บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่
|
คชศาสตร์ เป็นวิชาหนึ่งในของศาสนาพราหมณ์ เป็นศาสตร์เกี่ยวกับช้าง แบ่งออกเป็น 2 ตำรา คือ
- ตำรา กล่าวถึงรูปพรรณสัณฐานของช้าง ทั้งดีและชั่ว
- ตำรา กล่าวถึงตำราที่รวบรวม กระบวนการจับช้าง รักษาช้าง และการบำบัดเสนียดจัญไรต่าง ๆ ของช้าง
ตำราพระคชศาสตร์ และตำรานารายณ์ประทมสินธุ์ ได้กล่าวถึงการกำเนิดว่า พระนารายณ์บรรทมบนเกษียรสมุทร บังเกิดดอกบัวจากพระอุทรมี 8 กลีบ 173 เกสร จึงนำไปถวายพระอิศวร ที่เขาไกรลาศ พระอิศวรแบ่งเกสรดอกบัวนั้นประทานแก่ พระองค์เอง พระอิศวร รับเกสรไว้ 8 เกสร ประทานแก่ พระพรหม จำนวน 24 เกสร ประทานแก่ พระวิษณุ หรือพระนารายณ์ จำนวน 8 เกสร และประทานแก่พระอัคคีหรือพระเพลิง จำนวน 135 เกสร
พระอิศวร พระพรหม พระวิษณุ และพระเพลิง เทวดา 4 ต่างสร้างช้างเผือกตระกูลต่าง ๆ 4 ตระกูล จากดอกบัวนั้นดอกบัวให้เป็นโลก พระพรหม พระอิศวร พระวิษณุและพระอัคนี มหาเทพทั้ง 4 ทรงเนรมิตช้างจากกลีบและเกสรบัว ที่พระนารายณ์ประทาน และสามารถแบ่งช้างมงคลเป็น 4 ตระกูล ตามนามแห่งเทพผู้ให้กำเนิด คือ ช้างตระกูลพรหมพงศ์, ช้างตระกูลอิศวรพงศ์, ช้างตระกูลวิษณุพงศ์ และ ช้างตระกูลอัคนีพงศ์
ช้างตระกูลพรหมพงศ์
- ช้างตระกูลพรหมพงศ์ สร้างขึ้นโดย พระพรหม อันพระพรหมให้บังเกิดด้วยเกสรประทุมชาติ์ ช้างตระกูลนี้เมื่อมาสู่พระบารมีย่อมให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางวัตถุและวิทยาการต่าง ๆ
พระพรหมได้สร้างช้างประจำทิศทั้ง 8 ด้วยเกสรดอกบัวทั้ง 8 คือ เกสรที่
1. อยู่ทิศบูรพา เกสรหนึ่งทิ้งออกไปข้างทิศบูรพา เกิดเป็นช้างชื่อไอยราพต สมบูรณ์ด้วยลักษณะ 15 ประการ สีกายดุจสีเมฆเมื่อคลุ้มฝน เท้าทั้ง 4 เท้ากลมดังกงฉัตร เล็บเสมอ หน้าสูงท้ายต่ำอย่างสิงห์ ตัวใหญ่กว่าช้างทั้งปวง ตาใหญ่ดังดาวประกายพฤกษ งายาวขึ้นขวางวงดังภุชงค์นาค หลังราบดังคันธนูปลายหูปรบหน้า หลัง ถึงกัน โขมดทั้ง ๒ สูง เสียงดุจเสียงสังข์ หาง บังคลองต้องด้วยลักษณะ 15 ประการ
2. อยู่ทิศอาคเนย์ เกสรหนึ่งทิ้งไปข้างทิศอาคเนย์ บังเกิดเป็นช้างชื่อบุณฑริกมีลักษณะ 5 ประการ สีกายดังดอกบัวขาว งาใหญ่สั้นสีดังสังข์ เล็บงามคือทอง ท้องมัวดังฝนคร่ำ กลิ่นหอมดังดอกสัตบงกช พร้อมด้วยลักษณะ
3. อยู่ทิศทักษิณ เกสรหนึ่งไปประดิษฐานอยู่ทิศทักษิณ บังเกิดเป็นช้างชื่อพราหมณโลหิต มีลักษณะ 5 ประการ สีกายดังสีโลหิต งาใหญ่คอกลม เสียงดุจเสียงแตรแตร้น พร้อมด้วยลักษณะ
4. อยู่ทิศหรดี เกสรหนึ่งทิ้งไปข้างทิศหรดี ให้บังเกิดเป็นช้างชื่อกมุท มีลักษณะ 5 ประการ สีดังดอกกมุท ตัวสูงโสตรยาวกลมหูอ่อน เสียงดุจเสียงแตรงอน งางอนขึ้นขวาดังพระจันทร์ เมื่อขึ้น 3 ค่ำ พร้อมด้วยลักษณะ
5. อยู่ทิศประจิม เกสรหนึ่งทิ้งไปข้างทิศประจิม ให้บังเกิดเป็นช้างชื่ออัญชัน มีลักษณะ 5 ประการ สีดังอัญชันงาใหญ่ตรง คอใหญ่เสียงดังลมพัดในปล้องไม้ไผ่ พร้อมด้วยลักษณะ 5 ประการ
6. อยู่ทิศพายัพ เกสรหนึ่งทิ้งไปข้างทิศพายัพ บังเกิดเป็นช้างชื่อบุษปทันต์ มีลักษณะ 7 ประการ สีดังหมากสุกผิวเนื้อละเอียด มีกระหน้าตัวใหญ่งามงาน้อยขึ้นขวา เสียงดังเสียงเมฆ พร้อมด้วยลักษณะ
7. อยู่ทิศอุดร เกสรหนึ่งทิ้งไปข้างทิศอุดร บังเกิดเป็นช้างชื่อเสาวโภม มีลักษณะ 5 ประการ สีดังตองแก่ สูงสัณฐานดังใส่เสื้อ เท้าทั้ง 4 ดังตองอ่อน ตัวกลมหน้าใหญ่งาน้อยยาว เสียงดังเสียงนกกเรียนพร้อมด้วยลักษณะ
8. อยู่ เกสรหนึ่งทิ้งไปข้างทิศอิสาน บังเกิดเป็นช้างสุปรดิษฐ์ มีลักษณะ 9 ประการ สีเนื้อดังสีเมฆเมื่อสนธยา ผนฎท้องดังผนฎท้องงู งาซื่อสีขาวบริสุทธิ์ดังผ้าขาวที่เนื้ออ่อนดังสีบัวแดง ขนปากยาว อัณฑโกษอ่อน เต้ามันอ่อน ร้องเสียงดังเสียงฟ้า พร้อมด้วยลักษณะ 9 ประการ
นอกจากนี้พระพรหมยังได้สร้างช้างอีก 10 หมู่ คือ
1. ฉัททันต์หัตถี กายสีขาว หางเท้าสันหลังสีแดง งาเป็นแขนง เป็นพญาช้าง มีกำลังสูงสุดเหาะไปในอากาศได้ เดินรวดเร็วมาก
2. อุโบสถหัตถี กายดั่งสีทองนพคุณ เดินได้รวดเร็ว เหาะไปในอากาศได้ อยู่บริเวณป่ากรรณิการ์ ส่วนหนึ่งของป่าหิมพานต์ มีนางช้าง ปีตวรรณ เป็นบริวาร
3. เหมหัตถี กายดั่งสีรัศมีทอง มีกำลังมาก
4. มงคลหัตถี สีผิว สีตา และสีเล็บ เป็นสีม่วงเหมือนสีดอกอัญชัน มีงางอนขึ้นไปด้านขวา
5. คันธหัตถี เป็นช้างที่มีร่างสูงใหญ่ ผิวตัวดังไม้กฤษณา กลิ่นตัวและมูตรคูตหอมหวนชื่นใจ
6. หรือ ปิงคล กาย สีตาและเล็บ เป็นสีเหลืองเหลือบน้ำตาล ดั่งสีตาแมว
7. ตามพหัตถี หรือ ดามพหัตถี กายสีดั่งทองแดง ขนหางคล้ายดอกบัวแดง ลักษณะสูงใหญ่ มีอานุภาพห้าวหาญในการศึก
8. หรือ นาคันธรหัตถี กายสีดั่งรัศมีเงิน มีอีกชื่อหนึ่งว่า นาคันธร ห้าวหาญองอาจในการสงคราม
9. คังไคยหัตถี กายดั่งสีน้ำไหล (สีเขียวน้ำทะเล) มีลักษณะสูงใหญ่ สมบูรณ์งดงาม เกิดบริเวณลุ่มน้ำคงคา
10. กายสีดำ และสีเล็บเป็นสีดำดั่งสีปีกกา ดามพหัตถี กายสีดั่งทองแดง มีขนหางคลายดอกบัวแดง ลักษณะสูงใหญ่ เหมหัตถี กายดั่งรัศมีทอง มีกำลังมาก
ช้างตระกูลอิศวรพงศ์
ช้างตระกูลอิศวรพงศ์ สร้างขึ้นโดย พระอิศวร อันพระอิศวรให้บังเกิดด้วยเกสรประทุมชาติ์ช้างตระกูลนี้เมื่อมาสู่พระบารมีบ้านเมืองจะมีความเจริญรุ่งเรืองด้วยทรัพย์และอำนาจ พระอิศวรสร้างช้าง 8 ตระกูล คือ
