บทความนี้ต้องการการจัดหน้า หรือ ให้ คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้เพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
วัดศรีชมภูองค์ตื้อ เป็นวัดสังกัดมหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ 1 หมู่ 8 บ้านน้ำโมง ตำบลน้ำโมง อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย มีที่ดินที่ตั้งวัด เนื้อที่ 11 ไร่ 2 งาน 14 ตารางวา โฉนดเลขที่ 1212 มีอาณาเขตดังนี้
- ทิศเหนือ ประมาณ 220 เมตร จดที่มีการครอบครอง
- ทิศตะวันออก ประมาณ 140 เมตร จดลำห้วยโมง
- ทิศใต้ ประมาณ 270 เมตร จดถนนสาธารณประโยชน์
- ทิศตะวันตกประมาณ 121 เมตร จดถนนสาธารณประโยชน์
วัดศรีชมภูองค์ตื้อ | |
---|---|
ที่ตั้ง | อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย |
ประเภท | วัดราษฎร์ |
นิกาย | มหานิกาย |
ส่วนหนึ่งของ |
วัดศรีชมภูองค์ตื้อได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2105 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2105 มีเขตวิสุงคามสีมา ขนาดกว้าง 7 เมตร ยาว 13 เมตรโบราณวัตถุในวัดที่สามารถพบได้ในปัจจุบันมีดังต่อไปนี้
- 1) หลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ
- 2) พระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปศิลปะสมัยล้านช้าง
- 3) เจดีย์หางนกยูง 2 เจดีย์
- 4) เจดีย์ดอกบัว 1 เจดีย์
- 5) หลักศิลาจารึกบันทึกเป็นอักษรขอม ในอดีตมี 11 หลัก ปัจจุบันเหลือ 4 หลัก
ประวัติหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ
พระพุทธรูปองค์นี้ได้ก่อสร้างมาแต่ดึกดำบรรพ์มีพระรูปงดงามน่าเลื่อมใส สร้างในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชครองเมืองเวียงจันทร์ พระสงฆ์ในวัดศรีชมภูองค์ตื้อได้ประชุมปรึกษาหารือกัน ลงมติจะหล่อพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นในบ้านน้ำโมง (เดิมเรียกว่าบ้านน้ำโหม่ง) เพื่อเป็นที่เคารพสักการะแก่อนุชนรุ่นหลังต่อ ๆ มา เมื่อตกลงกันแล้วจึงได้ชักชวนบรรดาพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย เพื่อเรี่ยไรทองเหลืองบ้าง ทองแดงบ้าง ตามแต่ผู้ที่มีจิตศรัทธาจากท้องที่อำเภอและจังหวัดใกล้เคียง ได้ทองหนักตื้อหนึ่ง (มาตราโบราณภาคอีสานถือว่า 100 ชั่งเป็นหมื่น 10 หมื่นเป็นแสน 10 แสนเป็นล้าน 10 ล้านเป็นโกฏิ 10 โกฏิเป็นหนึ่งกือ 10 กือเป็นหนึ่งตื้อ)
พระสงฆ์และชาวบ้านจึงพร้อมกันหล่อ เป็นส่วน ๆ ในวันสุดท้ายเป็นวันหล่อตอนพระเกศ ในตอนเช้าได้ยกเบ้าเทแล้วแต่ไม่ติด เมื่อเอาเบ้าเข้าเตาใหม่ ทองยังไม่ละลายดีก็พอดีเป็นเวลาจวนพระจะฉันเพล พระทั้งหมดจึงทิ้งเบ้าเข้าเตาหรือทิ้งเบ้าไว้ในเตาแล้วก็ขึ้นไปฉันเพลบนกุฏิฉันเพลเสร็จแล้วลงมาหมายจะเทเบ้าที่ค้างไว้กลับปรากฏเป็นว่ามีผู้เทติด และตอนพระเกศสวยงามกว่าที่ตอนจะเป็น เป็นอัศจรรย์สืบถามได้ความว่า (มีชายผู้หนึ่งนุ่งห่มผ้าขาวมายกเบ้านั้นเทจนสำเร็จ) แต่ด้วยเหตุที่เบ้านั้นร้อนเมื่อเทเสร็จแล้ว ชายผู้นั้นจึงวิ่งไปทางเหนือบ้านน้ำโมงมีผู้เห็นยืนโลเลอยู่ริมหนองน้ำแห่งหนึ่งแล้วหายไป (หนองน้ำนั้นภายหลังชาวบ้านเรียกว่าหนองโลเลมาจนถึงปัจจุบันนี้ และชายผู้นั้นก็เข้าใจกันว่าเป็นเทวดามาช่วยสร้าง)
เมื่อได้นำพระพุทธรูปที่หล่อแล้วมาประดิษฐานไว้ในวัด มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่แห่งเมืองเวียงจันทร์มาเที่ยวบ้านน้ำโมงสองท่านชื่อว่า ท่านหมื่นจันทร์ กับ ท่านหมื่นราม ทั้งสองท่านนี้ได้เห็นพระเจ้าองค์ตื้อก็เกิดศรัทธาเลื่อมใสที่จะช่วยเหลือ จึงได้ช่วยกันก่อฐาน และทำราวเป็นการส่งเสริมศรัทธาของผู้สร้าง ครั้นเมื่อขุนนางทั้งสองได้กลับถึงเมืองเวียงจันทร์แล้ว ได้กราบทูลพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชซึ่งครองเมืองเวียงจันทร์ในเวลานั้นพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้เสด็จมาทอดพระเนตรก็ทรงเกิดศรัทธาจึงได้สร้างวิหารประดิษฐานกับแบ่งปันเขตแดนให้เป็นเขตข้าทาสบริวารของพระเจ้าองค์ตื้อดังนี้
- 1 . ทางตะวันออกถึงบ้านมะก่องเชียงขวา( ทางฝั่งซ้ายตรงข้ามอำเภอโพนพิสัย )
- 2. ทางตะวันตกถึงบ้านหวากเมืองโสม ( อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี)
- 3. ทางทิศใต้ถึงบ้านบ่อเอือดหรือบ่ออาด ( อยู่ในอำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี)
- 4. ทางเหนือไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน คาดว่าน่าจะเป็น บ้านพานพร้าว อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย และเมือง “กินายโม้” ส.ป.ป.ลาว ในปัจจุบัน
พลเมืองที่อยู่ในเขตข้าทาสของพระเจ้าองค์ตื้อตั้งแต่เดิมมาต้องเสียส่วยสาอากรให้แก่ทางราชการ แต่เมื่อตกเป็นข้าทาสของพระเจ้าองค์ตื้อ โดยผู้ใดประกอบอาชีพทางใดก็ให้นำสิ่งนั้นมาเสียส่วยให้แก่วัดศรีชมพูองค์ตื้อทั้งสิ้นเช่น ผู้ใดเป็นช่างเหล็กก็ให้นำเครื่องเหล็กมาเสีย ผู้ใดทำนาก็ให้นำข้าวมาเสีย ผู้ใดทำนาเกลือก็ให้เอาเกลือมาเสียทางวัดก็มีพนักงานคอยเก็บรักษาและจำหน่ายประจำเสมอ ที่ด้านหน้าของพระวิหารมีตัวหนังสือไทยน้อยหรือหนังสือลาวเดี๋ยวนี้อยู่ด้วย แต่เวลานี้เก่าและลบเลือนมากอ่านไม่ได้ความติดต่อกัน พระเจ้าองค์ตื้อเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ฝีมือช่างฝ่ายเหนือและล้านช้างผสมกัน นับเป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะงดงามมาก เป็นพระประธานซึ่งสร้างด้วยทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนั่งขัดสมาธิปางมารวิชัยหน้าตักกว้าง 3 เมตร 29 เชนติเมตร สูง 4 เมตร ประดิษฐานอยู่ที่วัดศรีชมภู องค์ตื้อ ตำบลน้ำโมง อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีประชาชนทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง เคารพนับถือมาก
ประวัติในหินศิลาจารึกเรื่องหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ
- 1. สร้างเมื่อพุทธศักราช 105 พระวรรษา
- 2. พระชัยเชษฐาเป็นลูกเขยพระยาศรีสุวรรณ ภรรยาของพระชัยเชษฐาคือ พระนางศรีสมโพธิ มีลูก 4 คน เป็นชาย 3 คน เป็นหญิง 1 คน
- 3. พระชัยเชษฐา เกิดที่เมืองเวียงคุก ภรรยาเกิดที่เมืองจำปา ( บ. น้ำโมง ) ในปัจจุบันนี้
- 4. นามวัด โกศีล สร้างได้ 1ปี 3 เดือน สมภาร ชื่อ พระครูอินทราธิราช อายุ 34 ปี พรรษา 15 มีพระอยู่ด้วย 12 รูป สามเณร 5 รูป
- 5. ทางวัดโกศีล ทางยาว 1 เส้น 5 วา กว้าง 1 เส้น 10 วา
- 6. วัดโกศีล เป็นวัดที่สำคัญมากกงจักรเกิดที่วัดนี้ พระชัยเชษฐาจึงเลื่อมใสจึงชักชวนคณะที่มีศรัทธารวม 8 คน สร้างพระพุทธรูปใหญ่หน้าตัก กว้าง3 เมตร สูง 4 เมตร รายนามบุคคลทั้ง8 คือ
พระชัยเชษฐา ท้าวอินทราธิราราช ท้าวเสนากัสสะปะ ท้าวอินทร ท้าวเศษสุวรรณ ท้าวพระยาศรี ท้าวดามแดงทิพย์ ท้าวอินสรไกรยสิทธิ์ รวมเป็นคน 12 ภาษาที่มาร่วมกันสร้าง พระชัยเชษฐาเป็นคนหล่อ
- 7. พระชัยเชษฐาจึงป่าวร้องบริวาร 500 คนมาช่วยหล่อ เป็นทองเหลือง เงิน และคำผสมกันน้ำหนักได้หนึ่งตื้อ ทำพิธีหล่อเท่าไรก็ไม่สำเร็จ ต่อเมื่อพระอินทร์และเทพยุดา 108 องค์มาช่วยหล่อจึงสำเร็จ
- 8. วัดโกศีล ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง สร้างอยู่ 7 ปี 7 เดือน จึงสำเร็จเป็นหลวงพ่อองค์ตื้อ
- 9. เมื่อหล่อแล้ว มีอภินิหารเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถึง 100 อย่าง
- 10. พระพุทธรูปองค์นี้สิ้นเงิน 105,000 ชั่ง
- 11. บ้านที่ขึ้นเป็นบริวารมี 13 บ้านคือ เมืองเวียงคุก กองนาง กำพร้า จินายโม้ ปากโค พรานพร้าว ศรีเชียงใหม่หนองคุ้งยางคำ หนองแซงศรี สามขา ท่าบ่อ พร้าว บ่อโอทะนา
การดำเนินงานในวัดศรีชมภูองค์ตื้อ
งานด้านสาธารณูปการ วัดศรีชมภูองค์ตื้อ ได้บูรณะ ซ่อมแซม ก่อสร้าง เสนาสนะ ถาวัตถุต่าง ๆ มากมาย อาทิเช่น วิหารประดิษฐานหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ ศาลาการเปรียญพระครูสังวรกัลยาณวัตร หอพระไตรปิฎก ศาลาเอนกประสงค์ ศาลากองอำนวยการ ห้องน้ำพระภิกษุสงฆ์ กุฏิสงฆ์ ศาลาเอนกประสงค์ริมแม่น้ำโมง เป็นต้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการเป็นศูนย์อุทยานแหล่งเรียนรู้ท้องถิ่น และเป็นแหล่งสร้างบุญกุศลในทางพระพุทธศาสนา
การบริหารการปกครอง วัดศรีชมภูองค์ตื้อ มีการบริหารปกครองเป็นแบบสังฆสภา ประชาธิปไตย โดยยึดหลักธรรมาธิปไตย มีคณะกรรมการบริหาร จัดการ ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อยังศรัทธาให้เกิดแก่อุบาสกอุบาสิกา พุทธศาสนิกชนทั่วไป ทั้งใกล้และไกล ซึ่งมีพระภิกษุจำพรรษา ไม่ต่ำกว่า 15 รูป สามเณรไม่ต่ำกว่า 17 รูป ทุกปี
การศาสนศึกษา วัดศรีชมภูองค์ตื้อ แหล่งการศึกษาของพระภิกษุสามเณร รวมทั้งพุทธศาสนิกชนผู้สนใจทั่วไป เยาวชนนักเรียนนักศึกษา สามารถเข้ามาศึกษาหาความรู้จากวัดได้ทุกโอกาส ซึ่งได้เน้นศาสนศึกษาหลัก ๆ สำหรับพระภิกษุสามเณร คือ การศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลี (ประโยค 1-2, 3, 4,) การศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรม และการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมศึกษาสำหรับเยาวชนทั้งหลาย ซึ่งเป็นการปลูกฝังพุทธธรรม คุณธรรมจริยธรรมในจิตใจของเยาวชนของชาติ
การเผยแผ่พระพุทธศาสนา วัดศรีชมภูองค์ตื้อ ได้ทำการเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยวิธีการต่าง ๆ อาทิเช่น โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน โครงการอบรมค่ายพุทธธรรม โครงการอบรมคุณธรรมจริยธรรมต่อต้านยาเสพติด โครงการปฏิบัติธรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา วันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ จัดแสดงธรรมในวันธัมมัสสวนะ จัดโครงการปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ สนับสนุนโครงการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ให้กับคณะสงฆ์ หน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา และหน่วยงานเอกชนทั่วไป จัดส่งพระวิทยากรดำเนินการอบรม ให้กับหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา และหน่วยงานเอกชนทั่วไป อบรม/บรรยายธรรมแก่ชีพราหมณ์ผู้ถือศีลอุโบสถตลอดเทศกาลเข้าพรรษา จัดโครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ จัดพระวิทยากรสอนวิชาพระพุทธศาสนาในโรงเรียนในเขตอำเภอท่าบ่อและอำเภอใกล้เคียง
การสาธารณสงเคราะห์ วัดศรีชมภูองค์ตื้อ ได้ให้การสนับสนุนแก่สังคมต่าง ๆ ตามสมควรแก่ฐานะ อาทิเช่น บริจาคที่ดินให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ มอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนผู้เรียนดีแต่ยากจน บริจาควัสดุอุปกรณ์ทางการศึกษาแก่โรงเรียน บริจาคปัจจัยสมทุบทุนในการก่อสร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ บริจาคอุปกรณ์คอมพิเตอร์แก่หน่วยงานราชการหลายหน่วยงาน บริจาคช่วยผู้ประสบภัยธรรมชาติ เช่น อุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย เป็นต้น
ข้อวินิจฉัยในศิลาจารึก
ในหลักศิลาจารึกข้อที่ 1 ว่า สร้างเมื่อ พ.ศ. 105 นั้น ขัดต่อความเป็นจริง เพราะพระพุทธศาสนาเริ่มแพร่เข้ามาในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 300 ล่วงแล้วเลข พ.ศ. ข้างหน้าที่ลบเลือนนั้นคงจะเป็น พ.ศ. 2150 เพราะในระหว่าง พ.ศ. 2105 อยู่ในระยะรัชสมัยของพระไชยเชษฐาแห่งเมืองเวียงจันทร์ ซึ่งเป็นระยะไล่เลี่ยกันกับที่พระไชยเชษฐา ได้ร่วมกับกรุงศรีอยุธยาสร้างเจดีย์ ศรีสองรักษ์ขึ้นที่อำเภอด้านซ้าย ในจังหวัดเลย ปัจจุบันนี้ก็ยังคงอยู่พอจะอนุมานได้ว่า ผู้สร้างวัดศรีชมภูองค์ตื้อ คงเป็นพระเจ้าชัยเชษฐาแน่
