ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
กองทัพแดงของกรรมกรและของชาวนา (รัสเซีย: Рабоче-крестьянская Красная армия; РККА, : Raboche-krest'yanskaya Krasnaya armiya; RKKA, สัทอักษรสากล: [rɐˈbot͡ɕɪ krʲɪsʲˈtʲjanskəjə ˈkrasnəjə ˈarmʲɪjə]) เกิดขึ้นเป็นกลุ่มการรบคอมมิวนิสต์ปฏิวัติของสหภาพโซเวียตระหว่างสงครามกลางเมืองรัสเซีย ค.ศ. 1918-1922 ต่อมา ได้เติบโตเป็นกองทัพแห่งชาติ จนถึงคริสต์ทศวรรษ 1930 กองทัพแดงเป็นหนึ่งในกองทัพใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
กองทัพแดงของกรรมกรและของชาวนา | |
---|---|
Рабоче-крестьянская Красная армия | |
ประจำการ | 15 มกราคม ค.ศ. 1918 – 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1946 |
ประเทศ |
|
ขึ้นต่อ | พรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียต |
รูปแบบ | ทหาร |
บทบาท | |
กำลังรบ | 34,401,807 นายที่รับใช้ในสงครามโลกครั้งที่สอง |
ปฏิบัติการสำคัญ | |
ผู้บังคับบัญชา | |
ควบคุมโดย | เลขาธิการแห่งคณะกรรมการกลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียต (บอลเชวิค) โจเซฟ สตาลิน (3 เมษายน ค.ศ.1922 – 16 ตุลาคม ค.ศ.1952) |
"กองทัพแดง" หมายถึงสีดั้งเดิมของขบวนการคอมมิวนิสต์ เมื่อสัญลักษณ์แห่งชาติโซเวียตแทนที่สัญลักษณ์ปฏิวัติ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1946 กองทัพแดงจึงถูกเปลี่ยนชื่อเป็นกองทัพบกโซเวียต (รัสเซีย: Советская Армия, Sovetskaya Armiya)
กองทัพแดงได้รับชื่อเสียงอย่างกว้างขวางว่าเป็นกำลังตัดสินชี้ขาดในชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตรในเขตสงครามยุโรป สงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างปฏิบัติการในแนวรบด้านตะวันออก กองทัพแดงได้รบปะทะและเอาชนะกองทัพเยอรมันทั้งหมดราว 80% ที่วางกำลังในสงคราม
ประวัติ
ปฐมบท
ในช่วงการปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์ (เดือนมีนาคม พ.ศ. 2460 ตามปฏิทินเกรโกเรียน) เป็นการปฏิวัติในเฉพาะบริเวณนครเปโตรกราด (ปัจจุบัน: เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก) ภายใต้ภาวะความวุ่นวายนั้นเอง สมาชิกรัฐสภาหลวงดูมาถือโอกาสเข้ายึดอำนาจการบริหารประเทศและจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลขึ้น เหล่าผู้นำกองทัพต่างรู้สึกว่าความพยายามปราบปรามการจลาจลของตนนั้นไร้ผล และพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 พระเจ้าซาร์แห่งรัสเซียองค์สุดท้ายก็ทำการสละราชสมบัติ ในตอนแรกเริ่ม พวกโซเวียต (สภาแรงงาน) ซึ่งนำโดยพวกสังคมนิยมหัวรุนแรงอนุญาตให้รัฐบาลเฉพาะกาลเข้าบริหารประเทศ แต่ยืนยันให้พวกตนได้รับอภิสิทธิ์ในการแทรกแซงรัฐบาลและควบคุมกองกำลังต่าง ๆ มากมาย กล่าวได้ว่าการปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์เกิดขึ้นในบริบทของความพ่ายแพ้ทางทหารอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (พ.ศ. 2457 - 2461) ซึ่งทำให้กองทัพส่วนมากอยู่ในสภาพของการก่อกบฏ
ช่วงเวลาของ พหุอำนาจ (Dual power) จึงได้ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลเฉพาะกาลครอบครองอำนาจรัฐ ขณะที่เครือข่ายโซเวียตแห่งชาติซึ่งนำโดยพวกสังคมนิยมก็ได้รับการสวามิภักดิ์จากเหล่าชนชั้นล่างและพวกฝ่ายซ้าย และตลอดช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายนี้มีการก่อกบฏ, ประท้วง และนัดหยุดงานมากมายหลายครั้ง ต่อมารัฐบาลเฉพาะกาลตัดสินใจที่จะยังคงทำสงครามกับเยอรมนีต่อไป ส่งผลให้พวกบอลเชวิกและนักสังคมนิยมกลุ่มต่าง ๆ เริ่มออกมารณรงค์ให้ยุติการสู้รบกับเยอรมนี บอลเชวิกได้ทำการเปลี่ยนกองกำลังจากชนชั้นแรงงานให้ไปเป็น เรดการ์ด และกองกำลังนี้เองที่บอลเชวิกควบคุมเอาใจใส่อย่างมีนัยสำคัญ และแล้วพวกบอลเชวิกก็สามารถเข้ายึดอำนาจประเทศได้ในที่สุด หลังจากนั้นมาเรดการ์ดก็ได้เปลี่ยนมาเป็นกองกำลังทหารที่จะต้องทำหน้าที่ปกป้องประเทศรัสเซียอันเป็นแผ่นดินเกิดของตนและปกป้องพรรคคอมมิวนิส์แห่งสภาพโซเวียต (บอลเชวิก) ที่ได้ถูกก่อตั้งขึ้น
สงครามกลางเมือง
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1918 เมื่อกลุ่มเชโกสโลวัก (อดีตนักโทษสงครามที่เดินทางทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียไปยังเมืองวลาดีวอสตอคและเป็นพวกลี้ภัย) เกิดปะทะกับกองทหารโซเวียตที่บริเวณภูเขายูรัล และยังมีทีท่าว่าจะยึดขบวนรถไฟ การยึดครองนี้จะทำให้กองกำลังต่อต้านการปฏิวัติ (หรือพวกขาว "Whites") สามารถจัดกองทัพต่อต้านบอลเชวิคในไซบีเรียตะวันตก กองกำลังฝ่ายขาวนี้ยังมีที่ตั้งมั่นอยู่ในเขตรัสเซียในยุโรป ซึ่งถูกเยอรมันยึดครองในเดือนมีนาคม ค.ศ.1918 ระหว่างเริ่มการยึดครองนั้น กองทหารอังกฤษได้เข้ามาตั้งมั่นที่เมืองอาร์คันเกลสค์ มูร์มันสก์ และทรานส์คอเคซัส เหมือนกับว่าจะช่วยฝ่ายรัสเซียขาว และกองกำลังฝรั่งเศสก็เข้ามาตั้งที่โอเดสซา แต่ปรากฏว่าทั้งสองชาติไม่ได้ต้องการที่จะเข้ามาปล่อยฝ่ายขาวอย่างจริงจัง เพราะทั้งสองได้ถอนตัวออกไปหมดในตอนปลาย ค.ศ.1919
พวกบอลเชวิคถูกคุกคามจากรอบด้าน โดยในยูเครนนั้น เยอรมนีได้สนับสนุนรัฐบาลแยกดินแดนชาวยูเครน ส่วนทางใต้นายทหารพระเจ้าซาร์คือ นายพลเดนีกิน (Denikin) ได้จัดตั้งกองทัพอาสาสมัครมีกำลังสำคัญคือ ทหารคอสแซคขับไล่พวกแดงออกจากคอเคซัส ในยูรัลและไซบีเรีย นายพลสมัยพระเจ้าซาร์คือนายพล อะเลคซันดร์ คอลชัค จัดตั้งกองทัพของตนขึ้นมาพร้อมกับประกาศตนเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในรัสเซียในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1918 กองกำลังของทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งเข้าโจมตีมอสโกใน ค.ศ. 1919 แต่กองทัพคอลชัคถูกกองทัพแดงขับไล่ไปไซบีเรียใน ค.ศ. 1920 กองทัพเดนีกินถูกทำลายใน ค.ศ. 1920 และเมื่อมีกองทัพของอดีตนายพลสมัยพระเจ้าซาร์อีกคนหนึ่งคือ ยูเดนิช ยกจากเอสโตเนียสู่เปโตรกราดในฤดูร้อน ค.ศ. 1919 ก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้ เช่นเดียวกัน การคุกคามครั้งสำคัญเกิดขึ้นอีกเมื่อโปแลนด์ยกกองทัพบุกยูเครน ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1920 กองทัพแดงขับไล่ทหารโปแลนด์ถอยร่นไปถึงแม่น้ำวิสตูลา แต่ชาวโปแลนด์ผู้รักชาติสามารถร่วมมือกันรักษากรุงวอร์ซอไว้ได้ และทั้งสองฝ่ายได้ลงนามสงบศึกในเดือนตุลาคม
ด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายขาวทุกด้าน ทำให้บอลเชวิคสามารถขยายอิทธิพลเข้าไปในทุกภูมิภาค แห่งสุดท้ายคือ วลาดีวอสตอค ซึ่งได้รับการฟื้นฟูขึ้นภายหลังการยึดครองของญี่ปุ่น ค.ศ. 1918 ได้ถอนตัวออกไปใน ค.ศ. 1922 การที่ชัยชนะของบอลเชวิคเกิดขึ้นด้วยหลายปัจจัย เช่น การที่เลออน ทรอตสกี สามารถระดมกำลังทหารของพระเจ้าซาร์จัดเป็นกองทัพแดงที่แข็งแกร่ง การควบคุมเขตอุตสาหกรรมสำคัญทางภาคกลาง และความสามารถในการส่งกำลังจากมอสโกออกไปยังที่ที่ต้องการได้เป็นรัศมีกว้าง
สงครามโปแลนด์-โซเวียต
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ยุคการปรับปรุงขนานใหญ่
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สงครามจีน-โซเวียต
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สงครามฤดูหนาวในฟินแลนด์
โจเซฟ สตาลินมีความต้องการดินแดนบางส่วนของประเทศฟินแลนด์และต้องการสร้างกองทัพเรือที่นั่น จึงส่งทูตไปเจรจาโดยตั้งเงื่อนไขว่าให้เลื่อนเขตแดนให้ห่างจากเมืองเลนินกราดออกไปอีก 25 กิโลเมตรและสร้างฐานทัพเรือ แต่การเจรจาล้มเหลวเพราะฟินแลนด์ปฏิเสธไม่ยอมยกดินแดนบางส่วน และไม่ยอมให้โซเวียตสร้างฐานทัพเรือในดินแดนของตน
ทำให้สตาลินไม่พอใจจึงส่งกองทัพแดงไปรุกรานประเทศฟินแลนด์จำนวนราวหนึ่งล้านคน การโจมตีได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2482 (ค.ศ. 1939) เมื่อทหารในกองทัพแดงราวหนึ่งล้านคนบุกเข้าจู่โจมตามแนวรบหลายจุดบริเวณพรมแดนระหว่างสหภาพโซเวียตกับฟินแลนด์ กองทัพฟินแลนด์บัญชาการโดยจอมพลมานเนอร์ไฮม์ สามารถต่อต้านการโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ว่าจะมีกำลังพลน้อยกว่ามาก อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ทหารรัสเซียเข้าไปในฟินแลนด์ได้สำเร็จ หลังใช้ปืนใหญ่ระดมโจมตีแนวป้องกันตามคอคอดคาเรเลียซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของฟินแลนด์รวมทั้งการโจมตีทางอากาศ สงครามสิ้นสุดลงในวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) เมื่อมีการลงนามในสัญญาสันติภาพมอสโก โดยฟินแลนด์ยอมยกดินแดนบางส่วนให้โซเวียตและยอมให้โซเวียตก่อสร้างฐานทัพเรือบนคาบสมุทรฮังโก การรุกรานฟินแลนด์ในครั้งนี้ทำให้สหภาพโซเวียตถูกขับออกจากสันนิบาตชาติ
สงครามโลกครั้งที่ 2