- 1. หนังเนื้อดำสนิท ผิวพรรณละเอียด เกลี้ยง หน้าใหญ่ โขมดสูง น้ำเต้ากรม งวงเรียว ปลายงางอนขึ้นเสมอกันปากรูปหอยสังข์ คอกลม เมื่อยามย่างยกอยู่ดูเป็นสง่า หน้าสูงกว่าท้าย ทรวงอกผึ่งผายใหญ่กว่าแสดงกำลัง เท้าใหญ่ท้ายเป็นสุกรชาติ หลังราวคันธนูศรผนฏท้องเป็นไปตามวงหลัง ขาหน้าทั้งสองอ่อนประหนึ่งท้าวแขน บาทและข้อหน้าหลังเรียวดังดอกบัวกลม หางเป็นข้อห่วง สนับงาแลเห็นเป็นสองชั้นขมับเต็มมิได้พร่อง หูใหญ่ ช่อม่วงข้างขวายาว ใบหูอ่อนนุ่มสรรพด้วยขนขึ้นมากกว่าข้างซ้าย
- 2. ช้างหนึ่งชื่อว่า คชกรรณหัสดี งาขวาโอบงวงบน งาซ้ายอ้อมขึ้นไพรปาก งาซ้ายโอบงวงไปใต้งาขวา ปลายงาขึ้นไพรปากเสมอกัน ชนช้างดีมีอานุภาพมาก
- 3. ช้างหนึ่งชื่อว่า เอกทันต์ งางอกแต่เพดาน งางอนขึ้นขวา ยกงวงช้างขวางงาอยู่ซ้าย ยกงวงไปซ้ายงาอยู่ขวา มีกำลังมาก พันช้างจึงจะสู้เอกทันต์ตัวเดียวได้ แทงเงาตาย เป็นพาหนะแห่งพระอินทร์ เทพคชนาคไปรักษาไว้ป่าพ้นคนเห็น
- 4. ช้างหนึ่งชื่อว่า กาฬทันต์หัษดี มีกาย งา เล็บ ตา ดำทั่วสารพางค์
- 5. ช้างหนึ่งชื่อว่า จัตุศก โขมดสูงงาทั้ง 2 ช้าง แต่ละข้างนั้น ต้นกลมกล่อมดีปลายเป็น 2 งาทั้งซ้าย ขวา เป็น 4 งา
- 6. ช้างหนึ่งชื่อว่า โรมทันต์ ต้นงาขวาทับต้นงาซ้าย มีกำลังมาก ถ้าพระยาองค์ใดได้ขี่ปราบศัตรู ๆ แลเห็นก็พ่ายแพ้
- 7. ช้างหนึ่งชื่อว่า สิงหชงฆ์ เท้าหลังดำดุจสิงหราช
- 8. ช้างหนึ่งชื่อว่า จุมปราสาท ปลายงามีรัศมีอันแดง
ช้างตระกูลวิษณุพงศ์
ช้างตระกูลวิษณุพงศ์ สร้างขึ้นโดย พระวิษณุพระนารายณ์ อันพระนารายณ์ให้บังเกิดด้วยเกสรประทุมชาติ์ ช้างตระกูลนี้เมื่อมาสู่พระบารมีย่อมมีชัยชนะแก่ศัตรู ฝนจะตกต้องตามฤดูกาล ผลาหารธัญญาหารจะบริบูรณ์ เป็นช้างในวรรณะ พระนารายณ์ได้สร้างช้าง 8 ตระกูลด้วยเกสร คือ
- 1. ช้างหนึ่งชื่อสังขทันต์ มีลักษณ 4 ประการ สีดังสีทอง งา น้อยงอนเสมอ เวลาเช้าเสียงดังเสียงเสือ เสียงดังเสียงไก่เมื่อเวลาสายัณห ยืนอยู่กลางทิศมีลักษณ 4 ประการ
- 2. ช้างหนึ่งชื่อตามพหัษดินทร์ สีกายดุจทองแดงอันหม่น
- 3. ช้างหนึ่งชื่อว่าชมลบ หูปรบเบื้องหน้าพอจรดกัน
- 4. ช้างหนึ่งชื่อว่าลบชม หูปรบเบื้องหลังถึงกัน
- 5. ช้างหนึ่งชื่อว่าครบกระจอก มีเล็บเท้าละ 5 เล็บ
- 6. ช้างหนึ่งชื่อว่าพลุกสดำ งางอนขึ้นขวา
- 7. ช้างหนึ่งชื่อว่าสังขทันต์ งาขาวดังสีสังข์ สีกายดำบริสุทธิ์ ไม่มีขาวระคน
- 8. ช้างหนึ่งชื่อโคบุตร มีพรรณผิวเหลืองดังหนังโค เปนบุตรนางโค เสียงดุจเสียงโค ขนหางขึ้นรอบดุจหางโค งางอนน้อย คุ้มโทษอันตรายทั้งปวงได้
ช้างตระกูลอัคนีพงศ์
สร้างขึ้นโดย พระอัคนี อันพระเพลิงให้บังเกิดด้วยเกสรประทุมชาติ์ ช้างตระกูลนี้เมื่อมาสู่พระบารมีบ้านเมืองจะเจริญด้วยมังสาหารและมีผลในทางระงับศึก อันพึงจะเกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นแล้ว ทั้งมีผลในทางระงับความอุบาทว์ทั้งปวง อันเกิดแก่บ้านเมืองและราชบัลลังก์ พระเพลิงสร้างช้าง 51 จำพวก เช่น เป็นต้น จากนั้นกล่าวถึงช้างชาติต่าง ๆ นามของช้างพัง และลักษณะของช้างที่ให้โทษ 80 ประการ
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- http://vajirayana.org/คำฉันท์ดุษฎีสังเวย-คำฉันท์กล่อมช้าง-ครั้งกรุงเก่า-และ-คำฉันท์คชกรรมประยูร/ภาคผนวก/ตำรานารายน์ประทมสินธุ์-ว่าด้วยลักษณะช้าง
- http://phramerumas.finearts.go.th/item.php?itemID=65 2020-08-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- http://www.sac.or.th/databases/thailitdir/detail.php?meta_id=345
- http://vajirayana.org/คำฉันท์ดุษฎีสังเวย-คำฉันท์กล่อมช้าง-ครั้งกรุงเก่า-และ-คำฉันท์คชกรรมประยูร/ภาคผนวก/ตำรานารายน์ประทมสินธุ์-ว่าด้วยลักษณะช้าง
- คชลักษณ์ www.Surin.net 2006-04-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- สถาบันคชบาลแห่งชาติ 2009-10-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ตำราช้าง นิตยสารสกุลไทย 2008-01-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniidrbaecngihprbprunghlaykhx krunachwyprbprungbthkhwam hruxxphipraypyhathihnaxphipray bthkhwamnitxngkarcdrupaebbkhxkhwam karcdhna karaebnghwkhx karcdlingkphayin aelaxun bthkhwamnitxngkarphisucnxksr xacepndankarichphasa karsakd iwyakrn rupaebbkarekhiyn hruxkaraeplcakphasaxun bthkhwamnitxngkaraehlngxangxingephimephuxphisucnkhxethccring khchsastr epnwichahnunginkhxngsasnaphrahmn epnsastrekiywkbchang aebngxxkepn 2 tara khux tara klawthungrupphrrnsnthankhxngchang thngdiaelachw tara klawthungtarathirwbrwm krabwnkarcbchang rksachang aelakarbabdesniydcyirtang khxngchang taraphrakhchsastr aelataranaraynprathmsinthu idklawthungkarkaenidwa phranaraynbrrthmbneksiyrsmuthr bngekiddxkbwcakphraxuthrmi 8 klib 173 eksr cungnaipthwayphraxiswr thiekhaikrlas phraxiswraebngeksrdxkbwnnprathanaek phraxngkhexng phraxiswr rbeksriw 8 eksr prathanaek phraphrhm canwn 24 eksr prathanaek phrawisnu hruxphranarayn canwn 8 eksr aelaprathanaekphraxkhkhihruxphraephling canwn 135 eksr phraxiswr phraphrhm phrawisnu aelaphraephling ethwda 4 tangsrangchangephuxktrakultang 4 trakul cakdxkbwnndxkbwihepnolk phraphrhm phraxiswr phrawisnuaelaphraxkhni mhaethphthng 4 thrngenrmitchangcakklibaelaeksrbw thiphranaraynprathan aelasamarthaebngchangmngkhlepn 4 trakul tamnamaehngethphphuihkaenid khux changtrakulphrhmphngs changtrakulxiswrphngs changtrakulwisnuphngs aela changtrakulxkhniphngschangtrakulphrhmphngschangtrakulphrhmphngs srangkhunody phraphrhm xnphraphrhmihbngekiddwyeksrprathumchati changtrakulniemuxmasuphrabarmiyxmihekidkhwamecriyrungeruxngthngthangwtthuaelawithyakartang phraphrhmidsrangchangpracathisthng 8 dwyeksrdxkbwthng 8 khux eksrthi 1 xyuthisburpha eksrhnungthingxxkipkhangthisburpha ekidepnchangchuxixyrapht smburndwylksna 15 prakar sikayducsiemkhemuxkhlumfn ethathng 4 ethaklmdngkngchtr elbesmx hnasungthaytaxyangsingh twihykwachangthngpwng taihydngdawprakayphvks ngayawkhunkhwangwngdngphuchngkhnakh hlngrabdngkhnthnuplayhuprbhna hlng thungkn okhmdthng 2 sung esiyngducesiyngsngkh hang bngkhlxngtxngdwylksna 15 prakar 2 xyuthisxakheny eksrhnungthingipkhangthisxakheny bngekidepnchangchuxbunthrikmilksna 5 prakar sikaydngdxkbwkhaw ngaihysnsidngsngkh elbngamkhuxthxng thxngmwdngfnkhra klinhxmdngdxkstbngkch phrxmdwylksna 3 xyuthisthksin eksrhnungippradisthanxyuthisthksin bngekidepnchangchuxphrahmnolhit milksna 5 prakar sikaydngsiolhit ngaihykhxklm esiyngducesiyngaetraetrn phrxmdwylksna 4 xyuthishrdi eksrhnungthingipkhangthishrdi ihbngekidepnchangchuxkmuth milksna 5 prakar sidngdxkkmuth twsungostryawklmhuxxn esiyngducesiyngaetrngxn ngangxnkhunkhwadngphracnthr emuxkhun 3 kha phrxmdwylksna 5 xyuthispracim eksrhnungthingipkhangthispracim ihbngekidepnchangchuxxychn milksna 5 prakar sidngxychnngaihytrng khxihyesiyngdnglmphdinplxngimiph phrxmdwylksna 5 prakar 6 xyuthisphayph eksrhnungthingipkhangthisphayph bngekidepnchangchuxbuspthnt milksna 7 prakar sidnghmaksukphiwenuxlaexiyd mikrahnatwihyngamnganxykhunkhwa esiyngdngesiyngemkh phrxmdwylksna 7 xyuthisxudr eksrhnungthingipkhangthisxudr bngekidepnchangchuxesawophm milksna 5 prakar sidngtxngaek sungsnthandngisesux ethathng 4 dngtxngxxn twklmhnaihynganxyyaw esiyngdngesiyngnkkeriynphrxmdwylksna 8 xyu eksrhnungthingipkhangthisxisan bngekidepnchangsuprdisth milksna 9 prakar sienuxdngsiemkhemuxsnthya phndthxngdngphndthxngngu ngasuxsikhawbrisuththidngphakhawthienuxxxndngsibwaedng khnpakyaw xnthoksxxn etamnxxn rxngesiyngdngesiyngfa phrxmdwylksna 9 prakar nxkcakniphraphrhmyngidsrangchangxik 10 hmu khux 1 chththnthtthi kaysikhaw hangethasnhlngsiaedng ngaepnaekhnng epnphyachang mikalngsungsudehaaipinxakasid edinrwderwmak 2 xuobsthhtthi kaydngsithxngnphkhun edinidrwderw ehaaipinxakasid xyubriewnpakrrnikar swnhnungkhxngpahimphant minangchang pitwrrn epnbriwar 3 ehmhtthi kaydngsirsmithxng mikalngmak 4 mngkhlhtthi siphiw sita aelasielb epnsimwngehmuxnsidxkxychn mingangxnkhunipdankhwa 5 khnthhtthi epnchangthimirangsungihy phiwtwdngimkvsna klintwaelamutrkhuthxmhwnchunic 6 hrux pingkhl kay sitaaelaelb epnsiehluxngehluxbnatal dngsitaaemw 7 tamphhtthi hrux damphhtthi kaysidngthxngaedng khnhangkhlaydxkbwaedng lksnasungihy mixanuphaphhawhayinkarsuk 8 hrux nakhnthrhtthi kaysidngrsmiengin mixikchuxhnungwa nakhnthr hawhayxngxacinkarsngkhram 9 khngikhyhtthi kaydngsinaihl siekhiywnathael milksnasungihy smburnngdngam ekidbriewnlumnakhngkha 10 kaysida aelasielbepnsidadngsipikka damphhtthi kaysidngthxngaedng mikhnhangkhlaydxkbwaedng lksnasungihy ehmhtthi kaydngrsmithxng mikalngmakchangtrakulxiswrphngschangtrakulxiswrphngs srangkhunody phraxiswr xnphraxiswrihbngekiddwyeksrprathumchatichangtrakulniemuxmasuphrabarmibanemuxngcamikhwamecriyrungeruxngdwythrphyaelaxanac phraxiswrsrangchang 8 trakul khux 1 hnngenuxdasnith phiwphrrnlaexiyd ekliyng hnaihy okhmdsung naetakrm ngwngeriyw playngangxnkhunesmxknpakruphxysngkh khxklm emuxyamyangykxyuduepnsnga hnasungkwathay thrwngxkphungphayihykwaaesdngkalng ethaihythayepnsukrchati hlngrawkhnthnusrphntthxngepniptamwnghlng khahnathngsxngxxnprahnungthawaekhn bathaelakhxhnahlngeriywdngdxkbwklm hangepnkhxhwng snbngaaelehnepnsxngchnkhmbetmmiidphrxng huihy chxmwngkhangkhwayaw ibhuxxnnumsrrphdwykhnkhunmakkwakhangsay 2 changhnungchuxwa khchkrrnhsdi ngakhwaoxbngwngbn ngasayxxmkhuniphrpak ngasayoxbngwngipitngakhwa playngakhuniphrpakesmxkn chnchangdimixanuphaphmak 3 changhnungchuxwa exkthnt ngangxkaetephdan ngangxnkhunkhwa ykngwngchangkhwangngaxyusay ykngwngipsayngaxyukhwa mikalngmak phnchangcungcasuexkthnttwediywid aethngengatay epnphahnaaehngphraxinthr ethphkhchnakhiprksaiwpaphnkhnehn 4 changhnungchuxwa kalthnthsdi mikay nga elb ta dathwsarphangkh 5 changhnungchuxwa ctusk okhmdsungngathng 2 chang aetlakhangnn tnklmklxmdiplayepn 2 ngathngsay khwa epn 4 nga 6 changhnungchuxwa ormthnt tnngakhwathbtnngasay mikalngmak thaphrayaxngkhididkhiprabstru aelehnkphayaeph 7 changhnungchuxwa singhchngkh ethahlngdaducsinghrach 8 changhnungchuxwa cumprasath playngamirsmixnaedngchangtrakulwisnuphngschangtrakulwisnuphngs srangkhunody phrawisnuphranarayn xnphranaraynihbngekiddwyeksrprathumchati changtrakulniemuxmasuphrabarmiyxmmichychnaaekstru fncatktxngtamvdukal phlaharthyyaharcabriburn epnchanginwrrna phranaraynidsrangchang 8 trakuldwyeksr khux 1 changhnungchuxsngkhthnt milksn 4 prakar sidngsithxng nga nxyngxnesmx ewlaechaesiyngdngesiyngesux esiyngdngesiyngikemuxewlasaynh yunxyuklangthismilksn 4 prakar 2 changhnungchuxtamphhsdinthr sikayducthxngaedngxnhmn 3 changhnungchuxwachmlb huprbebuxnghnaphxcrdkn 4 changhnungchuxwalbchm huprbebuxnghlngthungkn 5 changhnungchuxwakhrbkracxk mielbethala 5 elb 6 changhnungchuxwaphluksda ngangxnkhunkhwa 7 changhnungchuxwasngkhthnt ngakhawdngsisngkh sikaydabrisuththi immikhawrakhn 8 changhnungchuxokhbutr miphrrnphiwehluxngdnghnngokh epnbutrnangokh esiyngducesiyngokh khnhangkhunrxbduchangokh ngangxnnxy khumothsxntraythngpwngidchangtrakulxkhniphngssrangkhunody phraxkhni xnphraephlingihbngekiddwyeksrprathumchati changtrakulniemuxmasuphrabarmibanemuxngcaecriydwymngsaharaelamiphlinthangrangbsuk xnphungcaekidkhunhruxekidkhunaelw thngmiphlinthangrangbkhwamxubathwthngpwng xnekidaekbanemuxngaelarachbllngk phraephlingsrangchang 51 caphwk echn epntn caknnklawthungchangchatitang namkhxngchangphng aelalksnakhxngchangthiihoths 80 prakarduephimchangtrakulphrhmphngs changtrakulxiswrphngs changtrakulwisnuphngsxangxinghttp vajirayana org khachnthdusdisngewy khachnthklxmchang khrngkrungeka aela khachnthkhchkrrmprayur phakhphnwk taranaraynprathmsinthu wadwylksnachang http phramerumas finearts go th item php itemID 65 2020 08 07 thi ewyaebkaemchchin http www sac or th databases thailitdir detail php meta id 345 http vajirayana org khachnthdusdisngewy khachnthklxmchang khrngkrungeka aela khachnthkhchkrrmprayur phakhphnwk taranaraynprathmsinthu wadwylksnachang khchlksn www Surin net 2006 04 27 thi ewyaebkaemchchin sthabnkhchbalaehngchati 2009 10 11 thi ewyaebkaemchchin tarachang nitysarskulithy 2008 01 18 thi ewyaebkaemchchin bthkhwamwicha khwamru aelasastrtangniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk