บทความนี้หรือส่วนนี้ของบทความต้องการปรับรูปแบบ ซึ่งอาจหมายถึง ต้องการจัดรูปแบบข้อความ จัดหน้า แบ่งหัวข้อ และ/หรือการจัดระเบียบอื่น ๆ คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นปรับปรุงหรือจัดรูปแบบอื่น ๆ ในบทความให้เหมาะสม |
ไมโครเวฟ (อังกฤษ: microwave) เป็นคลื่นความถี่วิทยุชนิดหนึ่งที่มีความถี่อยู่ระหว่าง 0.3GHz - 300GHz ส่วนในการใช้งานนั้นส่วนมากนิยมใช้ความถี่ระหว่าง 1GHz - 60GHz เพราะเป็นย่านความถี่ที่สามารถผลิตขึ้นได้ด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
การค้นพบ
ในปี ค.ศ.1940 ของสองนักประดิษฐ์ชาวอังกฤษ คือ จอห์น แรนดอลล์และ เอช เอ บู๊ตได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ที่เรียกกันว่า "แม็กนีตรอน" ใช้ผลิตพลังงานไมโครเวฟ ซึ่งเป็นการแผ่รังสีคลื่นสั้นรูปแบบหนึ่ง โดยจุดประสงค์ครั้งแรกคือ ใช้ในการปรับปรุงระบบเรดาร์ที่ใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2เปอร์ซี่ เลอ บารอน สเปนเซอร์ เป็นนักฟิสิกส์ที่ทำงานให้กับ บริษัท เรทีออน ผู้ผลิตอุปกรณ์เรดาร์ เขาพบว่า เมื่อเขาใช้เครื่องแม็กนีตรอน รังสีที่ได้ให้ความร้อนออกมาด้วย เขาจึงหาวิธีที่จะนำเอาความร้อนนี้มาใช้ ในไม่ช้าเขาก็ใช้แม็กนีตรอนละลายช็อกโกเล็ตและทำข้าวโพดคั่วของเขาไมโครเวฟทำให้โมเลกุลของอาหารเกิดการสั่นสะเทือน ดังนั้นอาหารจึงร้อนขึ้นและขบวนการนี้เกิดขึ้นเร็วมาก คลื่นนี้ไม่ทำให้สิ่งที่ทำจากกระดาษ กระเบื้องเคลือบ หรือแก้วร้อนขึ้น การใช้ไมโครเวฟในการปรุงอาหารนอกจากจะสะดวก ใช้เวลาสั้นลงแล้วยังประหยัดพลังงานอีกด้วยใน ค.ศ.1945 เริ่มมีการผลิตเตาไมโครเวฟออกจำหน่ายแต่ยังมีขนาดใหญ่ไม่เหมาะกับการใชในครัวทั่วไป ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะสามารถพัฒนาให้มีขนาดเล็กและราคาถูกลงจึงเริ่มเป็นที่นิยมใช้ตามบ้าน
เนื่องจากความถี่ไมโครเวฟสามารถนำไปใช้งานได้กว้างขวาง
ช่วงความถี่คลื่นไมโครเวฟในงานวิทยุ
คลื่นความถี่ไมโครเวฟสามารถแบ่งเป็นช่วงย่อยๆ ตามการกำหนดของ Radio Society of Great Britain (RSGB) ดังตารางต่อไปนี้:
Letter Designation | ช่วงความถี่ |
---|---|
L band | 1 to 2 GHz |
S band | 2 to 4 GHz |
C band | 4 to 8 GHz |
X band | 8 to 12 GHz |
Ku band | 12 to 18 GHz |
K band | 18 to 26.5 GHz |
Ka band | 26.5 to 40 GHz |
Q band | 30 to 50 GHz |
U band | 40 to 60 GHz |
V band | 50 to 75 GHz |
E band | 60 to 90 GHz |
W band | 75 to 110 GHz |
F band | 90 to 140 GHz |
D band | 110 to 170 GHz (Hot) |
ลักษณะของคลื่นวิทยุไมโครเวฟ
เช่นเดียวกับลักษณะทั่วไปของคลื่น คลื่นวิทยุไมโครเวฟจะมีลักษณะดังต่อไปนี้
- เดินทางเป็นเส้นตรง
- สามารถหักเหได้ (Refract)
- สามารถสะท้อนได้ (Reflect)
- สามารถเลี้ยวเบนได้ (Diffract)
- สามารถถูกลดทอนเนื่องจากฝน (Attenuate)
- สามารถถูกลดทอนเนื่องจากชั้นบรรยากาศ
การใช้งานวิทยุไมโครเวฟ
คลื่นไมโครเวฟเป็นคลื่นที่มีย่านความถี่กว้างมาก และเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ทั้งงานด้านตรวจจับวัตถุเคลื่อนที่ งานสื่อสาร และงานด้านอุตสาหกรรม เป็นต้น การใช้งานคลื่นไมโครเวฟมีหลากหลายชนิด สามารถแบ่งออกได้ดังนี้
1 ระบบเชื่อมต่อสัญญาณในระดับสายตา ใช้ในงานสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง อย่างเช่น การโทรศัพท์ทางไกล ใช้การส่งผ่านจากจุดหนึ่ง ไปยังจากจุดหนึ่งและส่งผ่านสัญญาณไปเรื่อยๆ จนถึงปลายทาง และในการส่งโทรทัศน์ก็จะทำการส่งจากห้องส่งไปยังไมโครเวฟ ส่งไปทางสายอากาศ และแพร่กระจากคลื่นของโทรทัศน์ของสถานีนั้นๆ ระยะห่างของสถานีสัญญาณจะเป็นดังนี้ ถ้าความถี่สูงระยะห่างก็จะน้อยแต่ถ้า ความถี่ของคลื่นไมโครเวฟต่ำระยะห่างของสถานีทวนสัญญาณก็จะมาก
2 ระบบเหนือขอบฟ้า ซึ่งเป็นระบบสื่อสารไมโครเวฟที่ใช้ชั้นบรรยากาศห่อหุ้มโลก ชั้นโทรโพสเฟียร์ ช่วยในการสะท้อนและการหักเหคลื่นความถี่ไมโครเวฟ ให้ไปถึงปลายทาง ให้ได้ระยะทางมากขึ้น การสื่อสารไมโครเวฟระบบนี้ไม่ค่อยนิยมใช้งาน ใช้เฉพาะในกรณีจำเป็นหรือฉุกเฉิน เช่น ในเขตที่ไม่สามารถตั้งสถานีทวนสัญญาณได้ ภูมิประเทศที่แห้งแล้งกันดาร เป็นป่าดงดิบ เป็นน้ำขวางกันและเป็นอันตราย เนื่องจากการใช้งานรูปแบบนี้สามารถทำได้ในระยะทางที่ไกลมาก ดังนั้นในการส่งคลื่นจึงทำให้คลื่นมีการ กระจัดกระจายได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องส่งที่มีกำลังส่งที่สูงและสายอากาศที่รับต้องมีอัตราการขยายสัญญาณที่สูง เช่นเดียวกัน
3 ระบบดาวเทียม เป็นระบบสื่อสารไมโครเวฟที่ใช้สถานีทวนสัญญาณลอยอยู่เหนือพื้นโลกกว่า 30,000 กิโลเมตร โดยการใช้ดาวเทียมทำหน้าที่เป็นสถานีทวนสัญญาณการใช้ระบบนี้สามารถทำการสื่อสารได้ไกลมากๆ ได้ และจะนิยมใช้งานในระบบสื่อสารข้ามประเทศหรือข้ามทวีป เป็นระบบสื่อสารไมโครเวฟที่นิยมใช้งานมากอีกระบบหนึ่ง
4 ระบบเรดาร์ ระบบเรดาร์นี้เป็นการใช้คลื่นความถี่ไมโครเวฟที่ช่วยในการตรวจจับและวัดระยะทางของวัตถุต่างๆ ที่อยู่ห่างไกล และวัตถุเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ หลักการของระบบเรดาร์คือจะส่งคลื่นไมโครเวฟออกไปจากสายอากาศในมุมแคบ และเมื่อคลื่นไมโครเวฟนั้นกระทบกับวัตถุจะทำให้สะท้อนกลับมาเข้าสายอากาศ นำสัญญาณที่รับเทียบกับสัญญาณเดิมและจะแปรค่าออกมาเป็นข้อมูลที่ต้องการ
5 ระบบเตาไมโครเวฟ ระบบนี้เป็นการส่งคลื่นไมโครเวฟ ที่มีกำลังสูงส่งในพื้นที่แคบๆ ที่ทำด้วยโลหะ คลื่นไมโครเวฟนี้ก็จะสะท้อนโลหะนั้นทำให้มีคลื่นไมโครเวฟ กระจัดกระจายอยู่พื้นที่นั้นสามารถ นำไปใช้ในการทำอาหารได้
ข้อดีในการใช้วิทยุไมโครเวฟในการสื่อสาร
- คุณสมบัติการกระจายคลื่นไมโครเวฟคงที่
- ทิศทางของสายอากาศเป็นแนวพุ่งตรงไปในทิศทางที่ต้องการ
- อัตราขยายของสายอากาศสูง
- สามารถทำให้อัตราส่วนของสัญญาณต่อสัญญาณรบกวนดีขึ้น คือมีสัญญาณรบกวนเกิดขึ้นน้อย
- สามารถส่งคลื่นได้ในย่านกว้างเพราะคลื่นมีความถี่สูงมาก
- เครือข่ายมีความน่าเชื่อถือสูงในการใช้งาน
- ปลอดภัยจากการเกิดภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว
- การรบกวนที่เกิดจากมนุษย์ทำขึ้นมีน้อย เช่น อุบัติเหตุ การก่อสร้าง ไฟไหม้
- การก่อสร้างทำได้ง่าย และเร็ว
- สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างน้อย ใช้ค่าใช้จ่ายน้อยแต่คุณภาพสูง
การสื่อสารไมโครเวฟ
การสื่อสารไมโครเวฟ วิธีที่นิยมใช้กันมากก็คือการสื่อสารในระดับสายตา ใช้ในการสื่อสารข้อมูลข่าวสารในปริมาณมากๆ เส้นทางในการสื่อสารนี้จะประมาณ 50-80 กิโลเมตร และไม่มีสิ่งกีดขวาง แต่ถ้าต้องการสื่อสารในระยะไกลกว่านี้ จะต้องมีสถานีทวนสัญญาณเพื่อ ให้รับสัญญาณและทำการขยายแล้วส่งสัญญาณต่อไป จนถึงปลายทางได้
ระบบการสื่อสารผ่านคลื่นไมโครเวฟจะมี 2 ส่วนหลัก คือ ส่วนประมวลผล และ ส่วนทำหน้าที่ส่งสัญญาณ
• ส่วนประมวลผล จะทำหน้าที่คำนวณในเรื่องการสื่อสารโดยจะสร้างและแปลสัญญาณสื่อสาร
• ส่วนส่งสัญญาณ จะทำหน้าที่ส่งและรับสัญญาณ อยู่บนอาคาร เช่น จารส่งสัญญาณ โดยไมโครเวฟจะใช้จานขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ฟุต
ไมโครเวฟนั้นจะส่งผ่านสัญญาณข้อมูลด้วยคลื่นวิทยุ ( Radio-Frequency : RF ) ซึ่งส่งผ่านระหว่างสองสถานีต้นทางและปลายทาง (แต่ละสถานีจะต้องมีทั้งส่วนประมวลผลและส่วนรับ/ส่งสัญญาณ)
สถานีทวนสัญญาณไมโครเวฟ
สถานีทวนสัญญาณไมโครเวฟ ใช้ในการสื่อสารไมโครเวฟในระดับสายตา เนื่องจากการสื่อสารในรูปแบบนี้มีผลต่อส่วนโค้งของโลก ดังนั้นในการสื่อสารไมโครเวฟนี้จะต้องมีสถานีทวนสัญญาณในระยะทุกๆ 50-80 กม. ซึ่งสถานีทวนสัญญาณจะทำการถ่ายทอด สัญญาณจากสถานีต้นทางทำการรับสัญญาณมาและทำการขยายสัญญาณ ให้แรงขึ้นแล้วก็ทำการส่งสัญญาณต่อไปจนถึงปลายทาง
- สถานีทวนสัญญาณข่าวสารข้อมูล จะทำการเปลี่ยนแปลงความถี่ที่รับเข้ามาให้เหลือเพียงความถี่ ข่าวสารข้อมูลก่อน แล้วก็ทำการขยายสัญญาณให้แรงขึ้นอีกที จากนั้นก็นำไปผสมกับความถี่ไมโครเวฟความถี่ใหม่ แล้วทำการส่งออกไป ข้อดีของสถานีทวนสัญญาณรูปแบบนี้คือ สามารถดึงสัญญาณข่าวสารข้อมูลมาใช้ได้ และสามารถทำการนำข่าวสารข้อมูลใหม่แทรกเข้าไปได้ด้วย ข้อเสียของสถานีทวนสัญญาณรูปแบบนี้คือ จะเกิดสัญญาณรบกวนแทรกเข้ามา และระดับความแรงของสัญญาณข่าวสารข้อมูลไม่คงที่
- สถานีทวนสัญญาณความถี่ IF สถานีทวนสัญญาณรูปแบบนี้จะทำการเปลี่ยนความถี่ที่รับเข้ามาให้เป็นความถี่ IF ก่อนแล้วจึงทำการขยายสัญญาณให้แรงขึ้นอีกที จากนั้นก็ค่อยทำการผสมกับคลื่นไมโครเวฟ ความถี่ใหม่ แล้วจึงทำการส่งออกไป ข้อดีของสถานีทวนสัญญาณรูปแบบนี้คือ อัตราส่วนของสัญญาณต่อสัญญาณรบกวนดีขึ้น ระดับความแรงของสัญญาณข้อมูลข่าวสารคงที่ ข้อเสียของสถานีทวนสัญญาณรูปแบบคือ ไม่สามารถดึงสัญญาณข้อมูลข่าวสารมาใช้ได้และไม่สามารถแทรกสัญญาณข้อมูลใหม่เข้าไปได้
- สถานีทวนสัญญาณความถี่ RF สถานีทวนสัญญาณรูปแบบนี้ จะทำการเปลี่ยนความถี่ RF เดิมไปเป็นความถี่ RF ใหม่ โดยตรงก่อนแล้วค่อยทำการส่งออกไป ข้อดีของสถานีทวนสัญญาณรูปแบบคือ มีอัตราส่วนของสัญญาณต่อสัญญาณรบกวนดีมาก สัญญาณข้อมูลข่าวสารมีความคงที่ ข้อเสียของสถานีทวนสัญญาณรูปแบบนี้คือ มีราคาแพงมาก และยังไม่สามารถดึงสัญญาณข้อมูลข่าวสารมาใช้ได้ และยังไม่สามารถนำสัญญาณข้อมูลใหม่แทรกเข้าไปได้ และยังมีความยุ่งยากในการออกแบบวงจรอีกด้วย
เวฟไกด์
เวฟไกด์ (Waveguide) หรือว่า นี้ เป็นสายส่งสัญญาณชนิดหนึ่ง-ที่ใช้ใน การส่งคลื่นไมโครเวฟ โดยทั่วไปจะมีลักษณะเป็นท่อกลม หรือท่อเหลี่ยม แล้วแต่จะทำมาจากทองแดงหรืออะลูมิเนียม ด้านในฉาบด้วยเงินเพื่อให้เป็นตัวนำที่ดี สาเหตุที่สายนำสัญญาณต้องทำเป็นท่อนี้ก็เพราะว่า คลื่นไมโครเวฟมีความถี่สูงมากจะเดินทางได้ดีที่บริเวณผิวของถ้าหากใช้สายนำสัญญาณทั่วไปจะทำให้เกิดการสูญเสียงพลังงานไปได้ จึงต้องทำเป็นท่อเพื่อป้องกันการสูญเสียพลังงานจากผิวของสายสัญญาณ ความถี่ต่ำสุดที่สามารถใช้งานได้กับเวฟไกด์เรียกว่า ซึ่งถ้าความถี่สูงกว่าความถี่ คัตออฟ จะสามารถเดินทางไปบนเวฟไกด์ได้ ส่วนความถี่ที่ต่ำกว่านี้จะไม่สามารถเดินทางบนเวฟไกด์ได้ ในการเดินทางของคลื่นไมโครเวฟในเวฟไกด์นั้น จะเดินทางโดยการสะท้อนผนังท่อ และเดินทางไปตามความยาวของท่อนำคลื่น และความถี่ที่สูงก็สามารถเดินทางได้ไกลกว่าความถี่ที่ต่ำ
รูปแบบในการเกิดคลื่นในเวฟไกด์ ก็จะมีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน คือ
- รูปแบบสนามไฟฟ้าตัดขวาง ซึ่งเป็นรูปแบบที่ไม่มีส่วนประกอบของสนามไฟฟ้าในทิศทางการแพร่กระจายคลื่น โดยสนามไฟฟ้าจะตั้งฉากกับทิศทางการแพร่กระจายของคลื่น
- รูปแบบสนามแม่เหล็กตัดขวาง เป็นรูปแบบที่ไม่มีส่วนประกอบของสนามแม่เหล็กในทิศทางการแพร่กระจายคลื่น โดยสนามแม่เหล็กจะตั้งฉากกับทิศทางการแพร่กระจายของคลื่นเสมอ
สายอากาศแบบฮอร์น
สายอากาศแบบฮอร์นนี้ เป็นสายอากาศที่นิยมใช้กันมากที่สุดเพราะมีกำลังการขยายสูงประกอบด้วยท่อนำคลื่นตอนปลายเปิดกว้างออกมากกว่าปกติ การที่จะทำให้อัตราการขยายสูงนั้น ทำโดยการเพิ่มจานสะท้อนคลื่นแบบ () เข้าไปด้วย ในการใช้สายอากาศแบบฮอร์นนี้ต้องใช้ร่วมกับจานสะท้อนคลื่นแบบพาลาโบลา ที่เรียกว่า ตัวสะท้อนคลื่นพาลาโบลิก และตำแหน่งของฮอร์น ต้องวางในตำแหน่งโฟกัสของตัวสะท้อนคลื่น เพราะเป็นตำแหน่งรวมคลื่นทั้งหมด
การใช้คลื่นไมโครเวฟในงานสื่อสารมวลชน
ปัจจุบันการสื่อสารในงานสื่อสารมวลชน จำเป็นอย่างยิ่งกับการใช้เครื่องมือ ซึ่งอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ อาศัยคลื่นไมโครเวฟเป็นสื่อกลางในการสื่อสาร เช่น สายโคแอกเชียล สายอากาศ ดาวเทียม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ใช้ในการส่งข้องมูลต่างๆ จึงมีความสำคัญอย่ายิ่งต่องานสื่อสารมวลชนอย่างมากเพราะการสื่อสารมวลชนในบัจจุบัน จำเป็นต้องมีการเผยแพร่และการรับข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้มีการอัปเดดข้อมูลให้สมัยตลอดเวลา
ลักษณะทั่วไปของคลื่น คลื่นวิทยุไมโครเวฟ
มีลักษณะดังต่อไปนี้
- เดินทางเป็นเส้นตรง
- สามารถหักเหได้ (Refract)
- สามารถสะท้อนได้ (Reflect)
- สามารถเลี้ยวเบนได้ (Diffract)
- สามารถถูกลดทอนเนื่องจากฝน (Attenuate)
- สามารถถูกลดทอนเนื่องจากชั้นบรรยากาศ
สมบัติของคลื่นไมโครเวฟ
1. การสะท้อนกลับ (Reflection)
คลื่นไมโครเวฟเมื่อวิ่งกระทบกับวัสดุที่เป็นโลหะหรือส่วนที่มีองค์ประกอบของโลหะ คลื่นจะไม่สามารถวิ่งทะลุผ่านโลหะได้ และจะสะท้อนกลับทั้งหมด ดังนั้น อาหารที่ถูกหุ้มด้วยภาชนะดังกล่าวจะไม่เกิดการสุก
2. การส่งผ่าน (Tranmission)
คลื่นไมโครเวฟเมื่อวิ่งกระทบกับวัสดุที่ไม่ใช่โลหะ ได้แก่ แก้ว พลาสติก กระดาษ เซรามิก และไม้ เป็นต้น คลื่นจะสามารถทะลุผ่านได้ ดั้งนั้น วัสดุเหล่านี้จึงนิยมใช้เป็นภาชนะสำหรับรองหรือห่อหุ้มอาหารเข้าตู้ไมโครเวฟ
3. การดูดซับ (Adsorption)
คลื่นไมโครเวฟเมื่อวิ่งกระทบกับวัสดุที่มีน้ำหรือความชื้นภายใน คลื่นจะเกิดบางส่วนจะถูกดูดซับเอาไว้ ทำให้โมเลกุลของน้ำดูดซับพลังงานคลื่น และเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนเอาไว้จนเกิดความร้อนตามมา รวมถึงการเคลื่อนที่ของโมเลกุลน้ำ ซึ่งทำให้เกิดความร้อนเช่นกัน ทั้งนี้ คลื่นไมโครเวฟหลังถูกดูดซับจะสลายตัวทันที ไม่มีการตกค้างในอาหาร
ประโยชน์ของคลื่นไมโครเวฟ
1. ใช้ในอุปกรณ์หรือระบบการสื่อสารผ่านดาวเทียม
2. ใช้ในระบบตรวจจับวัตถุทางอากาศ การนำร่องทางการบิน การเดินเรือ และยุทโธปกณ์เคลื่อนที่เรดาร์
3. ใช้ในทางการแพทย์ สำหรับการฆ่าเชื้อ หรือการรักษาโดยการใช้ความร้อน โดยความมีช่วงความยาวคลื่นที่ยาวกว่าคลื่นไมโครเวฟที่ใช้ปรุงอาหารหรือมีความถี่คลื่นน้อยกว่านั่นเอง เพราะการรักษาอาการป่วยของมนุษย์จะต้องใช้ความร้อนในขนาดที่ร่างกายทนได้ ห้ามการใช้ความร้อนสูง เช่น การรักษาอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อหรือข้อ โดยใช้คลื่นไมโครเวฟความถี่ต่ำที่ให้ความร้อนเพียงอุ่นๆ ส่วนการรักษา และทำลายเซลล์มะเร็งในร่างกาย แพทย์จะใช้คลื่นไมโครเวฟที่มีความถี่สูงขึ้นมาเล็กน้อย
4. ใช้เป็นแหล่งกระตุ้นให้เกิดความร้อนภายในอาหารหรือใช้ประกอบอาหารให้สุก หรือที่นิยมเรียกว่า เตาไมโครเวฟ รวมถึง ใช้เป็นแหล่งให้ความร้อนในกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรม โดยใช้คลื่นความถี่ในช่วง 915 – 2,450 MHz
การใช้ไมโครเวฟในกระบวนการแปรรูปอาหารในระดับอุตสาหกรรมครั้งแรก ได้แก่ การผลิตมันฝรั่งทอดกรอบซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำแห้ง นอกนี้ ยังใช้ในการทำแห้งผลิตภัณฑ์ต่างๆอาจใช้ไมโครเวฟซึ่งมีทั้งระบบธรรมดา และระบบสุญญากาศ โดยนำไปช่วยเสริมในระบบการทำแห้งแบบต่างๆ ได้แก่ การทำแห้งโดยอาศัยแรงดันออสโมติก และทำแห้งด้วยตู้อบธรรมดา (air drying) หรือนำไปเสริมในระบบการทำแห้งภายใต้สุญญากาศสำหรับอาหารที่มีองค์ประกอบที่สลายง่ายเมื่อถูกความร้อน การนำไมโครเวฟมาช่วยในการแปรรูป ได้แก่ การทำแห้งผลิตภัณฑ์อาหารเส้น (Pasta) หอมใหญ่ ขนมเค้กที่ทำจากข้าว สาหร่าย อาหารขบเคี้ยว และไข่แดงที่ผ่านการทำให้สุก ซึ่งนับว่าเป็นการพัฒนาทั้งระบบเครื่องมือ และวิธีการแปรรูปไปอีกระดับหนึ่งในความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี รวมถึงในด้านอื่นๆ อาทิ
– ใช้เพื่อทำการพาสเจอร์ไรซ์ (Pasteurization) ได้แก่ ขนมปัง และนมเปรี้ยว
– ใช้เพื่อฆ่าเชื้อในผลิตภัณฑ์ (Sterilization) ได้แก่ นม และการเตรียมอาหาร
– ใช้ในการอบ (Baking) ได้แก่ ขนมปัง และนัท
– ใช้ในการคั่ว (Roasting) ได้แก่ เมล็ดกาแฟ และเมล็ดโกโก้
– ใช้ในการลวก (Blanching) ได้แก่ ข้าวโพด และผลไม้
– ใช้ในการเจียว (Rendering) ได้แก่ นํ้ามันหมู และไขมันวัว
คลื่นไมโครเวฟกับผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์
หากร่างกายได้รับคลื่นไมโครเวฟที่มีระดับความเข้มมากๆ เช่น ได้ความความเข้มข้นที่ 100 มิลลิวัตต์/ตารางเซนติเมตร ในระยะเวลานานๆ จะทำให้เกิดการเสียดสีกันระหว่างโมเลกุลของน้ำ โปรตีน หรือไขมัน ขึ้นภายในเซลล์ร่างกาย จนเซลล์ร่างกายเกิดความร้อน และถูกดูดกลืนสะสมเอาไว้ภายในเซลล์หรืออวัยวะ และหากร่างกายไม่สามารถระบายหรือถ่ายเทความร้อนให้อยู่ในสภาวะปกติได้ จะทำให้เซลล์หรืออวัยวะนั้นเกิดความเสียหาย และหากเกิดในระดับรุนแรงอาจทำให้เซลล์ตายได้ ความเสียหายของเซลล์หรือผลข้างเคียงที่มักเกิดขึ้น ได้แก่
1. ผลต่อเลนส์ตา ทำให้เลนส์ตาระบายความร้อนได้น้อย อาจเป็นต้อกระจก
2. ผลต่อเชื้ออสุจิ อาจทำให้เชื้ออสุจิตาย เชื้ออสุจิผิดปกติ และกลายเป็นหมันชั่วคราว
3. ผลต่อศีรษะ ทำให้มีอาการปวดศีรษะ มึนงง หรือเมื่อยล้า
4. ผลต่อหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดจังหวะ
5. ผลต่อกระดูก ทำให้กระดูกผิดรูปร่าง โดยเฉพาะกระดูกที่กำลังเจริญพัฒนา
(นอกจากนี้ยังเชื่อว่า อาจก่อให้เกิดมะเร็ง เม็ดโลหิตขาวผิดปกติ และภาวะแท้งลูกได้ แต่ยังไม่มีรายงานยืนยัน)
นอกจากผลกระทบที่มีต่อร่างกายแล้ว คลื่นไมโครเวฟยังมีผลรบกวนการทำงานของเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงให้ทำงานผิดปกติได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหัวใจที่ใช้เครื่องช่วยการเต้นของหัวใจ cardiac pacemaker จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อใกล้คลื่นไมโครเวฟ
การถ่ายเทความร้อนของคลื่นไมโครเวฟ
ตัวคลื่นไมโครเวฟเองไม่ได้เป็นตัวให้ความร้อน แต่ความร้อนที่เกิดขึ้นในวัสดุนั้นเกิดจากการดูดซับคลื่นไมโครเวฟแล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน โมเลกุลมีขั้วในผลิตภัณฑ์อาหารซึ่งก็ คือ น้ำ ส่วนที่เกิดปฏิสัมพันธ์กับคลื่นไมโครเวฟ (interaction) เมื่อน้ำอยู่ในสนามไฟฟ้าคลื่นไมโครเวฟ น้ำจะจัดเรียงตัวให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับสนามไฟฟ้าคลื่นไมโครเวฟ เช่นเดียวกันกับเศษขี้เลื่อยเหล็กที่พยายามจัดเรียงตัวในสนามแม่เหล็ก แต่เนื่องจากทิศทางของขั้วสนามไฟฟ้าคลื่นไมโครเวฟเปลี่ยนสลับไปมาหลายล้านๆครั้งต่อวินาที โมเลกุลของน้ำซึ่งถูกจำกัดด้วยพื้นที่เล็กๆในอาหารก็จะเริ่มหมุนในทิศทางหนึ่ง เมื่อสนามไฟฟ้าสลับขั้วโมเลกุลน้ำก็จะหมุนในอีกทิศทางหนึ่งด้วยความถี่สูงเช่นกัน การหมุนสลับกันนี้ทำให้เกิดพลังงานจลน์สูงและเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนในที่สุด
