สวดคฤหัสถ์ หรือ สวดกะหัด คือการสวดชนิดหนึ่ง เป็นการเล่นที่นิยมเล่นในงานศพ เป็นการเล่นเลียนแบบการสวดพระอภิธรรมของพระสงฆ์ และเล่นในตอนดึกหลังจากพระสงฆ์สวดพระอภิธรรมเสร็จแล้ว
การแสดงจะมีบทสวด "พื้น" อยู่ 4 อย่าง คือ พื้นพระอภิธรรม (สวดบทพระอภิธรรม) พื้นโพชฌงค์มอญหรือหับเผย พื้นพระมาลัย (สวดเรื่องพระมาลัย) และพื้นมหาชัย 1 แต่ที่นิยมใช้สวดกันอย่างแพร่หลาย คือพื้นพระอภิธรรม แต่เดิมเป็นการละเล่นของพระสงฆ์ซึ่งสวดมนต์แล้วออกลำนำเป็นภาษาต่างๆ มีปรากฏในกฎหมายตราสามดวง ห้ามไม่ให้พระสงฆ์สวดออกลำนำแบบนี้ จากนั้นจึงแพร่หลายมาในหมู่ชาวบ้าน และเริ่มมีการแต่งตัวตามภาษาที่ใช้สวด
การเล่น
สถานที่เล่นอาจเล่นตามวัด หรือเล่นที่บ้าน จะเล่นกันแต่ตอนค่ำ บ้างก็เลิกจนรุ่งสว่าง ผู้เล่นสวดคฤหัสถ์มีทั้งพระสงฆ์และฆราวาส เรียกผู้สวดว่า “นักสวด” และเรียกผู้สวดคณะหนึ่งๆ ว่า “สำรับ” โดยแบ่งนักสวดเป็น 2 ประเภทคือ นักสวดอาชีพ และนักสวดสมัครเล่น นักสวดอาชีพมีทั้งสำรับพระสงฆ์ และสำรับฆราวาส สำรับหนึ่งมี 4 คน ที่นั่งสำหรับสวดเรียกว่า "ร้าน" ผู้ที่สวดทุกคนถือตาลปัตร ตั้งตู้พระธรรมข้างหน้า ตำแหน่งนักสวดทั้ง 4 คนนั่งเรียงจากซ้ายไปขวาของผู้ชมดังนี้
- ตัวตุ๊ย คือตัวตลก มีหน้าที่ทำความขบขันให้แก่ผู้ชม แต่จะต้องอยู่ในแบบไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางไป
- แม่คู่ (หรือคอหนึ่ง) มีหน้าที่ขึ้นต้นบท และนำทางที่จะแยกการแสดงออกไปเล่นในชุดใด ยังเป็นตัวซักไซ้ให้เกิดความขบขันจากตัวตลกด้วย
- คอสอง มีหน้าที่เป็นผู้ช่วยแม่คู่ คอยซักสอดเพิ่มเติม
- ตัวภาษา เป็นตัวภาษาต่างๆ และตัวนาง ผู้ทำหน้าที่นี้จะต้องร้องเพลงได้ดี พูดเลียนสำเนียงภาษาต่างๆได้ชัดเจน
เมื่อเริ่มสวดคฤหัสถ์นักสวดทั้งหมดจะใช้ตาลปัตรบังหน้าเหมือนพระสวดพระอภิธรรม หากเป็นบทสวด คฤหัสถ์ของ “สำรับพระ” จะขึ้นต้นบทสวดสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยพร้อมกัน 3 จบ แล้วจึงขึ้นบทสวด ตัวตุ๊ยก็จะขยับมือข้างหนึ่งออกท่ารำขณะที่ยังถือตาลปัตรอยู่ แม่คู่คนที่อยู่ใกล้จึงยึดมือไว้สักอึดใจหนึ่ง แต่ตัวตุ๊ยยังขยับมือรำอีกแต่จะเป็น 2 มือ หลังจากนั้นจึงมีการเจรจาระหว่างตัวตุ๊ยและแม่คู่
การเริ่มลองเสียงจะร้องว่า "เออเฮอะ เออๆๆๆ" หลายๆครั้ง ต่อจากนี้จึงขึ้นบท "เอ๋ย กุ...สลา ฯลฯ" แล้วจึงสวดแยกออกร้องเพลง ตัวตุ๊ยกับตัวภาษาก็ขึ้นรำแสดงท่าทาง มีการตี และตบกันด้วยตาลปัตรบ้างตามสมควร แล้วจึงหันเข้าบทพระธรรม ตัวภาษาตีกลองเข้าจังหวะเพลง ตัวตุ๊ยเข้าแทรกประกอบ แล้วจึงร้องลำจีนกำกับท้ายกราวต่อจากนี้จึงแยกออกชุดจีน และชุดอื่น ๆ ต่อไป ซึ่งการแสดงชุดต่าง ๆ ยังมีอีกมากแล้วแต่ทางคณะเช่น ชุดภาษาญวน มอญ แขก ลาว พม่า เขมร ฝรั่ง เพลงฉ่อย และละคร เป็นต้น ไม่มีการวางลำดับตายตัว
การเล่นพื้นพระอภิธรรม
ในการเล่นพื้นพระอภิธรรม ทั้งสี่คนจะสวดบทพระสังคิณี เริ่มจากบทสวดภาษาบาลีก่อน แล้วจึงเจือลำนำทีละน้อยจนเป็นลำนำล้วน เมื่อท้ายตู้กับหัวตู้แต่งตัวพร้อมแล้วจะร้องลำนำเป็นเรื่องต่างๆ เช่นออกภาษาไทยจะเล่นเรื่องไกรทอง รามเกียรติ์เป็นต้น ถ้าออกภาษาจีน จะนิยมเล่นเรื่อง ตั๋งโต๊ะ-เตียวเสี้ยน (สามก๊ก) และจีนไหหลำ ซึ่งเป็นการเจรจาโต้ตอบแบบจำอวด ถ้าออกภาษาลาว นิยมเล่นเพลง ถ้าออกภาษาญวน ใช้บทสวดสังคโหและใช้เพลง
อิทธิพล
ในระยะต่อมาเมื่อการเล่นสวดคฤหัสถ์เสื่อมความนิยมลงไป ได้มีอิทธิพลต่อการละเล่นในยุคต่อมาคือ การเล่นจำอวด ปี่พาทย์ออกสิบสองภาษา การออกหางเครื่องลูกบทของมโหรี ปี่พาทย์ และเครื่องลูกบทของลิเก
อ้างอิง
- สวดคฤหัสถ์[]
- ภาษิต จิตรภาษา. สวดคฤหัสถ์. ศิลปวัฒนธรรม. 17(3): มกราคม 2539. หน้า 68-71
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2005-02-28. สืบค้นเมื่อ 2008-10-04.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
swdkhvhsth hrux swdkahd khuxkarswdchnidhnung epnkarelnthiniymelninngansph epnkarelneliynaebbkarswdphraxphithrrmkhxngphrasngkh aelaelnintxndukhlngcakphrasngkhswdphraxphithrrmesrcaelwswdkhvhsth karaesdngcamibthswd phun xyu 4 xyang khux phunphraxphithrrm swdbthphraxphithrrm phunophchchngkhmxyhruxhbephy phunphramaly swderuxngphramaly aelaphunmhachy 1 aetthiniymichswdknxyangaephrhlay khuxphunphraxphithrrm aetedimepnkarlaelnkhxngphrasngkhsungswdmntaelwxxklanaepnphasatang mipraktinkdhmaytrasamdwng hamimihphrasngkhswdxxklanaaebbni caknncungaephrhlaymainhmuchawban aelaerimmikaraetngtwtamphasathiichswdkarelnsthanthielnxacelntamwd hruxelnthiban caelnknaettxnkha bangkelikcnrungswang phuelnswdkhvhsthmithngphrasngkhaelakhrawas eriykphuswdwa nkswd aelaeriykphuswdkhnahnung wa sarb odyaebngnkswdepn 2 praephthkhux nkswdxachiph aelankswdsmkhreln nkswdxachiphmithngsarbphrasngkh aelasarbkhrawas sarbhnungmi 4 khn thinngsahrbswderiykwa ran phuthiswdthukkhnthuxtalptr tngtuphrathrrmkhanghna taaehnngnkswdthng 4 khnnngeriyngcaksayipkhwakhxngphuchmdngni twtuy khuxtwtlk mihnathithakhwamkhbkhnihaekphuchm aetcatxngxyuinaebbimihxxknxklunxkthangip aemkhu hruxkhxhnung mihnathikhuntnbth aelanathangthicaaeykkaraesdngxxkipelninchudid yngepntwskisihekidkhwamkhbkhncaktwtlkdwy khxsxng mihnathiepnphuchwyaemkhu khxysksxdephimetim twphasa epntwphasatang aelatwnang phuthahnathinicatxngrxngephlngiddi phudeliynsaeniyngphasatangidchdecn emuxerimswdkhvhsthnkswdthnghmdcaichtalptrbnghnaehmuxnphraswdphraxphithrrm hakepnbthswd khvhsthkhxng sarbphra cakhuntnbthswdsrresriykhunphrartntryphrxmkn 3 cb aelwcungkhunbthswd twtuykcakhybmuxkhanghnungxxktharakhnathiyngthuxtalptrxyu aemkhukhnthixyuiklcungyudmuxiwskxudichnung aettwtuyyngkhybmuxraxikaetcaepn 2 mux hlngcaknncungmikarecrcarahwangtwtuyaelaaemkhu karerimlxngesiyngcarxngwa exxehxa exx hlaykhrng txcaknicungkhunbth exy ku sla l aelwcungswdaeykxxkrxngephlng twtuykbtwphasakkhunraaesdngthathang mikarti aelatbkndwytalptrbangtamsmkhwr aelwcunghnekhabthphrathrrm twphasatiklxngekhacnghwaephlng twtuyekhaaethrkprakxb aelwcungrxnglacinkakbthaykrawtxcaknicungaeykxxkchudcin aelachudxun txip sungkaraesdngchudtang yngmixikmakaelwaetthangkhnaechn chudphasaywn mxy aekhk law phma ekhmr frng ephlngchxy aelalakhr epntn immikarwangladbtaytw karelnphunphraxphithrrm inkarelnphunphraxphithrrm thngsikhncaswdbthphrasngkhini erimcakbthswdphasabalikxn aelwcungecuxlanathilanxycnepnlanalwn emuxthaytukbhwtuaetngtwphrxmaelwcarxnglanaepneruxngtang echnxxkphasaithycaelneruxngikrthxng ramekiyrtiepntn thaxxkphasacin caniymelneruxng tngota etiywesiyn samkk aelacinihhla sungepnkarecrcaottxbaebbcaxwd thaxxkphasalaw niymelnephlng thaxxkphasaywn ichbthswdsngkhohaelaichephlngxiththiphlinrayatxmaemuxkarelnswdkhvhsthesuxmkhwamniymlngip idmixiththiphltxkarlaelninyukhtxmakhux karelncaxwd piphathyxxksibsxngphasa karxxkhangekhruxnglukbthkhxngmohri piphathy aelaekhruxnglukbthkhxngliekxangxingswdkhvhsth lingkesiy phasit citrphasa swdkhvhsth silpwthnthrrm 17 3 mkrakhm 2539 hna 68 71 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2005 02 28 subkhnemux 2008 10 04