ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
มหาวิหารนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี (อิตาลี: Basilica di San Francesco d'Assisi; อังกฤษ: Basilica of St. Francis of Assisi) ตั้งอยู่ที่เมืองอัสซีซี ประเทศอิตาลี เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกของคณะฟรันซิสกัน ซึ่งเป็นคณะนักบวชคาทอลิกที่นักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซีก่อตั้งขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 13
มหาวิหารนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี | |
---|---|
Basilica di San Francesco d'Assisi Basilica Sancti Francisci Assisiensis | |
ชั้นบนและชั้นล่างของมหาวิหารมองจากจัตุรัสเดลเลลอจเจ | |
43°04′29″N 12°36′20″E / 43.07472°N 12.60556°E | |
ที่ตั้ง | อัสซีซี, ประเทศอิตาลี |
นิกาย | โรมันคาทอลิก |
เว็บไซต์ | www |
ประวัติ | |
สถานะ | มหาวิหารรอง |
เสกเมื่อ | 1253 |
สถาปัตยกรรม | |
สถาปนิก | Maestro Jacopo Tedesco |
ประเภทสถาปัตย์ | โบสถ์ |
รูปแบบสถาปัตย์ | โรมาเนสก์, โกธิกอิตาลี |
งานฐานราก | 1227 |
โครงสร้าง | |
อาคารยาว | 80 เมตร (260 ฟุต) |
อาคารกว้าง | 50 เมตร (160 ฟุต) |
เนฟกว้าง | 18 เมตร (59 ฟุต) |
การปกครอง | |
มุขมณฑล | |
แผนก | |
ชื่อที่ขึ้นทะเบียน | Assisi, the Basilica of San Francesco and Other Franciscan Sites |
ประเภท | วัฒนธรรม |
เกณฑ์ | i, ii, iii, iv, vi |
ขึ้นเมื่อ | 2000 (สมัยที่ 24) |
เลขอ้างอิง | 990 |
รัฐสมาชิก | อิตาลี |
ภูมิภาค |
ประวัติ
มหาวิหารนักบุญฟรังซิสฯ เริ่มสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 13 เป็นมหาวิหารที่มีด้วยกันสามชั้น ส่วนล่างเริ่มสร้างไม่นานหลังจากที่ฟรังซิสได้รับการประกาศเป็นนักบุญเมื่อปี ค.ศ. 1228 ซิโมเน ดิ พูเชียเรลโล (Simone di Pucciarello) เป็นผู้อุทิศที่ดินและบริเวณเนินเขาทางด้านตะวันตกของเมืองอัสซีซีให้เป็นที่สร้างโบส์ ที่ดินบริเวณนี้แต่เดิมเรียกว่า “เนินนรก” (อิตาลี: Collo d'Inferno; อังกฤษ: Hill of Hell) แต่ปัจจุบันเรียกกันว่า “เนินสวรรค์” (Hill of Paradise)
ทรงวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1228 แม้ว่าการก่อสร้างอาจจะเริ่มต้นแล้วก็ได้ ผู้ออกแบบและคุมงานคือภราดาเอเลียแห่งกอร์โตนา ศิษย์คนสำคัญของนักบุญฟรังซิสและเคยเป็นรองอัคราธิการของคณะฟรันซิสกัน ชั้นล่างของโบสถ์สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1230 เมื่อซึ่งเป็นวันฉลอง 50 วันหลังจากอีสเตอร์ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1230 ก็มีการนำร่างที่ไม่เน่าเปื่อยของนักบุญฟรังซิสจากที่เก็บชั่วคราวที่โบสถ์นักบุญจอร์จซึ่งปัจจุบันเป็น (Basilica of St. Clare) มาไว้ที่ส่วนล่างของมหาวิหารที่สร้างเสร็จ
มหาวิหารชั้นบนเริ่มสร้างเมื่อ ค.ศ. 1239 และเสร็จเมื่อ ค.ศ. 1253 ลักษณะการก่อสร้างเป็นแบบโรมาเนสก์ผสมสถาปัตยกรรมกอทิกแบบฝรั่งเศส ซึ่งเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมกอทิกแบบอิตาลีต่อมา
การตกแต่งของมหาวิหารทำโดยศิลปินสำคัญ ๆ ในยุคนั้นจากโรม แคว้นทัสกานี และ [อุมเบรีย]] ฉะนั้นนอกจากเป็นศาสนสถานสำคัญแล้วมหาวิหารนักบุญฟรังซิสจึงมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ศิลปะของอิตาลีด้วย ชั้นล่างมีจิตรกรรมฝาผนังของจิตรกรผู้มีชื่อเสียง เช่น ชิมาบูเย และจอตโต ดี บอนโดเน ผู้ซึ่งวาดชั้นบนของมหาวิหารเป็นชีวประวัติของ นักบุญฟรังซิสด้วย
ซึ่งอดีตเป็นอัคราธิการคณะฟรันซิสกันได้เลื่อนฐานะของโบสถ์ขี้นให้เป็นโบสถ์สันตะปาปาเมื่อ ค.ศ. 1288
จัตุรัสเดลเลลอจเจ (Piazza delle Logge) ที่เป็นลานหน้าวัดและทางเดินไปสู่โบสถ์สร้างเมื่อค.ศ. 1474 ใช้เป็นที่พักพิงของนักแสวงบุญที่พากันมาสักการะนักบุญฟรังซิส
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 1986 และ เดือนมกราคม ค.ศ. 2002 สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 เสด็จมาที่มหาวิหารเพื่อจะสวดมนต์เพื่อความสันติสุข
เมื่อวันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 1997 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 816 ปีของวันเกิดของนักบุญฟรังซิสก็เกิดมีแผ่นดินไหวที่อาซิซิทำให้คนตายไป 4 คน มหาวิหารได้รับความเสียหายอย่างหนักต้องปิดเป็นเวลาสองปีก่อนที่จะซ่อมเสร็จ
ชั้นล่างของมหาวิหาร
การตกแต่งทั่วไป
หลวงพ่อเอเลียเป็นผู้ออกแบบชั้นล่างของมหาวิหารเป็นห้องใต้ดิน (crypt) โดยให้เพดานโค้งสัน (ribbed vault) ท่านมีประสบการณ์การก่อสร้างจากสร้างที่ฝังศพขนาดใหญ่ในภูเขาเมื่อไปจำพรรษาอยู่ที่ซีเรีย
ทางเข้าชั้นล่างอยู่ทางด้านข้างภายใต้ซุ้มประตูแบบสถาปัตยกรรมกอทิกที่สร้างราวคริสต์ศตวรรษที่ 13 มีประตูไม้สองประตูโดยฝีมือช่างไม้จากอุมเบรียจากคริสต์ศตวรรษที่ 16 ทางด้านหนึ่งเป็นคูหาสวดมนต์ของพระคาร์ดินัล อัลบอร์โนซ (Egidio Albornoz) ผู้มีหน้าที่ทางกฎหมายของนครรัฐวาติกันระหว่างปี ค.ศ. 1350 ถึงปี ค.ศ. 1367 ที่อุทิศให้นักบุญแคเธอรินแห่งอะเล็กซานเดรีย งานจิตรกรรมฝาผนังภายในคูหาเป็นฉากชีวิตของนักบุญแคเธอรีน 8 ฉากวาดระหว่างปี ค.ศ. 1368 จนถึงปี ค.ศ. 1369 โดยอันเดรอัส พิกตอร์ เดอ โบโนเนีย (Andreas pictor de Bononia) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “อันเดรีย” ซึ่งอาจจะเป็นคนคนเดียวกับ (Andrea de’ Bartoli) ผู้เป็นจิตรกรประจำราชสำนักของอัลบอร์โนซ แต่ไม่ใช่ (Andrea da Bologna) ที่มักจะอ้างอิงกันผิด ๆ รูปนักบุญในคูหาวาดโดยพาเซ ดิ บาร์โทโล ด'อาซิซิ (ค.ศ. 1344 - ค.ศ. 1368)
ทางด้านซ้ายเป็นคูหาสวดมนต์นักบุญเซบาสเตียนซึ่งวาดโดย (Giorgetti) และฉากชีวิตของนักบุญโดย จี. มาร์เทลลี (G. Martelli) ทางด้านขวามีอนุสรณ์สองอนุสรณ์ๆ หนึ่งเป็นของจิโอวานนี เดอ เซอร์ชิ (Giovanni de' Cerchi) และอีกด้านหนึ่งเป็นของจอห์นแห่งบรีน (John of Brienne) พระมหากษัตริย์เยรูซาเลมและเป็นจักรพรรดิสำเร็จราชการกรุงคอนสแตนติโนเปิล
สองข้างทางเดินกลางเป็นคูหาสวดมนต์ภายในซุ้มครึ่งวงกลม ตัวทางเดินกลางตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังที่เก่าที่สุดในมหาวิหารโดยจิตรกรที่เรียกกันว่า “ไมสโตร ดิซานฟรานเชสโก” (Maestro di San Francesco) เป็น 5 ฉากจาก “พระทรมานของพระเยซู” (Passion of Christ) ทางด้านขวา ทางด้านซ้ายเป็น 5 ฉากจาก “ชีวประวัติของนักบุญฟรังซิส” (Life of St. Francis) การจัดวางภาพสองชุดนี้ด้วยกันเช่นนี้เป็นการจงใจของคณะฟรังซิสกันเพื่อเป็นการแนะว่านักบุญฟรังซิสเปรียบเหมือนการมาครั้งที่สองของพระเยซู
ภาพที่วาดล้อมรอบด้วยกรอบสีน้ำเงินสดตกแต่งด้วยดาวทอง ภาพทางด้านล่างของกำแพงจางไปจนเกือบจะไม่เหลือรอยนอกจากทางกำแพงด้านขวาที่ยังเหลือภาพ“แม่พระและพระกุมารกับนักบุญ” โดยชิมาบูเย ภาพเขียนบนผนังใช้วิธีวาดโดยใช้สีฝุ่นผสมบนปูนแห้ง วาดเสร็จระหว่างปี ค.ศ. 1260 ถึงปี ค.ศ. 1263 ถือกันว่าเป็นจิตรกรรมฝาผนังที่ดีที่สุดในแคว้นทัสกานีก่อนชิมาบูเย เมื่อมีผู้คนมาสักการะนักบุญฟรานซิสกันมากขึ้นทางโบสถ์จึงต้องสร้างคูหาสวดมนต์สำหรับครอบครัวสำคัญๆ ระหว่างปี ค.ศ. 1270 ถึงปี ค.ศ. 1350 สองข้างทางเดินกลางซึ่งทำให้ต้องทำลายจิตรกรรมฝาผนังไปมาก
คูหาสวดมนต์นักบุญมาร์แต็งแห่งตูร์
- มาร์แต็งแห่งตูร์สละชีวิตทางทหาร วาดโดยซิโมเน มาร์ทินี
- ภาพภายในคูหานักบุญมาร์แต็ง
- ภาพภายในคูหานักบุญมาร์แต็ง
- นักดนตรีเป่าขลุ่ยสองอัน วาดโดยซิโมเน มาร์ทินี
- หลุยส์แห่งตูลูส (Louis of Toulouse) เอลิซาเบธ
แห่งเทอริงเกีย (Elisabeth of Thuringia) นักบุญแคล
(St. Clare) และ พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศส บนบานภาพพับโดยซิโมเน มาร์ทินี
คูหาสวดมนต์แรกทางซ้ายอุทิศให้นักบุญมาร์แต็งแห่งตูร์ สร้างโดยคาร์ดินาลดา มอนเตฟอเร (Cardinal da Montefiore) ตกแต่งระหว่างปี ค.ศ. 1317 ถึงปี ค.ศ. 1319 เป็นจิตรกรรมฝาผนัง 10 ฉากของชีวิตนักบุญมาร์ติน วาดโดยซิโมเน มาร์ตินิ และมีบานภาพพับที่มีภาพของนักบุญหลายองค์ งานภายในคูหาสวดมนต์นักบุญมาร์ตินเป็นงานที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งของซิโมเน มาร์ทินีและเป็นงานจิตรกรรมที่ดีเด่นที่สุดของคริสต์ศตวรรษที่ 14 สิ่งที่น่าเสียดายคือสีขาวตะกั่วของมาร์ทินีหม่นลงไปตามกาลเวลา
คูหาสวดมนต์อีกคูหาหนึ่งทางซ้ายอุทิศให้กับนักบุญปีเตอร์แห่งอัลคันทารา (St. Peter of Alcantara)
คูหาสวดมนต์อื่น ๆ
คูหาสวดมนต์ทางขวาอุทิศให้:
- นักบุญ (St. Louis of Toulouse) และนักบุญสตีเฟนแห่งฮังการี (St. Stephen of Hungary) จิตรกรรมฝาผนังเป็นฝีมือของโดโน โดนี (Dono Doni) สร้างเมื่อ ค.ศ. 1575 และหน้าต่างประดับกระจกสีโดย ซิโมเน มาร์ทินี
- นักบุญแอนโทนีแห่งปาดัว (St. Anthony of Padua) จิตรกรรมฝาผนัง เป็นฝีมือของเชซาเร เซอร์เม (Cesare Sermei) สร้างเมื่อ ค.ศ. 1610
- นักบุญมารีย์ชาวมักดาลา (St. Mary Magdalene) คูหาสวดมนต์นี้สร้างโดยเตโอบัลโด ปอนตาโน (Teobaldo Pontano) บิชอปแห่งอัสซีซีระหว่างปี ค.ศ. 1296 ถึงปี ค.ศ. 1329 เป็นคูหาที่มีงานสำคัญของเวิร์คช็อปของจอตโต ดี บอนโดเน หรือจอตโตอาจจะวาดด้วยตนเองราวปี ค.ศ. 1320 ซึ่งวาซารีสันนิษฐานผิดว่าเป็นงานของพูชิโอ ชาแพนนา (Puccio Capanna) บนกำแพงเป็นฉากจาก “ชีวิตของแมรี แม็กดาเลน” (Life of Mary Magdalene) เหนือภาพเหมือนของทีโอบาลโด ปอนตาโน ขณะที่รอบเพดานโค้งตกแต่งด้วยรูปพระเยซู พระแม่มารี แมรี แม็กดาเลน และผู้เป็นพี่ชายของแมรี แม็กดาเลน
เหนือทางเดินกลางเป็นเพดานโค้งประทุน สุดทางเป็นมุขครึ่งวงกลมที่ตกแต่งอย่างวิจิตรด้วยจิตรกรรมฝาผนัง ภาพเขียนทางขวาเป็นชีวิตของพระเยซูเมื่อยังทรงพระเยาว์ซึ่งบางส่วนเป็นงานของจอตโตและเวิร์คช็อพ และฉาก “การประสูติของพระเยซู” (Nativity) โดยช่างที่ไม่ทราบชื่อที่เรียกกันว่า “มาสเตอร์แห่งนิโคโล” (Maestro di San Nicola) ชั้นล่างสุดเป็นจิตรกรรมฝาผนัง 3 รูปของนักบุญฟรานซิสช่วยเด็กสองคนที่ตายไปแล้วบนฉากหลังที่เป็นทิวทัศน์ หน้าคนในภาพแสดงเริ่มแสดงออกถึงอารมณ์ซึ่งเป็นสิ่งใหม่ทางศิลปะของยุคนั้น
บนผนังทางเดินกลางชิมาบูวาดงานที่สำคัญที่สุด “แม่พระครองบัลลังก์และนักบุญฟรังซิส” (Our Lady enthroned and Saint Francis) ปี ค.ศ. 1280 ซึ่งว่ากันว่าเป็นภาพที่เหมือนนักบุญฟรังซิสตัวจริงมากที่สุด ลักษณะภาพเป็นแบบศิลปะกอทิกซึ่งต่างกันมากจากงานของจอตโตตรงที่มีชีวิตจิตใจมากกว่า
ทางขวาของทางเดินกลางเป็นคูหาสวดมนต์เซนต์นิโคลัสแห่งบารี (Chapel of St. Nicolas of Bari) ผู้จ้างอาจจะเป็นนโปลิโอเน ออร์ซินิ (Napoleone Orsini) ผู้เป็นผู้แทนของพระสันตะปาปา เป็นจิตรกรรมฝาผนัง 10 ภาพโดยช่างที่ไม่ทราบชื่อที่เรียกกันว่า “มาสเตอร์แห่งนิโคโล” ระหว่างปี ค.ศ. 1295 ถึงปี ค.ศ. 1305 เป็นภาพปาฏิหาริย์และการแสดงความกรุณาของนักบุญนิโคลัส ภาพชุดนี้มีอิทธิพลมาจากชุด “ตำนานของนักบุญฟรังซิส” ที่อยู่ชั้นบนของมหาวิหาร ซึ่งวาซารีสันนิษฐานผิดว่าเป็นงานของจอตโต ช่างคนเดียวกันวาดภาพ “แม่พระรับสาร” (Annunciation) ในคูหาสวดมนต์ตรงกันข้าม
ทางเดินกลางและแท่นบูชา
ด้านซ้ายของทางเดินกลางตกแต่งโดยปีเอโตร โลเรนเซตตี (Pietro Lorenzetti) จิตรกรชาวเซียนนา ระหว่างปี ค.ศ. 1315 ถึงปี ค.ศ. 1330 ซึ่งวาซารีสันนิษฐานผิดว่าเป็นงานของจอตโตและพูชิโอ ชาแพนนา จิตรกรรมฝาผนังชิ้นนี้เป็นงานชิ้นเอกของลอเร็นเซ็ตติ เป็นชุดภาพ 6 ภาพเกี่ยวกับ “พระทรมานของพระเยซู” (Passion of Christ) โดยเฉพาะภาพ “การนำร่างของพระเยซูลงจากกางเขน”[1] (Deposition of the Cross) เป็นภาพที่แสดงอารมณ์ของผู้อยู่ในภาพเป็นอย่างมาก การสร้างจิตรกรรมฝาผนังชิ้นนี้แบ่งเป็น 330 ขั้นซึ่งต้องใช้เวลาหลายปีจึงวาดเสร็จแม้ลอเร็นเซ็ตติจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้ช่วย นอกจากนั้นลอเร็นเซ็ตติยังตกแต่งโบสถ์น้อยนักบุญยอห์นแบปทิสต์ (Chapel of St John the Baptist) ข้างๆ ด้วยภาพ “Madonna dei Tramonti” การจัดวางระหว่างพระเยซูเมื่อยังทรงพระเยาว์และ “พระทรมานของพระเยซู” เป็นการเปรียบเทียบความมีความรู้สึกเศร้าใจไปกับความทุกข์ของผู้อื่นระหว่างพระเยซูกับนักบุญฟรังซิส
แท่นบูชาพระสันตะปาปาตรงมุขทำด้วยหินก้อนเดียวจากโคโมเมื่อ ค.ศ. 1230 รอบแท่นบูชาตกแต่งด้วยเพดานโค้งกอธิคที่รับโดยเสาหลายแบบ เสา 12 เสาที่ล้อมรอบแท่นบูชาถูกรื้อออกไปเมื่อ ค.ศ. 1870 ที่นั่งสวดมนต์สร้างด้วยไม้วอลนัตเสร็จเมื่อ ค.ศ. 1471 โดยอพอลโลนิโอ เพโตรชชิ ดา ริพาทรานโซนิ (Apollonio Petrocchi da Ripatransone) ช่วยโดยทอมัสโซ ดิ อันโตนิโอ ฟิโอเร็นทิโน (Tommaso di Antonio Fiorentino) และอันเดรีย ดา มอนเทฟาลโค (Andrea da Montefalco)
เมื่อจิตรกรรมฝาผนังที่เป็นอุปมานิทัศน์ของพระเยซูถูกตรึงกางเขนโดยสเตฟานโน ฟิโอเร็นทิโน (Stefano Fiorentino) ถูกทำลายไปเมื่อปี ค. ศ. 1622 ก็ทำภาพใหม่ทับเป็นภาพ “การพิพากษาครั้งสุดท้าย” (Last Judgment) โดย เซซาเร เซอร์เม ดิ ออร์เวียตโต (Cesare Sermei di Orvieto)
ภาพเขียนบนมุขเป็นภาพ “ชัยชนะของนักบุญฟรังซิส” (Triumph of St Francis) และอุปมานิทัศน์สามภาพของ “ความเชื่อฟัง” “ความจน” “ความบริสุทธิ์” เชื่อกันว่าวาดโดย “นายช่างแห่งเวเล” หรือที่เรียกกันว่า “นายช่างแห่งเพดานมหาวิหารเซนต์ฟรานซิส” ผู้เป็นลูกศิษย์ของจอตโตเมื่อปี ค.ศ. 1330 หน้าต่างประดับกระจกสีเชื่อกันว่าทำโดยจิโอวานนี ดิ โบนิโนและเวิร์คช็อพ
ห้องใต้ดิน
กลางทางเดินกลางเป็นทางลงชั้นใต้ดินสองข้างนำไปสู่ที่ฝังศพของนักบุญฟรานซิส ที่ฝังศพพบเมื่อ ค.ศ. 1818 หลังจากนักบุญฟรานซิสเสียชีวิตหลวงพี่เอเลียเอาร่างไปซ่อนเพื่อป้องกันการแก่งแย่งร่างของนักบุญไปทั่วยุโรป สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 9เป็นผู้สั่งให้สร้างห้องใต้ดินภายใต้มหาวิหาร โดยให้พาสคาเล เบลลี (Pasquale Belli) เป็นผู้ออกแบบด้วยหินอ่อนแบบศิลปะฟื้นฟูคลาสสิก แต่มาออกแบบเป็นแบบภายหลังโดยอูโก ทาร์ชิ (Ugo Tarchi) ระหว่าง ปี ค.ศ. 1925 ถึงปี ค.ศ. 1932
โลงหินโบราณที่มัดด้วยเหล็กของนักบุญฟรานซิสวางเด่นอยู่บนแท่นบูชา เมื่อปี ค.ศ. 1934 ก็มีการฝังร่างของภราดาคณะฟรันซิสกันสึ่องค์ในกำแพงรอบแท่นบูชา ต่อมาก็เพิ่มผอบใส่กระดูกของจาโคปา เดอิ เซ็ทเทโซลิ (Jacopa dei Settesoli) ตรงทางเข้า
อารามนักบุญฟรานซิส
มหาวิหารนักบุญฟรานซิสแห่งอัสซีซีเป็นส่วนหนึ่งของอารามซาโครคอนเวนโต (Sacro Convento Friary) ตัวตั้งอยู่ติดกับมหาวิหารโดยเป็นสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ประกอบด้วยซุ้มโค้ง 53 โค้งและค้ำยันที่แข็งแกร่งอยู่บนเนินสูง เมื่อมองจากข้างล่างจะดูเหมือนป้อม [2] ตัวไฟรอารีสร้างด้วยหินสีขาวและชมพูจากภูเขาซูบาซิโอ ไฟรอารีมีไฟรอาร์อาศัยอยู่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1230 มาจนถึงปัจจุบันนี้ การก่อสร้างใช้เวลานานทำให้ลักษณะสถาปัตยกรรมจึงเป็นแบบผสมผสานระหว่างโรมาเนสก์กับกอธิค อาคารส่วนใหญ่สร้างในสมัย ระหว่างปี ค.ศ. 1474 ถึงปี ค.ศ. 1476
ในปัจจุบันสำนักสงฆ์มีห้องสมุดใหญ่ที่มีหนังสือจากยุคกลาง พิพิธภัณฑ์ที่มีงานศิลปะที่นักแสวงบุญอุทิศให้แก่วัดมาเป็นเวลาหลายร้อยปี รวมทั้งงานศิลปะ 57 ชิ้นที่เป็นศิลปะแบบฟลอเรนซ์และซีเอนาของงานชุดเพอร์คิน (Perkins collection)
หอระฆังสร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1239 เป็นแบบโรมาเนสก์
ชั้นบนของมหาวิหาร
ทางเข้ามหาวิหารชั้นบนอยู่ด้านหลังจากภายในซุ้มภายในอาราม สถาปัตยกรรมเป็นแบบกอธิค ภายในส่วนสำคัญตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังโดยจอตโตและชิมาบูเย หน้าต่างกระจกสีในบริเวณอารามสร้างโดยช่างชาวเยอรมนีที่มาทำงานอยู่ใกล้ๆ อาซิซิเมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13 หน้าต่างทางด้านซ้ายของทางเดินกลางเป็นฝีมือของช่างฝรั่งเศสที่สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1270 ทางด้านขวาเชื่อกันว่าสร้างโดย “นายช่างแห่งซานฟรานเชสโก” หน้าต่างเหล่านี้เป็นตัวอย่างของหน้าต่างประดับกระจกสีที่ดีที่สุดที่หนึ่งในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ในอิตาลี
โถงกลางของมหาวิหารจะกว้างและแบ่งเป็นสี่ช่วง เพดานเป็นแบบประทุนซ้อนตกแต่งด้วยลวดลายกางเขนและใบไม้ เพดานสันสี่ด้านตกแต่งด้วยดาวสีทองบนพื้นสีน้ำเงิน เพดานอีกช่วงหนึ่งตกแต่งด้วย รูปในกรอบกลม (Roundels) ซึ่งมีรูปพระเยซูครึ่งองค์ตรงกันข้ามกับนักบุญฟรานซิส และพระแม่มารีย์ตรงกันข้ามกับนักบุญยอห์นผู้ให้บัพติศมา เพดานทางเข้าเป็นรูป 4 รูปของ “นักปราชญ์แห่งคริสตจักร” ซึ่งมีนักบุญพระสันตะปาปาเกรกอรีตรงกันข้ามกับนักบุญเจอโรม และนักบุญแอมโบรสแห่งมิลานตรงกันข้ามกับนักบุญออกัสตินแห่งฮิปโป เชื่อกันว่าวาดโดยไอแซค มาสเตอร์ (Isaac Master)
ที่นั่งสวดมนต์มีด้วยกัน 102 ที่นั่งที่แกะสลักอย่างสวยงามโดยโดเมนีโก อินโดวีนี (Domenico Indovini) เมื่อปี ค.ศ. 1501 ตรงกลางเป็นยกพื้นที่เป็นที่ตั้งของ (Cathedra) ของพระสันตะปาปา
ทางด้านตะวันตกของทางเดินกลาง และมุข ตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังโดย ชิมาบูเย และเวิร์คช็อพ ซึ่งเริ่มราวปี ค.ศ. 1280 เป็นรูป “พระเยซูบนกางเขน” โดยมีนักบุญฟรานซิสคุกเข่าอยู่ข้างล่างแสดงความโศกเศร้าใจในความทุกข์ของพระเยซู แต่ภาพเขียนเริ่มหลุดร่อนเพราะความชื้น และกาลเวลา และ ออกไซด์ของตะกั่ว (lead oxide) ที่ใช้ผสมสีและทา เมื่อปูนที่ไม่สดทำปฏิกิริยาทำให้ภาพกลายเป็นเน็กกาทีฟ
ก่อนหน้าที่ชิมาบูเยจะเขียนภาพทางด้านเหนือของแขนกางเขน ก็มีภาพบนผนังที่เขียนมาก่อนโดยช่างจากทางภาคเหนือของยุโรป ซึ่งอาจจะเป็นช่างจากอังกฤษที่เขียนระหว่างปี ค.ศ. 1267 ถึงปี ค.ศ. 1270 ชิมาบูเยเขียนภาพในครึ่งวงกลมสองอัน และในวงกลมเป็นรูปของทูตสวรรค์ และอัครทูต อีกงานหนึ่ง “อิสยาห์” และ “เดวิด” เป็นของนายช่างชาวโรมัน
ด้านบนของทางเดินกลางทั้งสองด้านได้รับความเสียหายอย่างหนักระหว่างแผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ. 1997 ซึ่งเป็นระเบียงภาพทั้งหมด 32 ภาพจากพันธสัญญาเดิม เริ่มด้วยพระเจ้าสร้างโลก และจบด้วยโจเซฟยกโทษให้พี่ ต่อไปเป็นภาพจากพันธสัญญาใหม่เรื่มด้วย “แม่พระรับสาร” จนถึง “สตรีที่หลุมศพ” ด้านบนสุดตกแต่งด้วย “Pentecost” ไปจนถึง “พระเยซูขึ้นสวรรค์” แต่ละช่วงใช้เวลาวาดราวหกเดือน จึงใช้เวลานานมากกว่าทั้งหมดจะเสร็จ จึงมีจิตรกรหลายชุด รวมทั้งจิตรกรโรมันและจิตรกรจากทัสเคนีมาวาดต่อจากชิมาบูเย เช่น จาโคโป ทอร์ริติ (Jacopo Torriti) และเปียโตร คาวาลลินี (Pietro Cavallini)
ภาพจิตรกรรมฝาผนังสองภาพของชีวิตของอิสอัค “อิสอัคให้พรยาโคบ” (Isaac blesses Jacob) และ “เอซาวต่อหน้าอิสอัค” (Esau in front of Isaac) เชื่อกันว่าเป็นฝีมือของจอตโตที่วาดระหว่างปี ค.ศ. 1290 ถึงปี ค.ศ. 1295 (ซึ่งวาซาริสันนิษฐานว่าเป็นงานของ ชิมาบูเย) แต่กระนั้นก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ นักวิจารณ์บางคนกล่าวว่าเป็นงานของไอแซค มาสเตอร์จากรายละเอียดของภาพที่มีฉากหลังเป็นฉากโรมัน บางคนก็ว่าไอแซ็ค มาสเตอร์อาจจะเป็นคนคนเดียวกับเปียโตร คาวาลลินีหรือลูกศิษย์
ปีเอโตร คาวาลลินีเคยเขียนภาพคล้ายคลึงกันเมื่อราว ค.ศ. 1290 ชื่อ “อิสอัคให้พรยาโคบ” ที่คอนแวนต์โบสถ์ซานตาเซซิเลีย ใน ทราสเทเวเร (Santa Cecilia in Trastevere) ที่ กรุงโรม การวางท่าของไอแซ็คในภาพคล้ายการวางท่าของพระแม่มารีในงานโมเสก “ประสูติกาลของพระแม่พรหมจารี” (Birth of the Virgin) ภายในมุขของวัดซานตามาเรีย ใน ทราสเทเวเร (Santa Maria in Trastevere) ที่ กรุงโรมซึ่งเขียนโดยคาวาลลินี ไอแซค มาสเตอร์ถือกันว่าเป็นศิลปินคนแรกที่ใช้วิธีสร้างจิตรกรรมฝาผนังแบบที่เรียกว่า ภาพวาดปูนเปียก หรือ เฟรสโก้ “buon fresco”
ตำนานนักบุญฟรานซิส
- นักบุญฟรานซิสยกเสื้อให้คนจน
- นักบุญฟรานซิสสละเสื้อผ้า
- ความฝันของ
- พระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 3 รับกฎของนักบุญฟรานซิส
- นักบุญฟรานซิสเทศนาต่อหน้าเชื่อกันว่าเป็นงานของจอตโต หรือ ไมสโตร ดิ ซานฟรานเชสโก
งานจิตรกรรมฝาผนังที่สำคัญที่สุดของมหาวิหารคือภาพชุด 28 ภาพที่เป็นประวัตินักบุญฟรานซิส หรือที่รู้จักกันว่า “ตำนานนักบุญฟรานซิส” ซึ่งเชื่อกันว่าวาดโดยทางตอนล่างของผนังของทางเดินกลาง แต่ละช่วงเป็นภาพสามภาพเหนือส่วนล่างที่สุดของผนัง และอีกสี่ภาพใกล้ทางเข้า จอตโตใช้ “Legenda Maior” ซึ่งเป็นประวัติของนักบุญฟรานซิสที่เขียนโดยนักบุญโบนาเวนตูรา ที่เขียนเมื่อปี ค.ศ. 1266 เป็นแนวในการสร้างฉากสำคัญๆ ในชีวิตของนักบุญ ฉากชุดนี้อาจจะเป็นฉากเดียวกับที่คาวาลลินีใช้เขียนภายในวัดซานฟรานเชสโก อา ริปา (San Francesco a Ripa) ที่โรม ภาพที่จอตโตเขียนดูราวกับว่าจอตโตเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับนักบุญฟรานซิสด้วยตนเอง วาซาริสันนิษฐานว่าจอตโตเขียนระหว่างปี ค.ศ. 1296 ถึงปี ค.ศ. 1304
ถึงแม้ว่าจะสันนิษฐานกันว่าจอตโตเป็นผู้วาดตำนานของนักบุญฟรานซิส แต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าใครเป็นผู้วาดจริง นักวิจารณ์ชาวอิตาลีส่วนใหญ่เชื่อกันว่า จอตโตและเวิร์คช็อพคือผู้วาด แต่เพราะความแตกต่างของลักษณะการวาดเมื่อเปรียบเทียบกันกับไอแซค มาสเตอร์ก็มีน้อยมาก จึงเชื่อกันว่าบางภาพหรืออาจจะทุกภาพวาดโดยศิลปินอย่างน้อยสามชุด โดยใช้เรื่องที่จอตโตวางไว้ คือมาสเตอร์แห่งซานฟรานเชสโก และ มาสเตอร์แห่งโอบซีควีส์แห่งเซนต์ฟรานซิส และซิซิเลียมาสเตอร์
ช่วงแรกของเพดานตกแต่งด้วยรูป 4 รูปของ “นักปราชญ์แห่งคริสตจักร” คือนักบุญเจอโรม นักบุญออกัสติน นักบุญเกรกอรี และนักบุญแอมโบรส เชื่อกันว่าวาดโดยจอตโต หรือ ลูกศิษย์ ช่วงที่สามเป็นรูปหัวใจสี่รูปของพระเยซู พระแม่มารี นักบุญจอห์นแบ็พทิสต์ และนักบุญฟรานซิส เขียนโดยจาโคโป ทอร์ริติ
ด้านหน้ามหาวิหารเป็นแบบกอธิคมีประตูสองประตูและหน้าต่างกุหลาบ
ดูเพิ่ม
ภาพมหาวิหาร
- มหาวิหารนักบุญฟรานซิสแห่งอัสซีซีมองจากข้างล่าง
- ประตูด้านข้างเป็นทางเข้ามหาวิหารชั้นล่าง วัดชั้นบนมีหน้าต่างกุหลาบอยู่ด้านหน้า
- ด้านหน้ามหาวิหารชั้นบน
- หน้าต่างกุหลาบมหาวิหารชั้นบน
- ระเบียงฉันนบถภายในอาราม
-
อ้างอิง
- อ้างอิง
- Giorgio Vasari "Vite de'più eccellenti pittori, scultori e architetti"
- Pope Benedict XVI (9 November 2005). "Totius Orbis Of The Holy Father Benedict XVI for the Coordination of Pastoral Activities and Initiatives at the Basilicas of St Francis and of St Mary of the Angels in Assisi". Apostolic Letter "Motu Proprio". Holy See. จากแหล่งเดิมเมื่อ 9 July 2011. สืบค้นเมื่อ 16 August 2011.
- บรรณานุกรม
- Bellucci, Gualtiero (2001). Assisi, Heart of the World. Assisi: Edizioni Porziuncola. ISBN .
- Bonsanti, Giorgio (1998). The Basilica of St. Francis of Assisi. New York: H.N. Abrams. ISBN .
- Belting, Hans (1977). Die Oberkirche Von San Francesco in Assisi: ihre Dekoration als Aufgabe u.d. Genese einen neuen Wandmalerei. Berlin: Mann. ISBN .
- Borsook, Eve (1980). The Mural Painters of Tuscany: From Cimabue to Andrea del Sarto. Oxford: Clarendon Press. ISBN .
- Lunghi, Elvio (1996). The Basilica of St Francis at Assisi. The frescoes by Giotto his precursors and followers. London: . ISBN .
- Turner, J. (ed.) (1996). . Macmillan Publishers Limited. ISBN .
- Vasari, Giorgio (1998). . Oxford University Press. ISBN .
- Smart, Alastair (1971). The Assisi Problem and the Art of Giotto: a study of the Legend of St. Francis in the Upper Church of San Francesco, Assisi. Oxford: Clarendon Press. ISBN .
Bokody, Péter. "Mural Painting as a Medium: Technique, Representation and Liturgy." In Image and Christianity: Visual Media in the Middle Ages, ed. Péter Bokody (Pannonhalma: Pannonhalma Abbey, 2014), 136–151. https://www.academia.edu/8526688/Mural_Painting_as_a_Medium_Technique_Representation_and_Liturgy
แหล่งข้อมูลอื่น
- Saint Francis review – The official review of the Basilica of Saint Francis
- The official website of the Basilica of Saint Francis
- To see the webcam in the tomb of Saint Francis
- มหาวิหารนักบุญฟรานซิสแห่งอัสซีซี (Assisi Online)
- จิตรกรรมฝาผนังโดยจอตโต ดี บอนโดเนบนชั้นบนของมหาวิหาร[]
- จิตรกรรมฝาผนังโดยปีเอโตร โลเรนเซตตีที่ชั้นล่างของมหาวิหาร 2016-03-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- จิตรกรรมฝาผนังโดยซิโมเน มาร์ทินีที่ชั้นล่างของมหาวิหาร 2016-03-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ภาพเวอชวลของมหาวิหารเซนต์ฟรานซิสแห่งอาซิซิ 2007-10-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
lingkkhamphasa inbthkhwamni miiwihphuxanaelaphurwmaekikhbthkhwamsuksaephimetimodysadwk enuxngcakwikiphiediyphasaithyyngimmibthkhwamdngklaw krann khwrribsrangepnbthkhwamodyerwthisud mhawiharnkbuyfrngsisaehngxssisi xitali Basilica di San Francesco d Assisi xngkvs Basilica of St Francis of Assisi tngxyuthiemuxngxssisi praethsxitali epnobsthormnkhathxlikkhxngkhnafrnsiskn sungepnkhnankbwchkhathxlikthinkbuyfrngsisaehngxssisikxtngkhunemuxkhriststwrrsthi 13mhawiharnkbuyfrngsisaehngxssisiBasilica di San Francesco d Assisi Basilica Sancti Francisci Assisiensischnbnaelachnlangkhxngmhawiharmxngcakctursedlellxcec43 04 29 N 12 36 20 E 43 07472 N 12 60556 E 43 07472 12 60556thitngxssisi praethsxitalinikayormnkhathxlikewbistwww wbr sanfrancescoassisi wbr orgprawtisthanamhawiharrxngeskemux1253sthaptykrrmsthapnikMaestro Jacopo Tedescopraephthsthaptyobsthrupaebbsthaptyormaensk okthikxitalinganthanrak1227okhrngsrangxakharyaw80 emtr 260 fut xakharkwang50 emtr 160 fut enfkwang18 emtr 59 fut karpkkhrxngmukhmnthlaephnkaehlngmrdkolkodyyuensokchuxthikhunthaebiynAssisi the Basilica of San Francesco and Other Franciscan Sitespraephthwthnthrrmeknthi ii iii iv vikhunemux2000 smythi 24 elkhxangxing990rthsmachik xitaliphumiphakhbthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxhaprawtimhawiharnkbuyfrngsis erimsranginkhriststwrrsthi 13 epnmhawiharthimidwyknsamchn swnlangerimsrangimnanhlngcakthifrngsisidrbkarprakasepnnkbuyemuxpi kh s 1228 siomen di phuechiyerlol Simone di Pucciarello epnphuxuthisthidinaelabriewneninekhathangdantawntkkhxngemuxngxssisiihepnthisrangobs thidinbriewnniaetedimeriykwa eninnrk xitali Collo d Inferno xngkvs Hill of Hell aetpccubneriykknwa eninswrrkh Hill of Paradise thrngwangsilavksemuxwnthi 17 krkdakhm kh s 1228 aemwakarkxsrangxaccaerimtnaelwkid phuxxkaebbaelakhumngankhuxphradaexeliyaehngkxrotna sisykhnsakhykhxngnkbuyfrngsisaelaekhyepnrxngxkhrathikarkhxngkhnafrnsiskn chnlangkhxngobsthsrangesrcemuxpi kh s 1230 emuxsungepnwnchlxng 50 wnhlngcakxisetxr emuxwnthi 25 phvsphakhm kh s 1230 kmikarnarangthiimenaepuxykhxngnkbuyfrngsiscakthiekbchwkhrawthiobsthnkbuycxrcsungpccubnepn Basilica of St Clare maiwthiswnlangkhxngmhawiharthisrangesrc mhawiharchnbnerimsrangemux kh s 1239 aelaesrcemux kh s 1253 lksnakarkxsrangepnaebbormaenskphsmsthaptykrrmkxthikaebbfrngess sungepntwxyangkhxngsthaptykrrmkxthikaebbxitalitxma kartkaetngkhxngmhawiharthaodysilpinsakhy inyukhnncakorm aekhwnthskani aela xumebriy channnxkcakepnsasnsthansakhyaelwmhawiharnkbuyfrngsiscungmikhwamsakhythangprawtisastrsilpakhxngxitalidwy chnlangmicitrkrrmfaphnngkhxngcitrkrphumichuxesiyng echn chimabuey aelacxtot di bxnoden phusungwadchnbnkhxngmhawiharepnchiwprawtikhxng nkbuyfrngsisdwy sungxditepnxkhrathikarkhnafrnsisknideluxnthanakhxngobsthkhinihepnobsthsntapapaemux kh s 1288 ctursedlellxcec Piazza delle Logge thiepnlanhnawdaelathangedinipsuobsthsrangemuxkh s 1474 ichepnthiphkphingkhxngnkaeswngbuythiphaknmaskkarankbuyfrngsis emuxwnthi 27 tulakhm kh s 1986 aela eduxnmkrakhm kh s 2002 smedcphrasntapapacxhn pxlthi 2 esdcmathimhawiharephuxcaswdmntephuxkhwamsntisukh emuxwnthi 26 knyayn kh s 1997 sungepnwnkhrbrxb 816 pikhxngwnekidkhxngnkbuyfrngsiskekidmiaephndinihwthixasisithaihkhntayip 4 khn mhawiharidrbkhwamesiyhayxyanghnktxngpidepnewlasxngpikxnthicasxmesrcchnlangkhxngmhawiharkartkaetngthwip thangekhachnlangthangdankhang hlwngphxexeliyepnphuxxkaebbchnlangkhxngmhawiharepnhxngitdin crypt odyihephdanokhngsn ribbed vault thanmiprasbkarnkarkxsrangcaksrangthifngsphkhnadihyinphuekhaemuxipcaphrrsaxyuthisieriy thangekhachnlangxyuthangdankhangphayitsumpratuaebbsthaptykrrmkxthikthisrangrawkhriststwrrsthi 13 mipratuimsxngpratuodyfimuxchangimcakxumebriycakkhriststwrrsthi 16 thangdanhnungepnkhuhaswdmntkhxngphrakhardinl xlbxrons Egidio Albornoz phumihnathithangkdhmaykhxngnkhrrthwatiknrahwangpi kh s 1350 thungpi kh s 1367 thixuthisihnkbuyaekhethxrinaehngxaelksanedriy ngancitrkrrmfaphnngphayinkhuhaepnchakchiwitkhxngnkbuyaekhethxrin 8 chakwadrahwangpi kh s 1368 cnthungpi kh s 1369 odyxnedrxs phiktxr edx oboneniy Andreas pictor de Bononia hruxthieriyksn wa xnedriy sungxaccaepnkhnkhnediywkb Andrea de Bartoli phuepncitrkrpracarachsankkhxngxlbxrons aetimich Andrea da Bologna thimkcaxangxingknphid rupnkbuyinkhuhawadodyphaes di barothol d xasisi kh s 1344 kh s 1368 thangdansayepnkhuhaswdmntnkbuyesbasetiynsungwadody Giorgetti aelachakchiwitkhxngnkbuyody ci marethlli G Martelli thangdankhwamixnusrnsxngxnusrn hnungepnkhxngcioxwanni edx esxrchi Giovanni de Cerchi aelaxikdanhnungepnkhxngcxhnaehngbrin John of Brienne phramhakstriyeyrusaelmaelaepnckrphrrdisaercrachkarkrungkhxnsaetntionepil sxngkhangthangedinklangepnkhuhaswdmntphayinsumkhrungwngklm twthangedinklangtkaetngdwycitrkrrmfaphnngthiekathisudinmhawiharodycitrkrthieriykknwa imsotr disanfranechsok Maestro di San Francesco epn 5 chakcak phrathrmankhxngphraeysu Passion of Christ thangdankhwa thangdansayepn 5 chakcak chiwprawtikhxngnkbuyfrngsis Life of St Francis karcdwangphaphsxngchudnidwyknechnniepnkarcngickhxngkhnafrngsisknephuxepnkaraenawankbuyfrngsisepriybehmuxnkarmakhrngthisxngkhxngphraeysu phaphthiwadlxmrxbdwykrxbsinaenginsdtkaetngdwydawthxng phaphthangdanlangkhxngkaaephngcangipcnekuxbcaimehluxrxynxkcakthangkaaephngdankhwathiyngehluxphaph aemphraaelaphrakumarkbnkbuy odychimabuey phaphekhiynbnphnngichwithiwadodyichsifunphsmbnpunaehng wadesrcrahwangpi kh s 1260 thungpi kh s 1263 thuxknwaepncitrkrrmfaphnngthidithisudinaekhwnthskanikxnchimabuey emuxmiphukhnmaskkarankbuyfransisknmakkhunthangobsthcungtxngsrangkhuhaswdmntsahrbkhrxbkhrwsakhy rahwangpi kh s 1270 thungpi kh s 1350 sxngkhangthangedinklangsungthaihtxngthalaycitrkrrmfaphnngipmak khuhaswdmntnkbuymaraetngaehngtur maraetngaehngturslachiwitthangthhar wadodysiomen marthini phaphphayinkhuhankbuymaraetng phaphphayinkhuhankbuymaraetng nkdntriepakhluysxngxn wadodysiomen marthini hluysaehngtulus Louis of Toulouse exlisaebth aehngethxringekiy Elisabeth of Thuringia nkbuyaekhl St Clare aela phraecahluysthi 9 aehngfrngess bnbanphaphphbodysiomen marthini khuhaswdmntaerkthangsayxuthisihnkbuymaraetngaehngtur srangodykhardinalda mxnetfxer Cardinal da Montefiore tkaetngrahwangpi kh s 1317 thungpi kh s 1319 epncitrkrrmfaphnng 10 chakkhxngchiwitnkbuymartin wadodysiomen martini aelamibanphaphphbthimiphaphkhxngnkbuyhlayxngkh nganphayinkhuhaswdmntnkbuymartinepnnganthisakhythisudchinhnungkhxngsiomen marthiniaelaepnngancitrkrrmthidiednthisudkhxngkhriststwrrsthi 14 singthinaesiydaykhuxsikhawtakwkhxngmarthinihmnlngiptamkalewla khuhaswdmntxikkhuhahnungthangsayxuthisihkbnkbuypietxraehngxlkhnthara St Peter of Alcantara khuhaswdmntxun Maesta kb nkbuyfransis odychimabuey Madonna dei Tramonti by epiyotr lxernestti Pietro Lorenzetti aethnbuchaphrasntapapaaelakartkaetngdwycitrkrrmfaphnngthngbriewn khuhaswdmntthangkhwaxuthisih nkbuy St Louis of Toulouse aelankbuystiefnaehnghngkari St Stephen of Hungary citrkrrmfaphnngepnfimuxkhxngodon odni Dono Doni srangemux kh s 1575 aelahnatangpradbkracksiody siomen marthini nkbuyaexnothniaehngpadw St Anthony of Padua citrkrrmfaphnng epnfimuxkhxngechsaer esxrem Cesare Sermei srangemux kh s 1610 nkbuymariychawmkdala St Mary Magdalene khuhaswdmntnisrangodyetoxblod pxntaon Teobaldo Pontano bichxpaehngxssisirahwangpi kh s 1296 thungpi kh s 1329 epnkhuhathimingansakhykhxngewirkhchxpkhxngcxtot di bxnoden hruxcxtotxaccawaddwytnexngrawpi kh s 1320 sungwasarisnnisthanphidwaepnngankhxngphuchiox chaaephnna Puccio Capanna bnkaaephngepnchakcak chiwitkhxngaemri aemkdaeln Life of Mary Magdalene ehnuxphaphehmuxnkhxngthioxbalod pxntaon khnathirxbephdanokhngtkaetngdwyrupphraeysu phraaemmari aemri aemkdaeln aelaphuepnphichaykhxngaemri aemkdaeln ehnuxthangedinklangepnephdanokhngprathun sudthangepnmukhkhrungwngklmthitkaetngxyangwicitrdwycitrkrrmfaphnng phaphekhiynthangkhwaepnchiwitkhxngphraeysuemuxyngthrngphraeyawsungbangswnepnngankhxngcxtotaelaewirkhchxph aelachak karprasutikhxngphraeysu Nativity odychangthiimthrabchuxthieriykknwa masetxraehngniokhol Maestro di San Nicola chnlangsudepncitrkrrmfaphnng 3 rupkhxngnkbuyfransischwyedksxngkhnthitayipaelwbnchakhlngthiepnthiwthsn hnakhninphaphaesdngerimaesdngxxkthungxarmnsungepnsingihmthangsilpakhxngyukhnn bnphnngthangedinklangchimabuwadnganthisakhythisud aemphrakhrxngbllngkaelankbuyfrngsis Our Lady enthroned and Saint Francis pi kh s 1280 sungwaknwaepnphaphthiehmuxnnkbuyfrngsistwcringmakthisud lksnaphaphepnaebbsilpakxthiksungtangknmakcakngankhxngcxtottrngthimichiwitciticmakkwa thangkhwakhxngthangedinklangepnkhuhaswdmntesntniokhlsaehngbari Chapel of St Nicolas of Bari phucangxaccaepnnoplioxen xxrsini Napoleone Orsini phuepnphuaethnkhxngphrasntapapa epncitrkrrmfaphnng 10 phaphodychangthiimthrabchuxthieriykknwa masetxraehngniokhol rahwangpi kh s 1295 thungpi kh s 1305 epnphaphpatihariyaelakaraesdngkhwamkrunakhxngnkbuyniokhls phaphchudnimixiththiphlmacakchud tanankhxngnkbuyfrngsis thixyuchnbnkhxngmhawihar sungwasarisnnisthanphidwaepnngankhxngcxtot changkhnediywknwadphaph aemphrarbsar Annunciation inkhuhaswdmnttrngknkham thangedinklangaelaaethnbucha dansaykhxngthangedinklangtkaetngodypiexotr olernestti Pietro Lorenzetti citrkrchawesiynna rahwangpi kh s 1315 thungpi kh s 1330 sungwasarisnnisthanphidwaepnngankhxngcxtotaelaphuchiox chaaephnna citrkrrmfaphnngchinniepnnganchinexkkhxnglxernestti epnchudphaph 6 phaphekiywkb phrathrmankhxngphraeysu Passion of Christ odyechphaaphaph karnarangkhxngphraeysulngcakkangekhn 1 Deposition of the Cross epnphaphthiaesdngxarmnkhxngphuxyuinphaphepnxyangmak karsrangcitrkrrmfaphnngchinniaebngepn 330 khnsungtxngichewlahlaypicungwadesrcaemlxernestticaidrbkhwamchwyehluxcakphuchwy nxkcaknnlxernesttiyngtkaetngobsthnxynkbuyyxhnaebpthist Chapel of St John the Baptist khang dwyphaph Madonna dei Tramonti karcdwangrahwangphraeysuemuxyngthrngphraeyawaela phrathrmankhxngphraeysu epnkarepriybethiybkhwammikhwamrusukesraicipkbkhwamthukkhkhxngphuxunrahwangphraeysukbnkbuyfrngsis aethnbuchaphrasntapapatrngmukhthadwyhinkxnediywcakokhomemux kh s 1230 rxbaethnbuchatkaetngdwyephdanokhngkxthikhthirbodyesahlayaebb esa 12 esathilxmrxbaethnbuchathukruxxxkipemux kh s 1870 thinngswdmntsrangdwyimwxlntesrcemux kh s 1471 odyxphxlolniox ephotrchchi da riphathranosni Apollonio Petrocchi da Ripatransone chwyodythxmsos di xnotniox fioxernthion Tommaso di Antonio Fiorentino aelaxnedriy da mxnethfalokh Andrea da Montefalco emuxcitrkrrmfaphnngthiepnxupmanithsnkhxngphraeysuthuktrungkangekhnodysetfanon fioxernthion Stefano Fiorentino thukthalayipemuxpi kh s 1622 kthaphaphihmthbepnphaph karphiphaksakhrngsudthay Last Judgment ody essaer esxrem di xxrewiytot Cesare Sermei di Orvieto phaphekhiynbnmukhepnphaph chychnakhxngnkbuyfrngsis Triumph of St Francis aelaxupmanithsnsamphaphkhxng khwamechuxfng khwamcn khwambrisuththi echuxknwawadody naychangaehngewel hruxthieriykknwa naychangaehngephdanmhawiharesntfransis phuepnluksisykhxngcxtotemuxpi kh s 1330 hnatangpradbkracksiechuxknwathaodycioxwanni di obnionaelaewirkhchxphhxngitdinthifngsphnkbuyfrngsisitmhawihar klangthangedinklangepnthanglngchnitdinsxngkhangnaipsuthifngsphkhxngnkbuyfransis thifngsphphbemux kh s 1818 hlngcaknkbuyfransisesiychiwithlwngphiexeliyexarangipsxnephuxpxngknkaraekngaeyngrangkhxngnkbuyipthwyuorp smedcphrasntapapapixusthi 9epnphusngihsranghxngitdinphayitmhawihar odyihphaskhael eblli Pasquale Belli epnphuxxkaebbdwyhinxxnaebbsilpafunfukhlassik aetmaxxkaebbepnaebbphayhlngodyxuok tharchi Ugo Tarchi rahwang pi kh s 1925 thungpi kh s 1932 olnghinobranthimddwyehlkkhxngnkbuyfransiswangednxyubnaethnbucha emuxpi kh s 1934 kmikarfngrangkhxngphradakhnafrnsisknsuxngkhinkaaephngrxbaethnbucha txmakephimphxbiskradukkhxngcaokhpa edxi esthethosli Jacopa dei Settesoli trngthangekhaxaramnkbuyfransislanphayinraebiyngkhdinsanksngkhnkbuyfransisCrucifixion odychimabuey thiidrbkhwamesiyhay mhawiharnkbuyfransisaehngxssisiepnswnhnungkhxngxaramsaokhrkhxnewnot Sacro Convento Friary twtngxyutidkbmhawiharodyepnsthaptykrrmaebbormaenskprakxbdwysumokhng 53 okhngaelakhaynthiaekhngaekrngxyubneninsung emuxmxngcakkhanglangcaduehmuxnpxm 2 twifrxarisrangdwyhinsikhawaelachmphucakphuekhasubasiox ifrxarimiifrxarxasyxyutngaetpi kh s 1230 macnthungpccubnni karkxsrangichewlananthaihlksnasthaptykrrmcungepnaebbphsmphsanrahwangormaenskkbkxthikh xakharswnihysranginsmy rahwangpi kh s 1474 thungpi kh s 1476 inpccubnsanksngkhmihxngsmudihythimihnngsuxcakyukhklang phiphithphnththimingansilpathinkaeswngbuyxuthisihaekwdmaepnewlahlayrxypi rwmthngngansilpa 57 chinthiepnsilpaaebbflxernsaelasiexnakhxngnganchudephxrkhin Perkins collection hxrakhngsrangesrcemuxpi kh s 1239 epnaebbormaenskchnbnkhxngmhawiharthangedinklangkhxngchnbnthitkaetngodycitrkrrmfaphnngodycxtotixaeskhptiesthxiesa echuxwaekhiynodycxtot hrux ixaeskh masetxr thangekhamhawiharchnbnxyudanhlngcakphayinsumphayinxaram sthaptykrrmepnaebbkxthikh phayinswnsakhytkaetngdwycitrkrrmfaphnngodycxtotaelachimabuey hnatangkracksiinbriewnxaramsrangodychangchaweyxrmnithimathanganxyuikl xasisiemuxplaykhriststwrrsthi 13 hnatangthangdansaykhxngthangedinklangepnfimuxkhxngchangfrngessthisrangemuxpi kh s 1270 thangdankhwaechuxknwasrangody naychangaehngsanfranechsok hnatangehlaniepntwxyangkhxnghnatangpradbkracksithidithisudthihnunginkhriststwrrsthi 13 inxitali othngklangkhxngmhawiharcakwangaelaaebngepnsichwng ephdanepnaebbprathunsxntkaetngdwylwdlaykangekhnaelaibim ephdansnsidantkaetngdwydawsithxngbnphunsinaengin ephdanxikchwnghnungtkaetngdwy rupinkrxbklm Roundels sungmirupphraeysukhrungxngkhtrngknkhamkbnkbuyfransis aelaphraaemmariytrngknkhamkbnkbuyyxhnphuihbphtisma ephdanthangekhaepnrup 4 rupkhxng nkprachyaehngkhristckr sungminkbuyphrasntapapaekrkxritrngknkhamkbnkbuyecxorm aelankbuyaexmobrsaehngmilantrngknkhamkbnkbuyxxkstinaehnghipop echuxknwawadodyixaeskh masetxr Isaac Master thinngswdmntmidwykn 102 thinngthiaekaslkxyangswyngamodyodemniok xinodwini Domenico Indovini emuxpi kh s 1501 trngklangepnykphunthiepnthitngkhxng Cathedra khxngphrasntapapa thangdantawntkkhxngthangedinklang aelamukh tkaetngdwycitrkrrmfaphnngody chimabuey aelaewirkhchxph sungerimrawpi kh s 1280 epnrup phraeysubnkangekhn odyminkbuyfransiskhukekhaxyukhanglangaesdngkhwamoskesraicinkhwamthukkhkhxngphraeysu aetphaphekhiynerimhludrxnephraakhwamchun aelakalewla aela xxkisdkhxngtakw lead oxide thiichphsmsiaelatha emuxpunthiimsdthaptikiriyathaihphaphklayepnenkkathif kxnhnathichimabueycaekhiynphaphthangdanehnuxkhxngaekhnkangekhn kmiphaphbnphnngthiekhiynmakxnodychangcakthangphakhehnuxkhxngyuorp sungxaccaepnchangcakxngkvsthiekhiynrahwangpi kh s 1267 thungpi kh s 1270 chimabueyekhiynphaphinkhrungwngklmsxngxn aelainwngklmepnrupkhxngthutswrrkh aelaxkhrthut xiknganhnung xisyah aela edwid epnkhxngnaychangchawormn danbnkhxngthangedinklangthngsxngdanidrbkhwamesiyhayxyanghnkrahwangaephndinihwemuxpi kh s 1997 sungepnraebiyngphaphthnghmd 32 phaphcakphnthsyyaedim erimdwyphraecasrangolk aelacbdwyocesfykothsihphi txipepnphaphcakphnthsyyaihmerumdwy aemphrarbsar cnthung strithihlumsph danbnsudtkaetngdwy Pentecost ipcnthung phraeysukhunswrrkh aetlachwngichewlawadrawhkeduxn cungichewlananmakkwathnghmdcaesrc cungmicitrkrhlaychud rwmthngcitrkrormnaelacitrkrcakthsekhnimawadtxcakchimabuey echn caokhop thxrriti Jacopo Torriti aelaepiyotr khawallini Pietro Cavallini phaphcitrkrrmfaphnngsxngphaphkhxngchiwitkhxngxisxkh xisxkhihphryaokhb Isaac blesses Jacob aela exsawtxhnaxisxkh Esau in front of Isaac echuxknwaepnfimuxkhxngcxtotthiwadrahwangpi kh s 1290 thungpi kh s 1295 sungwasarisnnisthanwaepnngankhxng chimabuey aetkrannkyngepnthithkethiyngknxyu nkwicarnbangkhnklawwaepnngankhxngixaeskh masetxrcakraylaexiydkhxngphaphthimichakhlngepnchakormn bangkhnkwaixaeskh masetxrxaccaepnkhnkhnediywkbepiyotr khawallinihruxluksisy piexotr khawalliniekhyekhiynphaphkhlaykhlungknemuxraw kh s 1290 chux xisxkhihphryaokhb thikhxnaewntobsthsantaessieliy in thrasethewer Santa Cecilia in Trastevere thi krungorm karwangthakhxngixaeskhinphaphkhlaykarwangthakhxngphraaemmariinnganomesk prasutikalkhxngphraaemphrhmcari Birth of the Virgin phayinmukhkhxngwdsantamaeriy in thrasethewer Santa Maria in Trastevere thi krungormsungekhiynodykhawallini ixaeskh masetxrthuxknwaepnsilpinkhnaerkthiichwithisrangcitrkrrmfaphnngaebbthieriykwa phaphwadpunepiyk hrux efrsok buon fresco tanannkbuyfransis nkbuyfransisykesuxihkhncn nkbuyfransisslaesuxpha khwamfnkhxng phrasntapapaxinonesntthi 3 rbkdkhxngnkbuyfransis nkbuyfransisethsnatxhnaechuxknwaepnngankhxngcxtot hrux imsotr di sanfranechsok ngancitrkrrmfaphnngthisakhythisudkhxngmhawiharkhuxphaphchud 28 phaphthiepnprawtinkbuyfransis hruxthiruckknwa tanannkbuyfransis sungechuxknwawadodythangtxnlangkhxngphnngkhxngthangedinklang aetlachwngepnphaphsamphaphehnuxswnlangthisudkhxngphnng aelaxiksiphaphiklthangekha cxtotich Legenda Maior sungepnprawtikhxngnkbuyfransisthiekhiynodynkbuyobnaewntura thiekhiynemuxpi kh s 1266 epnaenwinkarsrangchaksakhy inchiwitkhxngnkbuy chakchudnixaccaepnchakediywkbthikhawalliniichekhiynphayinwdsanfranechsok xa ripa San Francesco a Ripa thiorm phaphthicxtotekhiyndurawkbwacxtotepnphuehnehtukarntang thiekidkhunkbnkbuyfransisdwytnexng wasarisnnisthanwacxtotekhiynrahwangpi kh s 1296 thungpi kh s 1304 thungaemwacasnnisthanknwacxtotepnphuwadtanankhxngnkbuyfransis aetkyngepnthithkethiyngknxyuwaikhrepnphuwadcring nkwicarnchawxitaliswnihyechuxknwa cxtotaelaewirkhchxphkhuxphuwad aetephraakhwamaetktangkhxnglksnakarwademuxepriybethiybknkbixaeskh masetxrkminxymak cungechuxknwabangphaphhruxxaccathukphaphwadodysilpinxyangnxysamchud odyicheruxngthicxtotwangiw khuxmasetxraehngsanfranechsok aela masetxraehngoxbsikhwisaehngesntfransis aelasisieliymasetxr chwngaerkkhxngephdantkaetngdwyrup 4 rupkhxng nkprachyaehngkhristckr khuxnkbuyecxorm nkbuyxxkstin nkbuyekrkxri aelankbuyaexmobrs echuxknwawadodycxtot hrux luksisy chwngthisamepnruphwicsirupkhxngphraeysu phraaemmari nkbuycxhnaebphthist aelankbuyfransis ekhiynodycaokhop thxrriti danhnamhawiharepnaebbkxthikhmipratusxngpratuaelahnatangkuhlabduephimmhawihar sthaptykrrmmhawiharinyuorptawntk sthaptykrrmibaesnithn sthaptykrrmormaensk sthaptykrrmkxthik frngsisaehngxssisi citrkrrmfaphnng chimabuey cxtot di bxnodenphaphmhawiharmhawiharnkbuyfransisaehngxssisimxngcakkhanglang pratudankhangepnthangekhamhawiharchnlang wdchnbnmihnatangkuhlabxyudanhna danhnamhawiharchnbn hnatangkuhlabmhawiharchnbn raebiyngchnnbthphayinxaramxangxingxangxingGiorgio Vasari Vite de piu eccellenti pittori scultori e architetti Pope Benedict XVI 9 November 2005 Totius Orbis Of The Holy Father Benedict XVI for the Coordination of Pastoral Activities and Initiatives at the Basilicas of St Francis and of St Mary of the Angels in Assisi Apostolic Letter Motu Proprio Holy See cakaehlngedimemux 9 July 2011 subkhnemux 16 August 2011 brrnanukrmBellucci Gualtiero 2001 Assisi Heart of the World Assisi Edizioni Porziuncola ISBN 88 7135 131 2 Bonsanti Giorgio 1998 The Basilica of St Francis of Assisi New York H N Abrams ISBN 0 8109 2767 5 Belting Hans 1977 Die Oberkirche Von San Francesco in Assisi ihre Dekoration als Aufgabe u d Genese einen neuen Wandmalerei Berlin Mann ISBN 3 7861 1135 9 Borsook Eve 1980 The Mural Painters of Tuscany From Cimabue to Andrea del Sarto Oxford Clarendon Press ISBN 0 19 817301 6 Lunghi Elvio 1996 The Basilica of St Francis at Assisi The frescoes by Giotto his precursors and followers London ISBN 0 500 27834 2 Turner J ed 1996 Macmillan Publishers Limited ISBN 1 884446 00 0 Vasari Giorgio 1998 Oxford University Press ISBN 0 19 283410 X Smart Alastair 1971 The Assisi Problem and the Art of Giotto a study of the Legend of St Francis in the Upper Church of San Francesco Assisi Oxford Clarendon Press ISBN 0 19 817166 8 Bokody Peter Mural Painting as a Medium Technique Representation and Liturgy In Image and Christianity Visual Media in the Middle Ages ed Peter Bokody Pannonhalma Pannonhalma Abbey 2014 136 151 https www academia edu 8526688 Mural Painting as a Medium Technique Representation and Liturgyaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb mhawiharnkbuyfransisaehngxssisi wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb phaphekhiyntanankhxngnkbuyfransis Saint Francis review The official review of the Basilica of Saint Francis The official website of the Basilica of Saint Francis To see the webcam in the tomb of Saint Francis mhawiharnkbuyfransisaehngxssisi Assisi Online citrkrrmfaphnngodycxtot di bxnodenbnchnbnkhxngmhawihar lingkesiy citrkrrmfaphnngodypiexotr olernesttithichnlangkhxngmhawihar 2016 03 20 thi ewyaebkaemchchin citrkrrmfaphnngodysiomen marthinithichnlangkhxngmhawihar 2016 03 20 thi ewyaebkaemchchin phaphewxchwlkhxngmhawiharesntfransisaehngxasisi 2007 10 19 thi ewyaebkaemchchin