaelw txngrksasccathiidihiwkbphraxngkh khwrcasrangkuslkrrmthwayaedxngkhctukhamramethph aetthisakhy xyalaphngephiyngxthisthan txngsrangkuslkrrmihaektnexngihkhrbthukdandwy khux ihthan rksasil aelabaephyphawna phaphlksnkhxngctukhamramethph odymakcapraktepnxngkhethphbutrinthanng mi 4 kr thuxxawuthtang aelanaythhar 4 nay nn capraktinrupkhxnghnuman 4 kr thuxxawuthinthwngthatang thngnikepniptamsilpasriwichy thimksrangsylksnkhunmaaethnkhwamhmaytang prawtiinkarcdsrangrupekharphkhxngxngkhctukhamramethph emuxpi ph s 2530 epnkhrngaerkinrupaebbphraphngsuriyn cnthra dwngtraphyarahu miaewdlxmdwyphrarahu 8 tn trngklangmirupkhxngethwrupprathbnng 2 esiyr 4 kr thrngekhruxngxawuth aelaphusranginsmynnkihkhwamhmayiwwa khuxrupcalxngsmmtikhxngphraophthistwxwolkietswr epntwaethnkhxngxngkhctukhamramethph kstriyaehngkrungsriwichy cnkrathnginpi ph s 2538 thangohrasastrekidsuriykhras phadphanpraethsithy sungekidkraaestuntwipthwpraethsineruxngkhxngphrarahukinemuxng prachachntangkhawtthumngkhlhaekhruxngrangkhxngkhlng maaekhwntidtwephuxaekekhldaelasaedaaekhraah prakxbkbnitysarphraekhruxngkrungsyam idlngprawtikarsrangthaihmikhnruckbang cungidmikarechahaknipinbangswn intnpi ph s 2550 ctukhamramethphidrbkhwamniymxyangying cnklayepnkraaesinsngkhmithy cakkhawkarphrarachthanephlingsphkhxngkhunphnthrksrachedch xditnaytarwcmuxprab phurwmkarcdsrangwtthumngkhlctukhamramethphrunaerkkhunodymi phl t th srrephchr thrrmathikul epnprathaninkarcdsrang idmikarsrang wtthumngkhlctukhamramethph khuninwdtang thwpraeths mihlayrun phraekcihlayxngkhplukesk hlaykhnphaknaeyngchingcnekidepnehtuihkhatkrrmknkmi aelaphlcakkraaesnisngphlih wtthumngkhlctukhamramethphrunaerk thiphlitxxkmainpi ph s 2530 mirakhaphungipthungkwa 40 lanbath cakedimthimirakhaephiyng 49 bathethann kraaeskhwamsrththaidphungthayankhuncakrunsurun klayepnphuththphanichy aelaaefchnbucha khyaywngkwangipthukchnchn wtthumngkhlctukhamramethph idthungcudkhwamniymsungsudklayepnwtthubucha thithukphlitkhunmakmayiklhnungphnrun thimikarplukeskaebbraywn ekuxbthukwd ekuxbthukaephngphra aelaaemaetranxahar orngaerm hangsrrphsinkha sthabn aelaxngkhkrtang mikarnawtthumngkhlctukhamramethph macdcahnayechingphanichythngkarkuslaelaimichkusl sanknganesrsthkickarkhlng sskh mikarpraeminmulkhaenginhmunewiyn khxng wtthumngkhlctukhamramethph mimulkhasungthung 2 2 hmunlanbath phlkdncidiphikhxngpraeths otkhun 0 1 0 2 inphawaesrsthkicsbesa aelathaihkrmsrrphakr phicarnakarcdekbphasicakkarsrangaelaechabucha wtthumngkhlctukhamramethph dwykhathasahrbbuchactukhamramethphtngsmathiihciticsngb caknnthxng naom tssa phakhawaot xarahaot smmasmphuththssa 3 cb aelwihklawtambthswddngtxipni catukhamramaethwng ophthisttng mahakhunng mahiththikng xahng puechmi siththilaoph nirntarng naomphuththaya sungaeplkhwamidwa khaphecakhxbucha thawctukhamramethphophthistw phumiphrakhunxnyingihy mivththanuphaphiphsal khxkhwamsaercaelalaph cngmiaekkhapheca epnnirndr duephimwtthumngkhlxangxinghlkemuxngnkhrsrithrrmrachaelaprawti ctukhamramethph nitysar Positioning chbbeduxn mithunayn 2550 hna 166 khwamcringaelakhwamlb thiimekhymiikhrru ctukhamramethph 2007 08 10 thi ewyaebkaemchchin wchrphngs radmsiththiphthn eruxnglukaetimlbkbctukhamramethph ISBN 978 974 8218 17 5aehlngkhxmulxunkhwamcringaelakhwamlbaehngxngkhctukhamramethph 2007 03 23 thi ewyaebkaemchchin phlngthrrm khxm