พุดตาน | |
---|---|
พุดตาน | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
หมวด: | Magnoliophyta |
ชั้น: | Magnoliopsida |
อันดับ: | Malvales |
วงศ์: | Malvaceae |
สกุล: | Hibiscus |
สปีชีส์: | |
ชื่อทวินาม | |
Hibiscus mutabilis L. |
พุดตาน (ชื่อวิทยาศาสตร์: Hibiscus mutabilis L.) (ชื่อสามัญ: Cotton rose, Cotton rose hibiscus, Confederate rose, Confederate rose mallow, Dixie rosemallow, Changeable Rose, Changeable rose mallow, Rose of Sharon) พรรณไม้มงคลไทยสรรพคุณทางยาควรค่าที่จะมีปลูกไว้ เป็นพันธุ์ไม้ที่ดอกสามารถเปลี่ยนสีได้ถึง 3 สี ภายใน 1 วัน ใบสวยงามมากเมื่อมีใบดกทั่วต้นโดยเป็นไม้ที่ชอบแดดจัด และไม่ชอบน้ำขัง เจริญได้ดีในดินดอนร่วนซุย ขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่งและปักชำ และยังมีสรรพคุณสามารถรักษาโรคได้อีกด้วย
ประวัติ
เป็นพันธุ์ไม้ที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน โดยชาวจีมีความเชื่อว่าเป็นพรรณไม้มงคล เนื่องจากดอกสามารถเปลี่ยนสีได้ถึง 3 สี ซึ่งเปรียบได้เสมือนกับชีวิตของคนที่เกิดมา "เป็นเด็ก" แล้วโตขึ้น "เป็นหนุ่ม" และชราวัย "เป็นแก่เฒ่า" หมุนเวียนตามวัฏจักรเกิดแก่เจ็บตายตามวัฏจักรของสรรพชีวิตเหมือนสีของดอก "พุดตาน" ที่เมื่อแรกบานจะเป็น "สีขาวบริสุทธิ์" เปรียบได้กับ "เด็กไร้เดียงสา" แล้วเปลี่ยนเป็น "สีชมพู" สดใสดุจ "คนหนุ่มสาววัยร่าเริง" และสุดท้ายจะเป็น "สีแดงเข้ม" ก่อนเหี่ยวและร่วงโรยจากต้นในที่สุด เสมือน "คนแก่วัยชรา" ที่รอวันสิ้นอายุขัย ซึ่งปัจจุบันน้อยคนมากที่จะรู้จักต้นพุดตานและเข้าใจในวัฏจักรของธรรมชาติ ที่แฝงไปด้วยองค์ความรู้ในการค้นหาความสุขที่แท้จริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้น ถึงจุดสุดท้ายแห่งชีวิต
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
พุดตานเป็นพรรณไม้จัดอยู่ในวงศ์ชบา () สูงประมาณ 2 - 5 เมตร ตามลำต้นและกิ่งมีขน อยู่ทั่วไป
- กิ่งพุดตาน จะมีสีเขียวอ่อนและแก่ขึ้นเป็นสีเขียวเข้มจนเปลี่ยนเป็นกิ่งแก้เต็มที่จะมีสีน้ำตาลปน มีขนสีเทาทั่วกิ่ง มีดอกออกที่ปลายกิ่ง
- ใบพุดตาน มีลักษณะคล้าย ขนาดใหญ่ ขอบใบหยัก มีรูปแบบใบเป็นรูปไข่กว้าง ปลายแหลม โคนรูปหัวใจ ขอบใบเว้า 3 - 5 แฉก เนื้อใบมีขนสากมือ ก้านใบยาว สีเขียวสด เวลาใบดกจะดูสวยงามมาก ใบกว้างประมาณ 9-20 เซนติเมตรและยาวประมาณ 10-22 เซนติเมตร
- ดอกพุดตาน ดอกออกเป็นดอกเดี่ยว หรือเป็นช่อ 1 - 3 ดอก ออกบริเวณซอกใบและปลายกิ่ง มีริ้วประดับ 7-10 อัน ดอกมีกลีบเกลี้ยง 5 แฉก มีขนทั่วดอก มีกลีบดอกตั้งแต่ 5 กลีบไปจนถึง 10 กลีบ ตามแต่สายพันธุ์ ดอกมีขนาดใหญ่ ดอกมียอดเกสรตัวเมียสีเหลือง เมื่อดอกบานเต็มที่จะมีขนาดกว้างประมาณ 8-12 เซนติเมตร ลักษณะคล้ายดอกชบาซ้อน โดยดอกจะบานในตอนเช้าช่วง 7 - 8 นาฬิกา โดยเมื่อดอกแรกบานจะ "เป็นสีขาว" ทั่วทั้งดอก เมื่อสายดอกจะค่อยๆ เปลี่ยนสี "เป็นสีชมพูและเป็นสีชมพูเข้ม" โดยมีสีชมพูปนขาว จนชมพูทั่วทั้งดอก ใน "ตอนบ่าย" และดอกจะเปลี่ยน "เป็นสีแดงและสีแดงเข้ม" โดยมีสีแดงปนชมพู ใน "ตอนเย็น" จนกลายเป็นสีแดงเข้มทั่วทั้งดอก แล้วร่วงโรยในที่สุด พุดตานออกดอกดกตลอดทั้งปี จึงเหมาะสำหรับปลูกไว้เป็นไม้ประดับที่ควรมีปลูกไว้
- ผลพุดตาน รูปทรงกลม ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด
ต้นพุดตาน ชอบอยู่กลางแจ้ง ชอบแสงแดดจัด ไม่ชอบที่แฉะหรือมีน้ำขัง ปลูกได้ดีในที่ดอน ดินร่วนซุย ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง
สารสำคัญที่พบ
ในดอกพุดตานจะมีสาร (Flavonoid glycosides) โดยสารชนิดนี้จะมีปริมาณเปลี่ยนไปตามสีของดอกเมื่อดอกบาน โดยสีแดงจะมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ในช่วงที่ดอกมีสีแดงเข้ม โดยจะมีปริมาณเป็น 3 เท่าของตอนที่ดอกยังเป็นสีชมพู
สายพันธุ์พุดตานที่พบ
พบว่าพุดตานมีมากกว่า 5 สายพันธุ์ ตามขนาดของดอก ตั้งแต่ โดยมีขนาดดอกเทียบเท่ากับฝ่ามือของเด็ก และ สายพันธุ์ดอกขนาดกลางเทียบได้กับฝ่ามือของวัยรุ่น ไปจนถึง โดยสายพันธุ์พุดตานดอกใหญ่เทียบได้กับหนึ่งฝ่ามือผู้ใหญ่โตเต็มวัย
การขยายพันธุ์พุดตาน
พุดตานสามารถขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่งและปักชำกิ่ง
สรรพคุณทางเภสัชวิทยา
- ลักษณะใบ และดอกพุดตาน
- ลักษณะช่อดอก ของพุดตาน
- สีของดอกพุดตาน ที่เปลี่ยนแปลง
ใบ หรือ ดอกสด ตำผสมน้ำผึ้งทาบริเวณที่เป็นฝี หรือบริเวณที่ถูกผึ้งต่อยไม่ให้เกิดการอักเสบได้ ใบแห้ง บดเป็นผงเตรียมเป็นขี้ผึ้งรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกดีมาก ซึ่งสารสำคัญในดอกคือ สารฟลาโวนอยด์ไกลโคไซด์ (Flavonoid glycosides) นอกจากนั้น ใบแห้ง จำนวน 15 ใบ บดให้ละเอียดแล้วใส่ไข่ขาวผสมให้เข้ากันนำไปพอกบริเวณที่เป็น "คางทูม" ทำพอกวันละ2 ครั้ง คือ เช้าและเย็น ทำพอกจนกว่าจะหายคอบวม หรือ ใช้ดอกแห้ง 12 กรัม และ ใบสด 40 กรัมต้มน้ำดื่ม หรือ จะบดรวมกัน แล้วใส่ไข่ขาวนำไปทาบริเวณที่เป็นคางทูมก็ได้เหมือนกัน หากใครถูกไฟลวก น้ำร้อนลวก จนผิวหนังเป็นแผลพุพองไม่ถึงกับเป็นแผลลึกนัก ให้ใช้ใบสด 4 ใบ ตำละเอียดผสมกับน้ำมันมะพร้าวทาบ่อยๆ อาการจะค่อยๆดีขึ้นเห็นได้ชัด ใครเป็น "งูสวัด" ใช้ใบสด 5 กรัม ตำใส่น้ำซาวข้าวทาบริเวณที่เป็นเรื่อยๆจะหายได้ หรือจะใช้ราก ตำนำไปพอกบริเวณที่เป็น "งูสวัด" รักษาได้เช่นกัน ทั้งนี้จากการพบสารสำคัญในกลุ่มฟลาโวนอยด์ และสารสำคัญแอนโทไซยานิน ดอกอาจสามารถใช้ในการป้องกันและรักษาโรคมะเร็งได้อีกด้วย แต่ยังไม่มีงานวิจัยในเรื่องดังกล่าว จึงเหมาะสำหรับการนำไปศึกษาวิจัย ในลำดับต่อไป
อ้างอิง
- https://www.thairath.co.th/content/816
- https://www.thairath.co.th/content/816
- https://medthai.com/พุดตาน/
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phudtanphudtankarcaaenkchnthangwithyasastrxanackr Plantaehmwd Magnoliophytachn Magnoliopsidaxndb Malvaleswngs Malvaceaeskul Hibiscusspichis chuxthwinamHibiscus mutabilis L phudtan chuxwithyasastr Hibiscus mutabilis L chuxsamy Cotton rose Cotton rose hibiscus Confederate rose Confederate rose mallow Dixie rosemallow Changeable Rose Changeable rose mallow Rose of Sharon phrrnimmngkhlithysrrphkhunthangyakhwrkhathicamiplukiw epnphnthuimthidxksamarthepliynsiidthung 3 si phayin 1 wn ibswyngammakemuxmiibdkthwtnodyepnimthichxbaeddcd aelaimchxbnakhng ecriyiddiindindxnrwnsuy khyayphnthudwykartxnkingaelapkcha aelayngmisrrphkhunsamarthrksaorkhidxikdwyprawtikarepliynsirahwangwnkhxngdxkphudtan epnphnthuimthimithinkaenidcakpraethscin odychawcimikhwamechuxwaepnphrrnimmngkhl enuxngcakdxksamarthepliynsiidthung 3 si sungepriybidesmuxnkbchiwitkhxngkhnthiekidma epnedk aelwotkhun epnhnum aelachrawy epnaeketha hmunewiyntamwtckrekidaekecbtaytamwtckrkhxngsrrphchiwitehmuxnsikhxngdxk phudtan thiemuxaerkbancaepn sikhawbrisuththi epriybidkb edkirediyngsa aelwepliynepn sichmphu sdisduc khnhnumsawwyraering aelasudthaycaepn siaedngekhm kxnehiywaelarwngorycaktninthisud esmuxn khnaekwychra thirxwnsinxayukhy sungpccubnnxykhnmakthicarucktnphudtanaelaekhaicinwtckrkhxngthrrmchati thiaefngipdwyxngkhkhwamruinkarkhnhakhwamsukhthiaethcring tngaetcuderimtn thungcudsudthayaehngchiwitlksnathangphvkssastrphudtanepnphrrnimcdxyuinwngschba sungpraman 2 5 emtr tamlatnaelakingmikhn xyuthwip kingphudtan camisiekhiywxxnaelaaekkhunepnsiekhiywekhmcnepliynepnkingaeketmthicamisinatalpn mikhnsiethathwking midxkxxkthiplayking ibphudtan milksnakhlay khnadihy khxbibhyk mirupaebbibepnrupikhkwang playaehlm okhnruphwic khxbibewa 3 5 aechk enuxibmikhnsakmux kanibyaw siekhiywsd ewlaibdkcaduswyngammak ibkwangpraman 9 20 esntiemtraelayawpraman 10 22 esntiemtr dxkphudtan dxkxxkepndxkediyw hruxepnchx 1 3 dxk xxkbriewnsxkibaelaplayking miriwpradb 7 10 xn dxkmiklibekliyng 5 aechk mikhnthwdxk miklibdxktngaet 5 klibipcnthung 10 klib tamaetsayphnthu dxkmikhnadihy dxkmiyxdeksrtwemiysiehluxng emuxdxkbanetmthicamikhnadkwangpraman 8 12 esntiemtr lksnakhlaydxkchbasxn odydxkcabanintxnechachwng 7 8 nalika odyemuxdxkaerkbanca epnsikhaw thwthngdxk emuxsaydxkcakhxy epliynsi epnsichmphuaelaepnsichmphuekhm odymisichmphupnkhaw cnchmphuthwthngdxk in txnbay aeladxkcaepliyn epnsiaedngaelasiaedngekhm odymisiaedngpnchmphu in txneyn cnklayepnsiaedngekhmthwthngdxk aelwrwngoryinthisud phudtanxxkdxkdktlxdthngpi cungehmaasahrbplukiwepnimpradbthikhwrmiplukiw phlphudtan rupthrngklm khyayphnthudwyemld tnphudtan chxbxyuklangaecng chxbaesngaeddcd imchxbthiaechahruxminakhng plukiddiinthidxn dinrwnsuy txngkarnaaelakhwamchunpanklangsarsakhythiphbindxkphudtancamisar Flavonoid glycosides odysarchnidnicamiprimanepliyniptamsikhxngdxkemuxdxkban odysiaedngcamisaraexnothisyanin Anthocyanin inchwngthidxkmisiaedngekhm odycamiprimanepn 3 ethakhxngtxnthidxkyngepnsichmphusayphnthuphudtanthiphbphbwaphudtanmimakkwa 5 sayphnthu tamkhnadkhxngdxk tngaet odymikhnaddxkethiybethakbfamuxkhxngedk aela sayphnthudxkkhnadklangethiybidkbfamuxkhxngwyrun ipcnthung odysayphnthuphudtandxkihyethiybidkbhnungfamuxphuihyotetmwykarkhyayphnthuphudtanphudtansamarthkhyayphnthudwykartxnkingaelapkchakingsrrphkhunthangephschwithyalksnaib aeladxkphudtan lksnachxdxk khxngphudtan sikhxngdxkphudtan thiepliynaeplng ib hrux dxksd taphsmnaphungthabriewnthiepnfi hruxbriewnthithukphungtxyimihekidkarxkesbid ibaehng bdepnphngetriymepnkhiphungrksaaephlifihm narxnlwkdimak sungsarsakhyindxkkhux sarflaownxydiklokhisd Flavonoid glycosides nxkcaknn ibaehng canwn 15 ib bdihlaexiydaelwisikhkhawphsmihekhaknnaipphxkbriewnthiepn khangthum thaphxkwnla2 khrng khux echaaelaeyn thaphxkcnkwacahaykhxbwm hrux ichdxkaehng 12 krm aela ibsd 40 krmtmnadum hrux cabdrwmkn aelwisikhkhawnaipthabriewnthiepnkhangthumkidehmuxnkn hakikhrthukiflwk narxnlwk cnphiwhnngepnaephlphuphxngimthungkbepnaephlluknk ihichibsd 4 ib talaexiydphsmkbnamnmaphrawthabxy xakarcakhxydikhunehnidchd ikhrepn nguswd ichibsd 5 krm taisnasawkhawthabriewnthiepneruxycahayid hruxcaichrak tanaipphxkbriewnthiepn nguswd rksaidechnkn thngnicakkarphbsarsakhyinklumflaownxyd aelasarsakhyaexnothisyanin dxkxacsamarthichinkarpxngknaelarksaorkhmaerngidxikdwy aetyngimminganwicyineruxngdngklaw cungehmaasahrbkarnaipsuksawicy inladbtxipxangxinghttps www thairath co th content 816 https www thairath co th content 816 https medthai com phudtan bthkhwamphichniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk