บทความนี้ยังต้องการเพิ่มเพื่อ |
ความตกลงปางหลวง (อังกฤษ: Panglong Agreement; พม่า: ပင်လုံစာချုပ်) เป็นความตกลงระหว่างพม่า ไทใหญ่ ชีน และกะชีน ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อจัดตั้งสหภาพพม่าภายหลังได้รับเอกราชจากอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ความตกลงนี้ไม่บรรลุผลเพราะพม่าไม่ปฏิบัติตาม
ก่อนการลงนาม
การประชุมปางหลวงครั้งที่ 1
เมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรยึดรัฐชาน (สหรัฐไทยเดิม) คืนจากไทยแล้ว ได้มีการประชุมเพื่อตัดสินชะตากรรมของชาติตนเองเรียกว่าการประชุมปางหลวงจัดขึ้นที่ในรัฐชานเมื่อวันที่ 20–28 มีนาคม พ.ศ. 2489 การประชุมครั้งนี้ฝ่ายอังกฤษส่งนายสตีเวนสัน[] เข้าร่วม ตัวแทนฝ่ายพม่าได้แก่ อู้นุ อู บาเกียน มาน บาขิ่น อูซอว์ การประชุมครั้งนี้พม่าเรียกร้องให้รัฐชานรวมกับพม่าเพื่อเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษ[]
การประชุมปางหลวงครั้งที่ 2
หลังจากการประชุมปางหลวงครั้งแรก พม่าได้ทำกับอังกฤษเพื่อรวมอาณานิคมของอังกฤษทั้งหมดเข้ากับสหภาพพม่าฝ่ายรัฐชานจึงจัดการประชุมปางหลวงระหว่าง 3–12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2490 เพื่อปฏิเสธการเข้ารวมตัวกับพม่า ตัวแทนฝ่ายกะชีนเข้าร่วมประชุมกับไทใหญ่เมื่อ 5 กุมภาพันธ์ และตัวแทนจากรัฐชีนเข้าร่วมเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ และตกลงจัดตั้งเพื่อต่อรองกับฝ่ายพม่า
ตัวแทนฝ่ายพม่านำโดยอองซานพร้อมกับตัวแทนฝ่ายรัฐบาลอังกฤษเข้าร่วมประชุมเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ เพื่อเจรจากับตัวแทนสภาสูงสุดแห่งประชาชนชาวเขาจนเป็นที่มาของการลงนามในสนธิสัญญาปางหลวงเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ในที่สุด[]
คณะกรรมการที่ลงนามในความตกลงปางหลวง
คณะกรรมการที่เข้าร่วมประชุมและลงนามในความตกลงปางหลวง ฝ่ายต่าง ๆ ได้แก่
|
|
สาระสำคัญของความตกลง
- ตัวแทนของชาวเขา จะได้รับการแต่งตั้ง เป็นที่ปรึกษาข้าหลวงเกี่ยวกับพื้นที่ของรัฐชายแดน
- สมาชิกสภาสูงสุดแห่งประชาชนชาวเขา ต้องทำงานร่วมกับคณะกรรมการบริหารเฉพาะด้าน ที่เกี่ยวกับการป้องกันประเทศและกิจการต่างประเทศ
- ที่ปรึกษาข้าหลวงและผู้ช่วยที่ปรึกษา มีหน้าที่รับผิดชอบดินแดนของตนเอง
- กำหนดรายละเอียดในการตั้งรัฐกะชีน
- ประชากรในรัฐชายแดนมีสิทธิเท่ากับประชากรในประเทศประชาธิปไตยอื่น ๆ
- การดำเนินงานตามสนธิสัญญาต้องไม่ละเมิดสิทธิทางการคลังของรัฐชาน รัฐชีน และรัฐกะชีน[]
การร่างรัฐธรรมนูญและสิทธิถอนตัว
สภาร่างรัฐธรรมนูญเริ่มประชุมที่ย่างกุ้งระหว่างวันที่ 10 มิถุนายน – 24 กันยายน พ.ศ. 2490 ตัวแทนจากรัฐต่าง ๆ แสดงความต้องการให้จัดตั้งสหพันธรัฐอย่างแท้จริง แต่ระหว่างการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ มีมือปืนบุกเข้ามายิงอองซานและที่ปรึกษาคนอื่นเสียชีวิต เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2490 ทำให้การร่างรัฐธรรมนูญเปลี่ยนทิศทางไป[]
เมื่ออองซานเสียชีวิต อู้นุขึ้นมาเป็นผู้นำแทน สิทธิในการถอนตัวได้ถูกบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญตามสนธิสัญญาเพื่อลดแรงกดดันจากกลุ่มรัฐชายแดน โดยระบุเงื่อนไขดังนี้
- ต้องผ่านไป 10 ปีจึงถอนตัวได้
