ตำนานพระเจ้าสายน้ำผึ้งกับพระนางสร้อยดอกหมาก เป็นเรืองราวนิทานพื้นบ้านของไทยที่ปรากฎอยู่ในพงศาวดารเหนือ และคำให้การขุนหลวงหาวัด กรมส่งเสริมวัฒนธรรมประกาศขึ้นทะเบียนตำนานพระนางสร้อยดอกหมากเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เมื่อ พ.ศ. 2567
พระนามของพระเจ้าสายน้ำผึ้งปรากฏอยู่ในรายพระนามกษัตริย์เมืองอโยธยา หรือมีชื่อเต็มว่า อโยธยาศรีรามเทพนคร ซึ่งเป็นเมืองที่ปรากฏชื่ออยู่ในศิลาจารึกของกรุงสุโขทัย และปรากฏชื่อเป็นเมืองแฝดคู่กับกรุงละโว้มาตั้งแต่ราว พ.ศ. 1700 ระบุว่าพระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นกษัตริย์อโยธยาลำดับที่ 12 (กษัตริย์เมืองอโยธยามี 19 พระองค์ ซึ่งองค์สุดท้ายคือ พระเจ้าอู่ทอง)
เนื้อหา
พงศาวดารเหนือ
เนื้อหาตำนานโดยย่อกล่าวถึงพระเจ้าสายน้ำผึ้งทรงรับพระนางสร้อยดอกหมาก พระราชธิดาพระเจ้ากรุงจีนมาเป็นพระอัครมเหสี โดยพระราชดำเนินไปที่เมืองจีนด้วยพระองค์เอง เมื่อพิสูจน์บุญญาบารมีให้เป็นที่ประจักษ์แก่พระเจ้ากรุงจีน เดินทางกลับมายังกรุงศรีอยุธยาพร้อมด้วยพระนางสร้อยดอกหมากและสำเภา 4 ลำ พระเจ้าสายน้ำผึ้งและพระนางสร้อยดอกหมากเดินทาง 15 วันจากเมืองจีนสู่อโยธยา พระเจ้าสายน้ำผึ้งเสด็จลงจากสำเภาตรงปากน้ำแม่เบี้ยมุ่งสู่พระราชวัง ทรงสั่งให้จัดตำหนักซ้ายขวา แต่ทรงไม่สะดวกมารับพระนางสร้อยดอกหมากด้วยพระองค์เอง โปรดให้เถ้าแก่ขึ้นเรือพระที่นั่งมารับพระนางเข้าพระราชวัง แต่พระนางสร้อยดอกหมากทรงมีพระประสงค์ให้พระเจ้าสายน้ำผึ้งเสด็จมารับพระนางด้วยพระองค์เอง เมื่อเถ้าแก่ไปกราบทูล พระองค์จึงตรัสหยอกเล่นว่า "มาถึงที่นี่แล้ว จะอยู่ที่นั่นก็ตามเถิด" พอตรัสเสร็จพระนางทรงกลั้นพระทัยจนสิ้นพระชนม์ มีการถวายพระเพลิงพระศพของพระนางที่แหลมบางกระจะ แล้วสร้างเป็นวัดขึ้นมีชื่อว่า "วัดพระเจ้าพระนางเชิง"
คำให้การขุนหลวงหาวัด
พระนางสร้อยดอกหมากอภิเษกสมรสกับพระเจ้าประทุมสุริยวงศ์แห่งกรุงอินทรปัตถ์ (กัมพูชา) จากคำให้การชาวกรุงเก่า ระบุว่าพระนางมีพระชนม์ชีพสืบมาจนกระทั่งมีพระราชโอรสและพระราชธิดาถวายพระเจ้าประทุมสุริยวงศ์ เนื้อหาที่ตรงกันของเอกสารสองฉบับคือ พระนางสร้อยดอกหมากกำเนิดจากจั่นหมาก
สถานที่อันเนื่องด้วยตำนาน
เนื้อหาตำนานเกี่ยวข้องกับประวัติการสร้างวัดพนัญเชิงวรวิหาร ในวัดมีรูปปั้นพระนางสร้อยดอกหมากภายในศาลเจ้าของวัด ชาวจีนเรียกกันว่า ศาลเจ้าแม่อาเนี้ย ผู้ที่มากราบไหว้ขอพรเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก บ้างก็มีความเชื่อในเรื่องของความรัก คู่ครอง และการขอบุตร โดยปกติวันงานสมโภชเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก จัดวันที่ 15 ค่ำ เดือน 12 ซึ่งตรงกับวันลอยกระทง
บริเวณตรงข้ามวัดพนัญเชิงคือ ตำบลสำเภาล่ม เล่ากันว่าในงานพระศพพระนาง ชาวจีนที่ติดตามพระนางมาจากเมืองจีนพร้อมใจกันเจาะสำเภาเพื่อตายตามพระนาง แต่ด้วยกระแสน้ำไหลเชี่ยวจึงพัดสำเภามาล่มอีกฝั่งแม่น้ำ เรียกบริเวณนั้นว่า "สำเภาล่ม"
อ้างอิง
- "ตำนานพระนางสร้อยดอกหมาก". กรมส่งเสริมวัฒนธรรม.