อ้างอิง
- MASTER G (1993). from sakon nakhon 47140
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnihruxswnnikhxngbthkhwamtxngkarprbrupaebb sungxachmaythung txngkarcdrupaebbkhxkhwam cdhna aebnghwkhx cdlingkphayin aela hruxkarcdraebiybxun khunsamarthchwyaekikhpyhaniidodykarkdthipum aekikh danbn caknnprbprunghruxcdrupaebbxun inbthkhwamihehmaasm imokhrewf xngkvs microwave epnkhlunkhwamthiwithyuchnidhnungthimikhwamthixyurahwang 0 3GHz 300GHz swninkarichngannnswnmakniymichkhwamthirahwang 1GHz 60GHz ephraaepnyankhwamthithisamarthphlitkhuniddwyxupkrnxielkthrxnikssepktrmkhxngkhlunaemehlkiffarupaebbebuxngtnkhxngkarsuxsarimokhrewfkarkhnphbinpi kh s 1940 khxngsxngnkpradisthchawxngkvs khux cxhn aerndxllaela exch ex butidpradisthxupkrnthieriykknwa aemknitrxn ichphlitphlngnganimokhrewf sungepnkaraephrngsikhlunsnrupaebbhnung odycudprasngkhkhrngaerkkhux ichinkarprbprungrabberdarthiichinsngkhramolkkhrngthi 2epxrsi elx barxn sepnesxr epnnkfisiksthithanganihkb bristh erthixxn phuphlitxupkrnerdar ekhaphbwa emuxekhaichekhruxngaemknitrxn rngsithiidihkhwamrxnxxkmadwy ekhacunghawithithicanaexakhwamrxnnimaich inimchaekhakichaemknitrxnlalaychxkokeltaelathakhawophdkhwkhxngekhaimokhrewfthaihomelkulkhxngxaharekidkarsnsaethuxn dngnnxaharcungrxnkhunaelakhbwnkarniekidkhunerwmak khlunniimthaihsingthithacakkradas kraebuxngekhluxb hruxaekwrxnkhun karichimokhrewfinkarprungxaharnxkcakcasadwk ichewlasnlngaelwyngprahydphlngnganxikdwyin kh s 1945 erimmikarphlitetaimokhrewfxxkcahnayaetyngmikhnadihyimehmaakbkarichinkhrwthwip txngichewlaxiknankwacasamarthphthnaihmikhnadelkaelarakhathuklngcungerimepnthiniymichtamban enuxngcakkhwamthiimokhrewfsamarthnaipichnganidkwangkhwangchwngkhwamthikhlunimokhrewfinnganwithyukhlunkhwamthiimokhrewfsamarthaebngepnchwngyxy tamkarkahndkhxng Radio Society of Great Britain RSGB dngtarangtxipni Letter Designation chwngkhwamthiL band 1 to 2 GHzS band 2 to 4 GHzC band 4 to 8 GHzX band 8 to 12 GHzKu band 12 to 18 GHzK band 18 to 26 5 GHzKa band 26 5 to 40 GHzQ band 30 to 50 GHzU band 40 to 60 GHzV band 50 to 75 GHzE band 60 to 90 GHzW band 75 to 110 GHzF band 90 to 140 GHzD band 110 to 170 GHz Hot lksnakhxngkhlunwithyuimokhrewfechnediywkblksnathwipkhxngkhlun khlunwithyuimokhrewfcamilksnadngtxipni edinthangepnesntrng samarthhkehid Refract samarthsathxnid Reflect samartheliywebnid Diffract samarththukldthxnenuxngcakfn Attenuate samarththukldthxnenuxngcakchnbrryakaskarichnganwithyuimokhrewfkhlunimokhrewfepnkhlunthimiyankhwamthikwangmak aelaepnthiniymxyangaephrhlay thngngandantrwccbwtthuekhluxnthi ngansuxsar aelangandanxutsahkrrm epntn karichngankhlunimokhrewfmihlakhlaychnid samarthaebngxxkiddngni 1 rabbechuxmtxsyyaninradbsayta ichinngansuxsarothrkhmnakhmrahwangcudhnungipxikcudhnung xyangechn karothrsphththangikl ichkarsngphancakcudhnung ipyngcakcudhnungaelasngphansyyaniperuxy cnthungplaythang aelainkarsngothrthsnkcathakarsngcakhxngsngipyngimokhrewf sngipthangsayxakas aelaaephrkracakkhlunkhxngothrthsnkhxngsthaninn rayahangkhxngsthanisyyancaepndngni thakhwamthisungrayahangkcanxyaettha khwamthikhxngkhlunimokhrewftarayahangkhxngsthanithwnsyyankcamak 2 rabbehnuxkhxbfa sungepnrabbsuxsarimokhrewfthiichchnbrryakashxhumolk chnothrophsefiyr chwyinkarsathxnaelakarhkehkhlunkhwamthiimokhrewf ihipthungplaythang ihidrayathangmakkhun karsuxsarimokhrewfrabbniimkhxyniymichngan ichechphaainkrnicaepnhruxchukechin echn inekhtthiimsamarthtngsthanithwnsyyanid phumipraethsthiaehngaelngkndar epnpadngdib epnnakhwangknaelaepnxntray enuxngcakkarichnganrupaebbnisamarththaidinrayathangthiiklmak dngnninkarsngkhluncungthaihkhlunmikar kracdkracayid dngnncungcaepntxngichekhruxngsngthimikalngsngthisungaelasayxakasthirbtxngmixtrakarkhyaysyyanthisung echnediywkn 3 rabbdawethiym epnrabbsuxsarimokhrewfthiichsthanithwnsyyanlxyxyuehnuxphunolkkwa 30 000 kiolemtr odykarichdawethiymthahnathiepnsthanithwnsyyankarichrabbnisamarththakarsuxsaridiklmak id aelacaniymichnganinrabbsuxsarkhampraethshruxkhamthwip epnrabbsuxsarimokhrewfthiniymichnganmakxikrabbhnung 4 rabberdar rabberdarniepnkarichkhlunkhwamthiimokhrewfthichwyinkartrwccbaelawdrayathangkhxngwtthutang thixyuhangikl aelawtthuekhluxnthiaebbtang hlkkarkhxngrabberdarkhuxcasngkhlunimokhrewfxxkipcaksayxakasinmumaekhb aelaemuxkhlunimokhrewfnnkrathbkbwtthucathaihsathxnklbmaekhasayxakas nasyyanthirbethiybkbsyyanedimaelacaaeprkhaxxkmaepnkhxmulthitxngkar 5 rabbetaimokhrewf rabbniepnkarsngkhlunimokhrewf thimikalngsungsnginphunthiaekhb thithadwyolha khlunimokhrewfnikcasathxnolhannthaihmikhlunimokhrewf kracdkracayxyuphunthinnsamarth naipichinkarthaxaharidkhxdiinkarichwithyuimokhrewfinkarsuxsarkhunsmbtikarkracaykhlunimokhrewfkhngthi thisthangkhxngsayxakasepnaenwphungtrngipinthisthangthitxngkar xtrakhyaykhxngsayxakassung samarththaihxtraswnkhxngsyyantxsyyanrbkwndikhun khuxmisyyanrbkwnekidkhunnxy samarthsngkhlunidinyankwangephraakhlunmikhwamthisungmak ekhruxkhaymikhwamnaechuxthuxsunginkarichngan plxdphycakkarekidphythrrmchati echn nathwm aephndinihw karrbkwnthiekidcakmnusythakhunminxy echn xubtiehtu karkxsrang ifihm karkxsrangthaidngay aelaerw sinepluxngkhaichcayinkarkxsrangnxy ichkhaichcaynxyaetkhunphaphsungkarsuxsarimokhrewfsthanirbsngsyyanimokhrewfthi Wrights Hill emuxng Wellington praethsniwsiaelndokhrngsrangkhxngParabolicReflector karsuxsarimokhrewf withithiniymichknmakkkhuxkarsuxsarinradbsayta ichinkarsuxsarkhxmulkhawsarinprimanmak esnthanginkarsuxsarnicapraman 50 80 kiolemtr aelaimmisingkidkhwang aetthatxngkarsuxsarinrayaiklkwani catxngmisthanithwnsyyanephux ihrbsyyanaelathakarkhyayaelwsngsyyantxip cnthungplaythangid rabbkarsuxsarphankhlunimokhrewfcami 2 swnhlk khux swnpramwlphl aela swnthahnathisngsyyan swnpramwlphl cathahnathikhanwnineruxngkarsuxsarodycasrangaelaaeplsyyansuxsar swnsngsyyan cathahnathisngaelarbsyyan xyubnxakhar echn carsngsyyan odyimokhrewfcaichcankhnadesnphasunyklang 2 fut imokhrewfnncasngphansyyankhxmuldwykhlunwithyu Radio Frequency RF sungsngphanrahwangsxngsthanitnthangaelaplaythang aetlasthanicatxngmithngswnpramwlphlaelaswnrb sngsyyan sthanithwnsyyanimokhrewfsthanithwnsyyanimokhrewf ichinkarsuxsarimokhrewfinradbsayta enuxngcakkarsuxsarinrupaebbnimiphltxswnokhngkhxngolk dngnninkarsuxsarimokhrewfnicatxngmisthanithwnsyyaninrayathuk 50 80 km sungsthanithwnsyyancathakarthaythxd syyancaksthanitnthangthakarrbsyyanmaaelathakarkhyaysyyan ihaerngkhunaelwkthakarsngsyyantxipcnthungplaythang sthanithwnsyyankhawsarkhxmul cathakarepliynaeplngkhwamthithirbekhamaihehluxephiyngkhwamthi khawsarkhxmulkxn aelwkthakarkhyaysyyanihaerngkhunxikthi caknnknaipphsmkbkhwamthiimokhrewfkhwamthiihm aelwthakarsngxxkip khxdikhxngsthanithwnsyyanrupaebbnikhux samarthdungsyyankhawsarkhxmulmaichid aelasamarththakarnakhawsarkhxmulihmaethrkekhaipiddwy khxesiykhxngsthanithwnsyyanrupaebbnikhux caekidsyyanrbkwnaethrkekhama aelaradbkhwamaerngkhxngsyyankhawsarkhxmulimkhngthi sthanithwnsyyankhwamthi IF sthanithwnsyyanrupaebbnicathakarepliynkhwamthithirbekhamaihepnkhwamthi IF kxnaelwcungthakarkhyaysyyanihaerngkhunxikthi caknnkkhxythakarphsmkbkhlunimokhrewf khwamthiihm aelwcungthakarsngxxkip khxdikhxngsthanithwnsyyanrupaebbnikhux xtraswnkhxngsyyantxsyyanrbkwndikhun radbkhwamaerngkhxngsyyankhxmulkhawsarkhngthi khxesiykhxngsthanithwnsyyanrupaebbkhux imsamarthdungsyyankhxmulkhawsarmaichidaelaimsamarthaethrksyyankhxmulihmekhaipid sthanithwnsyyankhwamthi RF sthanithwnsyyanrupaebbni cathakarepliynkhwamthi RF edimipepnkhwamthi RF ihm odytrngkxnaelwkhxythakarsngxxkip khxdikhxngsthanithwnsyyanrupaebbkhux mixtraswnkhxngsyyantxsyyanrbkwndimak syyankhxmulkhawsarmikhwamkhngthi khxesiykhxngsthanithwnsyyanrupaebbnikhux mirakhaaephngmak aelayngimsamarthdungsyyankhxmulkhawsarmaichid aelayngimsamarthnasyyankhxmulihmaethrkekhaipid aelayngmikhwamyungyakinkarxxkaebbwngcrxikdwyewfikdewfikd Waveguide hruxwa ni epnsaysngsyyanchnidhnung thiichin karsngkhlunimokhrewf odythwipcamilksnaepnthxklm hruxthxehliym aelwaetcathamacakthxngaednghruxxalumieniym daninchabdwyenginephuxihepntwnathidi saehtuthisaynasyyantxngthaepnthxnikephraawa khlunimokhrewfmikhwamthisungmakcaedinthangiddithibriewnphiwkhxngthahakichsaynasyyanthwipcathaihekidkarsuyesiyngphlngnganipid cungtxngthaepnthxephuxpxngknkarsuyesiyphlngngancakphiwkhxngsaysyyan khwamthitasudthisamarthichnganidkbewfikderiykwa sungthakhwamthisungkwakhwamthi khtxxf casamarthedinthangipbnewfikdid swnkhwamthithitakwanicaimsamarthedinthangbnewfikdid inkaredinthangkhxngkhlunimokhrewfinewfikdnn caedinthangodykarsathxnphnngthx aelaedinthangiptamkhwamyawkhxngthxnakhlun aelakhwamthithisungksamarthedinthangidiklkwakhwamthithita rupaebbinkarekidkhluninewfikd kcamixyu 2 rupaebbdwykn khux rupaebbsnamiffatdkhwang sungepnrupaebbthiimmiswnprakxbkhxngsnamiffainthisthangkaraephrkracaykhlun odysnamiffacatngchakkbthisthangkaraephrkracaykhxngkhlun rupaebbsnamaemehlktdkhwang epnrupaebbthiimmiswnprakxbkhxngsnamaemehlkinthisthangkaraephrkracaykhlun odysnamaemehlkcatngchakkbthisthangkaraephrkracaykhxngkhlunesmxsayxakasaebbhxrnsayxakasaebbhxrnni epnsayxakasthiniymichknmakthisudephraamikalngkarkhyaysungprakxbdwythxnakhluntxnplayepidkwangxxkmakkwapkti karthicathaihxtrakarkhyaysungnn thaodykarephimcansathxnkhlunaebb ekhaipdwy inkarichsayxakasaebbhxrnnitxngichrwmkbcansathxnkhlunaebbphalaobla thieriykwa twsathxnkhlunphalaoblik aelataaehnngkhxnghxrn txngwangintaaehnngofkskhxngtwsathxnkhlun ephraaepntaaehnngrwmkhlunthnghmdkarichkhlunimokhrewfinngansuxsarmwlchnpccubnkarsuxsarinngansuxsarmwlchn caepnxyangyingkbkarichekhruxngmux sungxupkrnsuxsartang xasykhlunimokhrewfepnsuxklanginkarsuxsar echn sayokhaexkechiyl sayxakas dawethiym sungsingehlaniichinkarsngkhxngmultang cungmikhwamsakhyxyayingtxngansuxsarmwlchnxyangmakephraakarsuxsarmwlchninbccubn caepntxngmikarephyaephraelakarrbkhawsaridxyangrwderw ephuxihmikarxpeddkhxmulihsmytlxdewlalksnathwipkhxngkhlun khlunwithyuimokhrewfmilksnadngtxipni edinthangepnesntrng samarthhkehid Refract samarthsathxnid Reflect samartheliywebnid Diffract samarththukldthxnenuxngcakfn Attenuate samarththukldthxnenuxngcakchnbrryakassmbtikhxngkhlunimokhrewf1 karsathxnklb Reflection khlunimokhrewfemuxwingkrathbkbwsduthiepnolhahruxswnthimixngkhprakxbkhxngolha khluncaimsamarthwingthaluphanolhaid aelacasathxnklbthnghmd dngnn xaharthithukhumdwyphachnadngklawcaimekidkarsuk 2 karsngphan Tranmission khlunimokhrewfemuxwingkrathbkbwsduthiimicholha idaek aekw phlastik kradas esramik aelaim epntn khluncasamarththaluphanid dngnn wsduehlanicungniymichepnphachnasahrbrxnghruxhxhumxaharekhatuimokhrewf 3 kardudsb Adsorption khlunimokhrewfemuxwingkrathbkbwsduthiminahruxkhwamchunphayin khluncaekidbangswncathukdudsbexaiw thaihomelkulkhxngnadudsbphlngngankhlun aelaepliynepnphlngngankhwamrxnexaiwcnekidkhwamrxntamma rwmthungkarekhluxnthikhxngomelkulna sungthaihekidkhwamrxnechnkn thngni khlunimokhrewfhlngthukdudsbcaslaytwthnthi immikartkkhanginxaharpraoychnkhxngkhlunimokhrewf1 ichinxupkrnhruxrabbkarsuxsarphandawethiym 2 ichinrabbtrwccbwtthuthangxakas karnarxngthangkarbin karedinerux aelayuthothpknekhluxnthierdar 3 ichinthangkaraephthy sahrbkarkhaechux hruxkarrksaodykarichkhwamrxn odykhwammichwngkhwamyawkhlunthiyawkwakhlunimokhrewfthiichprungxaharhruxmikhwamthikhlunnxykwannexng ephraakarrksaxakarpwykhxngmnusycatxngichkhwamrxninkhnadthirangkaythnid hamkarichkhwamrxnsung echn karrksaxakarpwdemuxykhxngklamenuxhruxkhx odyichkhlunimokhrewfkhwamthitathiihkhwamrxnephiyngxun swnkarrksa aelathalayesllmaernginrangkay aephthycaichkhlunimokhrewfthimikhwamthisungkhunmaelknxy 4 ichepnaehlngkratunihekidkhwamrxnphayinxaharhruxichprakxbxaharihsuk hruxthiniymeriykwa etaimokhrewf rwmthung ichepnaehlngihkhwamrxninkrabwnkarphlitthangxutsahkrrm odyichkhlunkhwamthiinchwng 915 2 450 MHz karichimokhrewfinkrabwnkaraeprrupxaharinradbxutsahkrrmkhrngaerk idaek karphlitmnfrngthxdkrxbsungekiywkhxngkbkarthaaehng nxkni yngichinkarthaaehngphlitphnthtangxacichimokhrewfsungmithngrabbthrrmda aelarabbsuyyakas odynaipchwyesriminrabbkarthaaehngaebbtang idaek karthaaehngodyxasyaerngdnxxsomtik aelathaaehngdwytuxbthrrmda air drying hruxnaipesriminrabbkarthaaehngphayitsuyyakassahrbxaharthimixngkhprakxbthislayngayemuxthukkhwamrxn karnaimokhrewfmachwyinkaraeprrup idaek karthaaehngphlitphnthxaharesn Pasta hxmihy khnmekhkthithacakkhaw sahray xaharkhbekhiyw aelaikhaedngthiphankarthaihsuk sungnbwaepnkarphthnathngrabbekhruxngmux aelawithikaraeprrupipxikradbhnunginkhwamkawhnathangethkhonolyi rwmthungindanxun xathi ichephuxthakarphasecxrirs Pasteurization idaek khnmpng aelanmepriyw ichephuxkhaechuxinphlitphnth Sterilization idaek nm aelakaretriymxahar ichinkarxb Baking idaek khnmpng aelanth ichinkarkhw Roasting idaek emldkaaef aelaemldokok ichinkarlwk Blanching idaek khawophd aelaphlim ichinkareciyw Rendering idaek namnhmu aelaikhmnwwkhlunimokhrewfkbphlkrathbtxrangkaymnusyhakrangkayidrbkhlunimokhrewfthimiradbkhwamekhmmak echn idkhwamkhwamekhmkhnthi 100 milliwtt tarangesntiemtr inrayaewlanan cathaihekidkaresiydsiknrahwangomelkulkhxngna oprtin hruxikhmn khunphayinesllrangkay cnesllrangkayekidkhwamrxn aelathukdudklunsasmexaiwphayinesllhruxxwywa aelahakrangkayimsamarthrabayhruxthayethkhwamrxnihxyuinsphawapktiid cathaihesllhruxxwywannekidkhwamesiyhay aelahakekidinradbrunaerngxacthaiheslltayid khwamesiyhaykhxngesllhruxphlkhangekhiyngthimkekidkhun idaek 1 phltxelnsta thaihelnstarabaykhwamrxnidnxy xacepntxkrack 2 phltxechuxxsuci xacthaihechuxxsucitay echuxxsuciphidpkti aelaklayepnhmnchwkhraw 3 phltxsirsa thaihmixakarpwdsirsa munngng hruxemuxyla 4 phltxhwic thaihhwicetnerwhruxetnphidcnghwa 5 phltxkraduk thaihkradukphidruprang odyechphaakradukthikalngecriyphthna nxkcakniyngechuxwa xackxihekidmaerng emdolhitkhawphidpkti aelaphawaaethnglukid aetyngimmiraynganyunyn nxkcakphlkrathbthimitxrangkayaelw khlunimokhrewfyngmiphlrbkwnkarthangankhxngekhruxngichxielkthrxnikstangthixyuinbriewniklekhiyngihthanganphidpktiid odyechphaaphupwyorkhhwicthiichekhruxngchwykaretnkhxnghwic cardiac pacemaker catxngramdrawngepnphiessemuxiklkhlunimokhrewfkarthayethkhwamrxnkhxngkhlunimokhrewftwkhlunimokhrewfexngimidepntwihkhwamrxn aetkhwamrxnthiekidkhuninwsdunnekidcakkardudsbkhlunimokhrewfaelwepliynepnphlngngankhwamrxn omelkulmikhwinphlitphnthxaharsungk khux na swnthiekidptismphnthkbkhlunimokhrewf interaction emuxnaxyuinsnamiffakhlunimokhrewf nacacderiyngtwihepnipinthisthangediywkbsnamiffakhlunimokhrewf echnediywknkbesskhieluxyehlkthiphyayamcderiyngtwinsnamaemehlk aetenuxngcakthisthangkhxngkhwsnamiffakhlunimokhrewfepliynslbipmahlaylankhrngtxwinathi omelkulkhxngnasungthukcakddwyphunthielkinxaharkcaerimhmuninthisthanghnung emuxsnamiffaslbkhwomelkulnakcahmuninxikthisthanghnungdwykhwamthisungechnkn karhmunslbknnithaihekidphlngnganclnsungaelaepliynepnphlngngankhwamrxninthisudxangxingMASTER G 1993 from sakon nakhon 47140