เนสซี หรือ สัตว์ประหลาดล็อกเนสส์ (อังกฤษ: Nessie, Loch Ness Monster) คือสิ่งมีชีวิตลึกลับขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งที่เชื่อว่าอาศัยอยู่ในทะเลสาบเนสส์ (ล็อกเนสส์) ในสกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร
"" ใน ค.ศ. 1934 ปัจจุบัน เป็นแค่เรื่องหลอกลวง | |
สัตว์คล้ายคลึง | แชมป์, โอโกโปโก, โมแกเล-อึมแบมเบ, |
---|---|
บันทึกครั้งแรก | ค.ศ. 565 (ย้อนหลัง) 1802 (chronologically) ค.ศ. 1933 (โด่งดัง) |
ชื่ออื่น | เนสซี, Niseag |
ประเทศ | สกอตแลนด์ |
ภูมิภาค | ล็อกเนสส์, |
ศัพทมูลวิทยา
โดยชื่อ "เนสซี" (: Niseag) เป็นชื่อเรียกเล่น ๆ ของสิ่งมีชีวิตลึกลับนี้ โดยเป็นชื่อที่ดัดแปลงมาจากคำว่าล็อกเนสส์ ในช่วงทศวรรษที่ 1940 สมาสกับชื่อที่เป็นที่นิยมของหญิงสาวในท้องถิ่น คือ "แอ็กเนส" (Agnes) ในวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1932 ข่าวในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นรายงานเรื่องการแต่งงานของ น.ส. เนสซี คลาร์ก
ลักษณะ
เชื่อว่าเนสซีมีรูปร่างคล้าย หรือ อีลาสโมซอรัส สัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยในทะเลยุคเดียวกับไดโนเสาร์ มีผู้อ้างว่าเคยพบเห็นถึงปัจจุบันกว่านับไม่ถ้วน และมีรูปถ่ายทั้งภาพนิ่งและภาพยนตร์มากมาย โดยหลักฐานแรกสุดที่มีบันทึกถึงเนสซี คือ บันทึกของอดัมแนน ระบุว่า ในวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ. 565 ขณะเดินทางมาสู่ที่ราบสูงสกอตแลนด์เพื่อดึงพวกนอกรีตเข้าสู่ศาสนา ท่านได้ทำพิธีไล่ปีศาจแม่น้ำที่อาศัยอยู่ในที่เรียกว่า "พิกติส" ซึ่งได้ฆ่าคนไปแล้วหนึ่งคน โดยการส่งตัวแทนลงไปว่ายในน้ำเพื่อล่อปีศาจ แต่ทว่าไม่ได้มีการบรรยายถึงลักษณะของปีศาจตนนี้ มีแต่เพียงบันทึกไว้ว่าน้ำปั่นป่วนเท่านั้นเอง ขณะที่ความเชื่อเรื่องปีศาจหรือสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ในน้ำ ของซีกโลกทางเหนือแบบนี้ก็มีในพื้นที่อื่น เช่น สแกนดิเนเวีย หรือไวกิ้ง
การพบเห็นและการพิสูจน์
ใน ค.ศ. 1933 มีการตัดถนนผ่านทะเลสาบเนสส์ จึงมีผู้พบเห็นเนสซีมากขึ้น คู่สามีภรรยาตระกูลแมคเคย์ขณะขับรถผ่านทะเลสาบ คุณนายแมคเคย์ก็เห็นอะไรบางอย่างขนาดใหญ่ในน้ำ จึงบอกให้สามีหยุดรถ และทั้งคู่ก็ลงไปดู แต่ก็ปรากฏว่าสิ่งนั้นหายไปแล้ว เรื่องราวนี้ได้ปรากฏลงในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น และเริ่มใช้คำว่า "สัตว์ประหลาด" ขึ้นมาครั้งแรก ในปีเดียวกัน อาเทอร์ แกรนด์ อ้างว่าขณะที่ตนขับขี่มอเตอร์ไซค์นั้น เห็นเนสซีขึ้นมาบนบก ไฟจากหน้ารถที่ส่องไปถูกตัวทำให้เห็นว่าเนสซีมีรูปร่างคล้ายเพลซิโอซอรัส ต่อมาก็ได้มีผู้ถ่ายรูปไว้ได้มากมายทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงเงาตะคุ่ม ๆ หรือคลื่นน้ำที่เคลื่อนไหวบนผิวน้ำเท่านั้น ในวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 1987 ทางมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมได้ทำการค้นคว้าเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยใช้เรือติดสัญญาณโซนาร์หลายลำแล่นไปบนพื้นผิวน้ำ เรียกว่า "ปฏิบัติการดีปสแกน" (Operation Deepscan) ปรากฏว่า โซนาร์ได้สะท้อนถึงเงาของวัตถุบางอย่างขนาดใหญ่ที่กำลังเคลื่อนตัวใต้น้ำ แต่บางคนคิดว่าอาจเป็นเพียงฝูงปลาธรรมดา ๆ
เรื่องราวเกี่ยวกับเนสซีมีทั้งผู้ที่เชื่อและผู้ที่ไม่เชื่อ โดยผู้ที่เชื่อนั้นเชื่อว่า เนสซีอาจเป็นไดโนเสาร์ที่ยังหลงเหลืออยู่ โดยสภาพทางภูมิศาสตร์ของทะเลสาบเนสส์ในยุคโบราณนั้นเคยเป็นทะเลมาก่อน ไดโนเสาร์ในสมัยนั้นอาจเข้ามาอยู่อาศัยจนสภาพของพื้นที่เปลี่ยนไป กลายเป็นพื้นที่ปิดและปราศจากสิ่งรบกวน สัตว์ที่อาศัยอยู่ในนี้จึงยังหลงเหลืออยู่และมีสภาพไม่เปลี่ยนแปลงจากครั้งแรกที่เข้ามาอาศัย ไม่เพียงเท่านั้น แหล่งน้ำหรือทะเลสาบที่อื่น ๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับทะเลสาบเนสส์ และบริเวณใกล้เคียงกันก็มีรายงานของสิ่งประหลาดที่คล้ายกับเนสซีด้วย ขณะที่ฝ่ายที่ไม่เชื่อนั้นเชื่อว่า รูปถ่ายหรือภาพเคลื่อนไหวที่ได้นั้น อาจไม่ใช่เป็นสิ่งที่เกี่ยวกับเนสซีเลย และทั้งหมดทำขึ้นก็เพื่อสร้างชื่อเสียงให้ทะเลสาบแห่งนี้โด่งดังขึ้น โดยบางรูปเชื่อว่าเป็นเพียงหางของตัวนากที่กำลังดำน้ำหรือเป็นขอนไม้หรือวัสดุต่าง ๆ ที่กำลังลอยน้ำอยู่
มีครั้งหนึ่งที่เคยพบซากสัตว์คล้ายเนสซีในทะเล แต่หลังจากพิสูจน์ดีเอ็นเอแล้วกลับพบว่าเป็นซากฉลามเน่าเท่านั้น
ทุกวันนี้ เรื่องราวของเนสซีก็ยังเป็นเรื่องลึกลับที่เป็นที่สนใจของคนทั้งโลก มีผู้ไปสำรวจและศึกษามากมาย แต่ก็ยังไม่เคยมีผู้ใดได้หลักฐานของเนสซีที่หนักแน่นสักราย อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของเนสซีก็สร้างรายได้ให้แก่รัฐบาลสกอตแลนด์และชุมนุมใกล้เคียงเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
ปัจจุบัน
ปัจจุบันทางบริษัทวิลเลียมฮิลล์ บริษัทพนันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ได้ประกาศออกมาว่าจะให้เงินรางวัลจำนวน 1 ล้านปอนด์หรือประมาณ 70 ล้านบาทแก่ผู้ที่สามารถหาหลักฐานได้ว่าเนสซีมีอยู่จริง ในวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2007 กอร์ดอน โฮลมส์ เจ้าหน้าที่เทคนิคห้องแล็บได้อ้างว่า สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวของสิ่งที่เชื่อว่าเป็นเนสซีได้ด้วยความยาวถึง 2 นาทีครึ่งขณะนั่งชมทิวทัศน์อยู่ริมทะเลสาบเนสส์ ซึ่งภาพของโฮลมส์ครั้งนี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นของเนสซีที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เอเดียน ไชน์ นักชีววิทยาสัตว์น้ำ ได้ตรวจสอบภาพของโฮล์มสแล้วมีความเห็นว่า เป็นการยากที่จะเป็นการตกแต่งหรือทำปลอมขึ้น เพราะภาพไม่ได้จับเฉพาะแต่สัตว์ประหลาด แต่ยังถ่ายไปถึงภูเขารอบทะเลสาบด้วย จึงสามารถเปรียบเทียบความเร็วและขนาดของสิ่งที่เคลื่อนไหวในน้ำได้ด้วย โดยเชื่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่มีความยาวประมาณ 15 เมตร เคลื่อนที่ด้วยการว่ายน้ำด้วยความเร็วถึง 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และภาพบางส่วนยังจับให้เห็นสิ่งที่คล้ายครีบด้วย ซึ่งวิดีโอภาพชุดนี้เป็นที่ฮือฮาและกล่าวขานอย่างมากในสหราชอาณาจักร เมื่อได้ถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณะโดยสำนักข่าวบีบีซีในอีก 3 วันถัดมา มีผู้คนมากมายที่ทั้งเชื่อและไม่เชื่อ และต่อมาไม่นานได้มีการเปิดเผยว่ารัฐบาลสหราชอาณาจักรเพิ่งจะเปิดเผยข้อมูลลับว่า ทางรัฐบาลเชื่อว่า เนสซีมีอยู่จริง ตั้งแต่สมัย นางมาร์กาเรต แทตเชอร์ เป็นนายกรัฐมนตรี และอยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองและอนุรักษ์สัตว์ป่าของอังกฤษที่ครอบคลุมทั้งสัตว์ที่รู้จักและไม่รู้จักหลายชนิด
ใน ค.ศ. 2009 มีข่าวปรากฏว่า ดาวเทียมกูเกิลเอิร์ธสามารถจับภาพของสิ่งที่เชื่อว่าเป็นเนสซีได้ที่ทะเลสาบเนสส์ที่พิกัดละติจูดที่ 57 องศา 12.52 ลิปดา 13 พิลิปดาเหนือ และลองติจูดที่ 4 องศา 34.14 ลิปดา 16 พิลิปดาตะวันตก57°12′52.13″N 4°34′14.16″W / 57.2144806°N 4.5706000°W แต่ปรากฏว่าเป็นเพียงเรือที่กำลังแล่นอยู่
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2014 มีรายงานว่าหญิงสาวชาวอังกฤษวัย 24 ปี สามารถถ่ายรูปของเนสซีขณะลอยคอเหนือผิวน้ำไว้ได้ โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ที่ ทางตอนเหนือของอังกฤษ ที่อยู่ห่างจากทะเลสาบเนสส์ 241 กิโลเมตร โดยเจ้าตัวในตอนแรกคิดว่าเป็นหงส์หรือห่านด้วยซ้ำ
ในต้น ค.ศ. 2016 มีชาวประมงท้องถิ่นอ้างว่าสามารถใช้อุปกรณ์โซนาร์ตรวจจับสภาพของทะเลสาบเนสส์พบว่ามีร่องลึกยาวประมาณ 9 ไมล์ ในระดับความลึก 813–900 ฟุต ซึ่งทำให้พบว่าทะเลสาบเนสส์เป็นทะเลสาบที่มีความลึกเป็นอันดับ 2 ของสหราชอาณาจักรรองจากที่ลึกถึง 1,017 ฟุต และอาจเป็นแหล่งซ่อนตัวของเนสซี แต่ในกลางปีเดียวกัน มีการศึกษาโดยการใช้โดรนถ่ายใต้น้ำ ซึ่งสามารถถ่ายภาพใต้น้ำได้ในระดับความลึกกว่าทะเลสาบเนสส์มาก โดย ดิก เรย์นอร์ นักวิทยาศาสตร์ที่สนใจศึกษาเรื่องนี้ และพบว่าไม่มีอะไรรวมถึงไม่มีร่องลึกดังที่กล่าวอ้างด้วย และเขาเชื่อว่าไม่มีสัตว์ประหลาดในทะเลสาบแห่งนี้
นอกจากนี้แล้วยังมีผู้ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ให้แก่เนสซีด้วย โดยให้ชื่อว่า Nessiteras rhombopteryx ซึ่งเป็นภาษากรีกแปลได้ว่า "สัตว์ประหลาดเนสส์กับครีบรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด"
ข้อสันนิษฐาน
มีผู้ตั้งข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับเนสซีไว้มากมาย อาจสรุปได้ดังนี้
- เชื่อว่าเนสซีเป็นสัตว์เลื้อยคลานในทะเลขนาดใหญ่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์เช่นเดียวกับไดโนเสาร์ เช่น อีลาสโมซอรัส หรือเพลสิโอซอรัส โดยมีทฤษฎีว่าสัตว์เลื้อยคลานพวกนี้เดิมเคยอาศัยอยู่ในทะเลในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งทะเลสาบเนสส์ยังคงเชื่อมต่อกับทะเล ต่อมาได้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ในยุคน้ำแข็ง ทำให้ทะเลสาบเนสส์กำเนิดขึ้นมาและตัดขาดกับทะเลโดยสิ้นเชิง แต่ทว่าสัตว์เหล่านี้ยังติดอยู่ในทะเลสาบโดยไม่ไปไหน เพราะไม่มีสิ่งใดมารบกวนบวกกับมีอาหารให้กินมากมาย ขณะที่สัตว์จำพวกเดียวกันที่อื่นได้สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว
- เชื่อว่าเนสซีเป็นสัตว์จำพวกอื่นที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบเนสส์ เช่น หรือปลาไหลหรือ หรือปลาสเตอร์เจียน ซึ่งเป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่ส่วนหลังมีโหนกและมีหนามเช่นเดียวกับที่พยานหลายรายพบเห็น หรือแม้สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำขนาดใหญ่
- เชื่อว่าแท้จริงแล้ว เนสซีตลอดจนสัตว์ประหลาดในทะเลหรือทะเลสาบในที่ต่าง ๆ ทั่วโลก เป็นเพียงปรากฏการณ์คลื่นนิ่งที่เกิดขึ้นบนผิวน้ำ เมื่อมีผู้พบเห็นมองเพียงผิวเผินแล้วเข้าใจผิดตามมโนทัศน์ของตน เช่นเดียวกับปรากฏการณ์พญานาคในแม่น้ำโขงหรือบึงโขงหลงในพื้นที่ภาคอีสานของประเทศไทย
- เชื่อว่าแท้จริงแล้วเป็นเรื่องหลอกลวง เช่นเดียวกับภาพถ่ายที่มีชื่อเสียงที่สุดของเนสซีที่ชื่อ "ภาพของศัลยแพทย์" (The Surgeon's Photo) ที่เชื่อกันมาอย่างยาวนานหลายสิบปีว่าเป็นของจริง ที่ถ่ายโดยศัลยแพทย์ชาวลอนดอนชื่อ โรเบิร์ต เคนเนท วิลสัน แต่ท้ายที่สุดก็ถูกเปิดเผยออกมาว่าเป็นเพียงเรื่องหลอกลวงกันเท่านั้น รวมถึงกรณีอื่นด้วย
เนสซีในวัฒนธรรมร่วมสมัย
มีการอ้างอิงถึงเนสซีในวัฒนธรรมร่วมสมัยมีอยู่มากมาย เช่น
- การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง โดราเอมอน ตอน "เนสซีมาแล้ว"
- เป็นชุดสเกลให้กับตัวละครชื่อ ซีดราก้อน คาน่อน จากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง เซนต์เซย่า
- ซีรีส์ชุด The X-Files ซีซั่นที่สาม ตอนที่ 22 ในตอน "Quagmire" ในชื่อ "บิ๊กบลู"
- ภาพยนตร์สัญชาติอังกฤษ เรื่อง Loch Ness ในปี ค.ศ. 1996
- ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด เรื่อง ในปี ค.ศ. 2001
- ภาพยนตร์แฟนตาซีสัญชาติอังกฤษ เรื่อง ในปี ค.ศ. 2008
- ภาพยนตร์สำหรับฉายทางโทรทัศน์ของฮอลลีวู้ด เรื่อง ในปี ค.ศ. 2008
- สารคดีทางช่องดิสคัฟเวอรีแชนแนล ชุด Lost Tapes ตอน "Monster of Monterey" ปี ค.ศ. 2009
- โฆษณาทางโทรทัศน์รถยนต์ยี่ห้อ โตโยต้า
อ้างอิง
- Krystek, Lee. "The Surgeon's Hoax". unmuseum.org. UNMuseum. สืบค้นเมื่อ 21 April 2015.
- Life of St. Columba (chapter 28).
- Delrio, Martin (2002). The Loch Ness Monster. Rosen Publishing Group. p. 48. ISBN .
- "Up Again". Edinburgh Scotsman. 14 May 1945. p. 1. So "Nessie" is at her tricks again. After a long, she has by all accounts bobbed up in home waters...
- Campbell, Elizabeth Montgomery & David Solomon, The Search for Morag (Tom Stacey 1972) , page 28 gives an-t-Seileag, an-Niseag, a-Mhorag for the monsters of Lochs Shiel, Ness and Morag, adding that they are feminine diminutives
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อเนส
- Legend of Loch Ness, "River Monsters". สารคดีทางแอนิมอลแพลนเน็ต ทางทรูวิชั่นส์: อังคารที่ 24 ธันวาคม 2556
- คอลัมน์ ซันเดย์ สเปเชียล, ไทยรัฐ: วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2551
- "กูเกิ้ลเอิร์ธจับภาพ เนสซี ทะเลสาบล็อกเนสได้". หรรษาดอตคอม.[]
- "โอละพ่อ!!! "เนสซี" สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนสส์ ใน Apple Maps แท้จริงแล้วคือ เรือ!". สนุกดอตคอม. April 23, 2014. สืบค้นเมื่อ July 31, 2016.
- "ตะลึง! สาวผู้ดีถ่ายรูปเจอ 'สัตว์ประหลาดลอช เนสส์' โผล่กลางทะเลสาบ". ไทยรัฐ. 2014. สืบค้นเมื่อ 14 September 2014.
- "เนสซี ซ่อนตัวที่ไหน? ชาวประมงพบที่ซ่อนของเนสซีลึก 900 ฟุต". เพชรรามา. January 20, 2016. สืบค้นเมื่อ July 31, 2016.
- "โดรนดำน้ำ ปิดตำนานสัตวประหลาดล็อกเนส". เวิร์คพอยท์ทีวี. 2016-04-14. สืบค้นเมื่อ 2016-12-24.
- "Naming the Loch Ness monster". Nature. 258 (5535): 466. 1975. doi:10.1038/258466a0.
- R. J. Binns (1983) The Loch Ness Mystery Solved, page 22
- Rick Emmer, Loch Ness Monster: Fact or Fiction?, page 62 (Infobase Publishing, 2010). .
- "Were Dinosaurs Endotherms or Ectotherms?". BBC. 2001. สืบค้นเมื่อ 8 April 2007.
- "Why the Loch Ness Monster is no plesiosaur". New Scientist. 2576: 17. 2006. สืบค้นเมื่อ 8 April 2007.
- Justice, Aaron (2007). "The Monster of Loch Ness". CryptoZoology.com. สืบค้นเมื่อ 8 April 2007.
- "Operation Cleansweep 2001". The Loch Ness Project. 2001. สืบค้นเมื่อ 8 April 2007.
- The Loch Ness Monster, "The Truth Behind". สารคดีทางเนชั่นแนลจีโอกราฟิก ทางนาว 26: ศุกร์ที่ 7 เมษายน 2560
- R. P. Mackal (1976) The Monsters of Loch Ness, pages 138–9, 211–213
- The Times 9 December 1933, page 14
- "คมชัดลึก พญานาค ช่วงที่ 2". เนชั่นแชนแนล. 6 September 2011. สืบค้นเมื่อ 2 April 2014.
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อหลอก
- "Creature of Loch Ness Caught on tape! video on YouTube". YouTube. 26 May 2007. สืบค้นเมื่อ 28 April 2010.
- . Worldnetdaily.com. 10 June 2005. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-06. สืบค้นเมื่อ 28 May 2009.
- The X-Files (1993– ) Quagmire ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์เนสซี (อังกฤษ)
- ภาพเคลื่อนไหวของเนสซี
- ภาพเคลื่อนไหวของเนสซี
- ภาพเคลื่อนไหวของกอร์ดอน โฮล์มส
อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref>
สำหรับกลุ่มชื่อ "lower-alpha" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="lower-alpha"/>
ที่สอดคล้องกัน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
enssi hrux stwprahladlxkenss xngkvs Nessie Loch Ness Monster khuxsingmichiwitluklbkhnadihychnidhnungthiechuxwaxasyxyuinthaelsabenss lxkenss inskxtaelnd shrachxanackrenssi stwprahladlxkenss in kh s 1934 pccubn epnaekheruxnghlxklwngstwkhlaykhlungaechmp oxokopok omaekel xumaebmeb bnthukkhrngaerkkh s 565 yxnhlng 1802 chronologically kh s 1933 odngdng chuxxunenssi Niseagpraethsskxtaelndphumiphakhlxkenss sphthmulwithyaodychux enssi Niseag epnchuxeriykeln khxngsingmichiwitluklbni odyepnchuxthiddaeplngmacakkhawalxkenss inchwngthswrrsthi 1940 smaskbchuxthiepnthiniymkhxnghyingsawinthxngthin khux aexkens Agnes inwnthi 4 singhakhm kh s 1932 khawinhnngsuxphimphthxngthinraynganeruxngkaraetngngankhxng n s enssi khlarklksnaechuxwaenssimiruprangkhlay hrux xilasomsxrs stweluxykhlanthixasyinthaelyukhediywkbidonesar miphuxangwaekhyphbehnthungpccubnkwanbimthwn aelamirupthaythngphaphningaelaphaphyntrmakmay odyhlkthanaerksudthimibnthukthungenssi khux bnthukkhxngxdmaenn rabuwa inwnthi 22 singhakhm kh s 565 khnaedinthangmasuthirabsungskxtaelndephuxdungphwknxkritekhasusasna thanidthaphithiilpisacaemnathixasyxyuinthieriykwa phiktis sungidkhakhnipaelwhnungkhn odykarsngtwaethnlngipwayinnaephuxlxpisac aetthwaimidmikarbrryaythunglksnakhxngpisactnni miaetephiyngbnthukiwwanapnpwnethannexng khnathikhwamechuxeruxngpisachruxstwprahladkhnadihyinna khxngsikolkthangehnuxaebbnikmiinphunthixun