สาเกีย (ทิเบต. ས་སྐྱ་, Wyl. sa skya) ซึ่งเป็นหนึ่งใน 4 นิกายหลักของพุทธศาสนาในทิเบต ได้ชื่อมาจากอารามสาเกีย ซึ่งก่อตั้งโดยเคิน คนชก เกียลโป (Khön Könchok Gyalpo) ในปีค.ศ. 1073 หลายคนเข้าใจผิดว่า สาเกีย หมายถึง ศากยะ แต่ในความเป็นจริงชื่อสาเกียมีความหมายตามตัวอักษรว่า "ดินสีเทา" เป็นการเอ่ยอ้างถึงสถานที่ที่มีดินเป็นสีซีดผิดปกติ ณ บริเวณนั้นอิทธิพลของนิกายสาเกียที่แพร่หลายของปรมาจารย์ในยุคแรกสุดของอาราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบูรพาจารย์ที่สำคัญที่สุด 5 องค์ที่ขนานนามว่าเป็น พระสังฆปรินายกแห่งนิกายสาเกีย (Five Sakya Patriarchs) จึงได้พัฒนาจนกลายเป็นหนึ่งในสำนักหลักในพุทธศาสนาแบบทิเบตอย่างรวดเร็ว โดยพัฒนาชื่อเสียงพิเศษในด้านพระปริยัติธรรม และการตีความคำสอนที่สำคัญที่สุดในทิเบต
ประวัติ
นิกายสาเกียมีต้นกำเนิดมาจากตระกูลเคิน (Khön) โบราณในทิเบต ในยุคสมัยที่คุรุปัทมสมภพยังประทับอยู่ในทิเบต ท่านมีอัครสาวกคนหนึ่งชื่อว่า เคิน ลูยี วังโม (Khön Luyi Wangpo) และเป็นหนึ่งในคณะกุลบุตรชาวทิเบต 7 คนแรกที่ได้รับการอุปสมบทเป็นพระสงฆ์จากพระศานตรักษิตเถระ สายตระกูลเคินได้สืบทอดคำสอนมาทางสายเลือดมาจนหลายรุ่นต่อมา จนถึงในปีค.ศ. 1073 ท่านเคิน คนโชก เกียลโป (Khön Könchok Gyalpo) ได้สร้างอารามสาเกียขึ้นในแคว้นซัง (Tsang)
นิกายสาเกียถูกสถาปนาขึ้นและเป็นปึกแผ่นโดยปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ๕ คน ได้แก่ ซาเชน คุงก้า ญิงโป (1092-1158) และถ่ายทอดสู่บุตรชายของท่าน 2 คน คือ โซนัม เซโม (1142-1182) และดรักปา เกียลเซล (1147-1216) ต่อมาสืบทอดสู่รุ่นหลาน คือ สาเกีย บัณฑิต (1182-1251) และรุ่นเหลน คือ โชเกียล พักป้า (ค.ศ. 1235-1280)
คำสอน
นิกายสาเกียมีการแบ่งเป็นสายธรรมย่อย ๆ เช่นเดียวกับนิกายอื่น ๆ คำสอนที่ถือเป็นแก่นของนิกาย คือ ลัมเดร (สันสกฤต. มรฺคผล; ทิเบต. ལམ་འབྲས་, Wyl. lam ‘bras) เป็นแนวทางที่กล่าวถึงมรรควิถีและผลที่ได้รับการสืบทอดมาจากท่านวิรูปะ กล่าวคือการเน้นให้เห็นถึงสภาวะอันไม่สามารถแยกสังสารวัฏและนิพพานออกจากกันได้ เพราะจิตมีรากฐานอยู่ทั้ง 2 อย่าง ดังนั้น ผู้ฝึกฝนจำเป็นต้องศึกษาให้เข้าใจถ่องแท้ทั้ง 2 สภาวะ (ทวิภาวะ) ทำให้ผู้ที่จะศึกษาลัมเดรจึงประกอบด้วย 2 ส่วนที่ต้องศึกษาคือ
- นังซุม (Tib. སྣང་གསུམ་, Wyl. snang gsum) คือการศึกษาบนพื้นฐานพระสูตร
- กยูซุม (Tib. རྒྱུད་གསུམ་, Wyl. rgyud gsum) คือการศึกษาบนพื้นฐานพระตันตระ ซึ่งส่วนนี้นำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นหลักของนิกายนี้คือ การปฏิบัติที่เกี่ยวกับตันตระในระดับอนุตตรโยคตันตระ เช่น เหวัชรตันตระ
บทบาททางการเมือง
นิกายซากยาเคยมีบทบาทปกครองดินแดนแถบทิเบตอยู่ราว 100 ปี เยื่องจากในยุคของท่านโชเกียล พักป้า นิกายสาเกียได้รับการอุปถัมภ์โดยราชสำนักหยวน และในปีค.ศ. 1253 พระจักรพรรดิกุบไลข่านได้มอบพระราชอำนาจการปกครองของทิเบตทั้งหมดให้กับท่านโชเกียล พักป้า และสถาปนาเป็นมหาราชครู มีอำนาจทางการเมืองของสาเกียนี้กินเวลาประมาณหนึ่งศตวรรษ นอกจากนี้ท่านยังมีผลงานการประดิษฐ์อักษรพักปาเพื่อใช้เขียนภาษามองโกเลีย พระจักรรพรรดิกุบไลข่านพอใจผลงานของพักปาจึงแต่งตั้งให้พักปามีอำนาจปกครองทิเบต 3 แคว้น ถือว่าพักปาเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ทิเบตที่มีอำนาจทั้งทางศาสนาและการเมือง
ในช่วงศตวรรษที่ 14 ทิชรี คุนก้า โลโดร เกียลเซล (Tishri Kunga Lodrö Gyaltsen ค.ศ.1299-1327) หลานชายคนโตของน้องชายท่านสาเกีย บัณฑิต ได้สร้างพระตำหนัก หรือ ลารัง (Tib. labrang) ขึ้นเพื่อแสดงถึงอำนาจการปกครองของสาเกียในการปกครองทิเบตอยู่ 4 หลัง ได้แก่ ซิงตก ,รินเชน กัง, ลาคัง และดูโชะ โดยกระจากอำนาจการปกครองแก่ญาติ ๆ ในเชื้อสายตระกูลเคินไปประจำในพระตำหนักต่าง ๆ ในช่วงศตวรรษที่ 18 พระตำหนักดูโชะ (Düchö Labrang) ถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายโดรลมา โพดรัง (Drolma Podrang) และฝ่ายพุนซก โพดรัง (Phuntsok Podrang) โดยสิทธิอำนาจความเป็นผู้นำในตระกูลเคินและการขึ้นครองบัลลังก์เป็นพระสังฆราชของนิกายสาเกีย จะมาจากผู้มีสายเลือดตระกูลเคินและจะสลับสับเปลี่ยนระหว่าง คือ ฝ่ายโดรลมา โพดรัง และฝ่ายพุนซก โพดรัง
อ้างอิง
- https://www.rigpawiki.org/index.php?title=Lamdr%C3%A9
- Chogay Trichen, The History of the Sakya Tradition, Ganesha Press, 1983,
- ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ ษัฏเสน. พระพุทธศาสนาแบบทิเบต. กทม. : ศูนย์ไทยทิเบต, 2538.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
saekiy thiebt ས ས Wyl sa skya sungepnhnungin 4 nikayhlkkhxngphuththsasnainthiebt idchuxmacakxaramsaekiy sungkxtngodyekhin khnchk ekiylop Khon Konchok Gyalpo inpikh s 1073 hlaykhnekhaicphidwa saekiy hmaythung sakya aetinkhwamepncringchuxsaekiymikhwamhmaytamtwxksrwa dinsietha epnkarexyxangthungsthanthithimidinepnsisidphidpkti n briewnnnxiththiphlkhxngnikaysaekiythiaephrhlaykhxngprmacaryinyukhaerksudkhxngxaram odyechphaaxyangyingburphacarythisakhythisud 5 xngkhthikhnannamwaepn phrasngkhprinaykaehngnikaysaekiy Five Sakya Patriarchs cungidphthnacnklayepnhnunginsankhlkinphuththsasnaaebbthiebtxyangrwderw odyphthnachuxesiyngphiessindanphrapriytithrrm aelakartikhwamkhasxnthisakhythisudinthiebtwiharkhxngnikaysakyainthiebtprawtinikaysaekiymitnkaenidmacaktrakulekhin Khon obraninthiebt inyukhsmythikhurupthmsmphphyngprathbxyuinthiebt thanmixkhrsawkkhnhnungchuxwa ekhin luyi wngom Khon Luyi Wangpo aelaepnhnunginkhnakulbutrchawthiebt 7 khnaerkthiidrbkarxupsmbthepnphrasngkhcakphrasantrksitethra saytrakulekhinidsubthxdkhasxnmathangsayeluxdmacnhlayruntxma cnthunginpikh s 1073 thanekhin khnochk ekiylop Khon Konchok Gyalpo idsrangxaramsaekiykhuninaekhwnsng Tsang nikaysaekiythuksthapnakhunaelaepnpukaephnodyprmacaryphuyingihy 5 khn idaek saechn khungka yingop 1092 1158 aelathaythxdsubutrchaykhxngthan 2 khn khux osnm esom 1142 1182 aeladrkpa ekiylesl 1147 1216 txmasubthxdsurunhlan khux saekiy bnthit 1182 1251 aelarunehln khux ochekiyl phkpa kh s 1235 1280 khasxnnikaysaekiymikaraebngepnsaythrrmyxy echnediywkbnikayxun khasxnthithuxepnaeknkhxngnikay khux lmedr snskvt mr khphl thiebt ལམ འབ ས Wyl lam bras epnaenwthangthiklawthungmrrkhwithiaelaphlthiidrbkarsubthxdmacakthanwirupa klawkhuxkarennihehnthungsphawaxnimsamarthaeyksngsarwtaelaniphphanxxkcakknid ephraacitmirakthanxyuthng 2 xyang dngnn phufukfncaepntxngsuksaihekhaicthxngaeththng 2 sphawa thwiphawa thaihphuthicasuksalmedrcungprakxbdwy 2 swnthitxngsuksakhux nngsum Tib ས ང གས མ Wyl snang gsum khuxkarsuksabnphunthanphrasutrsadbkarsubsaythrrmkhxngnikaysaekiyaelaphrasngkhprinaykthng 5 aehngnikaysaekiy kyusum Tib ར ད གས མ Wyl rgyud gsum khuxkarsuksabnphunthanphratntra sungswnninaipsukarptibtithiepnhlkkhxngnikaynikhux karptibtithiekiywkbtntrainradbxnuttroykhtntra echn ehwchrtntrabthbaththangkaremuxngnikaysakyaekhymibthbathpkkhrxngdinaednaethbthiebtxyuraw 100 pi eyuxngcakinyukhkhxngthanochekiyl phkpa nikaysaekiyidrbkarxupthmphodyrachsankhywn aelainpikh s 1253 phrackrphrrdikubilkhanidmxbphrarachxanackarpkkhrxngkhxngthiebtthnghmdihkbthanochekiyl phkpa aelasthapnaepnmharachkhru mixanacthangkaremuxngkhxngsaekiynikinewlapramanhnungstwrrs nxkcaknithanyngmiphlngankarpradisthxksrphkpaephuxichekhiynphasamxngokeliy phrackrrphrrdikubilkhanphxicphlngankhxngphkpacungaetngtngihphkpamixanacpkkhrxngthiebt 3 aekhwn thuxwaphkpaepnkhnaerkinprawtisastrthiebtthimixanacthngthangsasnaaelakaremuxng inchwngstwrrsthi 14 thichri khunka olodr ekiylesl Tishri Kunga Lodro Gyaltsen kh s 1299 1327 hlanchaykhnotkhxngnxngchaythansaekiy bnthit idsrangphratahnk hrux larng Tib labrang khunephuxaesdngthungxanackarpkkhrxngkhxngsaekiyinkarpkkhrxngthiebtxyu 4 hlng idaek singtk rinechn kng lakhng aeladuocha odykracakxanackarpkkhrxngaekyati inechuxsaytrakulekhinippracainphratahnktang inchwngstwrrsthi 18 phratahnkduocha Ducho Labrang thukaebngxxkepn 2 fay khux fayodrlma ophdrng Drolma Podrang aelafayphunsk ophdrng Phuntsok Podrang odysiththixanackhwamepnphunaintrakulekhinaelakarkhunkhrxngbllngkepnphrasngkhrachkhxngnikaysaekiy camacakphumisayeluxdtrakulekhinaelacaslbsbepliynrahwang khux fayodrlma ophdrng aelafayphunsk ophdrngxangxinghttps www rigpawiki org index php title Lamdr C3 A9 Chogay Trichen The History of the Sakya Tradition Ganesha Press 1983 ISBN 978 0950911908 chtrsumaly kbilsingh stesn phraphuththsasnaaebbthiebt kthm sunyithythiebt 2538