- ต้องได้เสียง 2 ใน 3 ของสภาแห่งรัฐ
- ผู้นำของรัฐต้องแจ้งให้ผู้นำของสหภาพทราบเพื่อดำเนินการลงประชามติ
ในขณะที่ร่างรัฐธรรมนูญมีเพียงรัฐชานกับรัฐกะยาเท่านั้นที่มีสิทธิถอนตัว รัฐกะชีนกับรัฐกะเหรี่ยงปฏิเสธการเข้าร่วมแต่แรก ส่วนรัฐชีนถูกกำหนดให้เป็นเขตปกครองพิเศษจึงไม่มีสถานะเป็นรัฐตามรัฐธรรมนูญนี้[]
ผลที่เกิดขึ้น
ก่อนที่รัฐชานจะใช้สิทธิถอนตัวตามที่กำหนดในรัฐธรรมนูญเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2501 ฝ่ายพม่าส่งกำลังทหารเข้ามาแทรกซึมเพื่อให้เกิดความแตกแยกในรัฐชาน เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2505 ฝ่ายรัฐชานพยายามเรียกร้องสิทธิให้เท่าเทียมกับพม่าในสหภาพและเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่นายพลเนวี่นก่อรัฐประหารขึ้นเสียก่อนเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2508 และได้ประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญ จับผู้นำชนกลุ่มน้อยเข้าที่คุมขัง สิทธิในการถอนตัวจึงถูกระงับไปโดยปริยาย[]
อ้างอิง
- พรพิมล ตรีโชติ. ชนกลุ่มน้อยกับรัฐบาลพม่า. กทม. สำนักงานกองทุนสนับสนุนงานวิจัย. 2542. หน้า 252-253
- อัคนี มูลเมฆ. รัฐชาน:ประวัติศาสตร์และการปฏิวัติ.มติชน. 2548
แหล่งข้อมูลอื่น
- ความตกลงปางหลวงภาคภาษาอังกฤษ 2007-08-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน(อังกฤษ)
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniyngtxngkarephimaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxngkhunsamarthphthnabthkhwamniidodyephimaehlngxangxingtamsmkhwr enuxhathikhadaehlngxangxingxacthuklbxxk haaehlngkhxmul khwamtklngpanghlwng khaw hnngsuxphimph hnngsux skxlar JSTOR eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir khwamtklngpanghlwng xngkvs Panglong Agreement phma ပင လ စ ခ ပ epnkhwamtklngrahwangphma ithihy chin aelakachin thiepnphlsubenuxngmacakhlngsngkhramolkkhrngthi 2 ephuxcdtngshphaphphmaphayhlngidrbexkrachcakxngkvs xyangirktam khwamtklngniimbrrluphlephraaphmaimptibtitamkhwamtklngpanghlwngchbbphasaxngkvskxnkarlngnamkarprachumpanghlwngkhrngthi 1 emuxfaysmphnthmitryudrthchan shrthithyedim khuncakithyaelw idmikarprachumephuxtdsinchatakrrmkhxngchatitnexngeriykwakarprachumpanghlwngcdkhunthiinrthchanemuxwnthi 20 28 minakhm ph s 2489 karprachumkhrngnifayxngkvssngnaystiewnsn ikhr ekharwm twaethnfayphmaidaek xunu xu baekiyn man bakhin xusxw karprachumkhrngniphmaeriykrxngihrthchanrwmkbphmaephuxeriykrxngexkrachcakxngkvs txngkarxangxing karprachumpanghlwngkhrngthi 2 hlngcakkarprachumpanghlwngkhrngaerk phmaidthakbxngkvsephuxrwmxananikhmkhxngxngkvsthnghmdekhakbshphaphphmafayrthchancungcdkarprachumpanghlwngrahwang 3 12 kumphaphnth ph s 2490 ephuxptiesthkarekharwmtwkbphma twaethnfaykachinekharwmprachumkbithihyemux 5 kumphaphnth aelatwaethncakrthchinekharwmemuxwnthi 7 kumphaphnth aelatklngcdtngephuxtxrxngkbfayphma twaethnfayphmanaodyxxngsanphrxmkbtwaethnfayrthbalxngkvsekharwmprachumemux 10 kumphaphnth ephuxecrcakbtwaethnsphasungsudaehngprachachnchawekhacnepnthimakhxngkarlngnaminsnthisyyapanghlwngemuxwnthi 12 kumphaphnth inthisud txngkarxangxing khnakrrmkarthilngnaminkhwamtklngpanghlwng khnakrrmkarthiekharwmprachumaelalngnaminkhwamtklngpanghlwng faytang idaek fayithihy prakxbdwy khunpanciw ecakhatuk ecahmfa ecahnum ecacamthun ecathunex lungphiw khunphng xutinex lungcapu xuthunmin lungkhunsx ecaehyiybfa lungkhunthi fayphmaidaek xxngsan faykachin idaek sama duhwa sinhwahnx ecahrib din rataw ecahla ecahlwn labngkrxng faychin idaek xuehlxmung phalm xutxng cakhb titim xuaekngmng hkkasarasakhykhxngkhwamtklngtwaethnkhxngchawekha caidrbkaraetngtng epnthipruksakhahlwngekiywkbphunthikhxngrthchayaedn smachiksphasungsudaehngprachachnchawekha txngthanganrwmkbkhnakrrmkarbriharechphaadan thiekiywkbkarpxngknpraethsaelakickartangpraeths thipruksakhahlwngaelaphuchwythipruksa mihnathirbphidchxbdinaednkhxngtnexng kahndraylaexiydinkartngrthkachin prachakrinrthchayaednmisiththiethakbprachakrinpraethsprachathipityxun kardaeninngantamsnthisyyatxngimlaemidsiththithangkarkhlngkhxngrthchan rthchin aelarthkachin txngkarxangxing karrangrththrrmnuyaelasiththithxntwspharangrththrrmnuyerimprachumthiyangkungrahwangwnthi 10 mithunayn 24 knyayn ph s 2490 twaethncakrthtang aesdngkhwamtxngkarihcdtngshphnthrthxyangaethcring aetrahwangkarrangrththrrmnuykhrngni mimuxpunbukekhamayingxxngsanaelathipruksakhnxunesiychiwit emuxwnthi 19 krkdakhm ph s 2490 thaihkarrangrththrrmnuyepliynthisthangip txngkarxangxing emuxxxngsanesiychiwit xunukhunmaepnphunaaethn siththiinkarthxntwidthukbrrcuiwinrththrrmnuytamsnthisyyaephuxldaerngkddncakklumrthchayaedn odyrabuenguxnikhdngni txngphanip 10 picungthxntwid txngidesiyng 2 in 3 khxngsphaaehngrth phunakhxngrthtxngaecngihphunakhxngshphaphthrabephuxdaeninkarlngprachamti inkhnathirangrththrrmnuymiephiyngrthchankbrthkayaethannthimisiththithxntw rthkachinkbrthkaehriyngptiesthkarekharwmaetaerk swnrthchinthukkahndihepnekhtpkkhrxngphiesscungimmisthanaepnrthtamrththrrmnuyni txngkarxangxing phlthiekidkhunkxnthirthchancaichsiththithxntwtamthikahndinrththrrmnuyemuxeduxnmkrakhm ph s 2501 fayphmasngkalngthharekhamaaethrksumephuxihekidkhwamaetkaeykinrthchan eduxnkumphaphnth ph s 2505 fayrthchanphyayameriykrxngsiththiihethaethiymkbphmainshphaphaelaesnxihaekikhrththrrmnuy aetnayphlenwinkxrthpraharkhunesiykxnemuxwnthi 2 mithunayn ph s 2508 aelaidprakasykelikrththrrmnuy cbphunachnklumnxyekhathikhumkhng siththiinkarthxntwcungthukrangbipodypriyay txngkarxangxing xangxingphrphiml triochti chnklumnxykbrthbalphma kthm sankngankxngthunsnbsnunnganwicy 2542 hna 252 253 xkhni mulemkh rthchan prawtisastraelakarptiwti mtichn 2548aehlngkhxmulxunkhwamtklngpanghlwngphakhphasaxngkvs 2007 08 05 thi ewyaebkaemchchin xngkvs