หน้านี้มีเนื้อหาเป็นภาษาต่างประเทศ คุณสามารถช่วยพัฒนาหน้านี้ได้ด้วยการแปล ยกเว้นหากเนื้อหาเกือบทั้งหมด ให้แจ้งลบแทน |
หฤทเยนทระ ศาหะ (เนปาล: हृदयेन्द्र शाह; ประสูติ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2545) เป็นสมาชิกของราชอาณาจักรเนปาลในอดีตและเป็นรัชทายาทอันดับ 2 ของเนปาล ระบอบกษัตริย์ถูกล้มล้างอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 พระองค์จึงเป็นที่รู้จักในประเทศเนปาลในพระนามว่า นวยุวราช
หฤทเยนทระ วีรพิกรม ศาหะ | |||||
---|---|---|---|---|---|
ประสูติ | กาฐมาณฑุ ราชอาณาจักรเนปาล | 30 กรกฎาคม ค.ศ. 2002||||
| |||||
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ศาห์ | ||||
พระราชบิดา | เจ้าชายปารัสวีรพิกรมศาหเทวะ มกุฎราชกุมารแห่งเนปาล | ||||
พระราชมารดา | เจ้าหญิงหิมานี มกุฎราชกุมารีแห่งเนปาล | ||||
ศาสนา | ศาสนาฮินดู |
นวยุวราช
เจ้าชายหฤทเยนทระ ประสูติเมื่อเวลา 12:49 น. ใน ในกาฐมาณฑุ ราชอาณาจักรเนปาล เป็นโอรสเจ้าชายปารัสวีรพิกรมศาหเทวะ มกุฎราชกุมารแห่งเนปาล และเจ้าหญิงหิมานี มกุฎราชกุมารีแห่งเนปาล
พระอัยกาคือ สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทรวีรวิกรมศาหเทวะเป็นพระมหากษัตริย์แห่งเนปาลที่ถูกเนรเทศ ส่วนพระอัยยิกาคือ สมเด็จพระราชินีโกมลราชยลักษมีเทวีศาหะ ซึ่งเป็นสมาชิกของตามประเพณีของชาวฮินดู พระองค์ได้รับการตั้งพระนามอย่างเป็นทางการว่า หฤทเยนทระวีรพิกรมศาหเทวะ ในพิธีที่ 11 วันหลังจากประสูติ
ในศาสนาฮินดู มีพิธีมากมายในการเลี้ยงดูพระมหากษัตริย์ในอนาคต หฤทเยนทระ ได้รับพิธีป้อนข้าวตามประเพณี ที่ หกเดือนหลังจากประสูติ พิธีดำเนินตามประเพณีในคัมภีร์พระเวท พระองค์ทรงเลี้ยงข้าวโดยพระมารดาและสมาชิกราชวงศ์พระองค์อื่น ๆ ในระหว่างพิธี พระองค์ได้รับการถวาย เครื่องราชอิสริยาภรณ์ จากนายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนอื่น ๆ ตามลักษณะพิธีแบบดั้งเดิม ต่อมา หฤทเยนทระ ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในขบวนรถม้าและถูกนำไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในกาฐมาณฑุ ซึ่งมีการบูชาและประกอบพิธีกรรม นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่เป็นฝ่ายอารักขาในช่วงพิธีนี้ และอุ้มเจ้าชายไปรอบๆ วัดเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความผูกพันระหว่างประชาชนกับสถาบันกษัตริย์
ราชสันติวงศ์
หฤทเยนทระ เป็นรัชทายาทอันดับ 2 ในสายการสืบสันตติวงศ์ของเนปาล ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2549 ก่อนที่ระบอบกษัตริย์จะถูกล้มล้าง รัฐบาลเนปาลได้ออกร่างแก้กฎมนเทียรบาลเพื่อแทนที่การสืบราชสันตติวงศ์แบบดั้งเดิม ต่อมาสภาผู้แทนราษฎรได้อนุมัติร่างแก้กฎมนเทียรบาลให้สตรีสามารถขึ้นครองราชย์ได้ด้วยความเห็นชอบของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร หากร่างกฎมณเทียรบาลถูกใช้จริง เจ้าชายหฤทเยนทระ จะถูกลงให้อยู่ในตำแหน่งที่ 3 ในการสืบราชสันตติวงศ์ เจ้าหญิงปูรณิกาแห่งเนปาล ซึ่งเป็นพระเชษฐภคินี ของพระองค์จะถูกเลื่อนตำแหน่งเป็นอันดับที่ 2 เนื่องจากมกำหนดไว้ว่าราชวงศ์ที่ยังมีชีวิตอยู่จะไม่ถูกลิดรอนจากตำแหน่งหรือ บรรดาศักดิ์ บทบัญญัติใหม่จะมีผลบังคับใช้สำหรับผู้ที่เกิดภายหลังการเปลี่ยนแปลงลำดับการสืบสันตติวงศ์
ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 มีการคาดเดาในเนปาลว่าพระบืดาและพระอัยกาของหฤทเยนทระจะหลีกทางให้พระองค์ขึ้นครองบัลลังก์ ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2550 นายกรัฐมนตรี คิริชา ประสาท โกอิราลา ของเนปาลเรียกร้องให้กษัตริย์และมกุฎราชกุมารสละราชสมบัติเพื่อสนับสนุน หฤทเยนทระ แม้ว่าสิ่งนี้จะถูกปฏิเสธโดยกลุ่มลัทธิเหมา
การล้มล้างระบอบกษัตริย์
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2550 มีการประกาศว่าเนปาลจะยกเลิกระบอบกษัตริย์ในปี พ.ศ. 2551 หลังจากการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 สภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งเนปาล (Constituent Assembly of Nepal) ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศจากรูปแบบราชอาณาจักรมาเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตย
ก่อนการยกเลิกระบอบกษัตริย์ หฤทเยนทระ เข้าเรียนที่ โรงเรียนนานาชาติรูปีในกาฐมาณฑุ พระเชษฐภคีนีกับพระขนิษฐาของพระองค์ซึ่งถูกปลดคือ เจ้าหญิงปูรณิกาแห่งเนปาล และ ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2551 หฤทเยนทระ ได้เสด็จลี้ภัยทางการเมืองพร้อมกับพระชนนี พระเชษฐภคีนี และพระขนิษฐา โดยได้ประทับอยู่ในประเทศสิงคโปร์ เพื่อไปสมทบพระชนกที่ประทับอยู่ก่อนแล้วซึ่งประกอบธุรกิจในประเทศสิงคโปร์
อ้างอิง
ก่อนหน้า | เจ้าชายหฤทเยนทระแห่งเนปาล | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
เจ้าชายหฤทเยนทระแห่งเนปาล ประสูติ: 30 July 2002 | ||||
สมัยก่อนหน้า | 2nd position |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
hnanimienuxhaepnphasatangpraeths khunsamarthchwyphthnahnaniiddwykaraepl ykewnhakenuxhaekuxbthnghmdimichphasaithy ihaecnglbaethn hvtheynthra saha enpal ह दय न द र श ह prasuti 30 krkdakhm ph s 2545 epnsmachikkhxngrachxanackrenpalinxditaelaepnrchthayathxndb 2 khxngenpal rabxbkstriythuklmlangxyangepnthangkaremuxwnthi 28 phvsphakhm ph s 2551 phraxngkhcungepnthiruckinpraethsenpalinphranamwa nwyuwrach hvtheynthra wirphikrm sahaprasuti 2002 07 30 30 krkdakhm kh s 2002 22 pi kathmanthu rachxanackrenpalphranametmhvtheynthrawirphikrmsahethwarachwngsrachwngssahphrarachbidaecachayparswirphikrmsahethwa mkudrachkumaraehngenpalphrarachmardaecahyinghimani mkudrachkumariaehngenpalsasnasasnahindunwyuwrachecachayhvtheynthra prasutiemuxewla 12 49 n in inkathmanthu rachxanackrenpal epnoxrsecachayparswirphikrmsahethwa mkudrachkumaraehngenpal aelaecahyinghimani mkudrachkumariaehngenpal phraxykakhux smedcphrarachathibdichyaennthrwirwikrmsahethwaepnphramhakstriyaehngenpalthithukenreths swnphraxyyikakhux smedcphrarachiniokmlrachylksmiethwisaha sungepnsmachikkhxngtampraephnikhxngchawhindu phraxngkhidrbkartngphranamxyangepnthangkarwa hvtheynthrawirphikrmsahethwa inphithithi 11 wnhlngcakprasuti insasnahindu miphithimakmayinkareliyngduphramhakstriyinxnakht hvtheynthra idrbphithipxnkhawtampraephni thi hkeduxnhlngcakprasuti phithidaenintampraephniinkhmphirphraewth phraxngkhthrngeliyngkhawodyphramardaaelasmachikrachwngsphraxngkhxun inrahwangphithi phraxngkhidrbkarthway ekhruxngrachxisriyaphrn caknaykrthmntri aelaecahnathirthbalkhnxun tamlksnaphithiaebbdngedim txma hvtheynthra idprakttwtxsatharnchnepnkhrngaerkinkhbwnrthmaaelathuknaipyngsthanthiskdisiththiinkathmanthu sungmikarbuchaaelaprakxbphithikrrm naykrthmntrithahnathiepnfayxarkkhainchwngphithini aelaxumecachayiprxb wdephuxepnsylksnaehngkhwamphukphnrahwangprachachnkbsthabnkstriyrachsntiwngshvtheynthra epnrchthayathxndb 2 insaykarsubsnttiwngskhxngenpal ineduxnsinghakhm ph s 2549 kxnthirabxbkstriycathuklmlang rthbalenpalidxxkrangaekkdmnethiyrbalephuxaethnthikarsubrachsnttiwngsaebbdngedim txmasphaphuaethnrasdridxnumtirangaekkdmnethiyrbalihstrisamarthkhunkhrxngrachyiddwykhwamehnchxbkhxngsmachiksphaphuaethnrastr hakrangkdmnethiyrbalthukichcring ecachayhvtheynthra cathuklngihxyuintaaehnngthi 3 inkarsubrachsnttiwngs ecahyingpurnikaaehngenpal sungepnphraechsthphkhini khxngphraxngkhcathukeluxntaaehnngepnxndbthi 2 enuxngcakmkahndiwwarachwngsthiyngmichiwitxyucaimthuklidrxncaktaaehnnghrux brrdaskdi bthbyytiihmcamiphlbngkhbichsahrbphuthiekidphayhlngkarepliynaeplngladbkarsubsnttiwngs ineduxnkumphaphnth ph s 2550 mikarkhadedainenpalwaphrabudaaelaphraxykakhxnghvtheynthracahlikthangihphraxngkhkhunkhrxngbllngk ineduxnkrkdakhm ph s 2550 naykrthmntri khiricha prasath okxirala khxngenpaleriykrxngihkstriyaelamkudrachkumarslarachsmbtiephuxsnbsnun hvtheynthra aemwasingnicathukptiesthodyklumlththiehmakarlmlangrabxbkstriyemuxwnthi 24 thnwakhm ph s 2550 mikarprakaswaenpalcaykelikrabxbkstriyinpi ph s 2551 hlngcakkareluxktngspharangrththrrmnuy emuxwnthi 28 phvsphakhm ph s 2551 spharangrththrrmnuyaehngenpal Constituent Assembly of Nepal idlngmtiepnexkchnthihmikarepliynaeplngkarpkkhrxngkhxngpraethscakrupaebbrachxanackrmaepnsatharnrthprachathipity kxnkarykelikrabxbkstriy hvtheynthra ekhaeriynthi orngeriynnanachatirupiinkathmanthu phraechsthphkhinikbphrakhnisthakhxngphraxngkhsungthukpldkhux ecahyingpurnikaaehngenpal aela ineduxnkrkdakhm ph s 2551 hvtheynthra idesdcliphythangkaremuxngphrxmkbphrachnni phraechsthphkhini aelaphrakhnistha odyidprathbxyuinpraethssingkhopr ephuxipsmthbphrachnkthiprathbxyukxnaelwsungprakxbthurkicinpraethssingkhoprxangxingkxnhna ecachayhvtheynthraaehngenpal thdipecachayhvtheynthraaehngenpalprasuti 30 July 2002smykxnhna 2nd position