- โรม บุนนาค. "พระเจ้าสายน้ำผึ้ง-พระนางสร้อยดอกหมาก เรื่องเหลือเชื่อที่บันทึกไว้ในพงศาวดาร! สืบได้ถึงราชวงศ์ที่ครองกรุงอโยธยา!!". ผู้จัดการออนไลน์.
- "เจาะตำนาน วัดพนัญเชิง-ตำบลสำเภาล่ม จุดบรรจบเจ้าพระยา-ป่าสัก น้ำเชี่ยวทำเรือล่ม". ศิลปวัฒนธรรม.
- "ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก". การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.).
- ไตรเทพ ไกรงู. "ตำนานรักตำนานสร้างวัดของ..."เจ้าชายสายน้ำผึ้ง-แม่นางสร้อยดอกหมาก"". คมชัดลึก.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
tananphraecasaynaphungkbphranangsrxydxkhmak epneruxngrawnithanphunbankhxngithythiprakdxyuinphngsawdarehnux aelakhaihkarkhunhlwnghawd krmsngesrimwthnthrrmprakaskhunthaebiyntananphranangsrxydxkhmakepnmrdkphumipyyathangwthnthrrm emux ph s 2567ruppnxngkhphranangsrxydxkhmakthimilksnaepnethwrupstriaebbcin wdphnyechingwrwihar phranamkhxngphraecasaynaphungpraktxyuinrayphranamkstriyemuxngxoythya hruxmichuxetmwa xoythyasriramethphnkhr sungepnemuxngthipraktchuxxyuinsilacarukkhxngkrungsuokhthy aelapraktchuxepnemuxngaefdkhukbkrunglaowmatngaetraw ph s 1700 rabuwaphraecasaynaphungepnkstriyxoythyaladbthi 12 kstriyemuxngxoythyami 19 phraxngkh sungxngkhsudthaykhux phraecaxuthxng enuxhaphngsawdarehnux enuxhatananodyyxklawthungphraecasaynaphungthrngrbphranangsrxydxkhmak phrarachthidaphraecakrungcinmaepnphraxkhrmehsi odyphrarachdaeninipthiemuxngcindwyphraxngkhexng emuxphisucnbuyyabarmiihepnthipracksaekphraecakrungcin edinthangklbmayngkrungsrixyuthyaphrxmdwyphranangsrxydxkhmakaelasaepha 4 la phraecasaynaphungaelaphranangsrxydxkhmakedinthang 15 wncakemuxngcinsuxoythya phraecasaynaphungesdclngcaksaephatrngpaknaaemebiymungsuphrarachwng thrngsngihcdtahnksaykhwa aetthrngimsadwkmarbphranangsrxydxkhmakdwyphraxngkhexng oprdihethaaekkhuneruxphrathinngmarbphranangekhaphrarachwng aetphranangsrxydxkhmakthrngmiphraprasngkhihphraecasaynaphungesdcmarbphranangdwyphraxngkhexng emuxethaaekipkrabthul phraxngkhcungtrshyxkelnwa mathungthiniaelw caxyuthinnktamethid phxtrsesrcphranangthrngklnphrathycnsinphrachnm mikarthwayphraephlingphrasphkhxngphranangthiaehlmbangkraca aelwsrangepnwdkhunmichuxwa wdphraecaphranangeching khaihkarkhunhlwnghawd phranangsrxydxkhmakxphiesksmrskbphraecaprathumsuriywngsaehngkrungxinthrptth kmphucha cakkhaihkarchawkrungeka rabuwaphranangmiphrachnmchiphsubmacnkrathngmiphrarachoxrsaelaphrarachthidathwayphraecaprathumsuriywngs enuxhathitrngknkhxngexksarsxngchbbkhux phranangsrxydxkhmakkaenidcakcnhmaksthanthixnenuxngdwytananenuxhatananekiywkhxngkbprawtikarsrangwdphnyechingwrwihar inwdmiruppnphranangsrxydxkhmakphayinsalecakhxngwd chawcineriykknwa salecaaemxaeniy phuthimakrabihwkhxphrecaaemsrxydxkhmak bangkmikhwamechuxineruxngkhxngkhwamrk khukhrxng aelakarkhxbutr odypktiwnngansmophchecaaemsrxydxkhmak cdwnthi 15 kha eduxn 12 sungtrngkbwnlxykrathng briewntrngkhamwdphnyechingkhux tablsaephalm elaknwainnganphrasphphranang chawcinthitidtamphranangmacakemuxngcinphrxmicknecaasaephaephuxtaytamphranang aetdwykraaesnaihlechiywcungphdsaephamalmxikfngaemna eriykbriewnnnwa saephalm xangxing tananphranangsrxydxkhmak krmsngesrimwthnthrrm orm bunnakh phraecasaynaphung phranangsrxydxkhmak eruxngehluxechuxthibnthukiwinphngsawdar subidthungrachwngsthikhrxngkrungxoythya phucdkarxxniln ecaatanan wdphnyeching tablsaephalm cudbrrcbecaphraya pask naechiywthaeruxlm silpwthnthrrm salecaaemsrxydxkhmak karthxngethiywaehngpraethsithy ththth itrethph ikrngu tananrktanansrangwdkhxng ecachaysaynaphung aemnangsrxydxkhmak khmchdluk