เอลวิส เพรสลีย์ (อังกฤษ: Elvis Presley) มีชื่อจริงว่า เอลวิส แอรอน เพรสลีย์ (อังกฤษ: Elvis Aaron Presley) (8 มกราคม ค.ศ. 1935 - 16 สิงหาคม ค.ศ. 1977) เป็นนักร้องและนักแสดงชาวอเมริกัน เขาถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม เขามักได้รู้จักในฉายา “ราชาแห่งร็อกแอนด์โรลล์” หรือเรียกสั้น ๆ ว่า "เดอะคิง"
เอลวิส เพรสลีย์ | |
---|---|
ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง (1957) | |
ข้อมูลพื้นฐาน | |
ชื่อเกิด | เอลวิส อารอน เพรสลีย์ |
เกิด | 8 มกราคม ค.ศ. 1935 เมมฟิส รัฐเทนเนสซี สหรัฐ |
เสียชีวิต | สิงหาคม 16, 1977 เมมฟิส รัฐเทนเนสซี สหรัฐ | (42 ปี)
แนวเพลง | ร็อกแอนด์โรล ป็อป ร็อกอะบิลลี คันทรี บลูส์ กอสเปล ริทึมแอนด์บลูส์ อคุสติก เซาเทอร์นโซล |
อาชีพ | นักร้อง , นักแต่งเพลง นักแสดง |
เครื่องดนตรี | กีตาร์ เปียโน |
ช่วงปี | ค.ศ. 1954 – 1977 |
ค่ายเพลง | อาร์ซีเอวิกเตอร์ |
คู่สมรส | (1967–1973) |
เว็บไซต์ | www.elvis.com |
เขาเกิดที่เมืองทูเพอโล รัฐมิสซิสซิปปี ต่อมาย้ายไปทีเมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี กับครอบครัวของเขาเมื่ออายุได้ 13 ปี เขาเริ่มอาชีพนักร้องที่นี่เมื่อปี 1954 เมื่อเจ้าของค่ายซันเรเคิดส์ ที่ชื่อ แซม ฟิลลิปส์อยากที่จะนำดนตรีของชาวแอฟริกันอเมริกันไปสู่ฐานคนฟังให้กว้างขึ้น และเห็นเพรสลีย์มีความมุ่งมั่นดี ได้ร่วมกับนักกีตาร์ที่ชื่อสก็อตตี มัวร์และมือเบส บิล แบล็ก
เพรสลีย์ถือเป็น 1 ในคนที่ให้กำเนิดแนวเพลงร็อกอะบิลลี แนวเพลงผสมผสานจังหวะอัปเทมโป แบ็กบีตผสมเพลงคันทรีกับริทึมแอนด์บลูส์ เขาได้เซ็นสัญญากับอาร์ซีเอวิกเตอร์ โดยมีผู้จัดการคือ ที่เป็นผู้จัดการให้เขาร่วม 2 ทศวรรษ ซิงเกิลแรกของเพรสลีย์กับอาร์ซีเอคือซิงเกิล "Heartbreak Hotel" ออกขายในเดือนมกราคม ค.ศ. 1956 ติดอันดับ 1 เขาถือเป็นผู้นำภาพลักษณ์ของดนตรีป็อปแบบใหม่ในแบบร็อกแอนด์โรล โดยได้ปรากฏตัวบนเครือข่ายสถานีโทรทัศน์หลายครั้ง รวมถึงมีเพลงอันดับ 1 หลายเพลง เพลงของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง โดยมีหลายส่วนนำมาจากเพลงชาวแอฟริกันอเมริกันและรูปแบบการแสดงซึ่งไม่สามารถยับยั้งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างมากรวมถึงเกิดข้อพิพาทด้วยเช่นกัน ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1956 เขาปรากฏตัวครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง
เขาเกณฑ์ทหารเมื่อปี 1958 โดยเพรสลีย์ออกผลงานเพลงหลังนั้น 2 ปีต่อมา กับงานที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เขาขึ้นเวทีคอนเสิร์ตอยู่หลายครั้ง อย่างไรก็ตามในการจัดการของพารกเกอร์ เขาก็ยังมีผลงานภาพยนตร์ฮอลลีวูดอีกหลายเรื่องในคริสต์ทศวรรษ 1960 รวมถึงผลงานอัลบั้มประกอบภาพยนตร์ด้วย ที่ส่วนมากถูกวิจารณ์ในเชิงดูถูกผลงานเหล่านั้น ในปี 1968 หลายจากห่างหายไปบนเวทีคอนเสิร์ตไป 7 ปี เขากลับมาแสดงสดในรายการโทรทัศน์พิเศษในการกลับมาในลาสเวกัสและยังมีทัวร์คอสเสิร์ต ในปี 1973 เพรสลีย์แสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกที่ถ่ายทอดผ่านดาวเทียมทั่วโลก ที่ชื่อ มีผู้ชมราว 1.5 พันล้านคน และจากการที่เขาติดยาจากใบสั่งแพทย์ ทำให้มีผลต่อสุขภาพของเขา จนเขาเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ในปี ค.ศ. 1977 ด้วยวัยเพียง 42 ปี
เพรสลีย์เป็น 1 ในบุคคลที่มีความสำคัญอย่างมากในวัฒนธรรมสมัยนิยมในศตวรรษที่ 20 กับน้ำเสียงที่ปรับได้หลายแบบและประสบความสำเร็จไม่ธรรมดาในหลากหลายแนวเพลง อย่างคันทรี, ป็อปบัลลาด, กอสเปล และบลูส์ เขาเป็นศิลปินเดี่ยวกับมียอดขายมากที่สุดในประวัติศาสตร์เพลงป็อป ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ 14 ครั้ง ซึ่งเขาได้รับ 3 ครั้ง และยังได้รับรางวัลแกรมมี่ประสบความสำเร็จเมื่ออายุ 36 ปี เขายังมีชื่ออยู่ในหอเกียรติยศ 4 ครั้ง
ประวัติ
ชีวิตช่วงแรก (1935–53)
ชีวิตวัยเด็กในทูเพอโล
เอลวิส เพรสลีย์เกิดเมื่อวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1935 ณ เมือง รัฐมิสซิสซิปปี เป็นบุตรของเวอร์นอน เอลวิสและแกลดีส์ เลิฟ เพรสลีย์ในบ้านเล็กแบบช็อตกัน จำนวน 2 ห้องนอนที่สร้างโดยพ่อของเขา เพื่อการเตรียมพร้อมสำหรับทารกที่จะเกิด เจสซี แกรอน เพรสลีย์ พี่ชายฝาแฝดที่เกิดก่อนเขา 35 นาที แต่ก็เสียชีวิตไป ทำให้เขาเป็นบุตรเพียงคนเดียว เพรสลีย์สนิทสนมกับทั้งพ่อและแม่และก่อให้เกิดความสนิทสนมเป็นแนบแน่นกับแม่ของเขา ครอบครัวของเขาไปที่โบสถ์คริสเตียนสัมพันธ์ ที่ที่เขาได้รับแรงบันดาลใจทางด้านดนตรีในขั้นต้น
เพรสลีย์มีเชื่อสายผสมยุโรปตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ อย่างสกอตแลนด์-ไอร์แลนด์ และนอร์มันฝรั่งเศสบ้าง หนึ่งในทวดของแกรดีส์ เป็นชาวเชอโรคีและจากบันทึกทางครอบครัว หนึ่งในย่าของเธอเป็นชาวยิว แกรดีส์เป็นที่นับถือในเหล่าบรรดาญาติและเพื่อน เป็นคนเด่นในครอบครัวเล็กนี้ เวอร์นอนย้ายจากงานหนึ่งสู่งานหนึ่ง เขามีความทะเยอทะยานอยู่บ้าง ครอบครัวของเขามักอาศัยความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านและอาหารจากรัฐบาล ในปี 1938 พวกเขาได้สูญเสียบ้านไปหลังจากที่เวอร์นอนมีความผิดฐานปลอมแปลงเช็คที่เขียนโดยเจ้าของที่ เขาอยู่ในคุก 8 เดือน ส่วนแกลดีส์และเอลวิสย้ายไปอยู่กับญาติ
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1941 เพรสลีย์เรียนเกรด 1 ที่โรงเรียนอีสต์ทูเพอโล ที่ครูผู้สอนระบุการเรียนของเขาว่า "อยู่ในระดับปานกลาง" เขาได้รับการชักชวนให้ร่วมประกวดร้องเพลงหลังจากที่ทำให้ครูประทับใจกับการนำเพลงคันทรีของเรด โฟเลย์ที่ชื่อ "Old Shep" มาร้องใหม่ช่วงสวดมนต์ตอนเช้า โดยการประกวดเขาเขาร่วมแข่งเป็นงานที่ชื่อมิสซิสซิปปี-แอละแบมา และไดอารีโชว์ ในวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1945 เป็นการแสดงต่อหน้าสาธารณะของเขาเป็นครั้งแรก เขาแต่งตัวเป็นคาวบอย โดยเด็กชายเพรสลีย์วัย 10 ปี ยืนอยู่บนเก้าอี้เพื่อยื่นร้องไมโครโฟนที่สูงกว่า ร้องเพลง "Old Shep" เขาได้ที่ 5 หลายเดือนต่อมา เพรสลีย์ได้รับของขวัญวันเกิดกับกีตาร์ตัวแรก แต่เขาหวังว่าจะได้สิ่งอื่น ไม่จักรยานก็ปืนไรเฟิล หลายปีถัดมา เขาได้เรียนกีตาร์พื้นฐานจากลุง 2 คนและศาสนาจารย์คนใหม่ที่โบสถ์ครอบครัวเขา เพรสลีย์เอ่ยถึงเหตุการณ์นั้นว่า "ผมได้กีตาร์และผมก็ดูผู้คนและผมก็เรียนรู้การเล่นนิดหน่อย แต่ผมไม่เคยร้องในที่สาธารณะ ผมเป็นคนขี้อายมาก"
เขาเข้าเรียนที่โรงเรียนใหม่ที่ชื่อมิลาม ในเกรด 6 เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 1946 เพรสลีย์พูดว่าเขาสันโดษ หลายปีต่อมาเขาเริ่มนำกีตาร์ของเขา เรียนรู้พื้นฐานการเล่นทุก ๆ วัน เขาจะเล่นและร้องในช่วงอาหารกลางวัน และมักจะแกล้งทำเป็นเหมือนพวกเด็กเหลวไหลที่เล่นดนตรีคนบ้านนอก ครอบครัวของเขาตอนนั้นอยู่กับเพื่อนบ้านชาวแอฟริกันอเมริกันขนาดใหญ่ เขาเป็นสาวกรายการของทางสถานีวิทยุทูเพอโลที่ชื่อ WELO น้องชายของสลิมที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นพูดถึงเพรสลีย์ในช่วงนั้นว่า "เขาคลั่งไคล้ดนตรี" เขามักพาเพรสลีย์ไปที่สถานี สลิมได้สอนสาธิตเทคนิคการเล่นคอร์ดกีตาร์ให้กับเพรสลีย์ เมื่อเขาอายุได้ 12 ปี สลิมได้จัดผังรายการให้เขาเล่นออกอากาศ 2 ครั้ง เพรสลีย์เอาชนะความกลัวในการขึ้นเวทีครั้งแรกได้ และยังได้แสดงอีกหลายหลายอาทิตย์ถัดมา
ชีวิตวัยรุ่นในเมมฟิส
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1948 ครอบครัวของเขาย้ายไปอยู่เมมฟิส หลังจากย้ายถิ่นฐานเกือบปีในบ้านเช่า พวกเขาได้เข้าอาศัยอพาร์ตเมนต์ 2 ห้องนอนในอาคารที่พักสาธารณะที่มีชื่อว่า คอร์ตส เขาสมัครเรียนที่โรงเรียนมัธยมฮูมส์ เพรสลีย์เรียนได้เกรดซีในวิชาดนตรีเมื่อเรียนเกรด 8 และเมื่ออาจารย์สอนดนตรีบอกเขาว่าเขาไม่ถนัดด้านการร้องเพลง เขาก็นำกีตาร์ในวันรุ่งขึ้นและร้องเพลงฮิตล่าสุดที่ชื่อ "Keep Them Cold Icy Fingers Off Me" เพื่อพิสูจน์ว่าไม่ใช่เช่นนั้น เพื่อร่วมชั้นในเวลาต่อมากล่าวว่า "ครูเห็นด้วยกับเอลวิสว่าถูก เมื่อเขาพูดว่า เธอไม่พอใจการร้องของเขา" โดยทั่วไปแล้วเขาจะรู้สึกอายในการแสดงต่อหน้าคนและมักถูกกเพื่อนร่วมชั้นระรานในแง่มุมว่า "เด็กติดแม่" ในปี 1950 เขาเริ่มฝึกฝนกีตาร์ ในการสอนของ เจสซี ลี เดนสัน ที่เป็นเพื่อนบ้านแก่กว่าเขา 2 ปีครึ่ง พวกเขาและกับชายหนุ่ม 3 คน รวมถึงผู้บุกเบิกเพลงร็อกอะบิลลีในอนาคต สองพี่น้องดอร์ซีย์และจอห์นนี เบอร์เนตต์ ก่อตั้งวงเล่นดนตรีหลวม ๆ แสดงเป็นประจำบริเวณรอบ คอร์ตส ในเดือนกันยายนปีนั้น เขาเริ่มทำงานเป็นเด็กเดินตั๋วที่ โรงภาพยนตร์เลียวส์สเตด งานอื่นในช่วงระหว่างเรียนอย่างเช่นทำที่พรีซิชันทูล, เลียวส์อะเกน และมาร์ลเมทัลโพรดักส์
ในช่วงที่เรียนอยู่ในปีจูเนียร์เยียร์ (เกรด 11) เพรสลีย์เริ่มมีความโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดในบรรดาเพื่อนร่วมชั้น เป็นเพราะหน้าตาของเขา กับเคราข้างใบหูที่โดดเด่นและทรงผมที่ใส่น้ำมันกุหลาบและวาเซลีน ในช่วงเวลาส่วนตัวเขาจะมุ่งหน้าไปที่ถนนบีล ใจกลางของย่านเพลงบลูส์ของเมืองเมมฟิส และเพ่งมองไปยังเสื้อผ้าอันเปล่งประกายผ่านหน้าตาของ ในปีสุดท้ายของการเรียนมัธยม เขาก็ได้สวมชุดที่เขาเพ่งมองนั้น เขาเอาชนะการเป็นคนไม่กล้าแสดงออกโดยแสดงนอกคอร์ตส เขาร่วมแข่งในรายการ "Annual Minstrel" ของฮูมส์เมื่อเดือนเมษายน 1953 เขาร้องและเล่นกีตาร์ โดยเปิดด้วยเพลงดังล่าสุดของเทเรซี บรูเวอรืที่ชื่อ "Till I Waltz Again With You" เพรสลีย์กล่าวว่าการแสดงครั้งนั้นทำให้เขามีชื่อเสียงอย่างมาก "ฉันไม่ได้โด่งดังที่โรงเรียน...ล้มเหลวในด้านดนตรี—เป็นสิ่งเดียวที่ผมเคยล้มเหลว และบัดนนี้ผมก้าวสู่รายการโชว์ความสามารถ...เมื่อผมเดินขึ้นเวทีผมได้ยินคนส่งเสียงดังและกระซิบ และท้ายสุด เพราะว่าไม่มีใครรู้จักผม ผมรู้สึกประหลาดใจที่ผมโด่งดังหลังจากนั้น"
เพรสลีย์ผู้ไม่เคยได้รับการฝึกสอนอย่างเป็นทางการและการอ่านโน้ตดนตรี เขาเรียนและเล่นโดยใช้หูเขาเอง เขาไปร้านขายแผ่นเสียงอยู่บ่อย ๆ ไปฟังจู๊กบอกซ์และฟังที่บูธ เขารู้จักเพลงทั้งหมดของ และเขาชอบเพลงของนักร้องเพลงคันทรีอื่นอย่าง รอย อะคัฟฟ์, เออร์เนสต์ ทับบ์, เทด ดาฟแฟน, จิมมี ร็อดเจอร์ส, จิมมี เดวิส และบ็อบ วิลลิส เขายังชื่นชอบนักร้องเพลกอสเปลชาวใต้ที่ชื่อ เจค เฮส ที่เป็นอิทธิพลในการร้องเพลงบัลลาดให้กับเขาอย่างมาก เขายังเป็นผู้ชมทั่วไปที่ออล-ไนต์ซิงกิงส์ รายเดือน ที่มีกลุ่มนักร้องกอสเปลผิวขาวแสดง ซึ่งได้รับอิทธิพลจากดนตรีโซลของชาวแอฟริกันอเมริกัน เขาชื่นชอบดนตรีของนักร้องกอสเปลผิวดำที่ชื่อ เช่นเดียวกับกลุ่มเพื่อนของเขา ในบางครั้งเขาอาจไปงานดนตรีบลูส์ ในคืนพิเศษเฉพาะกลุ่มคนฟังผิวขาว เขายังฟังสถานีวิทยุท้องถิ่นที่เล่นเพลงค่ายเรซเรเคิดส์ ที่มีแนวเพลงโซล บลูส์และเพลงสมัยใหม่ กับดนตรีแบ็กบีตหนัก ๆ ของเพลงริทึมแอนด์บลูส์ มีหลายเพลงในอนาคตของเขาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนักดนตรีชาวแอฟริกันอเมริกัน อย่างเช่น และบี.บี. คิง พูดถึงเอลวิสว่า เขารู้จักเอลวิสก่อนที่เขาจะโด่งดัง เพราะทั้งคู่ชอบไปถนนบีล เมื่อเขาเรียนจบระดับมัธยมในเดือนมิถุนายน 1953 เพรสลีย์ก็ได้เลือกอาชีพด้านดนตรีเป็นอาชีพในอนาคตของเขาแล้ว
บันทึกเสียงเพลงแรก (1953–55)
แซม ฟิลลิปส์และซันเรเคิดส์
ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1953 เพรสลีย์เดินเข้าไปในสำนักงานของ เขาต้องการที่จะใช้สตูดิโอไม่กี่นาทีเพื่อบันทึกเสียงลงแผ่นสังเคราะห์สองหน้า ที่ชื่อเพลง "My Happiness" และ "That's When Your Heartaches Begin" ต่อมาเขาออกมากล่าวว่าเพลงเหล่านี้เขาต้องการให้เป็นของขวัญวันเกิดให้แม่เขา หรือแค่อยากลองว่าจะมีลักษณะอย่างไร กับการบันทึกเสียงแบบสมัครเล่นซึ่งใกล้กับร้านค้าทั่วไป แต่นักเขียนอัตชีวประวัติ เถียงว่าเขาเลือกซันเรเคิดส์เพราะหวังว่าจะมีใครมาค้นพบเขา เมื่อพนักงานต้อนรับ แมเรียน คีสเกอร์ถามเพรสลีย์ว่าเขาเป็นนักร้องประเภทไหน เพรสลีย์ตอบว่า "ผมร้องได้ทุกอย่าง" และเมื่อเธอย้ำถามว่าเขาร้องเหมือนใคร เขาก็ตอบซ้ำว่า "ผมไม่ได้ร้องเหมือนใคร" หลังจากที่เขาบันทึกเสียง หัวหน้าของซันเรเคิดส์ที่ชื่อ ก็ให้คีสเกอร์เขียนบันทึกชื่อของชายหนุ่มนั้น ซึ่งเธอก็เขียนบรรยายไปว่า "นักร้องเพลงบัลลาดที่ดี" เพรสลีย์ตัดแผ่นอีกครั้งในเดือนมกราคม 1954 ในเพลง "I'll Never Stand In Your Way" และ "It Wouldn't Be the Same Without You" แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาไม่ผ่านการออดิชันในการกลุ่มร้อง 4 คนที่ชื่อ ซองเฟลโลส์ เขาบอกกับพ่อของเขาว่า "พวกเขาบอกผมว่า ผมร้องเพลงไม่ได้" จิม ฮามิลล์แห่งซองเฟโลว์ ภายหลังออกมากล่าวว่า เขาปฏิเสธไปเพราะว่าเขาไม่สามารถแสดงการใช้หูฟังเสียงประสานได้ในเวลานั้น ในเดือนเมษายน เพรสลีย์เริ่มทำงานที่บริษัทคราวน์อีเลกทริก ตำแหน่งคนขับรถบรรทุก เพื่อนของเขา รอนนี สมิธ ที่ได้ร่วมแสดงเพลงกับเขาบางครั้ง ได้แนะนำให้รู้จักเอ็ดดี บอนด์ หัวหน้าของวงอาชีพของสมิธ ซึ่งกำลังเปิดหานักร้องนำอยู่ บอนด์ปฏิเสธเขาไปหลังจากทดสอบความสามารถ ยังแนะนำเพรสลีย์ให้ขับรถบรรทุกต่อไป "เพราะว่าคุณไม่สามารถเป็นนักร้องได้เลย"
ฟิลลิปส์ในขณะนั้นที่กำลังหาคนขาวใครสักคนที่สามารถร้องเพลงสไตล์คนดำได้ เพราะต้องการที่จะขยายฐานคนฟังให้กว้างขึ้น และจากรายงานของคีสเกอร์ "หลายต่อหลายครั้ง ฉันจำที่แซมพูดได้ว่า ถ้าฉันสามารถหาคนขาวที่มีเสียงแบบนิโกรและความรู้สึกแบบนิโกร ฉันจะให้เขาพันล้านดอลลาร์เลย" ในเดือนมิถุนายน เขาบันทึกเสียงเพลงบัลลาดที่ชื่อ "Without You" ที่เขาคิดว่าอาจเหมาะกับนักร้องวัยรุ่น เพรสลีย์เข้ามาในสตูดิโอ แต่ไม่สามารถทำให้เยี่ยมได้ ด้วยเหตุนี้เองฟิลลิปส์บอกเพรสลียให้ร้องหลายเพลงเท่าที่เขารู้ เขารู้สึกมีใจเมื่อได้ยินว่าให้เชิญนักดนตรีท้องถิ่นคือ นักกีตาร์ วิลฟิลด์ "สก็อตตี" มัวร์ และมือเบส บิล แบล็ก ให้ร่วมงานบันทึกเสียงกับเพรสลีย์
การบันทึกเสียงมีขึ้นในเย็นวันที่ 5 กรกฎาคม ซึ่งก็ไม่ได้ผลนักจนถึงช่วงดึกของคืนนั้น พวกเขารู้สึกยอมแพ้และอยากกลับบ้าน เพรสลีย์หยิบกีตาร์มาและร้องเพลง "That's All Right" ของอาร์เธอร์ ครูดัป มัวร์กล่าวภายหลังว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เอลวิสเริ่มร้องเพลง กระโดดไปทั่วและทำเหมือนคนบ้า จากนั้นบิลก็เริ่มหยิบเบส และเราก็เริ่มบ้ากันด้วย จากนั้นก็เริ่มเล่นเพลง แซมที่อยู่ที่บูธควบคุม ก็ยื่นหัวออกมาแล้วบอกว่า 'พวกแกทำอะไรอยู่' และพวกเราก็ตอบ 'ไม่รู้เหมือนกัน' เขาพูดว่า 'โอเค ดี หาทีว่าจะเริ่มตรงไหนและเอาอีกครั้ง' ฟิลลิปส์ก็เริ่มบันทึกเทป เป็นดนตรีที่พวกเขากำลังหาอยู่นาน 3 วันต่อมา ดีเจที่มีชื่อเสียงที่ชื่อ ดีเจ เล่นเพลง "That's All Right" ในรายการเรด,ฮอต แอนด์บลู คนฟังเริ่มจะโทรเข้ามา และสงสัยว่าใครเป็นคนร้อง จากนั้นเองฟิลลิปส์ก็เล่นเพลงซ้ำอีกครั้งใน 2 ชั่วโมงท้ายของรายการ และสัมภาษณ์เพรสลีย์ออกอากาศ ฟิลลิปส์ถามว่าเรียนโรงเรียนไหน และถามเรื่องสีผิวที่มีคนถามเข้ามาคิดว่าเขาคือคนดำ หลายวันต่อมาวงทรีโอนี้ได้บันทึกเสียงเพลง ของบิล มอนโร ที่ชื่อ "Blue Moon of Kentucky" และอีกครั้งด้วยความโดดเด่นของแนวการเล่นและบวกกับเสียงสะท้อนของเรือ ที่แซม ฟิลลิปส์นำมาจาก "slapback" ออกเป็นซิงเกิลโดยมีเพลง "That's All Right" อยู่ในหน้าเอ และเพลง "Blue Moon of Kentucky" อยู่ในด้านตรงข้ามของแผ่นเสียง
การแสดงสดช่วงแรกและเซ็นสัญญากับอาร์ซีเอ
วงทรีโอได้เล่นต่อหน้าสาธารณชนครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ที่บอนแอร์คลับ เพรสลีย์ยังคงใช้กีตาร์ของเด็กเล่น พอปลายเดือนพวกเขาก็ปรากฏตัวที่โอเวอร์ตันพาร์กเชลล์ ร่วมกับการนำของ และด้วยการตอบรับในจังหวะและความความประหม่าในการแสดงต่อผู้ชมจำนวนมาก ทำให้เพรสลีย์เขย่าขาของเขาในการแสดง กับการเกงขาบานที่ใส่ยิ่งทำให้เน้นการเคลื่อนไหว ทำให้สาววัยรุ่นเริ่มที่จะส่งเสียงกรี๊ด มัวร์พูดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า "ในช่วงที่บรรเลงเพลง เขาจะถอยหลังไปและเริ่มเล่นและเขย่า จากนั้นผู้ชมก็เริ่มคลั่ง" ส่วนแบล็กก็บรรเลงเบสของเขา โดยดับเบิลลิ๊กในเพลง เพรสลีย์รำลึกว่า "มันเป็นดนตรีที่บ้าจริง ๆ เหมือนกลองจังเกิลหรืออะไรสักอย่าง"
หลังจากนั้น มัวร์และแบล็กก็ลาออกจากวง เพื่อเล่นให้กับเพรสลีย์ประจำ ส่วนดีเจและโปรโมเตอร์ บ็อบ นีล ก็กลายเป็นผู้จัดการวงทรีโอนี้ จากเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม พวกเขาเล่นอยู่บ่อยครั้งที่อีเกิลส์เนสต์คลับและกลับมาบันทึกเสียงที่ซันสตูดิโอ เพรสลีย์ก็รู้สึกเพิ่มความมั่นใจอย่างรวดเร็วเมื่อขึ้นเวที มัวร์กล่าวว่า "การเคลื่อนไหวของเขาช่างดูเป็นธรรมชาติ แต่เขาก็ตั้งใจมากต่อปฏิกิริยา เขาจะทำมันครั้งหนึ่งจากนั้นก็จะทำต่อโดยทำมันให้เร็ว" เพรสลีย์ได้ปรากฏตัวเพียงครั้งเดียวบนเวที แกรนด์โอเลโอพรี ที่แนชวิลล์ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม หลังจากผู้ชมตอบรับอย่างเบาบาง สุภาพ ผู้จัดการรายการที่ชื่อจิม เดนนี บอกกับฟิลลิปส์ว่า นักร้อง "ดูไม่เลว" แต่ไม่เหมาะกับรายการ 2 อาทิตย์ต่อมา เพรสลีย์มีชื่ออยู่ในรายการ ลุยเซียนาเฮย์ไรด์ ซึ่งเป็นการแข่งขันที่น่าตื่นเต้น รายการของเมืองชีฟพอร์ต ที่ออกอากาศในสถานีวิทยุ 198 สถานีใน 28 รัฐ เพรสลีย์รู้สึกเครียดในการแสดงแรกที่ผู้ชมต่างเงียบในการแสดงของเขา แต่การแสดงที่มีอารมณ์สงบและมีพลังทำให้ได้รับเสียงตอบรับอย่างสนใจ ดีเจ ฟอนทานา ที่เป็นมือกลอง ได้ใส่องค์ประกอบใหม่เพื่อส่งเสริมจังหวะเคลื่อนไหวของเพรสลีย์ด้วยการเน้นจังหวะที่เขาเคยเล่นที่คลับเปลือยกาย หลังจากการแสดง เฮย์ไรด์ชวนเพรสลีย์ให้มาปรากฏตัวในคืนวันเสาร์เป็นเวลา 1 ปี เขาได้ขายกีตาร์เก่าได้เงิน 8 ดอลลาร์สหรัฐ เขาซื้อเครื่องดนตรี เป็นเงิน 175 ดอลลาร์สหรัฐ และวงทรีโอก็เริ่มเล่นตามสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงในฮิวส์ตัน รัฐเท็กซัสและ รัฐอาร์คันซอ
ในต้นปี 1955 เพรสลีย์ปรากฏตัวเป็นประจำที่ เฮย์ไรด์ ออกทัวร์ตลอดเวลาและได้รับเสียงตอบรับที่ดีในการออกแผ่นเสียงที่ทำให้เขาเป็นดาราดังในระดับท้องถิ่น ตั้งแต่ในเทนเนสซีไปจนถึงเวสต์เท็กซัส ในเดือนมกราคม นีลได้เซ็นสัญญาการจัดการอย่างเป็นทางการกับเพรสลีย์และนำนักร้องเข้าพบกับโคโรเนล ทอม พาร์กเกอร์ ที่ถือว่าเป็นโปรโมเตอร์ที่ดีที่สุดในธุรกิจดนตรี พาร์เกอร์ (เกิดเนเธอร์แลนด์แต่อ้างว่ามาจากเวสต์เวอร์จิเนีย) ได้รับตำแหน่งพันเอกจากคณะกรรมการของนักร้องเพลงคันทรี ที่ชื่อ ที่กลายมาเป็นผู้ว่าการรัฐลุยเซียนา พาร์เกอร์ประสบความสำเร็จในการจัดการดาราคันทรีแถวหน้าอย่าง เอ็ดดี อาร์โนลด์ ที่ได้ร่วมงานกับนักร้องคันทรีอันดับ 1 หน้าใหม่ขณะนั้น แฮงก์ สโนว์ โดยพาร์กเกอร์ได้จัดการให้เพรสลีย์ออกทัวร์ของสโนว์ในเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อทัวร์ถึงเมืองโอเดสซา รัฐเท็กซัส รอย ออร์บิสันขณะอายุ 19 ปี ได้เห็นการแสดงของเพรสลีย์เป็นครั้งแรก ก็บอกว่า "พลังของเขาเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ความโดดเด่นของเขา มันน่าอัศจรรย์ ... ผมไม่รู้ว่าทำได้ยังไง ไม่มีจุดอ้างอิงอื่นทางวัฒนธรรมที่จะเปรียบเทียบมันได้เลย" เพรสลีย์ได้ปรากฏตัวครั้งแรกทางโทรทัศน์เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ทาง[เคเอสแอนเอ-ทีวี] ออกอกอากาศทาง ลุยเซียนาเฮย์ไรด์ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตกรอบการออดิชันในรายการแสดงความสามารถ อาร์เธอร์ก็อดฟรีย์สแทเลนต์สเกาตส์ ทางสถานีระดับชาติซีบีเอส ในเดือนสิงหาคม ค่ายซันเรเคิดส์ออกแผ่นในชื่อ "Elvis Presley, Scotty and Bill" เพลงบางเพลงอย่างเพลง "That's All Right" ที่นักเขียนจากเมมฟิสอธิบายไว้ว่า "เป็นสำนวนอาร์แอนด์บีของแจ๊ซนิโกร" เพลงอื่นอย่าง "Blue Moon of Kentucky" มีลักษณะ "แบบคันทรีมากกว่า" "แต่การการรวมที่แปลกในการนำสองแนวเพลงที่แตกต่าง รวมเข้ามาด้วยกัน" การรวมแนวเพลงนี้ทำให้เป็นการยากที่สถานีวิทยุจะเล่นเพลงของเพรสลีย์ จากคำพูดของนีลเขากล่าวว่า ดีเจเพลงคันทรีจะไม่เล่นเพลงนี้เพราะว่ามักดูเป็นศิลปินคนดำเกินไป และไม่มีสถานีแนวริทึมแอนด์บลูส์ที่จะแตะพวกเขาเพราะว่า "มันดูเป็นฮิลล์บิลลีเกินไป" การรวมเช่นนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ ร็อกอะบิลลี ในเวลานั้นเพรสลีย์มีฉายาว่า "ราชาแห่งเวสต์เทิร์นบ็อป" ,"ชายฮิลบิลลี" และ "แสงวาบจากเมมฟิส"
เพรสลีย์เซ็นสัญญาใหม่กับนีลในเดือนสิงหาคม 1955 ในขณะเดียวกันพาร์กเกอร์เป็นที่ปรึกษาพิเศษ วงยังคงออกทัวร์อย่างต่อเนื่องในช่วงหลังของปี นีลยังพูดว่า ""มันเกือบเป็นเรื่องน่ากลัว ปฏิกิริยาต่าง ๆ ถึงเอลวิสจากวัยรุ่นผู้ชาย มีหลายคนค่อนข้างอิจฉาและเกลียดเขา ในบางครั้งอย่างบางเมืองในเท็กซัส เราต้องมั่นใจว่ามีตำรวจคุ้มกันอยู่เพราะจะมีใครบางคนจะชอบก้าวร้าวต่อเขา พวกเขามีแก๊งและพยายามจะดักโจมตีหรืออย่างอื่น" วงทริโอกลายเป็นวงควอเตต (4 คน) เมื่อมือกลองจากเฮย์ไรด์ ที่ชื่อฟอนทานา ร่วมวงเต็มวง ในกลางเดือนตุลาคม พวกเขาเล่นในหลายรายการเพื่อสนับสนุนให้กับโชว์ของ ที่มีเพลง "Rock Around the Clock" ติดอันดับ 1 เมื่อปีก่อน ฮาลียืสังเกตเพรสลีย์ว่าเขามีความเป็นธรรมชาติในส่วนของจังหวะ และแนะนำเขาให้ร้องเพลงบัลลาดให้น้อยลง
ในงานชุดนุมดีเจคันทรี ในต้นเดือนพฤศจิกายน เพรสลีย์ได้รับการลงคะแนนเสียงเป็นศิลปินชายแห่งความหวังที่สุดแห่งปี มีหลายข่ายเพลงสนใจที่จะจับเขาเซ็นสัญญา หลังจาก 3 ค่ายใหญ่เสนอเงินสูงถึง 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ พาร์กเกอร์และฟิลลิปส์สนใจในสัญญาของอาร์ซีเอวิกเตอร์ โดยเซ็นเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ให้สัญญาของเพรสลีย์ที่มีกับซันเรเคิดส์จบไปโดยเงิน 40,000 ดอลลาร์สหรัฐb เพรสลีย์ซึ่งขณะนั้นอายุ 20 ปี ยังเป็นผู้เยาว์อยู่ ก็ให้บิดาเซ็นสัญญาแทน พาร์กเกอร์ที่ได้เตรียมงานกับเจ้าของฮิลแอนด์เรนจ์พับบลิชชิง คือฌอง และจูเลียน เอเบอร์บาช ได้ร่วมสร้างชื่อ "เอลวิส เพรสลีย์ มิวสิก แอนด์ แกรลดีส์ มิวสิก" เพื่อจัดการวัตถุดิบใหม่ในการอัดเสียงให้กับเพรสลีย์ มีนักเขียนเพลงได้เข้ามาช่วยเหลืออยู่ก่อนเพื่อตอบแทนแลกเปลี่ยนกับการแสดงในผลงานพวกเขาc ในเดือนธันวาคม อาร์ซีเอเริ่มที่จะประชาสัมพันธ์นักร้องคนใหม่อย่างหนัก และก่อนจะจบเดือนเขาได้ออกผลงานกับค่ายซันเคิดส์ใหม่อีกครั้ง
แจ้งเกิดและข้อพิพาท (1956–58)
การปรากฏตัวครั้งแรกทางสถานีโทรทัศน์ระดับชาติและอัลบั้มเปิดตัว
วันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 1956 เพรสลีย์ได้ทำการบันทึกเสียงครั้งแรกของค่ายอาร์ซีเอในเมืองแนชวิล ได้เพิ่มทีมแบ็กอัปช่วยมัวร์, แบล็ก และฟอนทานา โดยอาร์ซีเอเพิ่มนักเปียโน ฟลอยด์ เครเมอร์, นักกีตาร์ เชต แอตคินส์ และนักร้องประสาน 3 คน คือกอร์ดอน สโตเกอร์ จากวงสี่คนที่มีชื่อเสียงที่ชื่อ จอร์แดนแนร์ส เพื่อที่เติมเต็มเสียงเข้าไป เป็นการบันทึกเสียงเพลงขุ่นหมองที่ไม่ธรรมดา ที่ชื่อ "Heartbreak Hotel" ออกขายเป็นซิงเกิลเมื่อวันที่ 27 มกราคม จนในที่สุดพาร์กเกอร์ก็ได้นำเพรสลีย์ออกโทรทัศน์ระดับชาติ โดยให้เขาแสดงบนเวทีของซีบีเอสถึง 6 ครั้งในรอบ 2 เดือน รายการผลิตที่นิวยอร์ก มีพิธีกรสลับกันไประหว่างพี่น้องผู้นำวงบิ๊กแบนด์ และ หลังจากการปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 มกราคม เพรสลีย์ก็ได้อยู่ในเมืองเพื่อบันทึกเสียงที่สตูดิโอของอาร์ซีเอในนิวยอร์ก บันทึกเสียง 8 เพลง รวมถึงเพลงทำใหม่ของคาร์ล เพอร์กินส์ แนวร็อกอะบิลลีที่ชื่อ "Blue Suede Shoes" ในเดือนกุมภาพันธ์ เพลงของเพรสลีย์ "I Forgot to Remember to Forget" ที่บันทึกเสียงกับซันเรเคิดส์และเคยออกในเดือนสิงหาคมปีก่อน ได้ติดชาร์ตอันดับ 1 บน สัญญากับนีลได้จบลงไปและในวันที่ 2 มีนาคม พาร์เกอร์กลายเป็นผู้จัดการคนใหม่ของเพรสลีย์
อาร์ซีเอวิกเตอร์ ได้ออกผลงานอัลบั้มเปิดตัวของเพรสลีย์ในชื่อตัวเขาเอง เมื่อวันที่ 23 มีนาคม มีเพลงจากอัลบั้มที่บันทึกเสียงกับซันที่ไม่เคยออกมาก่อน 5 เพลง อีก 7 เพลงใหม่มีความหลากหลาย มีเพลงคันทรี 2 เพลงและเพลงป็อปกระฉับกระเฉง เพลงอื่นเน้นไปที่ดนตรีร็อกแอนด์โรลที่กำลังพัฒนา อย่าง "Blue Suede Shoes" ที่ "ปรับปรุงเวอร์ชันของเพอร์กินส์ในทุกทาง" จากคำพูดของนักวิจารณ์ โรเบิร์ต ฮิลเบิร์น และ 3 เพลงอาร์แอนด์บีที่เป็นรายการแสดงของเพรสลีย์บนเวทีหลายครั้ง เป็นการนำเพลงของลิตเทิล ริชาร์ด, เรย์ ชาร์ลส และ มาทำใหม่ และฮิลเบิร์ยังอธิบายว่า "เป็นเพลงที่เปิดเผยมากที่สุดทั้งหมด ไม่เหมือนกับศิลปินคนขาวอื่น ...ที่จะเจือจางความกล้าหาญของต้นฉบับอาร์แอนด์บีลงไป ในเพลงคริสต์ทศวรรษ 1950 แต่เพรสลีย์ได้เปลี่ยนรูปแบบใหม่ เขาไม่เพียงแต่ผลักดันให้มีทำนองเข้ากับเอกลักษณ์เสียงของเขา แต่ยังนำกีตาร์ (ไม่ใช่เปียโน) เป็นเครื่องดนตรีนำในทั้ง 3 กรณี" ถือเป็นอัลบั้มร็อกแอนด์โรลอัลบั้มแรกที่ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ด และอยู่นาน 10 สัปดาห์ ขณะที่เพรสลีย์ไม่ใช่นักปฏิรูปเครื่องดนตรีอย่างมัวร์ หรือร็อกเกอร์ชาวแอฟริกันอเมริกันร่วมสมัยอย่าง และชัค เบอร์รี นักประวัติศาสตร์วัฒนธรรมที่ชื่อ กิลเบิร์ต บี. ร็อดแมน โต้แย้งภาพปกอัลบั้มว่า "เอลวิสผู้ซึ่งใช้เวลาตลอดชีวิตเขาบนเวที กับกีตาร์ในเมืองที่เขาเล่นได้ดีมากในตำแหน่งที่มีกีตาร์...เป็นเครื่องดนตรีที่ดีที่สุกับเขา กับรูปแบบและจิตวิญญาณของดนตรีแบบใหม่"
มิลตันเบอร์ลโชว์ และ "Hound Dog"
เพรสลีย์ปรากฏตัวครั้งแรกใน 2 ครั้งที่ รายการ ทางช่องเอ็นบีซี เมื่อวันที่ 3 เมษายน เขาแสดงบนดาดฟ้าเรือ ที่แซนดีเอโก เขาได้รับเสียงเชียร์และเสียงกรี๊ดจากคนดูทั้งจากทหารเรือและคนที่มาพบเจอ หลายวันต่อมา เที่ยวบินที่เพรสลีย์และวงที่จะไปแนชวิลเพื่อบันทึกเสียงเกิดเครื่องสั่นอย่างหนัก 3 ครั้งเมื่อเครื่องเสียและเครื่องบินเกือบตกลงที่รัฐอาร์คันซอ 12 อาทิตย์ต่อมาหลังจากออกซิงเกิล "Heartbreak Hotel" ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตป็อปเพลงแรกของเพรสลีย์ ในปลายเดือนเมษายน เพรสลีย์เริ่มพักอยู่ที่ ที่ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ โชว์ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มหัวอนุรักษ์ สำหรับแขกวัยกลางคนของโรงแรม นิวส์วีกเขียนวิจารณ์ว่า "เหมือนเหยือกน้ำที่มีเหล้าข้าวโพดในปาร์ตี้แชมเปญ" ในช่วงที่อยู่ที่ลาสเวกัส เพรสลีย์ที่มีความใฝ่ฝันอย่างมากในด้านแสดง ได้เซ็นสัญญา 7 ปีกับพาราเมาต์พิกเจอส์ เขาเริ่มออกทัวร์ในมิดเวสต์ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ใน 15 เมืองเป็นเวลาหลายวัน เขาเข้าไปดูโชว์หลายโชว์ของ ในลาสเวกัสและติดใจเพลงทำใหม่ที่ชื่อ "Hound Dog" เพลงฮิตในปี 1952 ของนักร้องเพลงบลูส์ที่ชื่อ และเพลงนี้ได้ถือเป็นเพลงใหม่ในการแสดงของเขา หลังจากแสดงในลาครอส ในรัฐวิสคอนซิน ก็มีข้อความเขียนบนหน้าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในเครือคาทอลิก ซึ่งก็ถูกส่งไปให้หัวหน้าเอฟบีที่ชื่อ เจ. เอดการ์ ฮูเวอร์ เขียนไว้ว่า "เพรสลีย์เป็นอันตรายอย่างยิ่งกับความปลอดภัยของสหรัฐอเมริกา...การแสดงของเขาเป็นการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศให้กับกลุ่มวัยรุ่น...หลังจากแสดงโชว์ มีวัยรุ่นกว่า 1,000 คนพยายามเข้าร่วมไปอยู่ในห้องของเพรสลีย์ที่โรงละคร...เป็นการบอกถึงความอันตรายของเพรสลีย์ แค่ในลาครอสก็มีหญิงสาวไฮสคูล 2 คน ที่ให้เพรสลีย์เซ็นลายเซ็นที่ท้องน้อยและต้นขา"
การแสดงครั้งที่ 2 ที่ รายการ มิลตันเบอร์ลโชว์ เกิดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่สตูดิโอฮอลลีวูดของช่องเอ็นบีซี ในช่วงระหว่างความวุ่นวายในการออกทัวร์ เบอร์ลได้ชักชวนเขาให้ทิ้งกีตาร์หลังเวที แนะให้เขา "ให้พวกเขาพบคุณ, ลูกชาย" ระหว่างการแสดงเพรสลีย์หยุดโชว์กะทันหันในช่วงเพลงมีจังหวะ "Hound Dog" โดยโบกแขนและเริ่มทำให้ช้าลง ทำดูเด่น เต็มไปด้วยพลัง กับการเคลื่อนไหวที่ดูเกินจริง การแสดงการหมุนของเขาทำให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างหนัก นักวิจารณ์โทรทัศน์ แจ็ก กูล์ดจาก เขียนไว้ว่า "คุณเพรสลีย์ ผู้ซึ่งไม่มีความสามารถด้านการร้อง...การถ่ายทอดของเขา ถ้าสามารถเรียกได้ว่า ประกอบด้วยความหลากหลายทั่ว ๆ ไป ที่เริ่มท่วงทำนองแบบในอ่างน้ำ...ลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของเขาคือ การเคลื่อนไหวของร่างกายที่มีเอกลักษณ์...โดยมากจะเห็นถึงรายการการแสดงที่น่าตกใจแบบพวกล้อเลียนการแสดง" ส่วนเบน กรอส จาก นิวยอร์กเดลีนิวส์ แสดงความเห็นดนตรีป็อปว่า "ได้ถึงจุดต่ำสุดของพฤติกรรมปลายขาหนีบ ของเอลวิส เพรสลีย์... เอลวิสคนที่เคลื่อนกระดูกเชิงกราน...ได้แสดงเป็นนัยยะเรื่องอนาจารและหยาบคาย ผสมด้วยรูปแบบของสัตว์ป่าที่อาจหมายถึงซ่องโสเภณี"เอ็ด ซัลลิแวน เจ้าของรายการวาไรตี้โชว์อันโด่งดังระดับชาติ ประกาศว่าเขา "ไม่เหมาะสำหรับผู้ชมในครอบครัว" เขาถูกเรียกว่า ""Elvis the Pelvis" (เอลวิส กระดูกเชิงกราน) ซึ่งสร้างความไม่พอใจกับเขา เขาตอบกลับไปว่า "เป็น 1 ในการแสดงออกที่ปัญญาอ่อนที่สุดเท่าที่เคยได้ยิน ที่มาจากผู้ใหญ่เอง"
สตีฟอัลเลนโชว์ และการปรากฏตัวครั้งแรกในรายการซัลลิแวน
รายการของเบิร์ลได้รับเรตติ้งสูงเมื่อครั้งเพรสลีย์ ปรากฏตัวเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ทางรายการ ในนิวยอร์ก อัลเลนซึ่งไม่ใช่แฟนเพลงร็อกแอนด์โร ได้แนะนำเอลวิสแบบใหม่ ในชุดผู้โบว์สีขาวและสุดดำมีท้าย เพรสลีย์ร้องเพลง "Hound Dog" ไม่ถึง 1 นาทีให้กับสุนัขพันธุ์บาสเซตฮาวด์ที่สวมหมวดและผูกไทด์ นักประวัติศาสตร์รายการโทรทัศน์ เจค ออสเตนกล่าวว่า "อัลเลนคงคิดว่าเพรสลีย์ไม่มีความสามารถและไร้สาระ จึงทำอย่างนั้นกับเพรสลีย์ที่จะทำให้เพรสลีย์ดูสำนักผิด" ต่อมาอัลเลนเขียนว่า เขาพบว่าเพรสลีย์ "แปลก สูงและผอม เด็กหนุ่มคันทรีผู้มีพรสวรรค์ มีความเฉลียวฉลาดที่ยากจะอธิบาย มีเสน่ห์จนน่าแปลกใจ และเป็นนักร้องที่สร้างความตลกในรายการเขา" ซึ่งต่อมาเพรสลีย์เองก็ตอบกลับว่าเป็นการแสดงที่พิลึกที่สุดที่เขาทำในอาชีพของเขา ต่อมาในคืนเดียวกัน เขาปรากฏในรายการ รายการโทรทัศน์ท้องถิ่นยอดนิยม ตอบรับเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเรียนรู้จากการวิจารณ์ที่เขาตกเป็นเป้าหมายอยู่ เพรสลีย์ตอบว่า "ไม่เลย ผมไม่เคยรู้สึกว่าผมทำอะไรผิด...ผมไม่เห็นว่าจะประเภทดนตรีจะทำให้เกิดอิทธิพลด้านร้ายกับคน เพราะมันก็เป็นแค่ดนตรี ผมหมายถึง ร็อกแอนด์โรลจะทำให้ใครต่อต้านพ่อแม่เขาได้"
วันถัดมาเพรสลีย์บันทึกเสียงเพลง "Hound Dog" กับเพลง "Any Way You Want Me" และ "Don't Be Cruel" ขณะที่วงจอร์แดนแนร์สร้องประสาน เหมือนที่ทำในรายการ เดอะสตีฟอัลเลนโชว์ พวกเขาได้ร่วมงานกับเพรสลีย์จนถึงคริสต์ทศวรรษ 1960 ต่อมาหลายวันเขาแสดงในคอนเสิร์ตกลางแจ้งในเมมฟิส เขาประกาศว่า "รู้ไหม คนเหล่านี้ในนิวยอร์กจะไม่สามารถเปลี่ยนผมได้ ผมจะแสดงให้คุณเห็นว่าเอลวิสที่แท้จริงเป็นอย่างไร ในคืนนี้" ในเดือนสิงหาคม ผู้พิพากาษในแจ็กสันวิล ในฟลอริดา สั่งให้เพรสลีย์สุขุมกว่าเดิมในการแสดง เป็นผลในการแสดงในครั้งต่อ ๆ มา ยกเว้นการแกว่งนิ้วไปมาในลักษณะล้อเลียนการสั่ง เขานำเพลง "Don't Be Cruel" คู่กับ "Hound Dog" ติดอันดับ 1 บนชาร์ตนาน 11 สัปดาห์ เป็นสถิติเพลงอันดับ 1 ยาวนานที่สุดร่วม 36 ปี เขาบันทึกเสียงในอัลบั้มชุดที่ 2 ในฮอลลีวูดในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน เจอร์รี ลีเบอร์และไมก์ สตอลเลอร์ ผู้เขียนเพลง "Hound Dog" ได้ช่วยเขียนในเพลง "Love Me"
รายการของอัลเลนที่มีเพรสลีย์ร่วมนั้น ได้ชนะเรื่องเรตติ้งครั้งแรก ในรายการ ดิเอ็ดซัลลิแวนโชว์ ทางช่องซีบีเอส แต่ต่อมาทางซัลลิแวนประกาศออกมาในเดือนมิถุนายนว่า เขาจะปรากฏตัวในรายการ 3 ครั้งกับค่าตัว 50,000 ดอลลาร์สหรัฐที่ไม่เคยมีมาก่อน ครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1956 มีผู้ชมราว 60 ล้านคน ถือเป็นร้อยละ 82.6 ของผู้ชมรายการโทรทัศน์ นักแสดง พิธีกรของรายการซึ่งมาทำหน้าที่แทนซัลลิแวนเนื่องจากพักฟื้นจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เพรสลีย์ปรากฏตัวใน 2 ส่วนของรายการในคืนนั้นจาก ซีบีเอสเทเลวิชันซิตี ในฮอลลีวูด ถ่ายทำเพรสลีย์จากเอวขึ้นไป ขณะที่ดูคลิปขอรายการอัลเลนและเบิร์ล กับโปรดิวเซอร์ของเขา ซัลลิแวนให้ความเห็นว่า "มีบางอุปกรณ์บางอย่างแขวนตรงบริเวณอวัยวะเพศเขา จากนั้นเขาแกว่งขาไปมา มันจึงทำให้เห็นส่วนเว้านูนของอวัยวะเพศเขา ...ผมคิดว่ามันคือขวดโค้ก... แต่ไม่ได้ มันจะเกิดขึ้นมาได้ในคืนวันอาทิตย์ นี่มันรายการสำหรับครอบครัว" ซัลลิแวนบอกกับ ทีวีไกด์ ไว้ว่า "การหมุนตัวของเขาเราสามารถควบคุมได้ในกล้อง" แต่แท้จริงแล้ว เพรสลีย์ปรากฏเต็มตัวในการแสดงครั้งแรกและครั้งที่สอง ถึงแม้จะระมัดระวังในการถ่ายภาพเมื่อเขาปรากฏตัว กับการไม่ขยายชัดตรงขา เมื่อเขาเต้น แต่ผู้ชมในสตูดิโอก็มีปฏิกิริยาด้วนเสียงกรี๊ด เพรสลีย์ได้แสดงซิงเกิลที่กำลังจากออก เป็นเพลงบัลลาดที่ชื่อ "Love Me Tender" ซึ่งสร้างสถิติมีการสั่งล่วงหน้าร่วมล้าน มากไปกว่าซิงเกิลใดที่เคยมีมา ถือเป็นการปรากฏตัวของเขาในรายการ ดิเอ็ดซัลลิแวนโชว์ ที่ทำให้เขาเป็นคนดังระดับประเทศ เทียบกับครั้งก่อนหน้า
ประกอบกับความมีชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นของเพรสลีย์ ทำให้เกิดการเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม ที่เขาช่วยดลใจและทำให้กลายเป็นสัญลักษณ์ ก่อให้เกิด "ความบ้าคลั่งที่มากที่สุดของวงการป็อบ ตั้งแต่ครั้งเกล็น มิลเลอร์และแฟรงก์ ซินาตรา... เพรสลีย์ได้นำร็อกแอนด์โรลก้าวเข้าสู่กระแสหลักของวัฒนธรรมสมัยนิยม" เขียนโดยมาร์ตี จีเซอร์ "เพรสลีย์ได้นำฝีก้าวของศิลปะ ที่ศิลปินอื่นก้าวตาม... เพรสลีย์มีมากกว่าใครอื่น ได้สร้างความศรัทธากับคนรุ่นใหม่ให้พวกเขาโดดเด่นและในบางครั้งสร้างความเป็นหนึ่งให้กับคนรุ่นนั้น - เป็นครั้งแรกในอเมริกาที่รู้สึกเหมือนว่ามีพลังที่รวมวัฒนธรรมวัยรุ่นเข้าด้วยกัน"
ฝูงชนที่บ้าคลั่งและก้าวสู่วงการภาพยนตร์
ผู้ชมต่างตอบรับในการแสดงสดของเพรสลีย์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนคลั่งไคล้ มัวร์ระลึกความหลังว่า "เขาเริ่มร้องว่า 'You ain't nothin' but a Hound Dog' และพวกเขากลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พวกเขาต่างแสดงปฏิกิริยาในลักษณะนี้เหมือนเดิม เหมือนมีการประท้วงตลอดเวลา" ในการแสดงคอนเสิร์ต 2 ครั้งในเดือนกันยายน ที่งานมิสซิสซิปปี-แอละแบมาและไดแอรีโชว์ ได้มีการเพิ่มผู้รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ จำนวน 50 คน ให้กับตำรวจในการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันปัญหาจากฝูงชน อัลบั้มชุดที่ 2 ของเขาที่ชื่อ Elvis ออกจำหน่ายในเดือนตุลาคม และก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 อย่างรวดเร็ว ได้มีการประเมินผลกระทบด้านดนตรีและวัฒนธรรมกับงานเพลง "That's All Right" นักวิจารณ์เพลงร็อกที่ชื่อ เดฟ มาร์ช เขียนไว้ว่า "เพลงนี้ เป็นมากกว่าเพลงอื่น มีเมล็ดผลที่เป็นร็อกแอนด์โรล"
เพรสลีย์กลับสู่รายการ ซัลลิแวนโชว์ อีกครั้ง มีพิธีกรคือซัลลิแวนเอง เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม หลังจากการแสดง ฝูงชนในแนชวิลล์และเซนต์หลุยส์ที่ไม่พอใจเขาต่างเผาหุ่นจำลองรูปเขา ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา ออกฉายเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ซึ่งแต่เดิมจะใช้ชื่อว่า The Reno Brothers และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีรายชื่ออยู่บนหัวสุด แต่ภาพยนตร์ก็ได้เปลี่ยนชื่อมาใช้ตามชื่อเพลงอันดับ 1 ของเขาคือ "Love Me Tender" ซึ่งติดอันดับ 1 ก่อนหน้าในเดือนนั้น ยังถือโอกาสจากความโด่งดังของเพรสลีย์ โดยเพิ่มเพลง 4 เพลงเข้าไป ภาพยนตร์ได้เสียงตอบรับที่ดีจากนักวิจารณ์แต่ไม่ประสบความสำเร็จดีนักในตารางบ็อกซ์ออฟฟิส ต่อมาเพรสลีย์ก็มีชื่ออยู่บนสุดทุกครั้งไป
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม มีผลงานของเพรสลีย์ออกภายใต้สังกัดซันเรเคิดส์ เมื่อครั้งที่บันทึกเสียงกับคาร์ล เพอร์กินส์และเจอร์รี ลี ลูอิส ถึงแม้ว่าฟิลิปจะไม่ได้ถือลิขสิทธิ์ในการออกเพลงต่าง ๆ ของเพรสลีย์แล้ว เขาก็ได้บันทึกเสียงการบันทึกเสียงในเทป ผลคือกลายเป็นการบันทึกเสียง ในนาม มิลเลียนดอลลาร์ควอร์เตต จบปลายปีกับการพาดหัวข่าวใน วอลล์สตรีตเจอร์นอล รายงานว่าของที่ระลึกของเพรสลีย์มีราคา 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับยอดขาย และนิตยสารบิลบอร์ดประกาศว่าเขามีเพลงในท็อป 100 มากกว่าศิลปินใดที่เคยมีมา ตั้งแต่เริ่มมีชาร์ต ในปีแรกเต็ม ๆ กับสังกัดอาร์ซีเอ ซึ่งถือเป็นบริษัทธุรกิจดนตรีที่ใหญ่ที่สุดบริษัทหนึ่ง ก็มียอดขายซิงเกิลของเพรสลีย์เป็นร้อยละ 50 ของรายได้บริษัท.
การร่วมงานกับลีเบอร์และสตอลเลอร์ และหมายเกณฑ์ทหาร
เพรสลีย์ปรากฏตัวครั้งที่ 3 และเป็นครั้งสุดท้ายในรายการ เอ็ดซัลลิแวนโชว์ เมื่อวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 1957 ในครั้งนี้ถ่ายเพียงถึงเอว นักวิจารณ์บางคน กล่าวว่า พาร์กเกอร์ได้ประพันธ์ดนตรีให้เข้ากับการเซ็นเซอร์แก่สาธารณะ นักวิจารณ์ที่ชื่อ กรีล มาร์คัส อธิบายว่า "เพรสลีย์ไม่ได้จำกัดเสรีภาพตัวเอง เขาปล่อยให้เสื้อผ้าไม่น่าสนใจทิ้งไป แต่เขาก้าวออกมาพร้อมเสื้อผ้าแปลกๆ อย่างขุนนาง แต่งหน้าทางตา ปล่อยผมมาที่หน้า การแสดงลักษณะทางเพศผ่านทางปาก เขาเล่นเป็น รูดอล์ฟ วาเลนติโน" อย่างในภาพยนตร์เรื่อง และในการปิดการแสดง เพรสลีย์ร้องเพลงแบบโซลในเพลง "Peace in the Valley" ตอนจบการแสดง ซัลลิแวนออกมาพูดกับเพรสลีย์ว่า "ช่างเป็นชายหนุ่มที่โดดเด่นดี" 2 วันต่อมา เมมฟิสออกมาประกาศการเกณฑ์ทหาร ซึ่งเพรสลีย์จะจัดอยู่ใน 1 เอ และจะต้องเข้าเกณฑ์ทหารในปีนั้น
ทั้ง 3 ซิงเกิลของเพรสลีย์ที่ออกในช่วงครึ่งปีแรกของปี ค.ศ. 1957 ติดอันดับ 1 ได้แก่ "Too Much", "", และ "" เขาได้กลายเป็นดาราระดับนานาชาติ เขาได้รับความสนใจจากแฟนเพลง ถึงแม้ว่าเพลงเขาจะยังไม่ออกขาย ยังมีการพาดหัวข่าวว่า "เพรสลีย์สร้างความคลั่งไคล้ในโซเวียต" ใน เดอะนิวยอร์กไทมส์ รายงานว่าเพลงของเขาเป็นที่ต้องการอย่างยิ่งในราคาสูง ที่ และในช่วงการถ่ายทำภาพยนตร์และบันทึกเสียง เขาซื้อแมนชัน 18 ห้อง ห่างจากดาวน์ทาวน์ของเมมฟิสไป 8 ไมล์ เขาซื้อให้ตัวเขาและพ่อแม่เขา ใน เพลงประกอบภาพยนตร์ ก็กลายเป็นอัลบั้มอันดับ 1 อัลบั้มที่ 3 ของเขา เพลงไตเติลแทร็กเขียนโดยลีเบอร์และสตอลเลอร์ที่ยังคงเขียน 4 ใน 6 เพลงในการบันทึกเสียงให้กับภาพยนตร์เรื่องถัดมา ทีมนักเขียนเพลงได้ร่วมกันทำงานในเซสชัน และพวกเขาเริ่มใกล้ชิดกับเพรสลีย์ ซึ่งเคยพูดถึงว่า "เป็นสิ่งนำโชค" เพลง "Jailhouse Rock" ก็เป็นเพลงฮิตอันดับ 1 ในอีพีชุด
เพรสลีย์ออกทัวร์สั้น ๆ 3 ทัวร์ระหว่างปี ยังสร้างกระแสตอบรับที่บ้าคลั่งจากผู้ชม หนังสือพิมพ์ดีทรอยต์ แนะนำว่า "ปัญหาหากคุณไปดูเอลวิส เพรสลีย์ คือคุณอาจถูกฆ่าตายได้" นักศึกษาปาไข่ใส่เขาในฟิลาเดเฟีย และในแวนคูเวอร์ ฝูงชนประท้วงหลังจบโชว์ โดยการทำลายเวทีแฟรงก์ ซินาตรา ซึ่งเคยทำให้วัยรุ่นสาวเป็นลมมาแล้วในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1940 ตำหนิเรื่องปรากฏการณ์ใหม่ทางดนตรีนี้ โดยในบทความในนิตยสาร เขาประณามร็อกแอนด์โรลว่า "หยาบคาย น่าเกลียด เสื่อม เลวทราม ... มันส่งเสริมให้เกิดด้านลบและการทำลายล้างในหมู่วัยรุ่น ดูเหมือนเสแสร้งและผิด เขียนและเล่นโดยคนโง่และผิดปกติ ...คือกลิ่นเหม็นเน่าของการกระตุ้นทางเพศ ที่ผมไม่เห็นด้วย" และหลังจากเพรสลัย์ก็ตอบรับว่า "ผมเคารพในตัวเขา เขามีสิทธิ์ที่จะพูดในสิ่งที่เขาอยากจะพูด เขามีความประสบความสำเร็จอย่างมากและเป็นนักแสดงที่ดี แต่ผมคิดว่าเขาไม่ควรพูดอย่างนั้น... มันคือกระแส ก็เหมือนกับที่เขาเจอเมื่อเขาเริ่มมันเมื่อหลายปีก่อน"
ลีเบอร์และสตอลเลอร์ กลับมาในสตูดิโออีกครั้งเพื่อบันทึกเสียงให้กับเพรสลีย์ในอัลบั้มชุด จนเกือบจบการบันทึกเสียง เขาเขียนเพลงตามที่เพรสลีย์เรียนกร้องในเพลง "Santa Claus Is Back In Town" ในเพลงบลูส์เหน็บแนม อัลบั้มออกในช่วงวันหยุด และทำให้อันดับติดอันดับ 1 เป็นชุดที่ 4 และต่อมาถือว่าเป็นอัลบั้มคริสต์มาสที่ขายดีที่สุดตลอดกาล ในวันที่ 20 ธันวาคม เพรสลีย์ได้รับหมายเกณฑ์ เขาได้รับการเลื่อนการเกณฑ์ทหาร จนกว่าจะจบการทำภาพยนตร์เรื่องต่อมาที่ชื่อ ที่ได้รับทุนมาแล้วจำนวน 350,000 ดอลลาร์สหรัฐ ได้รับทุนจากพาราเมาต์และโปรดิวเซอร์ที่ชื่อ ก่อนปีใหม่ 1-2 สัปดาห์ เพลงที่แต่งโดยลีเบอร์และสตอลเลอร์ที่ชื่อเพลง "Don't" ก็กลายเป็นซิงเกิลขายดีอันดับ 1 เพลงที่ 10 และเพียง 21 เดือนหลังจากที่เขานำ "Heartbreak Hotel" ขึ้นอันดับ 1 เป็นครั้งแรก สำหรับการบันทึกเสียงเพลงประกอบภาพยนตร์ King Creole เกิดขึ้นในฮอลลีวูด กลางเดือนมกราคม ลีเวอร์และสตอลเลอร์ทำเพลง 3 เพลง แต่เป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาทำงานอย่างใกล้ชิดกับเพรสลีย์
รับราชการทหารและการเสียชีวิตของมารดา (1958–60)
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม เพรสลีย์ถูกเกณฑ์ทหารในกองทัพสหรัฐฯ เป็นพลทหารที่ ใกล้เมือง รัฐอาร์คันซอ ร้อยเอกอาร์ลี เมเทนี ผู้บังคับการหน่วยสารสนเทศไม่ได้เตรียมพร้อมกับการมาของสื่อมวลชน เมื่อเพรสลีย์มาถึง มีคนกว่า 100 คนมารอดู เมื่อเขาก้าวเท้าลงมาจากรถบัส ช่างภาพมากมายก็เข้ามารุมที่ตัวเขา เพรสลีย์ประกาศว่าเขาตั้งตาคอยในการเป็นทหาร และยังกล่าวว่า เขาไม่ต้องการให้รับการปฏิบัติแตกต่างจากผู้อื่น "กองทัพจะทำอะไรก็ได้กับผมตามที่ต้องการ" ต่อมาที่ รัฐเท็กซัส พันโทมาร์โจรี ชูลเทน ได้ให้สื่อเข้าถึงเขาเต็ม ๆ 1 วัน หลังจากที่เธอประกาศห้ามสื่อเข้ามา
ไม่นานเพรสลีย์ก็เข้าร่วมฝึกเบื้องต้นที่ฟอร์ตฮูด มีนักธุรกิจที่ชื่อเอ็ดดี้ ฟาดาล ที่เคยพบเขาในทัวร์ที่เท็กซัส เข้าเยี่ยมเขา ฟาดาลกล่าวว่า เพรสลีย์เชื่อว่าอาชีพเขาได้จบลงแล้ว— "เขาเชื่อเช่นนั้นอย่างมาก" ใน 2 สัปดาห์ของต้นเดือนมิถุนายน เพรสลีย์ไถศีรษะขาว 5 ด้านที่แนชวิลล์ เขากลับไปฝึกต่อแต่พอต้นเดือนสิงหาคม แม่ของเขาซึ่งป่วยเป็นโรคตับอักเสบ และอาการของเธอก็แย่ลง เพรสลีย์ได้เร่งกลับมาเยี่ยมเธอโดยด่วน ถึงเมมฟิสเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม หลังจากนั้น 2 วันเธอก็เสียชีวิตจากภาวะหัวใจวาย อายุได้ 46 ปี ทำให้เกิดความเสียใจกับเพรสลีย์อย่างมาก
หลังจากฝึกที่ฟอร์ตฮูด เพรสลีย์ได้ประจำการในหน่วยยานเกราะ หน่วยที่ 3 ในฟรีดเบิร์ก ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม เขาได้เสพแอมเฟตามีนที่ได้จากเพื่อนทหาร ขณะซ้อมรบ มีผลไม่เพียงให้กำลัง ความแข็งแรง และทำให้เขาน้ำหนักลด และมีเพื่อนเขาหลายคนร่วมด้วย เพรสลีย์ได้เรียนรู้คาราเต้เป็นครั้งแรก เขาศึกษาอย่างจริงจัง ต่อมาเขาก็รวมเข้ากับการแสดงของเขา เพื่อนทหารเป็นสิ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความหลักแหลม ความเป็นทหารธรรมดาคนหนึ่ง แต่เนื่องจากชื่อเสียงของเขาและความใจกว้างขณะรับใช้ชาติ เขายังได้บริจาคเงินการกุศลให้กองทัพ ได้ซื้อชุดโทรทัศน์ให้กับฐาน และซื้อชุดทหารชุดพิเศษให้กับทุกคนได้ใส่กัน
ขณะที่อยู่ฟรีดเบิร์ก เพรสลีย์พบกับหญิงสาวอายุ 14 ปีที่ชื่อ ทั้งคู่แต่งงานกันในอีก 7 ปีที่คบหากัน ในหนังสืออัตชีวประวัติของเธอ พริสซิลลาพูดว่า เนื่องจากเขากังวลเรื่องถูกทำลายอาชีพการงานของเขา พาร์กเกอร์แนะนำเพรสลีย์ให้เพิ่มความน่านับถือ จากการรับใช้ประเทศชาติกับกองทัพทั่วไป ไม่ใช่หน่วยพิเศษ จะทำให้เขาสามารถแสดงดนตรีและสามารถเข้าถึงมหาชนได้ สื่อมวลชนตระหนักถึงอาชีพของเขาโดยการรายงานข่าว แต่โปรดิวเซอร์ค่ายอาร์ซีเอ สตีฟ โชลส์และเฟรดดี้ บีนสต็อก ได้เตรียมงานสำหรับการหายไป 2 ปีของเขา รวมถึงผลงานที่ไม่เคยออกที่ไหนมาก่อน และยังได้กระแสตอบรับ ประสบความสำเร็จอย่างดี โดยปล่อยซิงเกิลติดชาร์ตท็อป 40 อย่าง "Wear My Ring Around Your Neck", เพลงขายดีอย่าง "", และ "One Night" ในปี ค.ศ. 1958, และเพลง "" รวมถึงเพลงอันดับ 1 "" ในปี ค.ศ. 1959 อาร์ซีเอยังได้จัดการออกอัลบั้มรวมเพลงเก่า 4 อัลบั้มในช่วงนี้ ชุดที่ประสบความสำเร็จที่สุดคือ (1958) ที่ติดอันดับ 3 บนชาร์ตอัลบั้ม
มุ่งด้านภาพยนตร์ (1960–67)
Elvis Is Back
เพรสลีย์กลับสู่สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 1960 และได้รับยศสิบเอก เมื่อวันที่ 5 มีนาคม เขาขึ้นขบวนรถไฟจากนิวเจอร์ซีย์ไปเทนเนสซี ซึ่งตลอดทางมีฝูงชนล้อมอย่างมากมาย และเพรสลีย์ได้ปรากฏตัวเพื่อหาแฟนคลับที่ปลายทาง. เมื่อกลับถึงเมมฟิส เขาไม่ใช้เวลาให้เปล่าประโยชน์ กลับเข้าสตูดิโอโดยทันที บันทึกเสียงในเดือนมีนาคมและเมษายน กับซิงเกิลฮิตขายดี กับเพลงบัลลาด "It's Now or Never" และ "(Are You Lonesome Tonight?)", และอัลบั้ม Elvis Is Back! ที่มีหลาย ๆ เพลงที่กรีล มาร์คัส ได้อธิบายไว้ว่า "ภยันตราย ที่ขับผ่านอคูสติกกีตาร์ เล่นโดยสก็อตตี มัวร์ และแซกโซโฟนปีศาจของ และเอลวิสไม่ได้ร้องแบบเซ็กซี่ แต่มันโป๊เลย" และการภาพรวมอัลบั้ม "ได้ร่ายมนต์ภาพของคนร้องให้สามารถเป็นทุกสิ่งทุกอย่างได้" ในคำพูดของนักประวัติศาสตร์ดนตรี จอห์น โรเบิร์ตสัน "ไอดอลวัยรุ่นเจ้าชู้คนนี้ กับชายที่เอาใจใส่ โผงผาง คนรักอันตราย นักร้องบลูส์-กัตบักเกต ผู้สร้างความบันเทิงในสถานกลางคืนมาช่ำชอง กับเสียงร้องห้าว ๆ" อัลบั้มออกขายเพียง 1 วันหลังจากที่เสร็จสิ้นการบันทึกเสียง ติดอันดับ 2 บนชาร์ตอัลบั้ม
เพรสลีย์กลับมาในรายการโทรทัศน์เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม เป็นแขกในรายการ ยังออกรายการ Welcome Home Elvis บันทึกเทปเมื่อปลายเดือนมีนาคม เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เพรสลีย์แสดงต่อหน้าผู้ชม พาร์กเกอร์ได้จ่ายค่าตัว $125,000 กับการร้องเพลงความยาว 8 นาที ที่ยังไม่เคยมีใครได้ยิน การออกอากาศครั้งนี้มีผู้ชมมากมายมหาศาล
G.I. Blues อัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องแรกหลังจากที่เขากลับมา ติดอันดับ 1 ในเดือนตุลาคม และอัลบั้มเกี่ยวกับศาสนาอัลบั้มแรกของเขาที่ชื่อ ก็ออกใน 2 เดือนถัดมา ติดอันดับ 3 บนยูเอสป็อปชาร์ต และอันดับ 3 ในสหราชอาณาจักร เป็นอัลบั้มในแนวกอสเปล ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1961 เพรสลีย์แสดง 2 ครั้งในงานหารายได้ในเมมฟิส กับงานการกุศลท้องถิ่น 24 งาน ในช่วงงานเลี้ยงอาหารกลางวันก่อนงาน อาร์ซีเอได้มองแผ่นเพื่อแสดงยอดขายมากกว่า 75 ล้านชุดทั่วโลกให้กับเขา เขาได้บันทึกเสียงนานกว่า 12 ชั่วโมงในแนชวิล ในช่วงกลางเดือนมีนาคม กับผลงานอัลบั้มถัดไปของเขา ชุด Something for Everybody จอห์น โรเบิร์ตสัน บรรยายว่า เป็นตัวอย่างของดนตรีแนชวิล กับแนวที่กลั่นกรองและขัดเกลา ที่จำกัดความถึงดนตรีคันทรี ในคริสต์ทศวรรษ 1960 และเป็นการทำนายถึงสิ่งที่จะออกมาจากเพรสลีย์ ในครึ่งทศวรรษถัดไป อัลบั้มนี้ "มีดนตรีที่เป็นงานผสมผสานทางศิลปะที่น่ายินดี และเป็นหนึ่งในสิ่งที่เอลวิสได้มาแต่เกิด" เป็นอัลบั้มอันดับ 1 ชุดที่ 6 ของเขา เขายังได้ร่วมงานคอนเสิร์ตหารายได้ให้กับการรำลึกถึงเพิร์ลฮาร์เบอร์ ขึ้นแสดงบนเวทีเมื่อวันที่ 25 มีนาคม ในฮาวาย และเป็นการแสดงต่อสาธารณะครั้งสุดท้ายและจะไม่มีอีกนาน 7 ปี
กับงานในฮอลลีวูด
พาร์กเกอร์ ได้ผลักดันให้เพรสลีย์มีตารางงานในด้านแสดงภาพยนตร์อย่างหนัก มุ่งหนังตลาด และหนังเพลง-ตลก มีทุนสร้างโดยพอประมาณ เดิมทีเพรสลีย์ยืนยันว่าจะแสดงในบทหนัก ๆ แต่เมื่อหนัง 2 เรื่องที่เน้นแนวดราม่า อย่างเรื่อง (1960) และ (1961) ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เขาจึงกลับมาแสดงในหนังตลาด ในหนัง 27 เรื่องที่เขาแสดงในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1960 มีบางเรื่องที่เป็นแนวอื่นบ้าง ผลงานแสดงภาพยนตร์ของเขา มีนักวิจารณ์วิจารณ์โดยรวมไว้ว่า "ปูชนียสถานที่มีรสนิยมแย่" อย่างไรก็ตาม ก็มีคุณค่าสรรเสริญ ฮอล แวลลิส ที่สร้างหนังของเขา 9 เรื่อง ก็ประกาศไว้ว่า "ภาพของเพรสลีย์เป็นสิ่งเดียวที่แน่นอนในฮอลลีวูด"
ผลงานภาพยนตร์ของเพรสลีย์ในคริสต์ทศวรรษ 1960 นั้นมี 15 เรื่องที่มี และอีก 5 ชุดเป็นอีพีเพลงประกอบภาพยนตร์ โดยมีภาคผลิตภาพยนตร์และออกฉายอย่างรวดเร็ว เขาแสดงภาพยนตร์ 3 เรื่องใน 1 ปี ซึ่งมีผลต่อการทำงานดนตรีกับเขา จากข้อมูลของเจอร์รี ลีเบอร์ สูตรในการทำอัลบั้มประกอบภาพยนตร์นั้นเกิดขึ้นก่อนที่เพรสลีย์จะออกจากกองทัพเสียอีก คือสูตร "3 เพลง บัลลาด ,1 เพลง มีเดียม-เท็มโป, 1 เพลง อัปเท็มโป" และ 1 เพลง เบรกบลูส์บูกี" คุณภาพของเพลงประกอบภาพยนตร์นั้นค่อย ๆ แย่ลงไปเรื่อย ๆ จูลี แพร์ริช ที่แสดงใน (1966) พูดว่า "เขาเกลียดหลายเพลงที่เลือกในภาพยนตร์ของเขา" กอร์ดอน สโตเกอร์ จากเดอะจอร์แดนแนร์ส อธิบายว่า จะวางไมค์ลง "วัตถุดิบมันช่างแย่ เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถร้องเพลงได้" อัลบั้มประกอบหนังส่วนมากของเขาจะมีเพลง 1-2 เพลงจากนักเขียนเพลงที่น่าเคารพอย่างทีมของ ด็อก โพมัส และ พอร์ต ชูแมน แต่ส่วนใหญ่แล้ว เจอร์รี ฮอปกินส์ ผู้เขียนหนังสือชีวประวัติเขา กล่าวว่า "เพลงเขียนออกมาจากการได้รับคำสั่งจากคนที่ไม่เข้าใจเอลวิสหรือร็อกแอนด์โรลเลย" เขาไม่นึกถึงคุณภาพของเพลง โดยอ้างว่าเขาสามารถร้องเพลงได้ดีอยู่แล้ว นักวิจารณ์ เดฟ มาร์ช เห็นในทางที่ต่างกัน "เพรสลีย์ไม่ได้พยายาม อาจเป็นไปได้ว่าเป็นการทำงานอย่างรวดเร็วที่ดีที่สุด โดยใช้หน้าของเขา อย่างในเพลง 'No Room to Rumba in a Sports Car' และ 'Rock-a-Hula Baby'"
ในช่วงครึ่งแรกของทศวรรษ มี 3 อัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ของเพรสลีย์ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตป็อป และมีเพลงยอดนิยมจากภาพยนตร์หลายเพลง เช่น "Can't Help Falling in Love" (1961) และ "" (1962) ส่วนเพลง "" เพลงชื่อเดียวกับหนังนั้น โด่งดังเล็กน้อยในฐานะเพลงหน้าบี แต่ต่อมาก็โด่งดังในภายหลัง แต่เมื่องานทำออกมาโดยเน้นด้านศิลปะ ลดความเป็นตลาดลงไป ในช่วงระหว่าง 5 ปี (ค.ศ. 1964-1968) เพรสลีย์มีเพลงติดท็อป 10 เพียงเพลงเดียวคือ "" (1965) เพลงที่บันทึกเสียงในปี ค.ศ. 1960 ส่วนอัลบั้มที่ไม่ใช่เพลงประกอบภาพยนตร์ ในระหว่างเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1962 เขาออกอัลบั้ม Pot Luck และในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1968 ออกอัลบั้มประกอบรายการพิเศษทางโทรทัศน์ มีเพียง 1 อัลบั้มในฉบับใหม่ของเพรสลีย์ เป็นอัลบั้มในแนวกอสเปล คือชุด (1967) ทำให้เขาได้รับรางวัลแกรมมี่ครั้งแรกในชีวิต ในสาขาแสดงเกี่ยวกับศาสนายอดเยี่ยม The New Rolling Stone Album Guide เขียนเกี่ยวกับอัลบั้มนี้ว่า "อาจพิสูจน์ได้ว่า เขาเป็นนักร้องกอสเปลผิวขาวที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเวลาของเขา ที่ค่อนถือว่าเป็นศิลปินร็อกแอนด์โรลคนสุดท้ายที่ทำเพลงกอสเปล ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการแสดงบุคลิกลักษณะด้านดนตรีของเขา ในด้านเกี่ยวกับเพลงของฆราวาส"
ก่อนคริสต์มาส ค.ศ. 1966 เป็นเวลามากกว่า 7 ปีที่เพรสลีย์ได้พบกับพริสซิลลา โบลิยอ ครั้งแรก ทั้งคู่สมรสกับเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1967 ในพิธีง่าย ๆ ในห้องสวีตที่โรงแรมอาละดินในลาสเวกัส หนังตลาดและอัลบั้มประกอบภาพยนตร์ใกล้ออก แต่ไม่ได้ออกจนกว่าเดือนตุลาคม ค.ศ. 1967 เมื่ออัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง ถือเป็นอัลบั้มที่มียอดจำหน่ายต่ำในบรรดาอัลบั้มของเพรสลีย์ ผู้บริหารอาร์ซีเอลพูดถึงปัญหาว่า "ในช่วงเวลานั้น เกิดความพินาศขึ้น" คอนนี เคิร์ชเบิร์กและมาร์ก เฮนดริกซ์ นักประวัติศาสตร์กล่าวว่า "เอลวิสถูกมองว่าเป็นตัวตลกของคนรักในเสียงดนตรีและเป็นอดีตไปแล้วสำหรับแฟนพันธุ์แท้ของเขา"
กลับมา (1968–73)
Elvis: รายการโทรทัศน์พิเศษ ใน ค.ศ. 1968
ลิซ่า มารี เพรสลี่ย์ ลูกสาวคนเดียวของเพรสลี่ย์ เกิดเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2511 ในช่วงเวลาที่เขาไม่ค่อยมีความสุขกับอาชีพของเขา เพลง 8 เพลงที่ปล่อยออกมาในช่วงระหว่างมกราคม ค.ศ.1967 ถึง พฤษภาคม ค.ศ.1968 มีเพียง 2 เพลงที่ติดท็อป 40 และไม่ถึงอันดับที่ 28 เพลงในอัลบั้ม Speedway ของเขาอยู่ที่อันดับ 82 ในบิลบอร์ดชาร์ต พาร์กเกอร์ได้เปลี่ยนแผนให้เขาออกรายการโทรทัศน์ หลังจากที่เขาไม่ได้กลับมาในรายการโทรทัศน์เลยหลังจาก Frank Sinatra Timex Special ใน ค.ศ. 1960 เขาได้ทำข้อตกลงกับ NBC ในการผลิตและออกอากาศในช่วงคริสต์มาส
มีการบันทึกช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่เบอร์แบงก์ แคลิฟอร์เนีย เรียกชื่ออย่างง่ายๆว่า Elvis ออกอากาศเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ค.ศ.1968 ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น 68 Comeback Special เป็นการแสดงที่โดดเด่นในฉากของสตูดิโอร่วมกับวงดนตรีของเขาและผู้ชมจำนวนไม่มากนัก นับเป็นการแสดงสดครั้งแรกของเขาหลังจาก ค.ศ. 1961 เอลวิสปรากฏตัวด้วยชุดหนังสีดำ ร้องเพลงและเล่นกีตาร์อย่างเผ็ดร้อนเหมือนสมัยแรกๆของเขา บิล บีลิวส์ ผู้ออกแบบชุดนี้ได้ออกแบบให้มันปกสูงเหมือนนโปเลียน (เพรสลีย์ชอบใส่เสื้อปกสูงเพราะคิดว่าคอของเขายาวเกินไป) และกลายเป็นคุณลักษณะสำคัญในการออกแบบชุดของเพรสลีย์ในปีหลังๆ ผู้อำนวยการและผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ สตีฟ บินเดอร์ ได้ทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างความมั่นใจและผลิตการแสดงทำให้ผลงานเสร็จหลายวันก่อนคริสต์มาส ตามที่พาร์คเกอร์ได้วางแผนนไว้ การแสดงนี้มียอดชมสูงสุดในฤดูกาล มีผู้ชมถึง 42% จากยอดผู้ชมทั้งหมด จอน แลนด้าจากนิตยสาร Eye กล่าวว่า "มีมนต์ขลังบางอย่างในการดูชายที่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง หาทางกลับบ้านของเขา เขาร้องเพลงโดยไร้พลังและไม่มีความหวังในความเป็นร็อคแอนด์โรล เขาขยับร่างกายของเขาอย่างขาดความสมดุล และพยายามทำให้จิม มอร์ริสันเกิดความอิจฉา" แต่เดฟ มาร์ชได้เรียกการแสดงนี้ให้เป็นหนึ่งในความยิ่งใหญ่ทางอารมณ์และเสียงในประวัติศาสตร์
ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1969 เพลง "If I Can Dream" ที่เขียนขึ้นเป็นพิเศษในอัลบั้มและสามารถติดท็อป 10 ได้ ตามที่เพื่อนของเขาเจอรี่ ชิลลิง ได้กล่าวถึงเขาว่า "เขาไม่ได้ทำแบบนี้มานานเป็นปี การที่เขาสามารถทำเพลงที่เหมาะกับเขาและไม่ได้ทำเพียงเพื่อประกอบภาพยนตร์อีก...เขาออกจากคุกแล้ว สหาย" บินเดอร์ได้พูดถึงปฏิกิริยาของเพรสลีย์ว่า "ผมเล่น Elvis the 60-minute show และเขาบอกผมในห้องตรวจทานว่า 'สตีฟ นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมเคยทำในชีวิตของผม ผมขอบอกคุณอย่างนึง ผมไม่เคยร้องเพลงเลย ผมไม่เชื่ออย่างนั้น' "
From Elvis In Memphis และการแสดงในโรงแรมอินเตอร์เนชันแนล
เพรสลีย์ได้รับเชิญให้บันทึกเสียงที่อเมริกัน ซาวด์ สตูดิโอ ซึ่งต่อมาออกมาเป็นอัลบั้ม "From Elvis In Memphis" จัดจำหน่ายเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1969 เป็นอัลบั้มแรกของเขาในรอบ 8 ปีที่ไม่ใช้อัลบั้มประกอบภาพยนตร์ เดฟ มาร์ช ได้กล่าวถึงอัลบั้มนี้ว่า "เป็นผลงานชิ้นเด่นของเพรสลีย์ที่ทำให้เขากลับมาสู่กระแสได้อีกหลังเสียเวลาอย่างยาวนานกับงานภาพยนตร์ เขาร้องเพลงคันทรี่, เพลงโซลและร็อคด้วยความเชื่อมั่นที่แท้จริง เป็นผลงานที่น่าทึ่งมาก"
เพรสลีย์ตั้งใจที่จะกลับมาทำการแสดงสดอีกครั้ง หลังจากความสำเร็จใน Comeback Special, มีข้อเสนอมาจากทั่วโลก London Palladium เสนอพาร์คเกอร์เป็นเงินมูลค่า $28,000 สำหรับการแสดงหนึ่งสัปดาห์ ในเดือนพฤษภาคม โรงแรมอินเตอร์เนชันแนลที่เปิดใหม่ในลาส เวกัส ที่มีห้องแสดงโชว์ใหญ่ที่สุดในเมือง ประกาศว่าได้จองตัวเพรสลีย์สำหรับการแสดง 57 รอบตลอด 4 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม มัวร์, ฟอนทานา, และเดอะ จอร์แดนแนร์ส ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมเพราะกลัวสูญเสีญรายได้จากงานในแนชวิล เพรสลีย์สร้างวงใหม่นำโดยนักกีต้าร์ เจมส์ เบอร์ตันและสองวงกอสเปล The Imperials และ The Sweet Inspirations อย่างไรก็ตามเขารูสึกประหม่า เขาจดจำความผิดพลาดจากการแสดงที่ลาสเวกัสเมื่อปี 1956 ได้เป็นอย่างดี เพรสลีย์เข้าเยี่ยมชมห้องแสดงโชว์และห้องรับรองในลาสเวกัส ณ ที่นั้นเขาได้พบกับทอม โจนส์ ผู้มีสไตล์คล้ายคลึงกับเขาในยุค 50 ทั้งสองกลายเป็นเพื่อนกัน และเรียนคาราเต้ร่วมกัน เพรสลีย์ในจ้างให้บิล เบลิว เพื่อออกแบบชุดจั๊มสูทซึ่งจะเป็นชุดสำหรับการแสดงของเขา ในปีต่อมา พาร์คเกอร์ตั้งใจจะให้เพรสลีย์กลับมาสู่งานแสดงบนเวทีอย่างต่อเนื่อง มีการโปรโมตอย่างขันแข็ง เจ้าของโรงแรม Kirk Kerkorian จัดส่งเครื่องบินของเขาเองไปนิวยอร์กเพื่อทำข่าวการกลับมาแสดงสดของเพรสลีย์
เพรสลีย์แสดงบนเวทีโดยไม่มีการแนะนำตัว ผู้ชมมากกว่า 2,200 คนซึ่งรวมไปถึงดาราดังพากันปรบมือหลังจากเขาร้องเพลง "Can't Help Falling in Love" (ซึ่งต่อมากลายเป็นเพลงปิดการแสดงของเขาในยุค 70's) ในการแถลงข่าวหลังการแสดง เมื่อนักข่าวเรียกเขาว่า "เดอะ คิง" เขาชี้ไปที่แฟตส์ โดมิโน และพูดว่า "ไม่ครับ, เขาต่างหากคิงออฟร็อคแอนด์โรล" วันต่อมา พาร์คเกอร์ทำข้อตกลงว่าจ้างเพรสลีย์สำหรับการแสดงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และสิงหาคม เป็นเวลา 5 ปี มูลค่าถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี นิวส์วีคกล่าวว่า "มีหลายสิ่งที่ไม่น่าเชื่อสำหรับเอลวิส แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อที่สุดคืออำนาจของเขาในอาชีพมันเปรียบเสมือนดาวจรัสแสง" โรลลิงสโตนเรียกเพรสลีย์ว่า "การคืนชีพในวงการที่เหนือธรรมชาติ" ในเดือนพฤศจิกายน ภาพยนตร์ที่เพรสลีย์แสดงเรื่องสุดท้ายในชื่อ "Change of Habit" เข้าฉาย อัลบั้ม "From Memphis To Vegas/From Vegas" ออกจำหน่ายในเดือนเดียวกัน ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกที่บันทึกเสียงจากการแสดงสดของเขาในโรงแรมอินเตอร์เนชันแนล ซิงเกิลจากงานบันทึกเสียงที่อเมริกัน ซาวด์ สตูดิโอ "Suspicious Minds" ขึ้นสู่อันดับ 1 ในบิลบอร์ดฮอต 100 ในรอบ 7 ปีและเป็นซิงเกิลสุดท้ายของเขาที่ขึ้นอันดับ 1 ของชาร์ตนี้
คาสซานดรา ปีเตอร์สัน ซึ่งต่อมาเป็นเจ้าของรายการ Elvira พบกับเพรสลีย์ในช่วงนี้ ขณะที่เธอกำลังทำงานเป็นนักแสดงสาวที่ลาส เวกัส พูดถึงเพรสลีย์ว่า "เขาเป็นคนต่อต้านยาเสพติด เมื่อฉันพบเขาและบอกเขาว่าฉันสูบกัญชา เขาเตือนเธอว่า "อย่าสูบมันอีก" " เพรสลีย์ไม่เพียงแค่ต่อต้านสารเสพติด เขาเป็นคนไม่ชอบดื่มสุรา ครอบครัวของเขาเคยมีปัญหาการติดสุรามาก่อนทำให้เขาตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยง
กลับสู่ทัวร์ และ พบกับนิกสัน
ในปี พ.ศ. 2512 เอลวิสได้รับเชิญให้ไปเปิดการแสดง ที่โรงแรมอินเตอร์เนชันแนล ในลาสเวกัสที่เพิ่งสร้างเสร็จ และมีห้องประชุมที่ใหญ่ที่สุดในเมือง โดยเขาได้เปิดการแสดงถึง 57 รอบ ภายในระยะเวลาเพียง 4 สัปดาห์ และการแสดงในครั้งนี้ ก็มีผู้เข้าชมมากเป็นประวัติการณ์ หลังจากนั้น เขาก็ได้เปิดการแสดงในที่ต่างๆ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากทุกครั้ง
หย่าร้าง และ Aloha from Hawaii
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สุขภาพเสื่อมโทรมและวาระสุดท้าย (1973–77)
วิกฤตสุขภาพและงานสตูดิโอครั้งสุดท้าย
ในช่วงปี พ.ศ. 2516 เอลวิสประสบปัญหาเรื่องสุขภาพ เคยถูกนำส่งโรงพยาบาล ด้วยโรคปอดบวม โรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบ นอกจากต้องต่อสู้กับโรค ที่สะสมมาเป็นระยะเวลานานแล้ว เขายังต่อสู้กับน้ำหนักตัว ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กระนั้นเขาก็ยังตระเวนเปิดการแสดง ตามคำเรียกร้องของแฟนเพลง ตามเมืองต่างๆ อยู่เสมอ
ปีสุดท้ายและเสียชีวิต
วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2520 เวลาหลังเที่ยงคืน หลังจากที่เอลวิสไปพบทันตแพทย์ในช่วงเช้า แฟนสาวของเขาก็พบเอลวิสนอนหมดสติอยู่ภายในห้องน้ำ ซึ่งเป็นการเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ที่ของเขาเอง ด้วยวัยเพียง 42 ปี และข่าวนี้ก็สร้างความตกตะลึงและเสียใจอย่างยิ่งแก่แฟนเพลงทั่วโลก
ชีวิตส่วนตัว
สำหรับชีวิตครอบครัวนั้น เอลวิสได้แต่งงานกับพริสซิล่า เมื่อ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1973 และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คนคือ แต่ต่อมาทั้งคู่ก็ได้หย่าขาดจากกันในปี ค.ศ. 1973 และต่อมาเอลวิสพบรักใหม่กับ และใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกันจนกระทั่งปลายปี ค.ศ. 1976
ผลงานเพลง
อัลบั้มอันดับหนึ่ง
ปี | อัลบั้ม | รูปแบบ | ตำแหน่งสูงสุด | ||
---|---|---|---|---|---|
US | UK | ||||
1956 | Elvis Presley | studio/comp. | 1 | n.a. | 1 |
Elvis | studio | 1 | n.a. | 3 | |
1957 | sound./studio | 1 | n.a. | 1 | |
studio | 1 | n.a. | 2 | ||
1960 | Elvis Is Back! | studio | 2 | n.a. | 1 |
G.I. Blues | soundtrack | 1 | n.a. | 1 | |
1961 | Something for Everybody | studio | 1 | n.a. | 2 |
Blue Hawaii | soundtrack | 1 | n.a. | 1 | |
1962 | Pot Luck | studio | 4 | n.a. | 1 |
1964 | soundtrack | 1 | — | 12 | |
1969 | From Elvis in Memphis | studio | 13 | 2 | 1 |
1973 | live | 1 | 1 | 11 | |
1974 | compilation | 43 | 1 | 20 | |
1975 | studio | 47 | 1 | 21 | |
1976 | studio | 41 | 1 | 29 | |
1977 | Elvis' 40 Greatest | compilation | — | — | 1 |
studio/live | 3 | 1 | 3 | ||
live | 5 | 1 | 13 | ||
2002 | compilation | 1 | 1 | 1 | |
2007 | The King | compilation | — | — | 1 |
ซิงเกิลอันดับหนึ่ง
ปี | ซิงเกิล | ตำแหน่งสูงสุด | ||
---|---|---|---|---|
US | UK | |||
1956 | "" | — | 1 | — |
"Heartbreak Hotel" | 1 | 1 | 2 | |
"I Want You, I Need You, I Love You" | 1 | 1 | 14 | |
"Don't Be Cruel" | 1 | 1 | 2 | |
"" | 1 | 1 | 2 | |
"Love Me Tender" | 1 | 3 | 11 | |
1957 | "Too Much" | 1 | 3 | 6 |
"" | 1 | 1 | 1 | |
"(Let Me Be Your) Teddy Bear" | 1 | 1 | 3 | |
"Jailhouse Rock" | 1 | 1 | 1 | |
1958 | "Don't" | 1 | 2 | 2 |
"" | 1 | 2 | 2 | |
1959 | "One Night"/"" | 4/8 | 24/— | 1 |
""/"I Need Your Love Tonight" | 2/4 | — | 1 | |
"" | 1 | — | 4 | |
1960 | "" | 1 | 27 | 3 |
"" | 1 | — | 1 | |
"(Are You Lonesome Tonight?)" | 1 | 22 | 1 | |
1961 | "" | — | — | 1 |
"" | 1 | — | 1 | |
"(Marie's the Name) His Latest Flame"/"" | 4/5 | — | 1 | |
1962 | "Can't Help Falling in Love"/"Rock-A-Hula Baby" | 2/23 | — | 1 |
"" | 1 | — | 1 | |
"She's Not You" | 5 | — | 1 | |
"" | 2 | — | 1 | |
1963 | "" | 3 | — | 1 |
1965 | "" | 3 | — | 1 |
1969 | "" | 1 | — | 2 |
1970 | "" | 9 | 37 | 1 |
1977 | "" | 31 | 1 | 6 |
"" | 18 | 1 | 1 | |
1981 | "Guitar Man" (reissue) | 28 | 1 | 43 |
2002 | "A Little Less Conversation" (JXL remix) | 50 | — | 1 |
2005 | "Jailhouse Rock" (reissue) | — | — | 1 |
"One Night"/"I Got Stung" (reissue) | — | — | 1 | |
"It's Now or Never" (reissue) | — | — | 1 |
เชิงอรรถ
- Victor 2008, p. 10.
- Reaves 2002.
- Victor 2008, pp. 438–39.
- Semon & Jorgensen 2001.
- Collins 2002.
- Guralnick 1994, p. 13–14.
- Dundy 2004, pp. 13, 16, 20–22, 26.
- Guralnick 1994, p. 11–12, 23–24.
- Victor 2008, p. 419.
- Guralnick 1994, p. 12–14.
- Guralnick 1994, pp. 15–16.
- Guralnick 1994, pp. 17–18.
- Guralnick 1994, p. 19.
- Dundy 2004, p. 101.
- Guralnick 1994, p. 23.
- Guralnick 1994, pp. 23–26.
- Guralnick 1994, pp. 19–21.
- Dundy 2004, pp. 95–96.
- Guralnick 1994, pp. 32–33.
- Guralnick 1994, p. 36.
- Guralnick 1994, pp. 35–38.
- Guralnick 1994, pp. 40–41.
- Stanley & Coffey 1998, p. 20.
- Guralnick 1994, pp. 43, 44, 49.
- Guralnick 1994, pp. 44, 46, 51.
- Guralnick 1994, pp. 52–53.
- Guralnick 1994, p. 171.
- Matthew-Walker 1979, p. 3.
- Guralnick 1994, pp. 46–48, 358.
- Wadey 2004.
- Guralnick 1994, pp. 47–48, 77–78.
- Guralnick 1994, p. 51.
- Guralnick 1994, pp. 38–40.
- Guralnick 2004.
- Bertrand 2000, p. 205.
- Szatmary 1996, p. 35.
- Guralnick 1994, p. 54.
- Jorgensen 1998, p. 8.
- Guralnick 1994, pp. 62–64.
- Guralnick 1994, p. 65.
- Guralnick 1994, p. 77.
- Cusic 1988, p. 10.
- Guralnick 1994, p. 80.
- Guralnick 1994, p. 83.
- Miller 2000, p. 72.
- Jorgensen 1998, pp. 10–11.
- Guralnick 1994, pp. 94–97.
- Ponce de Leon 2007, p. 43.
- Guralnick 1994, pp. 100–1.
- Guralnick 1994, pp. 102–4.
- Guralnick 1994, pp. 105, 139.
- Guralnick 1994, pp. 106, 108–11.
- Guralnick 1994, p. 110.
- Guralnick 1994, pp. 117–27, 131.
- Guralnick 1994, p. 119.
- Guralnick 1994, pp. 128–30.
- Guralnick 1994, pp. 127–28, 135–42.
- Burke & Griffin 2006, pp. 61, 176.
- Guralnick 1994, pp. 152, 156, 182.
- Guralnick 1994, pp. 144, 159, 167–68.
- Nash 2003, pp. 6–12.
- Guralnick 1994, p. 163.
- Bertrand 2000, p. 104.
- Hopkins 2007, p. 53.
- Guralnick & Jorgensen 1999, p. 45.
- Jorgensen 1998, p. 29.
- Rogers 1982, p. 41.
- Guralnick 1994, pp. 217–19.
- Jorgensen 1998, p. 31.
- Stanley & Coffey 1998, pp. 28–29.
- Escott 1998, p. 421.
- Jorgensen 1998, pp. 36, 54.
- Stanley & Coffey 1998, p. 29.
- Guffey 2006, p. 127.
- Miles et al 2008, p. 32.
- Stanley & Coffey 1998, p. 30.
- Guralnick 1994, pp. 235–36.
- Slaughter & Nixon 2004, p. 21.
- Guralnick & Jorgensen 1999, pp. 50, 54, 64.
- Hilburn 2005.
- Rodman 1996, p. 28.
- Guralnick 1994, pp. 262–63.
- Guralnick 1994, p. 267.
- Guralnick 1994, pp. 274.
- Victor 2008, p. 315.
- Guralnick & Jorgensen 1999, pp. 72–73.
- Guralnick 1994, pp. 273, 284.
- Fensch 2001, pp. 14–18.
- Burke & Griffin 2006, p. 52.
- Jorgensen 1998, p. 49.
- Gould 1956.
- Guralnick & Jorgensen 1999, p. 73.
- Marcus 2006.
- Marsh 1982, p. 100.
- Austen 2005, p. 13.
- Allen 1992, p. 270.
- Keogh 2004, p. 73.
- Jorgensen 1998, p. 51.
- Guralnick & Jorgensen 1999, pp. 80–81.
- Whitburn 1993, p. 5.
- Austen 2005, p. 16.
- Edgerton 2007, p. 187.
- Brown & Broeske 1997, p. 93.
- Guralnick 1994, p. 338.
- Gibson 2005.
- Victor 2008, p. 439.
- Jezer 1982, p. 281.
- Moore & Dickerson 1997, p. 175.
- Guralnick 1994, p. 343.
- Marsh 1980, p. 395.
- Palladino 1996, p. 131.
- Stanley & Coffey 1998, p. 37.
- Clayton & Heard 2003, pp. 117–18.
- Keogh 2004, p. 90.
- Guralnick & Jorgensen 1999, p. 95.
- Salisbury 1957, p. 4.
- Guralnick 1994, pp. 395–97.
- Guralnick 1994, pp. 406–8, 452.
- Guralnick 1994, pp. 399–402, 428–30, 437–40.
- Guralnick 1994, p. 400.
- Guralnick 1994, p. 430.
- Turner 2004, p. 104.
- Guralnick 1994, p. 437.
- Guralnick 1994, p. 431.
- Freierman 2008.
- Grein 2008.
- Guralnick 1994, pp. 448–49.
- Guralnick 1994, pp. 461–74.
- Victor 2008, p. 27.
- Guralnick 1994, pp. 464–65.
- Guralnick 1994, p. 466–67.
- Guralnick 1994, p. 474–80.
- Ponce de Leon 2007, p. 115.
- Guralnick 1999, p. 21.
- Guralnick 1999, pp. 47, 49, 55, 60, 73.
- Clayton & Heard 2003, p. 160.
- Victor 2008, p. 415.
- Presley 1985, p. 40.
- Jorgensen 1998, p. 107.
- Whitburn 2004, p. 501.
- Slaughter & Nixon 2004, p. 54.
- Matthew-Walker 1979, p. 19.
- Marcus 1982, pp. 279–80.
- Robertson 2004, p. 50.
- Guralnick 1999, pp. 44, 62–63.
- Gordon 2005, pp. 110, 114.
- Jorgensen 1998, p. 148.
- Robertson 2004, p. 52.
- Gordon 2005, pp. 110, 119.
- Ponce de Leon 2007, p. 133.
- Caine 2005, p. 21.
- Fields 2007.
- Guralnick 1994, p. 449.
- Kirchberg & Hendrickx 1999, p. 67.
- Lisanti 2000, pp. 19, 136.
- Jorgensen 1998, p. 201.
- Hopkins 2002, p. 32.
- Matthew-Walker 1979, p. 66.
- Brackett & Hoard 2004, p. 650.
- Guralnick 1999, pp. 261–63.
- Kirchberg & Hendrickx 1999, p. 73.
- Guralnick 1999, p. 171.
- Whitburn 2004, pp. 502–03.
- Kubernick 2008, p. 4.
- Guralnick 1999, pp. 293, 296.
- Kubernick 2008, p. 26.
- Hopkins 2007, p. 215.
- Marsh 2004, p. 649.
- Marsh 1980, p. 396.
- Gordon 2005, p. 146.
- Jorgensen 1998, p. 283.
- Guralnick 1999, pp. 346–47.
- Gordon 2005, pp. 149–50.
- Cook 2004, p. 39.
- Guralnick & Jorgensen 1999, pp. 259, 262.
- Moyer 2002, p. 73.
- Jorgensen 1998, p. 287.
- Whitburn, Joel (2010). The Billboard Book of Top 40 Hits (9 ed.). Billboard Books. pp. 520–21. ISBN .
- Stein 1997.
- Mason 2007, p. 81.
- Whitburn 2007.
- Whitburn 2008.
- Warwick et al 2004, pp. 860–66.
- everyHit.com 2009.
- Whitburn 2004, pp. 500–4.
- Whitburn 2006, pp. 271–73.
อ้างอิง
- Adelman, Kim. The Girls' Guide to Elvis: The Clothes, the Hair, the Women, and More! Random House; 2002. .
- Allen, Steve. Hi-Ho, Steverino!: My Adventures in the Wonderful Wacky World of TV. Thorndike Press; 1992. .
- Arnett, Jeffrey Jensen. Adolescence and Emerging Adulthood: A Cultural Approach. 3rd ed. Pearson Prentice Hall; 2006. .
- Ashley, Martin. How High Should Boys Sing? Ashgate; 2009. .
- The Top 100. The Atlantic Monthly. December 2006 [cited December 29, 2009].
- Austen, Jake. TV-A-Go-Go: Rock on TV from American Bandstand to American Idol. Chicago Review Press; 2005. .
- Baden, Michael M.; Hennessee, Judith Adler. Unnatural Death: Confessions of a Medical Examiner. Ballantine; 1990. .
- The Beatles. The Beatles Anthology. Chronicle Books; 2000. .
- Bertrand, Michael T. Race, Rock, and Elvis. University of Illinois Press; 2000. .
- In: Brackett, Nathan; Hoard, Christian, editors. The New Rolling Stone Album Guide. 4th ed. Simon and Schuster; 2004. .
- Bronson, Fred. Chart Beat. Billboard. July 3, 2004.
- Brown, Peter Harry; Broeske, Pat H. Down at the End of Lonely Street: The Life and Death of Elvis Presley. Signet; 1997. .
- Burke, Ken; Griffin, Dan. The Blue Moon Boys: The Story of Elvis Presley's Band. Chicago Review Press; 2006. .
- Caine, Andrew. Interpreting Rock Movies: The Pop Film and Its Critics in Britain. Palgrave Macmillan; 2005. .
- Caulfield, Keith. The King of Crossover's No. 1 Hits. Billboard. September 18, 2004.
- Clayton, Dick; Heard, James. Elvis: By Those Who Knew Him Best. Virgin Publishing; 2003. .
- CMT. 40 Greatest Men in Country Music; 2005 [cited December 29, 2009].
- Collins, Dan. CBS News/Associated Press. How Big Was The King?; August 7, 2002 [cited December 27, 2009].
- Connelly, Charlie. In Search of Elvis: A Journey to Find the Man Beneath the Jumpsuit. Little, Brown; 2008. .
- Cook, Jody. Graceland National Historic Landmark Nomination Form [PDF]. United States Department of the Interior; 2004.
- Cusic, Don. Singing with the King. Rejoice! The Gospel Music Magazine. Summer 1988.
- Denisoff, R. Serge. Solid Gold: The Popular Record Industry. Transaction Books; 1975. .
- Discovery Channel. Greatest American; 2005 [cited December 29, 2009].
- Doss, Erika Lee. Elvis Culture: Fans, Faith, and Image. University of Kansas Press; 1999. .
- Dundy, Elaine. Elvis and Gladys. 2nd ed. University Press of Mississippi; 2004. .
- Dyer, Peter John. The Teenage Rave. Sight and Sound. Winter 1959–60.
- Edgerton, Gary R. The Columbia History of American Television. Columbia University Press; 2007. .
- Escott, Colin. Elvis Presley. In: Kingsbury, Paul, editor. The Encyclopedia of Country Music. Oxford University Press; 1998. .
- EveryHit. UK Top 40 Hit Database; 2009 [cited December 28, 2009].
- EveryHit. The 'Battle' For Most Number 1s; 2010a [cited January 20, 2010].
- EveryHit. Record Breakers and Trivia: Singles: Artists: Sales/Chart Performance; 2010b [cited January 20, 2010].
- Farmer, Brett. Spectacular Passions: Cinema, Fantasy, Gay Male Spectatorships. 2nd ed. Duke University Press; 2000. .
- Feeney, Mark. Elvis at 75: Can We Ever Again See the Performer, Not the Punch Line? Boston Globe. January 3, 2010 [cited February 1, 2010].
- Fensch, Thomas. The FBI Files on Elvis Presley. New Century Books; 2001. .
- Fields, Curt. A Whole Lotta Elvis Is Goin' to the Small Screen. Washington Post. August 3, 2007 [cited December 27, 2009].
- Friedlander, Paul. Rock and Roll: A Social History. Westview; 1996. .
- Freierman, Shelly. Popular Demand. The New York Times. January 7, 2008 [cited January 1, 2010].
- Garber, Marjorie. Vested Interests: Cross-Dressing and Cultural Anxiety. Routledge; 1997. .
- Gibson, Christine. Elvis on Ed Sullivan: The Real Story. American Heritage. December 6, 2005 [archived 2009-09-24; cited December 31, 2009].
- Gillett, Charlie. The Five Styles of Rock'n'Roll. In: McKeen, William, editor. Rock and Roll Is Here To Stay: An Anthology. W.W. Norton; 2000. .
- Top-Earning Dead Celebrities. . October 29, 2007 [ 2008-06-11; cited January 5, 2010].
- Gordon, Robert. The King on the Road. Bounty Books; 2005. .
- Gould, Jack. TV: New Phenomenon—Elvis Presley Rises to Fame as Vocalist Who Is Virtuoso of Hootchy-Kootchy. The New York Times. June 6, 1956 [cited December 31, 2009].
- Grein, Paul. Yahoo! Music. Chart Watch Extra: The Top 40 Christmas Albums; December 5, 2008 [ 2008-12-17; cited February 1, 2010].
- Guffey, Elizabeth E. Retro: The Culture of Revival. Reaktion; 2006. .
- Guralnick, Peter. How Did Elvis Get Turned Into a Racist? The New York Times. January 8, 2004 [cited August 11, 2007].
- Guralnick, Peter. Last Train to Memphis: The Rise of Elvis Presley. Little, Brown; 1994. .
- Guralnick, Peter. Careless Love: The Unmaking of Elvis Presley. Back Bay Books; 1999. .
- Guralnick, Ernst; Jorgensen. Elvis Day by Day: The Definitive Record of His Life and Music. Ballantine; 1999. .
- Harris, John. Talking about Graceland. The Guardian. March 27, 2006 [cited January 4, 2010].
- Higginbotham, Alan. Doctor Feelgood. The Observer. August 11, 2002 [cited December 29, 2009].
- Hilburn, Robert. From the Man Who Would Be King. Los Angeles Times. February 6, 2005 [cited January 4, 2010].
- Hilburn, Robert. This Fan of Charts Is No. 1, with a Bullet. Los Angeles Times. October 30, 2007 [cited January 17, 2010].
- Hopkins, Jerry. Elvis: The Final Years. Berkley; 1986. .
- Hopkins, Jerry. Elvis in Hawaii. Bess Press; 2002. .
- Hopkins, Jerry. Elvis—The Biography. Plexus; 2007. .
- Humphries, Patrick. Elvis the #1 Hits: The Secret History of the Classics. Andrews McMeel Publishing; 2003. .
- Jezer, Marty. The Dark Ages: Life in the United States 1945–1960. South End Press; 1982. .
- Jorgensen, Ernst. Elvis Presley—A Life in Music: The Complete Recording Sessions. St Martin's Press; 1998. .
- Keogh, Pamela Clarke. Elvis Presley: The Man, The Life, The Legend. Simon and Schuster; 2004. .
- Kirchberg, Connie; Hendrickx, Marc. Elvis Presley, Richard Nixon, and the American Dream. McFarland; 1999. .
- Kolawole, Helen. He Wasn't My King. The Guardian. August 15, 2002 [cited December 27, 2009].
- Kubernick, Harvey. The Complete '68 Comeback Special. CD Booklet RCA/BMG. UPC 88697306262; 2008.
- Lisanti, Tom. Fantasy Femmes of 60's Cinema: Interviews with 20 Actresses from Biker, Beach, and Elvis Movies. McFarland; 2000. .
- Lott, Eric. All the King's Men: Elvis Impersonators and White Working-Class Masculinity. In: Stecopoulos, Harry; Uebel, Michael, editors. Race and the Subject of Masculinities. Duke University Press; 1997. .
- Marcus, Greil. Mystery Train: Images of America in Rock 'n' Roll Music. Revised ed. E.P. Dutton; 1982. .
- Marcus, Greil. Elvis Presley: The Ed Sullivan Shows. DVD Booklet Image Entertainment. UPC 01438137302; 2006 [cited February 1, 2010].
- Marsh, Dave. Elvis Presley. In: Marsh, Dave; Swenson, John, editors. The Rolling Stone Record Guide. 2nd ed. Virgin; 1980. .
- Marsh, Dave. Elvis. Times Books; 1982. .
- Marsh, Dave. The Heart of Rock & Soul: The 1001 Greatest Singles Ever Made. Da Capo; 1999. .
- Masley, Ed. It's Good To Be King. Pittsburgh Post-Gazette. August 15, 2002 [cited January 31, 2010].
- Mason, Bobbie Ann. Elvis Presley. Penguin; 2007. .
- Matthew-Walker, Robert. Elvis Presley. A Study in Music. Midas Books; 1979. .
- Mawer, Sharon. The Official UK Charts Company. Album Chart History—1974; 2007a [cited February 1, 2010].
- Mawer, Sharon. The Official UK Charts Company. Album Chart History—1977; 2007b [cited February 1, 2010].
- Miles, Barry; Scott, Grant; Morgan, Johnny. The Greatest Album Covers of All Time. Collins & Brown; 2008. .
- Miller, James. Flowers in the Dustbin: The Rise of Rock and Roll, 1947–1977. Fireside; 2000. .
- Moore, Scotty; Dickerson, James. That's Alright, Elvis. Schirmer Books; 1997. .
- Moyer, Susan M. Elvis: The King Remembered. Sports Publishing LLC; 2002. .
- Myrie, Russell. Don't Rhyme for the Sake of Riddlin': The Authorized Story of Public Enemy. Cannongate; 2009. .
- Nash, Alanna. The Colonel: The Extraordinary Story of Colonel Tom Parker and Elvis Presley. Simon and Schuster; 2003. .
- Nash, Alanna, et al. Elvis and the Memphis Mafia. Aurum; 2005. .
- National Park Service. Graceland; 2010 [ 2011-12-30; cited January 7, 2010].
- Long Live the King. The New York Times. August 16, 2002 [ 2008-01-19; cited December 30, 2009].
- Palladino, Grace. Teenagers: An American History. Westview; 1996. .
- Pendergast, Sara; Pendergast, Tom. St. James Encyclopedia of Popular Culture. 4th ed. St. James Press; 2000. .
- Pilgrim, David. Jim Crow Museum at Feris State University. Question of the Month: Elvis Presley and Racism; March 2006 [ 2012-01-06; cited December 28, 2009].
- Pleasants, Henry. Elvis Presley. In: Frith, Simon, editor. Popular Music: Critical Concepts in Media and Cultural Studies, Volume 3: Popular Music Analysis. Routledge; 2004. .
- Pomerantz, Dorothy; Lacey, Rose; Streib, Lauren; Thibault, Marie. Top-Earning Dead Celebrities. Forbes. October 27, 2009 [cited January 5, 2010].
- Ponce de Leon, Charles L. Fortunate Son: The Life of Elvis Presley. Macmillan; 2007. .
- Presley, Priscilla. Elvis and Me. G.P. Putnam's Sons; 1985. .
- Ramsland, Katherine. TruTV. Cyril Wecht: Forensic Pathologist—Coverup for a King; 2010 [cited January 4, 2010].
- Reaves, Jessica. Person of the Week: Elvis Presley. Time. August 15, 2002 [ 2011-09-17; cited December 26, 2009].
- Recording Industry Association of America. Top 100 Albums; 2010 [cited January 31, 2010].
- Robertson, John. Elvis Presley: The Complete Guide to His Music. Omnibus Press; 2004. .
- Rodman, Gilbert B. Elvis After Elvis, The Posthumous Career of a Living Legend. Routledge; 1996. .
- Rogers, Dave. Rock 'n' Roll. Routledge & Kegan Paul; 1982. .
- The Immortals: The First Fifty. Rolling Stone. April 15, 2004 [ 2008-06-25; cited December 29, 2009].
- 1969 Rolling Stone Covers. Rolling Stone. 2009 [ 2008-07-05; cited December 24, 2009].
- Roy, Samuel. Elvis: Prophet of Power. Branden; 1985. .
- In: Sadie, Stanley, editor. The Norton/Grove Concise Encyclopedia of Music. Revised ed. W.W. Norton; 1994. .
- Salisbury, Harrison. Presley Records a Craze in Soviet. The New York Times. February 3, 1957.
- Scherman, Tony. Elvis Dies. American Heritage. August 16, 2006 [ 2009-03-27; cited December 29, 2009].
- Semon, Roger; Jorgensen, Ernst. Elvis.com. Is Elvis the Biggest Selling Recording Artist?; February 12, 2001 [cited December 26, 2009].
- BBC. Sinatra Is Voice of the Century; April 18, 2001 [cited December 29, 2009].
- Slaughter, Todd; with Anne E. Nixon. The Elvis Archives. Omnibus Press; 2004. .
- Stanley, David; Coffey, Frank. The Elvis Encyclopedia. Virgin Books; 1998. .
- Stein, Ruthe. Girls! Girls! Girls! San Francisco Chronicle. August 3, 1997 [cited December 29, 2009].
- Szatmary, David. A Time to Rock: A Social History of Rock 'n' Roll. Schirmer Books; 1996. .
- Tasker, Yvonne. Cowgirl Tales. In: Codell, Julie F., editor. Genre, Gender, Race, and World Cinema: An Anthology. Blackwell; 2007. .
- Turner, John Frayn. Frank Sinatra. Taylor Trade Publications; 2004. .
- 100 Icons of the Century. . 2005 [cited December 29, 2009].
- VH1. 100 Greatest Artists of Rock & Roll; 1998 [cited December 29, 2009].
- Victor, Adam. The Elvis Encyclopedia. Overlook Duckworth; 2008. .
- Wadey, Paul. Jake Hess. The Independent. January 8, 2004 [ 2010-07-13; cited December 28, 2009].
- Warwick, Neil; Kutner, Jon; Brown, Tony. The Complete Book of the British Charts: Singles & Albums. 3rd ed. Omnibus Press; 2004. .
- Waters, Lindsay. Come Softly, Darling, Hear What I Say: Listening in a State of Distraction—A Tribute to the Work of Walter Benjamin, Elvis Presley, and Robert Christgau. Boundary 2. Spring 2003.
- Whitburn, Joel. Billboard Top 1000 Singles 1955–1992. Billboard Books; 1993. .
- Whitburn, Joel. The Billboard Book of Top 40 Hits. 8th ed. Billboard Books; 2004. .
- Whitburn, Joel. The Billboard Book of Top 40 Country Hits. 2nd ed. Billboard Books; 2006. .
- Whitburn, Joel. Joel Whitburn Presents the Billboard Albums. 6th ed. Record Research; 2007. .
- Whitburn, Joel. Joel Whitburn Presents Hot Country Albums: Billboard 1964 to 2007. Record Research; 2008. .
- Wolfe, Charles. Amazing Grace: His Greatest Sacred Performances. CD Booklet RCA/BMG. UPC 7863664212; 1994.
- Woolley, John T.; Peters, Gerhard. American Presidency Project. University of California, Santa Barbara. Jimmy Carter: Death of Elvis Presley Statement by the President; August 17, 1977 [ 2017-11-01; cited December 29, 2009].
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
- เอลวิส เพรสลีย์ ที่สารานุกรมบริตานิกา
- Elvis Presley ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส
- เอลวิส เพรสลีย์ ที่ออลมูวี
- Elvis The Music official record label site
- Elvis Presley Interviews on officially sanctioned Elvis Australia site
- "The All American Boy: Enter Elvis and the Rock-a-billies" episode of 1968 Pop Chronicles radio series
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
exlwis ephrsliy xngkvs Elvis Presley michuxcringwa exlwis aexrxn ephrsliy xngkvs Elvis Aaron Presley 8 mkrakhm kh s 1935 16 singhakhm kh s 1977 epnnkrxngaelankaesdngchawxemrikn ekhathuxepnhnunginsylksnthangwthnthrrm ekhamkidruckinchaya rachaaehngrxkaexndorll hruxeriyksn wa edxakhing exlwis ephrsliyphaphcakphaphyntreruxng 1957 khxmulphunthanchuxekidexlwis xarxn ephrsliyekid8 mkrakhm kh s 1935 1935 01 08 emmfis rthethnenssi shrthesiychiwitsinghakhm 16 1977 1977 08 16 42 pi emmfis rthethnenssi shrthaenwephlngrxkaexndorl pxp rxkxabilli khnthri blus kxsepl rithumaexndblus xkhustik esaethxrnoslxachiphnkrxng nkaetngephlng nkaesdngekhruxngdntrikitar epiyonchwngpikh s 1954 1977khayephlngxarsiexwiketxrkhusmrs 1967 1973 ewbistwww elvis com ekhaekidthiemuxngthuephxol rthmississippi txmayayipthiemuxngemmfis rthethnenssi kbkhrxbkhrwkhxngekhaemuxxayuid 13 pi ekhaerimxachiphnkrxngthiniemuxpi 1954 emuxecakhxngkhaysnerekhids thichux aesm fillipsxyakthicanadntrikhxngchawaexfriknxemriknipsuthankhnfngihkwangkhun aelaehnephrsliymikhwammungmndi idrwmkbnkkitarthichuxskxtti mwraelamuxebs bil aeblk ephrsliythuxepn 1 inkhnthiihkaenidaenwephlngrxkxabilli aenwephlngphsmphsancnghwaxpethmop aebkbitphsmephlngkhnthrikbrithumaexndblus ekhaidesnsyyakbxarsiexwiketxr odymiphucdkarkhux thiepnphucdkarihekharwm 2 thswrrs singekilaerkkhxngephrsliykbxarsiexkhuxsingekil Heartbreak Hotel xxkkhayineduxnmkrakhm kh s 1956 tidxndb 1 ekhathuxepnphunaphaphlksnkhxngdntripxpaebbihminaebbrxkaexndorl odyidprakttwbnekhruxkhaysthaniothrthsnhlaykhrng rwmthungmiephlngxndb 1 hlayephlng ephlngkhxngekhaetmepiymipdwyphlng odymihlayswnnamacakephlngchawaexfriknxemriknaelarupaebbkaraesdngsungimsamarthybyngthithaihekhaprasbkhwamsaercxyangmakrwmthungekidkhxphiphathdwyechnkn ineduxnphvscikayn kh s 1956 ekhaprakttwkhrngaerkinphaphyntreruxng ekhaeknththharemuxpi 1958 odyephrsliyxxkphlnganephlnghlngnn 2 pitxma kbnganthiprasbkhwamsaercxyangmak ekhakhunewthikhxnesirtxyuhlaykhrng xyangirktaminkarcdkarkhxngpharkekxr ekhakyngmiphlnganphaphyntrhxlliwudxikhlayeruxnginkhristthswrrs 1960 rwmthungphlnganxlbmprakxbphaphyntrdwy thiswnmakthukwicarninechingduthukphlnganehlann inpi 1968 hlaycakhanghayipbnewthikhxnesirtip 7 pi ekhaklbmaaesdngsdinraykarothrthsnphiessinkarklbmainlasewksaelayngmithwrkhxsesirt inpi 1973 ephrsliyaesdngkhxnesirtkhrngaerkthithaythxdphandawethiymthwolk thichux miphuchmraw 1 5 phnlankhn aelacakkarthiekhatidyacakibsngaephthy thaihmiphltxsukhphaphkhxngekha cnekhaesiychiwitxyangkathnhn inpi kh s 1977 dwywyephiyng 42 pi ephrsliyepn 1 inbukhkhlthimikhwamsakhyxyangmakinwthnthrrmsmyniyminstwrrsthi 20 kbnaesiyngthiprbidhlayaebbaelaprasbkhwamsaercimthrrmdainhlakhlayaenwephlng xyangkhnthri pxpbllad kxsepl aelablus ekhaepnsilpinediywkbmiyxdkhaymakthisudinprawtisastrephlngpxp idrbkaresnxchuxekhachingrangwlaekrmmi 14 khrng sungekhaidrb 3 khrng aelayngidrbrangwlaekrmmiprasbkhwamsaercemuxxayu 36 pi ekhayngmichuxxyuinhxekiyrtiys 4 khrngprawtichiwitchwngaerk 1935 53 chiwitwyedkinthuephxol banekidkhxngephrsliy thiemuxng rthmississippi exlwis ephrsliyekidemuxwnthi 8 mkrakhm kh s 1935 n emuxng rthmississippi epnbutrkhxngewxrnxn exlwisaelaaekldis elif ephrsliyinbanelkaebbchxtkn canwn 2 hxngnxnthisrangodyphxkhxngekha ephuxkaretriymphrxmsahrbtharkthicaekid ecssi aekrxn ephrsliy phichayfaaefdthiekidkxnekha 35 nathi aetkesiychiwitip thaihekhaepnbutrephiyngkhnediyw ephrsliysnithsnmkbthngphxaelaaemaelakxihekidkhwamsnithsnmepnaenbaennkbaemkhxngekha khrxbkhrwkhxngekhaipthiobsthkhrisetiynsmphnth thithiekhaidrbaerngbndalicthangdandntriinkhntn ephrsliymiechuxsayphsmyuorptawntkepnswnihy xyangskxtaelnd ixraelnd aelanxrmnfrngessbang hnunginthwdkhxngaekrdis epnchawechxorkhiaelacakbnthukthangkhrxbkhrw hnunginyakhxngethxepnchawyiw aekrdisepnthinbthuxinehlabrrdayatiaelaephuxn epnkhnedninkhrxbkhrwelkni ewxrnxnyaycaknganhnungsunganhnung ekhamikhwamthaeyxthayanxyubang khrxbkhrwkhxngekhamkxasykhwamchwyehluxcakephuxnbanaelaxaharcakrthbal inpi 1938 phwkekhaidsuyesiybaniphlngcakthiewxrnxnmikhwamphidthanplxmaeplngechkhthiekhiynodyecakhxngthi ekhaxyuinkhuk 8 eduxn swnaekldisaelaexlwisyayipxyukbyati ineduxnknyayn kh s 1941 ephrsliyeriynekrd 1 thiorngeriynxistthuephxol thikhruphusxnrabukareriynkhxngekhawa xyuinradbpanklang ekhaidrbkarchkchwnihrwmprakwdrxngephlnghlngcakthithaihkhruprathbickbkarnaephlngkhnthrikhxngerd ofelythichux Old Shep marxngihmchwngswdmnttxnecha odykarprakwdekhaekharwmaekhngepnnganthichuxmississippi aexlaaebma aelaidxariochw inwnthi 3 tulakhm kh s 1945 epnkaraesdngtxhnasatharnakhxngekhaepnkhrngaerk ekhaaetngtwepnkhawbxy odyedkchayephrsliywy 10 pi yunxyubnekaxiephuxyunrxngimokhrofnthisungkwa rxngephlng Old Shep ekhaidthi 5 hlayeduxntxma ephrsliyidrbkhxngkhwywnekidkbkitartwaerk aetekhahwngwacaidsingxun imckryankpunirefil hlaypithdma ekhaideriynkitarphunthancaklung 2 khnaelasasnacarykhnihmthiobsthkhrxbkhrwekha ephrsliyexythungehtukarnnnwa phmidkitaraelaphmkduphukhnaelaphmkeriynrukarelnnidhnxy aetphmimekhyrxnginthisatharna phmepnkhnkhixaymak ekhaekhaeriynthiorngeriynihmthichuxmilam inekrd 6 emuxeduxnknyayn kh s 1946 ephrsliyphudwaekhasnods hlaypitxmaekhaerimnakitarkhxngekha eriynruphunthankarelnthuk wn ekhacaelnaelarxnginchwngxaharklangwn aelamkcaaeklngthaepnehmuxnphwkedkehlwihlthielndntrikhnbannxk khrxbkhrwkhxngekhatxnnnxyukbephuxnbanchawaexfriknxemriknkhnadihy ekhaepnsawkraykarkhxngthangsthaniwithyuthuephxolthichux WELO nxngchaykhxngslimthiepnephuxnrwmchnphudthungephrsliyinchwngnnwa ekhakhlngikhldntri ekhamkphaephrsliyipthisthani slimidsxnsathitethkhnikhkarelnkhxrdkitarihkbephrsliy emuxekhaxayuid 12 pi slimidcdphngraykarihekhaelnxxkxakas 2 khrng ephrsliyexachnakhwamklwinkarkhunewthikhrngaerkid aelayngidaesdngxikhlayhlayxathitythdma chiwitwyruninemmfis ineduxnphvscikayn kh s 1948 khrxbkhrwkhxngekhayayipxyuemmfis hlngcakyaythinthanekuxbpiinbanecha phwkekhaidekhaxasyxphartemnt 2 hxngnxninxakharthiphksatharnathimichuxwa khxrts ekhasmkhreriynthiorngeriynmthymhums ephrsliyeriynidekrdsiinwichadntriemuxeriynekrd 8 aelaemuxxacarysxndntribxkekhawaekhaimthnddankarrxngephlng ekhaknakitarinwnrungkhunaelarxngephlnghitlasudthichux Keep Them Cold Icy Fingers Off Me ephuxphisucnwaimichechnnn ephuxrwmchninewlatxmaklawwa khruehndwykbexlwiswathuk emuxekhaphudwa ethximphxickarrxngkhxngekha odythwipaelwekhacarusukxayinkaraesdngtxhnakhnaelamkthukkephuxnrwmchnraraninaengmumwa edktidaem inpi 1950 ekhaerimfukfnkitar inkarsxnkhxng ecssi li ednsn thiepnephuxnbanaekkwaekha 2 pikhrung phwkekhaaelakbchayhnum 3 khn rwmthungphubukebikephlngrxkxabilliinxnakht sxngphinxngdxrsiyaelacxhnni ebxrentt kxtngwngelndntrihlwm aesdngepnpracabriewnrxb khxrts ineduxnknyaynpinn ekhaerimthanganepnedkedintwthi orngphaphyntreliywssetd nganxuninchwngrahwangeriynxyangechnthathiphrisichnthul eliywsxaekn aelamarlemthlophrdks inchwngthieriynxyuinpicueniyreyiyr ekrd 11 ephrsliyerimmikhwamoddednxyangehnidchdinbrrdaephuxnrwmchn epnephraahnatakhxngekha kbekhrakhangibhuthioddednaelathrngphmthiisnamnkuhlabaelawaeslin inchwngewlaswntwekhacamunghnaipthithnnbil icklangkhxngyanephlngbluskhxngemuxngemmfis aelaephngmxngipyngesuxphaxneplngprakayphanhnatakhxng inpisudthaykhxngkareriynmthym ekhakidswmchudthiekhaephngmxngnn ekhaexachnakarepnkhnimklaaesdngxxkodyaesdngnxkkhxrts ekharwmaekhnginraykar Annual Minstrel khxnghumsemuxeduxnemsayn 1953 ekharxngaelaelnkitar odyepiddwyephlngdnglasudkhxngethersi bruewxruthichux Till I Waltz Again With You ephrsliyklawwakaraesdngkhrngnnthaihekhamichuxesiyngxyangmak chnimidodngdngthiorngeriyn lmehlwindandntri epnsingediywthiphmekhylmehlw aelabdnniphmkawsuraykarochwkhwamsamarth emuxphmedinkhunewthiphmidyinkhnsngesiyngdngaelakrasib aelathaysud ephraawaimmiikhrruckphm phmrusukprahladicthiphmodngdnghlngcaknn ephrsliyphuimekhyidrbkarfuksxnxyangepnthangkaraelakarxanontdntri ekhaeriynaelaelnodyichhuekhaexng ekhaiprankhayaephnesiyngxyubxy ipfngcukbxksaelafngthibuth ekharuckephlngthnghmdkhxng aelaekhachxbephlngkhxngnkrxngephlngkhnthrixunxyang rxy xakhff exxrenst thbb ethd dafaefn cimmi rxdecxrs cimmi edwis aelabxb willis ekhayngchunchxbnkrxngephlkxseplchawitthichux eckh ehs thiepnxiththiphlinkarrxngephlngblladihkbekhaxyangmak ekhayngepnphuchmthwipthixxl intsingkings rayeduxn thimiklumnkrxngkxseplphiwkhawaesdng sungidrbxiththiphlcakdntrioslkhxngchawaexfriknxemrikn ekhachunchxbdntrikhxngnkrxngkxseplphiwdathichux echnediywkbklumephuxnkhxngekha inbangkhrngekhaxacipngandntriblus inkhunphiessechphaaklumkhnfngphiwkhaw ekhayngfngsthaniwithyuthxngthinthielnephlngkhayerserekhids thimiaenwephlngosl blusaelaephlngsmyihm kbdntriaebkbithnk khxngephlngrithumaexndblus mihlayephlnginxnakhtkhxngekhathiidrbaerngbndaliccaknkdntrichawaexfriknxemrikn xyangechn aelabi bi khing phudthungexlwiswa ekharuckexlwiskxnthiekhacaodngdng ephraathngkhuchxbipthnnbil emuxekhaeriyncbradbmthymineduxnmithunayn 1953 ephrsliykideluxkxachiphdandntriepnxachiphinxnakhtkhxngekhaaelw bnthukesiyngephlngaerk 1953 55 aesm fillipsaelasnerekhids ephrsliyinphaphopromtkhxng snerekhids emuxpi kh s 1954 ineduxnsinghakhm kh s 1953 ephrsliyedinekhaipinsankngankhxng ekhatxngkarthicaichstudioximkinathiephuxbnthukesiynglngaephnsngekhraahsxnghna thichuxephlng My Happiness aela That s When Your Heartaches Begin txmaekhaxxkmaklawwaephlngehlaniekhatxngkarihepnkhxngkhwywnekidihaemekha hruxaekhxyaklxngwacamilksnaxyangir kbkarbnthukesiyngaebbsmkhrelnsungiklkbrankhathwip aetnkekhiynxtchiwprawti ethiyngwaekhaeluxksnerekhidsephraahwngwacamiikhrmakhnphbekha emuxphnkngantxnrb aemeriyn khisekxrthamephrsliywaekhaepnnkrxngpraephthihn ephrsliytxbwa phmrxngidthukxyang aelaemuxethxyathamwaekharxngehmuxnikhr ekhaktxbsawa phmimidrxngehmuxnikhr hlngcakthiekhabnthukesiyng hwhnakhxngsnerekhidsthichux kihkhisekxrekhiynbnthukchuxkhxngchayhnumnn sungethxkekhiynbrryayipwa nkrxngephlngblladthidi ephrsliytdaephnxikkhrngineduxnmkrakhm 1954 inephlng I ll Never Stand In Your Way aela It Wouldn t Be the Same Without You aetkimmixairmakipkwann aethlngcaknnimnan ekhaimphankarxxdichninkarklumrxng 4 khnthichux sxngeflols ekhabxkkbphxkhxngekhawa phwkekhabxkphmwa phmrxngephlngimid cim hamillaehngsxngefolw phayhlngxxkmaklawwa ekhaptiesthipephraawaekhaimsamarthaesdngkarichhufngesiyngprasanidinewlann ineduxnemsayn ephrsliyerimthanganthibristhkhrawnxielkthrik taaehnngkhnkhbrthbrrthuk ephuxnkhxngekha rxnni smith thiidrwmaesdngephlngkbekhabangkhrng idaenanaihruckexddi bxnd hwhnakhxngwngxachiphkhxngsmith sungkalngepidhankrxngnaxyu bxndptiesthekhaiphlngcakthdsxbkhwamsamarth yngaenanaephrsliyihkhbrthbrrthuktxip ephraawakhunimsamarthepnnkrxngidely fillipsinkhnannthikalnghakhnkhawikhrskkhnthisamarthrxngephlngsitlkhndaid ephraatxngkarthicakhyaythankhnfngihkwangkhun aelacakrayngankhxngkhisekxr hlaytxhlaykhrng chncathiaesmphudidwa thachnsamarthhakhnkhawthimiesiyngaebbniokraelakhwamrusukaebbniokr chncaihekhaphnlandxllarely ineduxnmithunayn ekhabnthukesiyngephlngblladthichux Without You thiekhakhidwaxacehmaakbnkrxngwyrun ephrsliyekhamainstudiox aetimsamarththaiheyiymid dwyehtuniexngfillipsbxkephrsliyihrxnghlayephlngethathiekharu ekharusukmiicemuxidyinwaihechiynkdntrithxngthinkhux nkkitar wilfild skxtti mwr aelamuxebs bil aeblk ihrwmnganbnthukesiyngkbephrsliy karbnthukesiyngmikhunineynwnthi 5 krkdakhm sungkimidphlnkcnthungchwngdukkhxngkhunnn phwkekharusukyxmaephaelaxyakklbban ephrsliyhyibkitarmaaelarxngephlng That s All Right khxngxarethxr khrudp mwrklawphayhlngwa singthiekidkhunkhux exlwiserimrxngephlng kraoddipthwaelathaehmuxnkhnba caknnbilkerimhyibebs aelaerakerimbakndwy caknnkerimelnephlng aesmthixyuthibuthkhwbkhum kyunhwxxkmaaelwbxkwa phwkaekthaxairxyu aelaphwkeraktxb imruehmuxnkn ekhaphudwa oxekh di hathiwacaerimtrngihnaelaexaxikkhrng fillipskerimbnthukethp epndntrithiphwkekhakalnghaxyunan 3 wntxma diecthimichuxesiyngthichux diec elnephlng That s All Right inraykarerd hxt aexndblu khnfngerimcaothrekhama aelasngsywaikhrepnkhnrxng caknnexngfillipskelnephlngsaxikkhrngin 2 chwomngthaykhxngraykar aelasmphasnephrsliyxxkxakas fillipsthamwaeriynorngeriynihn aelathameruxngsiphiwthimikhnthamekhamakhidwaekhakhuxkhnda hlaywntxmawngthrioxniidbnthukesiyngephlng khxngbil mxnor thichux Blue Moon of Kentucky aelaxikkhrngdwykhwamoddednkhxngaenwkarelnaelabwkkbesiyngsathxnkhxngerux thiaesm fillipsnamacak slapback xxkepnsingekilodymiephlng That s All Right xyuinhnaex aelaephlng Blue Moon of Kentucky xyuindantrngkhamkhxngaephnesiyng karaesdngsdchwngaerkaelaesnsyyakbxarsiex wngthrioxidelntxhnasatharnchnkhrngaerkemuxwnthi 17 krkdakhm thibxnaexrkhlb ephrsliyyngkhngichkitarkhxngedkeln phxplayeduxnphwkekhakprakttwthioxewxrtnpharkechll rwmkbkarnakhxng aeladwykartxbrbincnghwaaelakhwamkhwamprahmainkaraesdngtxphuchmcanwnmak thaihephrsliyekhyakhakhxngekhainkaraesdng kbkarekngkhabanthiisyingthaihennkarekhluxnihw thaihsawwyrunerimthicasngesiyngkrid mwrphudthungehtukarnkhrngnnwa inchwngthibrrelngephlng ekhacathxyhlngipaelaerimelnaelaekhya caknnphuchmkerimkhlng swnaeblkkbrrelngebskhxngekha odydbebillikinephlng ephrsliyralukwa mnepndntrithibacring ehmuxnklxngcngekilhruxxairskxyang hlngcaknn mwraelaaeblkklaxxkcakwng ephuxelnihkbephrsliypraca swndiecaelaoprometxr bxb nil kklayepnphucdkarwngthrioxni cakeduxnsinghakhmthungtulakhm phwkekhaelnxyubxykhrngthixiekilsenstkhlbaelaklbmabnthukesiyngthisnstudiox ephrsliykrusukephimkhwammnicxyangrwderwemuxkhunewthi mwrklawwa karekhluxnihwkhxngekhachangduepnthrrmchati aetekhaktngicmaktxptikiriya ekhacathamnkhrnghnungcaknnkcathatxodythamniherw ephrsliyidprakttwephiyngkhrngediywbnewthi aekrndoxeloxphri thiaenchwill emuxwnthi 2 tulakhm hlngcakphuchmtxbrbxyangebabang suphaph phucdkarraykarthichuxcim ednni bxkkbfillipswa nkrxng duimelw aetimehmaakbraykar 2 xathitytxma ephrsliymichuxxyuinraykar luyesiynaehyird sungepnkaraekhngkhnthinatunetn raykarkhxngemuxngchifphxrt thixxkxakasinsthaniwithyu 198 sthaniin 28 rth ephrsliyrusukekhriydinkaraesdngaerkthiphuchmtangengiybinkaraesdngkhxngekha aetkaraesdngthimixarmnsngbaelamiphlngthaihidrbesiyngtxbrbxyangsnic diec fxnthana thiepnmuxklxng idisxngkhprakxbihmephuxsngesrimcnghwaekhluxnihwkhxngephrsliydwykarenncnghwathiekhaekhyelnthikhlbepluxykay hlngcakkaraesdng ehyirdchwnephrsliyihmaprakttwinkhunwnesarepnewla 1 pi ekhaidkhaykitarekaidengin 8 dxllarshrth ekhasuxekhruxngdntri epnengin 175 dxllarshrth aelawngthrioxkerimelntamsthanthitang rwmthunginhiwstn rthethkssaela rthxarkhnsx intnpi 1955 ephrsliyprakttwepnpracathi ehyird xxkthwrtlxdewlaaelaidrbesiyngtxbrbthidiinkarxxkaephnesiyngthithaihekhaepndaradnginradbthxngthin tngaetinethnenssiipcnthungewstethkss ineduxnmkrakhm nilidesnsyyakarcdkarxyangepnthangkarkbephrsliyaelanankrxngekhaphbkbokhorenl thxm pharkekxr thithuxwaepnoprometxrthidithisudinthurkicdntri pharekxr ekidenethxraelndaetxangwamacakewstewxrcieniy idrbtaaehnngphnexkcakkhnakrrmkarkhxngnkrxngephlngkhnthri thichux thiklaymaepnphuwakarrthluyesiyna pharekxrprasbkhwamsaercinkarcdkardarakhnthriaethwhnaxyang exddi xaronld thiidrwmngankbnkrxngkhnthrixndb 1 hnaihmkhnann aehngk sonw odypharkekxridcdkarihephrsliyxxkthwrkhxngsonwineduxnkumphaphnth emuxthwrthungemuxngoxedssa rthethkss rxy xxrbisnkhnaxayu 19 pi idehnkaraesdngkhxngephrsliyepnkhrngaerk kbxkwa phlngkhxngekhaepneruxngehluxechux khwamoddednkhxngekha mnnaxscrry phmimruwathaidynging immicudxangxingxunthangwthnthrrmthicaepriybethiybmnidely ephrsliyidprakttwkhrngaerkthangothrthsnemuxwnthi 3 minakhm thang ekhexsaexnex thiwi xxkxkxakasthang luyesiynaehyird hlngcaknnimnanekhaktkrxbkarxxdichninraykaraesdngkhwamsamarth xarethxrkxdfriysaethelntsekats thangsthaniradbchatisibiexs ineduxnsinghakhm khaysnerekhidsxxkaephninchux Elvis Presley Scotty and Bill ephlngbangephlngxyangephlng That s All Right thinkekhiyncakemmfisxthibayiwwa epnsanwnxaraexndbikhxngaecsniokr ephlngxunxyang Blue Moon of Kentucky milksna aebbkhnthrimakkwa aetkarkarrwmthiaeplkinkarnasxngaenwephlngthiaetktang rwmekhamadwykn karrwmaenwephlngnithaihepnkaryakthisthaniwithyucaelnephlngkhxngephrsliy cakkhaphudkhxngnilekhaklawwa diecephlngkhnthricaimelnephlngniephraawamkduepnsilpinkhndaekinip aelaimmisthaniaenwrithumaexndblusthicaaetaphwkekhaephraawa mnduepnhillbilliekinip karrwmechnniepnthiruckinchux rxkxabilli inewlannephrsliymichayawa rachaaehngewstethirnbxp chayhilbilli aela aesngwabcakemmfis ephrsliyesnsyyaihmkbnilineduxnsinghakhm 1955 inkhnaediywknpharkekxrepnthipruksaphiess wngyngkhngxxkthwrxyangtxenuxnginchwnghlngkhxngpi nilyngphudwa mnekuxbepneruxngnaklw ptikiriyatang thungexlwiscakwyrunphuchay mihlaykhnkhxnkhangxicchaaelaekliydekha inbangkhrngxyangbangemuxnginethkss eratxngmnicwamitarwckhumknxyuephraacamiikhrbangkhncachxbkawrawtxekha phwkekhamiaekngaelaphyayamcadkocmtihruxxyangxun wngthrioxklayepnwngkhwxett 4 khn emuxmuxklxngcakehyird thichuxfxnthana rwmwngetmwng inklangeduxntulakhm phwkekhaelninhlayraykarephuxsnbsnunihkbochwkhxng thimiephlng Rock Around the Clock tidxndb 1 emuxpikxn haliyusngektephrsliywaekhamikhwamepnthrrmchatiinswnkhxngcnghwa aelaaenanaekhaihrxngephlngblladihnxylng innganchudnumdieckhnthri intneduxnphvscikayn ephrsliyidrbkarlngkhaaennesiyngepnsilpinchayaehngkhwamhwngthisudaehngpi mihlaykhayephlngsnicthicacbekhaesnsyya hlngcak 3 khayihyesnxenginsungthung 25 000 dxllarshrth pharkekxraelafillipssnicinsyyakhxngxarsiexwiketxr odyesnemuxwnthi 21 phvscikayn ihsyyakhxngephrsliythimikbsnerekhidscbipodyengin 40 000 dxllarshrthb ephrsliysungkhnannxayu 20 pi yngepnphueyawxyu kihbidaesnsyyaaethn pharkekxrthiidetriymngankbecakhxnghilaexnderncphbblichching khuxchxng aelacueliyn exebxrbach idrwmsrangchux exlwis ephrsliy miwsik aexnd aekrldis miwsik ephuxcdkarwtthudibihminkarxdesiyngihkbephrsliy minkekhiynephlngidekhamachwyehluxxyukxnephuxtxbaethnaelkepliynkbkaraesdnginphlnganphwkekhac ineduxnthnwakhm xarsiexerimthicaprachasmphnthnkrxngkhnihmxyanghnk aelakxncacbeduxnekhaidxxkphlngankbkhaysnekhidsihmxikkhrng aecngekidaelakhxphiphath 1956 58 karprakttwkhrngaerkthangsthaniothrthsnradbchatiaelaxlbmepidtw phaphprachasmphnthkhxngraykarkhxngsibiexs Stage Show xxkchayemuxwnthi 16 mkrakhm kh s 1956phaphpkxlbm epidtwkhxngephrsliyinpi 1956 phaphthayemuxwnthi 31 krkdakhm kh s 1955 wnthi 10 mkrakhm kh s 1956 ephrsliyidthakarbnthukesiyngkhrngaerkkhxngkhayxarsiexinemuxngaenchwil idephimthimaebkxpchwymwr aeblk aelafxnthana odyxarsiexephimnkepiyon flxyd ekhremxr nkkitar echt aextkhins aelankrxngprasan 3 khn khuxkxrdxn sotekxr cakwngsikhnthimichuxesiyngthichux cxraednaenrs ephuxthietimetmesiyngekhaip epnkarbnthukesiyngephlngkhunhmxngthiimthrrmda thichux Heartbreak Hotel xxkkhayepnsingekilemuxwnthi 27 mkrakhm cninthisudpharkekxrkidnaephrsliyxxkothrthsnradbchati odyihekhaaesdngbnewthikhxngsibiexsthung 6 khrnginrxb 2 eduxn raykarphlitthiniwyxrk miphithikrslbkniprahwangphinxngphunawngbikaebnd aela hlngcakkarprakttwkhrngaerkemuxwnthi 28 mkrakhm ephrsliykidxyuinemuxngephuxbnthukesiyngthistudioxkhxngxarsiexinniwyxrk bnthukesiyng 8 ephlng rwmthungephlngthaihmkhxngkharl ephxrkins aenwrxkxabillithichux Blue Suede Shoes ineduxnkumphaphnth ephlngkhxngephrsliy I Forgot to Remember to Forget thibnthukesiyngkbsnerekhidsaelaekhyxxkineduxnsinghakhmpikxn idtidchartxndb 1 bn syyakbnilidcblngipaelainwnthi 2 minakhm pharekxrklayepnphucdkarkhnihmkhxngephrsliy xarsiexwiketxr idxxkphlnganxlbmepidtwkhxngephrsliyinchuxtwekhaexng emuxwnthi 23 minakhm miephlngcakxlbmthibnthukesiyngkbsnthiimekhyxxkmakxn 5 ephlng xik 7 ephlngihmmikhwamhlakhlay miephlngkhnthri 2 ephlngaelaephlngpxpkrachbkraechng ephlngxunennipthidntrirxkaexndorlthikalngphthna xyang Blue Suede Shoes thi prbprungewxrchnkhxngephxrkinsinthukthang cakkhaphudkhxngnkwicarn orebirt hilebirn aela 3 ephlngxaraexndbithiepnraykaraesdngkhxngephrsliybnewthihlaykhrng epnkarnaephlngkhxnglitethil richard ery charls aela mathaihm aelahilebiryngxthibaywa epnephlngthiepidephymakthisudthnghmd imehmuxnkbsilpinkhnkhawxun thicaecuxcangkhwamklahaykhxngtnchbbxaraexndbilngip inephlngkhristthswrrs 1950 aetephrsliyidepliynrupaebbihm ekhaimephiyngaetphlkdnihmithanxngekhakbexklksnesiyngkhxngekha aetyngnakitar imichepiyon epnekhruxngdntrinainthng 3 krni thuxepnxlbmrxkaexndorlxlbmaerkthikhunxndb 1 bnchartbilbxrd aelaxyunan 10 spdah khnathiephrsliyimichnkptirupekhruxngdntrixyangmwr hruxrxkekxrchawaexfriknxemriknrwmsmyxyang aelachkh ebxrri nkprawtisastrwthnthrrmthichux kilebirt bi rxdaemn otaeyngphaphpkxlbmwa exlwisphusungichewlatlxdchiwitekhabnewthi kbkitarinemuxngthiekhaelniddimakintaaehnngthimikitar epnekhruxngdntrithidithisukbekha kbrupaebbaelacitwiyyankhxngdntriaebbihm miltnebxrlochw aela Hound Dog ephrsliyprakttwkhrngaerkin 2 khrngthi raykar thangchxngexnbisi emuxwnthi 3 emsayn ekhaaesdngbndadfaerux thiaesndiexok ekhaidrbesiyngechiyraelaesiyngkridcakkhnduthngcakthhareruxaelakhnthimaphbecx hlaywntxma ethiywbinthiephrsliyaelawngthicaipaenchwilephuxbnthukesiyngekidekhruxngsnxyanghnk 3 khrngemuxekhruxngesiyaelaekhruxngbinekuxbtklngthirthxarkhnsx 12 xathitytxmahlngcakxxksingekil Heartbreak Hotel khunxndb 1 bnchartpxpephlngaerkkhxngephrsliy inplayeduxnemsayn ephrsliyerimphkxyuthi thi epnewla 2 spdah ochwimidrbkartxbrbthidicakklumhwxnurks sahrbaekhkwyklangkhnkhxngorngaerm niwswikekhiynwicarnwa ehmuxnehyuxknathimiehlakhawophdinpartiaechmepy inchwngthixyuthilasewks ephrsliythimikhwamiffnxyangmakindanaesdng idesnsyya 7 pikbpharaematphikecxs ekhaerimxxkthwrinmidewstchwngklangeduxnphvsphakhm in 15 emuxngepnewlahlaywn ekhaekhaipduochwhlayochwkhxng inlasewksaelatidicephlngthaihmthichux Hound Dog ephlnghitinpi 1952 khxngnkrxngephlngblusthichux aelaephlngniidthuxepnephlngihminkaraesdngkhxngekha hlngcakaesdnginlakhrxs inrthwiskhxnsin kmikhxkhwamekhiynbnhnahnngsuxphimphthxngthininekhruxkhathxlik sungkthuksngipihhwhnaexfbithichux ec exdkar huewxr ekhiyniwwa ephrsliyepnxntrayxyangyingkbkhwamplxdphykhxngshrthxemrika karaesdngkhxngekhaepnkarkratunxarmnthangephsihkbklumwyrun hlngcakaesdngochw miwyrunkwa 1 000 khnphyayamekharwmipxyuinhxngkhxngephrsliythiornglakhr epnkarbxkthungkhwamxntraykhxngephrsliy aekhinlakhrxskmihyingsawihskhul 2 khn thiihephrsliyesnlayesnthithxngnxyaelatnkha karaesdngkhrngthi 2 thi raykar miltnebxrlochw ekidemuxwnthi 5 mithunayn thistudioxhxlliwudkhxngchxngexnbisi inchwngrahwangkhwamwunwayinkarxxkthwr ebxrlidchkchwnekhaihthingkitarhlngewthi aenaihekha ihphwkekhaphbkhun lukchay rahwangkaraesdngephrsliyhyudochwkathnhninchwngephlngmicnghwa Hound Dog odyobkaekhnaelaerimthaihchalng thaduedn etmipdwyphlng kbkarekhluxnihwthiduekincring karaesdngkarhmunkhxngekhathaihekidesiyngwicarnxyanghnk nkwicarnothrthsn aeck kuldcak ekhiyniwwa khunephrsliy phusungimmikhwamsamarthdankarrxng karthaythxdkhxngekha thasamartheriykidwa prakxbdwykhwamhlakhlaythw ip thierimthwngthanxngaebbinxangna lksnaphiessxyanghnungkhxngekhakhux karekhluxnihwkhxngrangkaythimiexklksn odymakcaehnthungraykarkaraesdngthinatkicaebbphwklxeliynkaraesdng swnebn krxs cak niwyxrkedliniws aesdngkhwamehndntripxpwa idthungcudtasudkhxngphvtikrrmplaykhahnib khxngexlwis ephrsliy exlwiskhnthiekhluxnkradukechingkran idaesdngepnnyyaeruxngxnacaraelahyabkhay phsmdwyrupaebbkhxngstwpathixachmaythungsxngosephni exd slliaewn ecakhxngraykarwairtiochwxnodngdngradbchati prakaswaekha imehmaasahrbphuchminkhrxbkhrw ekhathukeriykwa Elvis the Pelvis exlwis kradukechingkran sungsrangkhwamimphxickbekha ekhatxbklbipwa epn 1 inkaraesdngxxkthipyyaxxnthisudethathiekhyidyin thimacakphuihyexng stifxlelnochw aelakarprakttwkhrngaerkinraykarslliaewn slliaewnaelaexlwiskhnasxmkaraesdngsahrbraykarstifxlelnochw raykarkhxngebirlidrberttingsungemuxkhrngephrsliy prakttwemuxwnthi 1 krkdakhm thangraykar inniwyxrk xlelnsungimichaefnephlngrxkaexndor idaenanaexlwisaebbihm inchudphuobwsikhawaelasuddamithay ephrsliyrxngephlng Hound Dog imthung 1 nathiihkbsunkhphnthubasesthawdthiswmhmwdaelaphukithd nkprawtisastrraykarothrthsn eckh xxsetnklawwa xlelnkhngkhidwaephrsliyimmikhwamsamarthaelairsara cungthaxyangnnkbephrsliythicathaihephrsliydusankphid txmaxlelnekhiynwa ekhaphbwaephrsliy aeplk sungaelaphxm edkhnumkhnthriphumiphrswrrkh mikhwamechliywchladthiyakcaxthibay miesnhcnnaaeplkic aelaepnnkrxngthisrangkhwamtlkinraykarekha sungtxmaephrsliyexngktxbklbwaepnkaraesdngthiphilukthisudthiekhathainxachiphkhxngekha txmainkhunediywkn ekhapraktinraykar raykarothrthsnthxngthinyxdniym txbrbekiywkbsingthiekhaeriynrucakkarwicarnthiekhatkepnepahmayxyu ephrsliytxbwa imely phmimekhyrusukwaphmthaxairphid phmimehnwacapraephthdntricathaihekidxiththiphldanraykbkhn ephraamnkepnaekhdntri phmhmaythung rxkaexndorlcathaihikhrtxtanphxaemekhaid ephrsliykbwngaebkhxphkhxngekha edxa cxraednaenrs wnthdmaephrsliybnthukesiyngephlng Hound Dog kbephlng Any Way You Want Me aela Don t Be Cruel khnathiwngcxraednaenrsrxngprasan ehmuxnthithainraykar edxastifxlelnochw phwkekhaidrwmngankbephrsliycnthungkhristthswrrs 1960 txmahlaywnekhaaesdnginkhxnesirtklangaecnginemmfis ekhaprakaswa ruihm khnehlaniinniwyxrkcaimsamarthepliynphmid phmcaaesdngihkhunehnwaexlwisthiaethcringepnxyangir inkhunni ineduxnsinghakhm phuphiphakasinaecksnwil inflxrida sngihephrsliysukhumkwaediminkaraesdng epnphlinkaraesdnginkhrngtx ma ykewnkaraekwngniwipmainlksnalxeliynkarsng ekhanaephlng Don t Be Cruel khukb Hound Dog tidxndb 1 bnchartnan 11 spdah epnsthitiephlngxndb 1 yawnanthisudrwm 36 pi ekhabnthukesiynginxlbmchudthi 2 inhxlliwudinchwngspdahaerkkhxngeduxnknyayn ecxrri liebxraelaimk stxlelxr phuekhiynephlng Hound Dog idchwyekhiyninephlng Love Me raykarkhxngxlelnthimiephrsliyrwmnn idchnaeruxngerttingkhrngaerk inraykar diexdslliaewnochw thangchxngsibiexs aettxmathangslliaewnprakasxxkmaineduxnmithunaynwa ekhacaprakttwinraykar 3 khrngkbkhatw 50 000 dxllarshrththiimekhymimakxn khrngaerkemuxwnthi 9 knyayn kh s 1956 miphuchmraw 60 lankhn thuxepnrxyla 82 6 khxngphuchmraykarothrthsn nkaesdng phithikrkhxngraykarsungmathahnathiaethnslliaewnenuxngcakphkfuncakprasbxubtiehtuthangrthynt ephrsliyprakttwin 2 swnkhxngraykarinkhunnncak sibiexsethelwichnsiti inhxlliwud thaythaephrsliycakexwkhunip khnathidukhlipkhxraykarxlelnaelaebirl kboprdiwesxrkhxngekha slliaewnihkhwamehnwa mibangxupkrnbangxyangaekhwntrngbriewnxwywaephsekha caknnekhaaekwngkhaipma mncungthaihehnswnewanunkhxngxwywaephsekha phmkhidwamnkhuxkhwdokhk aetimid mncaekidkhunmaidinkhunwnxathity nimnraykarsahrbkhrxbkhrw slliaewnbxkkb thiwiikd iwwa karhmuntwkhxngekhaerasamarthkhwbkhumidinklxng aetaethcringaelw ephrsliypraktetmtwinkaraesdngkhrngaerkaelakhrngthisxng thungaemcaramdrawnginkarthayphaphemuxekhaprakttw kbkarimkhyaychdtrngkha emuxekhaetn aetphuchminstudioxkmiptikiriyadwnesiyngkrid ephrsliyidaesdngsingekilthikalngcakxxk epnephlngblladthichux Love Me Tender sungsrangsthitimikarsnglwnghnarwmlan makipkwasingekilidthiekhymima thuxepnkarprakttwkhxngekhainraykar diexdslliaewnochw thithaihekhaepnkhndngradbpraeths ethiybkbkhrngkxnhna prakxbkbkhwammichuxesiyngthiephimkhunkhxngephrsliy thaihekidkarepliyndanwthnthrrm thiekhachwydlicaelathaihklayepnsylksn kxihekid khwambakhlngthimakthisudkhxngwngkarpxb tngaetkhrngekln milelxraelaaefrngk sinatra ephrsliyidnarxkaexndorlkawekhasukraaeshlkkhxngwthnthrrmsmyniym ekhiynodymarti ciesxr ephrsliyidnafikawkhxngsilpa thisilpinxunkawtam ephrsliymimakkwaikhrxun idsrangkhwamsrththakbkhnrunihmihphwkekhaoddednaelainbangkhrngsrangkhwamepnhnungihkbkhnrunnn epnkhrngaerkinxemrikathirusukehmuxnwamiphlngthirwmwthnthrrmwyrunekhadwykn fungchnthibakhlngaelakawsuwngkarphaphyntr ephrsliyinkaraesdngsdthinganmississippi aexlaaebmaaelaidaexriochw phuchmtangtxbrbinkaraesdngsdkhxngephrsliyephimkhuneruxy cnkhlngikhl mwrralukkhwamhlngwa ekhaerimrxngwa You ain t nothin but a Hound Dog aelaphwkekhaklayepnchinelkchinnxy phwkekhatangaesdngptikiriyainlksnaniehmuxnedim ehmuxnmikarprathwngtlxdewla inkaraesdngkhxnesirt 2 khrngineduxnknyayn thinganmississippi aexlaaebmaaelaidaexriochw idmikarephimphurksakhwamplxdphyaehngchati canwn 50 khn ihkbtarwcinkarrksakhwamplxdphyephuxpxngknpyhacakfungchn xlbmchudthi 2 khxngekhathichux Elvis xxkcahnayineduxntulakhm aelakawkhunsuxndb 1 xyangrwderw idmikarpraeminphlkrathbdandntriaelawthnthrrmkbnganephlng That s All Right nkwicarnephlngrxkthichux edf march ekhiyniwwa ephlngni epnmakkwaephlngxun miemldphlthiepnrxkaexndorl ephrsliyklbsuraykar slliaewnochw xikkhrng miphithikrkhuxslliaewnexng emuxwnthi 28 tulakhm hlngcakkaraesdng fungchninaenchwillaelaesnthluysthiimphxicekhatangephahuncalxngrupekha phlnganphaphyntreruxngaerkkhxngekha xxkchayemuxwnthi 21 phvscikayn sungaetedimcaichchuxwa The Reno Brothers aelathungaemwaekhacaimidmiraychuxxyubnhwsud aetphaphyntrkidepliynchuxmaichtamchuxephlngxndb 1 khxngekhakhux Love Me Tender sungtidxndb 1 kxnhnaineduxnnn yngthuxoxkascakkhwamodngdngkhxngephrsliy odyephimephlng 4 ephlngekhaip phaphyntridesiyngtxbrbthidicaknkwicarnaetimprasbkhwamsaercdinkintarangbxksxxffis txmaephrsliykmichuxxyubnsudthukkhrngip emuxwnthi 4 thnwakhm miphlngankhxngephrsliyxxkphayitsngkdsnerekhids emuxkhrngthibnthukesiyngkbkharl ephxrkinsaelaecxrri li luxis thungaemwafilipcaimidthuxlikhsiththiinkarxxkephlngtang khxngephrsliyaelw ekhakidbnthukesiyngkarbnthukesiynginethp phlkhuxklayepnkarbnthukesiyng innam mileliyndxllarkhwxrett cbplaypikbkarphadhwkhawin wxllstritecxrnxl raynganwakhxngthiralukkhxngephrsliymirakha 22 landxllarshrthsahrbyxdkhay aelanitysarbilbxrdprakaswaekhamiephlnginthxp 100 makkwasilpinidthiekhymima tngaeterimmichart inpiaerketm kbsngkdxarsiex sungthuxepnbrisththurkicdntrithiihythisudbristhhnung kmiyxdkhaysingekilkhxngephrsliyepnrxyla 50 khxngrayidbristh karrwmngankbliebxraelastxlelxr aelahmayeknththhar ephrsliyprakttwkhrngthi 3 aelaepnkhrngsudthayinraykar exdslliaewnochw emuxwnthi 6 mkrakhm kh s 1957 inkhrngnithayephiyngthungexw nkwicarnbangkhn klawwa pharkekxridpraphnthdntriihekhakbkaresnesxraeksatharna nkwicarnthichux kril markhs xthibaywa ephrsliyimidcakdesriphaphtwexng ekhaplxyihesuxphaimnasnicthingip aetekhakawxxkmaphrxmesuxphaaeplk xyangkhunnang aetnghnathangta plxyphmmathihna karaesdnglksnathangephsphanthangpak ekhaelnepn rudxlf waelntion xyanginphaphyntreruxng aelainkarpidkaraesdng ephrsliyrxngephlngaebboslinephlng Peace in the Valley txncbkaraesdng slliaewnxxkmaphudkbephrsliywa changepnchayhnumthioddedndi 2 wntxma emmfisxxkmaprakaskareknththhar sungephrsliycacdxyuin 1 ex aelacatxngekhaeknththharinpinn phaphthaysatharnasahrbphaphyntreruxng thng 3 singekilkhxngephrsliythixxkinchwngkhrungpiaerkkhxngpi kh s 1957 tidxndb 1 idaek Too Much aela ekhaidklayepndararadbnanachati ekhaidrbkhwamsniccakaefnephlng thungaemwaephlngekhacayngimxxkkhay yngmikarphadhwkhawwa ephrsliysrangkhwamkhlngikhlinosewiyt in edxaniwyxrkithms raynganwaephlngkhxngekhaepnthitxngkarxyangyinginrakhasung thi aelainchwngkarthaythaphaphyntraelabnthukesiyng ekhasuxaemnchn 18 hxng hangcakdawnthawnkhxngemmfisip 8 iml ekhasuxihtwekhaaelaphxaemekha in ephlngprakxbphaphyntr kklayepnxlbmxndb 1 xlbmthi 3 khxngekha ephlngitetilaethrkekhiynodyliebxraelastxlelxrthiyngkhngekhiyn 4 in 6 ephlnginkarbnthukesiyngihkbphaphyntreruxngthdma thimnkekhiynephlngidrwmknthanganinesschn aelaphwkekhaerimiklchidkbephrsliy sungekhyphudthungwa epnsingnaochkh ephlng Jailhouse Rock kepnephlnghitxndb 1 inxiphichud ephrsliyxxkthwrsn 3 thwrrahwangpi yngsrangkraaestxbrbthibakhlngcakphuchm hnngsuxphimphdithrxyt aenanawa pyhahakkhunipduexlwis ephrsliy khuxkhunxacthukkhatayid nksuksapaikhisekhainfilaedefiy aelainaewnkhuewxr fungchnprathwnghlngcbochw odykarthalayewthiaefrngk sinatra sungekhythaihwyrunsawepnlmmaaelwinchwngkhristthswrrs 1940 tahnieruxngpraktkarnihmthangdntrini odyinbthkhwaminnitysar ekhapranamrxkaexndorlwa hyabkhay naekliyd esuxm elwthram mnsngesrimihekiddanlbaelakarthalaylanginhmuwyrun duehmuxnesaesrngaelaphid ekhiynaelaelnodykhnongaelaphidpkti khuxklinehmnenakhxngkarkratunthangephs thiphmimehndwy aelahlngcakephrslyktxbrbwa phmekharphintwekha ekhamisiththithicaphudinsingthiekhaxyakcaphud ekhamikhwamprasbkhwamsaercxyangmakaelaepnnkaesdngthidi aetphmkhidwaekhaimkhwrphudxyangnn mnkhuxkraaes kehmuxnkbthiekhaecxemuxekhaerimmnemuxhlaypikxn ephrsliyaela inphaphyntreruxng King Creole liebxraelastxlelxr klbmainstudioxxikkhrngephuxbnthukesiyngihkbephrsliyinxlbmchud cnekuxbcbkarbnthukesiyng ekhaekhiynephlngtamthiephrsliyeriynkrxnginephlng Santa Claus Is Back In Town inephlngblusehnbaenm xlbmxxkinchwngwnhyud aelathaihxndbtidxndb 1 epnchudthi 4 aelatxmathuxwaepnxlbmkhristmasthikhaydithisudtlxdkal inwnthi 20 thnwakhm ephrsliyidrbhmayeknth ekhaidrbkareluxnkareknththhar cnkwacacbkarthaphaphyntreruxngtxmathichux thiidrbthunmaaelwcanwn 350 000 dxllarshrth idrbthuncakpharaemataelaoprdiwesxrthichux kxnpiihm 1 2 spdah ephlngthiaetngodyliebxraelastxlelxrthichuxephlng Don t kklayepnsingekilkhaydixndb 1 ephlngthi 10 aelaephiyng 21 eduxnhlngcakthiekhana Heartbreak Hotel khunxndb 1 epnkhrngaerk sahrbkarbnthukesiyngephlngprakxbphaphyntr King Creole ekidkhuninhxlliwud klangeduxnmkrakhm liewxraelastxlelxrthaephlng 3 ephlng aetepnkhrngsudthaythiphwkekhathanganxyangiklchidkbephrsliy rbrachkarthharaelakaresiychiwitkhxngmarda 1958 60 ephrsliysabantnekharbkareknththharinkxngthphshrth thi rthxarkhnsxemuxwnthi 24 minakhm kh s 1958 emuxwnthi 24 minakhm ephrsliythukeknththharinkxngthphshrth epnphlthharthi iklemuxng rthxarkhnsx rxyexkxarli emethni phubngkhbkarhnwysarsnethsimidetriymphrxmkbkarmakhxngsuxmwlchn emuxephrsliymathung mikhnkwa 100 khnmarxdu emuxekhakawethalngmacakrthbs changphaphmakmaykekhamarumthitwekha ephrsliyprakaswaekhatngtakhxyinkarepnthhar aelayngklawwa ekhaimtxngkarihrbkarptibtiaetktangcakphuxun kxngthphcathaxairkidkbphmtamthitxngkar txmathi rthethkss phnothmarocri chulethn idihsuxekhathungekhaetm 1 wn hlngcakthiethxprakashamsuxekhama imnanephrsliykekharwmfukebuxngtnthifxrthud minkthurkicthichuxexddi fadal thiekhyphbekhainthwrthiethkss ekhaeyiymekha fadalklawwa ephrsliyechuxwaxachiphekhaidcblngaelw ekhaechuxechnnnxyangmak in 2 spdahkhxngtneduxnmithunayn ephrsliyithsirsakhaw 5 danthiaenchwill ekhaklbipfuktxaetphxtneduxnsinghakhm aemkhxngekhasungpwyepnorkhtbxkesb aelaxakarkhxngethxkaeylng ephrsliyiderngklbmaeyiymethxodydwn thungemmfisemuxwnthi 12 singhakhm hlngcaknn 2 wnethxkesiychiwitcakphawahwicway xayuid 46 pi thaihekidkhwamesiyickbephrsliyxyangmak hlngcakfukthifxrthud ephrsliyidpracakarinhnwyyanekraa hnwythi 3 infridebirk praethseyxrmni emuxwnthi 1 tulakhm ekhaidesphaexmeftaminthiidcakephuxnthhar khnasxmrb miphlimephiyngihkalng khwamaekhngaerng aelathaihekhanahnkld aelamiephuxnekhahlaykhnrwmdwy ephrsliyideriynrukharaetepnkhrngaerk ekhasuksaxyangcringcng txmaekhakrwmekhakbkaraesdngkhxngekha ephuxnthharepnsingphisucnihehnthungkhwamhlkaehlm khwamepnthharthrrmdakhnhnung aetenuxngcakchuxesiyngkhxngekhaaelakhwamickwangkhnarbichchati ekhayngidbricakhenginkarkuslihkxngthph idsuxchudothrthsnihkbthan aelasuxchudthharchudphiessihkbthukkhnidiskn khnathixyufridebirk ephrsliyphbkbhyingsawxayu 14 pithichux thngkhuaetngngankninxik 7 pithikhbhakn inhnngsuxxtchiwprawtikhxngethx phrissillaphudwa enuxngcakekhakngwleruxngthukthalayxachiphkarngankhxngekha pharkekxraenanaephrsliyihephimkhwamnanbthux cakkarrbichpraethschatikbkxngthphthwip imichhnwyphiess cathaihekhasamarthaesdngdntriaelasamarthekhathungmhachnid suxmwlchntrahnkthungxachiphkhxngekhaodykarrayngankhaw aetoprdiwesxrkhayxarsiex stif ochlsaelaefrddi binstxk idetriymngansahrbkarhayip 2 pikhxngekha rwmthungphlnganthiimekhyxxkthiihnmakxn aelayngidkraaestxbrb prasbkhwamsaercxyangdi odyplxysingekiltidchartthxp 40 xyang Wear My Ring Around Your Neck ephlngkhaydixyang aela One Night inpi kh s 1958 aelaephlng rwmthungephlngxndb 1 inpi kh s 1959 xarsiexyngidcdkarxxkxlbmrwmephlngeka 4 xlbminchwngni chudthiprasbkhwamsaercthisudkhux 1958 thitidxndb 3 bnchartxlbm mungdanphaphyntr 1960 67 Elvis Is Back ephrsliyinphaphyntreruxng G I Blues 1960 ephrsliyklbsushrthxemrikaemuxwnthi 2 minakhm kh s 1960 aelaidrbyssibexk emuxwnthi 5 minakhm ekhakhunkhbwnrthifcakniwecxrsiyipethnenssi sungtlxdthangmifungchnlxmxyangmakmay aelaephrsliyidprakttwephuxhaaefnkhlbthiplaythang emuxklbthungemmfis ekhaimichewlaiheplapraoychn klbekhastudioxodythnthi bnthukesiyngineduxnminakhmaelaemsayn kbsingekilhitkhaydi kbephlngbllad It s Now or Never aela Are You Lonesome Tonight aelaxlbm Elvis Is Back thimihlay ephlngthikril markhs idxthibayiwwa phyntray thikhbphanxkhustikkitar elnodyskxtti mwr aelaaeskosofnpisackhxng aelaexlwisimidrxngaebbesksi aetmnopely aelakarphaphrwmxlbm idraymntphaphkhxngkhnrxngihsamarthepnthuksingthukxyangid inkhaphudkhxngnkprawtisastrdntri cxhn orebirtsn ixdxlwyrunecachukhnni kbchaythiexaicis ophngphang khnrkxntray nkrxngblus ktbkekt phusrangkhwambnethinginsthanklangkhunmachachxng kbesiyngrxnghaw xlbmxxkkhayephiyng 1 wnhlngcakthiesrcsinkarbnthukesiyng tidxndb 2 bnchartxlbm ephrsliyklbmainraykarothrthsnemuxwnthi 12 phvsphakhm epnaekhkinraykar yngxxkraykar Welcome Home Elvis bnthukethpemuxplayeduxnminakhm epnkhrngaerkinrxbhlaypithiephrsliyaesdngtxhnaphuchm pharkekxridcaykhatw 125 000 kbkarrxngephlngkhwamyaw 8 nathi thiyngimekhymiikhridyin karxxkxakaskhrngnimiphuchmmakmaymhasal G I Blues xlbmephlngprakxbphaphyntreruxngaerkhlngcakthiekhaklbma tidxndb 1 ineduxntulakhm aelaxlbmekiywkbsasnaxlbmaerkkhxngekhathichux kxxkin 2 eduxnthdma tidxndb 3 bnyuexspxpchart aelaxndb 3 inshrachxanackr epnxlbminaenwkxsepl txmaineduxnkumphaphnth kh s 1961 ephrsliyaesdng 2 khrnginnganharayidinemmfis kbngankarkuslthxngthin 24 ngan inchwngnganeliyngxaharklangwnkxnngan xarsiexidmxngaephnephuxaesdngyxdkhaymakkwa 75 lanchudthwolkihkbekha ekhaidbnthukesiyngnankwa 12 chwomnginaenchwil inchwngklangeduxnminakhm kbphlnganxlbmthdipkhxngekha chud Something for Everybody cxhn orebirtsn brryaywa epntwxyangkhxngdntriaenchwil kbaenwthiklnkrxngaelakhdekla thicakdkhwamthungdntrikhnthri inkhristthswrrs 1960 aelaepnkarthanaythungsingthicaxxkmacakephrsliy inkhrungthswrrsthdip xlbmni midntrithiepnnganphsmphsanthangsilpathinayindi aelaepnhnunginsingthiexlwisidmaaetekid epnxlbmxndb 1 chudthi 6 khxngekha ekhayngidrwmngankhxnesirtharayidihkbkarralukthungephirlharebxr khunaesdngbnewthiemuxwnthi 25 minakhm inhaway aelaepnkaraesdngtxsatharnakhrngsudthayaelacaimmixiknan 7 pi kbnganinhxlliwud ephrsliyinphaphyntreruxng Fun in Acapulco 1963 pharkekxr idphlkdnihephrsliymitarangnganindanaesdngphaphyntrxyanghnk munghnngtlad aelahnngephlng tlk mithunsrangodyphxpraman edimthiephrsliyyunynwacaaesdnginbthhnk aetemuxhnng 2 eruxngthiennaenwdrama xyangeruxng 1960 aela 1961 kimprasbkhwamsaerc ekhacungklbmaaesdnginhnngtlad inhnng 27 eruxngthiekhaaesdnginchwngkhristthswrrs 1960 mibangeruxngthiepnaenwxunbang phlnganaesdngphaphyntrkhxngekha minkwicarnwicarnodyrwmiwwa puchniysthanthimirsniymaey xyangirktam kmikhunkhasrresriy hxl aewllis thisranghnngkhxngekha 9 eruxng kprakasiwwa phaphkhxngephrsliyepnsingediywthiaennxninhxlliwud phlnganphaphyntrkhxngephrsliyinkhristthswrrs 1960 nnmi 15 eruxngthimi aelaxik 5 chudepnxiphiephlngprakxbphaphyntr odymiphakhphlitphaphyntraelaxxkchayxyangrwderw ekhaaesdngphaphyntr 3 eruxngin 1 pi sungmiphltxkarthangandntrikbekha cakkhxmulkhxngecxrri liebxr sutrinkarthaxlbmprakxbphaphyntrnnekidkhunkxnthiephrsliycaxxkcakkxngthphesiyxik khuxsutr 3 ephlng bllad 1 ephlng miediym ethmop 1 ephlng xpethmop aela 1 ephlng ebrkblusbuki khunphaphkhxngephlngprakxbphaphyntrnnkhxy aeylngiperuxy culi aephrrich thiaesdngin 1966 phudwa ekhaekliydhlayephlngthieluxkinphaphyntrkhxngekha kxrdxn sotekxr cakedxacxraednaenrs xthibaywa cawangimkhlng wtthudibmnchangaey ekharusukwaekhaimsamarthrxngephlngid xlbmprakxbhnngswnmakkhxngekhacamiephlng 1 2 ephlngcaknkekhiynephlngthinaekharphxyangthimkhxng dxk ophms aela phxrt chuaemn aetswnihyaelw ecxrri hxpkins phuekhiynhnngsuxchiwprawtiekha klawwa ephlngekhiynxxkmacakkaridrbkhasngcakkhnthiimekhaicexlwishruxrxkaexndorlely ekhaimnukthungkhunphaphkhxngephlng odyxangwaekhasamarthrxngephlngiddixyuaelw nkwicarn edf march ehninthangthitangkn ephrsliyimidphyayam xacepnipidwaepnkarthanganxyangrwderwthidithisud odyichhnakhxngekha xyanginephlng No Room to Rumba in a Sports Car aela Rock a Hula Baby inchwngkhrungaerkkhxngthswrrs mi 3 xlbmephlngprakxbphaphyntrkhxngephrsliykhunxndb 1 bnchartpxp aelamiephlngyxdniymcakphaphyntrhlayephlng echn Can t Help Falling in Love 1961 aela 1962 swnephlng ephlngchuxediywkbhnngnn odngdngelknxyinthanaephlnghnabi aettxmakodngdnginphayhlng aetemuxnganthaxxkmaodyenndansilpa ldkhwamepntladlngip inchwngrahwang 5 pi kh s 1964 1968 ephrsliymiephlngtidthxp 10 ephiyngephlngediywkhux 1965 ephlngthibnthukesiynginpi kh s 1960 swnxlbmthiimichephlngprakxbphaphyntr inrahwangeduxnmithunayn kh s 1962 ekhaxxkxlbm Pot Luck aelaineduxnphvscikayn kh s 1968 xxkxlbmprakxbraykarphiessthangothrthsn miephiyng 1 xlbminchbbihmkhxngephrsliy epnxlbminaenwkxsepl khuxchud 1967 thaihekhaidrbrangwlaekrmmikhrngaerkinchiwit insakhaaesdngekiywkbsasnayxdeyiym The New Rolling Stone Album Guide ekhiynekiywkbxlbmniwa xacphisucnidwa ekhaepnnkrxngkxseplphiwkhawthiyxdeyiymthisudinewlakhxngekha thikhxnthuxwaepnsilpinrxkaexndorlkhnsudthaythithaephlngkxsepl thiepnxngkhprakxbsakhyinkaraesdngbukhliklksnadandntrikhxngekha indanekiywkbephlngkhxngkhrawas kxnkhristmas kh s 1966 epnewlamakkwa 7 pithiephrsliyidphbkbphrissilla obliyx khrngaerk thngkhusmrskbemuxwnthi 1 phvsphakhm kh s 1967 inphithingay inhxngswitthiorngaermxaladininlasewks hnngtladaelaxlbmprakxbphaphyntriklxxk aetimidxxkcnkwaeduxntulakhm kh s 1967 emuxxlbmephlngprakxbphaphyntreruxng thuxepnxlbmthimiyxdcahnaytainbrrdaxlbmkhxngephrsliy phubriharxarsiexlphudthungpyhawa inchwngewlann ekidkhwamphinaskhun khxnni ekhirchebirkaelamark ehndriks nkprawtisastrklawwa exlwisthukmxngwaepntwtlkkhxngkhnrkinesiyngdntriaelaepnxditipaelwsahrbaefnphnthuaethkhxngekha klbma 1968 73 Elvis raykarothrthsnphiess in kh s 1968 ephrsliykbphrissila phrxmkbluksawkhxngphwkekha lisa mari ephrsliy lisa mari ephrsliy luksawkhnediywkhxngephrsliy ekidemuxwnthi 1 kumphaphnth ph s 2511 inchwngewlathiekhaimkhxymikhwamsukhkbxachiphkhxngekha ephlng 8 ephlngthiplxyxxkmainchwngrahwangmkrakhm kh s 1967 thung phvsphakhm kh s 1968 miephiyng 2 ephlngthitidthxp 40 aelaimthungxndbthi 28 ephlnginxlbm Speedway khxngekhaxyuthixndb 82 inbilbxrdchart pharkekxridepliynaephnihekhaxxkraykarothrthsn hlngcakthiekhaimidklbmainraykarothrthsnelyhlngcak Frank Sinatra Timex Special in kh s 1960 ekhaidthakhxtklngkb NBC inkarphlitaelaxxkxakasinchwngkhristmas mikarbnthukchwngplayeduxnmithunaynthiebxraebngk aekhlifxreniy eriykchuxxyangngaywa Elvis xxkxakasemuxwnthi 3 thnwakhm kh s 1968 txmaepliynchuxepn 68 Comeback Special epnkaraesdngthioddedninchakkhxngstudioxrwmkbwngdntrikhxngekhaaelaphuchmcanwnimmaknk nbepnkaraesdngsdkhrngaerkkhxngekhahlngcak kh s 1961 exlwisprakttwdwychudhnngsida rxngephlngaelaelnkitarxyangephdrxnehmuxnsmyaerkkhxngekha bil biliws phuxxkaebbchudniidxxkaebbihmnpksungehmuxnnopeliyn ephrsliychxbisesuxpksungephraakhidwakhxkhxngekhayawekinip aelaklayepnkhunlksnasakhyinkarxxkaebbchudkhxngephrsliyinpihlng phuxanwykaraelaphuchwyoprdiwesxr stif binedxr idthanganxyanghnkephuxsrangkhwammnicaelaphlitkaraesdngthaihphlnganesrchlaywnkxnkhristmas tamthipharkhekxridwangaephnniw karaesdngnimiyxdchmsungsudinvdukal miphuchmthung 42 cakyxdphuchmthnghmd cxn aelndacaknitysar Eye klawwa mimntkhlngbangxyanginkarduchaythisuyesiykhwamepntwkhxngtwexng hathangklbbankhxngekha ekharxngephlngodyirphlngaelaimmikhwamhwnginkhwamepnrxkhaexndorl ekhakhybrangkaykhxngekhaxyangkhadkhwamsmdul aelaphyayamthaihcim mxrrisnekidkhwamxiccha aetedf marchideriykkaraesdngniihepnhnunginkhwamyingihythangxarmnaelaesiynginprawtisastr ineduxnmkrakhm kh s 1969 ephlng If I Can Dream thiekhiynkhunepnphiessinxlbmaelasamarthtidthxp 10 id tamthiephuxnkhxngekhaecxri chilling idklawthungekhawa ekhaimidthaaebbnimananepnpi karthiekhasamarththaephlngthiehmaakbekhaaelaimidthaephiyngephuxprakxbphaphyntrxik ekhaxxkcakkhukaelw shay binedxridphudthungptikiriyakhxngephrsliywa phmeln Elvis the 60 minute show aelaekhabxkphminhxngtrwcthanwa stif nikhuxsingthidithisudthiphmekhythainchiwitkhxngphm phmkhxbxkkhunxyangnung phmimekhyrxngephlngely phmimechuxxyangnn From Elvis In Memphis aelakaraesdnginorngaermxinetxrenchnaenl ephrsliyidrbechiyihbnthukesiyngthixemrikn sawd studiox sungtxmaxxkmaepnxlbm From Elvis In Memphis cdcahnayemuxeduxnmithunayn kh s 1969 epnxlbmaerkkhxngekhainrxb 8 pithiimichxlbmprakxbphaphyntr edf march idklawthungxlbmniwa epnphlnganchinednkhxngephrsliythithaihekhaklbmasukraaesidxikhlngesiyewlaxyangyawnankbnganphaphyntr ekharxngephlngkhnthri ephlngoslaelarxkhdwykhwamechuxmnthiaethcring epnphlnganthinathungmak ephrsliytngicthicaklbmathakaraesdngsdxikkhrng hlngcakkhwamsaercin Comeback Special mikhxesnxmacakthwolk London Palladium esnxpharkhekxrepnenginmulkha 28 000 sahrbkaraesdnghnungspdah ineduxnphvsphakhm orngaermxinetxrenchnaenlthiepidihminlas ewks thimihxngaesdngochwihythisudinemuxng prakaswaidcxngtwephrsliysahrbkaraesdng 57 rxbtlxd 4 spdah tngaetwnthi 31 krkdakhm mwr fxnthana aelaedxa cxraednaenrs ptiesththicaekharwmephraaklwsuyesiyrayidcaknganinaenchwil ephrsliysrangwngihmnaodynkkitar ecms ebxrtnaelasxngwngkxsepl The Imperials aela The Sweet Inspirations xyangirktamekharusukprahma ekhacdcakhwamphidphladcakkaraesdngthilasewksemuxpi 1956 idepnxyangdi ephrsliyekhaeyiymchmhxngaesdngochwaelahxngrbrxnginlasewks n thinnekhaidphbkbthxm ocns phumisitlkhlaykhlungkbekhainyukh 50 thngsxngklayepnephuxnkn aelaeriynkharaetrwmkn ephrsliyincangihbil ebliw ephuxxxkaebbchudcmsuthsungcaepnchudsahrbkaraesdngkhxngekha inpitxma pharkhekxrtngiccaihephrsliyklbmasunganaesdngbnewthixyangtxenuxng mikaropromtxyangkhnaekhng ecakhxngorngaerm Kirk Kerkorian cdsngekhruxngbinkhxngekhaexngipniwyxrkephuxthakhawkarklbmaaesdngsdkhxngephrsliy ephrsliyaesdngbnewthiodyimmikaraenanatw phuchmmakkwa 2 200 khnsungrwmipthungdaradngphaknprbmuxhlngcakekharxngephlng Can t Help Falling in Love sungtxmaklayepnephlngpidkaraesdngkhxngekhainyukh 70 s inkaraethlngkhawhlngkaraesdng emuxnkkhaweriykekhawa edxa khing ekhachiipthiaefts odmion aelaphudwa imkhrb ekhatanghakkhingxxfrxkhaexndorl wntxma pharkhekxrthakhxtklngwacangephrsliysahrbkaraesdnginchwngeduxnkumphaphnthaelasinghakhm epnewla 5 pi mulkhathung 1 landxllarshrthtxpi niwswikhklawwa mihlaysingthiimnaechuxsahrbexlwis aetsingthiimnaechuxthisudkhuxxanackhxngekhainxachiphmnepriybesmuxndawcrsaesng orllingsotneriykephrsliywa karkhunchiphinwngkarthiehnuxthrrmchati ineduxnphvscikayn phaphyntrthiephrsliyaesdngeruxngsudthayinchux Change of Habit ekhachay xlbm From Memphis To Vegas From Vegas xxkcahnayineduxnediywkn sungepnxlbmaerkthibnthukesiyngcakkaraesdngsdkhxngekhainorngaermxinetxrenchnaenl singekilcaknganbnthukesiyngthixemrikn sawd studiox Suspicious Minds khunsuxndb 1 inbilbxrdhxt 100 inrxb 7 piaelaepnsingekilsudthaykhxngekhathikhunxndb 1 khxngchartni khassandra pietxrsn sungtxmaepnecakhxngraykar Elvira phbkbephrsliyinchwngni khnathiethxkalngthanganepnnkaesdngsawthilas ewks phudthungephrsliywa ekhaepnkhntxtanyaesphtid emuxchnphbekhaaelabxkekhawachnsubkycha ekhaetuxnethxwa xyasubmnxik ephrsliyimephiyngaekhtxtansaresphtid ekhaepnkhnimchxbdumsura khrxbkhrwkhxngekhaekhymipyhakartidsuramakxnthaihekhatngicthicahlikeliyng klbsuthwr aela phbkbniksn inpi ph s 2512 exlwisidrbechiyihipepidkaraesdng thiorngaermxinetxrenchnaenl inlasewksthiephingsrangesrc aelamihxngprachumthiihythisudinemuxng odyekhaidepidkaraesdngthung 57 rxb phayinrayaewlaephiyng 4 spdah aelakaraesdnginkhrngni kmiphuekhachmmakepnprawtikarn hlngcaknn ekhakidepidkaraesdnginthitang sungprasbkhwamsaercxyangmakthukkhrng hyarang aela Aloha from Hawaii swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidsukhphaphesuxmothrmaelawarasudthay 1973 77 wikvtsukhphaphaelanganstudioxkhrngsudthay inchwngpi ph s 2516 exlwisprasbpyhaeruxngsukhphaph ekhythuknasngorngphyabal dwyorkhpxdbwm orkheyuxhumpxdxkesb nxkcaktxngtxsukborkh thisasmmaepnrayaewlananaelw ekhayngtxsukbnahnktw thiephimkhunxyangrwderw krannekhakyngtraewnepidkaraesdng tamkhaeriykrxngkhxngaefnephlng tamemuxngtang xyuesmx pisudthayaelaesiychiwit wnthi 16 singhakhm ph s 2520 ewlahlngethiyngkhun hlngcakthiexlwisipphbthntaephthyinchwngecha aefnsawkhxngekhakphbexlwisnxnhmdstixyuphayinhxngna sungepnkaresiychiwitxyangkathnhn thikhxngekhaexng dwywyephiyng 42 pi aelakhawniksrangkhwamtktalungaelaesiyicxyangyingaekaefnephlngthwolk chiwitswntw sahrbchiwitkhrxbkhrwnn exlwisidaetngngankbphrissila emux 1 phvsphakhm kh s 1973 aelamiluksawdwykn 1 khnkhux aettxmathngkhukidhyakhadcakkninpi kh s 1973 aelatxmaexlwisphbrkihmkb aelaichchiwitkhuxyurwmkncnkrathngplaypi kh s 1976phlnganephlngxlbmxndbhnung pi xlbm rupaebb taaehnngsungsudUS UK1956 Elvis Presley studio comp 1 n a 1Elvis studio 1 n a 31957 sound studio 1 n a 1studio 1 n a 21960 Elvis Is Back studio 2 n a 1G I Blues soundtrack 1 n a 11961 Something for Everybody studio 1 n a 2Blue Hawaii soundtrack 1 n a 11962 Pot Luck studio 4 n a 11964 soundtrack 1 121969 From Elvis in Memphis studio 13 2 11973 live 1 1 111974 compilation 43 1 201975 studio 47 1 211976 studio 41 1 291977 Elvis 40 Greatest compilation 1studio live 3 1 3live 5 1 132002 compilation 1 1 12007 The King compilation 1singekilxndbhnung pi singekil taaehnngsungsudUS UK1956 1 Heartbreak Hotel 1 1 2 I Want You I Need You I Love You 1 1 14 Don t Be Cruel 1 1 2 1 1 2 Love Me Tender 1 3 111957 Too Much 1 3 6 1 1 1 Let Me Be Your Teddy Bear 1 1 3 Jailhouse Rock 1 1 11958 Don t 1 2 2 1 2 21959 One Night 4 8 24 1 I Need Your Love Tonight 2 4 1 1 41960 1 27 3 1 1 Are You Lonesome Tonight 1 22 11961 1 1 1 Marie s the Name His Latest Flame 4 5 11962 Can t Help Falling in Love Rock A Hula Baby 2 23 1 1 1 She s Not You 5 1 2 11963 3 11965 3 11969 1 21970 9 37 11977 31 1 6 18 1 11981 Guitar Man reissue 28 1 432002 A Little Less Conversation JXL remix 50 12005 Jailhouse Rock reissue 1 One Night I Got Stung reissue 1 It s Now or Never reissue 1echingxrrthVictor 2008 p 10 Reaves 2002 Victor 2008 pp 438 39 Semon amp Jorgensen 2001 Collins 2002 Guralnick 1994 p 13 14 Dundy 2004 pp 13 16 20 22 26 Guralnick 1994 p 11 12 23 24 Victor 2008 p 419 Guralnick 1994 p 12 14 Guralnick 1994 pp 15 16 Guralnick 1994 pp 17 18 Guralnick 1994 p 19 Dundy 2004 p 101 Guralnick 1994 p 23 Guralnick 1994 pp 23 26 Guralnick 1994 pp 19 21 Dundy 2004 pp 95 96 Guralnick 1994 pp 32 33 Guralnick 1994 p 36 Guralnick 1994 pp 35 38 Guralnick 1994 pp 40 41 Stanley amp Coffey 1998 p 20 Guralnick 1994 pp 43 44 49 Guralnick 1994 pp 44 46 51 Guralnick 1994 pp 52 53 Guralnick 1994 p 171 Matthew Walker 1979 p 3 Guralnick 1994 pp 46 48 358 Wadey 2004 Guralnick 1994 pp 47 48 77 78 Guralnick 1994 p 51 Guralnick 1994 pp 38 40 Guralnick 2004 Bertrand 2000 p 205 Szatmary 1996 p 35 Guralnick 1994 p 54 Jorgensen 1998 p 8 Guralnick 1994 pp 62 64 Guralnick 1994 p 65 Guralnick 1994 p 77 Cusic 1988 p 10 Guralnick 1994 p 80 Guralnick 1994 p 83 Miller 2000 p 72 Jorgensen 1998 pp 10 11 Guralnick 1994 pp 94 97 Ponce de Leon 2007 p 43 Guralnick 1994 pp 100 1 Guralnick 1994 pp 102 4 Guralnick 1994 pp 105 139 Guralnick 1994 pp 106 108 11 Guralnick 1994 p 110 Guralnick 1994 pp 117 27 131 Guralnick 1994 p 119 Guralnick 1994 pp 128 30 Guralnick 1994 pp 127 28 135 42 Burke amp Griffin 2006 pp 61 176 Guralnick 1994 pp 152 156 182 Guralnick 1994 pp 144 159 167 68 Nash 2003 pp 6 12 Guralnick 1994 p 163 Bertrand 2000 p 104 Hopkins 2007 p 53 Guralnick amp Jorgensen 1999 p 45 Jorgensen 1998 p 29 Rogers 1982 p 41 Guralnick 1994 pp 217 19 Jorgensen 1998 p 31 Stanley amp Coffey 1998 pp 28 29 Escott 1998 p 421 Jorgensen 1998 pp 36 54 Stanley amp Coffey 1998 p 29 Guffey 2006 p 127 Miles et al 2008 p 32 Stanley amp Coffey 1998 p 30 Guralnick 1994 pp 235 36 Slaughter amp Nixon 2004 p 21 sfn error no target CITEREFSlaughterNixon2004 Guralnick amp Jorgensen 1999 pp 50 54 64 Hilburn 2005 Rodman 1996 p 28 Guralnick 1994 pp 262 63 Guralnick 1994 p 267 Guralnick 1994 pp 274 Victor 2008 p 315 Guralnick amp Jorgensen 1999 pp 72 73 Guralnick 1994 pp 273 284 Fensch 2001 pp 14 18 Burke amp Griffin 2006 p 52 Jorgensen 1998 p 49 Gould 1956 Guralnick amp Jorgensen 1999 p 73 Marcus 2006 Marsh 1982 p 100 Austen 2005 p 13 Allen 1992 p 270 Keogh 2004 p 73 Jorgensen 1998 p 51 Guralnick amp Jorgensen 1999 pp 80 81 Whitburn 1993 p 5 Austen 2005 p 16 Edgerton 2007 p 187 Brown amp Broeske 1997 p 93 Guralnick 1994 p 338 Gibson 2005 Victor 2008 p 439 Jezer 1982 p 281 Moore amp Dickerson 1997 p 175 Guralnick 1994 p 343 Marsh 1980 p 395 Palladino 1996 p 131 Stanley amp Coffey 1998 p 37 Clayton amp Heard 2003 pp 117 18 Keogh 2004 p 90 Guralnick amp Jorgensen 1999 p 95 Salisbury 1957 p 4 Guralnick 1994 pp 395 97 Guralnick 1994 pp 406 8 452 Guralnick 1994 pp 399 402 428 30 437 40 Guralnick 1994 p 400 Guralnick 1994 p 430 Turner 2004 p 104 Guralnick 1994 p 437 Guralnick 1994 p 431 Freierman 2008 Grein 2008 Guralnick 1994 pp 448 49 Guralnick 1994 pp 461 74 Victor 2008 p 27 Guralnick 1994 pp 464 65 Guralnick 1994 p 466 67 Guralnick 1994 p 474 80 Ponce de Leon 2007 p 115 Guralnick 1999 p 21 Guralnick 1999 pp 47 49 55 60 73 Clayton amp Heard 2003 p 160 Victor 2008 p 415 Presley 1985 p 40 Jorgensen 1998 p 107 Whitburn 2004 p 501 Slaughter amp Nixon 2004 p 54 sfn error no target CITEREFSlaughterNixon2004 Matthew Walker 1979 p 19 Marcus 1982 pp 279 80 Robertson 2004 p 50 Guralnick 1999 pp 44 62 63 Gordon 2005 pp 110 114 Jorgensen 1998 p 148 Robertson 2004 p 52 Gordon 2005 pp 110 119 Ponce de Leon 2007 p 133 Caine 2005 p 21 Fields 2007 Guralnick 1994 p 449 Kirchberg amp Hendrickx 1999 p 67 Lisanti 2000 pp 19 136 Jorgensen 1998 p 201 Hopkins 2002 p 32 Matthew Walker 1979 p 66 Brackett amp Hoard 2004 p 650 Guralnick 1999 pp 261 63 Kirchberg amp Hendrickx 1999 p 73 Guralnick 1999 p 171 Whitburn 2004 pp 502 03 Kubernick 2008 p 4 Guralnick 1999 pp 293 296 Kubernick 2008 p 26 Hopkins 2007 p 215 Marsh 2004 p 649 sfn error no target CITEREFMarsh2004 Marsh 1980 p 396 Gordon 2005 p 146 Jorgensen 1998 p 283 Guralnick 1999 pp 346 47 Gordon 2005 pp 149 50 Cook 2004 p 39 Guralnick amp Jorgensen 1999 pp 259 262 Moyer 2002 p 73 Jorgensen 1998 p 287 Whitburn Joel 2010 The Billboard Book of Top 40 Hits 9 ed Billboard Books pp 520 21 ISBN 9780823085545 Stein 1997 Mason 2007 p 81 Whitburn 2007 Whitburn 2008 Warwick et al 2004 pp 860 66 sfn error no target CITEREFWarwick et al2004 everyHit com 2009 Whitburn 2004 pp 500 4 Whitburn 2006 pp 271 73 xangxingAdelman Kim The Girls Guide to Elvis The Clothes the Hair the Women and More Random House 2002 ISBN 0767911881 Allen Steve Hi Ho Steverino My Adventures in the Wonderful Wacky World of TV Thorndike Press 1992 ISBN 1560545216 Arnett Jeffrey Jensen Adolescence and Emerging Adulthood A Cultural Approach 3rd ed Pearson Prentice Hall 2006 ISBN 0131950711 Ashley Martin How High Should Boys Sing Ashgate 2009 ISBN 978 0754664758 The Top 100 The Atlantic Monthly December 2006 cited December 29 2009 Austen Jake TV A Go Go Rock on TV from American Bandstand to American Idol Chicago Review Press 2005 ISBN 1556525729 Baden Michael M Hennessee Judith Adler Unnatural Death Confessions of a Medical Examiner Ballantine 1990 ISBN 0804105995 The Beatles The Beatles Anthology Chronicle Books 2000 ISBN 0811826848 Bertrand Michael T Race Rock and Elvis University of Illinois Press 2000 ISBN 0252025865 In Brackett Nathan Hoard Christian editors The New Rolling Stone Album Guide 4th ed Simon and Schuster 2004 ISBN 0743201698 Bronson Fred Chart Beat Billboard July 3 2004 Brown Peter Harry Broeske Pat H Down at the End of Lonely Street The Life and Death of Elvis Presley Signet 1997 ISBN 0451190947 Burke Ken Griffin Dan The Blue Moon Boys The Story of Elvis Presley s Band Chicago Review Press 2006 ISBN 1556526148 Caine Andrew Interpreting Rock Movies The Pop Film and Its Critics in Britain Palgrave Macmillan 2005 ISBN 0719065380 Caulfield Keith The King of Crossover s No 1 Hits Billboard September 18 2004 Clayton Dick Heard James Elvis By Those Who Knew Him Best Virgin Publishing 2003 ISBN 0753508354 CMT 40 Greatest Men in Country Music 2005 cited December 29 2009 Collins Dan CBS News Associated Press How Big Was The King August 7 2002 cited December 27 2009 Connelly Charlie In Search of Elvis A Journey to Find the Man Beneath the Jumpsuit Little Brown 2008 ISBN 0349119007 Cook Jody Graceland National Historic Landmark Nomination Form PDF United States Department of the Interior 2004 Cusic Don Singing with the King Rejoice The Gospel Music Magazine Summer 1988 Denisoff R Serge Solid Gold The Popular Record Industry Transaction Books 1975 ISBN 0878555862 Discovery Channel Greatest American 2005 cited December 29 2009 Doss Erika Lee Elvis Culture Fans Faith and Image University of Kansas Press 1999 ISBN 0700609482 Dundy Elaine Elvis and Gladys 2nd ed University Press of Mississippi 2004 ISBN 1578066344 Dyer Peter John The Teenage Rave Sight and Sound Winter 1959 60 Edgerton Gary R The Columbia History of American Television Columbia University Press 2007 ISBN 0231121652 Escott Colin Elvis Presley In Kingsbury Paul editor The Encyclopedia of Country Music Oxford University Press 1998 ISBN 0195176081 EveryHit UK Top 40 Hit Database 2009 cited December 28 2009 EveryHit The Battle For Most Number 1s 2010a cited January 20 2010 EveryHit Record Breakers and Trivia Singles Artists Sales Chart Performance 2010b cited January 20 2010 Farmer Brett Spectacular Passions Cinema Fantasy Gay Male Spectatorships 2nd ed Duke University Press 2000 ISBN 0822325896 Feeney Mark Elvis at 75 Can We Ever Again See the Performer Not the Punch Line Boston Globe January 3 2010 cited February 1 2010 Fensch Thomas The FBI Files on Elvis Presley New Century Books 2001 ISBN 0930751035 Fields Curt A Whole Lotta Elvis Is Goin to the Small Screen Washington Post August 3 2007 cited December 27 2009 Friedlander Paul Rock and Roll A Social History Westview 1996 ISBN 0813327253 Freierman Shelly Popular Demand The New York Times January 7 2008 cited January 1 2010 Garber Marjorie Vested Interests Cross Dressing and Cultural Anxiety Routledge 1997 ISBN 0415919517 Gibson Christine Elvis on Ed Sullivan The Real Story American Heritage December 6 2005 archived 2009 09 24 cited December 31 2009 Gillett Charlie The Five Styles of Rock n Roll In McKeen William editor Rock and Roll Is Here To Stay An Anthology W W Norton 2000 ISBN 0393047008 Top Earning Dead Celebrities October 29 2007 2008 06 11 cited January 5 2010 Gordon Robert The King on the Road Bounty Books 2005 ISBN 0753710889 Gould Jack TV New Phenomenon Elvis Presley Rises to Fame as Vocalist Who Is Virtuoso of Hootchy Kootchy The New York Times June 6 1956 cited December 31 2009 Grein Paul Yahoo Music Chart Watch Extra The Top 40 Christmas Albums December 5 2008 2008 12 17 cited February 1 2010 Guffey Elizabeth E Retro The Culture of Revival Reaktion 2006 ISBN 186189290X Guralnick Peter How Did Elvis Get Turned Into a Racist The New York Times January 8 2004 cited August 11 2007 Guralnick Peter Last Train to Memphis The Rise of Elvis Presley Little Brown 1994 ISBN 0316332259 Guralnick Peter Careless Love The Unmaking of Elvis Presley Back Bay Books 1999 ISBN 0316332976 Guralnick Ernst Jorgensen Elvis Day by Day The Definitive Record of His Life and Music Ballantine 1999 ISBN 0345420896 Harris John Talking about Graceland The Guardian March 27 2006 cited January 4 2010 Higginbotham Alan Doctor Feelgood The Observer August 11 2002 cited December 29 2009 Hilburn Robert From the Man Who Would Be King Los Angeles Times February 6 2005 cited January 4 2010 Hilburn Robert This Fan of Charts Is No 1 with a Bullet Los Angeles Times October 30 2007 cited January 17 2010 Hopkins Jerry Elvis The Final Years Berkley 1986 ISBN 0425089991 Hopkins Jerry Elvis in Hawaii Bess Press 2002 ISBN 1573061425 Hopkins Jerry Elvis The Biography Plexus 2007 ISBN 0859653919 Humphries Patrick Elvis the 1 Hits The Secret History of the Classics Andrews McMeel Publishing 2003 ISBN 978 0740738036 Jezer Marty The Dark Ages Life in the United States 1945 1960 South End Press 1982 ISBN 978 0896081277 Jorgensen Ernst Elvis Presley A Life in Music The Complete Recording Sessions St Martin s Press 1998 ISBN 0312185723 Keogh Pamela Clarke Elvis Presley The Man The Life The Legend Simon and Schuster 2004 ISBN 0743456033 Kirchberg Connie Hendrickx Marc Elvis Presley Richard Nixon and the American Dream McFarland 1999 ISBN 0786407166 Kolawole Helen He Wasn t My King The Guardian August 15 2002 cited December 27 2009 Kubernick Harvey The Complete 68 Comeback Special CD Booklet RCA BMG UPC 88697306262 2008 Lisanti Tom Fantasy Femmes of 60 s Cinema Interviews with 20 Actresses from Biker Beach and Elvis Movies McFarland 2000 ISBN 0786408685 Lott Eric All the King s Men Elvis Impersonators and White Working Class Masculinity In Stecopoulos Harry Uebel Michael editors Race and the Subject of Masculinities Duke University Press 1997 ISBN 0822319667 Marcus Greil Mystery Train Images of America in Rock n Roll Music Revised ed E P Dutton 1982 ISBN 052547708X Marcus Greil Elvis Presley The Ed Sullivan Shows DVD Booklet Image Entertainment UPC 01438137302 2006 cited February 1 2010 Marsh Dave Elvis Presley In Marsh Dave Swenson John editors The Rolling Stone Record Guide 2nd ed Virgin 1980 ISBN 0907080006 Marsh Dave Elvis Times Books 1982 ISBN 081290947X Marsh Dave The Heart of Rock amp Soul The 1001 Greatest Singles Ever Made Da Capo 1999 ISBN 030680901X Masley Ed It s Good To Be King Pittsburgh Post Gazette August 15 2002 cited January 31 2010 Mason Bobbie Ann Elvis Presley Penguin 2007 ISBN 0143038893 Matthew Walker Robert Elvis Presley A Study in Music Midas Books 1979 ISBN 0859361624 Mawer Sharon The Official UK Charts Company Album Chart History 1974 2007a cited February 1 2010 Mawer Sharon The Official UK Charts Company Album Chart History 1977 2007b cited February 1 2010 Miles Barry Scott Grant Morgan Johnny The Greatest Album Covers of All Time Collins amp Brown 2008 ISBN 1843404818 Miller James Flowers in the Dustbin The Rise of Rock and Roll 1947 1977 Fireside 2000 ISBN 0684865602 Moore Scotty Dickerson James That s Alright Elvis Schirmer Books 1997 ISBN 0028645995 Moyer Susan M Elvis The King Remembered Sports Publishing LLC 2002 ISBN 1582615586 Myrie Russell Don t Rhyme for the Sake of Riddlin The Authorized Story of Public Enemy Cannongate 2009 ISBN 1847671829 Nash Alanna The Colonel The Extraordinary Story of Colonel Tom Parker and Elvis Presley Simon and Schuster 2003 ISBN 0743213017 Nash Alanna et al Elvis and the Memphis Mafia Aurum 2005 ISBN 1845131282 National Park Service Graceland 2010 2011 12 30 cited January 7 2010 Long Live the King The New York Times August 16 2002 2008 01 19 cited December 30 2009 Palladino Grace Teenagers An American History Westview 1996 ISBN 046500766X Pendergast Sara Pendergast Tom St James Encyclopedia of Popular Culture 4th ed St James Press 2000 ISBN 155862404X Pilgrim David Jim Crow Museum at Feris State University Question of the Month Elvis Presley and Racism March 2006 2012 01 06 cited December 28 2009 Pleasants Henry Elvis Presley In Frith Simon editor Popular Music Critical Concepts in Media and Cultural Studies Volume 3 Popular Music Analysis Routledge 2004 ISBN 0415332699 Pomerantz Dorothy Lacey Rose Streib Lauren Thibault Marie Top Earning Dead Celebrities Forbes October 27 2009 cited January 5 2010 Ponce de Leon Charles L Fortunate Son The Life of Elvis Presley Macmillan 2007 ISBN 0809016419 Presley Priscilla Elvis and Me G P Putnam s Sons 1985 ISBN 0399129847 Ramsland Katherine TruTV Cyril Wecht Forensic Pathologist Coverup for a King 2010 cited January 4 2010 Reaves Jessica Person of the Week Elvis Presley Time August 15 2002 2011 09 17 cited December 26 2009 Recording Industry Association of America Top 100 Albums 2010 cited January 31 2010 Robertson John Elvis Presley The Complete Guide to His Music Omnibus Press 2004 ISBN 1844497119 Rodman Gilbert B Elvis After Elvis The Posthumous Career of a Living Legend Routledge 1996 ISBN 0415110025 Rogers Dave Rock n Roll Routledge amp Kegan Paul 1982 ISBN 0710009380 The Immortals The First Fifty Rolling Stone April 15 2004 2008 06 25 cited December 29 2009 1969 Rolling Stone Covers Rolling Stone 2009 2008 07 05 cited December 24 2009 Roy Samuel Elvis Prophet of Power Branden 1985 ISBN 0828318980 In Sadie Stanley editor The Norton Grove Concise Encyclopedia of Music Revised ed W W Norton 1994 ISBN 0393037533 Salisbury Harrison Presley Records a Craze in Soviet The New York Times February 3 1957 Scherman Tony Elvis Dies American Heritage August 16 2006 2009 03 27 cited December 29 2009 Semon Roger Jorgensen Ernst Elvis com Is Elvis the Biggest Selling Recording Artist February 12 2001 cited December 26 2009 BBC Sinatra Is Voice of the Century April 18 2001 cited December 29 2009 Slaughter Todd with Anne E Nixon The Elvis Archives Omnibus Press 2004 ISBN 1844493806 Stanley David Coffey Frank The Elvis Encyclopedia Virgin Books 1998 ISBN 0753502933 Stein Ruthe Girls Girls Girls San Francisco Chronicle August 3 1997 cited December 29 2009 Szatmary David A Time to Rock A Social History of Rock n Roll Schirmer Books 1996 ISBN 0028646703 Tasker Yvonne Cowgirl Tales In Codell Julie F editor Genre Gender Race and World Cinema An Anthology Blackwell 2007 ISBN 1405132329 Turner John Frayn Frank Sinatra Taylor Trade Publications 2004 ISBN 1589791452 100 Icons of the Century 2005 cited December 29 2009 VH1 100 Greatest Artists of Rock amp Roll 1998 cited December 29 2009 Victor Adam The Elvis Encyclopedia Overlook Duckworth 2008 ISBN 1585675989 Wadey Paul Jake Hess The Independent January 8 2004 2010 07 13 cited December 28 2009 Warwick Neil Kutner Jon Brown Tony The Complete Book of the British Charts Singles amp Albums 3rd ed Omnibus Press 2004 ISBN 1844490580 Waters Lindsay Come Softly Darling Hear What I Say Listening in a State of Distraction A Tribute to the Work of Walter Benjamin Elvis Presley and Robert Christgau Boundary 2 Spring 2003 Whitburn Joel Billboard Top 1000 Singles 1955 1992 Billboard Books 1993 ISBN 079352072X Whitburn Joel The Billboard Book of Top 40 Hits 8th ed Billboard Books 2004 ISBN 0823074994 Whitburn Joel The Billboard Book of Top 40 Country Hits 2nd ed Billboard Books 2006 ISBN 0823082911 Whitburn Joel Joel Whitburn Presents the Billboard Albums 6th ed Record Research 2007 ISBN 0898201667 Whitburn Joel Joel Whitburn Presents Hot Country Albums Billboard 1964 to 2007 Record Research 2008 ISBN 089820173X Wolfe Charles Amazing Grace His Greatest Sacred Performances CD Booklet RCA BMG UPC 7863664212 1994 Woolley John T Peters Gerhard American Presidency Project University of California Santa Barbara Jimmy Carter Death of Elvis Presley Statement by the President August 17 1977 2017 11 01 cited December 29 2009 aehlngkhxmulxunsthaniyxyshrthwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb exlwis ephrsliy ewbistxyangepnthangkar exlwis ephrsliy thisaranukrmbritanika Elvis Presley thixinethxrentmuwiedtaebs exlwis ephrsliy thixxlmuwi Elvis The Music official record label site Elvis Presley Interviews on officially sanctioned Elvis Australia site The All American Boy Enter Elvis and the Rock a billies episode of 1968 Pop Chronicles radio series