นกกระติ๊ดตะโพกขาว | |
---|---|
จาก บังคาลอร์ ประเทศอินเดีย | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | สัตว์ |
ไฟลัม: | สัตว์มีแกนสันหลัง |
ชั้น: | สัตว์ปีก |
อันดับ: | Passeriformes |
วงศ์: | Estrildidae |
สกุล: | Lonchura |
สปีชีส์: | striata |
ชื่อทวินาม | |
Lonchura striata (Linnaeus, 1766) | |
การกระจายพันธุ์ของนกนกกระติ๊ดตะโพกขาวในปัจจุบัน (สีเขียว) (ประชากรในส่วนตอนเหนือไม่ได้ระบุไว้) | |
ชื่อพ้อง | |
|
นกกระติ๊ดตะโพกขาว (อังกฤษ: White-rumped Munia; ชื่อวิทยาศาสตร์: Lonchura striata) เป็นนกขนาดเล็กอยู่ในอันดับนกเกาะคอน ในวงศ์นกกระติ๊ด มีลักษณะทั่วไปคล้ายนกฟินช์ (Fringillidae) หรือนกกระจอก (Passeridae)
มีถิ่นกำเนิดในทวีป เอเชีย เขตร้อน และบางเกาะที่อยู่ติดกัน ได้รับการนำเข้าเป็นนกเลี้ยงในบางส่วนของ ประเทศญี่ปุ่น ลูกผสมที่ได้รับการเลี้ยงในกรง อาจเรียกชื่อเป็น นกฟินช์สังคม หรือ เบงกาเลสฟินช์ พบได้ทั่วโลกในฐานะสัตว์เลี้ยง และเป็นสิ่งมีชีวิตตัวแบบในการศึกษาพฤติกรรมทางชีววิทยา
อนุกรมวิธาน
ในปี ค.ศ. 1760 Mathurin Jacques Brisson นักสัตววิทยาชาวฝรั่งเศสได้รวม นกกระติ๊ดตะโพกขาวไว้ในหนังสือ Ornithologie โดยอาศัยตัวอย่างที่เขาเชื่อว่าเก็บมาจาก Isle de Bourbon (ในเรอูนียง) ซึ่งปัจจุบันสันนิษฐานว่ามาจากประเทศศรีลังกา โดยใช้ชื่อภาษาฝรั่งเศส Le gros-bec de l'Isle de Bourbon และภาษาละติน Coccothraustes Borbonica แม้ว่า Brisson จะบัญญัติชื่อภาษาละติน แต่ไม่สอดคล้องกับระบบทวินาม และไม่ได้รับการยอมรับจากคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยระบบการตั้งชื่อทางสัตววิทยา ในปี ค.ศ. 1766 คาโรลัส ลินเนียส นักธรรมชาติวิทยาชาวสวีเดนได้ปรับปรุงชื่อทวินามของนกกระติ๊ดตะโพกขาวในหนังสือ (Systema Naturae) ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 12 ซึ่งรวมไว้กับการเพิ่มชื่อสิ่งมีชีวิต 240 ชนิดที่ Brisson จำแนกไว้ก่อนหน้า และลินเนียสให้คำอธิบายสั้น ๆ ของชื่อทวินามคือ Loxia striata และอ้างถึงงานของ Brisson ชื่อเฉพาะ striata เป็นภาษาละตินสำหรับความหมาน "เป็นริ้ว (striated)" ปัจจุบันสายพันธุ์นี้ถูกจัดให้อยู่ในสกุล Lonchura ซึ่งได้รับการแนะนำโดยนักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ William Henry Sykes ในปี พ.ศ. 2375
มี 6 สายพันธุ์ย่อย ดังนี้
- L. s. acuticauda (Hodgson, 1836) − อนุทวีปอินเดียทางตอนเหนือ อาศัยต่ำกว่าความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,500 เมตร รวมทั้งในส่วนหิมาลัยของภูฏาน และเนปาล ต่อไปยังภูมิภาค Dehradun ของอุตตราขัณฑ์ ของอินเดีย ตลอดจนบังกลาเทศไปจนถึงอินโดจีนตอนเหนือ มีสีน้ำตาลด้านบนนยกเว้นบนใบหน้าและ ปลายปีก และลายคาดด้านล่างช่วงคอ
- L. s. striata (Linnaeus, 1766) − อนุทวีปอินเดียตอนใต้ และศรีลังกา มีสีน้ำตาลช็อคโกแลตด้านบน สีขาวด้านล่าง
- L. s. fumigata (Walden, 1873) − หมู่เกาะอันดามัน
- L. s. semistriata (Hume, 1874) − พบในหมู่เกาะนิโคบาร์
- L. s. subsquamicollis (Baker, ECS, 1925) − คาบสมุทรมาเลย์ถึงอินโดจีนตอนใต้
- L. s. swinhoei (Cabanis, 1882) − ในฝั่งตะวันออกและตอนกลางของเกาะไต้หวัน
นกกระติ๊ดตะโพกขาวลูกผสมที่เลี้ยงในกรงเรียกว่า (Lonchura striata domestica) ที่มีบางแหล่งข้อมูลอ้างว่ามี L. s striata เป็นต้นวงศ์วิวัฒนาการ โดยทฤษฎีอื่น ๆ อาจระบุว่ามีส่วนวิวัฒนาการร่วมจาก นกกระติ๊ดตะโพกขาวลูกผสมนี้ (นกฟินช์สังคม) มีชื่อเรียกอื่นเช่น นกกะทิญี่ปุ่น และลูกผสมอื่น ๆ ที่มีขนนกหลากหลายรูปแบบ เหล่านี้ได้รับการคัดสายพันธุ์โดยนักเลี้ยงนกใน ญี่ปุ่น
ลักษณะทางชีววิทยา
ลักษณะทั่วไป นกกระติ๊ดตะโพกขาวมีลำตัวยาวประมาณ 10 ถึง 11 เซนติเมตร ตัวเต็มวัยมีจะงอยปากเป็นรูปกรวย หนา สีเทาคล้ายตะกั่ว
ตัวเต็มวัย ลำตัวส่วนบนมีขนสีน้ำตาลเข้ม มีลายขีดเล็ก ๆ สีขาว อกสีน้ำตาลอ่อนกว่าและมีลายเกล็ดสีเนื้อ ตะโพก (ช่วงใต้ปีก-เหนือหาง) เป็นวงสีขาว ท้องสีขาวมีลายขีดสีเข้มไม่เด่นชัด หางสีดำ ปลายหางแหลม ขนห่างคู่กลางยื่นยาวกว่าขนหางคู่อื่น ๆ
มีความแตกต่างระหว่างชนิดย่อย นกทั้งสองเพศคล้ายคลึงกัน โดยทั่วไปตัวผู้มีศีรษะและจะงอยปากที่ใหญ่กว่า
พฤติกรรม
การผสมพันธุ์
ฤดูผสมพันธุ์อยู่ในช่วงฤดูร้อนต่อฤดูฝน เดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน นกกระติ๊ดตะโพกขาวจะจับคู่ทำรังวางไข่ แต่ถ้าอุดมสมบูรณ์ก็สามารถทำรังวางไข่ได้ตลอดปี นกตัวผู้บางตัวอาจจับคู่ทำรังได้มากกว่า 1 รัง ในฤดูเดียวกัน ทำรังตามไม้พุ่ม ต้นไม้ที่มีกิ่งรก กอหญ้ารกหรือไม้เลื้อยที่ค่อนข้างรก เช่น ต้นเฟื่องฟ้า รังเป็นรูปทรงกลมมีทางเข้าออกด้านข้าง สูงจากพื้นดิน 2-6 เมตร ทำจากใบไม้ ใบหญ้า ดอกหญ้า ขนนก โดยนำวัสดุสร้างรังมากองรวมกันตามง่ามไม้ อาจรองรังด้วยขนนก ดอกหญ้า หรือวัสดุอื่นๆ รังนกกระจาบ
วางไข่ครอกละ 5-6 ฟอง เปลือกไข่สีขาว ขนาด 11.2 x 17.4 มม. พ่อแม่นกช่วยกันทำรัง ใช้เวลาฟักไข่ 11-12 วัน และเลี้ยงลูกอ่อนในรัง 14-15 วัน ลูกนกออกจากรังก็จะรวมฝูงกับลูกนกจากครอบครัวอื่นหรือรวมฝูงกับพ่อแม่
ถิ่นที่อยู่อาศัยและการกระจายพันธุ์
นกกระติ๊ดตะโพกขาว มีถิ่นที่อยู่ทั่วไปตั้งแต่ อนุทวีปอินเดีย ไปจนถึง ประเทศจีนทางตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเกาะไต้หวัน และ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปจนถึง สุมาตรา มักพบตามป่ารุ่น ป่าละเมาะ ทุ่งหญ้า ทุ่งโล่ง และต่าง ๆ พบเป็นคู่ ชอบอยู่เป็นใหญ่ เวลาบินออกหากินมักพบบินเกาะกลุ่มกัน ลักษณะคล้ายฝูงผึ้ง และบางครั้งก็มาพร้อมกับนกชนิดอื่น ๆ เช่น นกจาบดินอกลาย (Pellorneum ruficeps)
รังเป็นรูปทรงกลม หรือทรงโดมขนาดใหญ่ ทำจากใบหญ้า ฟาง ใบไม้ ดอกหญ้า ขนนก สร้างรังตามง่ามต้นไม้ พุ่มไม้ หรือกอหญ้า โดยทั่วไปแต่ละรังมีไข่ 3-8 ฟอง แต่ที่พบมากเฉลี่ยประมาณ 5-6 ฟอง ไข่สีขาว ระยะเวลาฟักไข่ 10-11 วัน นกกระติ๊ดตะโพกขาวยังรู้จักใช้รังร้างของนกจาบธรรมดาด้วย โดยทั่วไปนกกระติ๊ดตะโพกขาวมักทำรังใกล้บ้านคนเช่นเดียวกับนกกระติ๊ดขี้หมู (Scaly-breasted Munia) แต่เรามักพบเห็นได้ไม่บ่อยนัก นอกจากตอนรวมฝูงกันกินขุยไผ่หรือเมล็ดข้าวในนา เนื่องจากมันเป็นนกที่มีสีมอๆไม่สดใส และมีพฤติกรรมที่ค่อนข้างสันโดษ (ค่อนข้างขี้อาย) โดยมักอาศัยอยู่ในพงไม้ที่หนาแน่นมัน ไม่ค่อยเกาะนานๆในที่โล่งเหมือนนกกระติ๊ดขี้หมู จึงอาจไม่เป็นที่สังเกตได้ง่ายแม้ว่าจะมีประชากรเป็นจำนวนมากก็ตาม มักพบรังของนกกระติ๊ดตะโพกขาวใกล้น้ำ และยังสังเกตเห็นการกินสาหร่าย โดยสันนิษฐานว่าได้รับโปรตีนเสริมจากการกินสาหร่ายซึ่งมักพบในสายพันธุ์ Spirogyra ซึ่งเติบโตใน นาข้าว
ในประเทศไทย นกกระติ๊ดตะโพกขาว เป็นนกประจำถิ่น เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 สืบค้นเมื่อ 16 ธันวาคม 2563. และอาศัยในระดับความสูงไม่เกิน 1,830 เมตรจากน้ำทะเล
นกกระติ๊ดตะโพกขาวเป็นนกที่พบได้ทั่วไปและมีประชากรแพร่หลายในช่วงการกระจายพันธุ์ขนาดใหญ่ ดังนั้น IUCN จึงถือว่าเป็น "มีความเสี่ยงต่ำต่อการสูญพันธุ์" (LC)
ในความเป็นจริง นกกระติ๊ดตะโพกขาวอาจกลายเป็น ศัตรูพืช ของข้าว ข้าวฟ่างลูกเดือย และอื่น ๆ ในแต่ละท้องถิ่น ในหมู่เกาะนิโคบาร์ นกกระติ๊ดตะโพกขาวชนิดย่อย แม้ว่ามีถิ่นการกระจายพันธุ์ที่จำกัด แต่สามารถปรับตัวเข้ากับการตั้งชุมชนของมนุษย์ได้ดี
ระเบียงภาพ
- นกกระติ๊ดตะโพกขาว (Lonchura striata acuticauda) จาก ตอนล่างของ ประเทศอินเดีย
- นกกระติ๊ดตะโพกขาวจาก สิกขิม ประเทศอินเดีย
- นกกระติ๊ดตะโพกขาวตัวเต็มวัย (L. s. acuticauda) หลังอาบน้ำ ที่ ใกล้ กัลกัตตา รัฐเบงกอลตะวันตก ประเทศอินเดีย
- ตัวเต็มวัยของสายพันธุ์ย่อยที่ไม่ปรากฏชื่อชนิดย่อย กำลังอาบน้ำ
- นกกระติ๊ดตะโพกขาว อาจใช้รังนกกระจาบที่ถูกทิ้งร้าง ภาพถ่ายใกล้บังกาลอร์
- คู่นก ในMangaon ประเทศอินเดีย
- นกกระติ๊ดตะโพกขาว (白腰文鳥) ในเกาะไต้หวัน
อ้างอิง
- Paynter, Raymond A. Jr, บ.ก. (1968). Check-list of birds of the world. Vol. Volume 14. Cambridge, Massachusetts: Museum of Comparative Zoology. p. 373.
{{}}
:|volume=
has extra text ((help)) - (1760). Ornithologie, ou, Méthode contenant la division des oiseaux en ordres, sections, genres, especes & leurs variétés (ภาษาฝรั่งเศส และ ละติน). Vol. Volume 3. Paris: Jean-Baptiste Bauche. pp. 243–244, Plate 13 fig 4.
{{}}
:|volume=
has extra text ((help)) The two stars (**) at the start of the section indicates that Brisson based his description on the examination of a specimen. - (1910). "Collation of Brisson's genera of birds with those of Linnaeus". Bulletin of the American Museum of Natural History. 28: 317–335.
- Linnaeus, Carl (1766). Systema naturae : per regna tria natura, secundum classes, ordines, genera, species, cum characteribus, differentiis, synonymis, locis (ภาษาละติน). Vol. Volume 1, Part 1 (12th ed.). Holmiae (Stockholm): Laurentii Salvii. p. 306.
{{}}
:|volume=
has extra text ((help)) - Jobling, J.A. (2018). del Hoyo, J.; Elliott, A.; Sargatal, J.; Christie, D.A.; de Juana, E. (บ.ก.). "Key to Scientific Names in Ornithology". Handbook of the Birds of the World Alive. Lynx Edicions. สืบค้นเมื่อ 4 May 2018.
- (1832). "Catalogue of birds of the raptorial and insessorial orders (systematically arranged,) observed in the Dukhun". Proceedings of the Zoological Society of London. 2 (18): 77–99 [94].
- ; Donsker, David, บ.ก. (2018). "Waxbills, parrotfinches, munias, whydahs, Olive Warbler, accentors, pipits". World Bird List Version 8.1. International Ornithologists' Union. สืบค้นเมื่อ 2 May 2018.
- Svanberg, Ingvar (2008). "Towards a cultural history of the Bengalese Finch (Lonchura domestica)". Der Zoologische Garten. 77 (5–6): 334–344. doi:10.1016/j.zoolgart.2008.05.003. ISSN 0044-5169.
- กลุ่มงานข้อมูลสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานจังหวัดนครสวรรค์ นกกระติ๊ดตะโพกขาว (White- rumped Munia) สืบค้นเมื่อ 16 ธันวาคม 2563.
- กลุ่มงานข้อมูลสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานจังหวัดนครสวรรค์ นกกระติ๊ดตะโพกขาว (White- rumped Munia) สืบค้นเมื่อ 16 ธันวาคม 2563.
- แพร่ข่าวออนไลน์ นกกระติ๊ดตะโพกขาว 30 เมษายน 2561.
- Pillai, NG. "On the food of the Whitebacked Munia Lonchura striata". . 7 (12): 6–7.
- Pillai, N. G. (1968). "The greenalgae, Spirogyra sp., in the diet of the White-backedMunia, Lonchura striata (Linn.)". J. Bombay Nat. Hist. Soc. 65: 490–491.
- Avery, ML. "Diet and breeding seasonality of sharp-tailed munias, Lonchura striata, in Malaysia" (PDF). Auk. 97 (1): 160–166.
- Bird of Thailand: Siam Avifauna. https://www.birdsofthailand.org/bird/white-rumped-munia สืบค้นเมื่อ 16 ธันวาคม 2563.
- ธงชัย เปาอินทร์ นกกระติ๊ดตะโพกขาว
- OKnation นกกระติ๊ดตะโพกขาว / White-rumped Munia (Lonchura striata) 2020-01-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน สืบค้นเมื่อ 16 ธันวาคม 2563.
- (2012). "Lonchura striata". IUCN Red List of Threatened Species. 2012. Retrieved 26 November 2013.CS1 maint: ref=harv ()
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
nkkratidtaophkkhawcak bngkhalxr praethsxinediysthanakarxnurkskhwamesiyngta IUCN 3 1 karcaaenkchnthangwithyasastrxanackr stwiflm stwmiaeknsnhlngchn stwpikxndb Passeriformeswngs Estrildidaeskul Lonchuraspichis striatachuxthwinamLonchura striata Linnaeus 1766 karkracayphnthukhxngnknkkratidtaophkkhawinpccubn siekhiyw prachakrinswntxnehnuximidrabuiw chuxphxngLoxia striata Linnaeus 1766 Uroloncha striata Linnaeus 1766 nkkratidtaophkkhaw xngkvs White rumped Munia chuxwithyasastr Lonchura striata epnnkkhnadelkxyuinxndbnkekaakhxn inwngsnkkratid milksnathwipkhlaynkfinch Fringillidae hruxnkkracxk Passeridae mithinkaenidinthwip exechiy ekhtrxn aelabangekaathixyutidkn idrbkarnaekhaepnnkeliynginbangswnkhxng praethsyipun lukphsmthiidrbkareliynginkrng xaceriykchuxepn nkfinchsngkhm hrux ebngkaelsfinch phbidthwolkinthanastweliyng aelaepnsingmichiwittwaebbinkarsuksaphvtikrrmthangchiwwithyaxnukrmwithaninpi kh s 1760 Mathurin Jacques Brisson nkstwwithyachawfrngessidrwm nkkratidtaophkkhawiwinhnngsux Ornithologie odyxasytwxyangthiekhaechuxwaekbmacak Isle de Bourbon inerxuniyng sungpccubnsnnisthanwamacakpraethssrilngka odyichchuxphasafrngess Le gros bec de l Isle de Bourbon aelaphasalatin Coccothraustes Borbonica aemwa Brisson cabyytichuxphasalatin aetimsxdkhlxngkbrabbthwinam aelaimidrbkaryxmrbcakkhnakrrmathikarrahwangpraethswadwyrabbkartngchuxthangstwwithya inpi kh s 1766 khaorls lineniys nkthrrmchatiwithyachawswiednidprbprungchuxthwinamkhxngnkkratidtaophkkhawinhnngsux Systema Naturae chbbphimphkhrngthi 12 sungrwmiwkbkarephimchuxsingmichiwit 240 chnidthi Brisson caaenkiwkxnhna aelalineniysihkhaxthibaysn khxngchuxthwinamkhux Loxia striata aelaxangthungngankhxng Brisson chuxechphaa striata epnphasalatinsahrbkhwamhman epnriw striated pccubnsayphnthunithukcdihxyuinskul Lonchura sungidrbkaraenanaodynkthrrmchatiwithyachawxngkvs William Henry Sykes inpi ph s 2375 mi 6 sayphnthuyxy dngni L s acuticauda Hodgson 1836 xnuthwipxinediythangtxnehnux xasytakwakhwamsungehnuxradbnathael 1 500 emtr rwmthnginswnhimalykhxngphutan aelaenpal txipyngphumiphakh Dehradun khxngxuttrakhnth khxngxinediy tlxdcnbngklaethsipcnthungxinodcintxnehnux misinataldanbnnykewnbnibhnaaela playpik aelalaykhaddanlangchwngkhxL s striata Linnaeus 1766 xnuthwipxinediytxnit aelasrilngka misinatalchxkhokaeltdanbn sikhawdanlangL s fumigata Walden 1873 hmuekaaxndamn L s semistriata Hume 1874 phbinhmuekaaniokhbar L s subsquamicollis Baker ECS 1925 khabsmuthrmaelythungxinodcintxnit L s swinhoei Cabanis 1882 infngtawnxxkaelatxnklangkhxngekaaithwn nkkratidtaophkkhawlukphsmthieliynginkrngeriykwa Lonchura striata domestica thimibangaehlngkhxmulxangwami L s striata epntnwngswiwthnakar odythvsdixun xacrabuwamiswnwiwthnakarrwmcak nkkratidtaophkkhawlukphsmni nkfinchsngkhm michuxeriykxunechn nkkathiyipun aelalukphsmxun thimikhnnkhlakhlayrupaebb ehlaniidrbkarkhdsayphnthuodynkeliyngnkin yipunlksnathangchiwwithyawngsikhawbntaophkkhxng nkkratidtaophkkhaw aelamilaykhidelk sikhawaethrkinsinatalbriewnhw lksnathwip nkkratidtaophkkhawmilatwyawpraman 10 thung 11 esntiemtr twetmwymicangxypakepnrupkrwy hna siethakhlaytakw twetmwy latwswnbnmikhnsinatalekhm milaykhidelk sikhaw xksinatalxxnkwaaelamilayekldsienux taophk chwngitpik ehnuxhang epnwngsikhaw thxngsikhawmilaykhidsiekhmimednchd hangsida playhangaehlm khnhangkhuklangyunyawkwakhnhangkhuxun mikhwamaetktangrahwangchnidyxy nkthngsxngephskhlaykhlungkn odythwiptwphumisirsaaelacangxypakthiihykwaphvtikrrmrngepnrupthrngklmkarphsmphnthu vduphsmphnthuxyuinchwngvdurxntxvdufn eduxnemsaynthungeduxnmithunayn nkkratidtaophkkhawcacbkhutharngwangikh aetthaxudmsmburnksamarththarngwangikhidtlxdpi nktwphubangtwxaccbkhutharngidmakkwa 1 rng invduediywkn tharngtamimphum tnimthimikingrk kxhyarkhruximeluxythikhxnkhangrk echn tnefuxngfa rngepnrupthrngklmmithangekhaxxkdankhang sungcakphundin 2 6 emtr thacakibim ibhya dxkhya khnnk odynawsdusrangrngmakxngrwmkntamngamim xacrxngrngdwykhnnk dxkhya hruxwsduxun rngnkkracab wangikhkhrxkla 5 6 fxng epluxkikhsikhaw khnad 11 2 x 17 4 mm phxaemnkchwykntharng ichewlafkikh 11 12 wn aelaeliynglukxxninrng 14 15 wn luknkxxkcakrngkcarwmfungkbluknkcakkhrxbkhrwxunhruxrwmfungkbphxaemthinthixyuxasyaelakarkracayphnthunkkratidtaophkkhaw mithinthixyuthwiptngaet xnuthwipxinediy ipcnthung praethscinthangtawnxxkechiyngit rwmthungekaaithwn aela exechiytawnxxkechiyngit ipcnthung sumatra mkphbtamparun palaemaa thunghya thungolng aelatang phbepnkhu chxbxyuepnihy ewlabinxxkhakinmkphbbinekaaklumkn lksnakhlayfungphung aelabangkhrngkmaphrxmkbnkchnidxun echn nkcabdinxklay Pellorneum ruficeps rngepnrupthrngklm hruxthrngodmkhnadihy thacakibhya fang ibim dxkhya khnnk srangrngtamngamtnim phumim hruxkxhya odythwipaetlarngmiikh 3 8 fxng aetthiphbmakechliypraman 5 6 fxng ikhsikhaw rayaewlafkikh 10 11 wn nkkratidtaophkkhawyngruckichrngrangkhxngnkcabthrrmdadwy odythwipnkkratidtaophkkhawmktharngiklbankhnechnediywkbnkkratidkhihmu Scaly breasted Munia aeteramkphbehnidimbxynk nxkcaktxnrwmfungknkinkhuyiphhruxemldkhawinna enuxngcakmnepnnkthimisimximsdis aelamiphvtikrrmthikhxnkhangsnods khxnkhangkhixay odymkxasyxyuinphngimthihnaaennmn imkhxyekaananinthiolngehmuxnnkkratidkhihmu cungxacimepnthisngektidngayaemwacamiprachakrepncanwnmakktam mkphbrngkhxngnkkratidtaophkkhawiklna aelayngsngektehnkarkinsahray odysnnisthanwaidrboprtinesrimcakkarkinsahraysungmkphbinsayphnthu Spirogyra sungetibotin nakhaw inpraethsithy nkkratidtaophkkhaw epnnkpracathin epnstwpakhumkhrxngtam ph r b sngwnaelakhumkhrxngstwpa ph s 2535 subkhnemux 16 thnwakhm 2563 aelaxasyinradbkhwamsungimekin 1 830 emtrcaknathael nkkratidtaophkkhawepnnkthiphbidthwipaelamiprachakraephrhlayinchwngkarkracayphnthukhnadihy dngnn IUCN cungthuxwaepn mikhwamesiyngtatxkarsuyphnthu LC inkhwamepncring nkkratidtaophkkhawxacklayepn struphuch khxngkhaw khawfanglukeduxy aelaxun inaetlathxngthin inhmuekaaniokhbar nkkratidtaophkkhawchnidyxy aemwamithinkarkracayphnthuthicakd aetsamarthprbtwekhakbkartngchumchnkhxngmnusyiddiraebiyngphaphnkkratidtaophkkhaw Lonchura striata acuticauda cak txnlangkhxng praethsxinediy nkkratidtaophkkhawcak sikkhim praethsxinediy nkkratidtaophkkhawtwetmwy L s acuticauda hlngxabna thi ikl klktta rthebngkxltawntk praethsxinediy twetmwykhxngsayphnthuyxythiimpraktchuxchnidyxy kalngxabna nkkratidtaophkkhaw xacichrngnkkracabthithukthingrang phaphthayiklbngkalxr khunk inMangaon praethsxinediy nkkratidtaophkkhaw 白腰文鳥 inekaaithwnxangxingPaynter Raymond A Jr b k 1968 Check list of birds of the world Vol Volume 14 Cambridge Massachusetts Museum of Comparative Zoology p 373 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a volume has extra text help 1760 Ornithologie ou Methode contenant la division des oiseaux en ordres sections genres especes amp leurs varietes phasafrngess aela latin Vol Volume 3 Paris Jean Baptiste Bauche pp 243 244 Plate 13 fig 4 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a volume has extra text help The two stars at the start of the section indicates that Brisson based his description on the examination of a specimen 1910 Collation of Brisson s genera of birds with those of Linnaeus Bulletin of the American Museum of Natural History 28 317 335 Linnaeus Carl 1766 Systema naturae per regna tria natura secundum classes ordines genera species cum characteribus differentiis synonymis locis phasalatin Vol Volume 1 Part 1 12th ed Holmiae Stockholm Laurentii Salvii p 306 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a volume has extra text help Jobling J A 2018 del Hoyo J Elliott A Sargatal J Christie D A de Juana E b k Key to Scientific Names in Ornithology Handbook of the Birds of the World Alive Lynx Edicions subkhnemux 4 May 2018 1832 Catalogue of birds of the raptorial and insessorial orders systematically arranged observed in the Dukhun Proceedings of the Zoological Society of London 2 18 77 99 94 Donsker David b k 2018 Waxbills parrotfinches munias whydahs Olive Warbler accentors pipits World Bird List Version 8 1 International Ornithologists Union subkhnemux 2 May 2018 Svanberg Ingvar 2008 Towards a cultural history of the Bengalese Finch Lonchura domestica Der Zoologische Garten 77 5 6 334 344 doi 10 1016 j zoolgart 2008 05 003 ISSN 0044 5169 klumngankhxmulsarsnethsaelakarsuxsar sankngancnghwdnkhrswrrkh nkkratidtaophkkhaw White rumped Munia subkhnemux 16 thnwakhm 2563 klumngankhxmulsarsnethsaelakarsuxsar sankngancnghwdnkhrswrrkh nkkratidtaophkkhaw White rumped Munia subkhnemux 16 thnwakhm 2563 aephrkhawxxniln nkkratidtaophkkhaw 30 emsayn 2561 Pillai NG On the food of the Whitebacked Munia Lonchura striata 7 12 6 7 Pillai N G 1968 The greenalgae Spirogyra sp in the diet of the White backedMunia Lonchura striata Linn J Bombay Nat Hist Soc 65 490 491 Avery ML Diet and breeding seasonality of sharp tailed munias Lonchura striata in Malaysia PDF Auk 97 1 160 166 Bird of Thailand Siam Avifauna https www birdsofthailand org bird white rumped munia subkhnemux 16 thnwakhm 2563 thngchy epaxinthr nkkratidtaophkkhaw OKnation nkkratidtaophkkhaw White rumped Munia Lonchura striata 2020 01 12 thi ewyaebkaemchchin subkhnemux 16 thnwakhm 2563 2012 Lonchura striata IUCN Red List of Threatened Species 2012 Retrieved 26 November 2013 CS1 maint ref harv