ในศิลาจารึกข้อที่ 2 ที่ว่าพระชัยเชษฐาเป็นลูกพระยาศรีสุวรรณนั้น ขัดกับพระราชพงศาวดาร เพราะพระชัยเชษฐาธิราช ซึ่งเป็นเจ้าผู้ครองเวียงจันทร์นั้น เป็นบุตรพระยาโพธิสาร ดังแจ้งในพงศาวดาว่าพระยามหาพรหมราช เจ้าเมืองเชียงใหม่ถึงแก่พิลาลัยเมื่อ พ.ศ. 2082 พระโอรสทรงนามว่า เจ้าทรายดำ ได้ครองเชียงใหม่อยู่ 3ปีก็ทิวงคต ไม่มีโอรสราชนัดดา สืบสันติวงศ์ เสนาบดีเมืองเชียงใหม่ลงไปเฝ้าพระเจ้าล้านช้าง พระเจ้าล้านช้างพร้อมเจ้าเชษฐาวงศ์ ไปเยี่ยมพระศพถึงเชียงใหม่ และต่อมาในปี พ.ศ. 2091 เสนาพฤฒามาตย์พร้อมกันยกราชสมบัติให้เจ้าเชษฐวงศ์เป็นเจ้าเชียงใหม่ ทรงพระนามว่าพระชัยเชษฐาธิราช พระยาโพธิสารเสด็จกลับหลวงพระบางได้ 2 ปี ก็ทิวงคตในปี พ.ศ. 2093 พระชัยเชษฐษธิราชจึงกลับไปครองนครล้านช้าง (จากหนังสือฝั่งขวาแม่น้ำโขง) ข้อนี้ไม่มีหลักฐาน พระยาศรีสุวรรณกัลป์พระยาโพธิสารอาจเป็นคน ๆ เดียวกันก็ได้
ในศิลาจารึกข้อที่ 3 ว่า พระชัยเชษฐาเกิดที่เมืองเวียงคุก ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะพระยาโพธิสารธรรมมิกราชบิดาครองราชย์สมบัติอยู่ที่นครล้านช้าง หลวงพระบาง พระชัยเชษฐาต้องเกิดที่ล้านช้าง ส่วนเวียงคุกนั้นมาเจริญรุ่งเรืองขึ้นทีหลัง เมื่อพระเจ้าชัยเชษฐาได้ขึ้นครองราชย์สมบัติที่เวียงจันทน์แล้ว แล้วที่ว่าภรรยาเกิดที่เมืองจำปาน้ำโมงนั้นไกลความจริงมาก เพราะพระอัครมเหสีของพระเจ้าชัยเชษฐเป็นธิดาพระเจ้าเชียงใหม่ หรือว่าจะเป็นภรรยาน้อย ข้อนี้ไม่มีหลักฐานยืนยัน
ในศิลาจารึกข้อ 4 ชื่อวัดว่า “วัดโกศีล”นั้นน่าจะเป็นโกสีย์มากกว่า แต่ปัจจุบันนี้ ชื่อวัดศรีชมภูองค์ตื้อ
ในศิลาจารึกข้อ 5 เขตวัดทางยาวและทางกว้างแคบกว่าที่กล่าวไว้ในศิลาจารึก ทั้งนี้เข้าใจว่า ทางหน้าวัดน้ำเซาะทางทิศเหนือและทิศใต้ให้แคบลง (เมื่อปี พ.ศ. 2489) ได้ตรวจสอบวัดดูปรากฏว่า แคบไม่ตรงกับศิลาจารึกแต่ปัจจุบันนี้ทางวัดได้ซื้อขยายออกไปมากแล้วทางด้านทิศเหนือและทิศตะวันตก
ในศิลาจารึกข้อ 6 ว่า กงจักรเกิดขึ้นนั้น คงมีรูปกงจักรอันเป็นรูปธรรมจักร ซึ่งมีตามวัดเก่า ในสมัยก่อน แต่ปัจจุบันนี้หาดูไม่ได้แล้ว
ในศิลาจารึกข้อ 7 พระชัยเชษฐามีบริวารถึง 500 นี้ ต้องเป็นที่เชื่อได้ว่าเป็นพระชัยเชษฐาผู้ครองนครเวียงจันทน์แน่ การนับน้ำหนักและจำนวนในสมัยก่อนนั้น เขานับ สิบ-ร้อย-พัน-หมื่น-แสน-ล้าน-โกฏิ-ตื้อ แต่ถ้าหมายถึงจำนวน ก็เติมอะสงไขยเข้าไปอีกเป็นอันดับสุดท้าย เพราะฉะนั้น คำว่า ตื้อ จึงเป็นน้ำหนักที่มากที่สุดแล้ว การสร้างพระมานานถึง 7 ปี 7 เดือน เห็นจะรวมน้ำหนักที่แน่นอนไม่ได้ พระก็องค์ใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น สร้างก็ยาก หมดเปลืองก็มาก เพื่อให้สมกับความยากลำบากจึงกำหนดเอาว่า สร้างด้วยทองหนัก 1 ตื้อ ซึ่งความจริงสมัยนั้นจนถึงสมัยนี้ก็ไม่มีใครรู้จริง ๆ ว่า โกฏิและตื้อนั้นมีค่าเท่าใดกันแน่ คงนับกันไปอย่างนั้นเอง การหล่อพระศักดิ์สิทธิ์ มักจะเป็นพระอินทร์หรือตาปะขาวมาช่วยจึงสำเร็จ ทั้งนี้เพราะเหตุผล 2 ประการ คือ ประการแรกต้องการจะให้คนนับถือ ประการที่สองสมัยนั้น คนดีมีวิชาอยู่ไม่ค่อยได้ เพราะจะถูกรังแก จึงแกล้งปกปิดไว้ว่า เป็นเทวดามาหล่อ
ในศิลาจารึกข้อ 8 ว่า วัดโกศีลตั้งอยู่ริมน้ำโขงนั้น เป็นความจริง เพราะตามธรรมดาแม่น้ำย่อมคดเคี้ยว และเกิดมีคุ้งน้ำขึ้น น้ำโขงซึ่งกว้างราว 1 กม.เศษ ไหลผ่านศรีเชียงใหม่ พุ่งไปปะทะ ตอนใต้นครเวียงจันทน์ จินายโม่และบ่อโอทะนา เมื่อปะทะฝั่งลาวแล้ว กระแสน้ำก็กลับพุ่งมาปะทะฝั่งไทยตอนใต้ท่าบ่อ กระแสน้ำจะไหลปะทะสลับฝั่งกันเช่นนี้เรื่อยไป เมื่อถึงหน้าน้ำราว ๆ เดอน 7-9 น้ำจะเต็มฝั่งหรือล้นฝั่ง กระแสน้ำในแม่น้ำโขงจะไหลเชี่ยวเร็วประมาณ 15.20 กม. ทีเดียวฝั่งที่ถูกปะทะก็จะพัง ฝั่งตรงข้ามตอนใต้คุ้งน้ำ น้ำจะไหลค่อยและวน ดินจะตกตะกอนเมื่อน้ำลดก็จะเกิดเป็นดินงอกทุกปี วัดน้ำโมงก็เช่นเดียวกัน เดิมตั้งอยู่ริมโขงจริง แต่อยู่ใต้คุ้งน้ำตรงข้ามกับจินายโม่และบ่อโอทะนา ดินหน้าวัดจึงงอกออกเรื่อยมาเราจึงเห็นกันว่า วัดน้ำโมงจะอยู่ห่างจากตลิ่งแม่โขงไปทุกทีอย่างเช่นทุกวันนี้
ในศิลาจารึกข้อ 9 เมื่อหล่อแล้วมีอภินิหารเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถึง 100 อย่างนั้น ในข้อนี้ ความเชื่อถือของชาวเมืองเชื่อมั่นว่า มีผีหรือเทวดารักษา คนนับถือมาก บางคนเจ็บไข้ได้ป่วยไปขอน้ำมนต์มากินก็หายได้ คนไม่มีลูกไปขอก็มีได้ อะไรต่อมิอะไรร้อยแปดมากกว่า 100 อย่างเสียอีก
ในศิลาจารึกข้อ 10 ว่า การสร้างสิ้นเงินไปถึง 105,000 ชั่ง แต่ถ้าจะคิดถึงค่าราคาแห่งพระพุทธรูปงามองค์นี้ ในปัจจุบันแล้วมีค่าเหลือที่จะคณานับได้ เมื่อผู้ใดเข้าไปใกล้เฉพาะพระพักตร์แล้ว จะหายทุกข์โศกทันที พระพักตร์อมยิ้มนิด ๆ พระเนตรลืมสนิท พระนลาฏกว้างพระร่างอูม ส่วนพระกายนั่งตรงได้ส่วนสัด ประทับอยู่ในท่าสงบ ผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ทำให้ผู้ได้พบเห็นองค์พระองค์ตื้อ เกิดมโนภาพคล้าย ๆ เข้าไปนั่งอยู่เฉพาะพระพักตร์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้เกิดความปีติและมีศรัทธาขึ้นทันที อันเป็นธรรมาภินิหารเกิดขึ้นแก่ผู้ที่ได้พลเห็น ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีค่ายิ่งกว่าสมบัติใด ๆ ที่ท่านโบราณาจารย์วางราคาไว้ถึง 105,000 ชั่ง ข้าพเจ้าคิดว่ายังถูกไป
ในศิลาจารึกข้อ 11 นั้น แสดงให้เห็นว่า เป็นวัดซึ่งพระเจ้าชัยเชษฐาเป็นผู้สร้างแน่ เพราะมีบริวารถึง 13 บ้าน วัดที่จะมีบริวารได้ต้องเป็นวัดหลวง ชาวบ้านเหล่านั้นต้องส่งส่วยแก่วัดโดยไม่ต้องกระทำกิจใด ๆ แก่ทางราชการ คงเป็นแต่ข้าของพระองค์ตื้อ เช่นเดียวกับข้าพระธาตุพนม ซึ่งยังคงถือเป็นประเพณีมาจนทุกวันนี้ ในวันเทศกาลนมัสการพระองค์ตื้อ ชาวบ้านที่เป็นข้าจะต้องนำเครื่องมาสักการบูชา ถ้ามิฉะนั้น ผีหรือเทวดาผู้รักษาจะลงโทษ
ความสำคัญทางประวัติศาสตร์และสังคม
ในอดีตพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชกษัตริย์ล้านช้างผู้สร้างพระเจ้าองค์ตื้อพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ทรงสถาปนาและทำนุบำรุงปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่าง ๆ มากมาย พุทธศิลป์ในยุคนี้ได้รับอิทธิพลจากล้านนามาก รวมทั้งพระเจ้าองค์ตื้อ พระพุทธรูปทองสำริดขนาดใหญ่ที่วัดองค์ตื้อ นครเวียงจันทน์ และวัดศรีชมภูองค์ตื้อ บ้านน้ำโมง อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
สิทธิพร ณ นครพนม อธิบายไว้ในเอกสารประกอบการสัมมนาพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ท้องถิ่น จังหวัดหนองคายว่า “พระเจ้าองค์ตื้อ” พระพุทธรูปขนาดใหญ่หนัก 1 ตื้อ (ประมาณ 12,000 กิโลกรัม ตื้อเป็นมาตรวัดของคนล้านนา) ศิลปะล้านนา สร้างเมื่อพ.ศ. 2105 เชื่อกันว่า เป็นพระพุทธรูปฉลองพระองค์ของพระนางยอดคำทิพย์ พระบรมราชชนนีของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ทั้งกำหนดเป็นพระราชพิธีที่กษัตริย์เวียงจันทน์ต้องเสด็จมานมัสการ พระเจ้าองค์ตื้อทุกเดือน 4 เสด็จพร้อมขบวนช้าง ม้า มาสักการะจากวัดท่าคกเรือ อำเภอท่าบ่อถึงวัดพระเจ้าองค์ตื้อ เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ถนนนี้จึงมีชื่อว่า “จรดลสวรรค์” มาจนถึงปัจจุบัน
เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2520 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรชายาทินัดดามาศ เสด็จเป็นองค์ประธานยกช่อฟ้าขึ้นสู่วิหารประดิษฐานหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ พร้อมทั้งได้อัญเชิญพระนามาภิไธยย่อ (ม.ว.ก.) ขึ้นประดิษฐานที่หน้าบรรณของวิหารหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ และได้ทรงมอบพระนามาภิไธยของทั้งสองพระองค์จารึกลงในแผ่นศิลาหินอ่อนไว้ด้านหน้าของตัววิหารหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อด้วย
มีสิ่งปลูกสร้างอยู่ในบริเวณวัด
- 1. อุโบสถ สร้างด้วยก่ออิฐโบกปูน ค่าก่อสร้างประมาณ 10,000,000 บาท (สิบล้านบาทถ้วน)
- 2. วิหารประดิษฐานหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ จำนวน 1 หลัง ทำลายหน้าบรรณ ติดกระจก พร้อมตาข่ายกันนก สร้างด้วยก่ออิฐโบกปูน ค่าก่อสร้างประมาณ 30,000,000 บาท
(สามสิบล้านบาทถ้วน)
- 3. ศาลาการเปรียญ จำนวน 1 หลัง 2 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลังค่าก่อสร้างประมาณ 15,000,000 บาท (สิบห้าล้านบาทถ้วน)
- 4. กุฏิ จำนวน 7 หลัง 2 ชั้น สร้างด้วยไม้ ก่ออิฐโบกปูน ค่าก่อสร้างประมาณ 13,000,000 บาท (สิบสามล้านบาทถ้วน)
- 5. ศาลาเอนกประสงค์ สร้างด้วยก่ออิฐโบกปูน ค่าก่อสร้างประมาณ 500,000 บาท
(ห้าแสนบาทถ้วน)
- 6. ศาลากองอำนวยการ สร้างด้วยก่ออิฐโบกปูน ค่าก่อสร้างประมาณ 1,000,000 บาท
(หนึ่งล้านบาทถ้วน)
- 7. หอพระไตรปิฎก 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุประจำหมู่บ้าน สร้างด้วยก่ออิฐโบกปูน ค่าก่อสร้างประมาณ 5,200,000 บาท (ห้าล้านสองแสนบาทถ้วน)
- 8. ศาลาริมน้ำ (ประรำพิธี) สร้างด้วยเหล็ก 2 ตอน กว้าง 10 เมตร ยาว 100 เมตร ค่าก่อสร้างประมาณ 2,000,000 บาท (สองล้านบาทถ้วน)9. ถังน้ำประปา จำนวน 1 ชุด สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก สูง 30 เมตร บรรจุน้ำได้ 50,000 ลิตร มูลค่าการก่อสร้าง 300,000 บาท (สามแสนบาทถ้วน) ห้องน้ำ จำนวน 4 หลัง 30 ห้อง สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก
มูลค่าการก่อสร้าง 853,000 บาท (แปดแสนห้าหมื่นสามพันบาทถ้วน)
- 9. ซุ้มประตู จำนวน 1 ซุ้ม สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดกว้าง 5 เมตร สูง 12 เมตร มูลค่าการก่อสร้าง 900,000 บาท (เก้าแสนบาทถ้วน)
- 10. ป้อมตำรวจ รักษาความปลอดภัยภายในวัด และอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว มีห้องน้ำในตัว มูลค่าก่อสร้าง 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน)
ปัจจุบันวัดศรีชมภูองค์ตื้อกำลังพัฒนาถาวรวัตถุดังต่อไปนี้
ตอกเสาเข็ม เทคานยึดหน้าดิน สร้างที่กั้นริมตลิ่งแม่น้ำโมง สร้างระเบียงริมแม่น้ำโมง ก่ออิฐโบกปูน ปูพื้นด้วยกระเบื้อง กว้าง 3 เมตร ยาว 300 เมตร ค่าก่อสร้างประมาณ 3,000,000 บาท (สามล้านบาทถ้วน)
มีประชาชนบำรุงวัด ประมาณ 100,000 - 200,000 คน และในวัดธรรมสวนะวันอุโบสถ มีประชาชนมาประกอบศาสนกิจเฉลี่ยนครั้งละ ประมาณ 350-400 คน
กิจกรรมพิเศษในวันธรรมสวนะและวันสำคัญทางศาสนา
- 1 วันมาฆบูชา จัดให้มีการแสดงพระธรรมเทศนาแก่ประชาชนทั่วไป และครูอาจารย์นักเรียนโรงเรียนต่าง ๆ ในเขตอำเภอท่าบ่อ ประมาณโรงเรียนละ 500 คนไหว้พระบูชาพระรัตนตรัย สมาทานเบญจศีล บรรยายธรรม เวียนเทียนในตอนเย็น
- 2 วันเทศกาลนมัสการหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อประจำปี ระหว่างวันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 4 ถึง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ของทุกปี
- 3 วันเทศกาลตรุษสงกรานต์ประจำปี ระหว่างวันที่ 13 - 15 เมษายน ทุกปี
- 4 วันวิสาขบูชา จัดให้มีการแสดงพระธรรมเทศนาแก่ประชาชนทั่วไป และครูอาจารย์นักเรียนโรงเรียนต่าง ๆ ในเขตอำเภอท่าบ่อ ประมาณโรงเรียนละ 500 คน มีการไหว้พระบูชาพระรัตนตรัย สมาทานเบญจศีล บรรยายธรรม เวียนเทียนในตอนเย็น
- 5 วันอาสาฬหบูชา จัดให้มีการแสดงพระธรรมเทศนาแก่ประชาชนทั่วไป และครูอาจารย์นักเรียนโรงเรียนต่าง ๆ ในเขตอำเภอท่าบ่อ ประมาณโรงเรียนละ 500 คน มีการไหว้พระบูชาพระรัตนตรัย สมาทานเบญจศีล บรรยายธรรม เวียนเทียนในตอนเย็น
- 6 วันเข้าพรรษา จัดให้มีการทำบุญตักบาตรรอบวิหารหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ บรรยายธรรม มีประชาชนร่วมทำบุญบำเพ็ญกุศล ประมาณ 300 - 400 คน
- 7 วันออกพรรษา จัดให้มีการทำบุญตักบาตรกลางหมู่บ้าน บรรยายธรรม มีประชาชนร่วมทำบุญบำเพ็ญกุศล ประมาณ 300 - 400 คน
