พระเจ้าอะเนาะเพะลูน (พม่า: အနောက်ဖက်လွန်, ออกเสียง: [ʔənaʊ̯ʔ pʰɛʔ lʊ̀ɰ̃] อะเน่าก์แพะหลุ่นมิง แปลว่า พระราชาแห่งทิศตะวันตก) หรือ พระเจ้ามหาธรรมราชา เรียกว่าพระเจ้าปราสาททองกลดแก้ว เป็นพระมหากษัตริย์พม่าในราชวงศ์ตองอู เมื่อสิ้นพระเจ้าบุเรงนองและพระเจ้านันทบุเรงแล้ว ฐานอำนาจของราชวงศ์ตองอูสั่นคลอนเนื่องจากเกิดการกบฏจากพม่าด้วยกันเองในหลายหัวเมือง อีกทั้งการรุกรานจากต่างชาติ เช่น มอญและชาวโปรตุเกส พระองค์ทรงเป็นผู้รวบรวมอาณาจักรพม่าให้กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง แม้ไม่ยิ่งใหญ่เท่าสมัยของพระอัยกาก็ตาม
พระเจ้าอะเนาะเพะลูน | |||||
---|---|---|---|---|---|
พระมหากษัตริย์พม่า | |||||
พระเจ้าอังวะ | |||||
ครองราชย์ | 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2148 – 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2160 | ||||
ก่อนหน้า | พระเจ้าญองยาน | ||||
ถัดไป | |||||
พระเจ้าหงสาวดี | |||||
ครองราชย์ | พ.ศ. 2160 – 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2171 | ||||
ก่อนหน้า | พระเจ้านันทบุเรง | ||||
ถัดไป | พระเจ้ามีนเยเดะบะ | ||||
พระราชสมภพ | 21 มกราคม พ.ศ. 2121 | ||||
สวรรคต | 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2171 หงสาวดี | ||||
พระราชบุตร | พระเจ้ามินแยไดกปา | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | ตองอู | ||||
พระราชบิดา | พระเจ้าญองยาน | ||||
พระราชมารดา | พระนางสิริมหาธัมมราชาธิบดีเทวี | ||||
ศาสนา | พุทธเถรวาท |
การขึ้นครองราชย์
พระเจ้าอะเนาะเพะลูนเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระเจ้าญองยานพระราชโอรสพระองค์เล็กของพระเจ้าบุเรงนอง เมื่อพระราชบิดาประชวรและสวรรคตระหว่างเดินทางกลับจากการยึดแสนหวีมาจากกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. 2148 พระองค์จึงขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้ากรุงอังวะต่อจากพระบิดา
การสงคราม
ในขณะนั้นอาณาจักรตองอูที่เคยยิ่งใหญ่ได้แตกสลายไปหมดแล้ว โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนในสมัยที่พระเจ้านันทบุเรงสิ้นพระชนม์ คือ
- อังวะ ปกครองโดยพระองค์
- แปร ปกครองโดยสะโตธรรมราชา ราชบุตรของพระเจ้านันทบุเรง ซึ่งแยกตัวเป็นอิสระจากหงสาวดีตั้งแต่สมัยพระเจ้านันทบุเรง
- ตองอู ปกครองโดยพระเจ้าตองอู เป็นพระโอรสของพระปิตุลาของพระเจ้านันทบุเรง
พระเจ้าอโนเพตลุนเมื่อรวบรวมไทใหญ่ได้แล้ว ก็ตีเมืองแปรได้ในปี พ.ศ. 2153 แล้วให้พระเจ้าตาลูน พระอนุชาปกครองเมืองแปรแทน
ตีเมืองตองอู
พระเจ้าตองอูประชวรถึงแก่พิราลัย พระมหาอุปราชานัดจินหน่อง (พระสังกทัต) ขึ้นเป็นพระเจ้าตองอูแทนพระบิดา เกรงจะต้านทานอังวะไม่ได้จึงส่งทูตมายอมอ่อนน้อมต่อกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. 2152 รัชสมัยของสมเด็จพระเอกาทศรถ แต่เมื่อพระเจ้าอะเนาะเพะลูนยกทัพมาตีเมืองตองอู สมเด็จพระเอกาทศรถไม่ได้ทรงยกทัพไปช่วยแต่รับสั่งให้พระยาทะละที่ปกครองหัวเมืองมอญทางใต้กับฟีลีปึ ดึ บรีตู อี นีโกตึ ชาวโปรตุเกส เจ้าเมืองสิเรียมซึ่งเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยาสมัยนั้นเกณฑ์ไพร่พลมอญไปช่วย แต่ทัพมอญนั้นยกไปช้าทำให้พระเจ้าตองอูนัดจินหน่องยอมอ่อนน้อมต่อพระเจ้าอะเนาะเพะลูนใน พ.ศ. 2153
พระเจ้าอะเนาะเพะลูนรับสั่งให้พระเจ้าตองอูตั้งทัพสกัดทัพมอญ แต่ก็ต้านไม่อยู่จนพระยาทะละกับดึบรีตูไปถึงตองอูจึงเผาเมืองตองอูทิ้ง และให้กวาดต้อนทรัพย์สมบัติผู้คนรวมถึงพระจ้าตองอูลงไปยังสิเรียม พระเจ้าตองอูเข้ารีตนับถือศาสนาคริสต์
ตีเมืองสิเรียม
ต่อมาพระยาทะละกับดึบรีตูแตกคอกันเพราะเดอปริโตทำลายและย่ำยีพระพุทธศาสนาด้วยการรื้อสถูปเจดีย์เพื่อหาสมบัติซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวพม่ามอญรับไม่ได้ ชาวเมืองสิเรียมก็พากันเกลียดชัง พระเจ้าอะเนาะเพะลูนได้โอกาสจึงเสด็จตีเมืองสิเรียมใน พ.ศ. 2155 ครั้งนี้อยุธยาไม่ช่วย เดอปริโตจึงเอาเมืองหงสาวดีไปยกให้รัฐบาลโปรตุเกสแล้วขอทัพเรือมาช่วยแต่มาไม่ทัน พระเจ้าอะเนาะเพะลูนทรงตีเมืองสิเรียมแตกเมื่อ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 5 พ.ศ. 2156 ทรงจับดึบรีตูไปตรึงกางเขน และกวาดต้อนชาวโปรตุเกสกับพวกลูกครึ่งราว 400 ไปเป็นทาสที่อังวะ ทัพเรือโปรตุเกสมาถึงหลังสิเรียมถูกตีแตกเลยถูกทัพอังวะยึดไว้
ส่วนพระเจ้าตองอูนัดจินหน่อง พระเจ้าอะเนาะเพะลูนเห็นว่าเป็นเชื้อสายราชวงศ์ตองอูเหมือนกัน จึงสั่งให้กลับมานับถือศาสนาพุทธ และสวามิภักดิ์ต่อพระองค์ พระเจ้าตองอูไม่ยอมจึงถูกประหารฐานกบฏ
สถาปนาราชธานีหงสาวดี
พ.ศ. 2156 พระเจ้าอะเนาะเพะลูนทรงปราบปรามโปรตุเกสจนสิ้นศัตรูในเมืองพม่า ทรงยึดครองและย้ายเมืองหลวงจากอังวะกลับมาหงสาวดีอีกครั้งเหมือนในสมัยพระเจ้าบุเรงนอง แต่หงสาวดีนั้นร้างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้านันทบุเรงเสด็จหนีสมเด็จพระนเรศวรมหาราชไปประทับที่ตองอู พระราชวังก็ถูกเผาจนเหลือแต่เพียงซากโดยพวกยะไข่ พระเจ้าอะเนาะเพะลูนก็ทรงสร้างได้แต่ก็ทรงสร้างได้แต่พลับพลาที่ประทับ ภายหลังก็ไม่สามารถบูรณะพระราชวังให้เหมือนสมัยก่อนได้
ได้หัวเมืองมอญในอำนาจ
หลังจากทรงย้ายราชธานีมาหงสาวดี พระเจ้าอะเนาะเพะลูนได้ทรงเกลี้ยกล่อมพระยาทะละ ผู้ปกครองหัวเมืองมอญของกรุงศรีอยุธยา จนพระยาทะละยอมอ่อนน้อม จึงทรงแต่งตั้งพระยาทะละเป็นพระยาธรรมราชาให้ครองหัวเมืองมอญฝ่ายใต้ ทรงให้พระยาธรรมราชาส่งบุตรชายคือพระยาพระรามไปรับราชการที่หงสาวดีแทนแล้วทรงส่งตะคะแมงพระอนุชาไปปกครองเมืองเรแทนพระยาพระราม จากนั้นพม่าก็ได้เมืองเมาะตะมะและหัวเมืองมอญเกือบทั้งหมดกลับไปดังเดิม
ศึกทวายตะนาวศรี
ทางกรุงศรีอยุธยาให้เจ้าเมืองทวายยกไปตีเมืองเรจับตะคะแมงได้ พระเจ้าอะเนาะเพะลูนทรงขัดเคืองจึงยกทัพ 40,000 คนเสด็จไปตีทวายด้วยพระองค์เองในเดือนยี่ พ.ศ. 2156 ทรงตีเมืองทวายแตก จากนั้นทรงยกทัพมาตีตะนาวศรีของกรุงศรีอยุธยา แต่ก็มีกองทัพอยุธยากับโปรตุเกสต้านไว้ พระเจ้าอะเนาะเพะลูนทรงรอดกลับไปที่เมาะตะมะ อยุธยาชนะศึกเมืองตะนาวศรีแล้วก็ยึดคืนเมืองทวายกลับมาได้
ศึกล้านนา
พระเจ้าอะเนาะเพะลูนทรงเคลื่อนทัพออกจากเมาะตะมะเมื่อเดือน 11 พ.ศ. 2157 ไปตีล้านนาเพราะล้านนาอยู่ในความวุ่นวาย เมื่อทรงยกทัพไปถึงลำพูน พระเจ้าเชียงใหม่สะโดะกะยอทรงทิ้งเมืองเชียงใหม่กวาดต้อนผู้คนมาอยู่ลำปาง จนเสบียงร่อยหรอแต่ก็ทรงอยู่จนพระเจ้าเชียงใหม่สิ้นพระชนม์ขุนนางล้านนาจึงยอมแพ้ พระเจ้าอะเนาะเพะลูนทรงตั้งพระยาน่านเป็นพระเจ้าเชียงใหม่แล้วทรงยกทัพกลับไปหงสาวดี
แต่กองทัพอยุธยายกไปถึงภายหลัง ล้านนาก็กลับไปเข้าข้างไทยและไล่ขุนนางพม่าไปหมด ต่อมาใน พ.ศ. 2161 อยุธยากับพม่าทำสัญญาเลิกทำสงครามต่อกันโดยอยุธยายกเมืองเมาะตะมะให้พม่า ส่วนพม่าก็ยกเชียงใหม่ให้อยุธยา
พระอนุชา
พระเจ้าอะเนาะเพะลูนมีพระอนุชา 2 พระองค์คือ
- พระเจ้าตาลูน หรือพระเจ้าสุทโธธรรมราชา ครองเมืองแปร
- มังรากะยอชวา ครองเมืองอังวะ
การเสด็จสวรรคต
พระเจ้าอะเนาะเพะลูนประทับอยู่ที่หงสาวดีจนถึง พ.ศ. 2169 โหรทูลว่าพระเคราะห์ร้าย ขอให้แปรพระราชฐานไปอยู่ที่อื่น พระองค์จึงข้ามแม่น้ำไปตั้งพลับพลาอยู่นอกเมืองหงสาวดีแล้วทรงประทับอยู่เป็นเวลา 2 ปี
ใน พ.ศ. 2171 พระเจ้าอะเนาะเพะลูนทรงหมั้นกับ นางนิลคำ พระราชธิดาของเจ้าเสือก่าฟ้า เจ้าฟ้าไทลื้อเมืองเชียงตุง ซึ่งเป็นคนรักของ มังเรทิป มังเรทิปทราบความทรงกริ้ว ฉิ่ง ตาน โค พระสหาย จึงอาสาข้ามเรือไปฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ ลอบปลงพระชนม์พระบิดา ของมังเรทิป ยิงธนูศรโดนพระศอ สวรรคตซบพระวรกายกับขอบหน้าต่างที่ปราสาทริมน้ำนั้น นานข้ามวันจนกว่าพวกข้าหลวงในพระองค์จะรู้ ทรงอยู่ในราชสมบัติได้ 23 ปี มังเรทิปขึ้นครองราชย์ได้ 1 ปี ตะโดธรรมราชา กับ มิงจีสวา พระอนุชาของพระเจ้าอะเนาะเพะลูน รวมกำลังโจมตีหงสาวดียึดอำนาจ มังเรทิปได้กองกำลังอาณาจักรยะไข่กับหัวเมืองพม่าบางส่วนสนับสนุน แต่ทัพมังเรทิปพ่ายแพ้ ในงานแปลของฮาร์วี่ บอกมังเรทิปถูกประหารโดยพระอนุชาของพระเจ้าอะเนาะเพะลูนเอง ซึ่งขึ้นครองราชย์ต่อคือพระเจ้าตาลูน แต่ในหลักฐานพม่าชั้นต้นเขียนว่า มังเรทิป ถูกโค่นล้มก็จริง แต่ทรงได้รับความคุ้มครองจากบรรดาเจ้าหญิงแห่งเชียงใหม่ พระธิดาของนรธามิงสอ และเจ้าชายมิงละนรธา เจ้าเมืองพินยา กระทั่งพระเจ้าตาลูนต้องย้ายจากหงสาวดีไปอังวะเพราะไม่สามารถราชาภิเษกที่หงสาวดีได้นานสี่ปี
พงศาวลี
พงศาวลีของพระเจ้าอะเนาะเพะลูน | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- ประชุมพงศาวดารเล่ม 2, หน้า 49
- บรรณานุกรม
- ดำรงราชานุภาพ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. ไทยรบพม่า เล่ม 1 สำนักงานพิมพ์อักษรเจริญทัศน์, พ.ศ. 2546
- ประชุมพงศาวดารเล่ม 2 (ประชุมพงศาวดารภาค 1 ตอนปลาย และภาค 2). กรุงเทพฯ : องค์การค้าของคุรุสภา, 2506. 336 หน้า. หน้า 49-51.
ก่อนหน้า | พระเจ้าอะเนาะเพะลูน | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้าญองยาน | พระมหากษัตริย์พม่า (อาณาจักรพม่ายุคที่ 2) (พ.ศ. 2148 - 2171) | พระเจ้ามีนเยเดะบะ |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phraecaxaenaaephalun phma အန က ဖက လ န xxkesiyng ʔenaʊ ʔ pʰɛʔ lʊ ɰ xaenakaephahlunming aeplwa phrarachaaehngthistawntk hrux phraecamhathrrmracha eriykwaphraecaprasaththxngkldaekw epnphramhakstriyphmainrachwngstxngxu emuxsinphraecabuerngnxngaelaphraecannthbuerngaelw thanxanackhxngrachwngstxngxusnkhlxnenuxngcakekidkarkbtcakphmadwyknexnginhlayhwemuxng xikthngkarrukrancaktangchati echn mxyaelachawoprtueks phraxngkhthrngepnphurwbrwmxanackrphmaihklbmayingihyidxikkhrng aemimyingihyethasmykhxngphraxykaktamphraecaxaenaaephalunphramhakstriyphmaphraecaxngwakhrxngrachy5 phvscikayn ph s 2148 9 krkdakhm ph s 2160kxnhnaphraecayxngyanthdipphraecahngsawdikhrxngrachyph s 2160 9 krkdakhm ph s 2171kxnhnaphraecannthbuerngthdipphraecamineyedabaphrarachsmphph21 mkrakhm ph s 2121swrrkht9 krkdakhm ph s 2171 hngsawdiphrarachbutrphraecaminaeyidkpaphranametmtakhinlarachwngstxngxuphrarachbidaphraecayxngyanphrarachmardaphranangsirimhathmmrachathibdiethwisasnaphuththethrwathkarkhunkhrxngrachyphraecaxaenaaephalunepnphrarachoxrsphraxngkhihyinphraecayxngyanphrarachoxrsphraxngkhelkkhxngphraecabuerngnxng emuxphrarachbidaprachwraelaswrrkhtrahwangedinthangklbcakkaryudaesnhwimacakkrungsrixyuthyain ph s 2148 phraxngkhcungkhunkhrxngrachyepnphraecakrungxngwatxcakphrabidakarsngkhraminkhnannxanackrtxngxuthiekhyyingihyidaetkslayiphmdaelw odyaebngxxkepn 3 swninsmythiphraecannthbuerngsinphrachnm khux xngwa pkkhrxngodyphraxngkh aepr pkkhrxngodysaotthrrmracha rachbutrkhxngphraecannthbuerng sungaeyktwepnxisracakhngsawditngaetsmyphraecannthbuerng txngxu pkkhrxngodyphraecatxngxu epnphraoxrskhxngphrapitulakhxngphraecannthbuerng phraecaxonephtlunemuxrwbrwmithihyidaelw ktiemuxngaepridinpi ph s 2153 aelwihphraecatalun phraxnuchapkkhrxngemuxngaepraethn tiemuxngtxngxu phraecatxngxuprachwrthungaekphiraly phramhaxuprachandcinhnxng phrasngktht khunepnphraecatxngxuaethnphrabida ekrngcatanthanxngwaimidcungsngthutmayxmxxnnxmtxkrungsrixyuthyain ph s 2152 rchsmykhxngsmedcphraexkathsrth aetemuxphraecaxaenaaephalunykthphmatiemuxngtxngxu smedcphraexkathsrthimidthrngykthphipchwyaetrbsngihphrayathalathipkkhrxnghwemuxngmxythangitkbfilipu du britu xi nioktu chawoprtueks ecaemuxngsieriymsungepnemuxngkhunkhxngkrungsrixyuthyasmynneknthiphrphlmxyipchwy aetthphmxynnykipchathaihphraecatxngxundcinhnxngyxmxxnnxmtxphraecaxaenaaephalunin ph s 2153 phraecaxaenaaephalunrbsngihphraecatxngxutngthphskdthphmxy aetktanimxyucnphrayathalakbdubrituipthungtxngxucungephaemuxngtxngxuthing aelaihkwadtxnthrphysmbtiphukhnrwmthungphracatxngxulngipyngsieriym phraecatxngxuekharitnbthuxsasnakhrist tiemuxngsieriym txmaphrayathalakbdubrituaetkkhxknephraaedxpriotthalayaelayayiphraphuththsasnadwykarruxsthupecdiyephuxhasmbtisungepnsingthichawphmamxyrbimid chawemuxngsieriymkphaknekliydchng phraecaxaenaaephalunidoxkascungesdctiemuxngsieriymin ph s 2155 khrngnixyuthyaimchwy edxpriotcungexaemuxnghngsawdiipykihrthbaloprtueksaelwkhxthpheruxmachwyaetmaimthn phraecaxaenaaephalunthrngtiemuxngsieriymaetkemux khun 7 kha eduxn 5 ph s 2156 thrngcbdubrituiptrungkangekhn aelakwadtxnchawoprtuekskbphwklukkhrungraw 400 ipepnthasthixngwa thpheruxoprtueksmathunghlngsieriymthuktiaetkelythukthphxngwayudiw swnphraecatxngxundcinhnxng phraecaxaenaaephalunehnwaepnechuxsayrachwngstxngxuehmuxnkn cungsngihklbmanbthuxsasnaphuthth aelaswamiphkditxphraxngkh phraecatxngxuimyxmcungthukpraharthankbt sthapnarachthanihngsawdi ph s 2156 phraecaxaenaaephalunthrngprabpramoprtuekscnsinstruinemuxngphma thrngyudkhrxngaelayayemuxnghlwngcakxngwaklbmahngsawdixikkhrngehmuxninsmyphraecabuerngnxng aethngsawdinnrangmatngaetsmyphraecannthbuerngesdchnismedcphranerswrmharachipprathbthitxngxu phrarachwngkthukephacnehluxaetephiyngsakodyphwkyaikh phraecaxaenaaephalunkthrngsrangidaetkthrngsrangidaetphlbphlathiprathb phayhlngkimsamarthburnaphrarachwngihehmuxnsmykxnid idhwemuxngmxyinxanac hlngcakthrngyayrachthanimahngsawdi phraecaxaenaaephalunidthrngekliyklxmphrayathala phupkkhrxnghwemuxngmxykhxngkrungsrixyuthya cnphrayathalayxmxxnnxm cungthrngaetngtngphrayathalaepnphrayathrrmrachaihkhrxnghwemuxngmxyfayit thrngihphrayathrrmrachasngbutrchaykhuxphrayaphraramiprbrachkarthihngsawdiaethnaelwthrngsngtakhaaemngphraxnuchaippkkhrxngemuxngeraethnphrayaphraram caknnphmakidemuxngemaatamaaelahwemuxngmxyekuxbthnghmdklbipdngedim sukthwaytanawsri thangkrungsrixyuthyaihecaemuxngthwayykiptiemuxngercbtakhaaemngid phraecaxaenaaephalunthrngkhdekhuxngcungykthph 40 000 khnesdciptithwaydwyphraxngkhexngineduxnyi ph s 2156 thrngtiemuxngthwayaetk caknnthrngykthphmatitanawsrikhxngkrungsrixyuthya aetkmikxngthphxyuthyakboprtuekstaniw phraecaxaenaaephalunthrngrxdklbipthiemaatama xyuthyachnasukemuxngtanawsriaelwkyudkhunemuxngthwayklbmaid suklanna phraecaxaenaaephalunthrngekhluxnthphxxkcakemaatamaemuxeduxn 11 ph s 2157 iptilannaephraalannaxyuinkhwamwunway emuxthrngykthphipthunglaphun phraecaechiyngihmsaodakayxthrngthingemuxngechiyngihmkwadtxnphukhnmaxyulapang cnesbiyngrxyhrxaetkthrngxyucnphraecaechiyngihmsinphrachnmkhunnanglannacungyxmaeph phraecaxaenaaephalunthrngtngphrayananepnphraecaechiyngihmaelwthrngykthphklbiphngsawdi aetkxngthphxyuthyaykipthungphayhlng lannakklbipekhakhangithyaelailkhunnangphmaiphmd txmain ph s 2161 xyuthyakbphmathasyyaelikthasngkhramtxknodyxyuthyaykemuxngemaatamaihphma swnphmakykechiyngihmihxyuthyaphraxnuchaphraecaxaenaaephalunmiphraxnucha 2 phraxngkhkhux phraecatalun hruxphraecasuthoththrrmracha khrxngemuxngaepr mngrakayxchwa khrxngemuxngxngwakaresdcswrrkhtphraecaxaenaaephalunprathbxyuthihngsawdicnthung ph s 2169 ohrthulwaphraekhraahray khxihaeprphrarachthanipxyuthixun phraxngkhcungkhamaemnaiptngphlbphlaxyunxkemuxnghngsawdiaelwthrngprathbxyuepnewla 2 pi in ph s 2171 phraecaxaenaaephalunthrnghmnkb nangnilkha phrarachthidakhxngecaesuxkafa ecafaithluxemuxngechiyngtung sungepnkhnrkkhxng mngerthip mngerthipthrabkhwamthrngkriw ching tan okh phrashay cungxasakhameruxipfngtawntkkhxngaemna lxbplngphrachnmphrabida khxngmngerthip yingthnusrodnphrasx swrrkhtsbphrawrkaykbkhxbhnatangthiprasathrimnann nankhamwncnkwaphwkkhahlwnginphraxngkhcaru thrngxyuinrachsmbtiid 23 pi mngerthipkhunkhrxngrachyid 1 pi taodthrrmracha kb mingciswa phraxnuchakhxngphraecaxaenaaephalun rwmkalngocmtihngsawdiyudxanac mngerthipidkxngkalngxanackryaikhkbhwemuxngphmabangswnsnbsnun aetthphmngerthipphayaeph innganaeplkhxngharwi bxkmngerthipthukpraharodyphraxnuchakhxngphraecaxaenaaephalunexng sungkhunkhrxngrachytxkhuxphraecatalun aetinhlkthanphmachntnekhiynwa mngerthip thukokhnlmkcring aetthrngidrbkhwamkhumkhrxngcakbrrdaecahyingaehngechiyngihm phrathidakhxngnrthamingsx aelaecachayminglanrtha ecaemuxngphinya krathngphraecataluntxngyaycakhngsawdiipxngwaephraaimsamarthrachaphieskthihngsawdiidnansipiphngsawliphngsawlikhxngphraecaxaenaaephalun 8 emngeysihtu 4 phraecabuerngnxng 2 phraecayxngyan 5 phranangkhinpheysxn 1 phraecaxaenaaephalun 3 phranangsirimhathmmrachathibdiethwi xangxingechingxrrthprachumphngsawdarelm 2 hna 49 brrnanukrmdarngrachanuphaph smedcphraecabrmwngsethx krmphraya ithyrbphma elm 1 sanknganphimphxksrecriythsn ph s 2546 prachumphngsawdarelm 2 prachumphngsawdarphakh 1 txnplay aelaphakh 2 krungethph xngkhkarkhakhxngkhuruspha 2506 336 hna hna 49 51 kxnhna phraecaxaenaaephalun thdipphraecayxngyan phramhakstriyphma xanackrphmayukhthi 2 ph s 2148 2171 phraecamineyedaba