echn saekndienewiy hruxiwkingkarphbehnaelakarphisucnin kh s 1933 mikartdthnnphanthaelsabenss cungmiphuphbehnenssimakkhun khusamiphrryatrakulaemkhekhykhnakhbrthphanthaelsab khunnayaemkhekhykehnxairbangxyangkhnadihyinna cungbxkihsamihyudrth aelathngkhuklngipdu aetkpraktwasingnnhayipaelw eruxngrawniidpraktlnginhnngsuxphimphthxngthin aelaerimichkhawa stwprahlad khunmakhrngaerk inpiediywkn xaethxr aekrnd xangwakhnathitnkhbkhimxetxriskhnn ehnenssikhunmabnbk ifcakhnarththisxngipthuktwthaihehnwaenssimiruprangkhlayephlsioxsxrs txmakidmiphuthayrupiwidmakmaythngphaphningaelaphaphekhluxnihw aetthnghmdnikepnephiyngengatakhum hruxkhlunnathiekhluxnihwbnphiwnaethann inwnthi 9 tulakhm kh s 1987 thangmhawithyalyebxrmingaehmidthakarkhnkhwaeruxngnixyangcringcng odyicheruxtidsyyanosnarhlaylaaelnipbnphunphiwna eriykwa ptibtikardipsaekn Operation Deepscan praktwa osnaridsathxnthungengakhxngwtthubangxyangkhnadihythikalngekhluxntwitna aetbangkhnkhidwaxacepnephiyngfungplathrrmda eruxngrawekiywkbenssimithngphuthiechuxaelaphuthiimechux odyphuthiechuxnnechuxwa enssixacepnidonesarthiynghlngehluxxyu odysphaphthangphumisastrkhxngthaelsabenssinyukhobrannnekhyepnthaelmakxn idonesarinsmynnxacekhamaxyuxasycnsphaphkhxngphunthiepliynip klayepnphunthipidaelaprascaksingrbkwn stwthixasyxyuinnicungynghlngehluxxyuaelamisphaphimepliynaeplngcakkhrngaerkthiekhamaxasy imephiyngethann aehlngnahruxthaelsabthixun thimilksnaiklekhiyngkbthaelsabenss aelabriewniklekhiyngknkmirayngankhxngsingprahladthikhlaykbenssidwy khnathifaythiimechuxnnechuxwa rupthayhruxphaphekhluxnihwthiidnn xacimichepnsingthiekiywkbenssiely aelathnghmdthakhunkephuxsrangchuxesiyngihthaelsabaehngniodngdngkhun odybangrupechuxwaepnephiynghangkhxngtwnakthikalngdanahruxepnkhxnimhruxwsdutang thikalnglxynaxyu mikhrnghnungthiekhyphbsakstwkhlayenssiinthael aethlngcakphisucndiexnexaelwklbphbwaepnsakchlamenaethann thukwnni eruxngrawkhxngenssikyngepneruxngluklbthiepnthisnickhxngkhnthngolk miphuipsarwcaelasuksamakmay aetkyngimekhymiphuididhlkthankhxngenssithihnkaennskray xyangirktam chuxesiyngkhxngenssiksrangrayidihaekrthbalskxtaelndaelachumnumiklekhiyngenuxngcakminkthxngethiywcanwnmak phaphwadhlakhlaylksnaswnhlngkhxngenssiethathiekhymikarphbehnpccubnpccubnthangbristhwileliymhill bristhphnnxyangthuktxngtamkdhmay idprakasxxkmawacaihenginrangwlcanwn 1 lanpxndhruxpraman 70 lanbathaekphuthisamarthhahlkthanidwaenssimixyucring inwnthi 26 phvsphakhm kh s 2007 kxrdxn ohlms ecahnathiethkhnikhhxngaelbidxangwa samarthbnthukphaphekhluxnihwkhxngsingthiechuxwaepnenssiiddwykhwamyawthung 2 nathikhrungkhnanngchmthiwthsnxyurimthaelsabenss sungphaphkhxngohlmskhrngniidrbkarklawkhanwaepnkhxngenssithismburnthisudethathiekhymima exediyn ichn nkchiwwithyastwna idtrwcsxbphaphkhxngohlmsaelwmikhwamehnwa epnkaryakthicaepnkartkaetnghruxthaplxmkhun ephraaphaphimidcbechphaaaetstwprahlad aetyngthayipthungphuekharxbthaelsabdwy cungsamarthepriybethiybkhwamerwaelakhnadkhxngsingthiekhluxnihwinnaiddwy odyechuxwaepnsingmichiwitchnidhnungthimikhwamyawpraman 15 emtr ekhluxnthidwykarwaynadwykhwamerwthung 10 kiolemtrtxchwomng aelaphaphbangswnyngcbihehnsingthikhlaykhribdwy sungwidioxphaphchudniepnthihuxhaaelaklawkhanxyangmakinshrachxanackr emuxidthukephyaephrxxksusatharnaodysankkhawbibisiinxik 3 wnthdma miphukhnmakmaythithngechuxaelaimechux aelatxmaimnanidmikarepidephywarthbalshrachxanackrephingcaepidephykhxmullbwa thangrthbalechuxwa enssimixyucring tngaetsmy nangmarkaert aethtechxr epnnaykrthmntri aelaxyuphayitkdhmaykhumkhrxngaelaxnurksstwpakhxngxngkvsthikhrxbkhlumthngstwthiruckaelaimruckhlaychnid in kh s 2009 mikhawpraktwa dawethiymkuekilexirthsamarthcbphaphkhxngsingthiechuxwaepnenssiidthithaelsabenssthiphikdlaticudthi 57 xngsa 12 52 lipda 13 philipdaehnux aelalxngticudthi 4 xngsa 34 14 lipda 16 philipdatawntk57 12 52 13 N 4 34 14 16 W 57 2144806 N 4 5706000 W 57 2144806 4 5706000 aetpraktwaepnephiyngeruxthikalngaelnxyu ineduxnknyayn kh s 2014 miraynganwahyingsawchawxngkvswy 24 pi samarththayrupkhxngenssikhnalxykhxehnuxphiwnaiwid odythiimidtngic thi thangtxnehnuxkhxngxngkvs thixyuhangcakthaelsabenss 241 kiolemtr odyecatwintxnaerkkhidwaepnhngshruxhandwysa intn kh s 2016 michawpramngthxngthinxangwasamarthichxupkrnosnartrwccbsphaphkhxngthaelsabenssphbwamirxnglukyawpraman 9 iml inradbkhwamluk 813 900 fut sungthaihphbwathaelsabenssepnthaelsabthimikhwamlukepnxndb 2 khxngshrachxanackrrxngcakthilukthung 1 017 fut aelaxacepnaehlngsxntwkhxngenssi aetinklangpiediywkn mikarsuksaodykarichodrnthayitna sungsamarththayphaphitnaidinradbkhwamlukkwathaelsabenssmak ody dik erynxr nkwithyasastrthisnicsuksaeruxngni aelaphbwaimmixairrwmthungimmirxnglukdngthiklawxangdwy aelaekhaechuxwaimmistwprahladinthaelsabaehngni nxkcakniaelwyngmiphutngchuxwithyasastrihaekenssidwy odyihchuxwa Nessiteras rhombopteryx sungepnphasakrikaeplidwa stwprahladensskbkhribrupsiehliymkhawhlamtd khxsnnisthanmiphutngkhxsnnisthanekiywkbenssiiwmakmay xacsrupiddngni echuxwaenssiepnstweluxykhlaninthaelkhnadihyinyukhkxnprawtisastrechnediywkbidonesar echn xilasomsxrs hruxephlsioxsxrs odymithvsdiwastweluxykhlanphwkniedimekhyxasyxyuinthaelinyukhkxnprawtisastr sungthaelsabenssyngkhngechuxmtxkbthael txmaidekidkarepliynaeplngthangphumisastrinyukhnaaekhng thaihthaelsabensskaenidkhunmaaelatdkhadkbthaelodysineching aetthwastwehlaniyngtidxyuinthaelsabodyimipihn ephraaimmisingidmarbkwnbwkkbmixaharihkinmakmay khnathistwcaphwkediywknthixunidsuyphnthuiphmdaelw echuxwaenssiepnstwcaphwkxunthixasyxyuinthaelsabenss echn hruxplaihlhrux hruxplasetxreciyn sungepnplanacudkhnadihythiswnhlngmiohnkaelamihnamechnediywkbthiphyanhlayrayphbehn hruxaemstwkhrungbkkhrungnakhnadihy echuxwaaethcringaelw enssitlxdcnstwprahladinthaelhruxthaelsabinthitang thwolk epnephiyngpraktkarnkhlunningthiekidkhunbnphiwna emuxmiphuphbehnmxngephiyngphiwephinaelwekhaicphidtammonthsnkhxngtn echnediywkbpraktkarnphyanakhinaemnaokhnghruxbungokhnghlnginphunthiphakhxisankhxngpraethsithy echuxwaaethcringaelwepneruxnghlxklwng echnediywkbphaphthaythimichuxesiyngthisudkhxngenssithichux phaphkhxngslyaephthy The Surgeon s Photo thiechuxknmaxyangyawnanhlaysibpiwaepnkhxngcring thithayodyslyaephthychawlxndxnchux orebirt ekhnenth wilsn aetthaythisudkthukepidephyxxkmawaepnephiyngeruxnghlxklwngknethann rwmthungkrnixundwyenssiinwthnthrrmrwmsmymikarxangxingthungenssiinwthnthrrmrwmsmymixyumakmay echn kartunyipuneruxng odraexmxn txn enssimaaelw epnchudseklihkbtwlakhrchux sidrakxn khanxn cakkartunyipuneruxng esntesya sirischud The X Files sisnthisam txnthi 22 intxn Quagmire inchux bikblu phaphyntrsychatixngkvs eruxng Loch Ness inpi kh s 1996 phaphyntrhxlliwud eruxng inpi kh s 2001 phaphyntraefntasisychatixngkvs eruxng inpi kh s 2008 phaphyntrsahrbchaythangothrthsnkhxnghxlliwud eruxng inpi kh s 2008 sarkhdithangchxngdiskhfewxriaechnaenl chud Lost Tapes txn Monster of Monterey pi kh s 2009 okhsnathangothrthsnrthyntyihx otoytaxangxingKrystek Lee The Surgeon s Hoax unmuseum org UNMuseum subkhnemux 21 April 2015 Life of St Columba chapter 28 Delrio Martin 2002 The Loch Ness Monster Rosen Publishing Group p 48 ISBN 0 8239 3564 7 Up Again Edinburgh Scotsman 14 May 1945 p 1 So Nessie is at her tricks again After a long she has by all accounts bobbed up in home waters Campbell Elizabeth Montgomery amp David Solomon The Search for Morag Tom Stacey 1972 ISBN 0 85468 093 4 page 28 gives an t Seileag an Niseag a Mhorag for the monsters of Lochs Shiel Ness and Morag adding that they are feminine diminutives xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux ens Legend of Loch Ness River Monsters sarkhdithangaexnimxlaephlnent thangthruwichns xngkharthi 24 thnwakhm 2556 khxlmn snedy sepechiyl ithyrth wnxathitythi 16 minakhm ph s 2551 kuekilexirthcbphaph enssi thaelsablxkensid hrrsadxtkhxm lingkesiy oxlaphx enssi stwprahladaehnglxkenss in Apple Maps aethcringaelwkhux erux snukdxtkhxm April 23 2014 subkhnemux July 31 2016 talung sawphudithayrupecx stwprahladlxch enss ophlklangthaelsab ithyrth 2014 subkhnemux 14 September 2014 enssi sxntwthiihn chawpramngphbthisxnkhxngenssiluk 900 fut ephchrrama January 20 2016 subkhnemux July 31 2016 odrndana pidtananstwprahladlxkens ewirkhphxyththiwi 2016 04 14 subkhnemux 2016 12 24 Naming the Loch Ness monster Nature 258 5535 466 1975 doi 10 1038 258466a0 R J Binns 1983 The Loch Ness Mystery Solved page 22 Rick Emmer Loch Ness Monster Fact or Fiction page 62 Infobase Publishing 2010 ISBN 978 0 7910 9779 3 Were Dinosaurs Endotherms or Ectotherms BBC 2001 subkhnemux 8 April 2007 Why the Loch Ness Monster is no plesiosaur New Scientist 2576 17 2006 subkhnemux 8 April 2007 Justice Aaron 2007 The Monster of Loch Ness CryptoZoology com subkhnemux 8 April 2007 Operation Cleansweep 2001 The Loch Ness Project 2001 subkhnemux 8 April 2007 The Loch Ness Monster The Truth Behind sarkhdithangenchnaenlcioxkrafik thangnaw 26 sukrthi 7 emsayn 2560 R P Mackal 1976 The Monsters of Loch Ness pages 138 9 211 213 The Times 9 December 1933 page 14 khmchdluk phyanakh chwngthi 2 enchnaechnaenl 6 September 2011 subkhnemux 2 April 2014 xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux hlxk Creature of Loch Ness Caught on tape video on YouTube YouTube 26 May 2007 subkhnemux 28 April 2010 Worldnetdaily com 10 June 2005 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 06 06 subkhnemux 28 May 2009 The X Files 1993 Quagmire thixinethxrentmuwiedtaebs wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb enssiaehlngkhxmulxunewbistenssi xngkvs phaphekhluxnihwkhxngenssi phaphekhluxnihwkhxngenssi phaphekhluxnihwkhxngkxrdxn ohlms xangxingphidphlad mipayrabu lt ref gt sahrbklumchux lower alpha aetimphbpayrabu lt references group lower alpha gt thisxdkhlxngkn