บทความนี้ยังต้องการเพิ่มเพื่อ |
วัดหน้าพระเมรุ หรือ วัดหน้าพระเมรุราชิการามวรวิหาร ตั้งอยู่ที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ริมคลองสระบัวด้านเหนือของคูเมือง (แม่น้ำลพบุรีเก่า) ตรงข้ามกับพระราชวังหลวง มีชื่อเดิมว่า "วัดพระเมรุราชการาม" แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้างและสร้างในสมัยใด พิจารณาได้ว่า น่าจะเป็นวัดสร้างขึ้นตรงที่ถวายพระเพลิงกษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่งต้นสมัยอยุธยา มีแต่เพียงตำนานกล่าวว่าพระองค์อินทร์ในรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ได้สร้างวัดนี้ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2046 แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอน วัดหน้าพระเมรุเป็นวัดเดียวในกรุงศรีอยุธยาที่ไม่ถูกพม่าทำลาย และยังคงสภาพที่ดีมาก บ้างสันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะพม่าได้ไปตั้งกองบัญชาการอยู่ที่วัดนี้กับวัดหัสดาวาส (ซึ่งปัจจุบันเป็นวัดร้างและยังเหลือสิ่งก่อสร้างที่ไม่ถูกทำลายอยู่บ้าง) พระอุโบสถของวัดหน้าพระเมรุเป็นแบบอยุธยาซึ่งมีเสาอยู่ภายใน แต่น่าจะมาเพิ่มเสารับชายคาที่หลังในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระประธานในอุโบสถซึ่งสร้างปลายสมัยอยุธยา หรือได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในช่วงนั้น เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องหล่อสำริดขนาดใหญ่ ด้านหลังพระอุโบสถยังมีอีกองค์หนึ่งแต่เล็กกว่า คือ พระศรีอริยเมตไตรย์
วัดหน้าพระเมรุราชิการามวรวิหาร | |
---|---|
พระอุโบสถ วัดหน้าพระเมรุ | |
ชื่อสามัญ | วัดหน้าพระเมรุ |
ที่ตั้ง | 76 หมู่ 4 ตำบลลุมพลี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13000 |
ประเภท | พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร |
นิกาย | เถรวาท มหานิกาย |
พระประธาน | พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญบรมไตรโลกนาถ |
พระพุทธรูปสำคัญ | พระคันธารราฐ |
เจ้าอาวาส | พระพิศาลวิหารกิจ (สมศักดิ์ ฉนฺทกโร) |
ความพิเศษ | โบราณสถาน |
เวลาทำการ | ทุกวัน 08.30-16.30 น. |
จุดสนใจ | พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญบรมไตรโลกนาถ พระคันธารราฐ |
หมายเหตุ | เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา |
ส่วนหนึ่งของ |
อาคารเสนาสนะและปูชนียวัตถุ
สิ่งสำคัญที่ปรากฏภายในวัดนี้ คือ พระอุโบสถและพระพุทธรูปประธานทรงเครื่องใหญ่ ซึ่งอาจจะได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง หน้าบันของพระอุโบสถเป็นไม้แกะสลักปิดทองที่แสดงรูปนารายณ์ทรงครุฑยุดนาคประทับราหูแวดล้อมด้วยเหล่าเทวดา (ด้านหน้าพระอุโบสถมีเทวดาแวดล้อม 26 องค์ ด้านหลังพระอุโบสถมีเทวดาแวดล้อม 22 องค์ รวมเทวดา 48 องค์) คติดังกล่าวเป็นที่นิยมในสมัยโบราณที่ถือว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพ คือเป็นพระนารายณ์อวตาร ดังนั้น หน้าบันของโบสถ์ วิหาร หรือปราสาทราชวังที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างหรือทรงบูรณะก็มักจะทำรูปพระนารายณ์ทรงครุฑเป็นสำคัญ อันมีความหมายว่าวัดแห่งนี้เป็นพระอารามหลวง ตัวพระอุโบสถไม่มีหน้าต่าง แต่ทำเป็นช่องลูกกรงให้แสงแดดและลมผ่านเข้าไปภายใน ลูกกรงดังกล่าวยังทำเป็นดอกเหลี่ยมหรือที่เรียกว่าผนังลูกกรงมะหวดเหลี่ยม (แบบเดียวกับผนังวิหารหลวง วัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นศิลปะอยุธยาตอนต้น)
สำหรับพระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถซึ่งทรงเครื่องใหญ่ก็สร้างในคติของพระพุทธเจ้าปางโปรดพญามหาชมพู ตามความในมหาชมพูบดีสูตร ซึ่งเป็นรูปแบบของพระพุทธรูปที่นิยมมากในสมัยอยุธยาตอนกลางต่อลงมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น พระพุทธรูปองค์นี้อาจเปรียบเทียบได้กับพระพุทธรูปทรงเครื่องภายในเมรุทิศเมรุรายของวัดไชยวัฒนาราม ที่สร้างขึ้นในรัชกาลพระเจ้าปราททองได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้ จึงอนุมานได้ว่าพระพุทธรูปประธานภายในพระอุโบสถวัดหน้าพระเมรุก็คงจะสร้างขึ้นในช่วงเวลานั้นด้วยเช่นกัน หรือไม่ก็คงได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในคราวนั้น ภายหลังรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์พระราชทานนามว่า พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญบรมไตรโลกนาถ (นิยมเรียกย่อว่า พระพุทธนิมิต)
ทางทิศตะวันออกของพระอุโบสถมีวิหารน้อยที่สร้างขึ้นโดยพระยาชัยวิชิต (เผือก) ในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยมีรูปแบบลอกเลียนมาจากพระอุโบสถ แต่ลดขนาดให้เล็กลงกับทั้งเปลี่ยนหน้าบันให้เป็นลายพรรณษาตามความนิยมของศิลปะในช่วงนั้น ด้านในวิหารน้อยยังมีภาพจิตรกรรมเล่าเรื่องการค้าสำเภาและพุทธชาดกต่าง ๆ และภายในประดิษฐาน พระคันธารราฐ พระพุทธรูปสมัยทวารวดีขนาดใหญ่ซึ่งอัญเชิญมาจากวัดมหาธาตุ อยุธยา เชื่อกันว่าพระพุทธรูปองค์นี้แต่เดิมคงประดิษฐานอยู่ที่จังหวัดนครปฐมมาก่อน และได้ย้ายมายังวัดมหาธาตุ อยุธยา ราวรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิก็เป็นได้ พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปศิลาเขียวประทับนั่งห้อยพระบาทที่ใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งมีอยู่ไม่กี่องค์ในเมืองไทยเวลานี้ ความเก่าแก่นั้นกล่าวได้ว่าเก่าแก่ก่อนสมัยสุโขทัย ไล่เลี่ยกับยุคสมัยของโบโรบูดูร์ หรือบรมพุทโธ บนเกาะชวาในอินโดนีเซียเมื่อกว่า 1,000 ปีมาแล้ว นับเป็น 1 ใน 6 พระพุทธรูปที่สร้างจากศิลาที่มีอยู่ในโลก เป็น 1 ใน 5 องค์ที่มีอยู่ในประเทศไทย จึงนับเป็นสิ่งที่มีค่ามาก
เจดีย์ราย 3 องค์ ที่มีรากไทรแผ่เข้าครอบคลุม ที่อยู่ด้านหลังพระอุโบสถของวัดหน้าพระเมรุ ได้ปรากฏในภาพวาดกรุงศรีอยุธยาในหนังสือของ อ็องรี มูโอ นักสำรวจชาวฝรั่งเศส ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ 5
ประวัติ
วัดหน้าพระเมรุนี้ปรากฏในพระราชพงศาวดารเป็นครั้งแรกว่า ราวปี พ.ศ. 2106 พระเจ้าบุเรงนอง (ภายหลังนับเป็นมหาราชองค์ที่ 2 ของพม่า) และสมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงทำสัญญาสงบศึก โดยได้ตั้งพลับพลาสำหรับเป็นที่เสด็จมาทรงทำสัญญาในระหว่างวัดหน้าพระเมรุแห่งนี้กับวัดหัสดาวาส ซึ่งก็ได้เจรจาสงบศึกกันได้สำเร็จในที่สุด โดยกรุงศรีอยุธยายอมมอบช้างเผือก 4 ช้างให้แก่หงสาวดี มอบบุคคลที่เคยทัดทานมิให้มอบช้างเผือกแก่หงสาวดีไปเป็นตัวประกัน ยอมส่งช้างปีละ 30 เชือก และเงินอีกปีละ 300 ช่าง และยอมให้หงสาวดีมีสิทธิเก็บภาษีอากรในเมืองมะริด ฝ่ายกรุงศรีอยุธยาก็ทรงต่อรองขอดินแดนที่ฝ่ายหงสาวดียึดไว้คืนทั้งหมด ฝ่ายหงสาวดีก็ยอมคืนแต่โดยดี และถอยกลับสู่หงสาวดี ทำให้ครั้งนั้นพระเจ้าบุเรงนองยังไม่ได้กรุงศรีอยุธยาเป็นประเทศราช เหตุการณ์เจรจาสงบศึกได้นี้เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์กรุงศรีอยุธยาฯ เสียเอกราชครั้งที่ 1 ที่เกิดขึ้นในภายหลัง (ในปี พ.ศ. 2112)
อีกครั้งหนึ่งคือ ราวปี พ.ศ. 2303 พระเจ้าอลองพญา (ภายหลังนับเป็นมหาราชองค์ที่ 3 ของพม่า) ได้ยกทัพเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยา และตั้งทัพหลวงไว้ตรงทุ่งพระเมรุ พระเจ้าอลองพญาได้ทรงบัญชาการศึกและทรงสั่งการให้นำปืนใหญ่เข้ามาตั้งในเขตวัดหน้าพระเมรุ และให้จุดไฟยิงปืนใหญ่ข้ามไปยังพระราชวังหลวงฝั่งตรงข้าม ปรากฏว่าเกิดเหตุลูกปืนอุดทำให้ปืนใหญ่ระเบิดแตกออก ต้องพระวรกายของพระเจ้าอลองพญาจนสาหัส จนต้องถอยทัพและสิ้นพระชนม์เมื่อถอยยังไม่พ้นเมืองตาก เป็นอันยุติการรุกรานกรุงศรีอยุธยาไปอีกครั้งหนึ่ง เหตุการณ์พระเจ้าอลองพญาบาดเจ็บจนต้องถอยทัพและสิ้นพระชนม์นี้เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์กรุงศรีอยุธยาฯ เสียเอกราชครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นในภายหลัง (ในปี พ.ศ. 2310)
ในงานวรรณกรรม สุนทรภู่ ได้กล่าวไว้ในนิราศภูเขาทองที่แต่งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 (หลังสิ้นรัชกาลที่ 2 ซึ่งเป็นสมัยที่สุนทรภู่ได้รับราชการอยู่) ว่า
...มาจดหน้าท่าวัดพระเมรุข้าม
ริมอารามเรือเรียงเคียงขนาน
บ้างขึ้นล่องร้องรำเล่นสำราญ
ทั้งเพลงการเกี้ยวแก้กันแซ่เซ็ง
...บ้างฉลองผ้าป่าเสภาขับ
ระนาดรับรัวคล้ายกับนายเส็ง
มีโคมรายแลอร่ามเหมือนสามเพ็ง (สำเพ็ง)
เมื่อคราวเคร่งก็มิใคร่จะได้ดู
...อ้ายลำหนึ่งครึ่งท่อนกลอนมันมาก
ช่างยาวลากเลื้อยเจื้อยจนเหนื่อยหู
ไม่จบบทลดเลี้ยวเหมือนเงี้ยวงู
จนลูกคู่ขอทุเลาว่าหาวนอน
...ได้ฟังเล่นต่างต่างที่ข้างวัด
ดึกสงัดเงียบหลับลงกับหมอน
ประมาณสามยามคล้ำในอัมพร
อ้ายโจรจรจู่จ้วงเข้าล้วงเรือ
...นาวาเอียงเสียงกุกลุกขึ้นร้อง
มันดำล่องน้ำไปช่างไวเหลือ
ไม่เห็นหน้าสานุศิษย์ที่ชิดเชื้อ
เหมือนเนื้อเบื้อบ้าเลอะดูเซอะซะ
...แต่หนูพัดจัดแจงจุดเทียนส่อง
ไม่เสียของขาวเหลืองเครื่องอัฏฐะ
ด้วยเดชะตบะบุญกับคุณพระ
ชัยชนะมารได้ดังใจปอง ฯ
ในกลอน 6 บทของนิราศภูเขาทองนี้ สุนทรภู่เล่าว่ามาจอดเรือพักที่ท่าน้ำข้างวัดหน้าพระเมรุ เพื่อจะพักผ่อนนอนหลับ รอไปสักการะเจดีย์ภูเขาทองในเช้าวันรุ่งขึ้น แต่คืนนั้นมีงานวัด พอพักหลับไปได้ กลางดึกมีเสียงกุกกักในเรือแสดงว่ามีคนเข้ามาค้นในเรือแล้วกระโดดน้ำหนีไป สุนทรภู่ที่ตกใจตื่นกับผู้ติดตามก็จุดเทียนขึ้นส่องและตรวจดูข้าวของ ก็พบว่าเครื่องอัฐบริขารที่ตั้งใจนำมานั้นยังอยู่ครบ ก็นึกถึงคุณงามความดีที่เคยบำเพ็ญมา ซึ่งก็คงหมายถึงที่ได้บวชเรียน และขอบคุณในพุทธคุณของพระพุทธรูปที่ช่วยให้ชนะผู้ร้ายได้ ดังที่กล่าวว่า '...ด้วยเดชะตบะบุญกับคุณพระ ชัยชนะมารได้ดังใจปอง...' คาดว่าคงพูดถึงพระพุทธนิมิต เนื่องจากเป็นพระพุทธรูปที่แสดงถึงการเอาชนะมารขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
คลังภาพ
-
-
- หน้าบันนารายณ์ทรงครุฑยุดนาคประทับราหูแวดล้อมด้วยเหล่าเทวดา (26 องค์)
- หลวงพ่อขาว
- พระพุทธลีลาในปี พ.ศ.2556
- เจดีย์รายมีต้นโพธิ์ปกคลุม
- บานไม้แกะสลักที่วิหารน้อย
- จิตรกรรมฝาผนังในวิหารน้อย
- พระพุทธลีลา
อ้างอิง
- มนู พูลสวัสดิ์ (2556) ประวัติวัดพระเมรุราชิการาม (วัดหน้าพระเมรุ) ที่ระลึกในพิธีถวายพระกฐินพระราชทานของกองทัพภาคที่ 1 ประจำปี 2556. เจริญวิทย์การพิมพ์.
- ปิยะภรณ์ ไพทยาภรณ์ (2559) ไทยศึกษาเพื่อการท่องเที่ยว คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี
- งานช่างหลวงแห่งแผ่นดินศิลปะอยุธยา พิมพ์ครั้งที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2560หน้า 122
- วัดพระเมรุราชิการาม จัดพิมพ์เนื่องในงานสมโภช 513 ปี วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559
- ศ.ดร.สันติ เล็กสุขุม (2560). ศิลปะอยุธยา งานช่างหลวงแห่งแผ่นดิน พิมพ์ครั้งที่ 4. สำนักพิมพ์เมืองโบราณ หน้า 118-119, 123.
- ๑๐๘ องค์พระปฏิมา พระพุทธรูปคู่แผ่นดิน กรมการศาสนา
- ๑๐๘ องค์พระปฏิมา พระพุทธรูปคู่แผ่นดิน กรมการศาสนา
- วัดพระเมรุราชิการาม จัดพิมพ์เนื่องในงานสมโภช 513 ปี วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559
- เกร็ดพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาและบางสาระที่น่ารู้ในวังหลัง-วังหน้ากรุงรัตนโกสินทร์ พิมพ์ครั้งที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2559 หน้า 128 ถึง 129
- เกร็ดพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาและบางสาระที่น่ารู้ในวังหลัง-วังหน้ากรุงรัตนโกสินทร์ พิมพ์ครั้งที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2559 หน้า 346 ถึง 347
- ชีวิตและงานของสุนทรภู่ กรมศิลปากรตรวจสอบชำระใหม่ (ประวัติ พร้อมนิราศและสุภาษิต) พิมพ์ครั้งที่ 10 พ.ศ. 2518
แหล่งข้อมูลอื่น
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ วัดหน้าพระเมรุ
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniyngtxngkarephimaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxngkhunsamarthphthnabthkhwamniidodyephimaehlngxangxingtamsmkhwr enuxhathikhadaehlngxangxingxacthuklbxxk haaehlngkhxmul wdhnaphraemru khaw hnngsuxphimph hnngsux skxlar JSTOR eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir wdhnaphraemru hrux wdhnaphraemrurachikaramwrwihar tngxyuthixaephxphrankhrsrixyuthya cnghwdphrankhrsrixyuthya rimkhlxngsrabwdanehnuxkhxngkhuemuxng aemnalphburieka trngkhamkbphrarachwnghlwng michuxedimwa wdphraemrurachkaram aetimprakthlkthanwaikhrepnphusrangaelasranginsmyid phicarnaidwa nacaepnwdsrangkhuntrngthithwayphraephlingkstriyxngkhidxngkhhnungtnsmyxyuthya miaetephiyngtananklawwaphraxngkhxinthrinrchkalsmedcphraramathibdithi 2 idsrangwdnikhunemux ph s 2046 aetimmihlkthanyunynaennxn wdhnaphraemruepnwdediywinkrungsrixyuthyathiimthukphmathalay aelayngkhngsphaphthidimak bangsnnisthanwaxacepnephraaphmaidiptngkxngbychakarxyuthiwdnikbwdhsdawas sungpccubnepnwdrangaelayngehluxsingkxsrangthiimthukthalayxyubang phraxuobsthkhxngwdhnaphraemruepnaebbxyuthyasungmiesaxyuphayin aetnacamaephimesarbchaykhathihlnginrchsmysmedcphraecaxyuhwbrmoks phraprathaninxuobsthsungsrangplaysmyxyuthya hruxidrbkarburnakhrngihyinchwngnn epnphraphuththrupthrngekhruxnghlxsaridkhnadihy danhlngphraxuobsthyngmixikxngkhhnungaetelkkwa khux phrasrixriyemtitrywdhnaphraemrurachikaramwrwiharphraxuobsth wdhnaphraemruchuxsamywdhnaphraemruthitng76 hmu 4 tabllumphli xaephxphrankhrsrixyuthya cnghwdphrankhrsrixyuthya 13000praephthphraxaramhlwngchntri chnidwrwiharnikayethrwath mhanikayphraprathanphraphuththnimitwichitmaromlisrisrrephchybrmitrolknathphraphuththrupsakhyphrakhntharrathecaxawasphraphisalwiharkic smskdi chn thkor khwamphiessobransthanewlathakarthukwn 08 30 16 30 n cudsnicphraphuththnimitwichitmaromlisrisrrephchybrmitrolknath phrakhntharrathhmayehtuepnswnhnungkhxngxuthyanprawtisastrphrankhrsrixyuthyaswnhnungkhxngsaranukrmphraphuththsasnaxakharesnasnaaelapuchniywtthusingsakhythipraktphayinwdni khux phraxuobsthaelaphraphuththrupprathanthrngekhruxngihy sungxaccaidrbkarburnakhrngihyinrchkalkhxngsmedcphraecaprasaththxng hnabnkhxngphraxuobsthepnimaekaslkpidthxngthiaesdngrupnaraynthrngkhruthyudnakhprathbrahuaewdlxmdwyehlaethwda danhnaphraxuobsthmiethwdaaewdlxm 26 xngkh danhlngphraxuobsthmiethwdaaewdlxm 22 xngkh rwmethwda 48 xngkh khtidngklawepnthiniyminsmyobranthithuxwaphramhakstriythrngepnsmmtiethph khuxepnphranaraynxwtar dngnn hnabnkhxngobsth wihar hruxprasathrachwngthiphramhakstriythrngsranghruxthrngburnakmkcatharupphranaraynthrngkhruthepnsakhy xnmikhwamhmaywawdaehngniepnphraxaramhlwng twphraxuobsthimmihnatang aetthaepnchxnglukkrngihaesngaeddaelalmphanekhaipphayin lukkrngdngklawyngthaepndxkehliymhruxthieriykwaphnnglukkrngmahwdehliym aebbediywkbphnngwiharhlwng wdmhathatu sungepnsilpaxyuthyatxntn sahrbphraphuththrupprathaninphraxuobsthsungthrngekhruxngihyksranginkhtikhxngphraphuththecapangoprdphyamhachmphu tamkhwaminmhachmphubdisutr sungepnrupaebbkhxngphraphuththrupthiniymmakinsmyxyuthyatxnklangtxlngmacnthungsmyrtnoksinthrtxntn phraphuththrupxngkhnixacepriybethiybidkbphraphuththrupthrngekhruxngphayinemruthisemruraykhxngwdichywthnaram thisrangkhuninrchkalphraecapraththxngidepnxyangdi dwyehtuni cungxnumanidwaphraphuththrupprathanphayinphraxuobsthwdhnaphraemrukkhngcasrangkhuninchwngewlanndwyechnkn hruximkkhngidrbkarburnakhrngihyinkhrawnn phayhlngrchkalthi 3 aehngkrungrtnoksinthrphrarachthannamwa phraphuththnimitwichitmaromlisrisrrephchybrmitrolknath niymeriykyxwa phraphuththnimit thangthistawnxxkkhxngphraxuobsthmiwiharnxythisrangkhunodyphrayachywichit ephuxk insmyrchkalthi 3 aehngkrungrtnoksinthr odymirupaebblxkeliynmacakphraxuobsth aetldkhnadihelklngkbthngepliynhnabnihepnlayphrrnsatamkhwamniymkhxngsilpainchwngnn daninwiharnxyyngmiphaphcitrkrrmelaeruxngkarkhasaephaaelaphuththchadktang aelaphayinpradisthan phrakhntharrath phraphuththrupsmythwarwdikhnadihysungxyechiymacakwdmhathatu xyuthya echuxknwaphraphuththrupxngkhniaetedimkhngpradisthanxyuthicnghwdnkhrpthmmakxn aelaidyaymayngwdmhathatu xyuthya rawrchkalsmedcphramhackrphrrdikepnid phraphuththrupxngkhniepnphraphuththrupsilaekhiywprathbnnghxyphrabaththiihyaelasmburnthisudinpccubn sungmixyuimkixngkhinemuxngithyewlani khwamekaaeknnklawidwaekaaekkxnsmysuokhthy ileliykbyukhsmykhxngoborbudur hruxbrmphuthoth bnekaachwainxinodniesiyemuxkwa 1 000 pimaaelw nbepn 1 in 6 phraphuththrupthisrangcaksilathimixyuinolk epn 1 in 5 xngkhthimixyuinpraethsithy cungnbepnsingthimikhamak ecdiyray 3 xngkh thimirakithraephekhakhrxbkhlum thixyudanhlngphraxuobsthkhxngwdhnaphraemru idpraktinphaphwadkrungsrixyuthyainhnngsuxkhxng xxngri muox nksarwcchawfrngess thiedinthangekhamainpraethsithysmyrchkalthi 5prawtiwdhnaphraemrunipraktinphrarachphngsawdarepnkhrngaerkwa rawpi ph s 2106 phraecabuerngnxng phayhlngnbepnmharachxngkhthi 2 khxngphma aelasmedcphramhackrphrrdithrngthasyyasngbsuk odyidtngphlbphlasahrbepnthiesdcmathrngthasyyainrahwangwdhnaphraemruaehngnikbwdhsdawas sungkidecrcasngbsukknidsaercinthisud odykrungsrixyuthyayxmmxbchangephuxk 4 changihaekhngsawdi mxbbukhkhlthiekhythdthanmiihmxbchangephuxkaekhngsawdiipepntwprakn yxmsngchangpila 30 echuxk aelaenginxikpila 300 chang aelayxmihhngsawdimisiththiekbphasixakrinemuxngmarid faykrungsrixyuthyakthrngtxrxngkhxdinaednthifayhngsawdiyudiwkhunthnghmd fayhngsawdikyxmkhunaetodydi aelathxyklbsuhngsawdi thaihkhrngnnphraecabuerngnxngyngimidkrungsrixyuthyaepnpraethsrach ehtukarnecrcasngbsukidniekidkhunkxnehtukarnkrungsrixyuthya esiyexkrachkhrngthi 1 thiekidkhuninphayhlng inpi ph s 2112 xikkhrnghnungkhux rawpi ph s 2303 phraecaxlxngphya phayhlngnbepnmharachxngkhthi 3 khxngphma idykthphekhalxmkrungsrixyuthya aelatngthphhlwngiwtrngthungphraemru phraecaxlxngphyaidthrngbychakarsukaelathrngsngkarihnapunihyekhamatnginekhtwdhnaphraemru aelaihcudifyingpunihykhamipyngphrarachwnghlwngfngtrngkham praktwaekidehtulukpunxudthaihpunihyraebidaetkxxk txngphrawrkaykhxngphraecaxlxngphyacnsahs cntxngthxythphaelasinphrachnmemuxthxyyngimphnemuxngtak epnxnyutikarrukrankrungsrixyuthyaipxikkhrnghnung ehtukarnphraecaxlxngphyabadecbcntxngthxythphaelasinphrachnmniekidkhunkxnehtukarnkrungsrixyuthya esiyexkrachkhrngthi 2 thiekidkhuninphayhlng inpi ph s 2310 innganwrrnkrrm sunthrphu idklawiwinnirasphuekhathxngthiaetngkhuninsmyrchkalthi 3 hlngsinrchkalthi 2 sungepnsmythisunthrphuidrbrachkarxyu wa macdhnathawdphraemrukham rimxarameruxeriyngekhiyngkhnan bangkhunlxngrxngraelnsaray thngephlngkarekiywaekknaesesng bangchlxngphapaesphakhb ranadrbrwkhlaykbnayesng miokhmrayaelxramehmuxnsamephng saephng emuxkhrawekhrngkmiikhrcaiddu xaylahnungkhrungthxnklxnmnmak changyawlakeluxyecuxycnehnuxyhu imcbbthldeliywehmuxnengiywngu cnlukkhukhxthuelawahawnxn idfngelntangtangthikhangwd duksngdengiybhlblngkbhmxn pramansamyamkhlainxmphr xayocrcrcucwngekhalwngerux nawaexiyngesiyngkuklukkhunrxng mndalxngnaipchangiwehlux imehnhnasanusisythichidechux ehmuxnenuxebuxbaelxaduesxasa aethnuphdcdaecngcudethiynsxng imesiykhxngkhawehluxngekhruxngxttha dwyedchatbabuykbkhunphra chychnamariddngicpxng inklxn 6 bthkhxngnirasphuekhathxngni sunthrphuelawamacxderuxphkthithanakhangwdhnaphraemru ephuxcaphkphxnnxnhlb rxipskkaraecdiyphuekhathxnginechawnrungkhun aetkhunnnminganwd phxphkhlbipid klangdukmiesiyngkukkkineruxaesdngwamikhnekhamakhnineruxaelwkraoddnahniip sunthrphuthitkictunkbphutidtamkcudethiynkhunsxngaelatrwcdukhawkhxng kphbwaekhruxngxthbrikharthitngicnamannyngxyukhrb knukthungkhunngamkhwamdithiekhybaephyma sungkkhnghmaythungthiidbwcheriyn aelakhxbkhuninphuththkhunkhxngphraphuththrupthichwyihchnaphurayid dngthiklawwa dwyedchatbabuykbkhunphra chychnamariddngicpxng khadwakhngphudthungphraphuththnimit enuxngcakepnphraphuththrupthiaesdngthungkarexachnamarkhxngxngkhphrasmmasmphuththecakhlngphaphphraphuththnimitwichitmaromlisrisrrephchybrmitrolknath phrakhntharrath hnabnnaraynthrngkhruthyudnakhprathbrahuaewdlxmdwyehlaethwda 26 xngkh hlwngphxkhaw phraphuththlilainpi ph s 2556 ecdiyraymitnophthipkkhlum banimaekaslkthiwiharnxy citrkrrmfaphnnginwiharnxy phraphuththlilaxangxingmnu phulswsdi 2556 prawtiwdphraemrurachikaram wdhnaphraemru thiralukinphithithwayphrakthinphrarachthankhxngkxngthphphakhthi 1 pracapi 2556 ecriywithykarphimph piyaphrn iphthyaphrn 2559 ithysuksaephuxkarthxngethiyw khnawithyakarcdkar mhawithyalyrachphdxudrthani nganchanghlwngaehngaephndinsilpaxyuthya phimphkhrngthi 4 minakhm ph s 2560hna 122 wdphraemrurachikaram cdphimphenuxnginngansmophch 513 pi wnthi 25 thnwakhm ph s 2559 s dr snti elksukhum 2560 silpaxyuthya nganchanghlwngaehngaephndin phimphkhrngthi 4 sankphimphemuxngobran hna 118 119 123 108 xngkhphraptima phraphuththrupkhuaephndin krmkarsasna 108 xngkhphraptima phraphuththrupkhuaephndin krmkarsasna wdphraemrurachikaram cdphimphenuxnginngansmophch 513 pi wnthi 25 thnwakhm ph s 2559 ekrdphngsawdarkrungsrixyuthyaaelabangsarathinaruinwnghlng wnghnakrungrtnoksinthr phimphkhrngthi 7 emsayn ph s 2559 hna 128 thung 129 ekrdphngsawdarkrungsrixyuthyaaelabangsarathinaruinwnghlng wnghnakrungrtnoksinthr phimphkhrngthi 7 emsayn ph s 2559 hna 346 thung 347 chiwitaelangankhxngsunthrphu krmsilpakrtrwcsxbcharaihm prawti phrxmnirasaelasuphasit phimphkhrngthi 10 ph s 2518aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb wdhnaphraemru aephnthiaelaphaphthaythangxakaskhxng wdhnaphraemru phaphthaydawethiymcakwikiaemepiy hruxkuekilaemps aephnthicaklxngduaemp hruxehiywiok phaphthaythangxakascakethxrraesirfewxr 14 21 45 N 100 33 32 E 14 3625 N 100 558889 E 14 3625 100 558889 bthkhwamxakhar hrux sthanthisakhyniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk