วาฬ 52 เฮ รตซ อ งกฤษ 52 hertz whale ซ งเร ยกก นท วไปว า 52 บล อ งกฤษ 52 Blue เป นวาฬชน ดหน งของสายพ นธ ท ไม สามารถระบ ชน

วาฬ 52 เฮิรตซ์ (อังกฤษ: 52-hertz whale) ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า 52 บลู (อังกฤษ: 52 Blue) เป็นวาฬชนิดหนึ่งของสายพันธุ์ที่ไม่สามารถระบุชนิดได้ ซึ่งส่งเสียงร้องที่ความถี่ผิดปกติที่ 52 เฮิรตซ์ เสียงความถี่นี้สูงกว่าเสียงของวาฬสายพันธุ์ตัวอื่น โดยรูปแบบการอพยพมีความคล้ายคลึงกับวาฬความถี่ 52 เฮิรตซ์มากที่สุด เสียงร้องของวาฬชนิดนี้ถูกตรวจพบเป็นประจำในหลายสถานที่นับตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1980 และดูเหมือนว่าจะเป็นวาฬเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่ส่งเสียงร้องด้วยความถี่นี้ อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีใครพบเห็นปลาวาฬมาก่อน มีเพียงการได้ยินเสียงผ่านไฮโดรโฟนแค่เท่านั้น วาฬชนิดนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น "วาฬที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก" แม้ว่าจะมีการบันทึกวาฬที่ความถี่ 52 เฮิรตซ์อีกตัวหนึ่งที่ได้ยินในเวลาเดียวกันจากที่อื่น แต่ก็พบเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่ปี 2010

52 เฮิรตซ์เทียบเท่ากับโน้ตดนตรี G ^#₁ ซึ่งเป็นคีย์ต่ำสุดลำดับที่ 12 บนแป้นคีย์บอร์ด เปียโน 88 คีย์ทั่วไป (หรือตำแหน่งนิ้วที่ 4 บนสายต่ำสุด (_E1) ของ ดับเบิลเบส)

ลักษณะเฉพาะ

วาฬ 52 เฮิรตซ์

เสียงถูกบันทึกในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกเฉียงเหนือ และถูกปรับให้เร็วขึ้น 10 เท่า ทำให้เสียงมีระดับที่ 520 Hz (C₅).

หากมีปัญหาในการเล่นไฟล์นี้ ดูที่วิธีใช้สื่อ

ลักษณะเสียงเป็นของวาฬ แต่ที่ความถี่ที่ไม่เหมือนใคร รูปแบบการส่งเสียงไม่เหมือนกับวาฬสีน้ำเงินหรือวาฬฟิน โดยเสียงอยู่ในความถี่ที่สูงกว่า สั้นกว่า และส่งเสียงบ่อยกว่า โดยทั่วไป วาฬสีน้ำเงินมักส่งเสียงในช่วง 10–39 Hz และวาฬฟินที่ 20 Hz อย่างไรก็ตาม เสียงของวาฬตัวนี้มีรูปแบบการส่งเสียง ความยาว และลำดับที่แปรปรวนสูง แต่สามารถระบุได้ง่ายจากความถี่และการจัดกลุ่มเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ เสียงร้องของมันลดความลึกลงเล็กน้อยเหลือประมาณ 50 เฮิรตซ์ตั้งแต่ปี 1992 ซึ่งอาจบ่งบอกว่ามันเจริญเติบโตหรือมีวุฒิภาวะมากขึ้น

เส้นทางการอพยพของวาฬ 52 เฮิรตซ์ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวหรือการมีอยู่ของวาฬสายพันธุ์อื่น การเคลื่อนไหวของมันคล้ายกับวาฬสีน้ำเงิน แต่ช่วงเวลาการเคลื่อนที่คล้ายกับวาฬฟินมากกว่า มันถูกตรวจพบในมหาสมุทรแปซิฟิกทุกปีตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงธันวาคม และจะเคลื่อนออกจากระยะของเครื่องตรวจจับไฮโดรโฟนในช่วงมกราคมถึงกุมภาพันธ์ โดยเดินทางได้ไกลถึง หมู่เกาะอะลูเชียน ทางตอนเหนือ และไกลลงมาถึงชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย โดยสามารถว่ายได้ 30 ถึง 70 กม.^{[(convert: %s)]}%s ต่อวัน และมีระยะทางการเดินทางต่อฤดูกาลตั้งแต่ 708 กม.^{[(convert: %s)]}%s จนถึงสูงสุด 11,062 กม.^{[(convert: %s)]}%s ในช่วงปี 2002–03

นักวิทยาศาสตร์จาก สถาบันสมุทรศาสตร์วูดสโฮล ไม่สามารถระบุชนิดของวาฬตัวนี้ได้ แต่สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากความผิดปกติแต่กำเนิด หรือเป็นไฮบริดของวาฬสีน้ำเงิน ทีมวิจัยยังได้รับการติดต่อจากผู้พิการทางการได้ยินที่สงสัยว่าวาฬตัวนี้อาจหูหนวกด้วย

ไม่ว่าความผิดปกติทางชีวภาพที่ทำให้เสียงของวาฬตัวนี้มีความถี่สูงนั้น ดูเหมือนไม่ได้ส่งผลเสียต่อการอยู่รอดของมัน อายุขัยและสุขภาพที่สมบูรณ์ของมันบ่งชี้ว่าน่าจะมีสุขภาพแข็งแรง แต่เสียงของมันเป็นเสียงเดียวที่พบในแต่ละฤดูกาล จึงถูกขนานนามว่า "วาฬที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก"

อย่างไรก็ตาม เสียงที่ตรวจจับได้จากเซ็นเซอร์ในแคลิฟอร์เนียในปี 2010 บ่งชี้ว่าอาจมีวาฬมากกว่าหนึ่งตัวที่ส่งเสียงที่ 52 Hz

ประวัติ

แผนที่ประมาณช่วงการอพยพของวาฬ 52 เฮิรตซ์

วาฬ 52 เฮิรตซ์ถูกค้นพบโดยทีมจาก สถาบันสมุทรศาสตร์วูดสโฮล โดยเสียงร้องของวาฬชนิดนี้ถูกตรวจพบครั้งแรกในปี 1989 และอีกครั้งในปี 1990 และ 1991 ในปี 1992 หลังสิ้นสุดสงครามเย็น กองทัพเรือสหรัฐได้เปิดเผยข้อมูลบางส่วนของการบันทึกเสียงและข้อกำหนดทางเทคนิคของระบบไฮโดรโฟน ซึ่งเป็นระบบตรวจจับเรือดำน้ำ และอนุญาตให้ใช้ SOSUS เพื่อการวิจัยทางมหาสมุทรศาสตร์

ข้อมูลเมื่อ 2014^[update] วาฬตัวนี้ถูกตรวจพบทุกปีตั้งแต่นั้นมา

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

Fessenden, Marissa (2015-04-15). "Maybe the World's Loneliest Whale Isn't So Isolated, After All". Smithsonian magazine. สืบค้นเมื่อ 2015-10-31.
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ disc
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Cornell
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ newsci
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ whoitech
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ whoitrack
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ nyt
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ oceanus
"A Song of Solitude". The New York Times. 2004-12-26.
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Willingham
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Anderson
Mulvaney, Kieran (26 January 2017). "The loneliest whale in the world?". Washington Post. Animation and illustrations by Phil Borst. สืบค้นเมื่อ 23 February 2017.^[]

>

[smithsonian-1] Fessenden, Marissa (2015-04-15). "Maybe the World's Loneliest Whale Isn't So Isolated, After All". Smithsonian magazine. สืบค้นเมื่อ 2015-10-31.

[disc-2] อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ disc

[Cornell-3] อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Cornell

[newsci-4] อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ newsci

[whoitech-5] อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ whoitech

[whoitrack-6] อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ whoitrack

[nyt-7] อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ nyt

[oceanus-8] อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ oceanus

[9] "A Song of Solitude". The New York Times. 2004-12-26.

[Willingham-10] อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Willingham

[Anderson-11] อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Anderson

[12] Mulvaney, Kieran (26 January 2017). "The loneliest whale in the world?". Washington Post. Animation and illustrations by Phil Borst. สืบค้นเมื่อ 23 February 2017.^[]