เสามาร์กุส เอาเรลิอุส (ละติน: Columna Centenaria Divorum Marci et Faustinae, อิตาลี: Colonna di Marco Aurelio, อังกฤษ: Column of Marcus Aurelius) เป็นคอลัมน์ดอริคที่ประกอบด้วยลายสลักภาพนูนเป็นเกลียวรอบลำเสาที่สร้างขึ้นเป็นเกียรติแก่จักรพรรดิมาร์กุส เอาเรลิอุสตามแบบเสาตรายานุส เสามาร์กุส เอาเรลิอุสยังคงตั้งอยู่ที่ตั้งดั้งเดิมที่ก่อนหน้าในกรุงโรมในประเทศอิตาลี
ที่ตั้ง | |
---|---|
ประเภท | อนุสาวรีย์ชัยโรมัน |
ความเป็นมา | |
ผู้สร้าง | จักรพรรดิมาร์กุส เอาเรลิอุส |
สร้าง | ค.ศ. 193 |
หมายเหตุเกี่ยวกับสถานที่ | |
การก่อสร้าง
เพราะคำจารึกอุทิศเดิมถูกทำลายไปทำให้ไม่อาจจะทราบได้ว่าคอลัมน์สร้างขึ้นเมื่อจักรพรรดิมาร์กุส เอาเรลิอุสยังคงดำรงพระชนม์อยู่ในโอกาสที่โรมันได้รับชัยชนะต่อชน, และ ในปี ค.ศ. 176 หรือหลังจากที่เสด็จสวรรคตไปแล้วในปี ค.ศ. 180 แต่คำจารึกที่พบในบริเวณนั้นกล่าวว่าคอลัมน์สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 193
เสามาร์กุส เอาเรลิอุสตั้งอยู่ทางตอนเหนือของตรงกลางจัตุรัส จัตุรัสดังกล่าวอาจจะตั้งอยู่ระหว่างจัตุรัส และ (อุทิศโดยพระราชโอรสคอมโมดัส ที่ไม่มีเหลืออยู่แล้ว) หรืออาจจะตั้งอยู่ภายในบริเวณศักดิ์สิทธิ์ของเทวสถาน ไม่ไกลออกไปจากที่ตั้งคอลัมน์เป็นที่ที่ทำพระบรมศพของพระองค์
ลำเสาที่สูง 29.60 เมตรตั้งอยู่บนฐานสูง 10 เมตร ที่เดิมตั้งอยู่บนฐานแท่นที่สูง 3 เมตร ความสูงทั้งหมด 41.95 เมตร ฐาน 3 เมตรปัจจุบันตั้งอยู่ต่ำกว่าระดับพื้นดินมาตั้งแต่การบูรณปฏิสังขรณ์ในปี ค.ศ. 1589
คอลัมน์ประกอบด้วยก้อน 27 หรือ 28 ก้อน แต่ละก้อนมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.7 เมตร กลางเสากลวงออกมาตั้งแต่ที่เหมืองหินอ่อนเพื่อทำเป็นบันได 190 ถึง 200 ขั้นขึ้นไปยังแท่นตอนบน บันไดส่องสว่างด้วยช่องแคบเรียวที่เจาะบนภาพนูนเช่นเดียวกับเสาตรายานุส
ภาพแกะสลักนูน
ภาพแกะสลักนูนที่เป็นเกลียวรอบคอลัมน์เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับของจักรพรรดิมาร์กุส เอาเรลิอุสที่เกิดขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 166 จนเสด็จสวรรคต เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อกองทัพข้ามแม่น้ำดานูบอาจจะที่ในออสเตรียปัจจุบัน ภาพกล่าวถึงความสำเร็จในสองยุทธการ แต่ลำดับเหตุการณ์ของเรื่องราวยังคงเป็นที่โต้เถียงกันอยู่ แต่ตามทฤษฎีล่าสุดกล่าวว่ายุทธการทางทหารในการต่อต้านชนและในปี ค.ศ. 172 และในปี ค.ศ. 173 เป็นภาพบนที่อยู่ตอนล่างของคอลัมน์ และชัยชนะของพระองค์ที่มีต่อในปี ค.ศ. 174 และในปี ค.ศ. 175 เป็นภาพบนที่อยู่ตอนบนของคอลัมน์
เรื่องราวตอนหนึ่งเป็นภาพทางประวัติศาสตร์ที่สนับสนุนการโฆษณาชวนเชื่อของโรมัน – ที่เรียกกันว่า "ปาฏิหาริย์ฝนในดินแดนควาดี" ที่เป็นภาพของเทพเจ้าสนองคำสวดของพระจักรพรรดิที่ช่วยทหารโรมันให้รอดพ้นจากพายุร้าย ปาฏิหาริย์ที่ต่อมาอ้างโดยคริสเตียนว่าเป็นการกระทำของพระเจ้าปาฏิหาริย์คริสเตียน
แม้ว่าจะมีความคล้ายคลึงกับเสาตรายานุสและลักษณะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เสามาร์กุส เอาเรลิอุสเป็นต้นฉบับของลักษณะอันเป็นนาฏกรรมของคริสต์ศตวรรษที่ 3 และใกล้เคียงเป็นอันมากกับที่สร้างขึ้นไม่นานหลังจากนั้น หัวของรูปสลักมีขนาดใหญ่อย่างไม่สมส่วนกับร่างกายเพื่อที่ให้ผู้ชมสามารถได้เห็นได้เข้าใจถึงสีหน้าได้ดีขึ้น งานแกะฝีมือด้อยกว่างานแกะบนเสาตรายานุสแต่ลึกกว่าซึ่งทำให้ภาพเด่นขึ้นเพราะแสงเงาที่ตัดกัน เมื่อหมู่บ้านต่างๆ ถูกเผาทั้สตรีและเด็กถูกจับและถูกย้ายจากที่พำนักอาศัย ส่วนบุรุษถูกสังหาร อารมณ์, ความสิ้นหวัง และ ความทรมานของ "อนารยชน" แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในฉากต่างๆ ในขณะที่พระมหาจักรพรรดิเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของผู้มีอำนาจในการควบคุมสถานการณ์แวดล้อม
ภาษาสัญลักษณ์ของเสามาร์กุส เอาเรลิอุสโดยทั่วไปเป็นภาษาที่ชัดเจนกว่าและเห็นได้ชัดกว่าเสาตรายานุส แม้ว่าจะเป็นงานสลักดูเทอะทะกว่า แต่ก็เป็นงานที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชมที่แตกต่างจากเสาตรายานุสที่สร้างระหว่างปี ค.ศ. 100 และในปี ค.ศ. 150 – งานสลักบนเสาตรายานุสเป็นงานที่ขรึมและมีดุลยภาพ แต่งานสลักบนเสามาร์กุส เอาเรลิอุสเป็นงานที่เป็นนาฏกรรมและแสดงความเห็นอกเห็นใจ ความหมายของภาพไม่มีความกำกวม ที่การเน้นอานุภาพและความมีอำนาจและการเป็นผู้นำของพระมหาจักรพรรดิถือว่าเป็นสิ่งที่มีเหตุผล โดยทั่วไปแล้วก็เป็นงานที่เป็นต้นฉบับของงานศิลปะที่ต่อมาวิวัฒนาการมาเป็น และเป็นงานชิ้นศิลปะชิ้นแรกที่สะท้อนถึงวิกฤติการณ์ของจักรวรรดิโรมันที่มาเลวร้ายลงในคริสต์ศตวรรษที่ 3
การบูรณปฏิสังขรณ์
ฐานสูง 3 เมตรที่รองรับคอลัมม์อยู่ต่ำกว่าระดับพื้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1589 เมื่อ มีพระโองการให้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์คอลัมม์ทั้งคอลัมม์และปรับระดับให้เป็นระดับเดียวกับระดับพื้นผิวดินในเวลานั้น และติดตั้งประติมากรรมสัมริดของอัครสาวกนักบุญพอลบนยอดเสา เพื่อให้สอดคล้องกับประติมากรรมของอัครสาวกนักบุญปีเตอร์บนยอดเสาตรายานุส (27 ตุลาคม ค.ศ. 1588) (เดิมอาจจะเป็นที่ตั้งของประติมากรรมของมาร์กุส เอาเรลิอุส แต่เมื่อมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ก็สูญหายไปแล้ว) การปรับเปลี่ยนแปลงรวมทั้งการเซาะภาพนูนเดิมส่วนที่เสียหายหรือถูกทำลายและแทนที่ด้วยคำจารึกที่คอลัมน์นี้ผิดว่าเป็นที่เป็นที่ยอมรับกันในปัจจุบันว่าสูญหายไปแล้ว:
SIXTVS V PONT MAX | (สมเด็จพระสันตะปาปาซิกส์ตุสที่ 5 พระผู้ทรงอำนาจสูงสุด, |
COLVMNAM HANC | ทำการบูรณปฏิสังขรณ์คอลัมน์เกลียวนี้, |
COCLIDEM IMP | |
ANTONINO DICATAM | อุทิศแด่จักรพรรดิอันโตนินัส, |
MISERE LACERAM | ที่อยู่ในสภาพอันเสื่อมโทรมปรักหักพัง, |
RVINOSAMQ(UE) PRIMAE | ให้กลับไปอยู่ในสภาพเดิม |
FORMAE RESTITVIT | |
A. MDLXXXIX PONT IV | 1589, ปีที่ 4 แห่งการเป็นพระสันตะปาปา) |
อ้างอิง
- Art in Renaissance Italy By John T. Paoletti, Gary M. Radke
- Beckmann, Martin (2002). "The 'Columnae Coc(h)lides' of Trajan and Marcus Aurelius". Phoenix. Classical Association of Canada. 56 (3/4): 348–357. doi:10.2307/1192605.
- Caprino, C. (1955). La Colonna di Marco Aurelio.
{{}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) ((help)) - Coarelli, F. (2008). La Colonna di Marco Aurelio - The Column of Marcus Aurelius.
- Ferris, Iain (2009). Hate and War: The Column of Marcus Aurelius.
- Rendina, Claudio (2000). Enciclopedia di Roma. Rome: Newton & Compton.
- Scheid, J. (2000). Autour de la colonne Aurélienne.
{{}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) ((help))
แหล่งข้อมูลอื่น
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ เสามาร์กุส เอาเรลิอุส
- A photo of the column presently and how it might have appeared in Roman times 2011-09-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- A history of the Aurelian column
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
esamarkus exaerlixus latin Columna Centenaria Divorum Marci et Faustinae xitali Colonna di Marco Aurelio xngkvs Column of Marcus Aurelius epnkhxlmndxrikhthiprakxbdwylayslkphaphnunepnekliywrxblaesathisrangkhunepnekiyrtiaekckrphrrdimarkus exaerlixustamaebbesatrayanus esamarkus exaerlixusyngkhngtngxyuthitngdngedimthikxnhnainkrungorminpraethsxitaliesamarkus exaerlixusthitngpraephthxnusawriychyormnkhwamepnmaphusrangckrphrrdimarkus exaerlixussrangkh s 193hmayehtuekiywkbsthanthikarkxsrangephraakhacarukxuthisedimthukthalayipthaihimxaccathrabidwakhxlmnsrangkhunemuxckrphrrdimarkus exaerlixusyngkhngdarngphrachnmxyuinoxkasthiormnidrbchychnatxchn aela inpi kh s 176 hruxhlngcakthiesdcswrrkhtipaelwinpi kh s 180 aetkhacarukthiphbinbriewnnnklawwakhxlmnsrangesrcinpi kh s 193 esamarkus exaerlixustngxyuthangtxnehnuxkhxngtrngklangcturs ctursdngklawxaccatngxyurahwangcturs aela xuthisodyphrarachoxrskhxmomds thiimmiehluxxyuaelw hruxxaccatngxyuphayinbriewnskdisiththikhxngethwsthan imiklxxkipcakthitngkhxlmnepnthithithaphrabrmsphkhxngphraxngkh laesathisung 29 60 emtrtngxyubnthansung 10 emtr thiedimtngxyubnthanaethnthisung 3 emtr khwamsungthnghmd 41 95 emtr than 3 emtrpccubntngxyutakwaradbphundinmatngaetkarburnptisngkhrninpi kh s 1589 khxlmnprakxbdwykxn 27 hrux 28 kxn aetlakxnmiesnphasunyklang 3 7 emtr klangesaklwngxxkmatngaetthiehmuxnghinxxnephuxthaepnbnid 190 thung 200 khnkhunipyngaethntxnbn bnidsxngswangdwychxngaekhberiywthiecaabnphaphnunechnediywkbesatrayanus phaphaekaslknun raylaexiydkhxngphaphaekaslknunbnkhxlmn phaphaekaslknunthiepnekliywrxbkhxlmnepneruxngrawthiekiywkbkhxngckrphrrdimarkus exaerlixusthiekidkhuntngaet kh s 166 cnesdcswrrkht eruxngrawerimkhunemuxkxngthphkhamaemnadanubxaccathiinxxsetriypccubn phaphklawthungkhwamsaercinsxngyuththkar aetladbehtukarnkhxngeruxngrawyngkhngepnthiotethiyngknxyu aettamthvsdilasudklawwayuththkarthangthharinkartxtanchnaelainpi kh s 172 aelainpi kh s 173 epnphaphbnthixyutxnlangkhxngkhxlmn aelachychnakhxngphraxngkhthimitxinpi kh s 174 aelainpi kh s 175 epnphaphbnthixyutxnbnkhxngkhxlmn eruxngrawtxnhnungepnphaphthangprawtisastrthisnbsnunkarokhsnachwnechuxkhxngormn thieriykknwa patihariyfnindinaednkhwadi thiepnphaphkhxngethphecasnxngkhaswdkhxngphrackrphrrdithichwythharormnihrxdphncakphayuray patihariythitxmaxangodykhrisetiynwaepnkarkrathakhxngphraecapatihariykhrisetiyn aemwacamikhwamkhlaykhlungkbesatrayanusaelalksnaaetktangknodysineching esamarkus exaerlixusepntnchbbkhxnglksnaxnepnnatkrrmkhxngkhriststwrrsthi 3 aelaiklekhiyngepnxnmakkbthisrangkhunimnanhlngcaknn hwkhxngrupslkmikhnadihyxyangimsmswnkbrangkayephuxthiihphuchmsamarthidehnidekhaicthungsihnaiddikhun nganaekafimuxdxykwanganaekabnesatrayanusaetlukkwasungthaihphaphednkhunephraaaesngengathitdkn emuxhmubantang thukephathstriaelaedkthukcbaelathukyaycakthiphankxasy swnburusthuksnghar xarmn khwamsinhwng aela khwamthrmankhxng xnarychn aesdngihehnxyangchdecninchaktang inkhnathiphramhackrphrrdiepnsylksntwaethnkhxngphumixanacinkarkhwbkhumsthankarnaewdlxm phasasylksnkhxngesamarkus exaerlixusodythwipepnphasathichdecnkwaaelaehnidchdkwaesatrayanus aemwacaepnnganslkduethxathakwa aetkepnnganthisrangkhwamprathbicihaekphuchmthiaetktangcakesatrayanusthisrangrahwangpi kh s 100 aelainpi kh s 150 nganslkbnesatrayanusepnnganthikhrumaelamidulyphaph aetnganslkbnesamarkus exaerlixusepnnganthiepnnatkrrmaelaaesdngkhwamehnxkehnic khwamhmaykhxngphaphimmikhwamkakwm thikarennxanuphaphaelakhwammixanacaelakarepnphunakhxngphramhackrphrrdithuxwaepnsingthimiehtuphl odythwipaelwkepnnganthiepntnchbbkhxngngansilpathitxmawiwthnakarmaepn aelaepnnganchinsilpachinaerkthisathxnthungwikvtikarnkhxngckrwrrdiormnthimaelwraylnginkhriststwrrsthi 3 karburnptisngkhrn phaphprakxbinhnngsux xitali thiekhiynodyaetmiidekhiynphaphprakxbodyaefrngkh fxkskhacarukbrryaykarburnptisngkhrn thansung 3 emtrthirxngrbkhxlmmxyutakwaradbphunmatngaetpi kh s 1589 emux miphraoxngkarihthakarburnptisngkhrnkhxlmmthngkhxlmmaelaprbradbihepnradbediywkbradbphunphiwdininewlann aelatidtngpratimakrrmsmridkhxngxkhrsawknkbuyphxlbnyxdesa ephuxihsxdkhlxngkbpratimakrrmkhxngxkhrsawknkbuypietxrbnyxdesatrayanus 27 tulakhm kh s 1588 edimxaccaepnthitngkhxngpratimakrrmkhxngmarkus exaerlixus aetemuxmathungkhriststwrrsthi 16 ksuyhayipaelw karprbepliynaeplngrwmthngkaresaaphaphnunedimswnthiesiyhayhruxthukthalayaelaaethnthidwykhacarukthikhxlmnniphidwaepnthiepnthiyxmrbkninpccubnwasuyhayipaelw SIXTVS V PONT MAX smedcphrasntapapasikstusthi 5 phraphuthrngxanacsungsud COLVMNAM HANC thakarburnptisngkhrnkhxlmnekliywni COCLIDEM IMPANTONINO DICATAM xuthisaedckrphrrdixnotnins MISERE LACERAM thixyuinsphaphxnesuxmothrmprkhkphng RVINOSAMQ UE PRIMAE ihklbipxyuinsphaphedimFORMAE RESTITVITA MDLXXXIX PONT IV 1589 pithi 4 aehngkarepnphrasntapapa xangxingArt in Renaissance Italy By John T Paoletti Gary M Radke Beckmann Martin 2002 The Columnae Coc h lides of Trajan and Marcus Aurelius Phoenix Classical Association of Canada 56 3 4 348 357 doi 10 2307 1192605 Caprino C 1955 La Colonna di Marco Aurelio a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a imruckpharamietxr coauthors thuklaewn aenana author help Coarelli F 2008 La Colonna di Marco Aurelio The Column of Marcus Aurelius Ferris Iain 2009 Hate and War The Column of Marcus Aurelius Rendina Claudio 2000 Enciclopedia di Roma Rome Newton amp Compton Scheid J 2000 Autour de la colonne Aurelienne a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a imruckpharamietxr coauthors thuklaewn aenana author help aehlngkhxmulxunsthaptykrrmormn esatrayanusaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb esamarkus exaerlixus A photo of the column presently and how it might have appeared in Roman times 2011 09 28 thi ewyaebkaemchchin A history of the Aurelian column