คริสตจักรอาสนวิหารของพระคริสต์ พระนางมารีย์พรหมจารี และเซนต์คัธเบิร์ตแห่งเดอรัม (อังกฤษ: The Cathedral Church of Christ, Blessed Mary the Virgin and St Cuthbert of Durham) เรียกโดยย่อว่าอาสนวิหารเดอรัม เป็นอาสนวิหารแองกลิคัน ตั้งอยู่ที่เมืองเดอรัมใน สหราชอาณาจักร ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1093 มีชื่อเต็มว่า The Cathedral Church of Christ, Blessed Mary the Virgin and St Cuthbert of Durham
อาสนวิหารเดอรัม | |
---|---|
คริสตจักรอาสนวิหารของพระคริสต์ พระนางมารีย์พรหมจารี และเซนต์คัธเบิร์ตแห่งเดอรัม | |
อาสนวิหารเดอรัมเมื่อมองจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ | |
อาสนวิหารเดอรัม ที่ตั้งในสหราชอาณาจักร | |
54°46′25″N 1°34′34″W / 54.77361°N 1.57611°W | |
ที่ตั้ง | เดอรัม |
ประเทศ | อังกฤษ |
นิกาย | คริสตจักรแห่งอังกฤษ |
เว็บไซต์ | durhamcathedral.co.uk |
สถาปัตยกรรม | |
รูปแบบสถาปัตย์ | นอร์มัน/โรมาเนสก์, กอทิก |
ปีสร้าง | ค.ศ. 1093–1133, ปรับเสริมจนถึง ค.ศ. 1490 |
โครงสร้าง | |
อาคารยาว | 469 ฟุต (143 เมตร) (ภายใน) |
เนฟกว้าง | 81 ฟุต (25 เมตร) (inc aisles) |
เนฟสูง | 73 ฟุต (22 เมตร) |
Choir height | 74 ฟุต (23 เมตร) |
จำนวนหอคอย | 3 |
ความสูงหอคอย | 218 ฟุต (66 เมตร) (หอคอยกลาง) 144 ฟุต (44 เมตร) (หอคอยตะวันตก) |
จำนวนยอดแหลม | 0 (2 บนหอคอยตะวันตกจนถึง ค.ศ. 1658) |
การปกครอง | |
มุขมณฑล | (ตั้งแต่ ค.ศ. 635 ในชื่อลินดิสฟาร์น, ค.ศ. 995 ในชื่อเดอรัม) |
แขวง | ยอร์ก |
นักบวช | |
มุขนายก | |
ไมเคิล ฮัมเพล (Vice-Dean) | |
ชาร์ลี อัลเลน | |
() | |
ไมเคิล อีฟริตต์ | |
ฆราวาส | |
(Organist and Master of the Choristers) | |
(Sub-Organist) | |
อมันดา แอนเดอร์สัน | |
แคทธี บาร์นส ไอวอร์ สโตลลิเดย์ (Treasurer) | |
บางส่วน | ปราสาทและอาสนวิหารเดอรัม |
(เกณฑ์พิจารณา) | วัฒนธรรม: ii, iv, vi |
อ้างอิง | 370 |
ขึ้นทะเบียน | 1986 (สมัยที่ 10) |
ลักษณะโครงสร้างส่วนใหญ่เป็นแบบโรมาเนสก์ มีหอคอยสูง 66 เมตร มีบันไดขึ้นทั้งหมด 325 ขั้น
อาสนวิหารเป็นที่เก็บเรลิกของคัธเบิร์ตแห่งลินเดสฟาร์น (Cuthbert of Lindisfarne) นักบุญจากศตวรรษที่ 7 นอกจากนั้นยังเป็นที่เก็บศีรษะของนักบุญออสวอลด์แห่งนอร์ธัมเบรีย (St Oswald of Northumbria) และร่างของนักบุญบีด
มุขนายกแห่งเดอรัมเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจมากมาจนถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ตำแหน่งของมุขนายกแห่งเดอรัมถือว่ามีความสำคัญเป็นที่สี่ของคริสตจักรแห่งอังกฤษ แม้ในปัจจุบันก็ยังมีป้ายของมณฑลเดอรัมว่าเป็นดินแดนของ Prince Bishops
อาสนวิหารได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก พร้อมกับปราสาทเดอรัมซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกันเหนือแม่น้ำเวียร์ (River Wear)
สมัยแซ็กซอน
มุขมณฑลเดอรัมย้ายมาจากลินเดสฟาร์น ที่ก่อตั้งโดยนักบุญไอดัน (St Aidan) โดยการนำของนักบุญออสวอลด์ราวปี ค.ศ. 635 มุขมณฑลอยู่มาได้ถึงปี ค.ศ. 664 ก็ย้ายไปรวมกับขึ้นกับมุขนายกแห่งยอร์ก แต่ก็ได้กลับมาเป็นมุขมณฑลอิสระอีกครั้งเมื่อปี ค.ศ. 678 โดยอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี ในบริเวณนี้มีนักบวชที่ได้เป็นนักบุญหลายองค์รวมทั้งนักบุญคัธเบิร์ตแห่งลินเดสฟาร์นผู้เป็นคนสำคัญในการสร้างอาสนวิหารเดอรัม
หลังจากที่โดนถูกรุกรานโดยไวกิงหลายครั้งนักพรตก็หนีจากลินเดสฟาร์นเมื่อ ค.ศ. 875 ไปพร้อมกับวัตถุมงคลของนักบุญคัธเบิร์ต สังฆมณฑลลินเดสฟาร์นก็ไม่ได้อยู่เป็นที่เป็นทางมาจนราวปี ค.ศ. 882 เมื่อมีชุมชนก่อตั้งตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่งที่เชสเตอร์เลอสตรีท (Chester-le-Street) มุขมณฑลก็ตั้งอยู่ที่นี่จนปี ค.ศ. 995 เมื่อถูกรุกรานอีกจนเหล่านักพรตต้องอพยพหนีอีกครั้ง
ตามตำนานกล่าวว่านักพรตที่หนีการรุกรานไปเจอหญิงรีดนมที่กำลังตามหาวัวสีน้ำตาล (Dun Cow) นักพรตก็ตามไปด้วยจนไปถึงแหลมที่เป็นรูปห่วงที่แม่น้ำเวียร์ พอมาถึงที่นั้นโลงของนักบุญคัธเบิร์ตก็ไม่ยอมเคลื่อนไปไหน นักพรตจึงถือว่าเป็นสัญญาณว่าควรจะสร้างวัดตรงนั้น แต่เหตุผลหนึ่งที่น่าจะมีเหตุผลกว่าคือที่ดินที่เป็นแหลมตรงนั้นเป็นที่สูงซึ่งเป็นตำแหน่งที่ง่ายต่อการป้องกันตัวจากข้าศึก และชุมชนที่ตั้งหลักแหล่งก็จะได้รับการคุ้มครองจากเอิร์ลแห่งนอร์ธัมเบอร์แลนด์ด้วย เพราะมุขนายกแอลดุน (Aldhun) เป็นญาติสนิทกับเอิร์ล แต่กระนั้นทางผ่านทางหอด้านตะวันออกของลานปราสาทก็จึงเรียกว่า Dun Cow Lane
เมื่อเริ่มแรกทางโบสถ์ก็สร้างสิ่งก่อสร้างชั่วคราวจากไม้เพื่อจะได้เป็นที่ตั้งนักบุญคัธเบิร์ต ต่อมาก็ย้ายไปตั้งในสิ่งก่อสร้างใหม่ที่ถาวรกว่าที่อาจจะทำด้วยไม้ สิ่งก่อสร้างนี้เรียกว่า White Church แต่วัดนี้ก็อยู่ได้เพียงสามปีก็มีวัดใหม่สร้างด้วยหินขึ้นมาแทน เมื่อปี ค.ศ. 998 โดยยังใช้ชื่อเดิม พอมาถึงปี ค.ศ. 1018 หอด้านตะวันตกก็ยังสร้างไม่เสร็จ อาสนวิหารเดอรัมกลายมาเป็นสถานที่ดึงดูดนักแสวงบุญของลัทธินิยมนักบุญคัธเบิร์ต พระเจ้าคานุท (King Canute) เองก็ทรงนิยมนักบุญคัธเบิร์ต โดยพระราชทานสิทธิพิเศษและที่ดินให้แก่ชุมชนเดอรัม ชุมชนเดอรัมก็ขยายตัวเป็นชุมชนที่ใหญ่ขึ้นตามลำดับ
ยุคกลาง
อาสนวิหารปัจจุบันออกแบบโดยเจ้าชายมุขนายกวิลเลียมแห่งเซนต์คาริเลฟ (Prince-bishop, William of St. Carilef) และเริ่มก่อสร้างเมื่อ ค.ศ. 1093 หลังจากที่วิลเลียมสิ้นพระชนม์ รานูลฟ แฟลมบาร์ด (Ranulf Flambard) ก็ดำเนินงานต่อ ลักษณะหลังคาเหนือทางเดินกลางเป็นโค้งแหลมเล็กน้อยแบบมีสัน (ribbed vault) รับด้วยเสาอิงสลับกับเสากลมใหญ่ กำแพงค้ำยันซ่อนอยู่ภายในส่วนโค้งเหนือทาง เดินข้าง ลักษณะหลังคาของอาสนวิหารเดอรัมเป็นลักษณะที่มาก่อนหน้าสถาปัตยกรรมกอทิกทางเหนือของฝรั่งเศสหลายสิบปีต่อมาซึ่งคงไปจากช่างสลักหินชาวนอร์มัน ถึงแม้โดยทั่วไปแล้วเดอรัมจะถือว่าเป็นอาสนวิหารแบบโรมาเนสก์ก็ตาม การใช้เพดานโค้งแหลมและสันบนเพดานและกำแพงค้ำยันทำให้สามารถวางผังโครงสร้างที่ซับซ้อนขึ้นได้ ทำให้การตกแต่งทำได้สวยขึ้น และทำให้สิ่งก่อสร้างสูงขึ้น กว้างขึ้น และทำหน้าต่างได้กว้างขึ้น
เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 12 มุขนายกฮิว เดอ พุยเซ็ท (Hugh de Puiset) ต่อเติมชาเปลกาลิลี (Galilee Chapel) ทางด้านตะวันตก หรือที่เรียกว่าชาเปลแม่พระ ชาเปลกาลิลีเป็นที่เก็บบุญราศีบีด และมุขนายกทอมัส แลงลีย์ซึ่งที่ฝังศพขวางประตูด้านตะวันตกของอาสนวิหาร ที่ฝังศพของนักบุญคัธเบิร์ตอยู่ทางด้านตะวันออก และครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ฝังศพที่หรูทำด้วยหินอ่อนสีครีมและทอง
โดยเจ้าชายมุขนายกวิลเลียมแห่งเซนต์คาริเลฟ รานูลฟ แฟลมบาร์ด และ บาทหลวงฮิว เดอ พุยเซ็ท ต่างก็ถูกฝังไว้ที่อาสนวิหารนี้ที่ในห้องประชุมนักบวชซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับระเบียงฉันนบถที่สร้างมาตั้งแต่ ค.ศ. 1140
ชาเปลเก้าแท่นบูชา (Chapel of the Nine Altars) มาสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ทางด้านตะวันออกของอาสนวิหาร เริ่มโดยริชาร์ด เดอ พัวร์ (Richard le Poore) หอกลางถูกทำลายโดยฟ้าผ่า หอปัจจุบันสร้างมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15
ยุบอาสนวิหาร
ที่ฝังศพของนักบุญคัธเบิร์ตถูกสั่งให้ทำลายโดยพระราชโองการของพระเจ้าเฮนรีที่ 8 เมื่อปี ค.ศ. 1538 จนเหลือเพียงส่วนที่เป็นหิน สองปีต่อมาในปี ค.ศ. 1540 อารามที่เดอรัมก็ถูกสั่งให้ยุบตามพระราชกฤษฎีกายุบอาราม แต่ส่วนที่ยังเหลืออย่างสมบูรณ์แบบคือระเบียงฉันนบถ และอธิการองค์สุดท้ายฮิว ไวท์เฮดได้มาเป็นดีนคนแรกของอาสนวิหาร
1600-1900
เมื่อปี ค.ศ. 1650 อาสนวิหารเดอรัมกลายมาเป็นที่คุมขังเชลยศึกและขังนักโทษ จากสกอตแลนด์หลังจาก “ยุทธการดันบาร์ ค.ศ. 1650” (Battle of Dunbar (1650)) นักโทษเสียชีวิตไปราว 5000 คนถ้าไม่จากการเดินทางก็มาเสียชีวิตที่อาสนวิหาร ร่างของนักโทษเหล่านี้ถูกฝังในหลุมนิรนาม นักโทษที่รอดถูกส่งตัวไป อินเดียตะวันตก, รัฐเวอร์จิเนีย และ รัฐแมสซาชูเซตส์ และอีก 150 คนถูกส่งไปรัฐเมน เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 1650
คูหาสวดมนต์ 9 แท่นบูชา มีหน้าต่างกุหลาบขนาดใหญ่จากคริสต์ศตวรรษที่ 17 และมาซ่อมใหม่เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 18 และรูปปั้นของวิลเลียม แวน มิลเดิร์ท (William Van Mildert) ผู้เป็นสมเด็จบาทหลวงองค์สุดท้ายระหว่างปี ค.ศ. 1826 ถึงปี ค.ศ. 1836 ผู้เป็นแรงหนุนหลังในการก่อตั้งมหาวิทยาลัยเดอรัม
ข้อมูลเพิ่มเติม
แหล่งข้อมูลอื่น
- อาสนวิหารเดอรัมเวปไซท์
สมุดภาพ
- อาสนวิหารเดอรัม และปราสาทเดอรัม
- บริเวณนักบวชหรือบริเวณสวดมนต์และร้องเพลงสวด ค.ศ. 1890
- คูหาสวดมนต์กาลิลี ค.ศ. 1890
- ทางเดินกลาง ค.ศ. 1890
- ภายใน
- ทิวทัศน์จากหอกลาง
- ทิวทัศน์จากเซนต์มาร์กาเรต (St Margaret's)
- ทิวทัศน์จาก South Street
- ทิวทัศน์จากสะพานพรีเบ็นดส์ (Prebends Bridge)
- ระเบียงฉันนบถ
- อาสนวิหารยามเช้า
- หน้าต่างกุหลาบจาก Chapel of the Nine Altars.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
khristckrxasnwiharkhxngphrakhrist phranangmariyphrhmcari aelaesntkhthebirtaehngedxrm xngkvs The Cathedral Church of Christ Blessed Mary the Virgin and St Cuthbert of Durham eriykodyyxwaxasnwiharedxrm epnxasnwiharaexngklikhn tngxyuthiemuxngedxrmin shrachxanackr kxtngemux kh s 1093 michuxetmwa The Cathedral Church of Christ Blessed Mary the Virgin and St Cuthbert of Durhamxasnwiharedxrmkhristckrxasnwiharkhxngphrakhrist phranangmariyphrhmcari aelaesntkhthebirtaehngedxrmxasnwiharedxrmemuxmxngcakthistawntkechiyngehnuxxasnwiharedxrmthitnginshrachxanackr54 46 25 N 1 34 34 W 54 77361 N 1 57611 W 54 77361 1 57611thitngedxrmpraethsxngkvsnikaykhristckraehngxngkvsewbistdurhamcathedral co uksthaptykrrmrupaebbsthaptynxrmn ormaensk kxthikpisrangkh s 1093 1133 prbesrimcnthung kh s 1490okhrngsrangxakharyaw469 fut 143 emtr phayin enfkwang81 fut 25 emtr inc aisles enfsung73 fut 22 emtr Choir height74 fut 23 emtr canwnhxkhxy3khwamsunghxkhxy218 fut 66 emtr hxkhxyklang 144 fut 44 emtr hxkhxytawntk canwnyxdaehlm0 2 bnhxkhxytawntkcnthung kh s 1658 karpkkhrxngmukhmnthl tngaet kh s 635 inchuxlindisfarn kh s 995 inchuxedxrm aekhwngyxrknkbwchmukhnaykimekhil hmephl Vice Dean charli xleln imekhil xifrittkhrawas Organist and Master of the Choristers Sub Organist xmnda aexnedxrsnaekhththi barns ixwxr sotlliedy Treasurer aehlngmrdkolkodyyuensokbangswnprasathaelaxasnwiharedxrmeknthphicarnawthnthrrm ii iv vixangxing370khunthaebiyn1986 smythi 10 lksnaokhrngsrangswnihyepnaebbormaensk mihxkhxysung 66 emtr mibnidkhunthnghmd 325 khn xasnwiharepnthiekberlikkhxngkhthebirtaehnglinedsfarn Cuthbert of Lindisfarne nkbuycakstwrrsthi 7 nxkcaknnyngepnthiekbsirsakhxngnkbuyxxswxldaehngnxrthmebriy St Oswald of Northumbria aelarangkhxngnkbuybid mukhnaykaehngedxrmepntaaehnngthimixanacmakmacnthungklangkhriststwrrsthi 19 taaehnngkhxngmukhnaykaehngedxrmthuxwamikhwamsakhyepnthisikhxngkhristckraehngxngkvs aeminpccubnkyngmipaykhxngmnthledxrmwaepndinaednkhxng Prince Bishops xasnwiharidrbeluxkodyxngkhkaryuensokihkhunthaebiynepnmrdkolk phrxmkbprasathedxrmsungxyutrngknkhamknehnuxaemnaewiyr River Wear smyaesksxnmukhmnthledxrmyaymacaklinedsfarn thikxtngodynkbuyixdn St Aidan odykarnakhxngnkbuyxxswxldrawpi kh s 635 mukhmnthlxyumaidthungpi kh s 664 kyayiprwmkbkhunkbmukhnaykaehngyxrk aetkidklbmaepnmukhmnthlxisraxikkhrngemuxpi kh s 678 odyxarchbichxpaehngaekhnethxrebxri inbriewnniminkbwchthiidepnnkbuyhlayxngkhrwmthngnkbuykhthebirtaehnglinedsfarnphuepnkhnsakhyinkarsrangxasnwiharedxrm hlngcakthiodnthukrukranodyiwkinghlaykhrngnkphrtkhnicaklinedsfarnemux kh s 875 ipphrxmkbwtthumngkhlkhxngnkbuykhthebirt sngkhmnthllinedsfarnkimidxyuepnthiepnthangmacnrawpi kh s 882 emuxmichumchnkxtngtwkhunxikkhrnghnungthiechsetxrelxstrith Chester le Street mukhmnthlktngxyuthinicnpi kh s 995 emuxthukrukranxikcnehlankphrttxngxphyphhnixikkhrng tamtananklawwankphrtthihnikarrukranipecxhyingridnmthikalngtamhawwsinatal Dun Cow nkphrtktamipdwycnipthungaehlmthiepnruphwngthiaemnaewiyr phxmathungthinnolngkhxngnkbuykhthebirtkimyxmekhluxnipihn nkphrtcungthuxwaepnsyyanwakhwrcasrangwdtrngnn aetehtuphlhnungthinacamiehtuphlkwakhuxthidinthiepnaehlmtrngnnepnthisungsungepntaaehnngthingaytxkarpxngkntwcakkhasuk aelachumchnthitnghlkaehlngkcaidrbkarkhumkhrxngcakexirlaehngnxrthmebxraelnddwy ephraamukhnaykaexldun Aldhun epnyatisnithkbexirl aetkrannthangphanthanghxdantawnxxkkhxnglanprasathkcungeriykwa Dun Cow Lane emuxerimaerkthangobsthksrangsingkxsrangchwkhrawcakimephuxcaidepnthitngnkbuykhthebirt txmakyayiptnginsingkxsrangihmthithawrkwathixaccathadwyim singkxsrangnieriykwa White Church aetwdnikxyuidephiyngsampikmiwdihmsrangdwyhinkhunmaaethn emuxpi kh s 998 odyyngichchuxedim phxmathungpi kh s 1018 hxdantawntkkyngsrangimesrc xasnwiharedxrmklaymaepnsthanthidungdudnkaeswngbuykhxnglththiniymnkbuykhthebirt phraecakhanuth King Canute exngkthrngniymnkbuykhthebirt odyphrarachthansiththiphiessaelathidinihaekchumchnedxrm chumchnedxrmkkhyaytwepnchumchnthiihykhuntamladbyukhklangxasnwiharpccubnxxkaebbodyecachaymukhnaykwileliymaehngesntkharielf Prince bishop William of St Carilef aelaerimkxsrangemux kh s 1093 hlngcakthiwileliymsinphrachnm ranulf aeflmbard Ranulf Flambard kdaeninngantx lksnahlngkhaehnuxthangedinklangepnokhngaehlmelknxyaebbmisn ribbed vault rbdwyesaxingslbkbesaklmihy kaaephngkhaynsxnxyuphayinswnokhngehnuxthang edinkhang lksnahlngkhakhxngxasnwiharedxrmepnlksnathimakxnhnasthaptykrrmkxthikthangehnuxkhxngfrngesshlaysibpitxmasungkhngipcakchangslkhinchawnxrmn thungaemodythwipaelwedxrmcathuxwaepnxasnwiharaebbormaenskktam karichephdanokhngaehlmaelasnbnephdanaelakaaephngkhaynthaihsamarthwangphngokhrngsrangthisbsxnkhunid thaihkartkaetngthaidswykhun aelathaihsingkxsrangsungkhun kwangkhun aelathahnatangidkwangkhun emuxkhriststwrrsthi 12 mukhnaykhiw edx phuyesth Hugh de Puiset txetimchaeplkalili Galilee Chapel thangdantawntk hruxthieriykwachaeplaemphra chaeplkaliliepnthiekbbuyrasibid aelamukhnaykthxms aelngliysungthifngsphkhwangpratudantawntkkhxngxasnwihar thifngsphkhxngnkbuykhthebirtxyuthangdantawnxxk aelakhrnghnungekhyepnthifngsphthihruthadwyhinxxnsikhrimaelathxng odyecachaymukhnaykwileliymaehngesntkharielf ranulf aeflmbard aela bathhlwnghiw edx phuyesth tangkthukfngiwthixasnwiharnithiinhxngprachumnkbwchsungxyutrngknkhamkbraebiyngchnnbththisrangmatngaet kh s 1140 chaeplekaaethnbucha Chapel of the Nine Altars masranginkhriststwrrsthi 13 thangdantawnxxkkhxngxasnwihar erimodyrichard edx phwr Richard le Poore hxklangthukthalayodyfapha hxpccubnsrangmatngaetkhriststwrrsthi 15yubxasnwiharthifngsphkhxngnkbuykhthebirtthuksngihthalayodyphrarachoxngkarkhxngphraecaehnrithi 8 emuxpi kh s 1538 cnehluxephiyngswnthiepnhin sxngpitxmainpi kh s 1540 xaramthiedxrmkthuksngihyubtamphrarachkvsdikayubxaram aetswnthiyngehluxxyangsmburnaebbkhuxraebiyngchnnbth aelaxthikarxngkhsudthayhiw iwthehdidmaepndinkhnaerkkhxngxasnwihar1600 1900emuxpi kh s 1650 xasnwiharedxrmklaymaepnthikhumkhngechlysukaelakhngnkoths cakskxtaelndhlngcak yuththkardnbar kh s 1650 Battle of Dunbar 1650 nkothsesiychiwitipraw 5000 khnthaimcakkaredinthangkmaesiychiwitthixasnwihar rangkhxngnkothsehlanithukfnginhlumnirnam nkothsthirxdthuksngtwip xinediytawntk rthewxrcieniy aela rthaemssachuests aelaxik 150 khnthuksngiprthemn emuxeduxnthnwakhm kh s 1650 khuhaswdmnt 9 aethnbucha mihnatangkuhlabkhnadihycakkhriststwrrsthi 17 aelamasxmihmemuxkhriststwrrsthi 18 aelaruppnkhxngwileliym aewn miledirth William Van Mildert phuepnsmedcbathhlwngxngkhsudthayrahwangpi kh s 1826 thungpi kh s 1836 phuepnaernghnunhlnginkarkxtngmhawithyalyedxrmkhxmulephimetimaephnphngxasnwihar sthaptykrrmormaensk xasnwiharinshrachxanackraehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb xasnwiharedxrm xasnwiharedxrmewpisthsmudphaphxasnwiharedxrm aelaprasathedxrm briewnnkbwchhruxbriewnswdmntaelarxngephlngswd kh s 1890 khuhaswdmntkalili kh s 1890 thangedinklang kh s 1890 phayin thiwthsncakhxklang thiwthsncakesntmarkaert St Margaret s thiwthsncak South Street thiwthsncaksaphanphriebnds Prebends Bridge raebiyngchnnbth xasnwiharyamecha hnatangkuhlabcak Chapel of the Nine Altars