ผักชีลาว เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ Apiaceae (Umbelliferae) ตัวอย่างพืชที่อยู่ในวงศ์นี้ ได้แก่ แคร์รอต, ขึ้นฉ่าย, ผักชี ฯลฯ
ผักชีลาว | |
---|---|
ภาพวาดพืชในคริสต์ศตวรรษที่ 19 | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
โดเมน: | ยูแคริโอต |
อาณาจักร: | พืช |
เคลด: | พืชมีท่อลำเลียง |
เคลด: | พืชดอก |
เคลด: | พืชใบเลี้ยงคู่แท้ |
เคลด: | แอสเทอริด |
อันดับ: | อันดับผักชี |
วงศ์: | วงศ์ผักชี |
วงศ์ย่อย: | |
เผ่า: | L. |
สกุล: | Anethum L. |
สปีชีส์: | Anethum graveolens |
ชื่อทวินาม | |
Anethum graveolens L. | |
ชื่อพ้อง | |
ชื่อพ้อง
|
ลักษณะ
- ชื่อพื้นเมือง : ผักชีลาว (ภาคกลาง), ผักชี (ขอนแก่น,เลย) ผักชีตั๊กแตน, ผักชีเทียน (พิจิตร), ผักชีเมือง (น่าน), ผักจี (แพร่)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :ผักชีลาวเป็นพืชล้มลุกตระกูลเดียวกับผักชี ลำต้นมีสีเขียวเข้มขนาดเล็ก ลักษณะใบเป็นใบประกอบแบบขนนกมีสีเขียวสดออกเรียงสลับกัน ดอกมีขนาดเล็กสีเหลืองออกเป็นช่อ ก้านช่อดอกมีลักษณะคล้ายกับซี่ร่ม ผลแก่เป็นรูปไข่แบนมีสีน้ำตาลอมเหลือง ถ้านำไปใช้เป็นเครื่องเทศจะเก้บได้ก้ต่อเมื่อดอกเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แต่ส่วนใหญ่จะพบในรูปของการทานสดเป็นผักมากกว่า ซึ่งควรเก็บก่อนที่จะออกดอก ผักชีลาวมีสองชนิด คือ ชนิดที่มาจากยุโรป (Dill) และชนิดที่มีกำเนิดในเอเชียเขตร้อน (Indian Dill) ในประเทศไทยมีการปลูกเพื่อใช้ทานเป็นผักมากกว่าปลูกเพื่อใช้ผลมาทำเครื่องเทศเพราะมีคุณภาพน้อยกว่าประเทศอินเดีย
- การขยายพันธุ์ : ใช้เมล็ดในการขยายพันธุ์
- ระยะเวลาปลูก : มีระยะเวลาในการปลูกประมาณ 60 วัน ก็สามารถนำมาประกอบอาหารหรือกินสด ๆ ก็ได้
การเตรียมดินในการปลูก :มีการฟื้นดิน ตากแดดให้แห้งเพื่อทำลายเชื้อโรคและวัชพืชที่อยู่ในดิน ทิ้งไว้ประมาณ 10 วัน หลังจากนั้นก็ทำการ พรวนดิน เก็บเศษวัชพืชต่างๆ และนำหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้วมาใส่คลุกเคล้าให้เข้ากับดิน ทั้งนี้เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของดิน ถ้าพบว่าดินเป็นกรด ควรนำปูนขาวมาคลุกกับดินเพื่อปรับสภาพของดินให้เหมาะในการเพาะปลูก
วิธีปลูก
วิธีปลูกมี 2 วิธี ได้แก่
- วิธีที่ 1 เตรียมเมล็ดพันธุ์ที่จะใช้ในการปลูก แล้วหว่านเมล็ดพันธุ์ให้ทั่วแปลง
- วิธีที่ 2 วัดระยะห่างของหลุมประมาณ 15 x 15 เซนติเมตร ใช้ไม้ขีดเป็นตารางให้เท่า ๆ กัน ใช้ไม้หรือนิ้วจิ้ม แล้วหยอดเมล็ดลงตามตารางที่ขีดไว้ เสร็จแล้วจึงใช้ดินกลบแล้วรดน้ำด้วยบัวรดน้ำ
สารสำคัญที่พบ :ผลผักชีลาวมีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งปริมาณน้ำมันที่ได้ขึ้นอยู่กับแหล่งเพาะปลูกและฤดูกาลที่เก็บเกี่ยว นอกจากนี้แล้วยังประกอบด้วย สาร สารประเภท โปรตีน ไขมัน เป็นต้น
คุณประโยชน์
น้ำมันผักชีลาว (Dill seed oil) ได้จากการนำผลแก่แห้งไปกลั่นด้วยไอน้ำ สารสำคัญที่พบคือ คารืโวน ดี-ไลโมนีน และอัลฟ่า-เฟลเลนดรีน สารอื่นที่มีปริมาณรองลงมาคือ ยูจีนอล ไพนีน และ เป็นต้น
สรรพคุณทางยา :นำผลแก่แห้งของผักชีลาวบดให้เป็นผง ชงกับน้ำดื่มวันละ 4-5 แก้ว แก้อาการปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยขับลมหรือใช้ต้นสดของผักชีลาวผสมกับนมให้เด็กอ่อนดื่มแก้ท้องอืดท้องเฟ้อได้เช่นกัน ส่วนน้ำมันมักใช้ผสมในยาย่อยอาหาร ยาแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
ประโยชน์ทางอาหาร :ใบสดและใบแห้งใช้โรยบนอาหารประเภทปลาเพื่อดับกลิ่นคาว ใบใส่แกงอ่อมแกงหน่อไม้ห่อหมกแกล้มแกงเนื้อน้ำพริกปลาร้าผักใส่ไข่ยอดใบรับประทานกับลาบเมล็ด และใบช่วยชูรสเมล็ดมีน้ำมันหอมระเหยใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เมล็ดแห้งที่แก่เต็มที่ใช้เป็นยาบำรุงกำลังชั่วคราวและขับลมในท้อง เมล็ดก่อนนำมาประกอบอาหารควรบดก่อน โดยนิยมโรยบนสลัดผักและมันฝรั่งบดเพื่อเพิ่มรสชาติ นอกจากนี้น้ำมันผักชีลาวยังใช้แต่งกลิ่นผักดอง น้ำซอส สตู ขนมหวาน เครื่องดื่มและเหล้า
ผักชีลาวเป็นพืชที่มีฤทธิ์ทางอัลลีโลพาที สารสกัดด้วยเอทานอลจากผลและเมล็ดยับยั้งการเจริญและการงอกของถั่วเขียวผิวดำได้
อ้างอิง
- Prof. Dr. Otto Wilhelm Thomé Flora von Deutschland, Österreich und der Schweiz Volume 3 (1888), Gera, Germany, page 142, Gattung 477, Tafel 378, available from BioDiversity Heritage Library and BioLib.de(1885)
- "The Plant List, Anethum graveolens L."
- "ผักชีลาว".
- ศานิต สวัสดิกาญจน์. 2554. ผลของแอลลีโลพาธีของพืชสมุนไพร 6 ชนิดต่อการงอกและการเจริญเติบโตของถั่วเขียวผิวดำ. เรื่องเต็มการประชุมทางวิชาการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ครั้งที่ 49 1-4 ก.พ. 2554 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หน้า 419-428
แหล่งข้อมูลอื่น
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phkchilaw epnphuchlmlukchnidhnung xyuinwngs Apiaceae Umbelliferae twxyangphuchthixyuinwngsni idaek aekhrrxt khunchay phkchi lphkchilawphaphwadphuchinkhriststwrrsthi 19karcaaenkchnthangwithyasastrodemn yuaekhrioxtxanackr phuchekhld phuchmithxlaeliyngekhld phuchdxkekhld phuchibeliyngkhuaethekhld aexsethxridxndb xndbphkchiwngs wngsphkchiwngsyxy epha L skul Anethum L spichis Anethum graveolenschuxthwinamAnethum graveolens L chuxphxngchuxphxng Anethum arvense Salisb Angelica graveolens L Steud Ferula graveolens L Spreng Pastinaca anethum Spreng Peucedanum anethum Jess Peucedanum graveolens L HiernPeucedanum sowa Roxb ex Fleming KurzSelinum anethum RothSelinum graveolens L Vestlksnachuxphunemuxng phkchilaw phakhklang phkchi khxnaekn ely phkchitkaetn phkchiethiyn phicitr phkchiemuxng nan phkci aephr lksnathangphvkssastr phkchilawepnphuchlmluktrakulediywkbphkchi latnmisiekhiywekhmkhnadelk lksnaibepnibprakxbaebbkhnnkmisiekhiywsdxxkeriyngslbkn dxkmikhnadelksiehluxngxxkepnchx kanchxdxkmilksnakhlaykbsirm phlaekepnrupikhaebnmisinatalxmehluxng thanaipichepnekhruxngethscaekbidktxemuxdxkerimepliynepnsinatal aetswnihycaphbinrupkhxngkarthansdepnphkmakkwa sungkhwrekbkxnthicaxxkdxk phkchilawmisxngchnid khux chnidthimacakyuorp Dill aelachnidthimikaenidinexechiyekhtrxn Indian Dill inpraethsithymikarplukephuxichthanepnphkmakkwaplukephuxichphlmathaekhruxngethsephraamikhunphaphnxykwapraethsxinediy karkhyayphnthu ichemldinkarkhyayphnthurayaewlapluk mirayaewlainkarplukpraman 60 wn ksamarthnamaprakxbxaharhruxkinsd kid karetriymdininkarpluk mikarfundin takaeddihaehngephuxthalayechuxorkhaelawchphuchthixyuindin thingiwpraman 10 wn hlngcaknnkthakar phrwndin ekbesswchphuchtang aelanahruxpuyhmkthislaytwdiaelwmaiskhlukekhlaihekhakbdin thngniephuxkhwamxudmsmburnkhxngdin thaphbwadinepnkrd khwrnapunkhawmakhlukkbdinephuxprbsphaphkhxngdinihehmaainkarephaaplukwithiplukwithiplukmi 2 withi idaek withithi 1 etriymemldphnthuthicaichinkarpluk aelwhwanemldphnthuihthwaeplngwithithi 2 wdrayahangkhxnghlumpraman 15 x 15 esntiemtr ichimkhidepntarangihetha kn ichimhruxniwcim aelwhyxdemldlngtamtarangthikhidiw esrcaelwcungichdinklbaelwrdnadwybwrdna sarsakhythiphb phlphkchilawminamnhxmraehy sungprimannamnthiidkhunxyukbaehlngephaaplukaelavdukalthiekbekiyw nxkcakniaelwyngprakxbdwy sar sarpraephth oprtin ikhmn epntnkhunpraoychnnamnphkchilaw Dill seed oil idcakkarnaphlaekaehngipklndwyixna sarsakhythiphbkhux kharuown di ilomnin aelaxlfa eflelndrin sarxunthimiprimanrxnglngmakhux yucinxl iphnin aela epntn srrphkhunthangya naphlaekaehngkhxngphkchilawbdihepnphng chngkbnadumwnla 4 5 aekw aekxakarpwdthxng aennthxng thxngxudthxngefx chwykhblmhruxichtnsdkhxngphkchilawphsmkbnmihedkxxndumaekthxngxudthxngefxidechnkn swnnamnmkichphsminyayxyxahar yaaekthxngxudthxngefx praoychnthangxahar ibsdaelaibaehngichorybnxaharpraephthplaephuxdbklinkhaw ibisaekngxxmaeknghnximhxhmkaeklmaekngenuxnaphrikplaraphkisikhyxdibrbprathankblabemld aelaibchwychursemldminamnhxmraehyichinxutsahkrrmxahar emldaehngthiaeketmthiichepnyabarungkalngchwkhrawaelakhblminthxng emldkxnnamaprakxbxaharkhwrbdkxn odyniymorybnsldphkaelamnfrngbdephuxephimrschati nxkcakninamnphkchilawyngichaetngklinphkdxng nasxs stu khnmhwan ekhruxngdumaelaehla phkchilawepnphuchthimivththithangxlliolphathi sarskddwyexthanxlcakphlaelaemldybyngkarecriyaelakarngxkkhxngthwekhiywphiwdaidxangxingProf Dr Otto Wilhelm Thome Flora von Deutschland Osterreich und der Schweiz Volume 3 1888 Gera Germany page 142 Gattung 477 Tafel 378 available from BioDiversity Heritage Library and BioLib de 1885 The Plant List Anethum graveolens L phkchilaw sanit swsdikaycn 2554 phlkhxngaexlliolphathikhxngphuchsmuniphr 6 chnidtxkarngxkaelakarecriyetibotkhxngthwekhiywphiwda eruxngetmkarprachumthangwichakarkhxngmhawithyalyekstrsastr khrngthi 49 1 4 k ph 2554 mhawithyalyekstrsastr hna 419 428aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb phkchilaw