บทความเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตนี้ เนื่องจากไม่มีชื่อสามัญเป็นภาษาไทย |
Nepenthes fusca | |
---|---|
หม้อกลางของ N. fusca จาก | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | พืช (Plantae) |
หมวด: | Magnoliophyta |
ชั้น: | Magnoliopsida |
อันดับ: | Caryophyllales |
วงศ์: | Nepenthaceae |
สกุล: | Nepenthes |
สปีชีส์: | N. fusca |
ชื่อทวินาม | |
Nepenthes fusca (1928) | |
ชื่อพ้อง | |
|
Nepenthes fusca ( มาจากภาษาละติน: fuscus = น้ำตาลเข้ม, มืด ซึ่งมาจากสีของหม้อ) , หมือมีอีกชื่อหนึ่งว่า Dusky Pitcher-Plant เป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงถิ่นเดียวของบอร์เนียว พบขึ้นสูงจากระดับน้ำทะเล 1200-2500 เมตร และในธรรมชาติมักพบบนต้นไม้ใหญ่คล้ายกับกาฝาก แต่เดิมพบในป่าที่ปกคลุมไปด้วยมอสส์ มันเป็นญาติใกล้ชิดกับ N. faizaliana และนักพฤกษศาสตร์บางคนพิจารณาเป็นชนิดเดียวกันกับ N. zakriana
ประวัติทางพฤกษศาสตร์
N. fusca ถูกเก็บได้ครั้งแรกโดย เฟรดเดอร์ริก เอ็นเดอร์ต (Frederik Endert) ในวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1925 จากภูเขาแคมมูล (Kemul) ในกาลีมันตันตะวันออก ที่ความสูง 1500 ม. มันถูกค้นพบระหว่างการสำรวจใจกลางบอร์เนียวโดยสถาบันวิจัยป่าไม้แห่งโบกอร์ (Bogor) (หรือที่รู้จักกันในชื่อบิตเทนซอร์ก (Buitenzorg)) ซึ่งในการสำรวจครั้งนั้นเอ็นเดอร์ตเก็บ มาได้ด้วยเหมือนกัน[a] ตัวอย่างของ N. fusca ถูกตั้งชื่อว่า Endert 3955 เป็นเพศผู้และเก็บรักษาที่หอพรรณไม้แห่งโบกอร์ ซึ่งเป็นหอพรรณไม้ของสวนพฤกษศาสตร์โบกอร์ เอ็นเดอร์ตเขียนเกี่ยวกับหม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิดนี้ในบัญชีรายละเอียดปี ค.ศ. 1927 ของคณะสำรวจไว้ ถึงแม้เขาจะระบุบผิดว่าเป็น N. veitchii
N. fusca ถูกแจกจงรูปแบบ[b]ในปี ค.ศ. 1928 โดยนักพฤกษศาสตร์ชาวเนเธอร์แลนด์ที่ชื่อ บี.เอช. แดนเซอร์ (B. H. Danser) ในเอกสารสัมนา "The Nepenthaceae of the Netherlands Indies (หม้อข้าวหม้อแกงลิงแห่งหมู่เกาะอินเดียตะวันออกของดัตช์) " แดนเซอร์เขียนเกี่ยวกับ N. fusca ไว้ว่า:
นี้เป็นชนิดใหม่ ร่วมกับ N. Veitchii และ N. stenophylla เป็นญาติใกล้ชิดกับ N. maxima แต่สามารถแบ่งแยกกันได้ชัดเจน ตามที่เอ็นเดอร์ตบันทึกไว้มันเติบโตในป่าบนสันเขาหินแคบๆที่ปกคลุมด้วยฮิวมัส หาได้ไม่ยาก
นักพฤกษศาสตร์ชื่อเจน สเชลาเลอร์ (Jan Schlauer) ได้บันทึกความแตกต่างระหว่างตัวอย่างต้นแบบของ N. fusca และต้นไม้จากซาบะฮ์ที่อ้างเป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิดนี้ ดังต้นไม้ที่แสดงในรูปประกอบในหนังสือ Nepenthes of Mount Kinabalu (หม้อข้าวหม้อแกงลิงจากภูเขากีนาบาลู) ของคุระตะนั้นคือ N. stenophylla (ต่างจาก N. fallax อย่างชัดเจน) [c] ส่วนแมตทิว จิบบ์ (Matthew Jebb) ไม่พิจาณาลักษณะที่แตกต่างเพียงพอที่แยกข้อผิดถูกที่เด่นชัดที่ระดับชนิด เขาแนะว่าตัวอย่างต้นแบบประกอบด้วยหม้อกลางและหม้อบนซึ่งตรงข้ามกับรูปแบบที่แท้จริงทั้งสอง ทำให้มันผิดแบบไป
การจัดลำดับชั้นทางอนุกรมวิธานรูปแบบลำต้นที่ไม่แน่นอนนี้โดยมากมาจากข้อเท็จจริงว่า N. fusca นั้นไม่รู้และต้นไม้ที่คล้ายกันนั้นถูกเหมาเอาว่าอยู่ในชนิดนี้ แมตทิว จิบบ์และมาร์ติน ชีก (Martin Cheek) พยายามแก้ปัญหาความสับสนนี้ในเอกสารของพวกเขาในปี ค.ศ. 1997 โดยให้ N. fusca นั้นแพร่พันธุ์ไปทั่วและเป็นชนิดที่มีความหลากหลายสูง
ชนิดย่อย
ชนิดย่อยสองชนิดของ N. fusca ที่ถูกพรรณาไว้: N. fusca ชนิดย่อย apoensis และ N. fusca ชนิดย่อย kostermansiana ทั้งสองถูกตั้งชื่อโดยเจ.เอช. อดัม (J. H. Adam) และ ซี.ซี. วิลคัก (C. C. Wilcock) และภายหลังตีพิมพ์ลงในเอกสารของจิบบ์และชีกปี ค.ศ. 1997 ชื่อทั้งสองถูกเผยแพร่ออกไปโดยปราศจากการแจกแจงที่ดีพอ ทำให้มันถูกพิจารณาเป็นชื่อตั้งไร้คำบรรยาย ชนิดย่อย apoensis ถูกอธิบายรูปแบบบนพื้นฐาน Chai 35939 ตัวอย่างถูกเก็บจากภูเขาอโพ (Apo) สเชลาเลอร์พิจารณาว่าเป็นชื่อพ้องกับ N. fallaxN. fusca ชนิดย่อย kostermansiana ถูกคิดว่าเป็นตัวกำหนดชนิดที่ถูกต้อง ตัวอย่างของชนิดย่อยนี้ (Kostermans 21495) ถูกเก็บได้ในวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1963 จากแม่น้ำคีลไล (Kelai) , ภูเขาอินจาพา (Njapa) , บเรา (Berau) มันเก็บอยู่ที่หอพรรณไม้แห่งชาติประเทศเนเธอร์แลนด์ในไลเดน (Leiden)
Nepenthes maxima
N. maxima หม้อข้าวหม้อแกงลิงพื้นเมืองของซูลาเวซี, นิวกินี, และหมู่เกาะโมลุกกะ เป็นหนึ่งในชนิดที่คิดว่ามีการกระจายตัวทั่วบอร์เนียว ผู้แต่งบางคนเขียนไว้ว่ามันแพร่ไปทั่วบนเกาะ ความสับสนนี้เกิดมาจากความคล้ายคลึงกันของ N. fusca และ N. maxima และจากการติดป้ายผิดของเมล็ดที่เก็บโดยชาร์ลส์ เคอร์ทีส (Charles Curtis) เนื่องจากเคอร์ทีสไม่ละเอียดละออในการบันทึกสถานที่ตั้งของต้นไม้ ถึงแม้แต่เดิมเชื่อว่าเขาเก็บ N. curtisii (ปัจจุบันถูกพิจารณเป็นชื่อพ้องของ N. maxima) มา ในบอร์เนียวนักพฤกษศาสตร์ที่ชื่อชาร์ลส์ คลาร์ก (Charles Clarke) ชี้ว่าเมื่อเขาไปซูลาเวซีในการเดินทางเดียวกัน และพบ N. maxima ที่นั่น
แมตทิว จิบบ์และมาร์ติน ชีกแก้ไขความสับสนนี้ในบทความของพวกเขาในปี ค.ศ. 1997 โดยอ้างถึงหมายเลขของต้นไม้จากบอร์เนียวที่ระบุบว่าเป็น N. maxima ที่จริงนั้นเป็น N. fusca ด้วยวิธีนั้นสามารถแยกรูปแบบก่อนหน้านี้จากเกาะได้
Nepenthes zakriana
ปี ค.ศ. 1996, เจ.เอช. อดัม (J. H. Adam) และ ซี.ซี. วิลคัก (C. C. Wilcock) ได้พรรณาถึง Nepenthes curtisii ชนิดย่อย zakriana[d] สิบปีต่อมาอดัมและฮาฟิซา เอ. เฮมิด (Hafiza A. Hamid) ได้ยกมันขึ้นเป็นชนิดในชื่อ Nepenthes zakriana เป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงถิ่นเดียวของรัฐซาบะฮ์, เกาะบอร์เนียว ขึ้นสูงจากระดับน้ำทะเล 1200 - 1500 เมตร
อดัมและฮาฟิซาเขียนไว้ว่า N. zakriana " แตกต่างจาก Nepenthes fusca โดย เส้นกลางใบนูนเด่นชัด, มีติ่งแหลมยาวบนผิวใต้ฝาหม้อของหม้อล่างและหม้อบน; และตรงกลางส่วนฐานของเส้นกลางใบมีต่อมรูปเล็บ (nail-shaped) ยื่นเป็นหงอน" อย่างไรก็ตาม, บางคนมีข้อสงสัยต่อ N. zakriana ที่จะยกขึ้นเป็นชนิด และใน Pitcher Plants of Borneo (พืชกินแมลงแห่งบอร์เนียว) แต่งโดย แอนเทีย ฟิลลิปซ์ (Anthea Phillipps) , แอนโทนี แลมบ์ (Anthony Lamb) , และชีอัน ลีล์ (Ch'ien Lee) N. zakriana ถูกพิจารณาให้เป็นเพียงความหลากหลายของ N. fusca ในธรรมชาติ
Nepenthes sp. A
ในเอกสารของชาร์ลส์ คลาร์กในปี ค.ศ. 1997 ที่ชื่อ Nepenthes of Borneo (หม้อข้าวหม้อแกงลิงแห่งบอร์เนียว) บัญชีรายชื่อที่ไม่ระบุบอนุกรมวิธาน "Nepenthes sp. A" ที่ถูกบันทึกจากอุทยานแห่งชาติกูนุงมูลูในรัฐซาราวัก มีลักษณะคล้ายกับ N. fusca และอาจจะเป็นชนิดเดียวกัน ถึงแม้ว่าสีของมันจะไม่เหมือนทั่วๆไปของชนิดนี้ หม้อของพืชชนิดนี้คล้ายกับที่เจ.เอช. อดัมและซี.ซี. วิลคักพรรณาลักษณะ ของ N. faizaliana แต่ N. faizaliana มีฝาหม้อกลม (ตรงข้ามกับฝาสามเหลี่ยมแคบของ N. fusca และ "Nepenthes sp. A") แสดงว่าทั้งสองชนิดไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน คลาร์กเสนอว่าชนิดนี้อาจเป็น N. fusca ภายใต้ลักษณะโดยรวมของ N. fusca โดยจิบบ์ และชีก แต่ยังคงจัดอยู่ในชนิดที่ไม่ระบุบเพราะเรายังรู้เกี่ยวกับมันยังไม่ดีนัก
ภาพประกอบแรกของ "Nepenthes sp. A" อยู่ในบทความปี ค.ศ. 1988 โดยแอนเทีย ฟิลลิปซ์และแอนโทนี แลมบ์ในส่วนไม่ระบุบชนิด
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
N. fusca เป็นไม้เลื้อยไต่ ลำต้นอาจยาวได้ถึง 10 ม. และมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 8 มม. ปล้องเป็นวงกลมเมื่อตัดขวางยาว 7 ซม.
ใบมีก้านใบและมีผิวใบคล้ายหนัง แผ่นใบเป็นรูปไข่กลับถึงรูปรียาว 15 ซม.กว้าง 6 ซม. ปลายแหลมถึงมลและอาจเป็นแบบก้นปิดนิดหน่อย ฐานของแผ่นใบค่อยๆสอบเรียวไปยัง ก้านใบ (ยาว ≤4 ซม.) เป็นร่องยาวและมีปีกแคบๆหุ้มรอบลำต้น มีเส้นใบมากกว่า 3 เส้นใบตามยาวที่ปรากฏอยู่ทั้งสองข้างของ ถึงแม้ว่าจะเห็นไม่ชัดเจน มีเส้นใบแบบขนนกจำนวนมาก สายดิ่งยาวประมาณ 5 ซม.
หม้อล่างรูปทรงกระบอกตลอดทั้งหม้อ ปกติสูง 20 ซม.กว้าง 4 ซม.ถึงแม้จะมีตัวอย่างที่สูง 28 ซม.ที่ได้รับการบันทึกไว้ ปีกครุยคู่ (กว้าง ≤5 มม.) ยาวตลอดผิวหน้าและชิ้นครุยยาว 10 มม.แต่ละชิ้นห่างกัน 6 มม. มีต่อมอยู่บนผิวด้านในบริเวณส่วนล่างของหม้อ มีขนาดเล็ก มีความหนาแน่น 600 ถึง 650 ต่อตารางเซนติเมตร ปากหม้อวางตัวตามขวางด้านหน้าและยาวขึ้นไปสู่คอที่ด้านหลังที่เพอริสโตมแผ่ราบ (กว้าง ≤12 มม.) มีฟันไม่ชัดเจน (ยาว ≤0.3 มม.) ฝาหม้อรูปไข่แคบและมีสันบนผิวล่าง เดือยเดี่ยวยาว 10 มม.อยู่ใกล้ฐานของฝาปิด
หม้อบนเป็นรูปกรวยแคบทางก้นที่ติดกับสายดิ่งถึงสองในสามของหม้อและกลายเป็นกรวยกว้างในส่วนที่เหลือ มันมีขนาดพอๆกับหม้อล่างทั่วไปวัดได้ 18 ซม. ขนาดใหญ่สุดที่พบ 26 ซม. มีต่อมย่อยอาหารเล็กๆประมาณ 1500 ถึง 2000 ต่อมต่อตารางเซนติเมตร ฝาหม้อเป็นรูปสามเหลี่ยมแคบปลายโค้งลง ปีกหม้อจะลดรูปเหลือแค่สัน
N. fusca มีช่อดอกขนาดกะทัดรัดแบบ ยาว 6 ซม.ในขณะที่ยาวไม่เกิน 10 ซม. หนึ่งก้านช่อดอกมีดอก 1-2 ดอก ยาว 8 มม. ไม่มีใบประดับ กลีบเลี้ยงเป็นรูปรียาว 4 มม.
มียาวในส่วนที่กำลังเจริญ ขนสีน้ำตาล อย่างไรก็ตามมันจะหายไปในระหว่างการเติบโต ส่วนที่เจริญเต็มที่แล้วมีเพียงขนสีน้ำตาลสั้นๆหร็อมแหร็มปกคลุม
นิเวศวิทยา
N. fusca เป็นพืชถิ่นเดียวของบอร์เนียวที่ๆมันมีการกระจายตัวเป็นวงกว้างจากถึงตะวันตกเฉียงเหนือของซาบะฮ์ มันถูกพบในบรูไน, อินโดนีเซีย(กาลีมันตัน) , และ มาเลเซีย (ซาบะฮ์และรัฐซาราวัก) หม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิดนี้พบที่ระดับความสูง 1200 ถึง 2500 ม.จากระดับน้ำทะเล อย่างไรก็ตาม บางครั้งมีรายงานว่าพบ N. fusca ที่ระดับความสูง 600 ม. และในซาราวักถูกพบใกล้กับระดับความสูง 300 ม.ในป่าดิบเขา
ส่วนมาก N. fusca เป็นพืชอิงอาศัยคล้ายกาฝากพบในที่ร่มในป่ามอสส์บนความสูงจากพื้น 10 ถึง 15 ม. ด้วยเหตุนี้ทำให้พบมันได้ยากมาก เราจะพบก็แค่เพียงหม้อแห้งๆของมันที่ตกลงมาพบพื้นป่าเท่านั้น ในประเด็นนี้ มันสามารถพิจารณาเป็น "ความเท่าเทียมกันทางนิเวศวิทยา" ของ N. bongso จากสุมาตราได้ และเป็นการยากมากที่ N. fusca จะขึ้นบนพื้นในที่เปิดโล่งใกล้กับป่าดิบเขา หรือตามถนนตัดไม้ บ่อยครั้งมักพบอยู่บริเวณเดียวกันกับ N. fallax, N. reinwardtiana, และ N. tentaculata
หม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิดนี้ถูกพบได้ในหลายๆภูเขาทั่วบอร์เนียว สามารถพบในหลายๆแห่งบนภูเขากีนาบาลู, รวมถึงแคมบาร์รังก์กอฮ์ (Kambarangoh) , ที่ราบสูงมาเร เพเร (Marai Parai) , แนวเขาฝั่งตะวันออก, และแม่น้ำแบมแบนกอน (Bambangan) ราว 1500 ม. เราสามารถพบมันเติบโตอยู่ข้างถนนไปสู่สำนักงานอุทยานและสถานีไฟฟ้าที่มีถนนตัดผ่านอุทยานเพื่อการซ่อมบำรุง เหล่านี้เป็นที่หนึ่งที่ N. fusca สามารถพบเห็นได้ง่าย ในปี ค.ศ. 1997 ถึง 1998 ปรากฏการณ์เอลนีโญมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อ N. fusca ที่ขึ้นริมถนนเหล่านี้ เป็นผลมาจากอากาศร้อนที่รุนแรง ประชากรส่วนใหญ่จึงตายไปจนถึง "ต้นไม้ทั้งหมดถูกทำลายไป" มีแต่ต้นไม้ที่อยู่บริเวณมีร่มเงาที่รอดมาและกลับมาแพร่พันธุ์เพิ่มขึ้นในปีถัดๆมา
มีการพบ N. fusca ในบริเวณภูเขาแทมบูยูกอน (Tambuyukon) เหมือนกัน บนภูเขาทรุสมาดี (Trus Madi) พบที่ความสูง 1800 ม.เติบโตคล้ายกาฝากบนต้น รูปแบบสีเหลืองพบในภูเขาลุมมาร์กู (Lumarku) ในซาบะฮ์ บนภูเขามูลู (Mulu) ในซาราวัก N. fusca พบที่ระดับความสูง 1200 ม. การกระจายพันธุ์ของมันไม่ซ้อนทับหม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิดอื่นอีกสองชนิดที่ขึ้นคล้ายกาฝากเช่นกัน คือ: N. vogelii ที่ขึ้นในระดับความสูง 1200 ถึง 1500 ม., และ N. hurrelliana ที่พบในระดับที่สูงกว่า 1500 ม. ที่อื่นๆที่พบเห็นได้ก็มี ภูเขาอาแลบ (Alab) (จุดสูงสุดของเทือกเขาคร็อกเกอร์) และถนนคีมมานิส์ (Kimanis) –คีนนินเกา (Keningau) ที่ตัดผ่านเทือกเขาคร็อกเกอร์
N. fusca ถูกจัดเป็นระดับเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ในบัญชีแดงของ IUCN ปี ค.ศ. 2006 บนพื้นฐานการประเมินในปี ค.ศ. 2000 ข้อตกลงนี้ถูกประเมินอย่างไม่เป็นทางการโดยชาร์ลส์ คลาร์ก ผู้จัดระดับเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของชนิดบนพื้นฐานของเกณฑ์ IUCN ในปี ค.ศ. 1997 อย่างไรก็ตามคลาร์กบันทึกว่าเมื่อประชากรส่วนใหญ่ของ N. fusca วางตัวอยู่ในเส้นแบ่งเขตของอุทยานแห่งชาติ "มันไม่น่าจะถูกคุกคามในอนาคตตามที่คาดการณ์ไว้" ซึ่งนำไปสู่การพิจารณาซึ่งเขาแนะให้พิจารณาแก้ไขการประเมินจากชนิดพันธุ์ที่มีแผนงานอนุรักษ์รองรับ (Conservation Dependent) เสียใหม่ อย่างไรก็ตามมันกลับแตกต่างจากการประเมินโดยศูนย์ติดตามผลการอนุรักษ์ (World Conservation Monitoring Centre) ที่จัดให้ N. fusca เป็น "ไม่ถูกคุกคาม" ซึ่งอยู่ระดับต่ำที่สุด
ญาติใกล้ชิด
มีการคาดกันว่า N. fusca มีญาติใกล้ชิดคือ N. fallax, N. hurrelliana, N. platychila, N. stenophylla, และ N. vogelii ส่วน ที่ยังเป็นปริศนานั้น ซึ่งผู้แต่งบางคนจัดให้เป็นชนิดเดียวกันกับ N. hurrelliana ก็อาจจะเป็นญาติใกล้ชิดด้วยเหมือนกัน
หม้อล่างของ N. hurrelliana อาจจะแตกต่างแต่หม้อบนของมันกับคล้ายกับ N. fusca หม้อข้าวหม้อแกงลิงของบอร์เนียวมีเพียงสองชนิดเท่านั้นที่มีฝาหม้อเป็นรูปสามเหลี่ยมแคบ หม้อบนของ N. hurrelliana แตกต่างตรงมีปากที่ราบและยกขึ้นสูงที่ด้านหลังและมีขนหยาบแข็งใต้ฝา
N. hurrelliana คล้ายกับรูปแบบของ N. fusca จากทางใต้ของเทือกเขาคร็อกเกอร์ในรัฐซาบะฮ์เป็นพิเศษ โดยมันมีเพอริสโตมกว้าง, ส่วนคอดยาวกว่า, และฝาเป็นรูปสามเหลี่ยมมากกว่าตัวอย่างอื่นๆในชนิด อย่างไรก็ตาม, เพอริสโตมก็ไม่กว้างเท่าใน N. hurrelliana และมันก็ไม่มีสิ่งปกคลุมเหมือนกับ N. hurrelliana ยิ่งกว่านั้น N. hurrelliana ยังแตกต่างในการกระจายตัวของต่อมน้ำต้อยบนผิวล่างของฝา
N. vogelii ที่ถูกเก็บได้ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1961 ถูกติดป้ายเป็น N. fusca ในปี ค.ศ. 1969 นักพฤกษศาสตร์ที่ชื่อไซเกะโอะ คุระตะได้ตรวจสอบตัวอย่างนี้และหมายเหตุว่ามันไม่จัดเป็นความผันผวนของ N. fusca แต่กระนั้นตัวอย่างนี้ยังคงไม่ถูกระบุบจนกระทั่งปี ค.ศ. 2002N. vogelii แตกต่างตรงมีหม้อที่เล็กกว่ามากและไม่มีรยางค์ใต้ฝา แถมฝาของ N. vogelii เป็นรูปสามเหลี่ยมกว้างซึ่งตรงข้ามกับฝาสามเหลี่ยมแคบของ N. fusca สีของหม้อเป็นสีครีมสว่างมีจุดสีเข้มที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว
N. faizaliana ก็คล้ายกับ N. fusca มาก ในการพรรณารูปแบบของมัน เจ.เอช. อดัมและซี.ซี. วิลคักแบ่งแยกบนพื้นฐานของโครงสร้างช่อดอก, ขนาดของพื้นที่ต่อมในพื้นผิวภายในของหม้อบน และการเจริญและลักษณะของสิ่งปกคลุม แถม N. fusca มีฝาที่แคบมากซึ่งตรงข้ามกับฝารูปกลมของ N. faizaliana
N. platychila สามารถแบ่งแยกจาก N. fusca บนพื้นฐานของเพอริสโตมที่กว้างกว่าและฝาหม้อ โดย N. fusca ไม่มีรยางค์ที่ผิวด้านใต้N. fusca ถูกคิดว่าเป็นญาติใกล้ชิดกับ N. eymae จากซูลาเวซี, และ N. maxima ที่แพร่ไปทั่วในซูลาเวซี, นิวกินี, และหมู่เกาะโมลุกกะ
ลูกผสมทางธรรมชาติ
เพราะมันมีการกระจายตัวกว้างตลอดทั้งบอร์เนียว N. fusca จึงมีลูกผสมกับชนิดอื่นเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามลูกผสมที่เหมือน N. fusca เองยากที่จะพบเห็นเพราะมันเจริญเติบโตแบบกาฝาก
N. burbidgeae × N. fusca
N. burbidgeae × N. fusca เป็นที่รู้จักกันตั้งแต่ก่อนปี ค.ศ. 1980 ขณะทำการสำรวจรัฐซาบะฮ์
N. fallax × N. fusca
ลูกผสมนี้ถูกพบที่ส่วนลาดด้านตะวันออกของภูเขา Trus Madi ในป่าดิบเขาส่วนล่างที่พบ N. fallax และ N. fusca อยู่ในบริเวณเดียวกัน มันเหมือนกับ N. fallax มากแต่ต่างกันตรงฝาปิดที่เป็นรูปไข่ ลูกผสมนี้อาจถูกลงบัญชีเป็น N. fusca × N. stenophylla ถ้า N. fallax และ N. stenophylla ถูกพิจารณาเป็นชนิดเดียวกัน
N. fusca × N. lowii
ลูกผสมนี้ดังเดิมถูกระบุบว่าถูกผสมกับ N. chaniana (หรือที่รู้จักกันในชื่อ ในเวลานั้น) โดยชาร์ลส์ คลาร์ก อย่างไรก็ตามแอนเทีย ฟิลลิปซ์, แอนโทนี แลมบ์, และชีอัน ลีล์ กลับแสดงความเห็นที่ผิดกัน ไม่มีสิ่งที่แสดงว่าสืบทอดมาจาก N. fusca อย่างเช่น ฝารูปสามเหลี่ยมและคอยืด เขาเขียนว่าเกิดจาก N. fusca และ อยู่ร่วมกันในบริเวณเดียวกัน ที่ซึ่ง N. chaniana หาได้ยาก ชนิดอื่นที่อาจเป็นพ่อแม่ของมันคือ N. stenophylla ก็ไม่พบในบริเวณนั้น
N. fusca × N. lowii ถูกค้นพบโดยร็อบ แคนต์ลีย์ (Rob Cantley) และชาร์ลส์ คลาร์กบนบูกิต บาทู ลาวี (Bukit Batu Lawi) ในรัฐซาราวัก คลาร์กพบลูกผสมนี้ที่มีขนาดใหญ่ในเทือกเขาคร็อกเกอร์ของรัฐซาบะฮ์ในภายหลัง โดยเฉพาะใกล้ยอดเขาอาแลบ หม้อของ N. fusca × N. lowii มีเอวคอดมีสีเขียวถึงม่วงเข้มตลอดทั้งหม้อ
ลูกผสมต่างจาก N. fusca ตรงขนแข็งใต้ฝา ตรงกันข้ามมันมีสิ่งปกคลุมหนาแน่นบนลำต้นและที่ขอบของแผ่นใบ ซึ่งเปรียบเทียบกับต้นและใบของ N. lowii ที่เกลี้ยง มันต่างจาก N. lowii ตรงเพอริสโตมที่เป็นวงกลมเมื่อตัดขวาง ขณะที่หม้อล่างของ N. lowii มีฟันนูนขึ้นมาชัดเจน แต่ของ N. fusca × N. lowii มีไม่ชัดนัก, ต่อมรยางค์ใต้ฝา, ซึ่งสืบทอดลักษณะมาจาก N. fusca
N. fusca × N. lowii มีลักษณะบางส่วนคล้ายกับ N. chaniana × N. veitchii โดยสามารถแยกจากกันได้จากเพอริสโตมโดยตัวหลังมีลักษณะกว้าง, ผาย และมีรูปทรงกระบอกนิดหน่อย ลูกผสมชนิดนี้มีฝารูปไข่เล็กน้อย ไม่มีขนแข็งแบบที่มีใน N. lowii และสิ่งปกคลุมหนาแน่นบริเวณต้นและใบ
N. fusca × N. reinwardtiana
มีการคาดกันว่า เป็นลูกผสมระหว่าง N. fusca และ N. reinwardtiana ซึ่งขึ้นในบริเวณใกล้ๆกับมัน แต่โดยทั่วไปแล้ว มันถูกคิดว่าเป็น(ชื่อพ้องเฮเทอโรไทปิก)ของ N. reinwardtiana
N. fusca × N. tentaculata
N. fusca × ถูกค้นพบโดยลินูส กอกูส์ซิงก์ (Linus Gokusing) ใกล้ยอดเขาในภูเขาอาแลบ ในป่าดิบเขาที่ความสูง 1800 ถึง 2000 ม. พบขึ้นกระจายตัวบริเวณเดียวกับพ่อแม่ของมันที่มีอยู่มากมายในบริเวณนั้น
ลูกผสมชนิดอื่น
มีลูกผสมของ Nepenthes fusca กับหม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิดอื่นที่ถูกบันทึกไว้ดังนี้: N. platychila,N. rajah, และ N. veitchii
หม้อของ N. hurrelliana มีลักษณะอยู่กึ่งกลางระหว่าง N. fusca และ N. veitchii เรื่องนี้นำไปสู่การคาดเดาเรื่องเชื้อสายของหม้อข้าวข้าวหม้อแกงลิงชนิดนี้ ซึ่งมีหลายคนคาดเดาว่ามันอาจมีต้นกำเนิดจากลูกผสม อย่างไรก็ตาม N. hurrelliana นั้นถูกแยกออกจากลูกผสมทางธรรมชาติของ N. fusca × N. veitchii และผู้เขียนส่วนมากยกให้มันเป็นชนิดอย่างสมบูรณ์
การปลูกเลี้ยง
มีข้อมูลความต้องการอันน้อยนิดที่เผยแพร่ออกมาของ N. fusca ปี ค.ศ. 2004 ผู้ชำนาญการเพาะเลี้ยง โรเบอร์ต แซกคิลอตโต (Robert Sacilotto) เขียนบทความสำหรับ Carnivorous Plant Newsletter (จดหมายข่าวพืชกินแมลง) ที่รวบรวมความต้องการโดยประมาณของหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่สูงหลายชนิดจากประสบการณ์ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1996 ถึง 2001
แซกคิลอตโตพบว่า N. fusca มีความอดทนในสภาวะที่กว้าง ยกเว้นต้นไม้ที่ไม่ได้รับสารฆ่ารา ไม่มีกลุ่มทดสอบไหนมีอัตราการรอดชีวิตน้อยกว่า 75% N. fusca ทนต่ออุณหภูมิในช่วง 10 ถึง 38°C (50 ถึง 100°F) เวลากลางคืนให้ลดอุณหภูมิต่ำกว่า 21°C (70°F) ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในการเติบโต ต้นไม้ในที่ร่มจะโตช้าและให้หม้อน้อย การทดลองแสดงให้เห็นว่า N. fusca เติบโตได้ดีเมื่อความชื้นสัมพัทธ์อยู่ในช่วง 65 ถึง 90%
หม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิดนี้ดูเหมือนจะเติบโตได้ดีในเครื่องปลูกที่มีส่วนผสมดังนี้:ก้อนพีทมอสส์ 10%, เพอร์ไลต์ 30%, และอีก 60% ประกอบไปด้วย มอสส์ และเปลือกสน เครื่องปลูกควรเป็นกรดเล็กน้อย pH อยู่ระหว่าง 4.5 ถึง 5.0 คุณสมบัติในการนำกระแสไฟฟ้าระหว่าง 10 และ 45 ไมโครซีเมนส์
ความส่องสว่าง 6400–8600 lx (600–800 ) ดีที่สุดเมื่อต้นไม้โตภายใต้แสงแดด, โคมไอโซเดียม (Sodium vapor) , และโคมเมตทอล ฮาไลด์ (metal halide) อย่างไรก็ตามพื้นที่ตัวอย่างอยู่ภายใต้การผสมของหลอดโกร-ลักซ์ (Gro-Lux) และหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่ 5400–7500 lx (500–700 fc) (แม้ว่าการเติบโตจะอยู่ในระดับเดียวกัน) ต้นไม้จะเปลี่ยนรูปแบบเมื่อนำมาใช้แสดงตามที่จัดเหมือนถูกย้อมสี จากใบสีเขียวจะกลายเป็นแดง กระบนหม้อจะเข้มขึ้น
N. fusca ตอบสนองได้ดีในการให้ปุ๋ยเพียงหนึ่งในสี่จากปกติโดยดูได้จากหม้อ มดเป็นแหล่งอาหารที่ได้ผล
ดูเพิ่ม
- a.^ ระหว่างเดือนกันยายนถึงตุลาคมปี ค.ศ. 1925, เอ็นเดอร์ตได้สำรวจเนินรอบภูเขาแคมมูล, ขึ้นยอดเขา (1,847 ม.) หลายครั้ง, และหมู่บ้านใกล้เคียงของลองก์ มีเฮียงก์ (Long Mehiang) , ลองก์ เคียว (Long Kiau) , และลองก์ เพตทัก (Long Petak) เขาเก็บ N. fusca ได้ในวันที่ 12 ตุลาคม และ ในวันที่ 17 ตุลาคม
Folia mediocria breviter petiolata, lamina lanceolata, nervis longitudinalibus utrinque c. 2, vagina caulis 1/2 amplectente ; ascidia rosularum ignota ; ascidia inferiora magnitudine mediocria, parte inferiore anguste ovata, os versus subcylindrica, parte superiore alis 2 fimbriatis ; peristomio in collum elongato, applanato, 4-10 mm lato, costis c. 1/3-2/3 mm distantibus, dentibus c. tam longis quam latis ; operculo anguste ovato, subcordato, facie inferiore appendice lateraliter applanata ; ascidia superiora magnitudine mediocria, infundibuliformia, costis 2 prominentibus ; peristomio in collum elongato, applanato, 3-8 mm lato, costis 1/3-1/4 mm distantibus, dentibus brevissimis ; operculo anguste ovato, subcordato, facie inferiore prope basin appendice lateraliter applanata ; inflorescentia racemis parvus, pedicillis inferioribus c. 8 mm longis, omnibus 1-floris v. partim 2-floris ; indumentum iuventute densissimum, denique passim densum, breve, e pilis patentibus crassis simplicibus v. basi ramosis compositum.
- c.^ บางคนถือเอา N. fallax อยู่ในชุดชื่อพ้องของ N. stenophylla ขณะที่บางคนถือว่าเป็นสองชนิดที่ต่างกัน ซึ่งพืชที่อ้างว่าเป็น N. stenophylla ที่จริงอาจจะเป็น N. fallax แทน
- d.^ ชนิดย่อยนี้ได้ชื่อตาม เอ.เอช. แซกรี (A. H. Zakri) , ผู้อำนวยการของ และ N. curtisii (sensu เจ.เอช. อดัม & วิลคัก) เองก็ถูกพิจารณาเป็นชื่อพ้องเฮเทอโรไทปิก ของ N. stenophylla โดยนักอนุกรมวิธานบางคน
อ้างอิง
- Kurata, S. 1976. Nepenthes of Mount Kinabalu. Sabah National Parks Publications No. 2, Sabah National Parks Trustees, Kota Kinabalu.
- Phillipps, A. & A. Lamb 1996. Pitcher-Plants of Borneo. Natural History Publications (Borneo) , Kota Kinabalu.
- Endert, F.H. 1927. Botanisch en floristisch verslag. In: D.W. Buijs, H. Witkkamp, F.H. Endert, H.C. Siebers & D.F.K. Bosch. Midden-Oost-Borneo Expeditie 1925. G. Kolff & Co., Weltevreden. (ดัตช์)
- Phillips, A., A. Lamb & C.C. Lee 2008. Pitcher Plants of Borneo. Second Edition. Natural History Publications (Borneo) , Kota Kinabalu.
- Danser, B.H. 1928. 13. Nepenthes fusca DANS., nova spec.. In: The Nepenthaceae of the Netherlands Indies. Bulletin de Jardin de Botanique, Buitenzorg, Série III, 9 (3–4) : 249–438.
- Schlauer, J. 2006. Nepenthes fusca 2011-06-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Carnivorous Plant Database.
- Clarke, C.M. 1997. Nepenthes of Borneo. Natural History Publications (Borneo) , Kota Kinabalu.
- Jebb, M.H.P. & M.R. Cheek 1997. A Skeletal Revision of Nepenthes (Nepenthaceae). Blumea 42 (1) : 1–106.
- Schlauer, J. 2006. Nepenthes curtisii 2011-06-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Carnivorous Plant Database.
- Adam, J.H. & C.C. Wilcock 1996. Pitcher plants of Mt. Kinabalu in Sabah. The Sarawak Museum Journal 50 (7) : 145–165.
- Adam, J.H. & Hafiza A. Hamid 2006. Pitcher Plants (Nepenthes) Recorded from Keningau-Kimanis Road in Sabah, Malaysia.PDF (2.40 ) International Journal of Botany 2 (4) : 431-436. ISSN 1811-9700
- Rice, B.A. 2006. Do you want to tell me about a species I missed? The Carnivorous Plant FAQ.
- Steiner, H. 2002. Borneo: Its Mountains and Lowlands with their Pitcher Plants. Toihaan Publishing Company, Kota Kinabalu.
- Adam, J.H. & C.C. Wilcock 1991. A new species of Nepenthes (Nepenthaceae) from Sarawak. Blumea 36 (1) : 123–125.
- Phillipps, A. & A. Lamb 1988. Pitcher-plants of East Malaysia and Brunei. Nature Malaysiana 13 (4) : 8–27.
- Schnell, D., P. Catling, G. Folkerts, C. Frost, R. Gardner, et al. 2000. Nepenthes fusca. 2006 IUCN Red List of Threatened Species. IUCN 2006. Retrieved on 11 May 2006. Listed as Vulnerable (VU C2 v2.3).
- Clarke, C.M. & C.C. Lee 2004. Pitcher Plants of Sarawak. Natural History Publications (Borneo) , Kota Kinabalu.
- Clarke, C.M. 2001. A Guide to the Pitcher Plants of Sabah. Natural History Publications (Borneo) , Kota Kinabalu.
- Clarke, C.M. 2001. Nepenthes of Sumatra and Peninsular Malaysia. Natural History Publications (Borneo) , Kota Kinabalu.
- Lowrie, A. 1983. Sabah Nepenthes Expeditions 1982 & 1983.PDF 12 (4) : 88–95.
- Triplitt, R. 1985. Nepenthes—Color Them Unique.PDF 14 (2) : 40–42, 48–49.
- Malouf, P. 1995. A visit to Kinabalu Park.PDF 24 (3) : 64–69.
- Marabini, J. 1984. A Field Trip to Gunong Trusmadi.PDF (442 ) 13 (2) : 38–40.
- Simpson, R.B. 1995. Nepenthes and Conservation. Curtis's Botanical Magazine 12: 111–118.
- Salmon, B.[R.] 1999. Nepenthes mollis (Nepenthaceae) —Rediscovered?PDF (561 ) Carnivorous Plant Newsletter 28 (1) : 24–26.
- Schuiteman, A. & E.F. de Vogel 2002. Nepenthes vogelii (Nepenthaceae) : a new species from Sarawak. Blumea 47 (3) : 537–540.
- D'Amato, P. 1993. Nepenthes eymai.PDF 22 (1–2) : 21.
- Clarke, C.M., C.C. Lee & S. McPherson 2006. Nepenthes chaniana (Nepenthaceae) , a new species from north-western Borneo. Sabah Parks Journal 7: 53–66.
- Lee, C.C. 2002. Nepenthes platychila (Nepenthaceae) , a New Species of Pitcher Plant from Sarawak, Borneo. Gardens Bulletin Singapore 54: 257–261.
- Cheek, M., M. Jebb, C.C. Lee, A. Lamb & A. Phillipps. 2003. Nepenthes hurrelliana (Nepenthaceae) , a New Species of Pitcher Plant from Borneo. Sabah Parks Nature Journal 6: 117–124.
- Sacilotto, R. 2004. Experiments with highland Nepenthes seedlings: A Summary of Measured Tolerances. 33 (1) : 26–31.
- van Steenis-Kruseman, M.J., et al. 2006. Cyclopaedia of Malesian Collectors: Frederik Hendrik Endert. Nationaal Herbarium Nederland.
- Schlauer, J. 2006. Nepenthes fallax 2011-06-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Carnivorous Plant Database.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-06-10. สืบค้นเมื่อ 2009-03-04.
- Sacilotto, R. 2004. Experiments with highland Nepenthes seedlings: A Summary of Measured Tolerances. 33 (1) : 26–31.
- Schnell, D., Catling, P., Folkerts, G., Frost, C., Gardner, R., et al. (2000). Nepenthes fusca. 2006 IUCN Red List of Threatened Species. IUCN 2006. Retrieved on 11 May 2006. Listed as Vulnerable (VU C2 v2.3)
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamekiywkbsingmichiwitnimichuxbthkhwamepnchuxwithyasastr enuxngcakimmichuxsamyepnphasaithyNepenthes fuscahmxklangkhxng N fusca caksthanakarxnurks IUCN 2 3 karcaaenkchnthangwithyasastrxanackr phuch Plantae hmwd Magnoliophytachn Magnoliopsidaxndb Caryophyllaleswngs Nepenthaceaeskul Nepenthesspichis N fuscachuxthwinamNepenthes fusca 1928 chuxphxngNepenthes fusca subsp apoensis J H Adam amp Wilcock ex Jebb amp Cheek 1997 nom nud N fallax Nepenthes fusca subsp kostermansiana J H Adam amp Wilcock ex Jebb amp Cheek 1997 nom nud Nepenthes fusca auct non Danser Sh Kurata 1976 N stenophylla Nepenthes veitchii auct non Hook f End 1927 Nepenthes fusca macakphasalatin fuscus natalekhm mud sungmacaksikhxnghmx hmuxmixikchuxhnungwa Dusky Pitcher Plant epnhmxkhawhmxaeknglingthinediywkhxngbxreniyw phbkhunsungcakradbnathael 1200 2500 emtr aelainthrrmchatimkphbbntnimihykhlaykbkafak aetedimphbinpathipkkhlumipdwymxss mnepnyatiiklchidkb N faizaliana aelankphvkssastrbangkhnphicarnaepnchnidediywknkb N zakrianaprawtithangphvkssastrN fusca thukekbidkhrngaerkody efrdedxrrik exnedxrt Frederik Endert inwnthi 12 tulakhm kh s 1925 cakphuekhaaekhmmul Kemul inkalimntntawnxxk thikhwamsung 1500 m mnthukkhnphbrahwangkarsarwcicklangbxreniywodysthabnwicypaimaehngobkxr Bogor hruxthiruckkninchuxbitethnsxrk Buitenzorg sunginkarsarwckhrngnnexnedxrtekb maiddwyehmuxnkn a twxyangkhxng N fusca thuktngchuxwa Endert 3955 epnephsphuaelaekbrksathihxphrrnimaehngobkxr sungepnhxphrrnimkhxngswnphvkssastrobkxr exnedxrtekhiynekiywkbhmxkhawhmxaeknglingchnidniinbychiraylaexiydpi kh s 1927 khxngkhnasarwciw thungaemekhacarabubphidwaepn N veitchii N fusca thukaeckcngrupaebb b inpi kh s 1928 odynkphvkssastrchawenethxraelndthichux bi exch aednesxr B H Danser inexksarsmna The Nepenthaceae of the Netherlands Indies hmxkhawhmxaeknglingaehnghmuekaaxinediytawnxxkkhxngdtch aednesxrekhiynekiywkb N fusca iwwa niepnchnidihm rwmkb N Veitchii aela N stenophylla epnyatiiklchidkb N maxima aetsamarthaebngaeykknidchdecn tamthiexnedxrtbnthukiwmnetibotinpabnsnekhahinaekhbthipkkhlumdwyhiwms haidimyak nkphvkssastrchuxecn sechlaelxr Jan Schlauer idbnthukkhwamaetktangrahwangtwxyangtnaebbkhxng N fusca aelatnimcaksabahthixangepnhmxkhawhmxaeknglingchnidni dngtnimthiaesdnginrupprakxbinhnngsux Nepenthes of Mount Kinabalu hmxkhawhmxaeknglingcakphuekhakinabalu khxngkhuratannkhux N stenophylla tangcak N fallax xyangchdecn c swnaemtthiw cibb Matthew Jebb imphicanalksnathiaetktangephiyngphxthiaeykkhxphidthukthiednchdthiradbchnid ekhaaenawatwxyangtnaebbprakxbdwyhmxklangaelahmxbnsungtrngkhamkbrupaebbthiaethcringthngsxng thaihmnphidaebbip karcdladbchnthangxnukrmwithanrupaebblatnthiimaennxnniodymakmacakkhxethccringwa N fusca nnimruaelatnimthikhlayknnnthukehmaexawaxyuinchnidni aemtthiw cibbaelamartin chik Martin Cheek phyayamaekpyhakhwamsbsnniinexksarkhxngphwkekhainpi kh s 1997 odyih N fusca nnaephrphnthuipthwaelaepnchnidthimikhwamhlakhlaysung chnidyxy chnidyxysxngchnidkhxng N fusca thithukphrrnaiw N fusca chnidyxy apoensis aela N fusca chnidyxy kostermansiana thngsxngthuktngchuxodyec exch xdm J H Adam aela si si wilkhk C C Wilcock aelaphayhlngtiphimphlnginexksarkhxngcibbaelachikpi kh s 1997 chuxthngsxngthukephyaephrxxkipodyprascakkaraeckaecngthidiphx thaihmnthukphicarnaepnchuxtngirkhabrryay chnidyxy apoensis thukxthibayrupaebbbnphunthan Chai 35939 twxyangthukekbcakphuekhaxoph Apo sechlaelxrphicarnawaepnchuxphxngkb N fallaxN fusca chnidyxy kostermansiana thukkhidwaepntwkahndchnidthithuktxng twxyangkhxngchnidyxyni Kostermans 21495 thukekbidinwnthi 25 tulakhm kh s 1963 cakaemnakhilil Kelai phuekhaxincapha Njapa bera Berau mnekbxyuthihxphrrnimaehngchatipraethsenethxraelndiniledn Leiden Nepenthes maxima N maxima hmxkhawhmxaeknglingphunemuxngkhxngsulaewsi niwkini aelahmuekaaomlukka epnhnunginchnidthikhidwamikarkracaytwthwbxreniyw phuaetngbangkhnekhiyniwwamnaephripthwbnekaa khwamsbsnniekidmacakkhwamkhlaykhlungknkhxng N fusca aela N maxima aelacakkartidpayphidkhxngemldthiekbodycharls ekhxrthis Charles Curtis enuxngcakekhxrthisimlaexiydlaxxinkarbnthuksthanthitngkhxngtnim thungaemaetedimechuxwaekhaekb N curtisii pccubnthukphicarnepnchuxphxngkhxng N maxima ma inbxreniywnkphvkssastrthichuxcharls khlark Charles Clarke chiwaemuxekhaipsulaewsiinkaredinthangediywkn aelaphb N maxima thinn hmxbnkhxng N maxima caksulaewsi aemtthiw cibbaelamartin chikaekikhkhwamsbsnniinbthkhwamkhxngphwkekhainpi kh s 1997 odyxangthunghmayelkhkhxngtnimcakbxreniywthirabubwaepn N maxima thicringnnepn N fusca dwywithinnsamarthaeykrupaebbkxnhnanicakekaaid Nepenthes zakriana pi kh s 1996 ec exch xdm J H Adam aela si si wilkhk C C Wilcock idphrrnathung Nepenthes curtisii chnidyxy zakriana d sibpitxmaxdmaelahafisa ex ehmid Hafiza A Hamid idykmnkhunepnchnidinchux Nepenthes zakriana epnhmxkhawhmxaeknglingthinediywkhxngrthsabah ekaabxreniyw khunsungcakradbnathael 1200 1500 emtr xdmaelahafisaekhiyniwwa N zakriana aetktangcak Nepenthes fusca ody esnklangibnunednchd mitingaehlmyawbnphiwitfahmxkhxnghmxlangaelahmxbn aelatrngklangswnthankhxngesnklangibmitxmrupelb nail shaped yunepnhngxn xyangirktam bangkhnmikhxsngsytx N zakriana thicaykkhunepnchnid aelain Pitcher Plants of Borneo phuchkinaemlngaehngbxreniyw aetngody aexnethiy fillips Anthea Phillipps aexnothni aelmb Anthony Lamb aelachixn lil Ch ien Lee N zakriana thukphicarnaihepnephiyngkhwamhlakhlaykhxng N fusca inthrrmchati Nepenthes sp A inexksarkhxngcharls khlarkinpi kh s 1997 thichux Nepenthes of Borneo hmxkhawhmxaeknglingaehngbxreniyw bychiraychuxthiimrabubxnukrmwithan Nepenthes sp A thithukbnthukcakxuthyanaehngchatikunungmuluinrthsarawk milksnakhlaykb N fusca aelaxaccaepnchnidediywkn thungaemwasikhxngmncaimehmuxnthwipkhxngchnidni hmxkhxngphuchchnidnikhlaykbthiec exch xdmaelasi si wilkhkphrrnalksna khxng N faizaliana aet N faizaliana mifahmxklm trngkhamkbfasamehliymaekhbkhxng N fusca aela Nepenthes sp A aesdngwathngsxngchnidimmikhwamsmphnthiklchidkn khlarkesnxwachnidnixacepn N fusca phayitlksnaodyrwmkhxng N fusca odycibb aelachik aetyngkhngcdxyuinchnidthiimrabubephraaerayngruekiywkbmnyngimdink phaphprakxbaerkkhxng Nepenthes sp A xyuinbthkhwampi kh s 1988 odyaexnethiy fillipsaelaaexnothni aelmbinswnimrabubchnidlksnathangphvkssastrN fusca epnimeluxyit latnxacyawidthung 10 m aelamiesnphansunyklangpraman 8 mm plxngepnwngklmemuxtdkhwangyaw 7 sm ibmikanibaelamiphiwibkhlayhnng aephnibepnrupikhklbthungrupriyaw 15 sm kwang 6 sm playaehlmthungmlaelaxacepnaebbknpidnidhnxy thankhxngaephnibkhxysxberiywipyng kanib yaw 4 sm epnrxngyawaelamipikaekhbhumrxblatn miesnibmakkwa 3 esnibtamyawthipraktxyuthngsxngkhangkhxng thungaemwacaehnimchdecn miesnibaebbkhnnkcanwnmak saydingyawpraman 5 sm hmxlangrupthrngkrabxktlxdthnghmx pktisung 20 sm kwang 4 sm thungaemcamitwxyangthisung 28 sm thiidrbkarbnthukiw pikkhruykhu kwang 5 mm yawtlxdphiwhnaaelachinkhruyyaw 10 mm aetlachinhangkn 6 mm mitxmxyubnphiwdaninbriewnswnlangkhxnghmx mikhnadelk mikhwamhnaaenn 600 thung 650 txtarangesntiemtr pakhmxwangtwtamkhwangdanhnaaelayawkhunipsukhxthidanhlngthiephxrisotmaephrab kwang 12 mm mifnimchdecn yaw 0 3 mm fahmxrupikhaekhbaelamisnbnphiwlang eduxyediywyaw 10 mm xyuiklthankhxngfapid hmxlangkhxng N fusca cakethuxkekhakhrxkekxr CR aelabriewnrxbyxdekhakinabalu MK caksayipkhwa CR MK MK CR aela CR hmxbnepnrupkrwyaekhbthangknthitidkbsaydingthungsxnginsamkhxnghmxaelaklayepnkrwykwanginswnthiehlux mnmikhnadphxkbhmxlangthwipwdid 18 sm khnadihysudthiphb 26 sm mitxmyxyxaharelkpraman 1500 thung 2000 txmtxtarangesntiemtr fahmxepnrupsamehliymaekhbplayokhnglng pikhmxcaldrupehluxaekhsn hmxbnkhxng N fusca cakethuxkekhakhrxkekxr CR aelabriewnrxbyxdekhakinabalu MK caksayipkhwa MK MK CR MK aela CR N fusca michxdxkkhnadkathdrdaebb yaw 6 sm inkhnathiyawimekin 10 sm hnungkanchxdxkmidxk 1 2 dxk yaw 8 mm immiibpradb klibeliyngepnrupriyaw 4 mm miyawinswnthikalngecriy khnsinatal xyangirktammncahayipinrahwangkaretibot swnthiecriyetmthiaelwmiephiyngkhnsinatalsnhrxmaehrmpkkhlumniewswithyaN fusca N reinwardtiana aela N fallax khuninphunthiepidolngtamthnnthiichinkartdim phuekha Murud inrthsarawk N fusca epnphuchthinediywkhxngbxreniywthimnmikarkracaytwepnwngkwangcakthungtawntkechiyngehnuxkhxngsabah mnthukphbinbruin xinodniesiy kalimntn aela maelesiy sabahaelarthsarawk hmxkhawhmxaeknglingchnidniphbthiradbkhwamsung 1200 thung 2500 m cakradbnathael xyangirktam bangkhrngmiraynganwaphb N fusca thiradbkhwamsung 600 m aelainsarawkthukphbiklkbradbkhwamsung 300 m inpadibekha swnmak N fusca epnphuchxingxasykhlaykafakphbinthirminpamxssbnkhwamsungcakphun 10 thung 15 m dwyehtunithaihphbmnidyakmak eracaphbkaekhephiynghmxaehngkhxngmnthitklngmaphbphunpaethann inpraednni mnsamarthphicarnaepn khwamethaethiymknthangniewswithya khxng N bongso caksumatraid aelaepnkaryakmakthi N fusca cakhunbnphuninthiepidolngiklkbpadibekha hruxtamthnntdim bxykhrngmkphbxyubriewnediywknkb N fallax N reinwardtiana aela N tentaculata N fusca cakphuekhaxaaelb Alab hmxkhawhmxaeknglingchnidnithukphbidinhlayphuekhathwbxreniyw samarthphbinhlayaehngbnphuekhakinabalu rwmthungaekhmbarrngkkxh Kambarangoh thirabsungmaer epher Marai Parai aenwekhafngtawnxxk aelaaemnaaebmaebnkxn Bambangan raw 1500 m erasamarthphbmnetibotxyukhangthnnipsusanknganxuthyanaelasthaniiffathimithnntdphanxuthyanephuxkarsxmbarung ehlaniepnthihnungthi N fusca samarthphbehnidngay inpi kh s 1997 thung 1998 praktkarnexlnioymiphlkrathbxyangrunaerngtx N fusca thikhunrimthnnehlani epnphlmacakxakasrxnthirunaerng prachakrswnihycungtayipcnthung tnimthnghmdthukthalayip miaettnimthixyubriewnmirmengathirxdmaaelaklbmaaephrphnthuephimkhuninpithdma mikarphb N fusca inbriewnphuekhaaethmbuyukxn Tambuyukon ehmuxnkn bnphuekhathrusmadi Trus Madi phbthikhwamsung 1800 m etibotkhlaykafakbntn rupaebbsiehluxngphbinphuekhalummarku Lumarku insabah bnphuekhamulu Mulu insarawk N fusca phbthiradbkhwamsung 1200 m karkracayphnthukhxngmnimsxnthbhmxkhawhmxaeknglingchnidxunxiksxngchnidthikhunkhlaykafakechnkn khux N vogelii thikhuninradbkhwamsung 1200 thung 1500 m aela N hurrelliana thiphbinradbthisungkwa 1500 m thixunthiphbehnidkmi phuekhaxaaelb Alab cudsungsudkhxngethuxkekhakhrxkekxr aelathnnkhimmanis Kimanis khinnineka Keningau thitdphanethuxkekhakhrxkekxr N fusca thukcdepnradbesiyngtxkarsuyphnthuinbychiaedngkhxng IUCN pi kh s 2006 bnphunthankarpraemininpi kh s 2000 khxtklngnithukpraeminxyangimepnthangkarodycharls khlark phucdradbesiyngtxkarsuyphnthukhxngchnidbnphunthankhxngeknth IUCN inpi kh s 1997 xyangirktamkhlarkbnthukwaemuxprachakrswnihykhxng N fusca wangtwxyuinesnaebngekhtkhxngxuthyanaehngchati mnimnacathukkhukkhaminxnakhttamthikhadkarniw sungnaipsukarphicarnasungekhaaenaihphicarnaaekikhkarpraemincakchnidphnthuthimiaephnnganxnurksrxngrb Conservation Dependent esiyihm xyangirktammnklbaetktangcakkarpraeminodysunytidtamphlkarxnurks World Conservation Monitoring Centre thicdih N fusca epn imthukkhukkham sungxyuradbtathisudyatiiklchidhmxbnkhxng N hurrelliana say aela N vogelii khwa mikarkhadknwa N fusca miyatiiklchidkhux N fallax N hurrelliana N platychila N stenophylla aela N vogelii swn thiyngepnprisnann sungphuaetngbangkhncdihepnchnidediywknkb N hurrelliana kxaccaepnyatiiklchiddwyehmuxnkn hmxlangkhxng N hurrelliana xaccaaetktangaethmxbnkhxngmnkbkhlaykb N fusca hmxkhawhmxaeknglingkhxngbxreniywmiephiyngsxngchnidethannthimifahmxepnrupsamehliymaekhb hmxbnkhxng N hurrelliana aetktangtrngmipakthirabaelaykkhunsungthidanhlngaelamikhnhyabaekhngitfa N hurrelliana khlaykbrupaebbkhxng N fusca cakthangitkhxngethuxkekhakhrxkekxrinrthsabahepnphiess odymnmiephxrisotmkwang swnkhxdyawkwa aelafaepnrupsamehliymmakkwatwxyangxuninchnid xyangirktam ephxrisotmkimkwangethain N hurrelliana aelamnkimmisingpkkhlumehmuxnkb N hurrelliana yingkwann N hurrelliana yngaetktanginkarkracaytwkhxngtxmnatxybnphiwlangkhxngfa N vogelii thithukekbidkhrngaerkinpi kh s 1961 thuktidpayepn N fusca inpi kh s 1969 nkphvkssastrthichuxisekaoxa khurataidtrwcsxbtwxyangniaelahmayehtuwamnimcdepnkhwamphnphwnkhxng N fusca aetkranntwxyangniyngkhngimthukrabubcnkrathngpi kh s 2002N vogelii aetktangtrngmihmxthielkkwamakaelaimmiryangkhitfa aethmfakhxng N vogelii epnrupsamehliymkwangsungtrngkhamkbfasamehliymaekhbkhxng N fusca sikhxnghmxepnsikhrimswangmicudsiekhmthiepnlksnaechphaatw N faizaliana kkhlaykb N fusca mak inkarphrrnarupaebbkhxngmn ec exch xdmaelasi si wilkhkaebngaeykbnphunthankhxngokhrngsrangchxdxk khnadkhxngphunthitxminphunphiwphayinkhxnghmxbn aelakarecriyaelalksnakhxngsingpkkhlum aethm N fusca mifathiaekhbmaksungtrngkhamkbfarupklmkhxng N faizaliana N platychila samarthaebngaeykcak N fusca bnphunthankhxngephxrisotmthikwangkwaaelafahmx ody N fusca immiryangkhthiphiwdanitN fusca thukkhidwaepnyatiiklchidkb N eymae caksulaewsi aela N maxima thiaephripthwinsulaewsi niwkini aelahmuekaaomlukkalukphsmthangthrrmchatiephraamnmikarkracaytwkwangtlxdthngbxreniyw N fusca cungmilukphsmkbchnidxunepncanwnmak xyangirktamlukphsmthiehmuxn N fusca exngyakthicaphbehnephraamnecriyetibotaebbkafak hmxlangkhxng N burbidgeae N fusca cakN burbidgeae N fusca N burbidgeae N fusca epnthiruckkntngaetkxnpi kh s 1980 khnathakarsarwcrthsabah N fallax N fusca hmxlangkhxng N fallax N fusca lukphsmnithukphbthiswnladdantawnxxkkhxngphuekha Trus Madi inpadibekhaswnlangthiphb N fallax aela N fusca xyuinbriewnediywkn mnehmuxnkb N fallax makaettangkntrngfapidthiepnrupikh lukphsmnixacthuklngbychiepn N fusca N stenophylla tha N fallax aela N stenophylla thukphicarnaepnchnidediywkn N fusca N lowii lukphsmnidngedimthukrabubwathukphsmkb N chaniana hruxthiruckkninchux inewlann odycharls khlark xyangirktamaexnethiy fillips aexnothni aelmb aelachixn lil klbaesdngkhwamehnthiphidkn immisingthiaesdngwasubthxdmacak N fusca xyangechn farupsamehliymaelakhxyud ekhaekhiynwaekidcak N fusca aela xyurwmkninbriewnediywkn thisung N chaniana haidyak chnidxunthixacepnphxaemkhxngmnkhux N stenophylla kimphbinbriewnnn N fusca N lowii thukkhnphbodyrxb aekhntliy Rob Cantley aelacharls khlarkbnbukit bathu lawi Bukit Batu Lawi inrthsarawk khlarkphblukphsmnithimikhnadihyinethuxkekhakhrxkekxrkhxngrthsabahinphayhlng odyechphaaiklyxdekhaxaaelb hmxkhxng N fusca N lowii miexwkhxdmisiekhiywthungmwngekhmtlxdthnghmx lukphsmtangcak N fusca trngkhnaekhngitfa trngknkhammnmisingpkkhlumhnaaennbnlatnaelathikhxbkhxngaephnib sungepriybethiybkbtnaelaibkhxng N lowii thiekliyng mntangcak N lowii trngephxrisotmthiepnwngklmemuxtdkhwang khnathihmxlangkhxng N lowii mifnnunkhunmachdecn aetkhxng N fusca N lowii miimchdnk txmryangkhitfa sungsubthxdlksnamacak N fusca N fusca N lowii milksnabangswnkhlaykb N chaniana N veitchii odysamarthaeykcakknidcakephxrisotmodytwhlngmilksnakwang phay aelamirupthrngkrabxknidhnxy lukphsmchnidnimifarupikhelknxy immikhnaekhngaebbthimiin N lowii aelasingpkkhlumhnaaennbriewntnaelaib N fusca N reinwardtiana lukphsmthikhadwaepnlukphsmrahwang N fusca aela N reinwardtiana mikarkhadknwa epnlukphsmrahwang N fusca aela N reinwardtiana sungkhuninbriewniklkbmn aetodythwipaelw mnthukkhidwaepnchuxphxngehethxorithpikkhxng N reinwardtiana N fusca N tentaculata N fusca thukkhnphbodylinus kxkussingk Linus Gokusing iklyxdekhainphuekhaxaaelb inpadibekhathikhwamsung 1800 thung 2000 m phbkhunkracaytwbriewnediywkbphxaemkhxngmnthimixyumakmayinbriewnnn lukphsmchnidxun milukphsmkhxng Nepenthes fusca kbhmxkhawhmxaeknglingchnidxunthithukbnthukiwdngni N platychila N rajah aela N veitchii hmxkhxng N hurrelliana milksnaxyukungklangrahwang N fusca aela N veitchii eruxngninaipsukarkhadedaeruxngechuxsaykhxnghmxkhawkhawhmxaeknglingchnidni sungmihlaykhnkhadedawamnxacmitnkaenidcaklukphsm xyangirktam N hurrelliana nnthukaeykxxkcaklukphsmthangthrrmchatikhxng N fusca N veitchii aelaphuekhiynswnmakykihmnepnchnidxyangsmburnkarplukeliyngmikhxmulkhwamtxngkarxnnxynidthiephyaephrxxkmakhxng N fusca pi kh s 2004 phuchanaykarephaaeliyng orebxrt aeskkhilxtot Robert Sacilotto ekhiynbthkhwamsahrb Carnivorous Plant Newsletter cdhmaykhawphuchkinaemlng thirwbrwmkhwamtxngkarodypramankhxnghmxkhawhmxaeknglingthisunghlaychnidcakprasbkarninchwngrahwangpi kh s 1996 thung 2001 inpa odythwipphb N fusca inthirm phaphhmxbnthikhunrimthnnipphuekhamurud aelaehtuniidsuxihehnintnimthiplukeliyngthidithisud otinthiaesngnxymakkwahmxkhawhmxaeknglingchnidxun aeskkhilxtotphbwa N fusca mikhwamxdthninsphawathikwang ykewntnimthiimidrbsarkhara immiklumthdsxbihnmixtrakarrxdchiwitnxykwa 75 N fusca thntxxunhphumiinchwng 10 thung 38 C 50 thung 100 F ewlaklangkhunihldxunhphumitakwa 21 C 70 F sungepnpccythisakhyinkaretibot tniminthirmcaotchaaelaihhmxnxy karthdlxngaesdngihehnwa N fusca etibotiddiemuxkhwamchunsmphththxyuinchwng 65 thung 90 hmxkhawhmxaeknglingchnidniduehmuxncaetibotiddiinekhruxngplukthimiswnphsmdngni kxnphithmxss 10 ephxrilt 30 aelaxik 60 prakxbipdwy mxss aelaepluxksn ekhruxngplukkhwrepnkrdelknxy pH xyurahwang 4 5 thung 5 0 khunsmbtiinkarnakraaesiffarahwang 10 aela 45 imokhrsiemns khwamsxngswang 6400 8600 lx 600 800 dithisudemuxtnimotphayitaesngaedd okhmixosediym Sodium vapor aelaokhmemtthxl haild metal halide xyangirktamphunthitwxyangxyuphayitkarphsmkhxnghlxdokr lks Gro Lux aelahlxdfluxxersesntthi 5400 7500 lx 500 700 fc aemwakaretibotcaxyuinradbediywkn tnimcaepliynrupaebbemuxnamaichaesdngtamthicdehmuxnthukyxmsi cakibsiekhiywcaklayepnaedng krabnhmxcaekhmkhun N fusca txbsnxngiddiinkarihpuyephiynghnunginsicakpktiodyduidcakhmx mdepnaehlngxaharthiidphlduephima rahwangeduxnknyaynthungtulakhmpi kh s 1925 exnedxrtidsarwceninrxbphuekhaaekhmmul khunyxdekha 1 847 m hlaykhrng aelahmubaniklekhiyngkhxnglxngk miehiyngk Long Mehiang lxngk ekhiyw Long Kiau aelalxngk ephtthk Long Petak ekhaekb N fusca idinwnthi 12 tulakhm aela inwnthi 17 tulakhmb phasalatinthiphrrnathung N fusca cakexksarkhxngaednesxrmidngni Folia mediocria breviter petiolata lamina lanceolata nervis longitudinalibus utrinque c 2 vagina caulis 1 2 amplectente ascidia rosularum ignota ascidia inferiora magnitudine mediocria parte inferiore anguste ovata os versus subcylindrica parte superiore alis 2 fimbriatis peristomio in collum elongato applanato 4 10 mm lato costis c 1 3 2 3 mm distantibus dentibus c tam longis quam latis operculo anguste ovato subcordato facie inferiore appendice lateraliter applanata ascidia superiora magnitudine mediocria infundibuliformia costis 2 prominentibus peristomio in collum elongato applanato 3 8 mm lato costis 1 3 1 4 mm distantibus dentibus brevissimis operculo anguste ovato subcordato facie inferiore prope basin appendice lateraliter applanata inflorescentia racemis parvus pedicillis inferioribus c 8 mm longis omnibus 1 floris v partim 2 floris indumentum iuventute densissimum denique passim densum breve e pilis patentibus crassis simplicibus v basi ramosis compositum c bangkhnthuxexa N fallax xyuinchudchuxphxngkhxng N stenophylla khnathibangkhnthuxwaepnsxngchnidthitangkn sungphuchthixangwaepn N stenophylla thicringxaccaepn N fallax aethnd chnidyxyniidchuxtam ex exch aeskri A H Zakri phuxanwykarkhxng aela N curtisii sensu ec exch xdm amp wilkhk exngkthukphicarnaepnchuxphxngehethxorithpik khxng N stenophylla odynkxnukrmwithanbangkhnxangxingKurata S 1976 Nepenthes of Mount Kinabalu Sabah National Parks Publications No 2 Sabah National Parks Trustees Kota Kinabalu Phillipps A amp A Lamb 1996 Pitcher Plants of Borneo Natural History Publications Borneo Kota Kinabalu Endert F H 1927 Botanisch en floristisch verslag In D W Buijs H Witkkamp F H Endert H C Siebers amp D F K Bosch Midden Oost Borneo Expeditie 1925 G Kolff amp Co Weltevreden dtch Phillips A A Lamb amp C C Lee 2008 Pitcher Plants of Borneo Second Edition Natural History Publications Borneo Kota Kinabalu Danser B H 1928 13 Nepenthes fusca DANS nova spec In The Nepenthaceae of the Netherlands Indies Bulletin de Jardin de Botanique Buitenzorg Serie III 9 3 4 249 438 Schlauer J 2006 Nepenthes fusca 2011 06 17 thi ewyaebkaemchchin Carnivorous Plant Database Clarke C M 1997 Nepenthes of Borneo Natural History Publications Borneo Kota Kinabalu Jebb M H P amp M R Cheek 1997 A Skeletal Revision of Nepenthes Nepenthaceae Blumea 42 1 1 106 Schlauer J 2006 Nepenthes curtisii 2011 06 17 thi ewyaebkaemchchin Carnivorous Plant Database Adam J H amp C C Wilcock 1996 Pitcher plants of Mt Kinabalu in Sabah The Sarawak Museum Journal 50 7 145 165 Adam J H amp Hafiza A Hamid 2006 Pitcher Plants Nepenthes Recorded from Keningau Kimanis Road in Sabah Malaysia PDF 2 40 International Journal of Botany 2 4 431 436 ISSN 1811 9700 Rice B A 2006 Do you want to tell me about a species I missed The Carnivorous Plant FAQ Steiner H 2002 Borneo Its Mountains and Lowlands with their Pitcher Plants Toihaan Publishing Company Kota Kinabalu Adam J H amp C C Wilcock 1991 A new species of Nepenthes Nepenthaceae from Sarawak Blumea 36 1 123 125 Phillipps A amp A Lamb 1988 Pitcher plants of East Malaysia and Brunei Nature Malaysiana 13 4 8 27 Schnell D P Catling G Folkerts C Frost R Gardner et al 2000 Nepenthes fusca 2006 IUCN Red List of Threatened Species IUCN 2006 Retrieved on 11 May 2006 Listed as Vulnerable VU C2 v2 3 Clarke C M amp C C Lee 2004 Pitcher Plants of Sarawak Natural History Publications Borneo Kota Kinabalu Clarke C M 2001 A Guide to the Pitcher Plants of Sabah Natural History Publications Borneo Kota Kinabalu Clarke C M 2001 Nepenthes of Sumatra and Peninsular Malaysia Natural History Publications Borneo Kota Kinabalu Lowrie A 1983 Sabah Nepenthes Expeditions 1982 amp 1983 PDF 12 4 88 95 Triplitt R 1985 Nepenthes Color Them Unique PDF 14 2 40 42 48 49 Malouf P 1995 A visit to Kinabalu Park PDF 24 3 64 69 Marabini J 1984 A Field Trip to Gunong Trusmadi PDF 442 13 2 38 40 Simpson R B 1995 Nepenthes and Conservation Curtis s Botanical Magazine 12 111 118 Salmon B R 1999 Nepenthes mollis Nepenthaceae Rediscovered PDF 561 Carnivorous Plant Newsletter 28 1 24 26 Schuiteman A amp E F de Vogel 2002 Nepenthes vogelii Nepenthaceae a new species from Sarawak Blumea 47 3 537 540 D Amato P 1993 Nepenthes eymai PDF 22 1 2 21 Clarke C M C C Lee amp S McPherson 2006 Nepenthes chaniana Nepenthaceae a new species from north western Borneo Sabah Parks Journal 7 53 66 Lee C C 2002 Nepenthes platychila Nepenthaceae a New Species of Pitcher Plant from Sarawak Borneo Gardens Bulletin Singapore 54 257 261 Cheek M M Jebb C C Lee A Lamb amp A Phillipps 2003 Nepenthes hurrelliana Nepenthaceae a New Species of Pitcher Plant from Borneo Sabah Parks Nature Journal 6 117 124 Sacilotto R 2004 Experiments with highland Nepenthes seedlings A Summary of Measured Tolerances 33 1 26 31 van Steenis Kruseman M J et al 2006 Cyclopaedia of Malesian Collectors Frederik Hendrik Endert Nationaal Herbarium Nederland Schlauer J 2006 Nepenthes fallax 2011 06 17 thi ewyaebkaemchchin Carnivorous Plant Database khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2007 06 10 subkhnemux 2009 03 04 Sacilotto R 2004 Experiments with highland Nepenthes seedlings A Summary of Measured Tolerances 33 1 26 31 Schnell D Catling P Folkerts G Frost C Gardner R et al 2000 Nepenthes fusca 2006 IUCN Red List of Threatened Species IUCN 2006 Retrieved on 11 May 2006 Listed as Vulnerable VU C2 v2 3 wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb Nepenthes fusca