- 8 โครงการปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวามหาราช ระหว่าง 4 - 6 ธันวาคม ทุกปี จัดให้นักเรียนระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และประชาชนทั่วไป ร่วมบวชชีพราหมณ์ ปฏิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีกิจกรรมการทำวัตร ไหว้พระสวดมนต์ ฟังธรรมบรรยาย ปฏิบัติกรรมฐาน เดินจงกรม นั่งสมาธิ แยกฐานปฏิบัติเป็นกลุ่ม ๆ
- 9 วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ระหว่างวันที่ 31 - 1 มกราคม ทุกปี จัดให้มีการบำเพ็ญบุญกุศล ด้วยการเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตร ฟังธรรมบรรยาย ประชาชนร่วมงานปีละประมาณ 50,000 - 70,000 คน
อ้างอิง
- จารุวรรณ ธรรมวัตร. แลลอดพงศาวดารลาว. มหาสารคาม : สถาบันวิจัยศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม, [ม.ป.ป.].
- สงวน รอดบุญ, ผศ. พุทธศิลปลาว. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์การศาสนา, 2526. 214 หน้า.
- สิทธิพร ณ นครพนม. เอกสารจากการสัมมนาพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ท้องถิ่นหนองคาย. [ม.ป.ป.].
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnitxngkarkarcdhna cdhmwdhmu islingkphayin hruxekbkwadenuxha ihmikhunphaphdikhun khunsamarthprbprungaekikhbthkhwamniid aelanapayxxk phicarnaichpaykhxkhwamxunephuxchichdkhxbkphrxng wdsrichmphuxngkhtux epnwdsngkdmhanikay tngxyuelkhthi 1 hmu 8 bannaomng tablnaomng xaephxthabx cnghwdhnxngkhay mithidinthitngwd enuxthi 11 ir 2 ngan 14 tarangwa ochndelkhthi 1212 mixanaekhtdngnithisehnux praman 220 emtr cdthimikarkhrxbkhrxng thistawnxxk praman 140 emtr cdlahwyomng thisit praman 270 emtr cdthnnsatharnpraoychn thistawntkpraman 121 emtr cdthnnsatharnpraoychnwdsrichmphuxngkhtuxthitngxaephxthabx cnghwdhnxngkhaypraephthwdrasdrnikaymhanikayswnhnungkhxngsaranukrmphraphuththsasna wdsrichmphuxngkhtuxidthuksrangkhunemuxpi ph s 2105 idrbphrarachthanwisungkhamsima emux ph s 2105 miekhtwisungkhamsima khnadkwang 7 emtr yaw 13 emtrobranwtthuinwdthisamarthphbidinpccubnmidngtxipni 1 hlwngphxphraecaxngkhtux 2 phraphuththsihingkh phraphuththrupsilpasmylanchang 3 ecdiyhangnkyung 2 ecdiy 4 ecdiydxkbw 1 ecdiy 5 hlksilacarukbnthukepnxksrkhxm inxditmi 11 hlk pccubnehlux 4 hlkprawtihlwngphxphraecaxngkhtuxphraphuththrupxngkhniidkxsrangmaaetdukdabrrphmiphrarupngdngamnaeluxmis sranginsmyphraecaichyechsthathirachkhrxngemuxngewiyngcnthr phrasngkhinwdsrichmphuxngkhtuxidprachumpruksaharuxkn lngmticahlxphraphuththrupxngkhnikhuninbannaomng edimeriykwabannaohmng ephuxepnthiekharphskkaraaekxnuchnrunhlngtx ma emuxtklngknaelwcungidchkchwnbrrdaphuththsasnikchnthnghlay ephuxeriyirthxngehluxngbang thxngaedngbang tamaetphuthimicitsrththacakthxngthixaephxaelacnghwdiklekhiyng idthxnghnktuxhnung matraobranphakhxisanthuxwa 100 chngepnhmun 10 hmunepnaesn 10 aesnepnlan 10 lanepnokti 10 oktiepnhnungkux 10 kuxepnhnungtux phrasngkhaelachawbancungphrxmknhlx epnswn inwnsudthayepnwnhlxtxnphraeks intxnechaidykebaethaelwaetimtid emuxexaebaekhaetaihm thxngyngimlalaydikphxdiepnewlacwnphracachnephl phrathnghmdcungthingebaekhaetahruxthingebaiwinetaaelwkkhunipchnephlbnkutichnephlesrcaelwlngmahmaycaethebathikhangiwklbpraktepnwamiphuethtid aelatxnphraeksswyngamkwathitxncaepn epnxscrrysubthamidkhwamwa michayphuhnungnunghmphakhawmaykebannethcnsaerc aetdwyehtuthiebannrxnemuxethesrcaelw chayphunncungwingipthangehnuxbannaomngmiphuehnyunolelxyurimhnxngnaaehnghnungaelwhayip hnxngnannphayhlngchawbaneriykwahnxngolelmacnthungpccubnni aelachayphunnkekhaicknwaepnethwdamachwysrang emuxidnaphraphuththrupthihlxaelwmapradisthaniwinwd mikhunnangchnphuihyaehngemuxngewiyngcnthrmaethiywbannaomngsxngthanchuxwa thanhmuncnthr kb thanhmunram thngsxngthanniidehnphraecaxngkhtuxkekidsrththaeluxmisthicachwyehlux cungidchwyknkxthan aelatharawepnkarsngesrimsrththakhxngphusrang khrnemuxkhunnangthngsxngidklbthungemuxngewiyngcnthraelw idkrabthulphraecaichyechsthathirachsungkhrxngemuxngewiyngcnthrinewlannphraecaichyechsthathirachidesdcmathxdphraentrkthrngekidsrththacungidsrangwiharpradisthankbaebngpnekhtaednihepnekhtkhathasbriwarkhxngphraecaxngkhtuxdngni 1 thangtawnxxkthungbanmakxngechiyngkhwa thangfngsaytrngkhamxaephxophnphisy 2 thangtawntkthungbanhwakemuxngosm xaephxnaosm cnghwdxudrthani 3 thangthisitthungbanbxexuxdhruxbxxad xyuinxaephxephy cnghwdxudrthani 4 thangehnuximprakthlkthanchdecn khadwanacaepn banphanphraw xaephxsriechiyngihm cnghwdhnxngkhay aelaemuxng kinayom s p p law inpccubn phlemuxngthixyuinekhtkhathaskhxngphraecaxngkhtuxtngaetedimmatxngesiyswysaxakrihaekthangrachkar aetemuxtkepnkhathaskhxngphraecaxngkhtux odyphuidprakxbxachiphthangidkihnasingnnmaesiyswyihaekwdsrichmphuxngkhtuxthngsinechn phuidepnchangehlkkihnaekhruxngehlkmaesiy phuidthanakihnakhawmaesiy phuidthanaekluxkihexaekluxmaesiythangwdkmiphnkngankhxyekbrksaaelacahnaypracaesmx thidanhnakhxngphrawiharmitwhnngsuxithynxyhruxhnngsuxlawediywnixyudwy aetewlaniekaaelalbeluxnmakxanimidkhwamtidtxkn phraecaxngkhtuxepnphraphuththrupkhnadihyhlxdwythxngsmvththifimuxchangfayehnuxaelalanchangphsmkn nbepnphraphuththrupthimilksnangdngammak epnphraprathansungsrangdwythxngsmvththixngkhihythisudincnghwdnngkhdsmathipangmarwichyhnatkkwang 3 emtr 29 echntiemtr sung 4 emtr pradisthanxyuthiwdsrichmphu xngkhtux tablnaomng xaephxthabx cnghwdhnxngkhay epnphraphuththrupthiskdisiththithimiprachachnthngsxngfngaemnaokhng ekharphnbthuxmakprawtiinhinsilacarukeruxnghlwngphxphraecaxngkhtux1 srangemuxphuththskrach 105 phrawrrsa 2 phrachyechsthaepnlukekhyphrayasrisuwrrn phrryakhxngphrachyechsthakhux phranangsrismophthi miluk 4 khn epnchay 3 khn epnhying 1 khn 3 phrachyechstha ekidthiemuxngewiyngkhuk phrryaekidthiemuxngcapa b naomng inpccubnni 4 namwd oksil srangid 1pi 3 eduxn smphar chux phrakhruxinthrathirach xayu 34 pi phrrsa 15 miphraxyudwy 12 rup samenr 5 rup 5 thangwdoksil thangyaw 1 esn 5 wa kwang 1 esn 10 wa 6 wdoksil epnwdthisakhymakkngckrekidthiwdni phrachyechsthacungeluxmiscungchkchwnkhnathimisrththarwm 8 khn srangphraphuththrupihyhnatk kwang3 emtr sung 4 emtr raynambukhkhlthng8 khux phrachyechstha thawxinthrathirarach thawesnakssapa thawxinthr thawesssuwrrn thawphrayasri thawdamaedngthiphy thawxinsrikrysiththi rwmepnkhn 12 phasathimarwmknsrang phrachyechsthaepnkhnhlx 7 phrachyechsthacungpawrxngbriwar 500 khnmachwyhlx epnthxngehluxng engin aelakhaphsmknnahnkidhnungtux thaphithihlxethairkimsaerc txemuxphraxinthraelaethphyuda 108 xngkhmachwyhlxcungsaerc 8 wdoksil tngxyurimaemnaokhng srangxyu 7 pi 7 eduxn cungsaercepnhlwngphxxngkhtux 9 emuxhlxaelw mixphiniharepnsingskdisiththithung 100 xyang 10 phraphuththrupxngkhnisinengin 105 000 chng 11 banthikhunepnbriwarmi 13 bankhux emuxngewiyngkhuk kxngnang kaphra cinayom pakokh phranphraw sriechiyngihmhnxngkhungyangkha hnxngaesngsri samkha thabx phraw bxoxthanakardaeninnganinwdsrichmphuxngkhtuxngandansatharnupkar wdsrichmphuxngkhtux idburna sxmaesm kxsrang esnasna thawtthutang makmay xathiechn wiharpradisthanhlwngphxphraecaxngkhtux salakarepriyyphrakhrusngwrklyanwtr hxphraitrpidk salaexnkprasngkh salakxngxanwykar hxngnaphraphiksusngkh kutisngkh salaexnkprasngkhrimaemnaomng epntn ephuxxanwykhwamsadwkinkarepnsunyxuthyanaehlngeriynruthxngthin aelaepnaehlngsrangbuykuslinthangphraphuththsasna karbriharkarpkkhrxng wdsrichmphuxngkhtux mikarbriharpkkhrxngepnaebbsngkhspha prachathipity odyyudhlkthrrmathipity mikhnakrrmkarbrihar cdkar duaelkhwamepnraebiyberiybrxy ephuxyngsrththaihekidaekxubaskxubasika phuththsasnikchnthwip thngiklaelaikl sungmiphraphiksucaphrrsa imtakwa 15 rup samenrimtakwa 17 rup thukpi karsasnsuksa wdsrichmphuxngkhtux aehlngkarsuksakhxngphraphiksusamenr rwmthngphuththsasnikchnphusnicthwip eyawchnnkeriynnksuksa samarthekhamasuksahakhwamrucakwdidthukoxkas sungidennsasnsuksahlk sahrbphraphiksusamenr khux karsuksaphrapriytithrrmaephnkbali praoykh 1 2 3 4 karsuksaphrapriytithrrmaephnkthrrm aelakarsuksaphrapriytithrrmaephnkthrrmsuksasahrbeyawchnthnghlay sungepnkarplukfngphuthththrrm khunthrrmcriythrrmincitickhxngeyawchnkhxngchati karephyaephphraphuththsasna wdsrichmphuxngkhtux idthakarephyaephphraphuththsasnaodywithikartang xathiechn okhrngkarbrrphchasamenrphakhvdurxn okhrngkarxbrmkhayphuthththrrm okhrngkarxbrmkhunthrrmcriythrrmtxtanyaesphtid okhrngkarptibtithrrminwnsakhythangphraphuththsasna wnwisakhbucha wnmakhbucha wnxasalhbucha wnekhaphrrsa wnxxkphrrsa wnechlimphrachnmphrrsakhxngphrabathsmedcphraecaxyuhw aelasmedcphranangecaphrabrmrachininath cdaesdngthrrminwnthmmsswna cdokhrngkarptibtithrrmechlimphraekiyrti snbsnunokhrngkarephyaephphraphuththsasna ihkbkhnasngkh hnwynganrachkar sthabnkarsuksa aelahnwynganexkchnthwip cdsngphrawithyakrdaeninkarxbrm ihkbhnwynganrachkar sthabnkarsuksa aelahnwynganexkchnthwip xbrm brryaythrrmaekchiphrahmnphuthuxsilxuobsthtlxdethskalekhaphrrsa cdokhrngkarbrrphchaxupsmbthechlimphraekiyrti cdphrawithyakrsxnwichaphraphuththsasnainorngeriyninekhtxaephxthabxaelaxaephxiklekhiyng karsatharnsngekhraah wdsrichmphuxngkhtux idihkarsnbsnunaeksngkhmtang tamsmkhwraekthana xathiechn bricakhthidinihkborngphyabalsmedcphrayuphrachthabx mxbthunkarsuksaaeknkeriynphueriyndiaetyakcn bricakhwsduxupkrnthangkarsuksaaekorngeriyn bricakhpccysmthubthuninkarkxsrangorngphyabalsmedcphrayuphrachthabx bricakhxupkrnkhxmphietxraekhnwynganrachkarhlayhnwyngan bricakhchwyphuprasbphythrrmchati echn xuthkphy watphy xkhkhiphy epntnkhxwinicchyinsilacarukinhlksilacarukkhxthi 1 wa srangemux ph s 105 nn khdtxkhwamepncring ephraaphraphuththsasnaerimaephrekhamainpraethsithyemux ph s 300 lwngaelwelkh ph s khanghnathilbeluxnnnkhngcaepn ph s 2150 ephraainrahwang ph s 2105 xyuinrayarchsmykhxngphraichyechsthaaehngemuxngewiyngcnthr sungepnrayaileliyknkbthiphraichyechstha idrwmkbkrungsrixyuthyasrangecdiy srisxngrkskhunthixaephxdansay incnghwdely pccubnnikyngkhngxyuphxcaxnumanidwa phusrangwdsrichmphuxngkhtux khngepnphraecachyechsthaaen insilacarukkhxthi 2 thiwaphrachyechsthaepnlukphrayasrisuwrrnnn khdkbphrarachphngsawdar ephraaphrachyechsthathirach sungepnecaphukhrxngewiyngcnthrnn epnbutrphrayaophthisar dngaecnginphngsawdawaphrayamhaphrhmrach ecaemuxngechiyngihmthungaekphilalyemux ph s 2082 phraoxrsthrngnamwa ecathrayda idkhrxngechiyngihmxyu 3pikthiwngkht immioxrsrachndda subsntiwngs esnabdiemuxngechiyngihmlngipefaphraecalanchang phraecalanchangphrxmecaechsthawngs ipeyiymphrasphthungechiyngihm aelatxmainpi ph s 2091 esnaphvthamatyphrxmknykrachsmbtiihecaechsthwngsepnecaechiyngihm thrngphranamwaphrachyechsthathirach phrayaophthisaresdcklbhlwngphrabangid 2 pi kthiwngkhtinpi ph s 2093 phrachyechsthsthirachcungklbipkhrxngnkhrlanchang cakhnngsuxfngkhwaaemnaokhng khxniimmihlkthan phrayasrisuwrrnklpphrayaophthisarxacepnkhn ediywknkid insilacarukkhxthi 3 wa phrachyechsthaekidthiemuxngewiyngkhuk imnaepnipid ephraaphrayaophthisarthrrmmikrachbidakhrxngrachysmbtixyuthinkhrlanchang hlwngphrabang phrachyechsthatxngekidthilanchang swnewiyngkhuknnmaecriyrungeruxngkhunthihlng emuxphraecachyechsthaidkhunkhrxngrachysmbtithiewiyngcnthnaelw aelwthiwaphrryaekidthiemuxngcapanaomngnniklkhwamcringmak ephraaphraxkhrmehsikhxngphraecachyechsthepnthidaphraecaechiyngihm hruxwacaepnphrryanxy khxniimmihlkthanyunyn insilacarukkhx 4 chuxwdwa wdoksil nnnacaepnoksiymakkwa aetpccubnni chuxwdsrichmphuxngkhtux insilacarukkhx 5 ekhtwdthangyawaelathangkwangaekhbkwathiklawiwinsilacaruk thngniekhaicwa thanghnawdnaesaathangthisehnuxaelathisitihaekhblng emuxpi ph s 2489 idtrwcsxbwddupraktwa aekhbimtrngkbsilacarukaetpccubnnithangwdidsuxkhyayxxkipmakaelwthangdanthisehnuxaelathistawntk insilacarukkhx 6 wa kngckrekidkhunnn khngmirupkngckrxnepnrupthrrmckr sungmitamwdeka insmykxn aetpccubnnihaduimidaelw insilacarukkhx 7 phrachyechsthamibriwarthung 500 ni txngepnthiechuxidwaepnphrachyechsthaphukhrxngnkhrewiyngcnthnaen karnbnahnkaelacanwninsmykxnnn ekhanb sib rxy phn hmun aesn lan okti tux aetthahmaythungcanwn ketimxasngikhyekhaipxikepnxndbsudthay ephraachann khawa tux cungepnnahnkthimakthisudaelw karsrangphramananthung 7 pi 7 eduxn ehncarwmnahnkthiaennxnimid phrakxngkhihythisudinsmynn srangkyak hmdepluxngkmak ephuxihsmkbkhwamyaklabakcungkahndexawa srangdwythxnghnk 1 tux sungkhwamcringsmynncnthungsmynikimmiikhrrucring wa oktiaelatuxnnmikhaethaidknaen khngnbknipxyangnnexng karhlxphraskdisiththi mkcaepnphraxinthrhruxtapakhawmachwycungsaerc thngniephraaehtuphl 2 prakar khux prakaraerktxngkarcaihkhnnbthux prakarthisxngsmynn khndimiwichaxyuimkhxyid ephraacathukrngaek cungaeklngpkpidiwwa epnethwdamahlx insilacarukkhx 8 wa wdoksiltngxyurimnaokhngnn epnkhwamcring ephraatamthrrmdaaemnayxmkhdekhiyw aelaekidmikhungnakhun naokhngsungkwangraw 1 km ess ihlphansriechiyngihm phungippatha txnitnkhrewiyngcnthn cinayomaelabxoxthana emuxpathafnglawaelw kraaesnakklbphungmapathafngithytxnitthabx kraaesnacaihlpathaslbfngknechnnieruxyip emuxthunghnanaraw edxn 7 9 nacaetmfnghruxlnfng kraaesnainaemnaokhngcaihlechiywerwpraman 15 20 km thiediywfngthithukpathakcaphng fngtrngkhamtxnitkhungna nacaihlkhxyaelawn dincatktakxnemuxnaldkcaekidepndinngxkthukpi wdnaomngkechnediywkn edimtngxyurimokhngcring aetxyuitkhungnatrngkhamkbcinayomaelabxoxthana dinhnawdcungngxkxxkeruxymaeracungehnknwa wdnaomngcaxyuhangcaktlingaemokhngipthukthixyangechnthukwnni insilacarukkhx 9 emuxhlxaelwmixphiniharepnsingskdisiththithung 100 xyangnn inkhxni khwamechuxthuxkhxngchawemuxngechuxmnwa miphihruxethwdarksa khnnbthuxmak bangkhnecbikhidpwyipkhxnamntmakinkhayid khnimmilukipkhxkmiid xairtxmixairrxyaepdmakkwa 100 xyangesiyxik insilacarukkhx 10 wa karsrangsinenginipthung 105 000 chng aetthacakhidthungkharakhaaehngphraphuththrupngamxngkhni inpccubnaelwmikhaehluxthicakhnanbid emuxphuidekhaipiklechphaaphraphktraelw cahaythukkhoskthnthi phraphktrxmyimnid phraentrlumsnith phranlatkwangphrarangxum swnphrakaynngtrngidswnsd prathbxyuinthasngb phinphraphktripthangthistawnxxk thaihphuidphbehnxngkhphraxngkhtux ekidmonphaphkhlay ekhaipnngxyuechphaaphraphktrkhxngsmedcphrasmmasmphuththeca thaihekidkhwampitiaelamisrththakhunthnthi xnepnthrrmaphiniharekidkhunaekphuthiidphlehn sungsingehlanimikhayingkwasmbtiid thithanobranacarywangrakhaiwthung 105 000 chng khaphecakhidwayngthukip insilacarukkhx 11 nn aesdngihehnwa epnwdsungphraecachyechsthaepnphusrangaen ephraamibriwarthung 13 ban wdthicamibriwaridtxngepnwdhlwng chawbanehlanntxngsngswyaekwdodyimtxngkrathakicid aekthangrachkar khngepnaetkhakhxngphraxngkhtux echnediywkbkhaphrathatuphnm sungyngkhngthuxepnpraephnimacnthukwnni inwnethskalnmskarphraxngkhtux chawbanthiepnkhacatxngnaekhruxngmaskkarbucha thamichann phihruxethwdaphurksacalngothskhwamsakhythangprawtisastraelasngkhminxditphraecaichyechsthathirachkstriylanchangphusrangphraecaxngkhtuxphraphuththrupskdisiththi thrngsthapnaaelathanubarungptisngkhrnwdwaxaramtang makmay phuththsilpinyukhniidrbxiththiphlcaklannamak rwmthngphraecaxngkhtux phraphuththrupthxngsaridkhnadihythiwdxngkhtux nkhrewiyngcnthn aelawdsrichmphuxngkhtux bannaomng xaephxthabx cnghwdhnxngkhay siththiphr n nkhrphnm xthibayiwinexksarprakxbkarsmmnaphthnakarthangprawtisastrthxngthin cnghwdhnxngkhaywa phraecaxngkhtux phraphuththrupkhnadihyhnk 1 tux praman 12 000 kiolkrm tuxepnmatrwdkhxngkhnlanna silpalanna srangemuxph s 2105 echuxknwa epnphraphuththrupchlxngphraxngkhkhxngphranangyxdkhathiphy phrabrmrachchnnikhxngphraecaichyechsthathirach thngkahndepnphrarachphithithikstriyewiyngcnthntxngesdcmanmskar phraecaxngkhtuxthukeduxn 4 esdcphrxmkhbwnchang ma maskkaracakwdthakhkerux xaephxthabxthungwdphraecaxngkhtux epnrayathang 10 kiolemtr thnnnicungmichuxwa crdlswrrkh macnthungpccubn emuxwnthi 20 knyayn ph s 2520 smedcphrabrmoxrsathirach syammkudrachkumar phrxmdwyphraecawrwngsethx phraxngkhecaosmswli phrawrchayathinddamas esdcepnxngkhprathanykchxfakhunsuwiharpradisthanhlwngphxphraecaxngkhtux phrxmthngidxyechiyphranamaphiithyyx m w k khunpradisthanthihnabrrnkhxngwiharhlwngphxphraecaxngkhtux aelaidthrngmxbphranamaphiithykhxngthngsxngphraxngkhcaruklnginaephnsilahinxxniwdanhnakhxngtwwiharhlwngphxphraecaxngkhtuxdwymisingpluksrangxyuinbriewnwd1 xuobsth srangdwykxxithobkpun khakxsrangpraman 10 000 000 bath siblanbaththwn 2 wiharpradisthanhlwngphxphraecaxngkhtux canwn 1 hlng thalayhnabrrn tidkrack phrxmtakhayknnk srangdwykxxithobkpun khakxsrangpraman 30 000 000 bath samsiblanbaththwn 3 salakarepriyy canwn 1 hlng 2 chn srangdwyhinxxnthnghlngkhakxsrangpraman 15 000 000 bath sibhalanbaththwn 4 kuti canwn 7 hlng 2 chn srangdwyim kxxithobkpun khakxsrangpraman 13 000 000 bath sibsamlanbaththwn 5 salaexnkprasngkh srangdwykxxithobkpun khakxsrangpraman 500 000 bath haaesnbaththwn 6 salakxngxanwykar srangdwykxxithobkpun khakxsrangpraman 1 000 000 bath hnunglanbaththwn 7 hxphraitrpidk 2 chn chnlangepnphiphithphnthobranwtthupracahmuban srangdwykxxithobkpun khakxsrangpraman 5 200 000 bath halansxngaesnbaththwn 8 salarimna praraphithi srangdwyehlk 2 txn kwang 10 emtr yaw 100 emtr khakxsrangpraman 2 000 000 bath sxnglanbaththwn 9 thngnaprapa canwn 1 chud srangdwykhxnkritesrimehlk sung 30 emtr brrcunaid 50 000 litr mulkhakarkxsrang 300 000 bath samaesnbaththwn hxngna canwn 4 hlng 30 hxng srangdwykhxnkritesrimehlk mulkhakarkxsrang 853 000 bath aepdaesnhahmunsamphnbaththwn 9 sumpratu canwn 1 sum srangdwykhxnkritesrimehlk khnadkwang 5 emtr sung 12 emtr mulkhakarkxsrang 900 000 bath ekaaesnbaththwn 10 pxmtarwc rksakhwamplxdphyphayinwd aelaxanwykhwamsadwknkthxngethiyw mihxngnaintw mulkhakxsrang 100 000 bath hnungaesnbaththwn pccubnwdsrichmphuxngkhtuxkalngphthnathawrwtthudngtxipnitxkesaekhm ethkhanyudhnadin srangthiknrimtlingaemnaomng srangraebiyngrimaemnaomng kxxithobkpun puphundwykraebuxng kwang 3 emtr yaw 300 emtr khakxsrangpraman 3 000 000 bath samlanbaththwn miprachachnbarungwd praman 100 000 200 000 khn aelainwdthrrmswnawnxuobsth miprachachnmaprakxbsasnkicechliynkhrngla praman 350 400 khnkickrrmphiessinwnthrrmswnaaelawnsakhythangsasna1 wnmakhbucha cdihmikaraesdngphrathrrmethsnaaekprachachnthwip aelakhruxacarynkeriynorngeriyntang inekhtxaephxthabx pramanorngeriynla 500 khnihwphrabuchaphrartntry smathanebycsil brryaythrrm ewiynethiynintxneyn 2 wnethskalnmskarhlwngphxphraecaxngkhtuxpracapi rahwangwnkhun 11 kha eduxn 4 thung wnkhun 15 kha eduxn 4 khxngthukpi 3 wnethskaltrussngkrantpracapi rahwangwnthi 13 15 emsayn thukpi 4 wnwisakhbucha cdihmikaraesdngphrathrrmethsnaaekprachachnthwip aelakhruxacarynkeriynorngeriyntang inekhtxaephxthabx pramanorngeriynla 500 khn mikarihwphrabuchaphrartntry smathanebycsil brryaythrrm ewiynethiynintxneyn 5 wnxasalhbucha cdihmikaraesdngphrathrrmethsnaaekprachachnthwip aelakhruxacarynkeriynorngeriyntang inekhtxaephxthabx pramanorngeriynla 500 khn mikarihwphrabuchaphrartntry smathanebycsil brryaythrrm ewiynethiynintxneyn 6 wnekhaphrrsa cdihmikarthabuytkbatrrxbwiharhlwngphxphraecaxngkhtux brryaythrrm miprachachnrwmthabuybaephykusl praman 300 400 khn 7 wnxxkphrrsa cdihmikarthabuytkbatrklanghmuban brryaythrrm miprachachnrwmthabuybaephykusl praman 300 400 khn 8 okhrngkarptibtithrrmechlimphraekiyrti 5 thnwamharach rahwang 4 6 thnwakhm thukpi cdihnkeriynradbprathmsuksa mthymsuksa aelaprachachnthwip rwmbwchchiphrahmn ptibtithrrmthwayepnphrarachkuslaedphrabathsmedcphraecaxyuhw mikickrrmkarthawtr ihwphraswdmnt fngthrrmbrryay ptibtikrrmthan edincngkrm nngsmathi aeykthanptibtiepnklum 9 wnsngthaypiekatxnrbpiihm rahwangwnthi 31 1 mkrakhm thukpi cdihmikarbaephybuykusl dwykarecriyphraphuththmnt thabuytkbatr fngthrrmbrryay prachachnrwmnganpilapraman 50 000 70 000 khnxangxingcaruwrrn thrrmwtr aellxdphngsawdarlaw mhasarkham sthabnwicysilpaaelawthnthrrmxisan mhawithyalysrinkhrinthrwiorth mhasarkham m p p sngwn rxdbuy phs phuththsilplaw krungethph orngphimphkarsasna 2526 214 hna siththiphr n nkhrphnm exksarcakkarsmmnaphthnakarthangprawtisastrthxngthinhnxngkhay m p p bthkhwamxakhar hrux sthanthisakhyniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk