บทความนี้ไม่มีจาก |
วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ในแขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรมหาวิหาร อยู่ในเขตการปกครองคณะสงฆ์มหานิกายภาค 1
วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร | |
---|---|
บริเวณทางเข้าวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ซึ่งปรับปรุงภูมิทัศน์ใหม่ | |
ชื่อสามัญ | วัดระฆังโฆสิตาราม, วัดระฆัง, วัดหลวงพ่อโต |
ที่ตั้ง | ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 10700 |
ประเภท | พระอารามหลวง ชั้นโท ชนิดวรมหาวิหาร |
นิกาย | เถรวาท |
เจ้าอาวาส | พระเทพประสิทธิคุณ (ประจวบ ขนฺติธโร ป.ธ.๔) |
เวลาทำการ | ทุกวัน 8.00-17.00 น. |
จุดสนใจ | สักการะรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) , ชมหอพระไตรปิฎกสมัยรัชกาลที่ 1 |
กิจกรรม | เทศนาธรรม ทุกวันพระ 21 มิ.ย.: งานอุทิศส่วนกุศล ให้อดีตเจ้าอาวาส |
เว็บไซต์ | http://www.watrakhang.org |
ส่วนหนึ่งของ |
วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าสร้างในสมัยอยุธยา เดิมชื่อ วัดบางหว้าใหญ่ ในสมัยธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงสร้างพระราชวังใกล้วัดบางหว้าใหญ่ โปรดเกล้าฯ ให้ยกเป็นพระอารามหลวงและเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช ในสมัยรัตนโกสินทร์ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช วัดบางหว้าใหญ่อยู่ในพระอุปถัมภ์ของเจ้านายวังหลัง คือสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี (สา) พระเชษฐภคินีของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและเป็นพระชนนีของกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข ทรงมีตำหนักที่ประทับอยู่ติดกับวัด ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดร่วมกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และได้ขุดพบระฆังลูกหนึ่ง ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้นำไปไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยทรงสร้างระฆังชดเชยให้วัดบางว้าใหญ่ 5 ลูก จากนั้นได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดระฆังโฆสิตาราม” นอกจากเป็นเพราะขุดพบระฆังที่วัดนี้และเพื่อฟื้นฟูแบบแผนครั้งกรุงศรีอยุธยาที่มีวัดชื่อวัดระฆังเช่นกัน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อ “วัดระฆังโฆสิตาราม” เป็น “วัดราชคัณฑิยาราม” (คัณฑิ แปลว่าระฆัง) แต่ไม่มีคนนิยมเรียกชื่อนี้ ยังคงเรียกว่าวัดระฆังต่อมา
วัดระฆังโฆสิตารามมีหอพระไตรปิฎกซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามมาก เคยเป็นพระตำหนักและหอประทับนั่งของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชขณะทรงรับราชการในสมัยธนบุรี และโปรดเกล้าฯ ให้รื้อมาถวายวัด เมื่อเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแล้ว มีพระราชประสงค์จะบูรณปฏิสังขรณ์ให้สวยงามเพื่อเป็นหอพระพระไตรปิฎก
ประวัติ
เดิมเป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา เดิมชื่อ วัดบางว้าใหญ่ (หรือบางหว้าใหญ่) ในสมัยธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงสร้างพระราชวังใกล้วัดบางว้าใหญ่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ และขึ้นยกเป็นพระอารามหลวง และเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชในสมัยรัตนโกสินทร์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นที่ประชุมสังคายนาพระไตรปิฎก ซึ่งอัญเชิญมาจากนครศรีธรรมราชขึ้นที่วัดนี้
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช วัดบางว้าใหญ่อยู่ในพระอุปถัมภ์ของเจ้านายวังหลัง คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี (สา) พระเชษฐภคินีของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเป็นพระชนนีของกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข ทรงมีตำหนักที่ประทับอยู่ติดกับวัด
ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดร่วมกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และได้ขุดพบระฆังลูกหนึ่ง ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำไปไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยทรงสร้างระฆังชดเชยให้วัดบางว้าใหญ่ 5 ลูกไก่
อาณาเขตที่ตั้งวัด
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เขตติจีวราวิปวาส
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เขตวิสุงคามสีมา
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ที่ธรณีสงฆ์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ปูชนียวัตถุสำคัญ
พระประธานยิ้มรับฟ้า
พระประธานยิ้มรับฟ้า เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสำริด ปางสมาธิ หน้าตักกว้างประมาณ 4 ศอกเศษ เบื้องพระพักตร์มีรูปพระสาวก 3 องค์ นั่งประนมมือดุจรับพระพุทธโอวาท พระประธานองค์นี้ได้รับการยกย่องว่างดงามมาก จนปรากฏว่าครั้งหนึ่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จมาถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดระฆังโฆสิตาราม ได้มีพระราชดำรัสแก่ผู้เข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิดว่า ไปวัดไหนไม่เหมือนมา วัดระฆังพอเข้าประตูโบสถ์พระประธานยิ้มรับฟ้าทุกที ด้วยเหตุนี้จึงทรงถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์นพรัตนราชวราภรณ์ และมหาปรมาภรณ์ช้างเผือกแด่พระประธานองค์นี้เป็นพิเศษ และพระประธานองค์นี้ก็ได้นามว่า พระประธานยิ้มรับฟ้า ตั้งแต่นั้นมา
โบราณสถานสำคัญ
พระอุโบสถ
เป็นทรงแบบรัชกาลที่ 1 หลังคาลด 3 ชั้น มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ และคันทวยสลักเสลาอย่างสวยงาม บริเวณมุขด้านหน้าและหลังทำปีกนกคลุมมุขอยู่ในระยะไขราหน้าจั่ว ตอนใต้จั่วหรือหน้าบัน ที่จำหลักลายพระนารายณ์ทรงครุฑ ประดับลายกนกปิดทองอย่างประณีต เจาะเป็นช่องหน้าต่าง 2 ช่อง แทนแผงแรคอสองเหนือประตูหน้าต่างรอบพระอุโบสถติดกระจังปูนปั้นปิดทองทำเป็นรูปซุ้มบนบานประตูหน้าต่างด้านนอกเขียนลายรดน้ำปิดทองมีรูประฆังเป็นเครื่องหมาย ด้านในเขียนภาพทวารบาลยืนแท่นระบายสีงดงาม บริเวณฝาผนังภายในพระอุโบสถโดยรอบเขียนภาพจิตรกรรมที่ได้รับการยกย่องว่าฝีมืองดงามมาก โดยผนังด้านหน้าพระประธานเขียนเป็นภาพพระพุทธเจ้าแสดงยมกปาฏิหาริย์ก่อนเสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และตอนเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ด้านหลังพระประธานเขียนภาพพระมาลัยขณะขึ้นไปนมัสการพระมหาจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เบื้องล่างเขียนภาพสัตว์นรกในอาการต่างๆ ภาพฝาผนังส่วนที่เหลือ เบื้องบนเขียนเป็นเทพชุมนุม ตอนล่างเขียนภาพทศชาติ ซึ่งเขียนได้อย่างมีชีวิตชีวาอ่อนช้อยและแสงสีเหมาะสมกับเรื่องราว ภาพเหล่านี้เขียนโดย พระวรรณวาดวิจิตร (ทอง จารุวิจิตร) จิตรกรเอกในสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อราว พ.ศ. 2465 ครั้งมีการบูรณะซ่อมแซมพระอุโบสถในรัชกาลนั้น
พระวิหาร (พระอุโบสถหลังเก่า)
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เป็นทรงแบบรัชกาลที่ 1 หลังคาลด 3 ชั้น มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ และคันทวยสลักเสลาอย่างสวยงาม บริเวณมุขด้านหน้าและหลังทำปีกนกคลุมมุขอยู่ในระยะไขราหน้าจั่ว ตอนใต้จั่วหรือหน้าบัน ที่จำหลักลายพระนารายณ์ทรงครุฑ ประดับลายกนกปิดทองอย่างประณีต เจาะเป็นช่องหน้าต่าง 2 ช่อง แทนแผงแรคอสองเหนือประตูหน้าต่างรอบพระอุโบสถติดกระจังปูนปั้นปิดทองทำเป็นรูปซุ้มบนบานประตูหน้าต่างด้านนอกเขียนลายรดน้ำปิดทองมีรูประฆังเป็นเครื่องหมาย ด้านในเขียนภาพทวารบาลยืนแท่นระบายสีงดงาม บริเวณฝาผนังภายในพระอุโบสถโดยรอบเขียนภาพจิตรกรรมที่ได้รับการยกย่องว่าฝีมืองดงามมาก โดยผนังด้านหน้าพระประธานเขียนเป็นภาพพระพุทธเจ้าแสดงยมกปาฏิหาริย์ก่อนเสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และตอนเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ด้านหลังพระประธานเขียนภาพพระมาลัยขณะขึ้นไปนมัสการพระมหาจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เบื้องล่างเขียนภาพสัตว์นรกในอาการต่างๆ ภาพฝาผนังส่วนที่เหลือ เบื้องบนเขียนเป็นเทพชุมนุม ตอนล่างเขียนภาพทศชาติ ซึ่งเขียนได้อย่างมีชีวิตชีวาอ่อนช้อยและแสงสีเหมาะสมกับเรื่องราว ภาพเหล่านี้เขียนโดย พระวรรณวาดวิจิตร (ทอง จารุวิจิตร) จิตรกรเอกในสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อราว พ.ศ. 2465 ครั้งมีการบูรณะซ่อมแซมพระอุโบสถในรัชกาลนั้น
พระปรางค์
รัชกาลที่ 1 มีพระราชศรัทธาสร้างพระปรางค์ พระราชทานร่วมกุศลกับสมเด็จพระพี่นางพระองค์ใหญ่ (สมเด็จเจ้าฟ้าหญิง กรมพระเทพสุดาวดี พระนามเดิม สา) ตั้งอยู่หน้าพระวิหาร ได้รับการยกย่องจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ว่า เป็นพระปรางค์ที่ทำถูกแบบที่สุดในประเทศไทย พระปรางค์องค์นี้จัดเป็นพระปรางค์แบบ สถาปัตยกรรมรัตนโกสินทร์ยุคต้น ที่มีทรวดทรงงดงามมาก จนยึดถือเป็นแบบฉบับของพระปรางค์ที่สร้างในยุคต่อมา
หอระฆัง
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้สืบถามเรื่องระฆังของวัดบางหว้าใหญ่ซึ่งเป็นระฆังที่มีเสียงไพเราะยิ่งนัก ที่ขุดได้ในวัดนั้นว่าขุดได้ ณ ที่ใด ทรงขอระฆังเสียงดีลูกนั้นไปไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงสร้างหอระฆังจตุรมุขพร้อมทั้งระฆังอีก 5 ลูก พระราชทานไว้แทน เพราะเหตุแห่งการขุดระฆังได้ จึงได้ชื่อตามที่ประชาชนเรียกว่า วัดระฆัง ตั้งแต่นั้นมา
หอพระไตรปิฎก
เป็นรูปเรือน 3 หลังแฝด หอด้านใต้ลักษณะเป็นหอนอน หอ กลางเป็นห้องโถง หอด้านเหนือเข้าใจว่าเป็นห้องรับแขก ของเดิมเป็นหลังคามุงจาก ได้เปลี่ยนเป็นมุงกระเบื้อง ชายคาเป็นรูปเทพพนมเรียงรายเป็นระยะๆ เปลี่ยนฝาสำหรวดไม้ขัดแตะเสียบกระแชงเป็นขัดด้วยหน้ากระดานไม้สักระหว่างลูกสกล ใช้แผ่นกระดานไม้สักเลียบฝาภายในแล้วเขียนรูปภาพต่าง ๆ บานประตูด้านใต้เขียนลายรดน้ำ บานประตูหอกลางด้านตะวันออกแกะเป็นลายกนกวายุภักษ์ ประกอบด้วยกนกเครือเถา บานซุ้มประตูนอกชานแกะเป็นมังกรลายกนกดอกไม้ภายนอกติดคันทวยสวยงาม ภายในมีตู้พระไตรปิฎกขนาดใหญ่เขียนลายรดน้ำ 2 ตู้ ประดิษฐานไว้ในหอด้านเหนือ 1 ตู้ หอด้านใต้ 1 ตู้ หอพระไตรปิฎกนี้ตั้งอยู่ภายในเขตพุทธาวาส ทิศใต้ของพระอุโบสถ
ศาลาการเปรียญ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
หอพระไตรปิฎก (คณะ 2)
อยู่หน้าตำหนักแดง ในคณะ 2 เป็นเรือนไม้ฝาปะกน ปิดทอง ทาสีเขียวสด ประตูหน้าต่างเขียนลายรดน้ำสวยงามมาก
พระเจดีย์สามองค์
สร้างโดยเจ้านายวังหลัง 3 องค์ คือ กรมหมื่นนราเทเวศร์ (พระองค์เจ้าชายปาล ต้นสกุล ปาลกะวงศ์) กรมหมื่นนเรศร์โยธี (พระองค์เจ้าชายบัว) และกรมหมื่นเสนีย์บริรักษ์ (พระองค์เจ้าชายแดง ต้นสกุล เสนีวงศ์) สร้างโดยเสด็จพระราชกุศลในรัชกาลที่ 3 เมื่อคราวสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ เป็นเจดีย์ย่อเหลี่ยมไม้ยี่สิบ ทรงจอมแห ทรวดทรงงดงามมาก แต่เป็นเจดีย์ขนาดย่อม ตั้งอยู่ด้านทิศเหนือของพระอุโบสถหลังปัจจุบัน
สถานที่น่าสนใจภายในวัด
พระวิหารสมเด็จพระพุฒาจารย์โต
เป็นพระวิหารทรงเดียวกับ พระวิหารสมเด็จพระสังฆราช (สี) ตั้งอยู่ตรงข้ามกัน มีเครื่องหมายสำคัญที่หน้าบันทั้งสองข้าง เป็นรูปพัดยศจารึกอักษรไว้ว่า “พระวิหารสมเด็จ ๒๕๐๓” เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อสมเด็จพระราชาคณะของวัดนี้ 3 องค์ ได้แก่
- สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งรู้จักกันดีในนาม “สมเด็จโต” หรือ “หลวงพ่อโต” พระเถระผู้แตกฉานในพระไตรปิฎก และทรงคุณทางวิปัสสนาธุระ
- สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัด เสรีวงศ์) เป็นพระเถระที่มีพระเกียรติคุณปรากฏอีกองค์หนึ่งในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงได้รับการถวายเจ้านายโดยเฉพาะ เป็นเหตุให้พระเครื่องที่ทรงทำร่วมกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ผู้เป็นอาจารย์ ได้รับขนานนามว่า “สมเด็จปิลันทน์” และมีชื่อเสียงควบคู่กันมา
- สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว. เจริญ อิศรางกูร) ผู้มีชื่อเสียงในทางเทศนาวิธีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเชี่ยวชาญการเทศน์มหาชาติทั้ง 13 กัณฑ์ ได้เป็นเปรียญ ๓ ประโยคตั้งแต่ยังเป็นสามเณร หรือมีอายุได้ 14 ปี เท่านั้น และสำเร็จเป็นเปรียญ 8 ประโยค ในเวลาต่อมา เมื่อครั้งเป็นที่พระพิมลธรรม ท่านได้รับพระราชทานสุพรรณบัฏเป็นพิเศษกว่าสมเด็จพระราชาคณะองค์อื่น ๆ และเมื่อมรณภาพ ในรัชกาลที่ 6 ก็ได้รับการพระราชทานเพลิงที่พระเมรุสนามหลวงเป็นเกียรติด้วย ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้
พระวิหารสมเด็จพระสังฆราช (ศรี)
ตั้งอยู่ด้านหน้าพระอุโบสถ หลังคามุงกระเบื้องเคลือบติดคันทวยตามเสาสวยงาม หน้าบันทั้งสองด้าน จำหลักรูปฉัตร 3 ชั้นอันเป็นเครื่องหมายพระยศสมเด็จพระสังฆราช วิหารหลังนี้เดิมหลังคาเป้นทรงปั้นหยา เรียกว่าศาลาเปลื้องเครื่อง พระราชธรรมภาณี (ละมูล) ได้เปลี่ยนเป็นหลังคาทรงไทยมีช่อฟ้าใบระกา หางหงส์ เมื่อ พ.ศ. 2504 เพื่อประดิษฐานพระอัฐิสมเด็จพระสังฆราช (สี) ซึ่งเดิมบรรจุอยู่ในรูปพระศรีอาริยเมตไตรย ประดิษฐานในซุ้มพระปรางค์ของวัดระฆัง ต่อมาได้ย้ายมาประดิษฐานที่พระวิหารที่ปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ เพื่อยกย่องพระเกียรติของพระองค์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
พิพิธภัณฑ์วัดระฆังโฆสิตาราม (อาคารเฉลิมพระเกียรติริมแม่น้ำเจ้าพระยา)
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ลำดับเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม
วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีมาจนถึงยุคปัจจุบันนี้ มีอธิบดีสงฆ์ปกครองวัดมาแล้ว 12 รูปด้วยกัน ดังนี้
ลำดับ | เจ้าอาวาส | วาระ (พ.ศ.) |
---|---|---|
1. | สมเด็จพระสังฆราช (ศรี) | 2312 — 2337 |
2. | พระพนรัตน (นาค) | 2337 — ? |
3. | พระพุฒาจารย์ (อยู่) | ? — ? |
4. | ? — ? | |
5 | ? — ? | |
6. | สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) | 2395 — 2415 |
7. | หม่อมเจ้าพระสมเด็จพระพุฒาจารย์ (ทัด) | 2415 — 2437 |
8. | สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (หม่อมราชวงศ์เจริญ ญาณฉนฺโท) | 2437 — 2470 |
9. | 2470 — 2514 | |
10. | 2515 — 2530 | |
11. | 2532 — 2550 | |
12. | 2550 — 2564 | |
13. | 19 กุมภาพันธ์ 2565 - ปัจจุบัน |
อื่น ๆ
พระเครื่องที่จัดสร้างโดยวัดระฆังโฆสิตาราม
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
โครงการไหว้พระ ๙ วัด
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
- พระประธานยิ้มรับฟ้า ภายในพระอุโบสถ
- บานประตูพระอุโบสถลงรักปิดทอง
- หอพระไตรปิฎก
- ตู้พระธรรมลายรดน้ำภายในหอพระไตรปิฎก
อ้างอิง
- พระเทพประสิทธิคุณ (ผัน ติสฺสโร)
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
- เกศทิพย์ อิศรางกูร ณ อยุธยา.วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร วัดประวัติศาสตร์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์.นิตยสารสกุลไทย 2545 2008-03-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir wdrakhngokhsitaramwrmhawihar tngxyuinaekhwngsirirach ekhtbangkxknxy krungethphmhankhr epnphraxaramhlwngchnothchnidwrmhawihar xyuinekhtkarpkkhrxngkhnasngkhmhanikayphakh 1wdrakhngokhsitaramwrmhawiharbriewnthangekhawdrakhngokhsitaramwrmhawihar sungprbprungphumithsnihmchuxsamywdrakhngokhsitaram wdrakhng wdhlwngphxotthitngthnnxrunxmrinthr aekhwngsirirach ekhtbangkxknxy krungethphmhankhr 10700praephthphraxaramhlwng chnoth chnidwrmhawiharnikayethrwathecaxawasphraethphprasiththikhun pracwb khn tithor p th 4 ewlathakarthukwn 8 00 17 00 n cudsnicskkararuphlxsmedcphraphuthacary ot ph rh mrsi chmhxphraitrpidksmyrchkalthi 1kickrrmethsnathrrm thukwnphra 21 mi y nganxuthisswnkusl ihxditecaxawasewbisthttp www watrakhang orgswnhnungkhxngsaranukrmphraphuththsasna wdaehngniepnwdekasranginsmyxyuthya edimchux wdbanghwaihy insmythnburi smedcphraecakrungthnburithrngsrangphrarachwngiklwdbanghwaihy oprdekla ihykepnphraxaramhlwngaelaepnthiprathbkhxngsmedcphrasngkhrach insmyrtnoksinthr rchsmyphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach wdbanghwaihyxyuinphraxupthmphkhxngecanaywnghlng khuxsmedcphraecaphinangethx ecafakrmphraethphsudawdi sa phraechsthphkhinikhxngphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachaelaepnphrachnnikhxngkrmphrarachwngbwrsthanphimukh thrngmitahnkthiprathbxyutidkbwd idthrngburnptisngkhrnwdrwmkbphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach aelaidkhudphbrakhnglukhnung sungoprdekla ihnaipiwthiwdphrasrirtnsasdaram odythrngsrangrakhngchdechyihwdbangwaihy 5 luk caknnidphrarachthannamwdihmwa wdrakhngokhsitaram nxkcakepnephraakhudphbrakhngthiwdniaelaephuxfunfuaebbaephnkhrngkrungsrixyuthyathimiwdchuxwdrakhngechnkn inrchsmyphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw oprdekla ihepliynchux wdrakhngokhsitaram epn wdrachkhnthiyaram khnthi aeplwarakhng aetimmikhnniymeriykchuxni yngkhngeriykwawdrakhngtxma wdrakhngokhsitarammihxphraitrpidksungepnsthaptykrrmthiswyngammak ekhyepnphratahnkaelahxprathbnngkhxngphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharachkhnathrngrbrachkarinsmythnburi aelaoprdekla ihruxmathwaywd emuxesdckhunkhrxngrachsmbtiaelw miphrarachprasngkhcaburnptisngkhrnihswyngamephuxepnhxphraphraitrpidk prawtiedimepnwdobransranginsmyxyuthya edimchux wdbangwaihy hruxbanghwaihy insmythnburi smedcphraecakrungthnburithrngsrangphrarachwngiklwdbangwaihy cungthrngphrakrunaoprdekla ihthakarburnptisngkhrn aelakhunykepnphraxaramhlwng aelaepnthiprathbkhxngsmedcphrasngkhrachinsmyrtnoksinthr aelathrngphrakrunaoprdekla ihepnthiprachumsngkhaynaphraitrpidk sungxyechiymacaknkhrsrithrrmrachkhunthiwdni inrchsmyphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach wdbangwaihyxyuinphraxupthmphkhxngecanaywnghlng khux smedcphraecaphinangethx ecafakrmphraethphsudawdi sa phraechsthphkhinikhxngphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach aelaepnphrachnnikhxngkrmphrarachwngbwrsthanphimukh thrngmitahnkthiprathbxyutidkbwd idthrngburnptisngkhrnwdrwmkbphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach aelaidkhudphbrakhnglukhnung sungthrngphrakrunaoprdekla ihnaipiwthiwdphrasrirtnsasdaram odythrngsrangrakhngchdechyihwdbangwaihy 5 lukikxanaekhtthitngwdswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidekhtticiwrawipwas swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidekhtwisungkhamsima swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidthithrnisngkh swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidpuchniywtthusakhyphraprathanyimrbfa phraprathanyimrbfa phraprathanyimrbfa epnphraphuththrupenuxthxngsarid pangsmathi hnatkkwangpraman 4 sxkess ebuxngphraphktrmirupphrasawk 3 xngkh nngpranmmuxducrbphraphuththoxwath phraprathanxngkhniidrbkarykyxngwangdngammak cnpraktwakhrnghnungemuxphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwesdcmathwayphaphrakthin n wdrakhngokhsitaram idmiphrarachdarsaekphuekhaefa iklchidwa ipwdihnimehmuxnma wdrakhngphxekhapratuobsthphraprathanyimrbfathukthi dwyehtunicungthrngthwayekhruxngrachxisriyaphrnnphrtnrachwraphrn aelamhaprmaphrnchangephuxkaedphraprathanxngkhniepnphiess aelaphraprathanxngkhnikidnamwa phraprathanyimrbfa tngaetnnmaobransthansakhyphraxuobsth phraxuobsth wdrakhngokhsitaramwrmhawihar epnthrngaebbrchkalthi 1 hlngkhald 3 chn michxfa ibraka hanghngs aelakhnthwyslkeslaxyangswyngam briewnmukhdanhnaaelahlngthapiknkkhlummukhxyuinrayaikhrahnacw txnitcwhruxhnabn thicahlklayphranaraynthrngkhruth pradblayknkpidthxngxyangpranit ecaaepnchxnghnatang 2 chxng aethnaephngaerkhxsxngehnuxpratuhnatangrxbphraxuobsthtidkracngpunpnpidthxngthaepnrupsumbnbanpratuhnatangdannxkekhiynlayrdnapidthxngmiruprakhngepnekhruxnghmay daninekhiynphaphthwarbalyunaethnrabaysingdngam briewnfaphnngphayinphraxuobsthodyrxbekhiynphaphcitrkrrmthiidrbkarykyxngwafimuxngdngammak odyphnngdanhnaphraprathanekhiynepnphaphphraphuththecaaesdngymkpatihariykxnesdckhunipcaphrrsabnswrrkhchndawdungs aelatxnesdclngcakswrrkhchndawdungs danhlngphraprathanekhiynphaphphramalykhnakhunipnmskarphramhaculamnibnswrrkhchndawdungs ebuxnglangekhiynphaphstwnrkinxakartang phaphfaphnngswnthiehlux ebuxngbnekhiynepnethphchumnum txnlangekhiynphaphthschati sungekhiynidxyangmichiwitchiwaxxnchxyaelaaesngsiehmaasmkberuxngraw phaphehlaniekhiynody phrawrrnwadwicitr thxng caruwicitr citrkrexkinsmyrchkalthi 6 emuxraw ph s 2465 khrngmikarburnasxmaesmphraxuobsthinrchkalnn phrawihar phraxuobsthhlngeka swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniid epnthrngaebbrchkalthi 1 hlngkhald 3 chn michxfa ibraka hanghngs aelakhnthwyslkeslaxyangswyngam briewnmukhdanhnaaelahlngthapiknkkhlummukhxyuinrayaikhrahnacw txnitcwhruxhnabn thicahlklayphranaraynthrngkhruth pradblayknkpidthxngxyangpranit ecaaepnchxnghnatang 2 chxng aethnaephngaerkhxsxngehnuxpratuhnatangrxbphraxuobsthtidkracngpunpnpidthxngthaepnrupsumbnbanpratuhnatangdannxkekhiynlayrdnapidthxngmiruprakhngepnekhruxnghmay daninekhiynphaphthwarbalyunaethnrabaysingdngam briewnfaphnngphayinphraxuobsthodyrxbekhiynphaphcitrkrrmthiidrbkarykyxngwafimuxngdngammak odyphnngdanhnaphraprathanekhiynepnphaphphraphuththecaaesdngymkpatihariykxnesdckhunipcaphrrsabnswrrkhchndawdungs aelatxnesdclngcakswrrkhchndawdungs danhlngphraprathanekhiynphaphphramalykhnakhunipnmskarphramhaculamnibnswrrkhchndawdungs ebuxnglangekhiynphaphstwnrkinxakartang phaphfaphnngswnthiehlux ebuxngbnekhiynepnethphchumnum txnlangekhiynphaphthschati sungekhiynidxyangmichiwitchiwaxxnchxyaelaaesngsiehmaasmkberuxngraw phaphehlaniekhiynody phrawrrnwadwicitr thxng caruwicitr citrkrexkinsmyrchkalthi 6 emuxraw ph s 2465 khrngmikarburnasxmaesmphraxuobsthinrchkalnn phraprangkhphraprangkh rchkalthi 1 miphrarachsrththasrangphraprangkh phrarachthanrwmkuslkbsmedcphraphinangphraxngkhihy smedcecafahying krmphraethphsudawdi phranamedim sa tngxyuhnaphrawihar idrbkarykyxngcaksmedcphraecabrmwngsethx ecafakrmphrayanrisranuwdtiwngswa epnphraprangkhthithathukaebbthisudinpraethsithy phraprangkhxngkhnicdepnphraprangkhaebb sthaptykrrmrtnoksinthryukhtn thimithrwdthrngngdngammak cnyudthuxepnaebbchbbkhxngphraprangkhthisranginyukhtxma hxrakhng phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach thrngmiphrarachkraaesrbsngihsubthameruxngrakhngkhxngwdbanghwaihysungepnrakhngthimiesiyngipheraayingnk thikhudidinwdnnwakhudid n thiid thrngkhxrakhngesiyngdiluknnipiwthiwdphrasrirtnsasdaram thrngsranghxrakhngcturmukhphrxmthngrakhngxik 5 luk phrarachthaniwaethn ephraaehtuaehngkarkhudrakhngid cungidchuxtamthiprachachneriykwa wdrakhng tngaetnnma hxphraitrpidkhxphraitrpidk epnruperuxn 3 hlngaefd hxdanitlksnaepnhxnxn hx klangepnhxngothng hxdanehnuxekhaicwaepnhxngrbaekhk khxngedimepnhlngkhamungcak idepliynepnmungkraebuxng chaykhaepnrupethphphnmeriyngrayepnraya epliynfasahrwdimkhdaetaesiybkraaechngepnkhddwyhnakradanimskrahwanglukskl ichaephnkradanimskeliybfaphayinaelwekhiynrupphaphtang banpratudanitekhiynlayrdna banpratuhxklangdantawnxxkaekaepnlayknkwayuphks prakxbdwyknkekhruxetha bansumpratunxkchanaekaepnmngkrlayknkdxkimphaynxktidkhnthwyswyngam phayinmituphraitrpidkkhnadihyekhiynlayrdna 2 tu pradisthaniwinhxdanehnux 1 tu hxdanit 1 tu hxphraitrpidknitngxyuphayinekhtphuththawas thisitkhxngphraxuobsth salakarepriyy swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidhxphraitrpidk khna 2 xyuhnatahnkaedng inkhna 2 epneruxnimfapakn pidthxng thasiekhiywsd pratuhnatangekhiynlayrdnaswyngammak phraecdiysamxngkh srangodyecanaywnghlng 3 xngkh khux krmhmunnraethewsr phraxngkhecachaypal tnskul palkawngs krmhmunnersroythi phraxngkhecachaybw aelakrmhmunesniybrirks phraxngkhecachayaedng tnskul esniwngs srangodyesdcphrarachkuslinrchkalthi 3 emuxkhrawsrangphraxuobsthhlngihm epnecdiyyxehliymimyisib thrngcxmaeh thrwdthrngngdngammak aetepnecdiykhnadyxm tngxyudanthisehnuxkhxngphraxuobsthhlngpccubnsthanthinasnicphayinwdphrawiharsmedcphraphuthacaryot epnphrawiharthrngediywkb phrawiharsmedcphrasngkhrach si tngxyutrngkhamkn miekhruxnghmaysakhythihnabnthngsxngkhang epnrupphdyscarukxksriwwa phrawiharsmedc 2503 epnthipradisthanruphlxsmedcphrarachakhnakhxngwdni 3 xngkh idaek smedcphraphuthacary ot phrhmrngsi sungruckkndiinnam smedcot hrux hlwngphxot phraethraphuaetkchaninphraitrpidk aelathrngkhunthangwipssnathura smedcphraphuthacary m c thd esriwngs epnphraethrathimiphraekiyrtikhunpraktxikxngkhhnunginsmyrchkalthi 4 thrngidrbkarthwayecanayodyechphaa epnehtuihphraekhruxngthithrngtharwmkbsmedcphraphuthacary ot phuepnxacary idrbkhnannamwa smedcpilnthn aelamichuxesiyngkhwbkhuknma smedcphraphuththokhsacary m r w ecriy xisrangkur phumichuxesiynginthangethsnawithiodyechphaaxyangyingechiywchaykarethsnmhachatithng 13 knth idepnepriyy 3 praoykhtngaetyngepnsamenr hruxmixayuid 14 pi ethann aelasaercepnepriyy 8 praoykh inewlatxma emuxkhrngepnthiphraphimlthrrm thanidrbphrarachthansuphrrnbtepnphiesskwasmedcphrarachakhnaxngkhxun aelaemuxmrnphaph inrchkalthi 6 kidrbkarphrarachthanephlingthiphraemrusnamhlwngepnekiyrtidwy swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidphrawiharsmedcphrasngkhrach sri tngxyudanhnaphraxuobsth hlngkhamungkraebuxngekhluxbtidkhnthwytamesaswyngam hnabnthngsxngdan cahlkrupchtr 3 chnxnepnekhruxnghmayphrayssmedcphrasngkhrach wiharhlngniedimhlngkhaepnthrngpnhya eriykwasalaepluxngekhruxng phrarachthrrmphani lamul idepliynepnhlngkhathrngithymichxfaibraka hanghngs emux ph s 2504 ephuxpradisthanphraxthismedcphrasngkhrach si sungedimbrrcuxyuinrupphrasrixariyemtitry pradisthaninsumphraprangkhkhxngwdrakhng txmaidyaymapradisthanthiphrawiharthiptisngkhrnkhunihm ephuxykyxngphraekiyrtikhxngphraxngkhswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidphiphithphnthwdrakhngokhsitaram xakharechlimphraekiyrtirimaemnaecaphraya swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidladbecaxawaswdrakhngokhsitaramwdrakhngokhsitaram wrmhawihar tngaetsmykrungthnburimacnthungyukhpccubnni mixthibdisngkhpkkhrxngwdmaaelw 12 rupdwykn dngni ladb ecaxawas wara ph s 1 smedcphrasngkhrach sri 2312 23372 phraphnrtn nakh 2337 3 phraphuthacary xyu 4 5 6 smedcphraphuthacary ot ph rh mrsi 2395 24157 hmxmecaphrasmedcphraphuthacary thd 2415 24378 smedcphraphuththokhsacary hmxmrachwngsecriy yanchn oth 2437 24709 2470 251410 2515 253011 2532 255012 2550 256413 19 kumphaphnth 2565 pccubnxun phraekhruxngthicdsrangodywdrakhngokhsitaram swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidokhrngkarihwphra 9 wd swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidphraprathanyimrbfa phayinphraxuobsth banpratuphraxuobsthlngrkpidthxng hxphraitrpidk tuphrathrrmlayrdnaphayinhxphraitrpidkxangxingphraethphprasiththikhun phn tis sor duephimsmedcphraphuthacary ot ph rh mrsi aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb wdrakhngokhsitaramwrmhawihar eksthiphy xisrangkur n xyuthya wdrakhngokhsitaramwrmhawihar wdprawtisastraehngkrungrtnoksinthr nitysarskulithy 2545 2008 03 19 thi ewyaebkaemchchin aephnthiaelaphaphthaythangxakaskhxng wdrakhngokhsitaramwrmhawihar phaphthaydawethiymcakwikiaemepiy hruxkuekilaemps aephnthicaklxngduaemp hruxehiywiok phaphthaythangxakascakethxrraesirfewxr 13 45 10 N 100 29 08 E 13 752683 N 100 485485 E 13 752683 100 485485