โรมโบราณ (อังกฤษ: Ancient Rome) หรือ โรมันโบราณ หมายถึงอารยธรรมของชาวโรมันตั้งแต่การก่อตั้งเมืองโรมในศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสต์ศักราช จนถึงการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกในคริสต์ศตวรรษที่ 5 ประกอบด้วย ยุคราชอาณาจักรโรมัน (753–509 ปีก่อนคริสตกาล), ยุคสาธารณรัฐโรมัน (509–27 ปีก่อนคริสตกาล) และยุคจักรวรรดิโรมัน (27 ปีก่อนคริสตกาล–ค.ศ. 476)
โรมโบราณ Roma | |
---|---|
753 ปีก่อน ค.ศ.–ค.ศ. 476 | |
Senātus Populusque Rōmānus | |
Territories of the Roman civilization: | |
เมืองหลวง | โรม |
ภาษาทั่วไป | ภาษาละติน |
การปกครอง | ราชอาณาจักร (753–509 ปีก่อน ค.ศ.) สาธารณรัฐ (509–27 ปีก่อน ค.ศ.) จักรวรรดิ (27 ปี ก่อน ค.ศ.–ค.ศ. 476) |
ยุคประวัติศาสตร์ | สมัยโบราณ |
• ก่อตั้งเมืองโรม | 753 ปีก่อน ค.ศ. |
• การโค่นล้มตาร์กวินิอุสผู้หยิ่งทะนง | 509 ปีก่อน ค.ศ. |
• สถานปนาจักรพรรดิเอากุสตุส | 27 ปีก่อน ค.ศ. |
ค.ศ. 476 |
โรมโบราณเริ่มต้นจากการตั้งถิ่นฐานของชนในปี 753 ก่อนคริสตกาล ริมแม่น้ำไทเบอร์บนคามสมุทรอิตาลี เกิดการขยายถิ่นฐานเป็นเมืองจนสามารถควบคุมดินแดนเพื่อนบ้านผ่านสนธิสัญญาและยุทธการ กระทั่งในที่สุดสามารถปกครองทั้งคาบสมุทรอิตาลีและยึดครองดินแดนขนาดใหญ่และผู้คนในทวีปยุโรปและรอบทะเลเมดิเตอเรเนียน นับว่าเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลกยุคโบราณ โดยมีประชากรประมาณ 50 ถึง 90 ล้านคน หรือประมาณ 20% ของประชากรโลกในขณะนั้น และครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 5 ล้านตารางกิโลเมตร (1.9 ล้านตารางไมล์) ในช่วงที่ทรงอำนาจที่สุดใน ค.ศ. 117
โรมโบราณมีระบบการปกครองที่หลายหลาย ตั้งแต่ราชาธิปไตยในระยะแรก สาธารณรัฐคณาธิปไตย และท้ายที่สุดระบบจักรวรรดิแบบอัตตาธิปไตย อารยธรรมโรมันเข้ามามีอิทธิพลต่อภูมิภาคยุโรปตะวันตกเฉียงใต้ ยุโรปตะวันออกเฉียงใต้/คาบสมุทรบอลข่าน และบริเวณรอบทะเลเมดิเตอเรเนียนโดยการพิชิตและการผสมกลมกลืนทางวัฒนธรรมกับท้องถิ่นที่เข้าไปปกครอง ก่อนที่จะเริ่มหมดอำนาจลงและแบ่งแยกเป็นสองอาณาจักร ได้แก่ "จักรวรรดิโรมันตะวันตก" ที่มีกรุงโรมเป็นเมืองหลวง ก่อนที่จะล่มสลายลงด้วยสาเหตุความขัดแย้งภายในและการถูกรุกรานโดยชนกลุ่มต่าง ๆ ในสมัยการโยกย้ายถิ่นฐานและการแบ่งแยกออกเป็นอาณาจักรอิสระน้อยใหญ่ในคริสต์ศตวรรษที่ 5 อันเป็นจุดสิ้นสุดของยุคโรมโบราณ และ "จักรวรรดิโรมันตะวันออก" (หรือที่เรียกว่า "จักรวรรดิไบแซนไทน์") ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล ที่ประกอบด้วย ดินแดนที่พิชิตโดยจักรวรรดิบัลแกเรียที่ 1 อานาโตเลีย และอียิปต์ ที่รอดจากวิกฤติการณ์ที่จักรวรรดิทางด้านตะวันตกประสบ และแม้ว่าจะเสียซีเรียและอียิปต์แก่อาณาจักรมุสลิมอาหรับ จักรวรรดิก็ดำรงสืบมาอีกหนึ่งสหัสวรรษ กระทั่งเสียเมืองให้กับจักรวรรดิออตโตมันใน ค.ศ. 1453
วัฒนธรรมโรมันมักจะจัดอยู่ใน “ยุคโบราณ” (classical antiquity) ร่วมกับกรีกโบราณ หรือที่เรียกว่า "เกรโก-โรมัน" ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่เป็นต้นตอและแรงบันดาลใจให้แก่
โรมโบราณประสบความสำเร็จในด้านเทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมที่น่าประทับใจ เช่น การก่อสร้างท่อระบายน้ำและถนนทั่วทั้งจักรวรรดิ ตลอดจนอนุสาวรีย์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่โอ่อ่า อีกทั้งยังมีบทบาทอย่างใหญ่หลวงในการวิวัฒนการทางด้านกฎหมาย การสงคราม ศิลปะ วรรณคดี สถาปัตยกรรม เทคโนโลยี และภาษาของโลกตะวันตก และประวัติศาสตร์โรมันยังคงเป็นประวัติศาสตร์ที่ยังคงมีผู้คนศึกษาและมีอิทธิพลต่อโลกจนทุกวันนี้
การก่อตั้งตามตำนานปรัมปรา
ตามตำนานการก่อตั้งกรุงโรม เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 21 เมษายน 753 ปีก่อนคริสตกาล บนฝั่งแม่น้ำไทเบอร์ทางตอนกลางของอิตาลี โดยพี่น้องฝาแฝดโรมุลุสและแรมุส ผู้สืบเชื้อสายมาจากเจ้าชายอีเนียสแห่งเมืองทรอย นัดดาของกษัตริย์เชื้อสายละตินพระนามว่านูมิเตอร์ (Numitor) แห่งอัลบาลองกา กษัตริย์นูมิเตอร์ทรงถูกอะมูลิอุส (Amulius) พระอนุชาชิงบังลังก์ ในระหว่างที่รีอา ซิลเวีย (Rhea Silvia) พระธิดาของนูมิเตอร์ทรงให้กำเนิดพระโอรสฝาแฝด ที่ถือว่าเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งเทพ เนื่องจากทั้งคู่เกิดจากที่มารดา รีอา ซิลเวียถูกเทพมาส์ซึ่งเป็นของโรมันข่มขืน
ด้วยเหตุที่กษัตริย์อะมูลิอุสเกรงว่าโรมุลุสและแรมุสจะยึดบัลลังก์ในอนาคต เขาจึงบัญชาให้จับทั้งสองไปทุ่มน้ำให้ตาย แต่ด้วยหมาป่าตัวหนึ่ง (หรือภรรยาของคนเลี้ยงแกะในบางตำนาน) ช่วยชีวิตและเลี้ยงดูพวกเขาจนโต ทั้งสองจึงกลับมาทวงบัลลังก์แห่งอัลบาลองกาคืนแก่กษัตริย์นูมิเตอร์
ในภายหลัง แฝดทั้งสองได้ก่อตั้งเมืองของตนเองขึ้น แต่โรมุลุสกลับสังหารแรมุสในการทะเลาะวิวาทเกี่ยวกับที่ตั้งของราชอาณาจักรโรมัน แม้ว่าบางตำนานระบุว่าเป็นเรื่องการทะเลาะวิวาทเกี่ยวกับผู้ใดจะเป็นผู้ปกครองหรือให้ชื่อของเขาเป็นชื่อเมือง ในท้ายที่สุด ชื่อโรมุลุสจึงเป็นที่มาของชื่อเมืองที่ก่อตั้งใหม่นี้ เพื่อดึงดูดผู้คนให้เข้ามาในเมือง โรมจึงสถาปนาเมืองให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้ยากไร้ ผู้ถูกเนรเทศ และผู้ที่ไม่มีดินแดนใดต้องการ สิ่งนี้ทำให้เกิดปัญหา เพราะเมืองมีประชากรชายจำนวนมากแต่ขาดผู้หญิง โรมุลุสจึงไปเยี่ยมเมืองและชนเผ่าใกล้เคียงเพื่อไปเจรจากับและหาสตรีมาสร้างครอบครัว แต่เนื่องจากโรมเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา เขาจึงถูกปฏิเสธ ตำนานกล่าวว่าชาวละติน (โรมัน) เชิญเข้าร่วมงานเทศกาลและการข่มขืนสตรีชาวซาบีน ซึ่งนำไปสู่การรวมกลุ่มชนละตินกับซาบีน
อีกตำนานหนึ่งซึ่งบันทึกโดย นักประวัติศาสตร์ชาวกรีก กล่าวว่าเจ้าชายอีเนียสทรงนำชาวกรุงทรอยออกทะเลเพื่อค้นหาที่ตั้งกรุงทรอยแห่งใหม่หลังสิ้นสุดสงครามกรุงทรอย กระทั่งมาถึงริมฝั่งแม่น้ำไทเบอร์ ไม่นานหลังจากที่เทียบเรือ บรรดาชายต้องการออกไปทะเลอีกครั้ง แต่หญิงที่เดินทางมาด้วยการไม่ต้องการจากไป โดยมีหญิงนางหนึ่ง นามว่า โรมา แนะให้ผู้หญิงเผาเรือเพื่อไม่ให้แล่นเรือจากไป ในตอนแรกพวกผู้ชายโกรธโรมา แต่ไม่นานพวกเขาตระหนักได้ว่าที่แห่งนี้คือสถานที่ที่เหมาะจะตั้งถิ่นฐาน จึงตั้งชื่อถิ่นฐานใหม่นี้ตามหญิงคนนี้
เวอร์จิล กวีชาวโรมันเล่าถึงตำนานนี้ในบทกวีมหากาพย์เรื่อง อีนีอิด (Aeneid) ที่ซึ่งเจ้าชายอีเนียสแห่งทรอยถูกลิขิตโดยเทพเจ้าให้พบกรุงทรอยใหม่ ในมหากาพย์นี้ ผู้หญิงก็ปฏิเสธที่จะมุ่งกลับไปยังทะเล แต่ก็ไม่ได้ถูกทิ้งไว้บนแม่น้ำไทเบอร์ หลังจากไปถึงอิตาลี อีเนียสซึ่งต้องการแต่งงานกับลาวิเนีย ถูกบังคับให้ทำสงครามกับคนรักเก่าเทิร์นนัส ตามบทกวี กษัตริย์อัลบันสืบเชื้อสายมาจากอีเนียส ดังนั้น โรมุลุสผู้ก่อตั้งกรุงโรมจึงเป็นทายาทของเขา
ยุคราชอาณาจักร
เมืองโรมเติบโตขึ้นจากการตั้งถิ่นฐานรอบ ๆ ที่ลุ่มริมแม่น้ำไทเบอร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการจราจรและการค้า ซึ่งตามหลักฐานทางโบราณคดี หมู่บ้านแห่งโรมอาจก่อตั้งขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล แม้ว่าอาจย้อนกลับไปได้ไกลถึงศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสตกาล โดยสมาชิกของในอิตาลีบนเนินเขาปาลาตีนุส
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาล ชาวอิทรุสกันซึ่งตั้งรกรากอยู่ใน ดินแดนทางเหนือของโรมเป็นผู้ควบคุมทางการเมืองในภูมิภาคนี้ภายใต้การปกครองชนชั้นสูงและระบอบราชาธิปไตย พอถึงปลายศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล ชาวอิทรุสกันสูญเสียอำนาจ และ ณ จุดนี้ ชนเผ่าละตินและซาบีนดั้งเดิมกลับเป็นผู้ปกครองใหม่โดยการก่อตั้งสาธารณรัฐ โดยจำกัดคอำนาจของผู้ปกครองมากขึ้น
หลักฐานทางโบราณคดีของโรมันชี้ให้เห็นถึงความซับซ้อนภายในจัตุรัสโรมัน ว่าเป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจของกษัตริย์และศาสนา นุมา ป็อมปิลิอุส (Numa Pompilius) กษัตริย์องค์ที่สองของกรุงโรมที่สืบต่อจากโรมุลุส เริ่มโครงการก่อสร้างของกรุงโรมด้วยพระราชวัง Regia และศาสนสถานสำหรับ
ยุคสาธารณรัฐ
ตามประเพณีและต่อมาวรรณกรรมของนักเขียน เช่น ลิวี สาธารณรัฐโรมันก่อตั้งขึ้นเมื่อราว 509 ปีก่อนคริสตกาลตาร์กวินิอุสผู้หยิ่งทะนง (Lucius Tarquinius Superbus) กษัตริย์พระองค์สุดท้ายจากเจ็ดพระองค์ของอาณาจักรโรมันถูก (Lucius Junius Brutus) โค่นบังลังก์ พร้อมกับการเปลี่ยนระบอบปกครองมาเป็นการเลือกตั้ง แมยิสเตร็ด (magistrate) ประจำปี ผู้ซึ่งเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ทั้งในทางบริหารและตุลาการ และการจัดตั้งสภาผู้แทนต่าง ๆ มีการตราเพื่อการตรวจสอบ ถ่วงดุลและการแยกใช้อำนาจของผู้ปกครอง บุคคลที่สำคัญที่สุดในบรรดาแมยิสเตร็ด คือ "" จำนวนสองคน ซึ่งใช้อำนาจในทางบริหารร่วมกัน เช่น การออกคำสั่งทางทหาร กงสุลต้องทำงานร่วมกับวุฒิสภาโรมัน (Senātus Rōmānus) ซึ่งเดิมเป็นสภาที่ปรึกษาของขุนนางชั้นสูง หรือ "แพทริเซียน (patricius)" แต่มีจำนวนและอำนาจที่เพิ่มขึ้น
แมยิสเตร็ดคนอื่น ๆ ของสาธารณรัฐ ประกอบด้วย ทริบูนุส (tribunus), ไกวส์ตอร์ (qvaestor; ขุนคลัง), เอดีลิส (aedīlis), พรีตอร์ (praetor) และ เซนซอร์ (censor) ซึ่งแต่เดิม แมยิสเตร็ดถูกจำกัดไว้สำหรับบรรดาแพทริเซียน แต่ภายหลังเปิดให้ประชาชนทั่วไป หรือ " (plebeian)" เข้าร่วมได้ การชุมนุมลงคะแนนของสาธารณรัฐเกิดขึ้นใน comitia centuriata (สภาราษฎร/สภาสามัญ/สภาเซนจูรี/สภาร้อยคน) ซึ่งลงคะแนนในเรื่องสงครามและสันติภาพ รวมถึงการเลือกผู้ที่จะดำรงตำแหน่งที่สำคัญมาก และ comitia tributa (สภาชนเผ่า) ซึ่งจะเลือกผู้ดำรงตำแหน่งที่มีความสำคัญน้อยกว่า
ในศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล สาธารณรัฐโรมันถูกโจมตีโดยชาวกอล ซึ่งได้ขยายอำนาจมาถึงคาบสมุทรอิตาลีออกบริเวณและผ่านเอทรูเรีย ในวันที่ 16 กรกฎาคม 390 ปีก่อนคริสตกาล กองทัพกอลภายใต้การนำของหัวหน้าเผ่า ได้เผชิญหน้ากับทัพโรมันที่ริมฝั่งแม่น้ำอัลเลีย สิบไมล์ทางเหนือของกรุงโรม เบรนนัสเอาชนะทัพโรมันและเดินทัพไปยังกรุงโรม ชาวโรมันส่วนใหญ่หนีออกจากเมือง แต่บางคนก็ยืนหยัดหลบซ่อนบนเนินเขาคาปิโตลีน ทัพกอลได้ปล้นและเผาเมืองและทำการล้อมเนินเขาคาปิโตลีน การปิดล้อมกินเวลาเจ็ดเดือน กระทั่งพวกกอลตกลงที่จะคือความสงบสุขแก่ชาวโรมันเพื่อแลกกับทองคำหนัก 1,000 ปอนด์ ตามตำนานที่เล่าขานต่อมา ชาวโรมันที่ดูแลการชั่งน้ำหนักสังเกตเห็นว่าชาวกอลใช้ตาชั่งปลอม จึงจับอาวุธและเอาชนะกอลได้ นายพลมาร์กุส ฟูริอุส คามิลุส (Marcus Furius Camillus) ผู้ชัยกล่าวว่า "ด้วยเหล็ก ไม่ใช่ด้วยทองคำ ที่โรมได้ซื้ออิสรภาพของเธอ"
ในเวลาต่อมา ชาวโรมันค่อย ๆ พิชิตดินแดนของชนชาติอื่น ๆ บนคาบสมุทรอิตาลี ซึ่งรวมถึงชาวอิทรุสกันภัยคุกคามสุดท้ายต่ออำนาจของโรมันบนคาบสมุทรอิตาลีเกิดขึ้นเมื่อ ตารันตุม (ตารันโตในปัจจุบัน) ซึ่งเป็นอาณานิคมที่สำคัญของกรีกได้ขอความช่วยเหลือจากนายพลเลื่องชื่อชาวกรีกใน 281 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของโรมัน ชาวโรมันรักษาชัยชนะของตนโดยการก่อตั้งอาณานิคมในพื้นที่ยุทธศาสตร์ ที่ได้สร้างการควบคุมที่มั่นคงเหนือภูมิภาคที่พวกเขาพิชิตได้
สงครามพิวนิก
ในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล สาธารณัฐโรมันได้เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ใหม่ที่น่าเกรงขาม คือ คาร์เทจ นครรัฐของชาวฟินิเชียที่ร่ำรวยและเจริญรุ่งเรือง และหมายมุ่งจะครอบครองพื้นที่ริมฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน ทั้งสองเป็นพันธมิตรในสมัยสงครามกับนายพลไพรุส ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อทั้งคู่ แต่ด้วยความเป็นเจ้าแห่งกรุงโรมในแผ่นดินใหญ่ และเจ้าแห่งทะเลของคาร์เทจ ความขัดแย้งเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันตกนำมาซึ่งสงคราม
สงครามพิวนิกครั้งที่หนึ่งเริ่มขึ้นเมื่อ 264 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อเมืองเมสซีนาขอความช่วยเหลือจากคาร์เทจในการสู้รบกับ หลังจากการเข้าสกัดของคาร์เทจ เมสซีนากลับขอให้ชาวโรมันขับไล่ชาวคาร์เทจ โรมเข้าสู่สงครามครั้งนี้เพราะซีรากูซาและเมสซีนาอยู่ใกล้เมืองกรีกที่เพิ่งพิชิตใหม่ทางตอนใต้ของอิตาลีมากอีกทั้งคาร์เทจยังสามารถโจมตีดินแดนของโรมันได้ ด้วยเหตุนี้ โรมจึงสามารถขยายอาณาเขตของตนเหนือเกาะซิซิลี
แม้ว่าชาวโรมันจะมีประสบการณ์ในการต่อสู้ทางบก การเอาชนะศัตรูใหม่นี้จำเป็นต้องมีการต่อสู้ทางเรือ คาร์เทจเป็นมหาอำนาจทางทะเลและการขาดเรือรบและประสบการณ์ทางเรือของโรมันทำให้เส้นทางสู่ชัยชนะนั้นยาวนานและยากลำบากสำหรับสาธารณรัฐโรมัน แม้กระนั้น หลังจากการต่อสู้ที่ยืดยื้อกว่า 20 ปี โรมสามารถเอาชนะคาร์เทจได้ และมีการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพ ที่ในอนาคตจะนำมาสู่เหตุผลหนึ่งของการก่อสงครามพิวนิกครั้งที่สอง จากการชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามของคาร์เทจอันเนื่องมาจากการสิ้นสุดสงครามพิวนิกครั้งที่หนึ่ง
สงครามพิวนิกครั้งที่สองมีชื่อเสียงในด้านนายพลที่เก่งกาจ เช่น แฮนนิบัล (Hannibal) และ (Hasdrubal) ของคาร์เทจ และมาร์กุส เกลาดิอุส มาร์แก็ลลุส (Marcus Claudius Marcellus), (Quintus Fabius Maximus Verrucosus) และปุบลุส กอร์เนลิอุส สกิปิโอ (Publius Cornelius Scipio) ของโรมัน การศึกเริ่มต้นด้วยการรุกรานของฮิสปาเนียอย่างกล้าหาญโดยแฮนนิบัล บุตรชายของฮามิลการ์ บาร์ซา นายพลคาร์เทจ ซึ่งเป็นผู้นำปฏิบัติการในซิซิลีในช่วงสิ้นสุดสงครามพิวนิกครั้งที่หนึ่ง แฮนนิบัลเดินทัพอย่างรวดเร็วผ่านฮิสปาเนียไปยังเทือกเขาแอลป์ ทำให้เกิดความตื่นตระหนกในหมู่พันธมิตรของโรม วิธีที่ดีที่สุดเพื่อเอาชนะแฮนนิบัลคือการชะลอการมาถึงของทัพคาร์เทจด้วยสงครามกองโจร ซึ่งเป็นกลยุทธ์ของนายพลกวินตุส ฟาบิอุส มักซิมุส ด้วยเหตุนี้ เป้าหมายของแฮนนิบัลในการยึดกรุงโรมจึงไม่สำเร็จ เขาไม่สามารถทำให้เมืองต่าง ๆ บนคาบสมุทรให้กบฏต่อโรมและเสริมกำลังกองทัพที่ลดน้อยลงของเขาได้มากพอ จึงขาดยุทโธปกรณ์และกำลังพลในการล้อมกรุงโรม
กระนั้น การรุกรานของแฮนนิบัลกินเวลานานถึง 16 ปี ทำลายล้างดินแดนคาบสมุทรอิตาลี จนในที่สุดเมื่อชาวโรมันรับรู้ถึงการขาดเสบียงของทัพคาร์เทจ พวกเขาจึงส่งนายพลสกิปิโอซึ่งเอาชนะแฮสดรูบัล น้องชายของแฮนนิบัลในดินแดนที่เป็นประเทศสเปนในปัจจุบัน ให้ไปบุกพื้นที่ห่างไกลของคาร์เทจที่ไม่มีการป้องกัน และบังคับให้แฮนนิบาลยกทัพกลับไปปกป้องคาร์เทจเอง ผลที่ได้คือการสิ้นสุดของสงครามพิวนิกครั้งที่สอง ในในเดือนตุลาคม 202 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งทำให้สกิปิโอได้สมญานามว่า Africanus
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ช่วงปลายสาธารณรัฐ
ยุคจักรวรรดิ
การล่มสลายของโรมันตะวันตก
วัฒนธรรม
ชีวิตในโรมันโบราณหมุนรอบกรุงโรมซึ่งตั้งอยู่บน เมืองนี้มีอาคารและสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่มากมาย เช่น โคลอสเซียม และวิหารแพนธีอัน มีโรงละคร โรงยิม ตลาด ท่อระบายน้ำที่ใช้งานได้ โรงอาบน้ำพร้อมห้องสมุดและร้านค้า และน้ำพุที่มีน้ำดื่มสะอาดที่ส่งมาจากท่อส่งน้ำหลายร้อยไมล์ ทั่วทั้งอาณาเขตภายใต้การควบคุมของกรุงโรมโบราณ สถาปัตยกรรมที่อยู่อาศัยมีตั้งแต่บ้านแบบเรียบง่ายไปจนถึงวิลล่าในชนบท
ในนครหลวงกรุงโรม มีที่ประทับของจักรพรรดิบนเนินปาลาตีนุสอันสง่างาม ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า palace หรือ "พระราชวัง" ในภาษาอังกฤษกับอีกหลายภาษา ชนชั้นล่างและกลางอาศัยอยู่ใจกลางเมือง อัดแน่นอยู่ในอพาร์ตเมนต์ หรือ อินซูเล (insulae) คล้ายสลัมในยุคปัจจุบัน พื้นที่เหล่านี้มักให้เช่าและสร้างโดยชนชั้นสูงผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สิน
ภาษา
ภาษาพื้นเมืองของชาวโรมันคือ ละติน ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มภาษาอิตาลิกตัวอักษรมีพื้นฐานมาจากอักษรอิทรุสกันซึ่งพัฒนามาจากชุดตัวอักษรกรีก แม้ว่าที่หลงเหลืออยู่ประกอบด้วยเกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นภาษาเขียนที่ประดิษฐ์ขึ้นและขัดเกลาในช่วงศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล ภาษาพูดที่ใช้อยู่ทั่วไปในจักรวรรดิโรมันคือ (Vulgar Latin) ซึ่งแตกต่างจากภาษาละตินคลาสสิกอย่างมีนัยสำคัญทั้งในด้านไวยากรณ์ คำศัพท์ และการออกเสียง ผู้พูดภาษาละตินสามารถเข้าใจทั้งสองจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 7 เมื่อภาษาละตินที่พูดเริ่มแตกต่างจากภาษาเขียนออกไปมากจนต้องเรียนรู้ภาษา 'คลาสสิก' หรือ 'ละตินที่ดี' เป็นภาษาที่สอง
ในขณะที่ภาษาละตินยังคงเป็นภาษาเขียนหลักของจักรวรรดิโรมัน ภาษากรีกกลายเป็นภาษาพูดของชนชั้นสูงที่มีการศึกษาดี เนื่องจากวรรณกรรมส่วนใหญ่ที่ชาวโรมันศึกษานั้นเขียนเป็นภาษากรีก แต่ในอีกครึ่งหนึ่งของโรมันทางตะวันออก ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นจักรวรรดิโรมันตะวันออก ภาษาละตินไม่สามารถแทนที่ภาษากรีก และหลังจากการสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิยุสตินิอานุสที่ 1 (จักรพรรดิจัสติเนียน) ภาษากรีกกลายเป็นภาษาราชการของจักรวรรดิ การขยายตัวของจักรวรรดิโรมันได้แพร่ภาษาละตินทั่วทั้งยุโรป และภาษาละตินสามัญได้พัฒนาเป็นภาษาถิ่นในสถานที่ต่าง ๆ กัน ค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นกลุ่มภาษาโรมานซ์ที่แตกต่างกันมากมาย
ศาสนา
ไม่ได้ประกอบขึ้นจากการเล่าเรื่องเทพเจ้าที่เป็นลายลักษณ์อักษร แต่เป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ ต่างจากตำนานเทพเจ้ากรีก เทพเจ้าเหล่านี้ไม่มีลักษณะเป็นตัวตน แต่เป็นจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อันคลุมเครือที่เรียกว่า "นูมินา (numina)" ชาวโรมันยังเชื่อด้วยว่าทุกคน สถานที่ หรือสิ่งของล้วนมี "genius" หรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เป็นของตัวเอง
ในช่วงสาธารณรัฐโรมัน ศาสนาโรมันได้รับการจัดระเบียบภายใต้ระบบที่เคร่งครัดของตำแหน่งนักบวชที่มีตำแหน่งเป็นวุฒิสมาชิก Collegium Pontificum เป็นองค์กรระดับบนสุดในลำดับชั้นนี้ และมี ปอนติเฟ็กซ์ มักซีมุส (Pontifex maximus) คือ หัวหน้านักบวชประจำชาติ
เมื่อมีการติดต่อกับชาวกรีก เทพเจ้าโรมันโบราณก็มีความเกี่ยวข้องกับเทพเจ้ากรีกมากขึ้น เห็นได้จากเทพจูปิเตอร์ถูกมองว่าเป็นเทพองค์เดียวกับเทพซูส เทพมาส์เกี่ยวข้องกับเทพแอรีส และกับเทพโพไซดอน เป็นต้น เมื่อถึงสมัยจักรวรรดิ ชาวโรมันได้ซึมซับตำนานเทพที่ตนพิชิตได้และมักนำไปสู่สถานการณ์ที่วัดและนักบวชของเทพเจ้าโรมันดั้งเดิมตั้งอยู่เคียงข้างกับเทพเจ้าต่างชาติ
ในรัชสมัยจักรพรรดิแนโรในคริสต์ศตวรรษที่ 1 นโยบายทางการของโรมันที่มีต่อศาสนาคริสต์เป็นไปในทางลบ การเป็นคริตศาสนิกชนเพียงอย่างเดียวอาจถูกลงโทษถึงตาย มาถึงรัชกาลจักรพรรดิดิออเกลติอานุสที่การกดขี่ข่มเหงชาวคริสต์ถึงจุดสูงสุด อย่างไรก็ตาม ศาสนาคริสต์กลับกลายเป็นศาสนาที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการของโรมันภายใต้จักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราช จากการประกาศพระราชกฤษฎีกามิลานในปี ค.ศ. 313 กับพระราชบัญชาของจักรพรรดิเทออดอซิอุสที่ 1ในปี ค.ศ. 391 ที่ทุกศาสนายกเว้นศาสนาคริสต์ถูกสั่งห้าม
จริยธรรมและคุณธรรม
เช่นเดียวกับวัฒนธรรมโบราณอื่น ๆ แนวความคิดเกี่ยวกับจริยธรรมและศีลธรรมนั้นมีความคล้ายคลึงสังคมสมัยใหม่ในบางส่วน และแตกต่างกันอย่างมากในแง่มุมที่สำคัญหลายประการ เนื่องจากโรมอยู่ภายใต้การคุกคามอย่างต่อเนื่องของการโจมตีจากชนเผ่าที่ปล้นสะดม วัฒนธรรมของพวกเขาจึงจำเป็นต้องมีความเข้มแข็งทางทหารโดยยึดทักษะการต่อสู้เป็นคุณลักษณะที่มีค่า ในขณะที่สังคมสมัยใหม่ถือว่าความเห็นอกเห็นใจเป็นคุณธรรม สังคมโรมันถือว่าความเห็นอกเห็นใจเป็นรอง ถึงขนาดเป็นข้อบกพร่องทางศีลธรรม อันที่จริง จุดประสงค์หลักประการหนึ่งของการแข่งขันกลาดิเอเตอร์คือเพื่อป้องกันชาวโรมันจากจุดอ่อนนี้ ชาวโรมันยังยกย่องคุณธรรม เช่น ความกล้าหาญและความเชื่อมั่น (virtus) ความรู้สึกของหน้าที่ต่อประชาชน ความพอประมาณและการหลีกเลี่ยงส่วนเกิน (moderatio) การให้อภัยและความเข้าใจ (clementia) ความเป็นธรรม (severitas) และความจงรักภักดี (pietas)
สังคมโรมันมีบรรทัดฐานที่มั่นคงและเข้มงวดเกี่ยวกับเรื่องเพศ แม้ว่าเช่นเดียวกับหลาย ๆ วัฒนธรรม ความรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวงตกอยู่กับผู้หญิง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงถูกคาดหวังว่าจะมีคู่สมรสเพียงคนเดียว โดยมีสามีเพียงคนเดียวในช่วงชีวิตของพวกเขา (univira) แม้ว่าจะไม่ค่อยได้รับการยกย่องจากชนชั้นสูงโดยเฉพาะภายใต้จักรวรรดิ ผู้หญิงยังถูกคาดหวังให้รักษาเนื้อรักษาตัวในที่สาธารณะ เพื่อหลีกเลี่ยงการปรากฏตัวที่ยั่วยุ และแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ต่อสามีของพวกเขา (pudicitia) และสวมผ้าคลุมหน้าเป็นแสดงอย่างหนึ่งถึงการรักษาความสุภาพเรียบร้อย การมีเพศสัมพันธ์นอกสมรสมักถูกเพิกเฉยสำหรับผู้ชาย แต่สำหรับผู้หญิงแล้วและถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในสมัยจักรวรรดิ อย่างไรก็ตาม การค้าประเวณีกลับถูกมองว่าเป็นแนวปฏิบัติที่เป็นที่ยอมรับและอยู่ภายใต้การควบคุม
ศิลปะ ดนตรี และวรรณกรรม
ภาพวาดโรมันแสดงถึงอิทธิพลของวัฒนธรรมกรีก และตัวอย่างที่หลงเหลือถึงปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นภาพที่ใช้ประดับผนังและเพดานของวิลล่าในชนบท แม้ว่าวรรณคดีโรมันจะกล่าวถึงภาพวาดบนไม้ และวัสดุอื่น ๆ ตัวอย่างภาพวาดโรมันหลายตัวอย่างพบได้ที่ปอมเปอี ซึ่งนักประวัติศาสตร์ศิลปะได้แบ่งประวัติศาสตร์ของภาพวาดโรมันออกเป็นสี่ช่วงเวลา
อาหาร
การละเล่นและสันทนาการ
วิทยาการ
มรดกตกทอด
อ้างอิง
- "ancient Rome | Facts, Maps, & History". Encyclopædia Britannica (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 5 September 2017.
- Chris Scarre, The Penguin Historical Atlas of Ancient Rome (London: , 1995).
- There are several different estimates for the population of the Roman Empire.
- Scheidel (2006, p. 2) estimates 60.
- Goldsmith (1984, p. 263) estimates 55.
- Beloch (1886, p. 507) estimates 54.
- Maddison (2006, pp. 51, 120) estimates 48.
- Roman Empire Population estimates 65 (while mentioning several other estimates between 55 and 120).
- McLynn, Frank (2011). Marcus Aurelius: Warrior, Philosopher, Emperor (ภาษาอังกฤษ). Random House. p. 3. ISBN .
[T]he most likely estimate for the reign of Marcus Aurelius is somewhere between seventy and eighty million.
- McEvedy and Jones (1978).
- an average of figures from different sources as listed at the US Census Bureau's Historical Estimates of World Population 13 ตุลาคม 2013 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- (1993). "Population Growth and Technological Change: One Million B.C. to 1990" in The Quarterly Journal of Economics 108(3): 681–716.
- * (1979). "Size and Duration of Empires: Growth-Decline Curves, 600 B.C. to 600 A.D.". Social Science History. 3 (3/4): 125. doi:10.2307/1170959. JSTOR 1170959.
- Adkins, Lesley; Adkins, Roy (1998). Handbook to Life in Ancient Rome. Oxford: Oxford University Press. p. 3. ISBN .
- Cavazzi, F. "The Founding of Rome". Illustrated History of the Roman Empire. สืบค้นเมื่อ 8 March 2007.
- Livius, Titus (Livy) (1998). The Rise of Rome, Books 1–5. แปลโดย Luce, T.J. Oxford: Oxford World's Classics. pp. 8–11. ISBN .
- Durant, Will; Durant, Ariel (1944). . Simon and Schuster, Inc. pp. 12–14. ISBN .
- Roggen, Hesse, Haastrup, Omnibus I, H. Aschehoug & Co 1996
- Myths and Legends- Rome, the Wolf, and Mars. Retrieved 8 March 2007.
- Mellor, Ronald and McGee Marni, The Ancient Roman World p. 15 (Cited 15 March 2009)
- Matyszak, Philip (2003). Chronicle of the Roman Republic. London: Thames & Hudson. p. 19. ISBN .
- Duiker, William; Spielvogel, Jackson (2001). World History (Third ed.). Wadsworth. p. 129. ISBN .
- Ancient Rome and the Roman Empire by Michael Kerrigan. , London: 2001. ISBN . p. 12.
- Langley, Andrew and Souza, de Philip, "The Roman Times", Candle Wick Press, Massachusetts
- Matyszak, Philip (2003). Chronicle of the Roman Republic. London: Thames & Hudson. pp. 43–44. ISBN .
- 2. การปกครองของโรม
- Hooker, Richard (6 June 1999). . Washington State University. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 May 2011.
- Magistratus by George Long, M.A. Appearing on pp. 723–724 of A Dictionary of Greek and Roman Antiquities by William Smith, D.C.L., LL.D. Published by John Murray, London, 1875. Website, 8 December 2006. Retrieved 24 March 2007.
- Livius, Titus (Livy) (1998). "Book II". The Rise of Rome, Books 1–5. แปลโดย Luce, T.J. Oxford: Oxford World's Classics. ISBN .
- Adkins, Lesley; Adkins, Roy (1998). Handbook to Life in Ancient Rome. Oxford: Oxford University Press. p. 39. ISBN .
- These are literally Roman librae, from which the pound is derived.
- [1] Plutarch, Parallel Lives, Life of Camillus, XXIX, 2.
- Haywood, Richard (1971). The Ancient World. United States: David McKay Company, Inc. pp. 350–358.
- Pyrrhus of Epirus (2) 14 เมษายน 2016 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน and Pyrrhus of Epirus (3) 2016-03-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน by Jona Lendering. Livius.org. Retrieved 21 March 2007.
- Goldsworthy 2006, pp. 25–26.
- Miles 2011, pp. 175–176.
- [2] Cassius Dio, Roman History, XI, XLIII.
- New historical atlas and general history By Robert Henlopen Labberton. p. 35.
- Caspari, Maximilian Otto Bismarck (1911). . ใน Chisholm, Hugh (บ.ก.). สารานุกรมบริตานิกา ค.ศ. 1911. Vol. 22 (11 ed.). สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์. p. 850.
- Latin Online: Series Introduction 2015-04-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน by Winfred P. Lehmann and Jonathan Slocum. Linguistics Research Center. The University of Texas at Austin. 15 February 2007. Retrieved 1 April 2007.
- Calvert, J.B. (8 August 1999). . University of Denver. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 April 2007.
- . p. 2. Retrieved 2 April 2007.
- József Herman, Vulgar Latin, English translation 2000, pp. 109–114 ISBN
- Adkins, Lesley; Adkins, Roy (1998). Handbook to Life in Ancient Rome. Oxford: Oxford University Press. p. 203. ISBN .
- Matyszak, Philip (2003). Chronicle of the Roman Republic. London: Thames & Hudson. p. 24. ISBN .
- Edward Gibbon (1787). The history of the decline and fall of the Roman Empire. printed for J.J. Tourneisen. p. 91.
- The Encyclopedia Americana: A Library of Universal Knowledge. Encyclopedia Americana Corporation. 1919. p. 644.
- Willis, Roy (2000). World Mythology: The Illustrated Guide. Victoria: Ken Fin Books. pp. 166–168. ISBN .
- willis
- Theodosius I (379–395 AD) by David Woods. De Imperatoribus Romanis. 2 February 1999. Retrieved 4 April 2007.
- Annual Editions: Western Civilization. Vol. 1 (12 ed.). McGraw-Hill/Dushkin. 2002. p. 68.
... where compassion was regarded as a moral defect ...
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อHuffPo: Bread
- Jackson, Michael Anthony (2004). Look Back to Get Ahead: Life Lessons from History's Heroes. Arcade Publishing. p. 174. ISBN .
Gladatorial games were popular because the Romans actually believed that compassion was a vice and a weakness
- Harvey, Brian K., บ.ก. (2016). Daily Life in Ancient Rome: A Sourcebook. Hackett Publishing Company. pp. 21–28. ISBN .
- Langlands, Rebecca (2006). Sexual Morality in Ancient Rome. Cambridge University Press. pp. 3–20. ISBN .
- Mathew Dillon and Lynda Garland (2005). Ancient Rome: From the Early Republic to the Assassination of Julius Caesar. Taylor & Francis, 2005. p. 382. ISBN .
- Adkins, Lesley; Adkins, Roy (1998). Handbook to Life in Ancient Rome. Oxford: Oxford University Press. pp. 350–352. ISBN .
- Roman Painting from Timeline of Art History. Department of Greek and Roman Art, The Metropolitan Museum of Art. 2004–10. Retrieved 22 April 2007.
ดูเพิ่ม
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxha ormobran xngkvs Ancient Rome hrux ormnobran hmaythungxarythrrmkhxngchawormntngaetkarkxtngemuxngorminstwrrsthi 8 kxnkhristskrach cnthungkarlmslaykhxngckrwrrdiormntawntkinkhriststwrrsthi 5 prakxbdwy yukhrachxanackrormn 753 509 pikxnkhristkal yukhsatharnrthormn 509 27 pikxnkhristkal aelayukhckrwrrdiormn 27 pikxnkhristkal kh s 476 ormobran Roma753 pikxn kh s kh s 476Senatus Populusque RōmanusTerritories of the Roman civilization satharnrthormn ckrwrrdiormn ckrwrrdiormntawntk ckrwrrdiibesnithnemuxnghlwngormphasathwipphasalatinkarpkkhrxngrachxanackr 753 509 pikxn kh s satharnrth 509 27 pikxn kh s ckrwrrdi 27 pi kxn kh s kh s 476 yukhprawtisastrsmyobran kxtngemuxngorm753 pikxn kh s karokhnlmtarkwinixusphuhyingthanng509 pikxn kh s sthanpnackrphrrdiexakustus27 pikxn kh s karlmslaykhxngormntawntkkh s 476 ormobranerimtncakkartngthinthankhxngchninpi 753 kxnkhristkal rimaemnaithebxrbnkhamsmuthrxitali ekidkarkhyaythinthanepnemuxngcnsamarthkhwbkhumdinaednephuxnbanphansnthisyyaaelayuththkar krathnginthisudsamarthpkkhrxngthngkhabsmuthrxitaliaelayudkhrxngdinaednkhnadihyaelaphukhninthwipyuorpaelarxbthaelemdietxereniyn nbwaepnxanackrthiihythisudaehnghnunginolkyukhobran odymiprachakrpraman 50 thung 90 lankhn hruxpraman 20 khxngprachakrolkinkhnann aelakhrxbkhlumphunthipraman 5 lantarangkiolemtr 1 9 lantarangiml inchwngthithrngxanacthisudin kh s 117 ormobranmirabbkarpkkhrxngthihlayhlay tngaetrachathipityinrayaaerk satharnrthkhnathipity aelathaythisudrabbckrwrrdiaebbxttathipity xarythrrmormnekhamamixiththiphltxphumiphakhyuorptawntkechiyngit yuorptawnxxkechiyngit khabsmuthrbxlkhan aelabriewnrxbthaelemdietxereniynodykarphichitaelakarphsmklmklunthangwthnthrrmkbthxngthinthiekhaippkkhrxng kxnthicaerimhmdxanaclngaelaaebngaeykepnsxngxanackr idaek ckrwrrdiormntawntk thimikrungormepnemuxnghlwng kxnthicalmslaylngdwysaehtukhwamkhdaeyngphayinaelakarthukrukranodychnklumtang insmykaroykyaythinthanaelakaraebngaeykxxkepnxanackrxisranxyihyinkhriststwrrsthi 5 xnepncudsinsudkhxngyukhormobran aela ckrwrrdiormntawnxxk hruxthieriykwa ckrwrrdiibaesnithn sungmisunyklangxyuthikrungkhxnsaetntionepil thiprakxbdwy dinaednthiphichitodyckrwrrdiblaekeriythi 1 xanaoteliy aelaxiyipt thirxdcakwikvtikarnthickrwrrdithangdantawntkprasb aelaaemwacaesiysieriyaelaxiyiptaekxanackrmuslimxahrb ckrwrrdikdarngsubmaxikhnungshswrrs krathngesiyemuxngihkbckrwrrdixxtotmnin kh s 1453 wthnthrrmormnmkcacdxyuin yukhobran classical antiquity rwmkbkrikobran hruxthieriykwa ekrok ormn sungepnwthnthrrmthiepntntxaelaaerngbndalicihaek ormobranprasbkhwamsaercindanethkhonolyiaelasthaptykrrmthinaprathbic echn karkxsrangthxrabaynaaelathnnthwthngckrwrrdi tlxdcnxnusawriyaelasingxanwykhwamsadwkthioxxa xikthngyngmibthbathxyangihyhlwnginkarwiwthnkarthangdankdhmay karsngkhram silpa wrrnkhdi sthaptykrrm ethkhonolyi aelaphasakhxngolktawntk aelaprawtisastrormnyngkhngepnprawtisastrthiyngkhngmiphukhnsuksaaelamixiththiphltxolkcnthukwnnikarkxtngtamtananprmpratamtanan ormkxtngkhunemuxpi 753 kxnkhristskrachodyormulusaelaaermus thithukeliyngdwyaemhmapa tamtanankarkxtngkrungorm emuxngnikxtngkhunemuxwnthi 21 emsayn 753 pikxnkhristkal bnfngaemnaithebxrthangtxnklangkhxngxitali odyphinxngfaaefdormulusaelaaermus phusubechuxsaymacakecachayxieniysaehngemuxngthrxy nddakhxngkstriyechuxsaylatinphranamwanumietxr Numitor aehngxlbalxngka kstriynumietxrthrngthukxamulixus Amulius phraxnuchachingbnglngk inrahwangthirixa silewiy Rhea Silvia phrathidakhxngnumietxrthrngihkaenidphraoxrsfaaefd thithuxwaepnkhrungmnusykhrungethph enuxngcakthngkhuekidcakthimarda rixa silewiythukethphmassungepnkhxngormnkhmkhun dwyehtuthikstriyxamulixusekrngwaormulusaelaaermuscayudbllngkinxnakht ekhacungbychaihcbthngsxngipthumnaihtay aetdwyhmapatwhnung hruxphrryakhxngkhneliyngaekainbangtanan chwychiwitaelaeliyngduphwkekhacnot thngsxngcungklbmathwngbllngkaehngxlbalxngkakhunaekkstriynumietxr inphayhlng aefdthngsxngidkxtngemuxngkhxngtnexngkhun aetormulusklbsngharaermusinkarthaelaawiwathekiywkbthitngkhxngrachxanackrormn aemwabangtananrabuwaepneruxngkarthaelaawiwathekiywkbphuidcaepnphupkkhrxnghruxihchuxkhxngekhaepnchuxemuxng inthaythisud chuxormuluscungepnthimakhxngchuxemuxngthikxtngihmni ephuxdungdudphukhnihekhamainemuxng ormcungsthapnaemuxngihepnsthanthiskdisiththisahrbphuyakir phuthukenreths aelaphuthiimmidinaednidtxngkar singnithaihekidpyha ephraaemuxngmiprachakrchaycanwnmakaetkhadphuhying ormuluscungipeyiymemuxngaelachnephaiklekhiyngephuxipecrcakbaelahastrimasrangkhrxbkhrw aetenuxngcakormetmipdwysingthiimphungprarthna ekhacungthukptiesth tananklawwachawlatin ormn echiyekharwmnganethskalaelakarkhmkhunstrichawsabin sungnaipsukarrwmklumchnlatinkbsabin xiktananhnungsungbnthukody nkprawtisastrchawkrik klawwaecachayxieniysthrngnachawkrungthrxyxxkthaelephuxkhnhathitngkrungthrxyaehngihmhlngsinsudsngkhramkrungthrxy krathngmathungrimfngaemnaithebxr imnanhlngcakthiethiyberux brrdachaytxngkarxxkipthaelxikkhrng aethyingthiedinthangmadwykarimtxngkarcakip odymihyingnanghnung namwa orma aenaihphuhyingephaeruxephuximihaelneruxcakip intxnaerkphwkphuchayokrthorma aetimnanphwkekhatrahnkidwathiaehngnikhuxsthanthithiehmaacatngthinthan cungtngchuxthinthanihmnitamhyingkhnni ewxrcil kwichawormnelathungtananniinbthkwimhakaphyeruxng xinixid Aeneid thisungecachayxieniysaehngthrxythuklikhitodyethphecaihphbkrungthrxyihm inmhakaphyni phuhyingkptiesththicamungklbipyngthael aetkimidthukthingiwbnaemnaithebxr hlngcakipthungxitali xieniyssungtxngkaraetngngankblawieniy thukbngkhbihthasngkhramkbkhnrkekaethirnns tambthkwi kstriyxlbnsubechuxsaymacakxieniys dngnn ormulusphukxtngkrungormcungepnthayathkhxngekhayukhrachxanackrolngsphkhxngkhusmrschawxithruskn cdaesdngthiphiphithphnthlufr hxngthi 18 emuxngormetibotkhuncakkartngthinthanrxb thilumrimaemnaithebxr sungepnsunyklangkhxngkarcracraelakarkha sungtamhlkthanthangobrankhdi hmubanaehngormxackxtngkhuninchwngstwrrsthi 8 kxnkhristkal aemwaxacyxnklbipidiklthungstwrrsthi 10 kxnkhristkal odysmachikkhxnginxitalibneninekhapalatinus inchwngplaystwrrsthi 7 kxnkhristkal chawxithrusknsungtngrkrakxyuin dinaednthangehnuxkhxngormepnphukhwbkhumthangkaremuxnginphumiphakhniphayitkarpkkhrxngchnchnsungaelarabxbrachathipity phxthungplaystwrrsthi 6 kxnkhristkal chawxithrusknsuyesiyxanac aela n cudni chnephalatinaelasabindngedimklbepnphupkkhrxngihmodykarkxtngsatharnrth odycakdkhxanackhxngphupkkhrxngmakkhun hlkthanthangobrankhdikhxngormnchiihehnthungkhwamsbsxnphayinctursormn waepnsunyklangaehngxanackhxngkstriyaelasasna numa pxmpilixus Numa Pompilius kstriyxngkhthisxngkhxngkrungormthisubtxcakormulus erimokhrngkarkxsrangkhxngkrungormdwyphrarachwng Regia aelasasnsthansahrbyukhsatharnrthtampraephniaelatxmawrrnkrrmkhxngnkekhiyn echn liwi satharnrthormnkxtngkhunemuxraw 509 pikxnkhristkaltarkwinixusphuhyingthanng Lucius Tarquinius Superbus kstriyphraxngkhsudthaycakecdphraxngkhkhxngxanackrormnthuk Lucius Junius Brutus okhnbnglngk phrxmkbkarepliynrabxbpkkhrxngmaepnkareluxktng aemyisetrd magistrate pracapi phusungepnkharachkarchnphuihysungmixanachnathithnginthangbriharaelatulakar aelakarcdtngsphaphuaethntang mikartraephuxkartrwcsxb thwngdulaelakaraeykichxanackhxngphupkkhrxng bukhkhlthisakhythisudinbrrdaaemyisetrd khux canwnsxngkhn sungichxanacinthangbriharrwmkn echn karxxkkhasngthangthhar kngsultxngthanganrwmkbwuthisphaormn Senatus Rōmanus sungedimepnsphathipruksakhxngkhunnangchnsung hrux aephthriesiyn patricius aetmicanwnaelaxanacthiephimkhun aemyisetrdkhnxun khxngsatharnrth prakxbdwy thribunus tribunus ikwstxr qvaestor khunkhlng exdilis aedilis phritxr praetor aela esnsxr censor sungaetedim aemyisetrdthukcakdiwsahrbbrrdaaephthriesiyn aetphayhlngepidihprachachnthwip hrux plebeian ekharwmid karchumnumlngkhaaennkhxngsatharnrthekidkhunin comitia centuriata spharasdr sphasamy sphaesncuri spharxykhn sunglngkhaaennineruxngsngkhramaelasntiphaph rwmthungkareluxkphuthicadarngtaaehnngthisakhymak aela comitia tributa sphachnepha sungcaeluxkphudarngtaaehnngthimikhwamsakhynxykwa aephnthidinaednbnkhabsmuthrxitaliemux 400 pikxnkhristkal instwrrsthi 4 kxnkhristkal satharnrthormnthukocmtiodychawkxl sungidkhyayxanacmathungkhabsmuthrxitalixxkbriewnaelaphanexthrueriy inwnthi 16 krkdakhm 390 pikxnkhristkal kxngthphkxlphayitkarnakhxnghwhnaepha idephchiyhnakbthphormnthirimfngaemnaxleliy sibimlthangehnuxkhxngkrungorm ebrnnsexachnathphormnaelaedinthphipyngkrungorm chawormnswnihyhnixxkcakemuxng aetbangkhnkyunhydhlbsxnbneninekhakhapiotlin thphkxlidplnaelaephaemuxngaelathakarlxmeninekhakhapiotlin karpidlxmkinewlaecdeduxn krathngphwkkxltklngthicakhuxkhwamsngbsukhaekchawormnephuxaelkkbthxngkhahnk 1 000 pxnd tamtananthielakhantxma chawormnthiduaelkarchngnahnksngektehnwachawkxlichtachngplxm cungcbxawuthaelaexachnakxlid nayphlmarkus furixus khamilus Marcus Furius Camillus phuchyklawwa dwyehlk imichdwythxngkha thiormidsuxxisrphaphkhxngethx inewlatxma chawormnkhxy phichitdinaednkhxngchnchatixun bnkhabsmuthrxitali sungrwmthungchawxithrusknphykhukkhamsudthaytxxanackhxngormnbnkhabsmuthrxitaliekidkhunemux tarntum tarnotinpccubn sungepnxananikhmthisakhykhxngkrikidkhxkhwamchwyehluxcaknayphleluxngchuxchawkrikin 281 pikxnkhristkal sungcblngdwychychnakhxngormn chawormnrksachychnakhxngtnodykarkxtngxananikhminphunthiyuththsastr thiidsrangkarkhwbkhumthimnkhngehnuxphumiphakhthiphwkekhaphichitid sngkhramphiwnik instwrrsthi 3 kxnkhristkal satharnthormnidephchiyhnakbkhutxsuihmthinaekrngkham khux kharethc nkhrrthkhxngchawfiniechiythirarwyaelaecriyrungeruxng aelahmaymungcakhrxbkhrxngphunthirimfngemdietxrereniyn thngsxngepnphnthmitrinsmysngkhramkbnayphliphrus sungepnphykhukkhamtxthngkhu aetdwykhwamepnecaaehngkrungorminaephndinihy aelaecaaehngthaelkhxngkharethc khwamkhdaeyngehnuxthaelemdietxrereniyntawntknamasungsngkhram karepliynaeplngkhxngxanaekhtormnaelakharethcinchwngsngkhramphiwnik dinaednkharethc dinaednormn sngkhramphiwnikkhrngthihnungerimkhunemux 264 pikxnkhristkal emuxemuxngemssinakhxkhwamchwyehluxcakkharethcinkarsurbkb hlngcakkarekhaskdkhxngkharethc emssinaklbkhxihchawormnkhbilchawkharethc ormekhasusngkhramkhrngniephraasirakusaaelaemssinaxyuiklemuxngkrikthiephingphichitihmthangtxnitkhxngxitalimakxikthngkharethcyngsamarthocmtidinaednkhxngormnid dwyehtuni ormcungsamarthkhyayxanaekhtkhxngtnehnuxekaasisili aemwachawormncamiprasbkarninkartxsuthangbk karexachnastruihmnicaepntxngmikartxsuthangerux kharethcepnmhaxanacthangthaelaelakarkhaderuxrbaelaprasbkarnthangeruxkhxngormnthaihesnthangsuchychnannyawnanaelayaklabaksahrbsatharnrthormn aemkrann hlngcakkartxsuthiyudyuxkwa 20 pi ormsamarthexachnakharethcid aelamikarlngnaminsnthisyyasntiphaph thiinxnakhtcanamasuehtuphlhnungkhxngkarkxsngkhramphiwnikkhrngthisxng cakkarchdichkhaptikrrmsngkhramkhxngkharethcxnenuxngmacakkarsinsudsngkhramphiwnikkhrngthihnung sngkhramphiwnikkhrngthisxngmichuxesiyngindannayphlthiekngkac echn aehnnibl Hannibal aela Hasdrubal khxngkharethc aelamarkus ekladixus maraekllus Marcus Claudius Marcellus Quintus Fabius Maximus Verrucosus aelapublus kxrenlixus skipiox Publius Cornelius Scipio khxngormn karsukerimtndwykarrukrankhxnghispaeniyxyangklahayodyaehnnibl butrchaykhxnghamilkar barsa nayphlkharethc sungepnphunaptibtikarinsisiliinchwngsinsudsngkhramphiwnikkhrngthihnung aehnnibledinthphxyangrwderwphanhispaeniyipyngethuxkekhaaexlp thaihekidkhwamtuntrahnkinhmuphnthmitrkhxngorm withithidithisudephuxexachnaaehnniblkhuxkarchalxkarmathungkhxngthphkharethcdwysngkhramkxngocr sungepnklyuththkhxngnayphlkwintus fabixus mksimus dwyehtuni epahmaykhxngaehnniblinkaryudkrungormcungimsaerc ekhaimsamarththaihemuxngtang bnkhabsmuthrihkbttxormaelaesrimkalngkxngthphthildnxylngkhxngekhaidmakphx cungkhadyuthothpkrnaelakalngphlinkarlxmkrungorm krann karrukrankhxngaehnniblkinewlananthung 16 pi thalaylangdinaednkhabsmuthrxitali cninthisudemuxchawormnrbruthungkarkhadesbiyngkhxngthphkharethc phwkekhacungsngnayphlskipioxsungexachnaaehsdrubl nxngchaykhxngaehnniblindinaednthiepnpraethssepninpccubn ihipbukphunthihangiklkhxngkharethcthiimmikarpxngkn aelabngkhbihaehnnibalykthphklbippkpxngkharethcexng phlthiidkhuxkarsinsudkhxngsngkhramphiwnikkhrngthisxng inineduxntulakhm 202 pikxnkhristkal sungthaihskipioxidsmyanamwa Africanus swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidchwngplaysatharnrthyukhckrwrrdikarlmslaykhxngormntawntkwthnthrrmchiwitinormnobranhmunrxbkrungormsungtngxyubn emuxngnimixakharaelasingkxsrangkhnadihymakmay echn okhlxsesiym aelawiharaephnthixn miornglakhr orngyim tlad thxrabaynathiichnganid orngxabnaphrxmhxngsmudaelarankha aelanaphuthiminadumsaxadthisngmacakthxsngnahlayrxyiml thwthngxanaekhtphayitkarkhwbkhumkhxngkrungormobran sthaptykrrmthixyuxasymitngaetbanaebberiybngayipcnthungwillainchnbth innkhrhlwngkrungorm mithiprathbkhxngckrphrrdibneninpalatinusxnsngangam sungepnthimakhxngkhawa palace hrux phrarachwng inphasaxngkvskbxikhlayphasa chnchnlangaelaklangxasyxyuicklangemuxng xdaennxyuinxphartemnt hrux xinsuel insulae khlayslminyukhpccubn phunthiehlanimkihechaaelasrangodychnchnsungphuepnecakhxngthrphysin phasa phasaphunemuxngkhxngchawormnkhux latin sungcdxyuinklumphasaxitaliktwxksrmiphunthanmacakxksrxithrusknsungphthnamacakchudtwxksrkrik aemwathihlngehluxxyuprakxbdwyekuxbthnghmd sungepnphasaekhiynthipradisthkhunaelakhdeklainchwngstwrrsthi 1 kxnkhristkal phasaphudthiichxyuthwipinckrwrrdiormnkhux Vulgar Latin sungaetktangcakphasalatinkhlassikxyangminysakhythngindaniwyakrn khasphth aelakarxxkesiyng phuphudphasalatinsamarthekhaicthngsxngcnthungkhriststwrrsthi 7 emuxphasalatinthiphuderimaetktangcakphasaekhiynxxkipmakcntxngeriynruphasa khlassik hrux latinthidi epnphasathisxng inkhnathiphasalatinyngkhngepnphasaekhiynhlkkhxngckrwrrdiormn phasakrikklayepnphasaphudkhxngchnchnsungthimikarsuksadi enuxngcakwrrnkrrmswnihythichawormnsuksannekhiynepnphasakrik aetinxikkhrunghnungkhxngormnthangtawnxxk sungtxmaidklayepnckrwrrdiormntawnxxk phasalatinimsamarthaethnthiphasakrik aelahlngcakkarsinphrachnmkhxngckrphrrdiyustinixanusthi 1 ckrphrrdicstieniyn phasakrikklayepnphasarachkarkhxngckrwrrdi karkhyaytwkhxngckrwrrdiormnidaephrphasalatinthwthngyuorp aelaphasalatinsamyidphthnaepnphasathininsthanthitang kn khxy epliynipepnklumphasaormansthiaetktangknmakmay sasna ethwsthanaehngxnotninsaelafaxstinainkrungorm imidprakxbkhuncakkarelaeruxngethphecathiepnlaylksnxksr aetepnkhwamsmphnththisbsxnrahwangphraecakbmnusy tangcaktananethphecakrik ethphecaehlaniimmilksnaepntwtn aetepncitwiyyanskdisiththixnkhlumekhruxthieriykwa numina numina chawormnyngechuxdwywathukkhn sthanthi hruxsingkhxnglwnmi genius hruxwiyyanskdisiththiepnkhxngtwexng inchwngsatharnrthormn sasnaormnidrbkarcdraebiybphayitrabbthiekhrngkhrdkhxngtaaehnngnkbwchthimitaaehnngepnwuthismachik Collegium Pontificum epnxngkhkrradbbnsudinladbchnni aelami pxntiefks mksimus Pontifex maximus khux hwhnankbwchpracachati emuxmikartidtxkbchawkrik ethphecaormnobrankmikhwamekiywkhxngkbethphecakrikmakkhun ehnidcakethphcupietxrthukmxngwaepnethphxngkhediywkbethphsus ethphmasekiywkhxngkbethphaexris aelakbethphophisdxn epntn emuxthungsmyckrwrrdi chawormnidsumsbtananethphthitnphichitidaelamknaipsusthankarnthiwdaelankbwchkhxngethphecaormndngedimtngxyuekhiyngkhangkbethphecatangchati inrchsmyckrphrrdiaenorinkhriststwrrsthi 1 noybaythangkarkhxngormnthimitxsasnakhristepnipinthanglb karepnkhritsasnikchnephiyngxyangediywxacthuklngothsthungtay mathungrchkalckrphrrdidixxekltixanusthikarkdkhikhmehngchawkhristthungcudsungsud xyangirktam sasnakhristklbklayepnsasnathiidrbkarsnbsnunxyangepnthangkarkhxngormnphayitckrphrrdikhxnsaetntinmharach cakkarprakasphrarachkvsdikamilaninpi kh s 313 kbphrarachbychakhxngckrphrrdiethxxdxsixusthi 1inpi kh s 391 thithuksasnaykewnsasnakhristthuksngham criythrrmaelakhunthrrm echnediywkbwthnthrrmobranxun aenwkhwamkhidekiywkbcriythrrmaelasilthrrmnnmikhwamkhlaykhlungsngkhmsmyihminbangswn aelaaetktangknxyangmakinaengmumthisakhyhlayprakar enuxngcakormxyuphayitkarkhukkhamxyangtxenuxngkhxngkarocmticakchnephathiplnsadm wthnthrrmkhxngphwkekhacungcaepntxngmikhwamekhmaekhngthangthharodyyudthksakartxsuepnkhunlksnathimikha inkhnathisngkhmsmyihmthuxwakhwamehnxkehnicepnkhunthrrm sngkhmormnthuxwakhwamehnxkehnicepnrxng thungkhnadepnkhxbkphrxngthangsilthrrm xnthicring cudprasngkhhlkprakarhnungkhxngkaraekhngkhnkladiexetxrkhuxephuxpxngknchawormncakcudxxnni chawormnyngykyxngkhunthrrm echn khwamklahayaelakhwamechuxmn virtus khwamrusukkhxnghnathitxprachachn khwamphxpramanaelakarhlikeliyngswnekin moderatio karihxphyaelakhwamekhaic clementia khwamepnthrrm severitas aelakhwamcngrkphkdi pietas sngkhmormnmibrrthdthanthimnkhngaelaekhmngwdekiywkberuxngephs aemwaechnediywkbhlay wthnthrrm khwamrbphidchxbxyangihyhlwngtkxyukbphuhying sungodythwipaelw phuhyingthukkhadhwngwacamikhusmrsephiyngkhnediyw odymisamiephiyngkhnediywinchwngchiwitkhxngphwkekha univira aemwacaimkhxyidrbkarykyxngcakchnchnsungodyechphaaphayitckrwrrdi phuhyingyngthukkhadhwngihrksaenuxrksatwinthisatharna ephuxhlikeliyngkarprakttwthiywyu aelaaesdngihehnthungkhwamsuxstytxsamikhxngphwkekha pudicitia aelaswmphakhlumhnaepnaesdngxyanghnungthungkarrksakhwamsuphapheriybrxy karmiephssmphnthnxksmrsmkthukephikechysahrbphuchay aetsahrbphuhyingaelwaelathuxepnsingphidkdhmayinsmyckrwrrdi xyangirktam karkhapraewniklbthukmxngwaepnaenwptibtithiepnthiyxmrbaelaxyuphayitkarkhwbkhum silpa dntri aelawrrnkrrm phaphwadormnaesdngthungxiththiphlkhxngwthnthrrmkrik aelatwxyangthihlngehluxthungpccubnswnihyepnphaphthiichpradbphnngaelaephdankhxngwillainchnbth aemwawrrnkhdiormncaklawthungphaphwadbnim aelawsduxun twxyangphaphwadormnhlaytwxyangphbidthipxmepxi sungnkprawtisastrsilpaidaebngprawtisastrkhxngphaphwadormnxxkepnsichwngewla xahar karlaelnaelasnthnakarwithyakarmrdktkthxdxangxing ancient Rome Facts Maps amp History Encyclopaedia Britannica phasaxngkvs subkhnemux 5 September 2017 Chris Scarre The Penguin Historical Atlas of Ancient Rome London 1995 There are several different estimates for the population of the Roman Empire Scheidel 2006 p 2 estimates 60 Goldsmith 1984 p 263 estimates 55 Beloch 1886 p 507 estimates 54 Maddison 2006 pp 51 120 estimates 48 Roman Empire Population estimates 65 while mentioning several other estimates between 55 and 120 McLynn Frank 2011 Marcus Aurelius Warrior Philosopher Emperor phasaxngkvs Random House p 3 ISBN 9781446449332 T he most likely estimate for the reign of Marcus Aurelius is somewhere between seventy and eighty million McEvedy and Jones 1978 an average of figures from different sources as listed at the US Census Bureau s Historical Estimates of World Population 13 tulakhm 2013 thi ewyaebkaemchchin 1993 Population Growth and Technological Change One Million B C to 1990 in The Quarterly Journal of Economics 108 3 681 716 1979 Size and Duration of Empires Growth Decline Curves 600 B C to 600 A D Social Science History 3 3 4 125 doi 10 2307 1170959 JSTOR 1170959 Turchin Peter Adams Jonathan M Hall Thomas D December 2006 East West Orientation of Historical Empires Journal of World Systems Research 12 2 222 doi 10 5195 JWSR 2006 369 ISSN 1076 156X Adkins Lesley Adkins Roy 1998 Handbook to Life in Ancient Rome Oxford Oxford University Press p 3 ISBN 978 0 19 512332 6 Cavazzi F The Founding of Rome Illustrated History of the Roman Empire subkhnemux 8 March 2007 Livius Titus Livy 1998 The Rise of Rome Books 1 5 aeplody Luce T J Oxford Oxford World s Classics pp 8 11 ISBN 978 0 19 282296 3 Durant Will Durant Ariel 1944 Simon and Schuster Inc pp 12 14 ISBN 978 1567310238 Roggen Hesse Haastrup Omnibus I H Aschehoug amp Co 1996 Myths and Legends Rome the Wolf and Mars Retrieved 8 March 2007 Mellor Ronald and McGee Marni The Ancient Roman World p 15 Cited 15 March 2009 Matyszak Philip 2003 Chronicle of the Roman Republic London Thames amp Hudson p 19 ISBN 978 0 500 05121 4 Duiker William Spielvogel Jackson 2001 World History Third ed Wadsworth p 129 ISBN 978 0 534 57168 9 Ancient Rome and the Roman Empire by Michael Kerrigan London 2001 ISBN 0 7894 8153 7 p 12 Langley Andrew and Souza de Philip The Roman Times Candle Wick Press Massachusetts Matyszak Philip 2003 Chronicle of the Roman Republic London Thames amp Hudson pp 43 44 ISBN 978 0 500 05121 4 2 karpkkhrxngkhxngorm Hooker Richard 6 June 1999 Washington State University khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 14 May 2011 Magistratus by George Long M A Appearing on pp 723 724 of A Dictionary of Greek and Roman Antiquities by William Smith D C L LL D Published by John Murray London 1875 Website 8 December 2006 Retrieved 24 March 2007 Livius Titus Livy 1998 Book II The Rise of Rome Books 1 5 aeplody Luce T J Oxford Oxford World s Classics ISBN 978 0 19 282296 3 Adkins Lesley Adkins Roy 1998 Handbook to Life in Ancient Rome Oxford Oxford University Press p 39 ISBN 978 0 19 512332 6 These are literally Roman librae from which the pound is derived 1 Plutarch Parallel Lives Life of Camillus XXIX 2 Haywood Richard 1971 The Ancient World United States David McKay Company Inc pp 350 358 Pyrrhus of Epirus 2 14 emsayn 2016 thi ewyaebkaemchchin and Pyrrhus of Epirus 3 2016 03 03 thi ewyaebkaemchchin by Jona Lendering Livius org Retrieved 21 March 2007 Goldsworthy 2006 pp 25 26 sfn error no target CITEREFGoldsworthy2006 Miles 2011 pp 175 176 sfn error no target CITEREFMiles2011 2 Cassius Dio Roman History XI XLIII New historical atlas and general history By Robert Henlopen Labberton p 35 Caspari Maximilian Otto Bismarck 1911 Punic Wars The Interval between the First and Second Wars in Chisholm Hugh b k saranukrmbritanika kh s 1911 Vol 22 11 ed sankphimphmhawithyalyekhmbridc p 850 Latin Online Series Introduction 2015 04 29 thi ewyaebkaemchchin by Winfred P Lehmann and Jonathan Slocum Linguistics Research Center The University of Texas at Austin 15 February 2007 Retrieved 1 April 2007 Calvert J B 8 August 1999 University of Denver khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 3 April 2007 p 2 Retrieved 2 April 2007 Jozsef Herman Vulgar Latin English translation 2000 pp 109 114 ISBN 978 0271020013 Adkins Lesley Adkins Roy 1998 Handbook to Life in Ancient Rome Oxford Oxford University Press p 203 ISBN 978 0 19 512332 6 Matyszak Philip 2003 Chronicle of the Roman Republic London Thames amp Hudson p 24 ISBN 978 0 500 05121 4 Edward Gibbon 1787 The history of the decline and fall of the Roman Empire printed for J J Tourneisen p 91 The Encyclopedia Americana A Library of Universal Knowledge Encyclopedia Americana Corporation 1919 p 644 Willis Roy 2000 World Mythology The Illustrated Guide Victoria Ken Fin Books pp 166 168 ISBN 978 1 86458 089 1 willis Theodosius I 379 395 AD by David Woods De Imperatoribus Romanis 2 February 1999 Retrieved 4 April 2007 Annual Editions Western Civilization Vol 1 12 ed McGraw Hill Dushkin 2002 p 68 where compassion was regarded as a moral defect xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux HuffPo Bread Jackson Michael Anthony 2004 Look Back to Get Ahead Life Lessons from History s Heroes Arcade Publishing p 174 ISBN 9781559707275 Gladatorial games were popular because the Romans actually believed that compassion was a vice and a weakness Harvey Brian K b k 2016 Daily Life in Ancient Rome A Sourcebook Hackett Publishing Company pp 21 28 ISBN 9781585107964 Langlands Rebecca 2006 Sexual Morality in Ancient Rome Cambridge University Press pp 3 20 ISBN 9780521859431 Mathew Dillon and Lynda Garland 2005 Ancient Rome From the Early Republic to the Assassination of Julius Caesar Taylor amp Francis 2005 p 382 ISBN 9780415224598 Adkins Lesley Adkins Roy 1998 Handbook to Life in Ancient Rome Oxford Oxford University Press pp 350 352 ISBN 978 0 19 512332 6 Roman Painting from Timeline of Art History Department of Greek and Roman Art The Metropolitan Museum of Art 2004 10 Retrieved 22 April 2007 duephimckrwrrdiormn ckrwrrdiormntawntk ckrwrrdiibaesnithnbthkhwamprawtisastrniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk