ซันตาเวร์นา

ซันตาเวร์นา (มอลตา: Santa Verna) คือแหล่งโบราณคดีหินใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเกาะโกโซ ประเทศมอลตา บริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านยุคก่อนประวัติศาสตร์และวิหารหินใหญ่ แม้ว่าวิหารจะอยู่ในสภาพทรุดโทรมในปัจจุบัน แต่ในสมัยโบราณน่าจะเป็นวิหารที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งใน ชื่อ "ซันตาเวร์นา" นั้นมาจากชื่อของโบสถ์น้อยหลังหนึ่งที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่และครั้งหนึ่งเคยตั้งอยู่ใกล้วิหาร

ซันตาเวร์นา

ซากวิหารซันตาเวร์นา
ที่ตั้งซันตาเวร์นาในประเทศมอลตา
ที่ตั้ง	มอลตา
พิกัด	36°2′44.1″N 14°15′31″E / 36.045583°N 14.25861°E / 36.045583; 14.25861
ประเภท	วิหาร หมู่บ้าน
ความเป็นมา
วัสดุ	หินปูน
สร้าง	ประมาณ 5,000 ปีก่อน ค.ศ. (ซากเก่าแก่สุด) ประมาณ 3,400 ปีก่อน ค.ศ. (วิหาร)
สมัย
หมายเหตุเกี่ยวกับสถานที่
ขุดค้น	ค.ศ. 1908–1961
ผู้ขุดค้น	อาร์. เอ็น. แบรดลีย์
สภาพ	ซากปรักหักพังที่อยู่ในสภาพเสื่อมโทรม

แหล่ง

ในอดีต ซันตาเวร์นาเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านยุคก่อนประวัติศาสตร์แห่งหนึ่ง เศษเครื่องดินเผาที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่พบมีอายุย้อนไปถึงเมื่อราว 5,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ส่วนวิหารนั้นได้รับการสร้างขึ้นในช่วงหลายศตวรรษต่อมา มีผังเป็นรูปดอกจิกตามแบบฉบับของยุคสมัยนั้น ในยุครุ่งเรือง ซันตาเวร์นาน่าจะเป็นวิหารที่มีความสำคัญเทียบเท่ากับวิหารใหญ่อื่น ๆ อย่างจกันตียา, ฮาจาร์อีม และฮัลตาร์ชีนเป็นต้น

ในปัจจุบัน สิ่งที่หลงเหลืออยู่ของวิหารมีเพียงบล็อกหินใหญ่ตั้งตรง 3 บล็อก บล็อกหินใหญ่แนวนอนอีก 3 บล็อกที่เรียงรายอยู่ทางทิศตะวันออก และพื้นดินเดิม ทั้งหมดนี้ช่วยให้มองเห็นเค้าโครงดั้งเดิมของวิหารได้

การขุดค้น

โครงสร้างหินใหญ่ที่ซันตาเวร์นาได้รับการค้นพบโดยนิโคลา ซาอีด คนงานของกรมโยธาธิการมอลตา นักโบราณคดีชาวมอลตา ได้จดบันทึกถึงแหล่งนี้เช่นกันในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 พื้นที่แห่งนี้ได้รับการขุดค้นใน ค.ศ. 1911 โดย และอาร์. เอ็น. แบรดลีย์ นักโบราณคดีชาวสหราชอาณาจักร ระหว่างการขุดค้น พบโครงกระดูกสมบูรณ์ 2 โครง และโครงกระดูกไม่สมบูรณ์อีกหลายโครงซึ่งรวมถึงโครงกระดูกเด็ก 1 โครง นอกจากนี้ยังพบเครื่องมือเครื่องใช้ขนาดเล็กจำนวนมาก

ซากปรักหักพังเหล่านี้มีชื่อรวมอยู่ในรายการโบราณวัตถุสถานมอลตา ค.ศ. 1925 จากนั้นใน ค.ศ. 1961 นักโบราณคดีชาวสหราชอาณาจักร ได้ดำเนินการขุดค้นอีกครั้ง ครั้งนี้มีการค้นพบซากหมู่บ้านยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ก่อนการสร้างวิหาร การขุดค้นเพิ่มเติมอย่างกว้างขวางซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากใน ค.ศ. 2015 เผยให้เห็นผังวิหารที่มีมุขโค้ง 5 มุขจากระยะอาร์ดาลัม หลักฐานเพิ่มเติมของการตั้งถิ่นฐานก่อนหน้านี้ รวมถึงตัวอย่างกระดูกสัตว์โบราณ ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และเมล็ดพืชตระกูลถั่ว

อ้างอิง

1. "Santa Verna". xaghraparish.org. สืบค้นเมื่อ 18 February 2015.
2. "Santa Verna". web.infinito.it. สืบค้นเมื่อ 18 February 2015.
3. "Santa Verna Ancient Temple". megalithic.co.uk. สืบค้นเมื่อ 18 February 2015.
4. "Santa Verna". Maltese Ring. สืบค้นเมื่อ 18 February 2015.
5. "Santa Verna". xaghra.com. สืบค้นเมื่อ 18 February 2015.
6. Bugeja, Anton. "Fr Emmanuel Magri and the antiquities of Gozo". mhs.eu.pn. สืบค้นเมื่อ 18 February 2015.
7. . Malta Environment and Planning Authority. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 April 2016.
8. "Santa Verna Temple". visitgozo.com. สืบค้นเมื่อ 18 February 2015.
9. McLaughlin, Rowan; และคณะ. "Santa Verna". repository.cam.ac.uk. สืบค้นเมื่อ 11 March 2022.