งูกะปะ | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ไฟลัมย่อย: | Vertebrata |
ชั้น: | Reptilia |
อันดับ: | Squamata |
อันดับย่อย: | Serpentes |
วงศ์: | Viperidae |
วงศ์ย่อย: | Crotalinae |
สกุล: | Calloselasma , 1860 |
สปีชีส์: | C. rhodostoma |
ชื่อทวินาม | |
Calloselasma rhodostoma , 1824 | |
ชื่อพ้อง | |
ชื่อพ้อง
|
งูกะปะ(Malayan pit viper) เป็นงูพิษที่มีพิษอันตรายต่อระบบเลือด มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Calloselasma rhodostoma จัดเป็นงูเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Calloselasma โดยไม่มีชนิดย่อย ที่อยู่ในวงศ์งูแมวเซา (Viperidae)
ลักษณะ
ลักษณะหัวเป็นรูปสามเหลี่ยม คอเล็ก ลำตัวอ้วน หางเรียวสั้น มีลายเป็นรูปเหมือนหลังคาบ้านอยู่ด้านข้างตลอดลำตัว มีสีเทาอมชมพูลายสีน้ำตาลเข้ม เกล็ดมีขนาดใหญ่ จะงอยปากงอนขึ้นข้างบน หากินเวลาพลบค่ำและกลางคืน โดยเฉพาะในเวลาที่มีความชื้นในอากาศสูง เช่น หลังฝนตก ชอบอาศัยในดินปนทรายที่มีใบไม้หรือเศษซากไม้ทับถมกันเพื่อซ่อนตัว ด้วยสีสันและลวดลายจึงทำให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมได้อย่างดีเยี่ยม เป็นงูที่ไม่ปราดเปรียว เวลาตกใจจะงอตัวหรือขดนิ่ง แต่ฉกกัดรวดเร็วมาก กินอาหารได้แก่ สัตว์ขนาดเล็ก เช่น หนู, นก หรือสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็ก มีความยาวเต็มที่ประมาณ 1 เมตร ออกไข่ครั้งละ 10-50 ฟอง ขึ้นอยู่กับขนาด อายุ และความสมบูรณ์ของแม่พันธุ์ โดยทั่วไปจะวางไข่เพียง 11 หรือ 12 ฟองในช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม สามารถผสมพันธุ์และวางไข่ได้ทุกฤดูกาล ในตัวที่มีสีคล้ำเรียกว่า "งูปะบุก"
สถานที่พบ
พบกระจายพันธุ์ทั่วไปในภูมิภาคอินโดจีนไปจนถึงแหลมมลายู สำหรับในประเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาค แต่จะพบมากที่สุดในภาคใต้ เป็นงูที่ปรับตัวให้อาศัยอยู่ในพื้น ๆ ที่มีการทำเกษตรกรรมได้ เช่น สวนยางพาราหรือสวนปาล์มน้ำมัน จึงมักจะมีผู้ถูกกัดอยู่บ่อย ๆ นับเป็นงูพิษที่มีอันตรายต่อมนุษย์มากที่สุดที่พบในประเทศไทย ซึ่งพิษของงูกะปะนั้นมีผลต่อระบบเลือด ทำให้เลือดออกมากผิดปกติ เมื่อถูกกัดภายใน 10 นาทีหลังบริเวณรอบแผลที่ถูกกัดจะบวมขึ้นอย่างรวดเร็วจนกระทั่งแขนหรือขาข้างนั้นบวมไปหมดภายใน 1 ชั่วโมง โดยในรอยเขี้ยวจะมีเลือดไหลตลอดเวลา บริเวณแขนขาที่บวมจะมีสีเขียวคล้ำ ผิวหนังเกิดพองตอนแรกมีน้ำใสต่อมาภายหลังมีเลือด ภายหลังถูกกัดไม่กี่วันรอยเขี้ยวจะเกิดการเน่า ทำให้ผิวหนังมีเลือดออกเป็นรอยคล้ำ เลือดออกทางเดินอาหาร ผู้ที่โดนกัดจะเสียชีวิตได้จาก โดยคำว่า "กะปะ" เป็นภาษาใต้ แปลว่า "ปากเหม็น" ซึ่งหมายถึง แผลของผู้ที่ถูกกัดจะเน่าเหม็น จัดเป็น 1 ใน 7 งูพิษที่มีความสำคัญต่อวงการแพทย์และพิษวิทยา
อ้างอิง
- McDiarmid RW, Campbell JA, Touré T. 1999. Snake Species of the World: A Taxonomic and Geographic Reference, vol. 1. Herpetologists' League. 511 pp. (series). (volume).
- "Calloselasma". .
- . 2snake2fish. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-08-04. สืบค้นเมื่อ 2011-01-12.
- "ความหมายของคำว่า กะปะ". พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542.
- "งูพิษ/งูกะปะ". siamhealth.
- จุดประกาย 7 26NOW Feature, กะปะ อสรพิษแห่งเมืองตรัง. กรุงเทพธุรกิจปีที่ 29 ฉบับที่ 10539: วันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
7. Facebook fanpage : งูไทย...อะไรก็ได้ all about Thailand snacks https://www.facebook.com/groups/VenomousAndOtherSnakesOfSiam/
.
แหล่งข้อมูลอื่น
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Calloselasma rhodostoma ที่วิกิสปีชีส์
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
ngukapakarcaaenkchnthangwithyasastrxanackr Animaliaiflm Chordataiflmyxy Vertebratachn Reptiliaxndb Squamataxndbyxy Serpenteswngs Viperidaewngsyxy Crotalinaeskul Calloselasma 1860spichis C rhodostomachuxthwinamCalloselasma rhodostoma 1824chuxphxngchuxphxngTisiphone Fitzinger 1843 Leiolepis AMC Dumeril 1853 Calloselasma Cope 1860 Trigonocephalus rhodostoma Kuhl 1824 Trigonocephalus rhodostoma F Boie 1827 Trigonocephalus praetextatus Gravenhorst 1832 Tisiphone rhodostoma Fitzinger 1843 L eiolepis rhodostoma AMC Dumeril 1853 Calloselasma rhodostomus Cope 1860 T isiphone rhodostoma Peters 1862 T rigonocephalus Tisiphone rhodostoma Jan 1863 Calloselasma rhodostoma Gunther 1864 Calloselma rhodostoma Morice 1875 Ancistrodon rhodostoma Boettger 1892 Ancistrodon rhodostoma Boulenger 1896 Agkistrodon rhodostoma Barbour 1912 Ancistrodon Calloselasma rhodostoma Bourret 1927 Ancistrodon annamensis Angel 1933 Agkistrodon annamensis Pope 1935 Calloselasma rhodostoma Campden Main 1970 ngukapa Malayan pit viper epnnguphisthimiphisxntraytxrabbeluxd michuxwithyasastrwa Calloselasma rhodostoma cdepnnguephiyngchnidediywethannthixyuinskul Calloselasma odyimmichnidyxy thixyuinwngsnguaemwesa Viperidae lksnalksnahwepnrupsamehliym khxelk latwxwn hangeriywsn milayepnrupehmuxnhlngkhabanxyudankhangtlxdlatw misiethaxmchmphulaysinatalekhm ekldmikhnadihy cangxypakngxnkhunkhangbn hakinewlaphlbkhaaelaklangkhun odyechphaainewlathimikhwamchuninxakassung echn hlngfntk chxbxasyindinpnthraythimiibimhruxesssakimthbthmknephuxsxntw dwysisnaelalwdlaycungthaihklmklunkbsphaphaewdlxmidxyangdieyiym epnnguthiimpradepriyw ewlatkiccangxtwhruxkhdning aetchkkdrwderwmak kinxaharidaek stwkhnadelk echn hnu nk hruxstweluxykhlankhnadelk mikhwamyawetmthipraman 1 emtr xxkikhkhrngla 10 50 fxng khunxyukbkhnad xayu aelakhwamsmburnkhxngaemphnthu odythwipcawangikhephiyng 11 hrux 12 fxnginchwngeduxnmithunaynthungsinghakhm samarthphsmphnthuaelawangikhidthukvdukal intwthimisikhlaeriykwa ngupabuk sthanthiphbphbkracayphnthuthwipinphumiphakhxinodcinipcnthungaehlmmlayu sahrbinpraethsithyphbidthwthukphakh aetcaphbmakthisudinphakhit epnnguthiprbtwihxasyxyuinphun thimikarthaekstrkrrmid echn swnyangpharahruxswnpalmnamn cungmkcamiphuthukkdxyubxy nbepnnguphisthimixntraytxmnusymakthisudthiphbinpraethsithy sungphiskhxngngukapannmiphltxrabbeluxd thaiheluxdxxkmakphidpkti emuxthukkdphayin 10 nathihlngbriewnrxbaephlthithukkdcabwmkhunxyangrwderwcnkrathngaekhnhruxkhakhangnnbwmiphmdphayin 1 chwomng odyinrxyekhiywcamieluxdihltlxdewla briewnaekhnkhathibwmcamisiekhiywkhla phiwhnngekidphxngtxnaerkminaistxmaphayhlngmieluxd phayhlngthukkdimkiwnrxyekhiywcaekidkarena thaihphiwhnngmieluxdxxkepnrxykhla eluxdxxkthangedinxahar phuthiodnkdcaesiychiwitidcak odykhawa kapa epnphasait aeplwa pakehmn sunghmaythung aephlkhxngphuthithukkdcaenaehmn cdepn 1 in 7 nguphisthimikhwamsakhytxwngkaraephthyaelaphiswithyaxangxingMcDiarmid RW Campbell JA Toure T 1999 Snake Species of the World A Taxonomic and Geographic Reference vol 1 Herpetologists League 511 pp ISBN 1 893777 00 6 series ISBN 1 893777 01 4 volume Calloselasma 2snake2fish khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2009 08 04 subkhnemux 2011 01 12 khwamhmaykhxngkhawa kapa phcnanukrmchbbrachbnthitysthan ph s 2542 nguphis ngukapa siamhealth cudprakay 7 26NOW Feature kapa xsrphisaehngemuxngtrng krungethphthurkicpithi 29 chbbthi 10539 wncnthrthi 31 krkdakhm ph s 2560 7 Facebook fanpage nguithy xairkid all about Thailand snacks https www facebook com groups VenomousAndOtherSnakesOfSiam wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb Calloselasma rhodostoma aehlngkhxmulxunkhxmulthiekiywkhxngkb Calloselasma rhodostoma thiwikispichis