ในสมัยของสตาลินได้มีการพยายามพัฒนาประเทศ ให้เป็นอุตสาหกรรมหนัก ส่วนหนึ่งก็เพื่อการสร้างอาวุธที่ทันสมัยให้กองทัพแดง และยังมีการอบรมสร้างนายทหารให้มีความสามารถมากขึ้น แต่ช่วงการกวาดล้างปรปักษ์ของสตาลินนายทหารที่มีฝีมือถูกกวาดล้างไปมาก ทำให้เมื่อต้นสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพแดงจึงถูกกองทัพนาซีเยอรมนีโจมตีจนย่อยยับ จึงมีการเปลี่ยนโครงสร้างการบังคับบัญชาใหม่ โดยพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตเข้ามามีบทบาทการบัญชาการมากขึ้น นำนายทหารที่มีความสามารถเหลืออยู่คือพลเอกซูคอฟเข้ามาบัญชาการกองทัพอีก ย้ายโรงงานผลิตอาวุธไปทางตะวันออก ทำให้กองทัพแดงมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับฤดูหนาวอันโหดร้ายของสหภาพโซเวียตทำให้ขวัญทหารนาซีเยอรมันตกต่ำลงไปมาก ทำให้ในยุทธภูมิสตาลินกราด กองทัพแดงแห่งโซเวียตสามารถหยุดยั้งกองทัพนาซีไม่ให้เข้ายึดเมืองสตาลินกราดได้ อันเป็นผลให้กองทัพที่ 6 ของนาซีเยอรมันต้องยอมจำนน เกมจึงพลิกให้กองทัพแดงกลายเป็นฝ่ายบุกจึงส่งผลให้กองทัพแดงมีโอกาสรุกเข้าไปในยุโรปตะวันออกและตีเบอร์ลินแตกเป็นประเทศแรกก่อนฝ่ายสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร สาธารณรัฐฝรั่งเศส อีกด้วย ทำให้สหภาพโซเวียตได้มีการขยายอำนาจครอบครองยุโรปตะวันออก ทำให้สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตมีอาณาเขตเพิ่มขึ้นเป็น 15 สาธารณรัฐ
ต่อมาในช่วงเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1945 ซึ่งเป็นช่วงที่แผ่นดินญี่ปุ่นโดนกองทัพสหรัฐฯทิ้งระเบิดด้วยระเบิดปรมาณูทั้งสองลูกที่เมืองฮิโรชิมา และเมืองนางาซากิ ซึ่งในช่วงระหว่างนั้น กองทัพแดงได้บุกเข้าโจมตีกองทัพญี่ปุ่นที่อยู่ประจำการในแมนจูเรียและเกาหลีเหนือซึ่งรัสเซียได้เห็นสนธิสัญญาไม่รุกรานกันระหว่างรัสเซีย-ญี่ปุ่นได้ครบวันแล้ว นอกจากนั้นการโจมตีครั้งนี้เป็นการภายใต้ข้อตกลงลับของสตาลิน,รูสเวลท์,เชอร์ชิลล์ว่าจะบุกญี่ปุ่นภายใน 3 เดือนหลังจากนาซีเยอรมันยอมแพ้ แต่ว่าจักรพรรดิญี่ปุ่นได้ประกาศยอมแพ้สงครามทำให้สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงอย่างสมบูรณ์
ยุคสงครามเย็น
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
โครงสร้าง
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
บุคลากร
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
งบประมาณ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ยุทธภัณฑ์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อาวุธประจำกาย
- ปืนไรเฟิลโมซิน-นากองท์
- เอสวีที-40
- PPSh-41
- ปืนพกโตกาเรฟ
- AK-47
- ปืนกลเดกเตียริออฟ
- SG-43 Goryunov
- DShK 1938
- PM M1910
- ปืนเอสเคเอส
อาวุธประจำหน่วย
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- "флажные мистификации" [The flag Hoax] (ภาษารัสเซีย). vexillographia.ru. สืบค้นเมื่อ 11 September 2010.
- Norman Davies: "Since 75%–80% of all German losses were inflicted on the eastern front it follows that the efforts of the western allies accounted for only 20%–25%". Source: Sunday Times, 05/11/2006.
- Helene Carrere D'Encausse, The End of the Soviet Empire: The Triumph of the Nations, Basic Books, 1992,
- Zaloga, Steven J., James Grandsen (1984). Soviet Tanks and Combat Vehicles of World War Two, London: Arms and Armour Press. .
แหล่งข้อมูลอื่น
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
lingkkhamphasa inbthkhwamni miiwihphuxanaelaphurwmaekikhbthkhwamsuksaephimetimodysadwk enuxngcakwikiphiediyphasaithyyngimmibthkhwamdngklaw krann khwrribsrangepnbthkhwamodyerwthisud kxngthphaedngkhxngkrrmkraelakhxngchawna rsesiy Raboche krestyanskaya Krasnaya armiya RKKA Raboche krest yanskaya Krasnaya armiya RKKA sthxksrsakl rɐˈbot ɕɪ krʲɪsʲˈtʲjanskeje ˈkrasneje ˈarmʲɪje ekidkhunepnklumkarrbkhxmmiwnistptiwtikhxngshphaphosewiytrahwangsngkhramklangemuxngrsesiy kh s 1918 1922 txma idetibotepnkxngthphaehngchati cnthungkhristthswrrs 1930 kxngthphaedngepnhnunginkxngthphihythisudinprawtisastrkxngthphaedngkhxngkrrmkraelakhxngchawnaRaboche krestyanskaya Krasnaya armiyapracakar15 mkrakhm kh s 1918 25 kumphaphnth kh s 1946 1918 01 15 1946 02 25 praeths shphnthsatharnrthsngkhmniymosewiytrsesiy 1918 1922 shphaphosewiyt 1922 1946 khuntxphrrkhkhxmmiwnistaehngshphaphosewiytrupaebbthharbthbathkalngrb34 401 807 naythirbichinsngkhramolkkhrngthisxngptibtikarsakhysngkhramolkkhrngthihnungsngkhramklangemuxngrsesiysngkhramopaelnd osewiytkhxphiphathchayaednosewiyt yipunkarbukkhrxngopaelndkhxngshphaphosewiytsngkhramvduhnawaenwrbdantawnxxkinsngkhramolkkhrngthisxngkarbukkhrxngaemncueriykhxngshphaphosewiytphubngkhbbychakhwbkhumodyelkhathikaraehngkhnakrrmkarklangaehngphrrkhkhxmmiwnistaehngshphaphosewiyt bxlechwikh ocesf stalin 3 emsayn kh s 1922 16 tulakhm kh s 1952 thngkxngthphaedngxyangimepnthangkar ephraakalngphakhphunkhxngosewiytimmithngxyangepnthangkar kxngthphaedng hmaythungsidngedimkhxngkhbwnkarkhxmmiwnist emuxsylksnaehngchatiosewiytaethnthisylksnptiwti wnthi 25 kumphaphnth kh s 1946 kxngthphaedngcungthukepliynchuxepnkxngthphbkosewiyt rsesiy Sovetskaya Armiya Sovetskaya Armiya kxngthphaedngidrbchuxesiyngxyangkwangkhwangwaepnkalngtdsinchikhadinchychnakhxngfaysmphnthmitrinekhtsngkhramyuorp sngkhramolkkhrngthisxng rahwangptibtikarinaenwrbdantawnxxk kxngthphaedngidrbpathaaelaexachnakxngthpheyxrmnthnghmdraw 80 thiwangkalnginsngkhramprawtikxngkalngerdkardthiorngnganwulkanpthmbth inchwngkarptiwtieduxnkumphaphnth eduxnminakhm ph s 2460 tamptithinekrokeriyn epnkarptiwtiinechphaabriewnnkhrepotrkrad pccubn esntpietxrsebirk phayitphawakhwamwunwaynnexng smachikrthsphahlwngdumathuxoxkasekhayudxanackarbriharpraethsaelacdtngrthbalechphaakalkhun ehlaphunakxngthphtangrusukwakhwamphyayamprabpramkarclaclkhxngtnnnirphl aelaphraecasarniokhlsthi 2 phraecasaraehngrsesiyxngkhsudthaykthakarslarachsmbti intxnaerkerim phwkosewiyt sphaaerngngan sungnaodyphwksngkhmniymhwrunaerngxnuyatihrthbalechphaakalekhabriharpraeths aetyunynihphwktnidrbxphisiththiinkaraethrkaesngrthbalaelakhwbkhumkxngkalngtang makmay klawidwakarptiwtieduxnkumphaphnthekidkhuninbribthkhxngkhwamphayaephthangthharxyanghnkinchwngsngkhramolkkhrngthihnung ph s 2457 2461 sungthaihkxngthphswnmakxyuinsphaphkhxngkarkxkbt chwngewlakhxng phhuxanac Dual power cungidthuxkaenidkhun sungepnchwngthirthbalechphaakalkhrxbkhrxngxanacrth khnathiekhruxkhayosewiytaehngchatisungnaodyphwksngkhmniymkidrbkarswamiphkdicakehlachnchnlangaelaphwkfaysay aelatlxdchwngewlaaehngkhwamwunwaynimikarkxkbt prathwng aelandhyudnganmakmayhlaykhrng txmarthbalechphaakaltdsinicthicayngkhngthasngkhramkbeyxrmnitxip sngphlihphwkbxlechwikaelanksngkhmniymklumtang erimxxkmarnrngkhihyutikarsurbkbeyxrmni bxlechwikidthakarepliynkxngkalngcakchnchnaerngnganihipepn erdkard aelakxngkalngniexngthibxlechwikkhwbkhumexaicisxyangminysakhy aelaaelwphwkbxlechwikksamarthekhayudxanacpraethsidinthisud hlngcaknnmaerdkardkidepliynmaepnkxngkalngthharthicatxngthahnathipkpxngpraethsrsesiyxnepnaephndinekidkhxngtnaelapkpxngphrrkhkhxmmiwnisaehngsphaphosewiyt bxlechwik thiidthukkxtngkhun sngkhramklangemuxng ineduxnphvsphakhm kh s 1918 emuxklumechoksolwk xditnkothssngkhramthiedinthangthangrthifsaythransisbieriyipyngemuxngwladiwxstxkhaelaepnphwkliphy ekidpathakbkxngthharosewiytthibriewnphuekhayurl aelayngmithithawacayudkhbwnrthif karyudkhrxngnicathaihkxngkalngtxtankarptiwti hruxphwkkhaw Whites samarthcdkxngthphtxtanbxlechwikhinisbieriytawntk kxngkalngfaykhawniyngmithitngmnxyuinekhtrsesiyinyuorp sungthukeyxrmnyudkhrxngineduxnminakhm kh s 1918 rahwangerimkaryudkhrxngnn kxngthharxngkvsidekhamatngmnthiemuxngxarkhneklskh murmnsk aelathranskhxekhss ehmuxnkbwacachwyfayrsesiykhaw aelakxngkalngfrngesskekhamatngthioxedssa aetpraktwathngsxngchatiimidtxngkarthicaekhamaplxyfaykhawxyangcringcng ephraathngsxngidthxntwxxkiphmdintxnplay kh s 1919 phwkbxlechwikhthukkhukkhamcakrxbdan odyinyuekhrnnn eyxrmniidsnbsnunrthbalaeykdinaednchawyuekhrn swnthangitnaythharphraecasarkhux nayphlednikin Denikin idcdtngkxngthphxasasmkhrmikalngsakhykhux thharkhxsaeskhkhbilphwkaedngxxkcakkhxekhss inyurlaelaisbieriy nayphlsmyphraecasarkhuxnayphl xaelkhsndr khxlchkh cdtngkxngthphkhxngtnkhunmaphrxmkbprakastnepnphumixanacsungsudinrsesiyineduxnphvscikayn kh s 1918 kxngkalngkhxngthngsxngfaytangmungekhaocmtimxsokin kh s 1919 aetkxngthphkhxlchkhthukkxngthphaedngkhbilipisbieriyin kh s 1920 kxngthphednikinthukthalayin kh s 1920 aelaemuxmikxngthphkhxngxditnayphlsmyphraecasarxikkhnhnungkhux yuednich ykcakexsoteniysuepotrkradinvdurxn kh s 1919 ktxngepnfayaeph echnediywkn karkhukkhamkhrngsakhyekidkhunxikemuxopaelndykkxngthphbukyuekhrn ineduxnemsayn kh s 1920 kxngthphaedngkhbilthharopaelndthxyrnipthungaemnawistula aetchawopaelndphurkchatisamarthrwmmuxknrksakrungwxrsxiwid aelathngsxngfayidlngnamsngbsukineduxntulakhm dwykhwamphayaephkhxngfaykhawthukdan thaihbxlechwikhsamarthkhyayxiththiphlekhaipinthukphumiphakh aehngsudthaykhux wladiwxstxkh sungidrbkarfunfukhunphayhlngkaryudkhrxngkhxngyipun kh s 1918 idthxntwxxkipin kh s 1922 karthichychnakhxngbxlechwikhekidkhundwyhlaypccy echn karthielxxn thrxtski samarthradmkalngthharkhxngphraecasarcdepnkxngthphaedngthiaekhngaekrng karkhwbkhumekhtxutsahkrrmsakhythangphakhklang aelakhwamsamarthinkarsngkalngcakmxsokxxkipyngthithitxngkaridepnrsmikwang ekhruxnghmayaesdngchnyskhxngkxngthphaedngyukhaerk kh s 1919 1924sngkhramopaelnd osewiyt swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidyukhkarprbprungkhnanihy swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidsngkhramcin osewiyt swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidsngkhramvduhnawinfinaelnd ocesf stalinmikhwamtxngkardinaednbangswnkhxngpraethsfinaelndaelatxngkarsrangkxngthpheruxthinn cungsngthutipecrcaodytngenguxnikhwaiheluxnekhtaednihhangcakemuxngelninkradxxkipxik 25 kiolemtraelasrangthanthpherux aetkarecrcalmehlwephraafinaelndptiesthimyxmykdinaednbangswn aelaimyxmihosewiytsrangthanthpheruxindinaednkhxngtn thaihstalinimphxiccungsngkxngthphaedngiprukranpraethsfinaelndcanwnrawhnunglankhn karocmtiiderimkhunemuxwnthi 30 phvscikayn ph s 2482 kh s 1939 emuxthharinkxngthphaedngrawhnunglankhnbukekhacuocmtamaenwrbhlaycudbriewnphrmaednrahwangshphaphosewiytkbfinaelnd kxngthphfinaelndbychakarodycxmphlmanenxrihm samarthtxtankarocmtiidxyangmiprasiththiphaphaemwacamikalngphlnxykwamak xyangirktam inchwngeduxnkumphaphnth thharrsesiyekhaipinfinaelndidsaerc hlngichpunihyradmocmtiaenwpxngkntamkhxkhxdkhaereliysungxyuthangthisitkhxngfinaelndrwmthngkarocmtithangxakas sngkhramsinsudlnginwnthi 12 minakhm ph s 2483 kh s 1940 emuxmikarlngnaminsyyasntiphaphmxsok odyfinaelndyxmykdinaednbangswnihosewiytaelayxmihosewiytkxsrangthanthpheruxbnkhabsmuthrhngok karrukranfinaelndinkhrngnithaihshphaphosewiytthukkhbxxkcaksnnibatchati sngkhramolkkhrngthi 2 insmykhxngstalinidmikarphyayamphthnapraeths ihepnxutsahkrrmhnk swnhnungkephuxkarsrangxawuththithnsmyihkxngthphaedng aelayngmikarxbrmsrangnaythharihmikhwamsamarthmakkhun aetchwngkarkwadlangprpkskhxngstalinnaythharthimifimuxthukkwadlangipmak thaihemuxtnsngkhramolkkhrngthi 2 kxngthphaedngcungthukkxngthphnasieyxrmniocmticnyxyyb cungmikarepliynokhrngsrangkarbngkhbbychaihm odyphrrkhkhxmmiwnistosewiytekhamamibthbathkarbychakarmakkhun nanaythharthimikhwamsamarthehluxxyukhuxphlexksukhxfekhamabychakarkxngthphxik yayorngnganphlitxawuthipthangtawnxxk thaihkxngthphaedngmiprasiththiphaphmakkhun prakxbkbvduhnawxnohdraykhxngshphaphosewiytthaihkhwythharnasieyxrmntktalngipmak thaihinyuththphumistalinkrad kxngthphaedngaehngosewiytsamarthhyudyngkxngthphnasiimihekhayudemuxngstalinkradid xnepnphlihkxngthphthi 6 khxngnasieyxrmntxngyxmcann ekmcungphlikihkxngthphaedngklayepnfaybukcungsngphlihkxngthphaedngmioxkasrukekhaipinyuorptawnxxkaelatiebxrlinaetkepnpraethsaerkkxnfayshrthxemrika shrachxanackr satharnrthfrngess xikdwy thaihshphaphosewiytidmikarkhyayxanackhrxbkhrxngyuorptawnxxk thaihshphaphsatharnrthsngkhmniymosewiytmixanaekhtephimkhunepn 15 satharnrth txmainchwngeduxnsinghakhm kh s 1945 sungepnchwngthiaephndinyipunodnkxngthphshrththingraebiddwyraebidprmanuthngsxnglukthiemuxnghiorchima aelaemuxngnangasaki sunginchwngrahwangnn kxngthphaedngidbukekhaocmtikxngthphyipunthixyupracakarinaemncueriyaelaekahliehnuxsungrsesiyidehnsnthisyyaimrukranknrahwangrsesiy yipunidkhrbwnaelw nxkcaknnkarocmtikhrngniepnkarphayitkhxtklnglbkhxngstalin rusewlth echxrchillwacabukyipunphayin 3 eduxnhlngcaknasieyxrmnyxmaeph aetwackrphrrdiyipunidprakasyxmaephsngkhramthaihsngkhramolkkhrngthi 2 cblngxyangsmburn yukhsngkhrameyn swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidokhrngsrangswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidbukhlakrswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidngbpramanswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidyuththphnthswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidxawuthpracakay punirefilomsin nakxngth exswithi 40 PPSh 41 punphkotkaerf AK 47 punkledketiyrixxf SG 43 Goryunov DShK 1938 PM M1910 punexsekhexsxawuthpracahnwyduephimckrwrrdirsesiy kxngthphbk kxngthpherux shphaphosewiyt kxngthphbk kxngthpherux kxngthphxakas shphnthrthrsesiy kxngthphbk kxngthpherux kxngthphxakas xangxing flazhnye mistifikacii The flag Hoax phasarsesiy vexillographia ru subkhnemux 11 September 2010 Norman Davies Since 75 80 of all German losses were inflicted on the eastern front it follows that the efforts of the western allies accounted for only 20 25 Source Sunday Times 05 11 2006 Helene Carrere D Encausse The End of the Soviet Empire The Triumph of the Nations Basic Books 1992 ISBN 0 465 09818 5 Zaloga Steven J James Grandsen 1984 Soviet Tanks and Combat Vehicles of World War Two London Arms and Armour Press ISBN 0 85368 606 8 aehlngkhxmulxunbthkhwamprawtisastrniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk bthkhwamshphaphosewiytniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk