อ้อย | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Angiosperms |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Monocots |
ไม่ได้จัดลำดับ: | |
อันดับ: | Poales |
วงศ์: | Poaceae |
วงศ์ย่อย: | |
เผ่า: | |
สกุล: | Saccharum L. |
ชนิดต้นแบบ | |
L. | |
ชื่อพ้อง | |
|
อ้อย (ชื่อวิทยาศาสตร์: Saccharum officinarum) เป็นพืชวงศ์ POACEAE วงศ์เดียวกับ ไผ่ หญ้าและธัญพืช เช่น ข้าวสาลี ข้าว ข้าวโพด และ ข้าวบาร์เลย์ มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปเอเชีย ในลำต้นอ้อยที่นำมาใช้ทำน้ำตาลมีปริมาณซูโครสประมาณ 17-35% ชานอ้อย (bagasse) ที่ถูกบีบเอาน้ำอ้อยออกไปแล้ว สามารถนำมาใช้ทำกระดาษ พลาสติก เป็นเชื้อเพลิง และอาหารสัตว์ ส่วนกากน้ำตาล (molasses) ที่แยกออกจากน้ำตาลในระหว่างการผลิต สามารถนำไปหมักเป็นเหล้ารัม (rum) ได้อีกด้วย
อ้อยเป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากเมื่อพิจารณาในแง่ของผลผลิต เพราะอ้อยสามารถใช้ปัจจัยสำหรับการเจริญเติบโต เช่น แสงแดด น้ำ อากาศ และธาตุอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้อ้อยยังเป็นพืชที่ปลูกง่าย และเมื่อปลูกครั้งหนึ่งแล้ว สามารถเก็บเกี่ยวได้หลายครั้ง อ้อยชอบอากาศร้อนและชุ่มชื้น ดังนั้นประเทศที่ปลูกอ้อย ซึ่งมีประมาณ 70 ประเทศจึงอยู่ในแถบร้อนและชุ่มชื้นในระหว่างเส้นรุ้งที่ 35 องศาเหนือ และ 35 องศาใต้ ประเทศผู้ปลูกอ้อยที่สำคัญ ได้แก่ บราซิล คิวบา อินเดีย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
อ้อยเป็นไม้ล้มลุก สูง 2-5 เมตร แตกกอแน่น ลำต้นสีม่วงแดงตั้งหรือมีโคนทอดเอน มีไขสีขาวปกคลุม ไม่แตกกิ่งก้าน ใบเดี่ยว เรียงสลับเป็น 2 แถว กว้าง 2.5-5 เซนติเมตร ยาว 0.5-1 เมตร ใบตั้งหรือทอดโค้ง ใบรูปใบหอกแกมรูปแถบขอบใบมีหนามเล็กๆหยาบ ดอกช่อ ออกที่ปลายยอด ช่อแยกแขนง รูปปิรามิด เปราะ ช่อดอกย่อยรูปใบหอกถึงรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน มีขนสีขาวปกคลุม ผลเป็นผลแบบผลธัญพืช แห้งและมีขนาดเล็ก
ลักษณะทั่วไป
ราก
รากของอ้อยนั้น จะเป็นรากที่อยู่ใต้ดิน มีขนาดใหญ่กระจายทั่วลำต้น มีความยาวประมาณ 100 เซนติเมตร โดยรากของอ้อยนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ชุดด้วยกัน ทั้งรากของท่อนพันธุ์ ที่ไช้ลำเลียงน้ำและธาตุอาหารจนกว่าหน่ออ่อนจะเติบโต และรากชนิดนี้จะหมดสภาพไปเอง ต่อไปก็คือ รากของหน่อ คือรากขนาดใหญ่ที่เจริญออกจากปุ่มรากของหน่อที่เติบโตแล้ว รากของอ้อยนั้นจะมีการเติบโตทดแทนกันอย่างสม่ำเสมอ และรากเก่าก็จะหมดสภาพลงไปตามกาลเวลา
ลำต้น
ลำต้นขนาดใหญ่ของอ้อยนั้นจะประกอบไปด้วยข้อปล้องจำนวนมาก ปล้องเหล่านี้จะยาวหรื่อสั้นก็จะขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่ได้รับ ยิ่งมีน้ำมาก ปล้องก็จะยาวและทำให้ลำต้นสูงใหญ่ตาม
รูปร่างของปล้อง
ปล้องมีรูปร่างแตกต่างกันหลายรูปทรงมากมาย เช่น เป็นรูปทรงกระบอก (cylindrical) มัดข้าวต้ม (tumescent) กลางคอด (bobbin-shaped) โคนใหญ่ (conoidal) โคนเล็ก (obconoidal) หรือโค้ง (curved) ข้อและปล้องเหล่านี้จะมีส่วนประกอบมากมายกว่าสิบอย่างด้วยกัน เช่น ตา บริเวณเกิดราก (root band หรือ rootring หรือ root zone)หรืออาณาเขตที่อยู่ระหว่างรอยกาบ และวงเจริญ ปุ่มราก (root primordia หรือ root initials) หรือจุดที่รากจะเจริญออกมา วงเจริญหรือวงแหวน (growth ring) รอยกาบ (leaf scar หรือ sheath scar)เป็นรอยที่เกิดขึ้นหลังจากกาบใบหลุดแล้ว วงไข (wax ring) ส่วนที่มีไขเกาะมากกว่าส่วนอื่นๆ รอยแตกตื้น หรือ รอยแตกลายงา (corky cracks) รอยแตกเล็กๆ บริเวณผิวเปลือก รอยแตกลึก (growth crack หรือ rind crack) รอยแตกขนาดใหญ่ตามความยาวของลำต้นลึกเข้าไปในเนื้ออ้อย รอยตกสะเก็ด (corky patch) ร่องตา (bud furrow หรือ bud groove)
ใบ
เหมือนใบข้าวที่ขนาดใหญ่ขึ้น ใบอ้อยจะมี 2 ส่วนด้วยกันคือ กาบใบและแผ่นใบ
- กาบใบ คือส่วนที่โอบรอบลำต้นสลับซ้าย ขวาไปมาจากต้นถึงปลายลำต้น
- แผ่นใบ เป็นส่วนที่ถัดเข้าไปจากกาบใบ จะมีแกนตรงกลางที่ทำให้แผ่นใบมีลักษณะแข็งตั้งตรงได้
ดอก
ดอกของอ้อยนั้นจะเป็นดอกเล็กๆที่ติดกันเป็นคู่ ๆ แต่ในหนึ่งคู่ก็จะแยกออกเป็นดอกที่มีก้านและไม่มีก้าน แต่ละดอกจะมีขนสีขาวอยู่ที่รอบฐาน เมื่อดอกบาน ขนเหล่านี้ก็จะกางออกรอบ ๆ เป็นรัศมีเล็ก ๆ
ผล
ผลของอ้อยมีลักษณะคล้ายผล(เมล็ด)ของข้าวที่มีขนาดเล็กลงมาหลายเท่า และจะติดอยู่กับตัวดอกอย่างแน่น เราจะเรียกเมล็ดอ้อยว่าฟัซซ์ หรือ ฟลัฟฟ์ (fuzz หรือ fluff) และเมล็ดเหล่านี้ก็จะนำไปเพาะใหม่ต่อไป
การเจริญเติบโตของอ้อย
การเจริญเติบโตของอ้อยนั้นแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ คือ
- ระยะงอก (germination phase)
ระยะนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปลูกจนกระทั่งหน่อโผล่พันดิน โดยจะใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น พันธุ์ ความหนาของดินที่กลบท่อนพันธุ์ และการปฏิบัติต่อท่อนพันธุ์ เป็นต้น หน่อที่เกิดจากตาของท่อนพันธุ์ เรียกว่า หน่อแรก (primary shoot) หรือหน่อแม่ (mother shoot) จำนวนท่อนพันธุ์ที่งอกต่อไร่จะเป็นตัวกำหนดจำนวนกออ้อยในพื้นที่นั้น
- ระยะแตกกอ (tillering phase)
การแตกกอ จะเริ่มจากราว ๆ 1.5 เดือน หลังปลูก และ อาจนานถึง 2.5-4 เดือน การแตกกอ เป็นกระบวนการทางสรีรวิทยาของแบบการทำซ้ำภายใต้พื้นดิน โดยแยกออกจากข้อตาที่เป็นหน่อแม่ โดยการแตกกออ้อย ให้มีจำนวนข้อที่เหมาะสม จะทำให้ได้ผลผลิตที่ดี โดยปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อ การแตกกอ มีหลากหลาย ได้แก่ ความชื้นในดิน แสง อุณหภูมิ และปุ๋ย หน่อที่เกิดขึ้น ในช่วงต้นนั้นก่อให้เกิด ลำที่ใหญ่และหนัก แต่หน่อที่เกิดขึ้น ในช่วงปลายจะมีโอกาสทั้งตายหรือ ซึ่งจะเกิดขึ้นในระยะสั้น คือโตไม่เต็มที่เท่านั้น การปลูกอ้อยในระยะการแตกกอนั้น การควบคุม น้ำ และ วัชพืช ที่มีความสำคัญต่อการแตกกอเป็นอย่างมาก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการแตกกอ ให้มีประมาณหน่อลูกที่เหมาะสม ส่งผลต่อการได้ผลผลิต ตันต่อไรที่ดี
- ระยะย่างปล้อง (stalk elongation phase)
ระยะนี้เป็นระยะต่อเนื่องกับการแตกกอ อ้อยจะมีการเพิ่มความยาวและขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของปล้องอย่างรวดเร็ว ทำให้อ้อยทั้งลำต้นเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วด้วย โดยจะเริ่มตั้งแต่อายุประมาณ 3-4 เดือน ถึงอายุประมาณ 7-8 เดือน ซึ่งหลังจากนั้นการเจริญเติบโตจะมีลดลง และจะเริ่มมีการสะสมน้ำตาลเพิ่มมากขึ้น
- ระยะแก่และสุก (maturity and ripening phase)
เป็นระยะที่มีอัตราการเจริญเติบโตช้าลงมากเมื่อเปรียบเทียบกับระยะต่างๆข้างต้น เมื่อการเจริญเติบโตเริ่มช้าลง น้ำตาลทีจากที่ใบสร้างขึ้นโดยการสังเคราะห์แสงนั้นจะถูกใช้น้อยลง และมีเหลือสะสมในลำต้นมากขึ้น ซึ่งระยะนี้เป็นการเริ่มต้นของการสุกนั่นเอง การสะสมน้ำตาลนั้นจะเริ่มจากส่วนโคนไปหาปลาย ดังนั้นส่วนโคนจึงมีความหวานมากกว่าส่วนปลาย การสะสมน้ำตาลจะมีมากขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งทุกส่วน มีความหวานใกล้เคียงกัน เรียกว่า สุก
สายพันธุ์
อ้อยมีหลายพันธุ์แตกต่างกันที่ความสูง ความยาวของข้อและสีของลำต้น อ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจที่เกษตรกรนิยมปลูกกันมาก อ้อยที่นำมาคั้นน้ำสำหรับดื่ม เป็นอ้อยที่ปลูกบริเวณที่ราบลุ่ม พื้นที่ดินเหนียว ประชาชนเรียกว่า อ้อยเหลือง หรือ อ้อยสิงคโปร์ นิยมปลูกกันมากในบริเวณจังหวัดอ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และนครปฐม เป็นต้น
พ.ศ. 2550 ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสุพรรณบุรี) กรมวิชาการเกษตร ดำเนินการศึกษาวิจัยและพัฒนาพันธุ์อ้อยขึ้นมาใหม่ คือ พันธุ์สุพรรณบุรี 80 ซึ่งได้จากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างพันธุ์แม่ 85-2-352 กับพันธุ์พ่อ K84-200 ใช้ระยะเวลาคัดเลือกและปรับปรุงพันธุ์นานกว่า 11 ปี มีลักษณะเด่น คือ ให้ผลผลิตในอ้อยปลูกน้ำหนักเฉลี่ย 17.79 ตัน/ไร่ ให้ผลผลิตน้ำตาลเฉลี่ย 2.66 ตันซีซีเอส/ไร่ นอกจากนี้ยังสามารถต้านทานและได้ระดับปานกลางด้วย
พันธุ์อ้อยที่นิยมในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ อ้อยเคี้ยวและอ้อยสำหรับทำน้ำตาล
- อ้อยเคี้ยว อ้อยที่มีเปลือกและชานนิ่ม มีความหวานในระดับปานกลางถึงระดับสูง ปลูกเพื่อนำน้ำอ้อยไปบริโภคโดยตรง หรือใช้สำหรับรับประทานสด อ้อยเคี้ยวที่นิยมปลูกกันมีหลายพันธุ์ ได้แก่
- อ้อยสิงคโปร์ (อ้อยสำลี) ลักษณะจะมีชานนิ่มมาก ลำต้นสีเหลืองอมเขียว นำมาทำเป็นน้ำอ้อยแล้วจะมีสีสวยน่ารับประทาน
- พันธุ์มอริเชียส ลำต้นสีม่วงแดง พันธุ์นี้จะไม่เหมาะสำหรับทำน้ำอ้อย จึงใช้สำหรับการบริโภคโดยตรงแทน อ้อยพันธุ์นี้นิยมปลูกในจังหวัดราชบุรีและนครปฐม
- พันธุ์บาดิลาสีม่วงดำ ถึงแม้ว่าจะเป็นอ้อยเคี้ยว แต่ก็จะไม่ค่อยนิยมปลูกกันเพราะอ้อยพันธุ์นี้โตช้าและมีปล้องที่สั้นมาก
อ้อยทั้ง 3 พันธุ์นี้จัดเป็นพวกอ้อยดั้งเดิม ซึ่งมีถิ่นกำเนิดแถบเกาะนิวกินี นอกจากนี้ก็มีอ้อยน้ำผึ้งและอ้อยขาไก่ ซึ่งยังมีปลูกบ้างในบางพื้นที่ อย่างไรก็ดี อ้อยชนิดอื่น ๆ นอกจากที่กล่าวมานี้ก็สามารถใช้เป็นอ้อยเคี้ยวได้หากมีความหวานที่มากพอและไม่แข็งจนเกินไป
- อ้อยทำน้ำตาล
อ้อยพวกนี้เป็นจะอ้อยลูกผสมซึ่งเกิดขึ้นโดยนักผสมพันธุ์อ้อยของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก สำหรับประเทศไทยได้มีการนำพันธุ์อ้อยลูกผสมเข้ามาจากต่างประเทศตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันรวมประมาณ 220 พันธุ์และมีเพียง 20 พันธุ์ ที่ปลูกเป็นการค้าอยู่ในภาคต่าง ๆ เช่น บี 4098, ซีบี 38-22, ซีโอ 419, ซีโอ 421, เอฟ 108, เอฟ 134 , เอฟ 137, เอฟ 138 เป็นต้น
สรรพคุณสมุนไพร
ตำรายาไทยใช้ลำต้นเป็นยาขับปัสสาวะ โดยใช้ลำต้นสด 70-90 กรัม หรือแห้ง 30-40 กรัม หั่นเป็นชิ้น ต้มน้ำ แบ่งดื่มวันละ 2 ครั้งก่อนอาหาร แก้ไตพิการ หนองในและขับ แพทย์พื้นบ้านใช้ขับเสมหะ รายงานว่าอ้อยแดงมีฤทธิ์ขับปัสสาวะในสัตว์ทดลอง
อ้างอิง
- หนังสือ "สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน" เล่ม 5 โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด้จพระ เจ้าอยู่หัว
- หนังสือ "สมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ" หน้า 181 โดย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
- เอกสาร "โรงน้ำผลไม้สวนจิตรลดา" โดย โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา
- 1897 illustration from Franz Eugen Köhler, Köhler's Medizinal-Pflanzen
- lectotype designated by Hitchcock, Prop. Brit. Bot. 119 (1929)
- Tropicos, Saccharum L.
- Kew World Checklist of Selected Plant Families
- เปิดตัวอ้อยพันธุ์ใหม่ ‘สุพรรณบุรี 80’
- http://www.sc.mahidol.ac.th/wiki/doku.php?id=%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2[] Thai Sciencepedia. Retrieved May 18, 2016
- http://www.rspg.or.th/plants_data/kp_bot_garden/sugar_cane.htm Klong Phai Botanical Garden. Retrieved May 18, 2016
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
xxykarcaaenkchnthangwithyasastrxanackr Plantaeimidcdladb Angiospermsimidcdladb Monocotsimidcdladb xndb Poaleswngs Poaceaewngsyxy epha skul Saccharum L chnidtnaebbL chuxphxngStokes Michx Trin E Fourn Hack Stapf Bor H Scholz xxy chuxwithyasastr Saccharum officinarum epnphuchwngs POACEAE wngsediywkb iph hyaaelathyphuch echn khawsali khaw khawophd aela khawbarely mithinkaenidinekhtrxnkhxngthwipexechiy inlatnxxythinamaichthanatalmiprimansuokhrspraman 17 35 chanxxy bagasse thithukbibexanaxxyxxkipaelw samarthnamaichthakradas phlastik epnechuxephling aelaxaharstw swnkaknatal molasses thiaeykxxkcaknatalinrahwangkarphlit samarthnaiphmkepnehlarm rum idxikdwy xxyepnphuchchnidhnungthimikhwamsakhyepnxyangmakemuxphicarnainaengkhxngphlphlit ephraaxxysamarthichpccysahrbkarecriyetibot echn aesngaedd na xakas aelathatuxaharidxyangmiprasiththiphaph nxkcaknixxyyngepnphuchthiplukngay aelaemuxplukkhrnghnungaelw samarthekbekiywidhlaykhrng xxychxbxakasrxnaelachumchun dngnnpraethsthiplukxxy sungmipraman 70 praethscungxyuinaethbrxnaelachumchuninrahwangesnrungthi 35 xngsaehnux aela 35 xngsait praethsphuplukxxythisakhy idaek brasil khiwba xinediylksnathangphvkssastrxxyepnimlmluk sung 2 5 emtr aetkkxaenn latnsimwngaedngtnghruxmiokhnthxdexn miikhsikhawpkkhlum imaetkkingkan ibediyw eriyngslbepn 2 aethw kwang 2 5 5 esntiemtr yaw 0 5 1 emtr ibtnghruxthxdokhng ibrupibhxkaekmrupaethbkhxbibmihnamelkhyab dxkchx xxkthiplayyxd chxaeykaekhnng ruppiramid epraa chxdxkyxyrupibhxkthungrupibhxkaekmrupkhxbkhnan mikhnsikhawpkkhlum phlepnphlaebbphlthyphuch aehngaelamikhnadelklksnathwiprak rakkhxngxxynn caepnrakthixyuitdin mikhnadihykracaythwlatn mikhwamyawpraman 100 esntiemtr odyrakkhxngxxynncaaebngxxkepn 2 chuddwykn thngrakkhxngthxnphnthu thiichlaeliyngnaaelathatuxaharcnkwahnxxxncaetibot aelarakchnidnicahmdsphaphipexng txipkkhux rakkhxnghnx khuxrakkhnadihythiecriyxxkcakpumrakkhxnghnxthietibotaelw rakkhxngxxynncamikaretibotthdaethnknxyangsmaesmx aelarakekakcahmdsphaphlngiptamkalewla latn latnkhnadihykhxngxxynncaprakxbipdwykhxplxngcanwnmak plxngehlanicayawhruxsnkcakhunxyukbprimannathiidrb yingminamak plxngkcayawaelathaihlatnsungihytam ruprangkhxngplxng plxngmiruprangaetktangknhlayrupthrngmakmay echn epnrupthrngkrabxk cylindrical mdkhawtm tumescent klangkhxd bobbin shaped okhnihy conoidal okhnelk obconoidal hruxokhng curved khxaelaplxngehlanicamiswnprakxbmakmaykwasibxyangdwykn echn ta briewnekidrak root band hrux rootring hrux root zone hruxxanaekhtthixyurahwangrxykab aelawngecriy pumrak root primordia hrux root initials hruxcudthirakcaecriyxxkma wngecriyhruxwngaehwn growth ring rxykab leaf scar hrux sheath scar epnrxythiekidkhunhlngcakkabibhludaelw wngikh wax ring swnthimiikhekaamakkwaswnxun rxyaetktun hrux rxyaetklaynga corky cracks rxyaetkelk briewnphiwepluxk rxyaetkluk growth crack hrux rind crack rxyaetkkhnadihytamkhwamyawkhxnglatnlukekhaipinenuxxxy rxytksaekd corky patch rxngta bud furrow hrux bud groove ib ehmuxnibkhawthikhnadihykhun ibxxycami 2 swndwyknkhux kabibaelaaephnib kabib khuxswnthioxbrxblatnslbsay khwaipmacaktnthungplaylatn aephnib epnswnthithdekhaipcakkabib camiaekntrngklangthithaihaephnibmilksnaaekhngtngtrngiddxk dxkkhxngxxynncaepndxkelkthitidknepnkhu aetinhnungkhukcaaeykxxkepndxkthimikanaelaimmikan aetladxkcamikhnsikhawxyuthirxbthan emuxdxkban khnehlanikcakangxxkrxb epnrsmielk phl phlkhxngxxymilksnakhlayphl emld khxngkhawthimikhnadelklngmahlayetha aelacatidxyukbtwdxkxyangaenn eracaeriykemldxxywafss hrux flff fuzz hrux fluff aelaemldehlanikcanaipephaaihmtxipkarecriyetibotkhxngxxykarecriyetibotkhxngxxynnaebngxxkidepn 4 raya khux rayangxk germination phase rayanierimtntngaetplukcnkrathnghnxophlphndin odycaichewlapraman 2 3 spdah sungkkhunxyukbpccyhlayxyang echn phnthu khwamhnakhxngdinthiklbthxnphnthu aelakarptibtitxthxnphnthu epntn hnxthiekidcaktakhxngthxnphnthu eriykwa hnxaerk primary shoot hruxhnxaem mother shoot canwnthxnphnthuthingxktxircaepntwkahndcanwnkxxxyinphunthinn rayaaetkkx tillering phase karaetkkx caerimcakraw 1 5 eduxn hlngpluk aela xacnanthung 2 5 4 eduxn karaetkkx epnkrabwnkarthangsrirwithyakhxngaebbkarthasaphayitphundin odyaeykxxkcakkhxtathiepnhnxaem odykaraetkkxxxy ihmicanwnkhxthiehmaasm cathaihidphlphlitthidi odypccytang thimiphltx karaetkkx mihlakhlay idaek khwamchunindin aesng xunhphumi aelapuy hnxthiekidkhun inchwngtnnnkxihekid lathiihyaelahnk aethnxthiekidkhun inchwngplaycamioxkasthngtayhrux sungcaekidkhuninrayasn khuxotimetmthiethann karplukxxyinrayakaraetkkxnn karkhwbkhum na aela wchphuch thimikhwamsakhytxkaraetkkxepnxyangmak sungcachwykratunkaraetkkx ihmipramanhnxlukthiehmaasm sngphltxkaridphlphlit tntxirthidi rayayangplxng stalk elongation phase rayaniepnrayatxenuxngkbkaraetkkx xxycamikarephimkhwamyawaelakhnadesnphansunyklangkhxngplxngxyangrwderw thaihxxythnglatnecriyetibotidxyangrwderwdwy odycaerimtngaetxayupraman 3 4 eduxn thungxayupraman 7 8 eduxn sunghlngcaknnkarecriyetibotcamildlng aelacaerimmikarsasmnatalephimmakkhun rayaaekaelasuk maturity and ripening phase epnrayathimixtrakarecriyetibotchalngmakemuxepriybethiybkbrayatangkhangtn emuxkarecriyetiboterimchalng natalthicakthiibsrangkhunodykarsngekhraahaesngnncathukichnxylng aelamiehluxsasminlatnmakkhun sungrayaniepnkarerimtnkhxngkarsuknnexng karsasmnatalnncaerimcakswnokhniphaplay dngnnswnokhncungmikhwamhwanmakkwaswnplay karsasmnatalcamimakkhuntamladb cnkrathngthukswn mikhwamhwaniklekhiyngkn eriykwa suksayphnthuxxymihlayphnthuaetktangknthikhwamsung khwamyawkhxngkhxaelasikhxnglatn xxyepnphuchesrsthkicthiekstrkrniymplukknmak xxythinamakhnnasahrbdum epnxxythiplukbriewnthirablum phunthidinehniyw prachachneriykwa xxyehluxng hrux xxysingkhopr niymplukknmakinbriewncnghwdxangthxng phrankhrsrixyuthya suphrrnburi aelankhrpthm epntn ph s 2550 sunywicyphuchirsuphrrnburi pccubnepliynchuxepn sunywicyaelaphthnakarekstrsuphrrnburi krmwichakarekstr daeninkarsuksawicyaelaphthnaphnthuxxykhunmaihm khux phnthusuphrrnburi 80 sungidcakkarphsmkhamphnthurahwangphnthuaem 85 2 352 kbphnthuphx K84 200 ichrayaewlakhdeluxkaelaprbprungphnthunankwa 11 pi milksnaedn khux ihphlphlitinxxypluknahnkechliy 17 79 tn ir ihphlphlitnatalechliy 2 66 tnsisiexs ir nxkcakniyngsamarthtanthanaelaidradbpanklangdwy phnthuxxythiniyminpraethsithyaebngxxkepn 2 chnid idaek xxyekhiywaelaxxysahrbthanatal xxyekhiyw xxythimiepluxkaelachannim mikhwamhwaninradbpanklangthungradbsung plukephuxnanaxxyipbriophkhodytrng hruxichsahrbrbprathansd xxyekhiywthiniymplukknmihlayphnthu idaek xxysingkhopr xxysali lksnacamichannimmak latnsiehluxngxmekhiyw namathaepnnaxxyaelwcamisiswynarbprathan phnthumxriechiys latnsimwngaedng phnthunicaimehmaasahrbthanaxxy cungichsahrbkarbriophkhodytrngaethn xxyphnthuniniymplukincnghwdrachburiaelankhrpthm phnthubadilasimwngda thungaemwacaepnxxyekhiyw aetkcaimkhxyniymplukknephraaxxyphnthuniotchaaelamiplxngthisnmak xxythng 3 phnthunicdepnphwkxxydngedim sungmithinkaenidaethbekaaniwkini nxkcaknikmixxynaphungaelaxxykhaik sungyngmiplukbanginbangphunthi xyangirkdi xxychnidxun nxkcakthiklawmaniksamarthichepnxxyekhiywidhakmikhwamhwanthimakphxaelaimaekhngcnekinip xxythanatal xxyphwkniepncaxxylukphsmsungekidkhunodynkphsmphnthuxxykhxngpraethstang thwolk sahrbpraethsithyidmikarnaphnthuxxylukphsmekhamacaktangpraethstngaetxditcnthungpccubnrwmpraman 220 phnthuaelamiephiyng 20 phnthu thiplukepnkarkhaxyuinphakhtang echn bi 4098 sibi 38 22 siox 419 siox 421 exf 108 exf 134 exf 137 exf 138 epntnsrrphkhunsmuniphrtarayaithyichlatnepnyakhbpssawa odyichlatnsd 70 90 krm hruxaehng 30 40 krm hnepnchin tmna aebngdumwnla 2 khrngkxnxahar aekitphikar hnxnginaelakhb aephthyphunbanichkhbesmha raynganwaxxyaedngmivththikhbpssawainstwthdlxngxangxinghnngsux saranukrmithysahrbeyawchn elm 5 odyphrarachprasngkhinphrabathsmedcphra ecaxyuhw hnngsux smuniphrswnsirirukkhchati hna 181 ody khnaephschsastr mhawithyalymhidl exksar orngnaphlimswncitrlda ody okhrngkarswnphraxngkhswncitrlda1897 illustration from Franz Eugen Kohler Kohler s Medizinal Pflanzen lectotype designated by Hitchcock Prop Brit Bot 119 1929 Tropicos Saccharum L Kew World Checklist of Selected Plant Families epidtwxxyphnthuihm suphrrnburi 80 http www sc mahidol ac th wiki doku php id E0 B8 AD E0 B9 89 E0 B8 AD E0 B8 A2 lingkesiy Thai Sciencepedia Retrieved May 18 2016 http www rspg or th plants data kp bot garden sugar cane htm Klong Phai Botanical Garden Retrieved May 18 2016bthkhwamphichniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk