ด้วงกว่าง กว่าง แมงกว่าง แมงกวาง หรือ แมงคาม เป็นแมลงในวงศ์ย่อย Dynastinae จัดอยู่ในวงศ์ใหญ่ ในอันดับแมลงปีกแข็ง (Coleoptera) ปัจจุบันมีด้วงกว่างที่เป็นที่รู้จักมากกว่า 1500 ชนิดใน 225
ด้วงกว่าง ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: Eocene–Recent | |
---|---|
กว่างชนไทย_เจไดกว่างชน4.png | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
โดเมน: | ยูแคริโอต |
อาณาจักร: | สัตว์ |
ไฟลัม: | สัตว์ขาปล้อง |
ชั้น: | แมลง |
อันดับ: | อันดับด้วง |
วงศ์: | |
วงศ์ย่อย: | ด้วงกว่าง , 1819 |
เผ่า | |
ดูในเนื้อหา |
ลักษณะ
ด้วงกว่างมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากแมลงปีกแข็งจำพวกอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด คือ ตัวผู้มีขนาดที่ใหญ่ แลดูบึกบึน มีปีกที่พัฒนาเป็นเปลือกแข็ง 1 คู่หุ้มลำตัวด้านบนที่นูนอยู่เหมือนสวมชุดเกราะ มีสีดำคล้ำหรือน้ำตาลเข้มที่เงางาม ขณะที่บางชนิดอาจมีสีอ่อนกว่าหรือแม้กระทั่งสีทองก็มี มีจุดเด่นที่เห็นได้ชัด คือ มีอวัยวะบริเวณส่วนหัวที่งอกยาวออกมาคล้ายจำนวนอย่างน้อย 1 คู่ อยู่ด้านบนและด้านล่างของส่วนหัว ซึ่งจะมีจำนวนและลักษณะสั้น-ยาวแตกต่างกันออกไปตามสกุลและชนิด ซึ่งพบมากที่สุดได้ถึง 5 เขา ขณะที่ตัวเมียจะมีขนาดเล็กกว่าและไม่มีเขา หรือมีแต่สั้นกว่ามาก มีผิวลำตัวที่ขรุขระหยาบและมีขีดร่องหรือเรียบกว่า จุดแทง ที่ส่วนปีกแข็งมาก ตามลำตัวในบางชนิดมีขนอ่อนคล้ายกำมะหยี่สีเหลืองหรือสีน้ำตาลปกคลุมอยู่บริเวณใต้ท้องทั้งตัวผู้และตัวเมีย ขาคู่หน้ามีช่องที่อยู่ในแนวขวางสามารถบิดขยับได้ มีหนวดเป็นรูปใบไม้
ด้วงกว่างจะใช้เขานี้ในการต่อสู้ป้องกันตัวและต่อสู้กันเพื่อแย่งตัวเมียในการผสมพันธุ์ ซึ่งอาจจะต่อสู้กันข้ามสายพันธุ์หรือแม้แต่ต่างวงศ์กันได้ เช่น วงศ์ด้วงคีม (Lucanidae) ที่มีพฤติกรรมคล้ายกัน โดยจะใช้เขาอันนี้ขวิดและหนีบหรือแม้กระทั่งยกคู่ต่อสู้ให้ลอยพ้นพื้นได้ ซึ่งการต่อสู้ของด้วงกว่างนั้นไม่ดุเดือดจนถึงขั้นบาดเจ็บหรือล้มตายกันไปข้างเหมือนสัตว์ชนิดอื่น อย่าง ปลากัดหรือไก่ชน แต่อาจจะทำให้เขาหักกันได้
วงจรชีวิตด้วงกว่าง
ด้วงกว่างทั้งหมดมีวงจรชีวิตที่คล้ายกัน คือ จะวางไข่และตัวอ่อน คือ ตัวและดักแด้ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธาตุอาหารทางระบบนิเวศ เช่น มีไม้ผุหรือมูลสัตว์ผสมอยู่ในนั้นเป็นจำนวนมากพอ ตัวหนอนของด้วงกว่างจะมีขนาดใหญ่และป้อมสั้นกว่าแมลงจำพวกอื่น มักมีลำตัวสีขาวหรือเหลืองอ่อนจะขดตัวเป็นรูปตัวซี (C) และจะมีความแตกต่างจากตัวหนอนของแมลงจำพวกอื่น คือ มีส่วนหัวขนาดใหญ่ที่มีสีเข้มกว่าลำตัวเรียกว่าหัวกะโหลก มีกรามหรือมีเขี้ยว และจะมีรูหายใจที่ข้างลำตัวโดยมีปล้องทั้งหมด 8 ปล้อง ปล้องละคู่ และจะมีขาจริงหลังส่วนหัวด้วยรวม 3 คู่ โดยปกติแล้วจะกินอาหารและอยู่เฉย ๆ ในดินเท่านั้นจะไม่เคลื่อนไหวเท่าใดนัก จึงมีลำตัวที่ใหญ่ ตัวหนอนจะกินธาตุอาหารต่าง ๆ ในดิน
ขณะเข้าสู่ระยะดักแด้ จนกว่าจะเป็นตัวเต็มวัยผุดขึ้นมาจากดิน กินระยะเวลานานราว 1 ปี ขณะที่บางชนิดอาจนานกว่านั้น คือ 2-3 ปี ขณะที่ช่วงระยะเวลาของการเป็นตัวเต็มวัยจะมีอายุเพียง 2-3 เดือนเท่านั้น แต่บางชนิดอาจอยู่ได้นานถึง 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย ด้วงกว่างจึงจะอาศัยอยู่ในป่าหรือพื้นที่ที่มีระบบนิเวศที่อุดมเท่านั้น โดยปกติแล้วจะพบชุกชุมในช่วงฤดูฝน อันเป็นช่วงที่ตัวเต็มวัยจะผุดขึ้นมาดินและผสมพันธุ์ เมื่อตัวเต็มวัยปริตัวออกจากเปลือกที่เป็นดักแด้จะเริ่มปริจากส่วนหัวก่อน และจะรูดตัวออกจากทางส่วนปลายท้องคล้ายกับผีเสื้อ แต่การออกมาของด้วงกว่างนั้นมักวางอยู่พื้นดินเพื่อให้ขยับตัวหรือพลิกตัวคล่ำลงได้ง่ายเพื่อให้ส่วนปีกยืดกางได้เป็นอิสระ ขณะที่ออกมาระยะแรกตัวจะยังขาวซีด ซึ่งต้องใช้เวลาอีกนานเป็นวันเพื่อพัฒนาสีและความแข็งของเปลือกลำตัวให้สมบูรณ์ ขณะที่บางชนิดอาจจะอยู่ในเปลือกดักแด้อีกระยะหนึ่ง จึงค่อยผุดขึ้นมา[pai]
พฤติกรรมหากินของด้วงกว่างและความผูกพันกับมนุษย์
หากินในเวลากลางคืน โดยจะกินยางไม้จากของต้นไม้ใหญ่ในป่า รวมถึงผลไม้หรือพืชบางชนิดเป็นอาหารด้วย จึงจัดเป็นแมลงศัตรูพืชอย่างหนึ่ง และเหมือนกับแมลงอย่างอื่น คือ เมื่อพบแสงไฟก็จะบินเข้าหา
ด้วงกว่างมีความผูกพันกับมนุษย์มาอย่างยาวนาน โดยใช้ทำเป็นเครื่องประดับหรือรับประทานเป็นอาหาร อีกทั้งยังเป็นที่นิยมในการเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงด้วยในหลายพื้นที่ เพราะเหตุที่สามารถต่อสู้กันได้ จนเกิดเป็นหรือประเพณีท้องถิ่น เช่น ที่ประเทศญี่ปุ่นและภาคเหนือของไทย
เผ่าพร้อมตัวอย่างสกุลและชนิด
Auth: Burmeister, 1847. ตัวอย่างสกุล:
Auth: Laporte, 1840. ตัวอย่างสกุล:
- Erichson, 1847
- Dejean, 1821 (masked chafers)
- Harold, 1869 (rice beetles)
Auth: MacLeay, 1819. ตัวอย่างสกุล:
- Allomyrina Arrow, 1911 (รวม Trypoxylus)
- Allomyrina dichotoma –
- Hope, 1837
- Chalcosoma atlas –
- – Moellenkampi beetle
- Chalcosoma caucasus – Caucasus beetle
- MacLeay, 1819
- Dynastes hercules – Hercules beetle
- – Neptune beetle
- Burmeister, 1847
- – Five-horned rhinoceros beetle
- – Siamese beetle
- – Rabbit beetle
- Kirby, 1825
- - Mars beetle
- - Elephant beetle
- - Actaeon beetle
- Hope, 1837
- Xylotrupes gideon – Siamese rhinoceros beetle
ตัวอย่างสกุล:
Auth: Mulsant, 1842. ตัวอย่างสกุล:
- Hope, 1837
- Hope, 1837
- Hellwig, 1798
- Oryctes nasicornis –
- Oryctes rhinoceros –
- Kirby, 1828
- – ox beetle
- Burmeister, 1847
ตัวอย่างสกุล:
Auth: Mulsant, 1842. ตัวอย่างสกุล:
- Hope, 1837
- Sturm, 1826
- Diloboderus abderus
- Hope, 1837
- Burmeister, 1847
- Burmeister, 1847
- Erichson, 1847
Auth: Burmeister, 1847; ตัวอย่างสกุล:
- MacLeay, 1819
- Latreille, 1807
หมายเหตุ
- ด้วงกว่างชนิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ ด้วงกว่างเฮอร์คิวลิส (Dynastes hercules) พบในภูมิภาคอเมริกากลางจนถึงทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งมีสถิติบันทึกไว้ยาวถึง 220 มิลลิเมตร และมีเขาที่ยาวมาก นอกจากนี้แล้วยังถือว่าเป็นสัตว์ที่แข็งแรงที่สุดในโลกด้วยเมื่อเปรียบเทียบแล้ว โดยสามารถยกหรือลากสิ่งที่มีน้ำหนักมากกว่าตัวเองได้ถึง 850 เท่า
- ด้วงกว่างชนิดที่พบได้บ่อยและเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในประเทศไทย คือ ด้วงกว่างโซ้ง หรือ ด้วงกว่างชน (Xylotrupes gideon) เป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงฤดูฝนในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ มีการจัดเป็นประเพณีหรือเทศกาล มีการประกวดแข่งขันความสวยงามของด้วงกว่าง และการแข่งขันการชนกันด้วย
- ด้วงกว่างชนิดที่ใหญ่ที่สุดที่พบได้ในประเทศไทย คือ ด้วงกว่างสามเขาจันทร์ (Chalcosoma caucasus) มีขนาดความยาวถึง 120 มิลลิเมตร และยาวได้ถึง 130 มิลลิเมตรในประเทศอินโดนีเซีย ในประเทศไทยพบเฉพาะที่จังหวัดจันทบุรีเท่านั้น
- ด้วงกว่างเป็นแมลงที่มักถูกอ้างอิงหรือกล่างถึงวัฒนธรรมร่วมสมัยหลายอย่าง เช่น หรือในมังงะหลายเรื่อง เช่น A Bug's Life ในปี ค.ศ. 1998 ของพิกซาร์ หรือ ซึ่งเป็นการ์ตูนญี่ปุ่น เป็นต้น
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- Bouchard, P., Y. Bousquet, A. Davies, M. Alonso-Zarazaga, J. Lawrence, C. Lyal, A. Newton, et al. (2011). "Family-group names in Coleoptera (Insecta)". ZooKeys, vol. 88, 1-972.
- [1] 2011-09-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน กว่าง ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542
- Beutel, Rolf G.; Leschen, Richard A.B., บ.ก. (2016-03-21). Coleoptera, Beetles, Volume 1, Morphology and Systematics (Archostemata, Adephaga, Myxophaga, Polyphaga partim). De Gruyter. doi:10.1515/9783110373929. ISBN .
- พิสุทธิ์ เอกอำนวย, คู่มือคนรักแมลง 2 การเลี้ยงด้วง (มีนาคม พ.ศ. 2552) หน้า 152
- พิสุทธิ์ เอกอำนวย, คู่มือคนรักแมลง 1 ด้วงปีกแข็ง แมลงลึกลับ กับเทคนิคการเพาะเลี้ยง (สิงหาคม พ.ศ. 2551) หน้า 28-29
- สัตว์ ที่ แข็งแรงที่สุดในโลก (Strongest animal)
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-10-16. สืบค้นเมื่อ 2011-09-29.
- Chalcosoma caucasus (Fabricius 1801)[]
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-04-28. สืบค้นเมื่อ 2011-09-29.
อ่านเพิ่ม
- (1985). The Dynastinae of the World. Series Entomologica. Vol. 28. Dr. W. Junk Publishers. ISBN .
- Dechambre (R.-P.) & Lachaume (G.) , volume 27, The genus Oryctes (Dynastidae),
แหล่งข้อมูลอื่น
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
dwngkwang kwang aemngkwang aemngkwang hrux aemngkham epnaemlnginwngsyxy Dynastinae cdxyuinwngsihy inxndbaemlngpikaekhng Coleoptera pccubnmidwngkwangthiepnthiruckmakkwa 1500 chnidin 225dwngkwang chwngewlathimichiwitxyu Eocene Recent PreꞒ Ꞓ O S D C P T J K Pg Nkwangchnithy ecidkwangchn4 pngkarcaaenkchnthangwithyasastrodemn yuaekhrioxtxanackr stwiflm stwkhaplxngchn aemlngxndb xndbdwngwngs wngsyxy dwngkwang 1819ephaduinenuxhadwngkwangyuorplksnadwngkwangmilksnaphiessthiaetktangcakaemlngpikaekhngcaphwkxun xyangehnidchd khux twphumikhnadthiihy aeldubukbun mipikthiphthnaepnepluxkaekhng 1 khuhumlatwdanbnthinunxyuehmuxnswmchudekraa misidakhlahruxnatalekhmthiengangam khnathibangchnidxacmisixxnkwahruxaemkrathngsithxngkmi micudednthiehnidchd khux mixwywabriewnswnhwthingxkyawxxkmakhlaycanwnxyangnxy 1 khu xyudanbnaeladanlangkhxngswnhw sungcamicanwnaelalksnasn yawaetktangknxxkiptamskulaelachnid sungphbmakthisudidthung 5 ekha khnathitwemiycamikhnadelkkwaaelaimmiekha hruxmiaetsnkwamak miphiwlatwthikhrukhrahyabaelamikhidrxnghruxeriybkwa cudaethng thiswnpikaekhngmak tamlatwinbangchnidmikhnxxnkhlaykamahyisiehluxnghruxsinatalpkkhlumxyubriewnitthxngthngtwphuaelatwemiy khakhuhnamichxngthixyuinaenwkhwangsamarthbidkhybid mihnwdepnrupibim dwngkwangcaichekhaniinkartxsupxngkntwaelatxsuknephuxaeyngtwemiyinkarphsmphnthu sungxaccatxsuknkhamsayphnthuhruxaemaettangwngsknid echn wngsdwngkhim Lucanidae thimiphvtikrrmkhlaykn odycaichekhaxnnikhwidaelahnibhruxaemkrathngykkhutxsuihlxyphnphunid sungkartxsukhxngdwngkwangnnimdueduxdcnthungkhnbadecbhruxlmtayknipkhangehmuxnstwchnidxun xyang plakdhruxikchn aetxaccathaihekhahkknidwngcrchiwitdwngkwangdwngkwangthnghmdmiwngcrchiwitthikhlaykn khux cawangikhaelatwxxn khux twaeladkaedichchiwitxyuinphundinthixudmsmburnipdwythatuxaharthangrabbniews echn miimphuhruxmulstwphsmxyuinnnepncanwnmakphx twhnxnkhxngdwngkwangcamikhnadihyaelapxmsnkwaaemlngcaphwkxun mkmilatwsikhawhruxehluxngxxncakhdtwepnruptwsi C aelacamikhwamaetktangcaktwhnxnkhxngaemlngcaphwkxun khux miswnhwkhnadihythimisiekhmkwalatweriykwahwkaohlk mikramhruxmiekhiyw aelacamiruhayicthikhanglatwodymiplxngthnghmd 8 plxng plxnglakhu aelacamikhacringhlngswnhwdwyrwm 3 khu odypktiaelwcakinxaharaelaxyuechy indinethanncaimekhluxnihwethaidnk cungmilatwthiihy twhnxncakinthatuxahartang indin khnaekhasurayadkaed cnkwacaepntwetmwyphudkhunmacakdin kinrayaewlananraw 1 pi khnathibangchnidxacnankwann khux 2 3 pi khnathichwngrayaewlakhxngkarepntwetmwycamixayuephiyng 2 3 eduxnethann aetbangchnidxacxyuidnanthung 6 eduxnthung 2 pi khunxyukbsphaphaewdlxmthixyuxasy dwngkwangcungcaxasyxyuinpahruxphunthithimirabbniewsthixudmethann odypktiaelwcaphbchukchuminchwngvdufn xnepnchwngthitwetmwycaphudkhunmadinaelaphsmphnthu emuxtwetmwypritwxxkcakepluxkthiepndkaedcaerimpricakswnhwkxn aelacarudtwxxkcakthangswnplaythxngkhlaykbphiesux aetkarxxkmakhxngdwngkwangnnmkwangxyuphundinephuxihkhybtwhruxphliktwkhlalngidngayephuxihswnpikyudkangidepnxisra khnathixxkmarayaaerktwcayngkhawsid sungtxngichewlaxiknanepnwnephuxphthnasiaelakhwamaekhngkhxngepluxklatwihsmburn khnathibangchnidxaccaxyuinepluxkdkaedxikrayahnung cungkhxyphudkhunma pai phvtikrrmhakinkhxngdwngkwangaelakhwamphukphnkbmnusyhakininewlaklangkhun odycakinyangimcakkhxngtnimihyinpa rwmthungphlimhruxphuchbangchnidepnxahardwy cungcdepnaemlngstruphuchxyanghnung aelaehmuxnkbaemlngxyangxun khux emuxphbaesngifkcabinekhaha dwngkwangmikhwamphukphnkbmnusymaxyangyawnan odyichthaepnekhruxngpradbhruxrbprathanepnxahar xikthngyngepnthiniyminkareliyngepnstweliyngdwyinhlayphunthi ephraaehtuthisamarthtxsuknid cnekidepnhruxpraephnithxngthin echn thipraethsyipunaelaphakhehnuxkhxngithy twkhxngdwngkwangyipun Allomyrina dichotoma ephaphrxmtwxyangskulaelachnidAuth Burmeister 1847 twxyangskul Auth Laporte 1840 twxyangskul Erichson 1847 Dejean 1821 masked chafers Harold 1869 rice beetles Auth MacLeay 1819 twxyangskul Allomyrina Arrow 1911 rwm Trypoxylus Allomyrina dichotoma Hope 1837 Chalcosoma atlas Moellenkampi beetle Chalcosoma caucasus Caucasus beetle MacLeay 1819 Dynastes hercules Hercules beetle Neptune beetle Burmeister 1847 Five horned rhinoceros beetle Siamese beetle Rabbit beetle Kirby 1825 Mars beetle Elephant beetle Actaeon beetle Hope 1837 Xylotrupes gideon Siamese rhinoceros beetle twxyangskul Auth Mulsant 1842 twxyangskul Hope 1837 Hope 1837 Hellwig 1798 Oryctes nasicornis Oryctes rhinoceros Kirby 1828 ox beetle Burmeister 1847 twxyangskul Auth Mulsant 1842 twxyangskul Hope 1837 Sturm 1826 Diloboderus abderus Hope 1837 Burmeister 1847 Burmeister 1847 Erichson 1847 Auth Burmeister 1847 twxyangskul MacLeay 1819 Latreille 1807hmayehtudwngkwangchnidthiihythisudinolk khux dwngkwangehxrkhiwlis Dynastes hercules phbinphumiphakhxemrikaklangcnthungthwipxemrikait sungmisthitibnthukiwyawthung 220 milliemtr aelamiekhathiyawmak nxkcakniaelwyngthuxwaepnstwthiaekhngaerngthisudinolkdwyemuxepriybethiybaelw odysamarthykhruxlaksingthiminahnkmakkwatwexngidthung 850 etha dwngkwangchnidthiphbidbxyaelaepnthiruckkndithisudinpraethsithy khux dwngkwangosng hrux dwngkwangchn Xylotrupes gideon epnthiniymxyangmakinchwngvdufninhlaycnghwdthangphakhehnux mikarcdepnpraephnihruxethskal mikarprakwdaekhngkhnkhwamswyngamkhxngdwngkwang aelakaraekhngkhnkarchnkndwy dwngkwangchnidthiihythisudthiphbidinpraethsithy khux dwngkwangsamekhacnthr Chalcosoma caucasus mikhnadkhwamyawthung 120 milliemtr aelayawidthung 130 milliemtrinpraethsxinodniesiy inpraethsithyphbechphaathicnghwdcnthburiethann dwngkwangepnaemlngthimkthukxangxinghruxklangthungwthnthrrmrwmsmyhlayxyang echn hruxinmngngahlayeruxng echn A Bug s Life inpi kh s 1998 khxngphiksar hrux sungepnkartunyipun epntnduephimdwngkhimxangxingBouchard P Y Bousquet A Davies M Alonso Zarazaga J Lawrence C Lyal A Newton et al 2011 Family group names in Coleoptera Insecta ZooKeys vol 88 1 972 1 2011 09 26 thi ewyaebkaemchchinkwang tam phcnanukrmchbbrachbnthitysthan ph s 2542 Beutel Rolf G Leschen Richard A B b k 2016 03 21 Coleoptera Beetles Volume 1 Morphology and Systematics Archostemata Adephaga Myxophaga Polyphaga partim De Gruyter doi 10 1515 9783110373929 ISBN 978 3 11 037392 9 phisuththi exkxanwy khumuxkhnrkaemlng 2 kareliyngdwng minakhm ph s 2552 hna 152 ISBN 978 974 660 832 9 phisuththi exkxanwy khumuxkhnrkaemlng 1 dwngpikaekhng aemlngluklb kbethkhnikhkarephaaeliyng singhakhm ph s 2551 hna 28 29 ISBN 978 974 8132 25 9 stw thi aekhngaerngthisudinolk Strongest animal khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 10 16 subkhnemux 2011 09 29 Chalcosoma caucasus Fabricius 1801 lingkesiy khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2010 04 28 subkhnemux 2011 09 29 xanephim 1985 The Dynastinae of the World Series Entomologica Vol 28 Dr W Junk Publishers ISBN 978 9061931386 Dechambre R P amp Lachaume G volume 27 The genus Oryctes Dynastidae aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb dwngkwang wikispichismikhxmulphasaxngkvsekiywkb Dynastinae