บทความน อ างอ งคร สต ศ กราช คร สต ทศวรรษ คร สต ศตวรรษ ซ งเป นสาระสำค ญของเน อหา มาเอสตะ อ ตาล Maestà แปลว า เดชาน ภาพ เป

บทความนี้อ้างอิง ซึ่งเป็นสาระสำคัญของเนื้อหา

มาเอสตะ (อิตาลี: Maestà) แปลว่า “เดชานุภาพ” เป็นลักษณะการเขียนภาพรูปเคารพ แม่พระและพระกุมารที่อาจจะมีนักบุญและทูตสวรรค์รวมอยู่ด้วย “มาเอสตะ” เกี่ยวข้องกับ “” (Seat of Wisdom) ซึ่งเป็นหัวเรื่องของภาพ “พระมารดาพระเจ้า” (กรีก: Theotokos) ซึ่งเป็นภาพคู่กับ (Christ in Majesty) ที่มีมาก่อนหน้านั้นซึ่งเป็นภาพพระเยซูบนบัลลังก์ที่นิยมกันในงานโมเสกของสมัยไบเซนไทน์ หรือบางครั้งนักประวัติศาสตร์ศิลปะจะเรียกว่า “พระราชินีมารีย์” (Maria Regina) ที่เป็นพระแม่มารีย์นั่งบนบัลลังก์แต่ไม่มีพระกุมาร

“มาเอสตา” โดยดุชโชราว เป็นภาพแม่พระและพระกุมารบนบัลลังก์กับทูตสวรรค์ 20 องค์และนักบุญ 19 องค์ที่พิพิธภัณฑ์มหาวิหารซีเอนา

“มาเอสตา” โดยชิมาบูเยในมหาวิหารนักบุญฟรานซิสแห่งอัสซีซี

ทางตะวันตกงานเขียนประเภทนี้วิวัฒนาการมาจากศิลปะไบแซนไทน์ เช่น ภาพจักรพรรดินีเฟาสตาสวมมงกุฏอุ้มบุตรชายบนพระเพลาบนเหรียญคอนแสตนติน และในงานเขียนเช่นการฉลองการสวมมงกุฏของพระเจ้าจัสตินที่สองในปี ค.ศ. 565. จิตรกรรมมาเอสตาเข้ามาเผยแพร่ในโรมในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 12 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 13 และเน้นความสำคัญของพระแม่มารีมากขึ้น ภาพมาเอสตามักจะเป็นจิตรกรรมฝาผนังที่วาดบนผนังที่ฉาบด้วยพลาสเตอร์ หรือเป็นจิตรกรรมแผงสำหรับใช้เป็นฉากประดับแท่นบูชา.

ถ้าเป็นภาพที่ใช้สักการะเป็นการส่วนตัวภาพก็มักจะลดลงเหลือเพียงแม่พระและพระกุมาร.

ตัวอย่างจิตรกรรมมาเอสตา

งานจิตรกรรมมาเอสตาชิ้นที่สำคัญที่สุดคืองาน “” ที่เขียนราว ค.ศ. 1308- ซึ่งเป็นชุดภาพเขียนที่จ้างโดยเมืองซีเอนาสำหรับมหาวิหารซีเอนา เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 1311

งานมาเอสตาที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่งก็คืองานเขียนของซีโมเน มาร์ตีนี สำหรับพาลัซโซพุบลิโคในซีเอนา และงานของชิมาบูเยในมหาวิหารนักบุญฟรานซิสแห่งอัสซีซี

อ้างอิง

See M. Lawrence's discussion of this image, "Maria Regina", Art Bulletin 7 (1924-25:150-61.
Suggested by Lawrence 1924:
In Corippus' poem, Sophia (Wisdom) prays "Virgo, creatoris genetrix sanctissima mundi, excelsi regina poli...". (Corippus, A. Cameron, ed., In laudem Justini augusti minoris (London) 1976, vol. II:52f. The more familiar In laudem Mariae, praising Mary as Regina Coeli (Queen of Heaven), is a late sixth century poem, perhaps by .
Several rare examples in fresco and mosaic, including the lost apse mosaic in the first church in Rome dedicated to Mary, the , are listed by John L. Osborne, "Early Medieval Painting in San Clemente, Rome: The Madonna and Child in the Niche", Gesta 20.2 (1981:299-310) p. 304f.

Ragioneri, Giovanna. Duccio. Florence: Cantini. 1989 .

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น

วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ มาเอสตะ

[1] See M. Lawrence's discussion of this image, "Maria Regina", Art Bulletin 7 (1924-25:150-61.

[2] Suggested by Lawrence 1924:

[3] In Corippus' poem, Sophia (Wisdom) prays "Virgo, creatoris genetrix sanctissima mundi, excelsi regina poli...". (Corippus, A. Cameron, ed., In laudem Justini augusti minoris (London) 1976, vol. II:52f. The more familiar In laudem Mariae, praising Mary as Regina Coeli (Queen of Heaven), is a late sixth century poem, perhaps by .

[4] Several rare examples in fresco and mosaic, including the lost apse mosaic in the first church in Rome dedicated to Mary, the , are listed by John L. Osborne, "Early Medieval Painting in San Clemente, Rome: The Madonna and Child in the Niche", Gesta 20.2 (1981:299-310) p. 304f.