มัศกอด, มัสสะกอด หรือ มัดสะกอด เป็นขนมหวานชนิดหนึ่งของไทย ซึ่งได้รับอิทธิพลจากอิหร่าน ทั้งยังเป็นอาหารเก่าแก่ที่มีมายาวนานตั้งแต่สมัยอาณาจักรอยุธยา และปรากฏใน กาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในขนมหวานที่หารับประทานได้ยากในประเทศไทย
ชื่ออื่น | มัดสะกอด, มัสสะกอด |
---|---|
มื้อ | อาหารหวาน |
แหล่งกำเนิด | ประเทศไทย |
ส่วนผสมหลัก | แป้งสาลี, (หรือไก่), น้ำตาล |
|
อย่างไรก็ตามมัศกอดในไทยแบ่งวิธีทำออกเป็นสามรูปแบบ รูปแบบแรกปรากฏในหนังสือ แม่ครัวหัวป่าก์ (2451) ของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ระบุชื่อว่า มัสสะกอด มีลักษณะเดียวกับขนมไข่ ซึ่งเป็นขนมที่ใกล้เคียงกับคัปเค้ก แบบที่สองเรียกว่า สะกัดมัสสะกอด (อย่างสมเด็จพระพันพรรษา) ปรากฏอยู่ในหนังสือเล่มเดียวกัน มีลักษณะคล้ายเมอแร็งก์โรยมะพร้าวทึนทึกขูด แต่มัศกอดซึ่งยังตกทอดอยู่ในสำรับอาหารของแขกเจ้าเซ็นริมคลองบางหลวง กลับมีลักษณะเดียวกับ ซึ่งเป็นขนม
ประวัติ
มีการสันนิษฐานว่า มัศกอดนี้เป็นขนมหวานที่มีมาแต่ยุคอาณาจักรอยุธยา โดยได้รับอิทธิพลจากชาวเปอร์เซียที่เข้ามาค้าขายในยุคสมัยนั้น โดยชื่อ "มัศกอด" มาจากชื่อเมืองมัสกัต เมืองท่าบริเวณอ่าวโอมาน และปัจจุบันเมืองท่าแห่งนี้ได้กลายเป็นเมืองหลวงของประเทศโอมาน บ้างก็อ้างว่าถูกทำขึ้นโดยท้าวทองกีบม้า (มารี กีมาร์) ซึ่งเป็นหญิงสยามเชื้อสายโปรตุเกส-ญี่ปุ่นก็ว่า มัศกอดมีเรื่อยมาและแพร่หลายไปยังราชสำนักในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยแห่งยุครัตนโกสินทร์ เข้าใจว่าขนมนี้คงเข้าไปโดยผ่านนางบาทบริจาริกาหรือนางในมุสลิมที่รับราชการเป็นเครื่องต้นหวาน ได้แก่ เจ้าจอมหงษ์ และเจ้าจอมจีบ (หรือจิตร) ซึ่งทั้งสองท่านเป็นธิดาของพระยาจุฬาราชมนตรี นอกจากนี้ยังมีเจ้านายชั้นสูงที่มีพระอัจฉริยภาพด้านการประกอบอาหาร คือ สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ก็ทรงทำมัศกอดได้ด้วยพระองค์เอง ดังปรากฏใน กาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ความว่า
มัดสะกอดกอดอย่างไร | น่าสงสัยใคร่ขอถาม | |
กอดเคล้นจะเห็นความ | ขนมนามนี้ยังแคลง | |
— กาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวาน |
ส่วนผสม
ในหนังสือ แม่ครัวหัวป่าก์ (2451) ของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ บันทึกสูตรมัศกอดไว้สองสูตร โดยสูตรแรกเรียกว่า มัสสะกอด มีลักษณะเป็นขนมไข่ ประกอบด้วย ไข่เป็ดหรือไข่ไก่ แป้งสาลี น้ำมันมะพร้าวสำหรับทาถ้วยขนม น้ำตาล โดยนำไข่ น้ำตาล และแป้งมาผสมกันวิธีการทำดังเช่นทำขนมไข่หรือขนมฝรั่งกุฎีจีน คือใช้การอบแบบสุมไฟทั้งด้านบนและด้านล่าง หากแต่ตกแต่งด้วยไข่ขาวกวนน้ำตาลตีจนตั้งยอดแข็ง แล้วนำไปอบอีกครั้ง และโรยด้วยมะพร้าวทึนทึกขูดฝอย ขณะที่สูตรที่สองจะเรียกว่า สะกัดมัสสะกอด (อย่างสมเด็จพระพันพรรษา) จะมีลักษณะคล้ายเมอแร็งก์โรยมะพร้าวทึนทึกขูด ประกอบด้วย น้ำตาลทราย ไข่ และน้ำมันมะพร้าวสำหรับทาพิมพ์ โดยมีวิธีทำใกล้เคียงกันกับมัศกอดอย่างแรก แต่ต่างตรงที่ไม่ใช้ไข่แดงเป็นส่วนผสมหลัก และจะไม่ใช้แป้งสาลี โดยท่านผู้หญิงเปลี่ยนระบุถึงความแตกต่างของขนมทั้งสองอย่างนี้ไว้ว่า "...ขนมนี้พิมพ์เปนเฟืองกลมก็เรียกว่า ขนมมัดสะกอด ถ้าพิมพ์ ๔ เหลี่ยมเรียกขนมสะกัด แต่แป้ง ฤๅ ไข่วิธีทำอย่างเดียวกัน จึงได้รวมลงชื่อเรียกว่า ขนมสะกัดมัดสะกอด ตามแต่ผู้ทำจะเลือกทำเอาเอง ฉันบอกไว้ทั้งสองอย่างตามที่รู้"
ขณะที่มัศกอดของแขกเจ้าเซ็นริมคลองบางหลวง กรุงเทพมหานคร จะมีลักษณะที่ต่างออกไปคือจะมีลักษณะคล้ายกับ ซึ่งเป็นขนมกวน โดยจะกวนโดยใช้น้ำมันเนยแทนกะทิ จากนั้นใส่เมล็ดอัลมอนด์บุบ (แขกเจ้าเซ็นเรียก มะด่ำ หรือ บอดำ) ลงในขนม ด้วยเหตุนี้จึงเรียกนามขนมนี้ว่า ฮะหรั่วเนย หรือ ฮะหรั่วมัศกอด โดยจะรับประทานคู่กันกับแป้งข้าวเจ้าที่ต้องผ่านการนวด ต้ม และย่างจนแป้งสุกเสมอกัน เรียกว่า "ลุดตี่" (ซึ่งเป็นแป้งคนละชนิดกับอาหารคาวที่เรียกว่าลุดตี่เช่นกัน) โดยนำแป้งลุดตี่นี้ห่อเข้ากับฮะหรั่วมัศกอด ก็จะได้รสกลมกล่อมไม่หวานเลี่ยนเกินไป
อ้างอิง
- สุริวัสสา กล่อมเดช (13 ตุลาคม 2564). "มัศกอด คัพเค้กโบราณแสนน่ารัก". ครัว. สืบค้นเมื่อ 4 มกราคม 2566.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "เสียดายความเชย ..คาวหวาน ที่คนไทยไม่เคยได้กิน". ไทยรัฐออนไลน์. 10 มีนาคม 2554. สืบค้นเมื่อ 4 มกราคม 2566.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - เปลี่ยน ภาสกรวงศ์, ท่านผู้หญิง. "แม่ครัวหัวป่าก์ (บริจเฉท 6 ของหวานขนม)". วชิรญาณ. สืบค้นเมื่อ 5 มกราคม 2566.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - ธีรนันท์ ช่วงพิชิต (เมษายน 2544). "ตามรอย สำรับแขกคลองบางหลวง". สารคดี. สืบค้นเมื่อ 4 มกราคม 2566.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - จิราพร แซ่เตียว (9 พฤษภาคม 2563). "ขนมแม่เอ๊ย". เมืองโบราณ. สืบค้นเมื่อ 4 มกราคม 2566.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - pimtp__ (18 ตุลาคม 2563). "วิธีทำ "มัศกอด" เมนูขนมไทยโบราณสมัยอยุธยาหากินยากที่คุณก็ทำเองได้!". วงใน. สืบค้นเมื่อ 4 มกราคม 2566.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - จักรพันธ์ กังวาฬ. และคนอื่น ๆ. กรุ่นกลิ่นอารยธรรมเปอร์เซียในเมืองสยาม. กรุงเทพฯ : มติชน. 2550, หน้า 162
- พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ ๒). "กาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวานและงานนักขัตฤกษ์" – โดยทาง วิกิซอร์ซ.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
mskxd mssakxd hrux mdsakxd epnkhnmhwanchnidhnungkhxngithy sungidrbxiththiphlcakxihran thngyngepnxaharekaaekthimimayawnantngaetsmyxanackrxyuthya aelapraktin kaphyeheruxchmekhruxngkhawhwan phrarachniphnthinphrabathsmedcphraphuththelishlanphaly pccubnthuxepnhnunginkhnmhwanthiharbprathanidyakinpraethsithymskxdchuxxunmdsakxd mssakxdmuxxaharhwanaehlngkaenidpraethsithyswnphsmhlkaepngsali hruxik nataltaraxahar mskxd xyangirktammskxdinithyaebngwithithaxxkepnsamrupaebb rupaebbaerkpraktinhnngsux aemkhrwhwpak 2451 khxngthanphuhyingepliyn phaskrwngs rabuchuxwa mssakxd milksnaediywkbkhnmikh sungepnkhnmthiiklekhiyngkbkhpekhk aebbthisxngeriykwa sakdmssakxd xyangsmedcphraphnphrrsa praktxyuinhnngsuxelmediywkn milksnakhlayemxaerngkorymaphrawthunthukkhud aetmskxdsungyngtkthxdxyuinsarbxaharkhxngaekhkecaesnrimkhlxngbanghlwng klbmilksnaediywkb sungepnkhnmprawtimikarsnnisthanwa mskxdniepnkhnmhwanthimimaaetyukhxanackrxyuthya odyidrbxiththiphlcakchawepxresiythiekhamakhakhayinyukhsmynn odychux mskxd macakchuxemuxngmskt emuxngthabriewnxawoxman aelapccubnemuxngthaaehngniidklayepnemuxnghlwngkhxngpraethsoxman bangkxangwathukthakhunodythawthxngkibma mari kimar sungepnhyingsyamechuxsayoprtueks yipunkwa mskxdmieruxymaaelaaephrhlayipyngrachsankinrchsmyphrabathsmedcphraphuththelishlanphalyaehngyukhrtnoksinthr ekhaicwakhnmnikhngekhaipodyphannangbathbricarikahruxnanginmuslimthirbrachkarepnekhruxngtnhwan idaek ecacxmhngs aelaecacxmcib hruxcitr sungthngsxngthanepnthidakhxngphrayacularachmntri nxkcakniyngmiecanaychnsungthimiphraxcchriyphaphdankarprakxbxahar khux smedcphrasrisurieynthrabrmrachini kthrngthamskxdiddwyphraxngkhexng dngpraktin kaphyeheruxchmekhruxngkhawhwan phrarachniphnthinphrabathsmedcphraphuththelishlanphaly khwamwa mdsakxdkxdxyangir nasngsyikhrkhxthamkxdekhlncaehnkhwam khnmnamniyngaekhlng kaphyeheruxchmekhruxngkhawhwanswnphsminhnngsux aemkhrwhwpak 2451 khxngthanphuhyingepliyn phaskrwngs bnthuksutrmskxdiwsxngsutr odysutraerkeriykwa mssakxd milksnaepnkhnmikh prakxbdwy ikhepdhruxikhik aepngsali namnmaphrawsahrbthathwykhnm natal odynaikh natal aelaaepngmaphsmknwithikarthadngechnthakhnmikhhruxkhnmfrngkudicin khuxichkarxbaebbsumifthngdanbnaeladanlang hakaettkaetngdwyikhkhawkwnnatalticntngyxdaekhng aelwnaipxbxikkhrng aelaorydwymaphrawthunthukkhudfxy khnathisutrthisxngcaeriykwa sakdmssakxd xyangsmedcphraphnphrrsa camilksnakhlayemxaerngkorymaphrawthunthukkhud prakxbdwy natalthray ikh aelanamnmaphrawsahrbthaphimph odymiwithithaiklekhiyngknkbmskxdxyangaerk aettangtrngthiimichikhaedngepnswnphsmhlk aelacaimichaepngsali odythanphuhyingepliynrabuthungkhwamaetktangkhxngkhnmthngsxngxyangniiwwa khnmniphimphepnefuxngklmkeriykwa khnmmdsakxd thaphimph 4 ehliymeriykkhnmsakd aetaepng vi ikhwithithaxyangediywkn cungidrwmlngchuxeriykwa khnmsakdmdsakxd tamaetphuthacaeluxkthaexaexng chnbxkiwthngsxngxyangtamthiru khnathimskxdkhxngaekhkecaesnrimkhlxngbanghlwng krungethphmhankhr camilksnathitangxxkipkhuxcamilksnakhlaykb sungepnkhnmkwn odycakwnodyichnamnenyaethnkathi caknnisemldxlmxndbub aekhkecaesneriyk mada hrux bxda lnginkhnm dwyehtunicungeriyknamkhnmniwa hahrweny hrux hahrwmskxd odycarbprathankhuknkbaepngkhawecathitxngphankarnwd tm aelayangcnaepngsukesmxkn eriykwa ludti sungepnaepngkhnlachnidkbxaharkhawthieriykwaludtiechnkn odynaaepngludtinihxekhakbhahrwmskxd kcaidrsklmklxmimhwaneliynekinipxangxingsuriwssa klxmedch 13 tulakhm 2564 mskxd khphekhkobranaesnnark khrw subkhnemux 4 mkrakhm 2566 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help esiydaykhwamechy khawhwan thikhnithyimekhyidkin ithyrthxxniln 10 minakhm 2554 subkhnemux 4 mkrakhm 2566 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help epliyn phaskrwngs thanphuhying aemkhrwhwpak bricechth 6 khxnghwankhnm wchiryan subkhnemux 5 mkrakhm 2566 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help thirnnth chwngphichit emsayn 2544 tamrxy sarbaekhkkhlxngbanghlwng sarkhdi subkhnemux 4 mkrakhm 2566 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help ciraphr aesetiyw 9 phvsphakhm 2563 khnmaemexy emuxngobran subkhnemux 4 mkrakhm 2566 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help pimtp 18 tulakhm 2563 withitha mskxd emnukhnmithyobransmyxyuthyahakinyakthikhunkthaexngid wngin subkhnemux 4 mkrakhm 2566 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help ckrphnth kngwal aelakhnxun krunklinxarythrrmepxresiyinemuxngsyam krungethph mtichn 2550 hna 162 phrabathsmedcphraphuththelishlanphaly rchkalthi 2 kaphyeheruxchmekhruxngkhawhwanaelangannkkhtvks odythang wikisxrs