การ์กาซอน (ฝรั่งเศส: Carcassonne) หรือ การ์กาซูนอ (อุตซิตา: Carcassona) เป็นเมืองที่มีกำแพงป้องกันเมืองล้อมรอบที่ตั้งอยู่จังหวัดโอดในอดีตในประเทศฝรั่งเศส เมืองการ์กาซอนแยกออกเป็นสองส่วน “Cité de Carcassonne” (ไทย: การ์กาซอนเก่า) ซึ่งเป็นบริเวณเมืองที่ล้อมรอบด้วยกำแพงเมือง และ “ville basse” (ไทย: การ์กาซอนใหม่) ซึ่งเป็นบริเวณปริมณฑลรอบตัวเมืองเก่า ที่มาของการ์กาซอนมาจากตำนานพื้นบ้านที่กล่าวว่าหลังจากประมุขของปราสาทชื่อ “การ์กัส” สามารถยุติการล้อมเมืองได้ก็ทำการสั่นระฆังเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง “Carcas sona” แต่การสร้างเป็นประติมากรรมฟื้นฟูกอธิคบนคอลัมน์บนประตูนาร์บอนเป็นของใหม่ ป้อมปราการที่บูรณปฏิสังขรณ์ใหม่หมดในปี ค.ศ. 1853 โดยสถาปนิกเออแฌน วียอเล-เลอ-ดุ๊กได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1997
การ์กาซอน เมืองการ์กาซอน Ville de Carcassonne | |
---|---|
ภูมิทัศน์เมืองการ์กาซอนที่เห็นกำแพงล้อมรอบ | |
ประเทศ | ฝรั่งเศส |
แคว้น | อ็อกซีตานี |
จังหวัด | โอด |
เขต | การ์กาซอน |
สหเทศบาล | การ์กาซอน |
การปกครอง | |
• นายกเทศมนตรี (2008-2014) | Jean-Claude Perez |
พื้นที่1 | 65.08 ตร.กม. (25.13 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2008)2 | 48,112 คน |
• ความหนาแน่น | 740 คน/ตร.กม. (1,900 คน/ตร.ไมล์) |
เขตเวลา | (CET) |
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | (CEST) |
รหัสอีนเซ/ไปรษณีย์ | 11069 /11000 |
สูงจากระดับน้ำทะเล | 81–250 m (266–820 ft) (avg. 111 m หรือ 364 ft) |
1 ข้อมูลอาณาเขตที่ตามขึ้นทะเบียนไว้โดยไม่รวมทะเลสาบ, หนองน้ำ, ธารน้ำแข็งที่ขนาดใหญ่กว่า 1 ตารางกิโลเมตรตลอดจนปากแม่น้ำ 2: residents of multiple communes (e.g., students and military personnel) only counted once. |
การ์กาซอน * | |
---|---|
แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก | |
การ์กาซอน | |
(ประเทศ) | ฝรั่งเศส |
ประเภท | มรดกทางวัฒนธรรม |
(เกณฑ์พิจารณา) | (ii) (iv) |
ประวัติการขึ้นทะเบียน | |
ขึ้นทะเบียน | 2540 (คณะกรรมการสมัยที่ 21) |
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีแหล่งมรดกโลก ** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก |
ประวัติ
การตั้งถิ่นฐานครั้งแรกในภูมิภาคการ์กาซอนเริ่มขึ้นราว 3500 ปีก่อนคริสต์ศักราช แต่เนินการ์ซัก (Carsac) ซึ่งเป็นภูมินามภาษาเคลต์ใช้เป็นชื่อในบริเวณอื่นทางตอนใต้ กลายเป็นศูนย์กลางสำคัญทางการค้าขายมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 6 ต่อมาชนเผ่า ก็สร้างกำแพงป้องกันล้อมรอบขึ้นเป็น “โอพพิดัม”
การ์กาซอนกลายเป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์เมื่อโรมันทำการสร้างระบบป้องกันบนเนินราว 100 ปีก่อนคริสต์ศักราชและในที่สุดก็ยกฐานะขึ้นเป็น “” ชื่อ “จูเลีย คาร์ซาโค” (Julia Carsaco) ที่ต่อมาเปลี่ยนเป็น “การ์กาซุม” (Carcasum) ส่วนสำคัญของตอนล่างของกำแพงเมืองทางตอนเหนือมีอายุมาตั้งแต่สมัย ในปี ค.ศ. 462 โรมันยกเซ็พติเมเนียอย่างเป็นทางการให้แก่ กษัตริย์แห่งชาววิซิกอธผู้ครองการ์กาซอนมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 453 พระเจ้าธีโอโดริคทรงสร้าง ระบบการป้องกันขึ้นใหม่ในบริเวณการ์กาซอน ซึ่งเป็นที่มั่นชายแดนส่วนหนึ่งของอาณาจักรชายแดนเหนือ (northern marches) ซึ่งยังคงมีร่องรอยเหลืออยู่ให้เห็น นอกจากนั้นก็ยังเชื่อกันว่าพระองค์เป็นผู้สร้างคริสต์ศาสนสถานก่อนหน้าที่จะกลายมาเป็นบาซิลิกาที่ในปัจจุบันอุทิศให้แก่ ในปี ค.ศ. 508 ชาววิซิกอธก็สามารถได้ชัยชนะต่อการโจมตีของกษัตริย์แฟรงค์โคลวิสที่ 1 ได้ จากบาร์เซโลนายึดการ์กาซอนได้ในปี ค.ศ. 725 แต่สมเด็จพระเจ้าเปแปงเดอะชอร์ททรงสามารถขับออกจากการ์กาซอนได้ในระหว่างปี ค.ศ. 759 ถึงปี ค.ศ. 760 แม้ว่าสมเด็จพระเจ้าเปแปงเดอะชอร์ทจะทรงยึดดินแดนต่างทางตอนใต้ของฝรั่งเศสได้แทบทั้งสิ้นแต่พระองค์ก็ไม่ทรงสามารถบุกเข้ายึดป้อมปราการการ์กาซอนได้
ในยุคกลางอาณาจักรเคานท์แห่งการ์กาซอนมีอำนาจปกครองเมืองและบริเวณใกล้เคียง โดยทั่วไปแล้วการ์กาซอนก็มักจะเป็นพันธมิตรกับ ที่มาของการเป็นอาณาจักรเคานท์ของการ์กาซอนก็อาจจะมาจากการมีผู้แทนท้องถิ่นของวิซิกอธ แต่เคานท์คนแรกที่มีหลักฐานบันทึกชื่อในสมัยของชาร์เลอมาญ เคานท์เบลโลก่อตั้งตระกูล (Bellonids) ผู้ปกครอง “honores” หลายแห่งในเซ็พติเมเนียและกาตาลุญญาเป็นเวลาราวสามร้อยปี
ในปี ค.ศ. 1067 การ์กาซอนก็กลายเป็นสมบัติของ ไวส์เคานท์แห่ง และโดยการสมรสกับแอร์มองการ์ดน้องสาวของเคานท์แห่งการ์กาซอนคนสุดท้าย ในช่วงหลายร้อยปีต่อมาก็เป็นพันธมิตรกับไม่เคานท์แห่งบาร์เซโลนาก็เคานท์แห่งตูลูส และได้ทำการสร้าง “Château Comtal” (ไทย: วังเคานท์) และ บาซิลิกาแซงต์นาแซร์ ในปี ค.ศ. 1096 สมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 2 ทรงเจิมศิลาฤกษ์ของมหาวิหารใหม่ที่เป็นมหาวิหารที่มั่นของโรมันคาทอลิกในการต่อต้านฝ่าย
การ์กาซอนกลายมามีบทบาทความสำคัญระหว่างสงครามครูเสดอัลบิเจ็นเซียนเมื่อตัวเมืองกลายเป็นที่มั่นของอ็อกซิตันคาทาร์ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1209 กองทัพครูเสดของ บังคับให้ชาวเมืองยอมจำนน หลังจากทำการจับกุมและคุมขังและปล่อยให้เสียชีวิตแล้ว ไซมอนเดอมอนฟอร์ทก็ตั้งตนเป็นไวเคานต์ และสร้างเสริมระบบป้อมปราการ การ์กาซอนกลายที่มั่นชายแดนระหว่างฝรั่งเศสและราชอาณาจักรอารากอน (สเปน)
ในปี ค.ศ. 1240 บุตรชายของทรองคาเวลพยายามยึดการ์กาซอนคืนแต่ล้มเหลว การ์กาซอนกลายเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1247 พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ทรงก่อตั้งบริเวณใหม่ของเมืองอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำจากการ์กาซอน พระเจ้าหลุยส์และพระเจ้าฟิลิปที่ 3 ผู้ครองราชย์ต่อจากพระองค์ทรงสร้างเชิงเทินด้านนอก ระหว่างสงครามร้อยปีในปี ค.ศ. 1355 เอ็ดเวิร์ด เจ้าชายดำพยามยามจะตีเมืองแต่ไม่สำเร็จ แต่ก็กองทหารของพระองค์ก็ทำลายเมืองล่าง
ในปี ค.ศ. 1659 ขยายเขตแดนของฝรั่งเศสไปถึง ซึ่งทำให้ความสำคัญของการ์กาซอนลดถอยลง ป้อมปราการต่าง ๆ ก็ถูกละทิ้ง การ์กาซอนกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจเท่านั้นที่ทำการค้าขายอุตสาหกรรมผ้าขนแกะ ที่ในปี ค.ศ. 1723 บันทึกว่าการ์กาซอนเป็น “ศูนย์กลางของการผลิตของล็องก์ด็อก”
สถานที่ที่น่าสนใจ
เมืองล้อมด้วยกำแพง
การ์กาซอนถูกลบออกจากรายชื่อทางการของเมืองที่มีระบบป้องกันในรัชสมัยของนโปเลียนและสมัยฟื้นฟู เมืองล้อมด้วยกำแพงแห่งการ์กาซอนเสื่อมโทรมลงจนอยู่ในสภาพที่รัฐบาลฝรั่งเศสตัดสินใจว่าควรจะรื้อทิ้ง พระราชประกาศที่ออกมาในปี ค.ศ. 1849 ก่อให้เกิดการประท้วงกันอย่างขนานใหญ่ นักโบราณศึกษา (antiquary) และนายกเทศมนตรีของการ์กาซอน Jean-Pierre Cros-Mayrevieille และนักเขียนพรอสแพร์ เมอริมีผู้ตรวจสอบอนุสาวรีย์โบราณคนแรกเป็นผู้นำในการรณรงค์เพื่ออนุรักษ์ป้อมปราการไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์ ต่อมาในปีเดียวกันสถาปนิกเออแฌน วียอเล-เลอ-ดุ๊กผู้ที่ขณะนั้นกำลังทำงานซ่อมบาซิลิกาแซงต์นาแซร์อยู่แล้วก็ได้รับการจ้างให้บูรณปฏิสังขรณ์
ในปี ค.ศ. 1853 การบูรณปฏิสังขรณ์ก็เริ่มขึ้นที่กำแพงด้านตะวันตกและด้านด้านตะวันตกเฉียงใต้ของกำแพง ตามด้วยหอของ “ประตูนาร์บอน” (porte Narbonnaise) และ ประตูทางเข้าหลักของตัวเมือง ป้อมบางส่วนก็ได้รับการผสานเข้าด้วยกัน และสิ่งสำคัญของโครงการคือการบูรณปฏิสังขรณ์หลังคาของหอและเชิงเทิน ในบางจุดเออแฌน วียอเล-เลอ-ดุ๊กก็สั่งให้ทำลายโครงสร้างที่อิงกำแพง ที่บางครั้งเป็นโครงสร้างที่เก่าแก่ วียอเล-เลอ-ดุ๊กทิ้งบันทึกอันละเอียดละออเกี่ยวกับการบูรณปฏิสังขรณ์เมื่อเสียชีวิต ในปี ค.ศ. 1879 ที่ Paul Boeswillwald ผู้เป็นลูกศิษย์และต่อมาสถาปนิกโนเดต์ใช้ในการดำเนินซ่อมแซมต่อมา
การบูรณปฏิสังขรณ์ได้รับการวิจารณ์อย่างหนักขณะที่วียอเล-เลอ-ดุ๊กยังคงมีชีวิตอยู่ เพิ่งเสร็จจากงานที่ทำอยู่ทางตอนเหนือของฝรั่งเศสใหม่ วียอเล-เลอ-ดุ๊กมาใช้แผ่นหินชนวนในการซ่อมหลังคาที่เป็นรูปกรวยแหลม ซึ่งทางตอนใต้ของฝรั่งเศสจะนิยมใช้กระเบื้องและมุมตื้นเพราะเป็นภูมิภาคที่ไม่มีหิมะ แต่กระนั้นลักษณะโดยทั่วไปของงานที่บูรณะเสร็จก็เป็นที่เห็นพ้องกันว่าเป็นงานชิ้นเอง แม้จะไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงทางสถาปัตยกรรมนักก็ตาม
ป้อมปราการของการ์กาซอนประกอบด้วยวงแหวนสองชั้นและหอ 53 หอ
อ้างอิง
- "Historic Fortified City of Carcassonne". UNESCO. Accessed August 11, 2008.
- Fernand Braudel, The Wheels of Commerce 1982, vol. II of Civilization and Capitalism, Brian Anderson.
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ การ์กาซอน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxha karkasxn frngess Carcassonne hrux karkasunx xutsita Carcassona epnemuxngthimikaaephngpxngknemuxnglxmrxbthitngxyucnghwdoxdinxditinpraethsfrngess emuxngkarkasxnaeykxxkepnsxngswn Cite de Carcassonne ithy karkasxneka sungepnbriewnemuxngthilxmrxbdwykaaephngemuxng aela ville basse ithy karkasxnihm sungepnbriewnprimnthlrxbtwemuxngeka thimakhxngkarkasxnmacaktananphunbanthiklawwahlngcakpramukhkhxngprasathchux karks samarthyutikarlxmemuxngidkthakarsnrakhngephuxepnkarechlimchlxng Carcas sona aetkarsrangepnpratimakrrmfunfukxthikhbnkhxlmnbnpratunarbxnepnkhxngihm pxmprakarthiburnptisngkhrnihmhmdinpi kh s 1853 odysthapnikexxaechn wiyxel elx dukidrbkarkhunthaebiynepnmrdkolkodyxngkhkaryuensokinpi kh s 1997karkasxn emuxngkarkasxn Ville de Carcassonnephumithsnemuxngkarkasxnthiehnkaaephnglxmrxbpraethsfrngessaekhwnxxksitanicnghwdoxdekhtkarkasxnshethsbalkarkasxnkarpkkhrxng naykethsmntri 2008 2014 Jean Claude Perezphunthi165 08 tr km 25 13 tr iml prachakr 2008 248 112 khn khwamhnaaenn740 khn tr km 1 900 khn tr iml ekhtewlaUTC 1 CET vdurxn ewlaxxmaesng UTC 2 CEST rhsxines iprsniy11069 11000sungcakradbnathael81 250 m 266 820 ft avg 111 m hrux 364 ft 1 khxmulxanaekhtthitamkhunthaebiyniwodyimrwmthaelsab hnxngna tharnaaekhngthikhnadihykwa 1 tarangkiolemtrtlxdcnpakaemna 2 residents of multiple communes e g students and military personnel only counted once karkasxn aehlngmrdkolkodyyuensokkarkasxnpraeths frngesspraephthmrdkthangwthnthrrmeknthphicarna ii iv prawtikarkhunthaebiynkhunthaebiyn2540 khnakrrmkarsmythi 21 chuxtamthiidkhunthaebiyninbychiaehlngmrdkolk phumiphakhthicdaebngodyyuensokprawtikartngthinthankhrngaerkinphumiphakhkarkasxnerimkhunraw 3500 pikxnkhristskrach aeteninkarsk Carsac sungepnphuminamphasaekhltichepnchuxinbriewnxunthangtxnit klayepnsunyklangsakhythangkarkhakhaymatngaetkhriststwrrsthi 6 txmachnepha ksrangkaaephngpxngknlxmrxbkhunepn oxphphidm karkasxnklayepncudsakhythangyuththsastremuxormnthakarsrangrabbpxngknbneninraw 100 pikxnkhristskrachaelainthisudkykthanakhunepn chux cueliy kharsaokh Julia Carsaco thitxmaepliynepn karkasum Carcasum swnsakhykhxngtxnlangkhxngkaaephngemuxngthangtxnehnuxmixayumatngaetsmy inpi kh s 462 ormnykesphtiemeniyxyangepnthangkarihaek kstriyaehngchawwisikxthphukhrxngkarkasxnmatngaetpi kh s 453 phraecathioxodrikhthrngsrang rabbkarpxngknkhunihminbriewnkarkasxn sungepnthimnchayaednswnhnungkhxngxanackrchayaednehnux northern marches sungyngkhngmirxngrxyehluxxyuihehn nxkcaknnkyngechuxknwaphraxngkhepnphusrangkhristsasnsthankxnhnathicaklaymaepnbasilikathiinpccubnxuthisihaek inpi kh s 508 chawwisikxthksamarthidchychnatxkarocmtikhxngkstriyaefrngkhokhlwisthi 1 id cakbaresolnayudkarkasxnidinpi kh s 725 aetsmedcphraecaepaepngedxachxrththrngsamarthkhbxxkcakkarkasxnidinrahwangpi kh s 759 thungpi kh s 760 aemwasmedcphraecaepaepngedxachxrthcathrngyuddinaedntangthangtxnitkhxngfrngessidaethbthngsinaetphraxngkhkimthrngsamarthbukekhayudpxmprakarkarkasxnid inyukhklangxanackrekhanthaehngkarkasxnmixanacpkkhrxngemuxngaelabriewniklekhiyng odythwipaelwkarkasxnkmkcaepnphnthmitrkb thimakhxngkarepnxanackrekhanthkhxngkarkasxnkxaccamacakkarmiphuaethnthxngthinkhxngwisikxth aetekhanthkhnaerkthimihlkthanbnthukchuxinsmykhxngcharelxmay ekhantheblolkxtngtrakul Bellonids phupkkhrxng honores hlayaehnginesphtiemeniyaelakataluyyaepnewlarawsamrxypi inpi kh s 1067 karkasxnkklayepnsmbtikhxng iwsekhanthaehng aelaodykarsmrskbaexrmxngkardnxngsawkhxngekhanthaehngkarkasxnkhnsudthay inchwnghlayrxypitxmakepnphnthmitrkbimekhanthaehngbaresolnakekhanthaehngtulus aelaidthakarsrang Chateau Comtal ithy wngekhanth aela basilikaaesngtnaaesr inpi kh s 1096 smedcphrasntapapaexxrbnthi 2 thrngecimsilavkskhxngmhawiharihmthiepnmhawiharthimnkhxngormnkhathxlikinkartxtanfay karkasxnklaymamibthbathkhwamsakhyrahwangsngkhramkhruesdxlbiecnesiynemuxtwemuxngklayepnthimnkhxngxxksitnkhathar ineduxnsinghakhm kh s 1209 kxngthphkhruesdkhxng bngkhbihchawemuxngyxmcann hlngcakthakarcbkumaelakhumkhngaelaplxyihesiychiwitaelw ismxnedxmxnfxrthktngtnepniwekhant aelasrangesrimrabbpxmprakar karkasxnklaythimnchayaednrahwangfrngessaelarachxanackrxarakxn sepn inpi kh s 1240 butrchaykhxngthrxngkhaewlphyayamyudkarkasxnkhunaetlmehlw karkasxnklayepnswnhnungkhxngrachxanackrfrngessinpi kh s 1247 phraecahluysthi 9 thrngkxtngbriewnihmkhxngemuxngxikfnghnungkhxngaemnacakkarkasxn phraecahluysaelaphraecafilipthi 3 phukhrxngrachytxcakphraxngkhthrngsrangechingethindannxk rahwangsngkhramrxypiinpi kh s 1355 exdewird ecachaydaphyamyamcatiemuxngaetimsaerc aetkkxngthharkhxngphraxngkhkthalayemuxnglang inpi kh s 1659 khyayekhtaednkhxngfrngessipthung sungthaihkhwamsakhykhxngkarkasxnldthxylng pxmprakartang kthuklathing karkasxnklayepnsunyklangthangesrsthkicethannthithakarkhakhayxutsahkrrmphakhnaeka thiinpi kh s 1723 bnthukwakarkasxnepn sunyklangkhxngkarphlitkhxnglxngkdxk sthanthithinasnicemuxnglxmdwykaaephng karkasxnthuklbxxkcakraychuxthangkarkhxngemuxngthimirabbpxngkninrchsmykhxngnopeliynaelasmyfunfu emuxnglxmdwykaaephngaehngkarkasxnesuxmothrmlngcnxyuinsphaphthirthbalfrngesstdsinicwakhwrcaruxthing phrarachprakasthixxkmainpi kh s 1849 kxihekidkarprathwngknxyangkhnanihy nkobransuksa antiquary aelanaykethsmntrikhxngkarkasxn Jean Pierre Cros Mayrevieille aelankekhiynphrxsaephr emxrimiphutrwcsxbxnusawriyobrankhnaerkepnphunainkarrnrngkhephuxxnurkspxmprakariwephuxepnxnusrnthangprawtisastr txmainpiediywknsthapnikexxaechn wiyxel elx dukphuthikhnannkalngthangansxmbasilikaaesngtnaaesrxyuaelwkidrbkarcangihburnptisngkhrn inpi kh s 1853 karburnptisngkhrnkerimkhunthikaaephngdantawntkaeladandantawntkechiyngitkhxngkaaephng tamdwyhxkhxng pratunarbxn porte Narbonnaise aela pratuthangekhahlkkhxngtwemuxng pxmbangswnkidrbkarphsanekhadwykn aelasingsakhykhxngokhrngkarkhuxkarburnptisngkhrnhlngkhakhxnghxaelaechingethin inbangcudexxaechn wiyxel elx dukksngihthalayokhrngsrangthixingkaaephng thibangkhrngepnokhrngsrangthiekaaek wiyxel elx dukthingbnthukxnlaexiydlaxxekiywkbkarburnptisngkhrnemuxesiychiwit inpi kh s 1879 thi Paul Boeswillwald phuepnluksisyaelatxmasthapnikonedtichinkardaeninsxmaesmtxma karburnptisngkhrnidrbkarwicarnxyanghnkkhnathiwiyxel elx dukyngkhngmichiwitxyu ephingesrccaknganthithaxyuthangtxnehnuxkhxngfrngessihm wiyxel elx dukmaichaephnhinchnwninkarsxmhlngkhathiepnrupkrwyaehlm sungthangtxnitkhxngfrngesscaniymichkraebuxngaelamumtunephraaepnphumiphakhthiimmihima aetkrannlksnaodythwipkhxngnganthiburnaesrckepnthiehnphxngknwaepnnganchinexng aemcaimthuktxngtamkhwamepncringthangsthaptykrrmnkktam The fortified city of Carcassonne and the Pont Vieux crossing the Aude river pxmprakarkhxngkarkasxnprakxbdwywngaehwnsxngchnaelahx 53 hxxangxing Historic Fortified City of Carcassonne UNESCO Accessed August 11 2008 Fernand Braudel The Wheels of Commerce 1982 vol II of Civilization and Capitalism Brian Anderson duephimhnwykarbriharkhxngpraethsfrngess cnghwdinpraethsfrngessaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb karkasxn sthaniyxypraethsfrngess bthkhwampraeths dinaedn hruxekhtkarpkkhrxngniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk