ในทางคณิตศาสตร์ เซต (อังกฤษ: set) เป็นกลุ่มหรือหมู่ของสมาชิก สมาชิกในเซตอาจเป็นวัตถุในคณิตศาสตร์ใดก็ได้ เช่น จำนวน สัญลักษณ์ จุดในปริภูมิ เส้นตรง หรือแม้กระทั่งเซตอื่น ๆ เราสามารถดำเนินการกับเซตได้ เช่น ยูเนียนของเซตสองเซตเป็นการรวมสมาชิกของเซตสองเซตเข้าด้วยกัน อินเตอร์เซกชันของเซตสองเซตเลือกเอาเฉพาะสมาชิกที่ปรากฏในเซตสองเซต และยังมีความสัมพันธ์ระหว่างเซตอื่น เช่น การเป็นสับเซต เป็นพื้นฐานสำคัญของเซตทั้งสิ้น
เซตถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรกในศตวรรษที่ 19 พร้อมกับทฤษฎีเซตซึ่งเป็นการศึกษาเซตโดยใช้ที่รัดกุม แนวคิดเกี่ยวกับเซตนั้นมีความสามารถพอจนทำให้สามารถนิยามผ่านเซตได้แทบทั้งหมด และบทพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์สามารถเขียนให้อยู่ในภาษาของเซตได้อย่างรัดกุม ดังนั้นเซตจึงพบได้ทั่วไปในคณิตศาสตร์ปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งซึ่งเป็นรากฐานของคณิตศาสตร์แทบทุกสาขา
ต้นกำเนิดของเซต
แนวความคิดเกี่ยวกับเซตปรากฏเริ่มต้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19แบร์นาร์ท บ็อลท์ซาโนใช้คำว่าเซต (Menge) ในภาษาเยอรมันเป็นคนแรกในงานชื่อ Paradoxien des Unendlichen (ปฏิทรรศน์ของอนันต์)
ในส่วนเริ่มแรกของ Beiträge zur Begründung der transfiniten Mengenlehre โดย เกออร์ก คันทอร์ (Georg Cantor) ผู้สร้างทฤษฎีเซตคนสำคัญ ให้นิยามของเซตเซตหนึ่งดังต่อไปนี้
โดย "เซต" เซตหนึ่ง เราหมายถึงการสะสมรวบรวมใด ๆ ที่ให้ชื่อว่า M เข้าเป็นหน่วยเดียวกันทั้งหมด ของวัตถุที่ให้ชื่อว่า m ที่แตกต่างกัน (ซึ่งเรียกว่า "สมาชิก" ของ M) ตามความเข้าใจของเรา หรือตามความคิดของเรา
— เกออร์ก คันทอร์
ทฤษฎีเซตอย่างง่าย
แนวความคิดพื้นฐานคือ เซตเป็นสิ่งที่มีสมาชิก (elements หรือ members) เซตจะเท่ากันก็ต่อเมื่อมีสมาชิกเดียวกัน หรืออีกนัยหนึ่ง เซต A และ B จะเท่ากัน ก็ต่อเมื่อ สมาชิกทุกตัวที่อยู่ในเซต A เป็นสมาชิกของเซต B และ สมาชิกทุกตัวที่อยู่ในเซต B เป็นสมาชิกของเซต A เรียกคุณสมบัติของเซตนี้ว่า extensionality นอกจากนี้เราอาจกำหนดเงื่อนไขของสมาชิกที่จะอยู่ในเซตได้
แนวคิดอย่างง่ายของเซตนี้ถึงแม้จะมีประโยชน์มากในคณิตศาสตร์ แต่นำไปสู่ปฏิทรรศน์ทางตรรกศาสตร์หากไม่กำหนดขอบเขตของการระบุเงื่อนไข เช่น
- ปฏิทรรศน์ของรัสเซิลล์ กล่าวว่า เซตของเซตทุกเซตที่ไม่บรรจุตัวมันเอง จะมีไม่ได้
- กล่าวว่า เซตของเซตทุกเซต จะมีไม่ได้
ทฤษฎีเซตอย่างง่าย (naïve set theory) แก้ปัญหาด้วยการนิยามเซตให้เป็นกลุ่มหรือหมู่ของสมาชิกที่ แต่คำว่า นิยามดี นั้นขอบเขตกว้างจนเกินไป
ทฤษฎีเซตเชิงสัจพจน์
เพื่อแก้ไขปฏิทรรศน์ข้างต้น จึงมีความพยายามนิยามเซตให้รัดกุมโดยใช้สัจพจน์ ในทฤษฎีเซตเชิงสัจพจน์ถือว่าเซตเป็น อนิยาม (primitive notion)
การเขียนอธิบายเซต
บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
ในคณิตศาสตร์นิยมแทนเซตด้วยใช้อักษรละตินตัวพิมพ์ใหญ่แบบตัวเอียง เช่น A, B, C นอกจากนี้แล้วอาจใช้คำว่า คอลเลกชัน วงศ์ หรือ แฟมิลี แทนเซตที่มีสมาชิกเป็นเซต
การเขียนระบุสมาชิก
วิธีการระบุเซตโดยการกำหนดสมาชิกของมันโดยเจาะจง ด้วยการใช้กฎหรือการอธิบายด้วย เช่น
- A เป็นเซตซึ่งสมาชิกของมันเป็น เลขจำนวนเต็มบวกสี่ตัวแรก
- B เป็นเซตของสีของธงชาติฝรั่งเศส
การแจกแจงสมาชิก
วิธีที่สองคือโดย การแจกแจง นั่นคือ การแจกแจกสมาชิกแต่ละตัวของเซต การนิยามเซตด้วยการแจกแจง สมาชิกจะถูกเขียนแทนด้วยการแจกแจงสมาชิกของเซตภายในวงเล็บปีกกา:
- C = {4, 2, 1, 3}
- D = {น้ำเงิน, ขาว, แดง}
ในตัวอย่างข้างต้น จะเห็นว่า A = C และ B = D
ลำดับที่สมาชิกของเซตถูกเรียงในการนิยามแบบแจกแจกสมาชิกไม่มีความสำคัญ เช่นเดียวกันกับจำนวนสมาชิกที่ซ้ำกันในรายการแจกแจง ตัวอย่างเช่น
- {6, 11} = {11, 6} = {11, 11, 6, 11}
เป็นเซตที่เหมือนกันทุกประการ เพราะว่าการแจกแจงสมาชิกเซตมีความหมายเพียงว่าองค์ประกอบแต่ละตัวในรายการแจกแจงเป็นสมาชิกตัวหนึ่งของเซตนั้นแค่นั้นเอง
สำหรับเซตที่มีสมาชิกจำนวนมาก การระบุของสมาชิกสามารถเขียนอย่างย่อได้ ตัวอย่างเช่น เซตของเลขจำนวนเต็มบวกหนึ่งพันตัวแรกสามารถเขียนแบบแจกแจงได้เป็น:
- {1, 2, 3, ..., 1000}
ที่ซึ่ง การเว้นถ้อยคำไว้ให้เข้าใจเอาเอง (อิลิปซิส, "...") ระบุว่ารายการแจกแจงดำเนินต่อไปในทางที่เห็นได้ชัด อิลิปซิสอาจถูกใช้ในที่ซึ่งเซตมีสมาชิกไม่จำกัด ดังเช่น เซตของเลขจำนวนเต็มคู่บวก เขียนแทนได้ว่า {2, 4, 6, 8, ... }
การใช้สัญลักษณ์การสร้างเซต
เราอาจใช้สัญลักษณ์การสร้างเซต (set-builder notation) เพื่อระบุสมาชิกในเซตได้ ตัวอย่างเช่น
- E = {x | x เป็นสัญลักษณ์หน้าไพ่}
เครื่องหมายขีดคั่นหมายถึง “โดยที่” และมีเงื่อนไขเขียนด้านหลัง ดังนั้นสัญลักษณ์ข้างต้นจึงหมายถึง “เซตของ x ทั้งหมดโดยที่ x เป็นสัญลักษณ์หน้าไพ่” ดังนั้น E คือเซตซึ่งสมาชิกสี่ตัวของมันคือ ♠, ♦, ♥, และ ♣ ผู้เขียนบางคนอาจใช้สัญลักษณ์โคลอน (:) แทนเครื่องหมายขีดคั่น
เราสามารถเปลี่ยนสมการด้านหน้าเครื่องหมายขีดคั่นได้ เพื่อให้ได้เซตที่เกิดจากการดำเนินการกับสมาชิกที่กำหนดโดยเงื่อนไขที่ตามหลัง ตัวอย่างเช่น เซต F ของจำนวนที่ได้จากการยกกำลังสองแล้วลบด้วยสี่ ของจำนวนเต็มบวกที่น้อยที่สุดยี่สิบตัวแรกสามารถเขียนได้เป็น:
- F = {n² - 4 : n เป็นจำนวนเต็ม และ 0 ≤ n ≤ 19}
ซึ่งมีสมาชิกเป็น -4, -3, 0, 5, …, 357
คำศัพท์และสัญลักษณ์ของเซต
- เซตที่เท่ากัน เซตจะแตกต่างกันหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าสมาชิกต่างกันหรือไม่ โดยเซตสองเซตจะเท่ากันเมื่อมีสมาชิกเหมือนกัน
- เซตจำกัดและ เซตจำกัดคือเซตที่เราสามารถระบุได้ว่ามีสมาชิกกี่ตัว เซตอนันต์คือเซตที่ไม่ใช่เซตจำกัด
- เซตว่างคือเซตที่ไม่มีสมาชิกเลย
- คือเซตที่ใช้กำหนดขอบเขตของสิ่งที่กำลังพิจารณา แทนด้วย U
- เซตของจำนวนบางชนิด เช่น = เซตของจำนวนนับ, = เซตของจำนวนเต็ม, = เซตของจำนวนตรรกยะ, = เซตของจำนวนจริง, = เซตของจำนวนเชิงซ้อน
- สับเซต A เป็นสับเซตของ B หมายความว่าสมาชิกทุกตัวของ A เป็นสมาชิกของ B
- เพาเวอร์เซต ของ A คือเซตที่ประกอบด้วยสับเซตทั้งหมดของ A เขียนแทนโดย P(A)
การดำเนินการของเซต
- ยูเนียน ของ A และ B คือเซตที่เกิดจากการรวบรวมสมาชิกของ A และ B เข้าไว้ด้วยกัน
- อินเตอร์เซกชัน ของ A และ B คือเซตที่ประกอบด้วยสมาชิกที่เหมือนกันของ A และ B
- ผลต่าง A – B คือเซตที่ประกอบด้วยสมาชิกของ A ที่ไม่ใช่สมาชิกของ B
- คอมพลีเมนต์ ของ A เขียนแทนด้วย A' คือสับเซตของ U ที่ประกอบด้วยสมาชิกที่ไม่อยู่ ใน A
การนับจำนวนสมาชิกของเซต
- ถ้า A เป็นเซตจำกัด เราใช้สัญลักษณ์ n(A) หรือ |A| แทนจำนวนสมาชิกของ A
สูตรการนับจำนวนสมาชิกของเซตจำกัด
สมบัติของเซตที่ควรทราบ
ให้ A, B, C เป็นเซตย่อยของ U สมบัติต่อไปนี้จะเป็นจริง
- กฎการสลับที่
- กฎการเปลี่ยนกลุ่ม
- กฎการแจกแจง
- กฎการเอกลักษณ์
หลักการเพิ่มเข้าและตัดออก
หลักการเพิ่มเข้าและตัดออกเป็นหลักการนับที่สามารถใช้หาจำนวนสมาชิกของยูเนียนของเซตตั้งแต่สองเซตขึ้นไปได้ หากรู้จำนวนสมาชิกในอินเตอร์เซคชั่น สำหรับเซตสองเซต จะได้สมการเป็น
และสำหรับรูปแบบทั่วไปของเซตมากกว่าสามตัวจะได้ว่า
อ้างอิง
- พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554
- Goldberg, Samuel (1986). Probability : an introduction. New York: Dover Publications. p. 2. ISBN . OCLC 14356858.
- Goldrei 1996, p. 3.
- Halmos 1960, p. 1.
- Bagaria, Joan (2021), Zalta, Edward N. (บ.ก.), "Set Theory", The Stanford Encyclopedia of Philosophy (Winter 2021 ed.), Metaphysics Research Lab, Stanford University, สืบค้นเมื่อ 2022-01-03
- Ferreirós Domínguez, José. (2007). Labyrinth of thought : a history of set theory and its role in modern mathematics (2nd rev. ed.). Basel, Switzerland: Birkhäuser. ISBN . OCLC 302342325.
{{}}
: CS1 maint: date and year () - Steve Russ (9 December 2004). The Mathematical Works of Bernard Bolzano. OUP Oxford. ISBN .
- William Ewald; William Bragg Ewald (1996). From Kant to Hilbert Volume 1: A Source Book in the Foundations of Mathematics. OUP Oxford. p. 249. ISBN .
- Paul Rusnock; Jan Sebestík (25 April 2019). Bernard Bolzano: His Life and Work. OUP Oxford. p. 430. ISBN .
- Quoted in Dauben, p. 170.
- Halmos 1960, p. 2.
- Halmos 1960, p. 1.
บรรณานุกรม
- Dauben, Joseph W. (1990). Georg Cantor : his mathematics and philosophy of the infinite. Princeton, N.J.: Princeton University Press. ISBN . OCLC 21560032.
- Goldrei, Derek (1996). Classic set theory : a guided independent study (1st ed.). London: Chapman & Hall. ISBN . OCLC 35850068.
{{}}
: CS1 maint: date and year () - Halmos, Paul R. (1974). Naive set theory. New York. ISBN . OCLC 947951.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
inthangkhnitsastr est xngkvs set epnklumhruxhmukhxngsmachik smachikinestxacepnwtthuinkhnitsastridkid echn canwn sylksn cudinpriphumi esntrng hruxaemkrathngestxun erasamarthdaeninkarkbestid echn yueniynkhxngestsxngestepnkarrwmsmachikkhxngestsxngestekhadwykn xinetxreskchnkhxngestsxngesteluxkexaechphaasmachikthipraktinestsxngest aelayngmikhwamsmphnthrahwangestxun echn karepnsbest epnphunthansakhykhxngestthngsinxakhmhmunthwn naengin xakhmyxnklb siaedng rwmknepn xakhmirmiti simwng estthukklawthungepnkhrngaerkinstwrrsthi 19 phrxmkbthvsdiestsungepnkarsuksaestodyichthirdkum aenwkhidekiywkbestnnmikhwamsamarthphxcnthaihsamarthniyamphanestidaethbthnghmd aelabthphisucnthangkhnitsastrsamarthekhiynihxyuinphasakhxngestidxyangrdkum dngnnestcungphbidthwipinkhnitsastrpccubn odyechphaaxyangyingsungepnrakthankhxngkhnitsastraethbthuksakhatnkaenidkhxngestaenwkhwamkhidekiywkbestprakterimtninchwngplaykhriststwrrsthi 19aebrnarth bxlthsaonichkhawaest Menge inphasaeyxrmnepnkhnaerkinnganchux Paradoxien des Unendlichen ptithrrsnkhxngxnnt inswnerimaerkkhxng Beitrage zur Begrundung der transfiniten Mengenlehre ody ekxxrk khnthxr Georg Cantor phusrangthvsdiestkhnsakhy ihniyamkhxngestesthnungdngtxipni ody est esthnung erahmaythungkarsasmrwbrwmid thiihchuxwa M ekhaepnhnwyediywknthnghmd khxngwtthuthiihchuxwa m thiaetktangkn sungeriykwa smachik khxng M tamkhwamekhaickhxngera hruxtamkhwamkhidkhxngera ekxxrk khnthxr thvsdiestxyangngay aenwkhwamkhidphunthankhux estepnsingthimismachik elements hrux members estcaethaknktxemuxmismachikediywkn hruxxiknyhnung est A aela B caethakn ktxemux smachikthuktwthixyuinest A epnsmachikkhxngest B aela smachikthuktwthixyuinest B epnsmachikkhxngest A eriykkhunsmbtikhxngestniwa extensionality nxkcaknieraxackahndenguxnikhkhxngsmachikthicaxyuinestid aenwkhidxyangngaykhxngestnithungaemcamipraoychnmakinkhnitsastr aetnaipsuptithrrsnthangtrrksastrhakimkahndkhxbekhtkhxngkarrabuenguxnikh echn ptithrrsnkhxngrsesill klawwa estkhxngestthukestthiimbrrcutwmnexng camiimid klawwa estkhxngestthukest camiimid thvsdiestxyangngay naive set theory aekpyhadwykarniyamestihepnklumhruxhmukhxngsmachikthi aetkhawa niyamdi nnkhxbekhtkwangcnekinip thvsdiestechingscphcn ephuxaekikhptithrrsnkhangtn cungmikhwamphyayamniyamestihrdkumodyichscphcn inthvsdiestechingscphcnthuxwaestepn xniyam primitive notion karekhiynxthibayestbthkhwamnixactxngkartrwcsxbtnchbb indaniwyakrn rupaebbkarekhiyn kareriyberiyng khunphaph hruxkarsakd khunsamarthchwyphthnabthkhwamid inkhnitsastrniymaethnestdwyichxksrlatintwphimphihyaebbtwexiyng echn A B C nxkcakniaelwxacichkhawa khxlelkchn wngs hrux aefmili aethnestthimismachikepnestkarekhiynrabusmachik withikarrabuestodykarkahndsmachikkhxngmnodyecaacng dwykarichkdhruxkarxthibaydwy echn A epnestsungsmachikkhxngmnepn elkhcanwnetmbwksitwaerk B epnestkhxngsikhxngthngchatifrngesskaraeckaecngsmachik withithisxngkhuxody karaeckaecng nnkhux karaeckaecksmachikaetlatwkhxngest karniyamestdwykaraeckaecng smachikcathukekhiynaethndwykaraeckaecngsmachikkhxngestphayinwngelbpikka C 4 2 1 3 D naengin khaw aedng intwxyangkhangtn caehnwa A C aela B D ladbthismachikkhxngestthukeriynginkarniyamaebbaeckaecksmachikimmikhwamsakhy echnediywknkbcanwnsmachikthisakninraykaraeckaecng twxyangechn 6 11 11 6 11 11 6 11 epnestthiehmuxnknthukprakar ephraawakaraeckaecngsmachikestmikhwamhmayephiyngwaxngkhprakxbaetlatwinraykaraeckaecngepnsmachiktwhnungkhxngestnnaekhnnexng sahrbestthimismachikcanwnmak karrabukhxngsmachiksamarthekhiynxyangyxid twxyangechn estkhxngelkhcanwnetmbwkhnungphntwaerksamarthekhiynaebbaeckaecngidepn 1 2 3 1000 thisung karewnthxykhaiwihekhaicexaexng xilipsis rabuwaraykaraeckaecngdaenintxipinthangthiehnidchd xilipsisxacthukichinthisungestmismachikimcakd dngechn estkhxngelkhcanwnetmkhubwk ekhiynaethnidwa 2 4 6 8 karichsylksnkarsrangest eraxacichsylksnkarsrangest set builder notation ephuxrabusmachikinestid twxyangechn E x x epnsylksnhnaiph ekhruxnghmaykhidkhnhmaythung odythi aelamienguxnikhekhiyndanhlng dngnnsylksnkhangtncunghmaythung estkhxng x thnghmdodythi x epnsylksnhnaiph dngnn E khuxestsungsmachiksitwkhxngmnkhux aela phuekhiynbangkhnxacichsylksnokhlxn aethnekhruxnghmaykhidkhn erasamarthepliynsmkardanhnaekhruxnghmaykhidkhnid ephuxihidestthiekidcakkardaeninkarkbsmachikthikahndodyenguxnikhthitamhlng twxyangechn est F khxngcanwnthiidcakkarykkalngsxngaelwlbdwysi khxngcanwnetmbwkthinxythisudyisibtwaerksamarthekhiynidepn F n 4 n epncanwnetm aela 0 n 19 sungmismachikepn 4 3 0 5 357khasphthaelasylksnkhxngestestthiethakn estcaaetktangknhruximkhunxyukbwasmachiktangknhruxim odyestsxngestcaethaknemuxmismachikehmuxnkn estcakdaela estcakdkhuxestthierasamarthrabuidwamismachikkitw estxnntkhuxestthiimichestcakd estwangkhuxestthiimmismachikely khuxestthiichkahndkhxbekhtkhxngsingthikalngphicarna aethndwy U estkhxngcanwnbangchnid echn N displaystyle mathbb N estkhxngcanwnnb Z displaystyle mathbb Z estkhxngcanwnetm Q displaystyle mathbb Q estkhxngcanwntrrkya R displaystyle mathbb R estkhxngcanwncring C displaystyle mathbb C estkhxngcanwnechingsxn sbest A epnsbestkhxng B hmaykhwamwasmachikthuktwkhxng A epnsmachikkhxng B ephaewxrest khxng A khuxestthiprakxbdwysbestthnghmdkhxng A ekhiynaethnody P A kardaeninkarkhxngestyueniyn khxng A aela B khuxestthiekidcakkarrwbrwmsmachikkhxng A aela B ekhaiwdwykn xinetxreskchn khxng A aela B khuxestthiprakxbdwysmachikthiehmuxnknkhxng A aela B phltang A B khuxestthiprakxbdwysmachikkhxng A thiimichsmachikkhxng B khxmphliemnt khxng A ekhiynaethndwy A khuxsbestkhxng U thiprakxbdwysmachikthiimxyu in Akarnbcanwnsmachikkhxngesttha A epnestcakd eraichsylksn n A hrux A aethncanwnsmachikkhxng Asutrkarnbcanwnsmachikkhxngestcakd n A B n A n B n A B displaystyle n A cup B n A n B n A cap B n A B n A n A B displaystyle n A B n A n A cap B n A B n U n A B displaystyle n A cup B n U n A cup B n A n U n A displaystyle n A n U n A smbtikhxngestthikhwrthrabih A B C epnestyxykhxng U smbtitxipnicaepncring kdkarslbthi A B B A displaystyle A cup B B cup A A B B A displaystyle A cap B B cap A kdkarepliynklum A B C A B C displaystyle A cup B cup C A cup B cup C A B C A B C displaystyle A cap B cap C A cap B cap C kdkaraeckaecng A B C A B A C displaystyle A cup B cap C A cup B cap A cup C A B C A B A C displaystyle A cap B cup C A cap B cup A cap C kdkarexklksn A A displaystyle emptyset cup A A A displaystyle emptyset cap A emptyset hlkkarephimekhaaelatdxxkhlkkarephimekhaaelatdxxkepnhlkkarnbthisamarthichhacanwnsmachikkhxngyueniynkhxngesttngaetsxngestkhunipid hakrucanwnsmachikinxinetxreskhchn sahrbestsxngest caidsmkarepn A B A B A B displaystyle left vert A cup B right vert left vert A right vert left vert B right vert left vert A cap B right vert aelasahrbrupaebbthwipkhxngestmakkwasamtwcaidwa A1 A2 A3 An A1 A2 A3 An A1 A2 A1 A3 An 1 An 1 n 1 A1 A2 A3 An displaystyle begin aligned left A 1 cup A 2 cup A 3 cup ldots cup A n right amp left left A 1 right left A 2 right left A 3 right ldots left A n right right amp left left A 1 cap A 2 right left A 1 cap A 3 right ldots left A n 1 cap A n right right amp ldots amp left 1 right n 1 left left A 1 cap A 2 cap A 3 cap ldots cap A n right right end aligned xangxingphcnanukrmchbbrachbnthitysthan ph s 2554 Goldberg Samuel 1986 Probability an introduction New York Dover Publications p 2 ISBN 0 486 65252 1 OCLC 14356858 Goldrei 1996 p 3 Halmos 1960 p 1 sfn error no target CITEREFHalmos1960 Bagaria Joan 2021 Zalta Edward N b k Set Theory The Stanford Encyclopedia of Philosophy Winter 2021 ed Metaphysics Research Lab Stanford University subkhnemux 2022 01 03 Ferreiros Dominguez Jose 2007 Labyrinth of thought a history of set theory and its role in modern mathematics 2nd rev ed Basel Switzerland Birkhauser ISBN 978 3 7643 8350 3 OCLC 302342325 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint date and year lingk Steve Russ 9 December 2004 The Mathematical Works of Bernard Bolzano OUP Oxford ISBN 978 0 19 151370 1 William Ewald William Bragg Ewald 1996 From Kant to Hilbert Volume 1 A Source Book in the Foundations of Mathematics OUP Oxford p 249 ISBN 978 0 19 850535 8 Paul Rusnock Jan Sebestik 25 April 2019 Bernard Bolzano His Life and Work OUP Oxford p 430 ISBN 978 0 19 255683 7 Quoted in Dauben p 170 Halmos 1960 p 2 sfn error no target CITEREFHalmos1960 Halmos 1960 p 1 brrnanukrmDauben Joseph W 1990 Georg Cantor his mathematics and philosophy of the infinite Princeton N J Princeton University Press ISBN 0 691 02447 2 OCLC 21560032 Goldrei Derek 1996 Classic set theory a guided independent study 1st ed London Chapman amp Hall ISBN 0 412 60610 0 OCLC 35850068 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint date and year lingk Halmos Paul R 1974 Naive set theory New York ISBN 0 387 90092 6 OCLC 947951